“ผมชื่อเอเบล วินเทอร์ ชื่อเล่นว่า เดฟ อายุสามสิบสองปี อาชีพนักธุรกิจ เกิดที่เมืองชิคาโก้ แต่ไม่ได้อาศัยอยู่ที่เมืองนี้ ครอบครัวของผมก็อย่างที่คุณรู้ มีพี่ชายหนึ่งคนและน้องชายหนึ่งคน”
เอเบลแนะนำตนเองออกมาให้หญิงสาวฟังบ้าง นี่ถือเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ของมาเฟียหนุ่ม เพราะเขาไม่เคยทำแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อน “เดฟ...” อิงวราเรียกชื่อเล่นของเขาออกมาพลางยิ้มหวานให้ มาเฟียหนุ่มใจเต้นแรงตอนที่มองเห็นรอยยิ้มนี้อีกครั้ง แต่แล้วเขาก็ต้องหุบยิ้มแทบไม่ทัน “นี่ก็ดึกแล้ว อิงค์ว่าเรากลับกันเถอะค่ะ” เพราะเธอเอ่ยปากชวนเขากลับนั่นเอง เขายังรู้สึกว่าเวลาที่เขาได้ใช้กับเธอ เพิ่งจะผ่านไปไม่นานเลยด้วยซ้ำ ผ่านมานานขนาดนี้แล้วหรือเนี่ย “กลัวผู้จัดการลงโทษเหรอครับ กลับดึกนิดหน่อยเธอคงไม่ว่าหรอก อีกอย่างคุณก็ไม่ได้มาที่นี่เพื่อทำงานเสียหน่อย” เอเบลเย้าแหย่หญิงสาวตรงหน้า “การนอนดึกมันไม่ดีต่อสุขภาพน่ะค่ะ” อิงวราพยายามหลีกเลี่ยงที่จะใช้เวลากับเขาให้มากจนเกินไป เพราะถ้าถึงวันที่เธอต้องกลับประเทศไทย เธอกลัวว่าความรู้สึกที่เธอมีให้เขาจะเปลี่ยนไป “วันนี้เดตวันแรก ผมจะไม่ขัดใจคุณก็แล้วกัน แต่ถ้าวันต่อๆ ไป ต้องแล้วแต่ผมนะครับ” เอเบลต่อรอง “ตกลงค่ะ” อิงวราลังเลอยู่ชั่วอึดใจก่อนที่จะตอบออกมา “ถ้าอย่างนั้นก็...เชิญครับคุณผู้หญิง” เอเบลลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเอ่ยออกมา อิงวราจึงหยิบกระเป๋าแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้เช่นกัน ก่อนที่สองหนุ่มสาวจะเดินออกจากร้านอาหารไป เอเบลได้ทำการจ่ายค่าอาหารเอาไว้ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว ซึ่งตอนที่กำลังจะออกจากร้าน ผู้จัดการและพนักงาน ล้วนแต่มารอส่งเขากับอิงวรา หญิงสาวรู้สึกเขินอายอยู่ไม่น้อยที่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ หลังจากที่มาเฟียหนุ่มกับหญิงสาวคนพิเศษออกจากร้านไป ผู้จัดการร้านและพนักงานต่างพากันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ เพราะงานนี้ผ่านไปได้ด้วยดี ไม่มีใครทำอะไรให้มาเฟียหนุ่มหรือหญิงสาวข้างกายของเขาไม่พอใจ ภายในรถตู้คันหรู เอเบลมองหญิงสาวข้างกายอย่างไม่วางตา มุมปากหนายกขึ้นตลอดเวลา ลูกน้องคนสนิทที่ทำหน้าที่ขับรถอยู่ด้านหน้า พากันลอบมองแล้วยิ้มออกมา การกระทำของเจ้านายถือเป็นเรื่องแปลกใหม่ที่ทั้งจอร์ชและเดวิดไม่เคยเห็นมาก่อน