LOGINตอนที่สี่
เกี้ยวพา
เซี่ยจิ้นกว่างอดรนทนไม่ไหวจับข้อมือน้อยรวบเอาไว้แน่นแล้วข่มกลั้นอารมณ์เอ่ยเสียงลอดไรฟันออกมา
“พอแล้ว แผลอยู่ด้านหลัง”
“อ้าว...” เจียงลี่มี่รู้สึกเก้อเขินค่อยๆดึงมือออกจากการจับกุม
“ข้าทำพี่จิ้นเจ็บแผลหรือ ขอข้าดูดีหรือไม่ เผื่อช่วยทำแผลให้ใหม่” หญิงสาวยังคงเสนอตัวด้วยความหวังดี
“คุณหนูลี่มี่ พวกเราไม่ใช่เด็กอีกแล้ว เจ้าไม่ควรให้ความสนิทสนมกับชายหนุ่มเช่นนี้ ที่เจ้ากำลังทำอยู่ไม่ว่าจะเป็นการป้อนอาหารใส่ปาก การไล่เปิดสาบเสื้อชายหนุ่ม แม้แต่ที่ข้าจับมือเจ้าเมื่อครู่ เหล่านี้ล้วนไม่งาม
เจียงฮูหยินไม่เคยสั่งสอนหรือว่าเป็นสตรีในห้องหอควรสงวนท่าทีอย่างไร
เจ้ารู้หรือไม่ว่าหากมีผู้อื่นเห็นเข้าเจ้าจะถูกนินทาว่าร้ายอย่างไรบ้าง” เซี่ยจิ้นกว่างคิดว่าตนเองเป็นผู้ใหญ่กว่าในขณะที่อีกฝ่ายเพิ่งโตเป็นสาว จึงถือโอกาสสั่งสอนยืดยาว
เจียงลี่มี่หน้างอง้ำเมื่อถูกชายที่พึงใจต่อว่าในการกระทำซึ่งนับว่าให้ท่าของตนเอง
“ข้าเพียงหวังดีอยากป้อนน้ำแกงให้พี่จิ้น และห่วงบาดแผลของพี่ เหตุใดต้องใช้ถ้อยคำรุนแรงต่อว่าด้วย” น้ำตาถูกกลั่นมาคลอเบ้าพลางหยดแหมะลงอย่างพอดิบพอดี
เซี่ยจิ้นกว่างไม่คิดว่าหญิงสาวจะถึงกับน้ำตาร่วงจึงหมุนคว้างทำตัวไม่ถูก
“เอ่อ...อย่าร้องไห้เลย ข้าขอโทษที่ใช้คำพูดไม่ดี”
“พี่จิ้นเคยเรียกแทนตนเองว่าพี่ และเคยเรียกข้าว่ามีมี่ เหตุใดจึงไม่เรียกเช่นเดิม” หญิงสาวทักท้วงเสียงสั่นเครือ
ใช่แล้ว เขาคือคนแรกที่เรียกนามเดิมของนาง ก่อนที่นางและเจียงลี่อินจะสารภาพความจริงต่อกัน
นามซึ่งยืนยันว่านางไม่ใช่เจ้าของร่างตัวจริง
นามซึ่งคอยย้ำเตือนให้นางรับรู้ว่าแท้จริงแล้วตนเองคือผู้ใด
“นั่นเป็นเรื่องยามเด็กน้อย ไม่ควรนำมาอ้างเพื่อสร้างความสนิทสนมในวันนี้”
“หมายความว่าพี่จิ้นกล่าวหาว่าข้าพยายามทำตัวสนิทสนมกับพี่หรือ พี่มีผลประโยชน์อันใดกันให้ข้าต้องทำเช่นนั้น” เสียงหญิงสาวดังขึ้นด้วยความไม่พอใจ
“ไม่ใช่ เฮ้อ...”ชายหนุ่มถอนหายใจด้วยยิ่งพูด หญิงสาวยิ่งมีท่าทีเสียใจ
เขาอยากจะออกคำสั่งเฉียบขาดดั่งเช่นเหล่าทหารใต้บังคับบัญชา แต่มิอาจทำเช่นนั้นได้ด้วยหญิงสาวตรงหน้าเป็นบุตรสาวของผู้ที่นับถือเสมอดั่งอาจารย์