ทำให้สองบอดี้การ์ดหนุ่มอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ “อะแฮ่ม!! พรุ่งนี้เราจะไปที่ไหนกันคะ” อิงวรากระแอมไอเบาๆ เพราะหางตาเธอเห็นแล้วว่า เขานั้นมองมาที่เธออยู่ตลอดตั้งแต่ขึ้นมานั่งบนรถ ใจของนางแบบสาวในช่วงเวลานี้นั้นเต้นแรงราวกับมีคนมาตีกลองอยู่ข้างใน “แล้วคุณมีที่ไหนที่อยากไปหรือเปล่าล่ะ” อิงวราส่ายหน้าไปมา “ถ้าอย่างนั้นเราไปทะเลกันดีไหม ไปนอนที่โรงแรมของเพื่อนสนิทผมสักสองคืน” อิงวรามาที่ชิคาโก้ในครั้งนี้ก็เป็นเพราะมาร่วมงานแต่งงานของอลินา เธอจึงไม่ได้วางแผนการว่าจะไปเที่ยวที่ไหนมาก่อน ตอนแรกที่ยังไม่เกิดเรื่องที่ต้องให้รับผิดชอบชายหนุ่มข้างๆ เธอคิดเอาไว้จะนอนเล่นอยู่ที่โรงแรมแค่นั้น เพราะตอนที่อยู่ไทยเธอก็ทำแต่งาน และได้ท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ มาพอสมควร “ไปกลับไม่ได้เหรอคะ” อิงวราถามเขาด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล เธอไม่อยากให้คนอื่นมองเธอไม่ดี แค่ออกมาเดตกับเขาวันนี้ กลับไปเธอก็ต้องไปอธิบายให้พี่ธัญญ่าผู้จัดการส่วนตัวของเธอและเจ้ลูซี่ฟังอีก หากต้องออกไปค้างข้างนอกกับเขา มีหวังทุกคนได้คิดไปไกลแน่ๆ “มันไกลน่ะครับ ต้องนั่งเครื่องบินส่วนตัวไป” เขาตอบเธอยิ้มๆ ก่อนเธอจะกลับเขาก็อยากจะทำให้เธอลืมเขาไม่ลง และต้องการที่จะพิสูจน์ความรู้สึกที่เขามีต่อเธอ ว่าเป็นความสนใจเพียงฉาบฉวย หรือเป็นเพราะเขาอยากได้เธอมาเป็นภรรยาจริงๆ “คุณสัญญาแล้วนะอิงค์ ว่าคุณจะรับผิดชอบผม” เขาทวงสัญญาออกมาอย่างหน้าตาเฉย อิงวราหมดคำจะพูด เธอถอนหายใจออกมา คงต้องจำใจไปกับเขาเพื่อให้สัญญาที่เธอรับปากกับเขาสิ้นสุดลง จะได้ไม่มีอะไรให้ติดค้างกันอีก “จะเดินทางกี่โมงล่ะคะ” “ตอนบ่ายสามก็ได้ครับ จะได้เห็นทะเลตอนพระอาทิตย์กำลังจะตกดินพอดี” เอเบลบอกหญิงสาวออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น พลางคิดไปถึงแผนการที่จะทำให้เธอประทับใจ “ถ้าอย่างนั้นอิงค์ขอตัวก่อนค่ะ เจอกันพรุ่งนี้” ประตูรถตู้ถูกเปิดออก ก่อนที่ร่างระหงจะลงจากรถไป เธอยืนส่งเขาตามมารยาท เอเบลยกมือขึ้นโบกไปมา อิงวราทำเพียงส่งยิ้มให้เขา จากนั้นเธอจึงเดินกลับเข้าไปในโรงแรม “ไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นเลยนะครับ” จอร์ชเอ่ยขึ้นมาขณะที่ขับรถออกจากบริเวณหน้าโรงแรมไป “ใช่....แตกต่างจนอยากพิสูจน์” เจ้านายหนุ่มตอบกลับมาก่อนที่เขาจะปิดเปลือกตาลง ทั้งจอร์ชและเดวิดต่างไม่เอ่ยคำใดออกมาอีก ทั้งสองหันมายิ้มให้กัน ต่างก็คิดตรงกันว่า สาวไทยคนนี้จะพิเศษกับเจ้านายของพวกเขาจริงๆเสียงดนตรีบรรเลงขึ้นมา เป็นท่วงทำนองแสนหวาน แขกที่มาร่วมงาน ต่างเฝ้ามองไปยังเวที ที่ทอดยาวไปข้างหน้า แสงไฟจากสปอตไลท์สาดส่องไปยังเจ้าบ่าวในชุดสูทสีขาว ที่เดินเข้ามาพร้อมกันกับเจ้าสาว แสนสวย ด้านหลังของทั้งคู่ ยังมีเพื่อนเจ้าบ่าว และเพื่อนเจ้าสาวเดินตามมาด้วยระหว่างทางเอเบล เหลือบมองเจ้าสาวของเขาเป็นระยะ วันนี้อิงวราในชุดเจ้าสาวแบบสากลสวยมากจริงๆ เธอทำให้เขาตกหลุมรักเธอ จนนับครั้งไม่ถ้วน จะพูดไปก็เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ เพราะต่างก็ไม่มีใครคิดว่าคำพูดของเขาในวันนั้นจะเป็นเรื่องจริงจัง แต่ในวันนี้เขากลับได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่า เขาตกหลุมรักนางแบบสาวชาวไทยตั้งแต่แรกเห็น และมีความคิดที่จะใช้ชีวิตร่วมกันกับเธอจริง ๆสองบ่าวสาวเดินไปหยุดอยู่ตรงกลางเวที พิธีการดำเนินไปอย่างชื่นมื่น พิธีกรดำเนินรายการไปตามขั้นตอน มีพิธีการตัดเค้ก และดื่มแชมเปญ เพื่อแสดงความยินดี บ่าวสาวจุมพิตกันจากนั้นวงดนตรีก็เริ่มบรรเลงเพลงรักขึ้น ทั้งเจ้าบ่าว เจ้าสาว และแขกผู้มาร่วมงานพากันจับคู่เต้นรำ อิงวราอยู่ในอ้อมแขนของเจ้าบ่าวสุดหล่อ“คุณเชื่อไหม...ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ คือภา
หลังจากอิงวราแต่งงานกับเอเบลได้ไม่ถึงหนึ่งเดือน นางศิริลักษณ์ก็ตัดสินใจละทางโลก มุ่งหน้าสู่ทางธรรม ปลงผมบวชชี ตามความตั้งใจเดิม ที่วัดป่าแห่งหนึ่งทางภาคเหนืออิงวราได้เดินทางมาส่งมารดา เธอรู้สึกตื้นตันใจ ที่ในท้ายที่สุดแล้ว มารดาก็ได้เลือกเดินไปบนเส้นทางแห่งธรรม ยอมละทิ้งทางโลก ที่มีแต่กับดักทำให้คนตกลงไปที่ผ่านมามารดาใช้ชีวิตอย่างหรูหรา ไม่ยอมรับสถานะที่เปลี่ยนไป ทำให้เกิดภาระหนี้สิน ที่สร้างความลำบากให้แก่เธอมากมายแต่อิงวราก็ไม่เคยนึกโกรธเคืองมารดาเลย ก่อนที่อิงวราจะลามารดากลับกรุงเทพฯ แม่ชีศิริลักษณ์ก็ได้อวยพรให้ลูกสาว มีความสุขในชีวิต อิงวราก้มกราบเท้ามารดา แล้วจึงออกเดินทางกลับเพื่อไปทำหน้าที่ของตนต่อผู้จัดการส่วนตัวที่มาด้วยกัน มองใบหน้าที่แสดงออกถึงความเป็นกังวลของนางแบบสาวก็พอเข้าใจ เพราะอีกไม่ถึงสองเดือน อิงวราก็ต้องเดินทางไปแต่งงานที่เมืองชิคาโก้ ประเทศสหรัฐอเมริกาแล้วและหลังจากนั้น หญิงสาวก็ต้องติดตามสามี ไปอาศัยอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย เพราะเอเบล สามีของเธอทำธุรกิจ และมีอำนาจของตระกูลอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย ทำให้อิงวราต้องติดตามเอเบลไปอาศัยอยู
“บัดนี้ขอประกาศว่า มิสเตอร์เอเบล วินเทอร์ และนางสาวอิงวรา หงส์สิริภา เป็นสามีภรรยากันอย่างสมบูรณ์ ขอพระเจ้าอวยพร”หลังจากเจ้าบ่าวเจ้าสาวสวมแหวนให้กันและกัน บาทหลวงก็ได้ประกาศสถานะ ให้แก่คนทั้งสอง จากนั้นเจ้าบ่าวจึงรั้งร่างบางของเจ้าสาว ให้เข้ามาในอ้อมแขน แล้วมอบจุมพิตอันแสนหวานให้กับเธอมีเสียงปรบมือพร้อมกับเสียงโห่แซวดังขึ้น ช่างภาพภายในงานที่มีอยู่กันหลายคน ต่างก็ไม่พลาดที่จะเก็บภาพบรรยากาศแห่งความประทับใจของเจ้าบ่าวเจ้าสาวในครั้งนี้เอาไว้หลังจากพิธีอย่างเป็นทางการเสร็จสิ้น เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ได้เชิญให้ทุกคน อยู่กินเลี้ยงร่วมกันต่อดนตรีเริ่มบรรเลงเพลงรักขึ้นมา เพื่อให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวได้เต้นรำ เพื่อนๆ พากันรุมล้อมทั้งสองเอาไว้นางศิริลักษณ์มองไปยังบุตรสาวที่กำลังเต้นรำกับชายหนุ่มที่สวมสูทสีขาวสะอาด นัยน์ตาของเธอเปล่งประกายไปด้วยความสุข และความรู้สึกปล่อยวางได้เห็นอิงวราในวันที่มีความสุขเช่นนี้ ก็ไม่มีสิ่งใดให้เธอต้องเป็นห่วงหรือกังวลใจในตัวบุตรสาวอีกแล้วนางศิริลักษณ์ดึงสายตากลับมา พูดคุยกับมาดามเอวาน่า ตอนนี้เธอกำลังนั่งร่วมโต๊ะ อยู่
สามเดือนต่อมาณ ชายทะเลแห่งหนึ่งทางภาคใต้ของประเทศไทย สถานที่แห่งนี้ถูกเนรมิต ให้กลายเป็นสถานที่จัดพิธีแต่งงาน ของทายาทมาเฟียระดับโลก อย่างลูกชายคนที่สอง ของตระกูลวินเทอร์ กับนางแบบสาวชาวไทย แขกที่ได้รับเชิญให้มาร่วมงานในวันนี้ กลับมีเพียงแค่คนสนิทของเจ้าบ่าว และเจ้าสาวเท่านั้นนั่นก็เป็นเพราะความต้องการของเจ้าสาว ที่อยากจะจัดพิธีแต่งงานเล็ก ๆ ในสถานที่ที่ถูกเจ้าบ่าวขอแต่งงาน มีคนสนิทมาร่วมเป็นสักขีพยานแต่อีกสองเดือนหลังจากนี้ พิธีฉลองมงคลสมรสที่แท้จริง จะถูกจัดขึ้นอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่ ที่เมืองชิคาโก้ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นบ้านเกิดของฝ่ายเจ้าบ่าวมิสเตอร์และมิสซิสวินเทอร์ อย่างนายลูเซียโน และมาดามเอวาน่า พร้อมด้วยครอบครัวของเอเดน และเอวาน พี่ชายคนโตของเอเบล ก็ได้มารวมตัวกันอยู่ที่นี่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตาเพื่อร่วมเป็นสักขีพยาน ให้กับทายาทคนที่สองของตระกูลวินเทอร์ ที่กำลังจะแต่งงานสร้างครอบครัวของตัวเอง“เอวาน...น้อง ๆ ก็แต่งงาน มีครอบครัวกันหมดแล้ว เราล่ะ...เมื่อไหร่จะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนอย่างเขาสักที”นายลูเซียโน เอ่ยปากถามบุตรชายค
“พระอาทิตย์ตกดินสวยจังเลยค่ะ”“ชอบไหม” อิงวราหันกลับไปมองใบหน้าหล่อเหลา“ชอบค่ะ”"ชอบผมหรือชอบทะเลกว่ากัน" เสียงทุ้มดังมาจากข้างใบหู"ก็ต้องชอบคุณมากกว่าอยู่แล้วสิคะ" เสียงหวานตอบออกมาเจือความขบขันเอเบลโน้มใบหน้าลงไป จุมพิตที่แก้มเนียนของเธอ อิงวราหลับตาพริ้ม ซึมซับความสุขที่มาเฟียหนุ่มมอบให้ ก่อนที่สองหนุ่มสาวจะยืนกอดกัน มองพระอาทิตย์ดวงโต ที่ค่อยๆ จมหายไปกับท้องทะเลหลังจากที่พระอาทิตย์ยามเย็น หายไปในท้องทะเลแล้ว แสงจากหลอดไฟบนเสาไฟสูง ที่เรียงรายอยู่ริมชายหาด ก็ถูกเปิดขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ เอเบลจูงมืออิงวรา พาเธอเดินกลับไปยังสถานที่เดิมตอนนี้สถานที่ได้ถูกจัดเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ทำให้ตอนที่ทั้งสองคนเดินไปถึง เบื้องหน้าจึงมีซุ้มดอกไม้สีขาว ผ้าสีขาวปลิวไสว รายล้อมไปด้วยไฟประดับและบนหาดทรายมีเทียนที่ถูกปักเอาไว้ เป็นคำว่า Will You Marry Me? อิงวราได้เห็นภาพเบื้องหน้าก็ใจเต้นแรง เธอหันกลับมามองแฟนหนุ่มเอเบลคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้นทราย เข่าอีกข้างหนึ่งชันขึ้น มือหนาล้วงกล่องแหวนออกมาจาก
เสียงคลื่นซัดสาดกระทบเข้าฝั่ง ดังปะปนไปกับเสียงของเพลงเบาๆ หลังจากที่เอเบลกินอิงวราจนเป็นที่พอใจ และนอนพักผ่อนเอาแรง จนพละกำลังฟื้นกลับคืนมาเต็มที่แล้ว เขาก็ได้พาหญิงสาว ออกมานั่งกินปิ้งย่างที่ริมทะเล ตามความต้องการของเธอนางแบบสาวนั่งหน้างออยู่ที่โต๊ะ แต่สุดท้ายแล้วใบหน้าสวย ก็คลี่คลายความขุ่นเคือง ที่มีอยู่บนใบหน้าลง นั่นก็เป็นเพราะกุ้งตัวใหญ่ในจานตรงหน้า ซึ่งเอเบลเป็นคนที่คอยแกะเปลือก ให้กับเธอด้วยมือของเขาเอง“กินเยอะๆ นะที่รัก ผมว่าคุณผอมเกินไปแล้ว” เอเบลเอ่ยขณะวางกุ้งเผาแกะเปลือกตัวที่สอง ลงบนจานให้กับแฟนสาว“อิงค์ผอมเหรอคะ อิงค์ว่าหลังจากที่คุณกลับไปครั้งก่อน น้ำหนักอิงค์ก็ขึ้นมาตั้งสองกิโล” อิงวราตาโต พลางถามเขาออกมาอย่างไม่อยากเชื่อเอเบลไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ทำเพียงส่งยิ้มให้กับเธอ มือหนายังคงแกะกุ้ง ที่จอร์ชกับเดวิดทำหน้าที่ย่าง ให้กับพวกเขาจนสุกแล้ว วางลงบนจานให้กับเธออย่างต่อเนื่องบอดี้การ์ดทั้งสี่ แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเอง แดนกับเพื่อนชาวไทยของเขา คอยดูแลความสงบเรียบร้อย รอบๆ บริเวณนี้ ให้แก่เจ้านายทั้งสอง&ldq