“เอาเป็นว่า หากอยู่กันตามลำพังสองคน พวกเราก็เรียกขานกันเช่นเดิม แต่ต่อหน้าผู้อื่นก็ควรให้เกียรติตามสมควร ดีหรือไม่” เซี่ยจิ้นกว่างตัดสินใจประนีประนอม
“ดี เช่นนั้นยามนี้พวกเราอยู่กันเพียงสองคนไม่มีสายตาผู้อื่น ข้าย่อมป้อนน้ำแกงพี่จิ้นได้ มาเร็วเข้า เดี๋ยวจะเย็นเสียก่อน”
หญิงสาวได้ทีดึงดันตักน้ำแกงจ่อเข้ากับปากโดยไม่ใส่ใจสายตาดุของแม่ทัพหนุ่ม
สุดท้ายปากหนาจึงจำต้องอ้าออกด้วยไม่อยากให้น้ำแกงหกจนวุ่นวายอีก รวมทั้งไม่อยากให้หญิงสาวซึ่งเห็นมาหลายปีต้องร้องห่มร้องไห้ต่อหน้า
เจียงลี่มี่ป้อนน้ำแกงไปยิ้มแย้มพูดคุยไปอย่างเริงร่า นางเล่าเรื่องในจวนราชครูและวีรกรรมแสบซนที่ผ่านมาให้ชายหนุ่มฟังอย่างสนุกสนาน จากนั้นจึงชวนชายหนุ่มให้เล่าเรื่องของตนเองบ้าง
“โดยรวมแล้วพี่จิ้นถูกฟันไปกี่แผลหรือ”
“รวมแผลนี้ด้วยก็สาม ส่วนใหญ่อยู่ที่ด้านหลัง มีแผลหนึ่งที่ขา”
“พวกข้าศึกชอบแทงข้างหลังใช่หรือไม่ มันน่านัก” เจียงลี่มี่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแสดงท่าทางราวจะไปฟันข้าศึกคืน
“ความจริงแผลนี้พี่ไม่ควรโดน แต่ด้วยรองแม่ทัพซุนจิวฝูกำลังพลาดพลั้ง พี่จึงขับม้าเข้าไปช่วยเป็นเหตุให้ไม่อาจป้องกันด้านหลังได้”
“หากข้าอยู่ด้วย จะแทงพวกมันให้กระเด็นตกม้าให้หมดทีเดียว” หญิงสาวยกมือขึ้นทำท่าฟันอย่างขึงขังเรียกเสียงหัวเราะดังจากแม่ทัพหนุ่มจนคนรับใช้ต่างแปลกใจ
ตอนที่สิบเจ็ด พลิกผัน ถึงตอนนี้หลี่หรันเจียวจึงเพิ่งตระหนักว่าเป็นนางที่ตามตอแยคิดเองเออเองอยู่ฝ่ายเดียวนางยอมเสียหน้าและอดทนมานานเพียงนี้จะจับได้เพียงอากาศธาตุไร้สิ่งใดตอบแทนมาสักหน่อยได้อย่างไรขณะที่หย่งจงเซียวยืนนิ่งทอดสายตาอาลัยรักส่งให้แก่ฟางถิงถิงด้วยรู้แก่ใจดีว่าหญิงสาวไม่ได้รักใคร่ตนเองอย่างเช่นคนรักเช่นกันจะยอมแพ้เพียงเท่านี้หรือจะสู้ต่ออีกหน่อยยามนี้พวกเขากลายเป็นมือสอดแทรกความสัมพันธ์ของสามีภรรยาอย่างแท้จริงแล้ว จะดื้อรั้นต่อไปเพื่อยุแยงให้พวกเขาสองคนสั่นคลอนหรือจะยอมถอยมองดูความหวานชื่นพร้อมอวยพรดั่งพระรองผู้แสนดีฟางถิงถิงลอบสังเกตสายตาของหย่งจงเซียว เมื่อเห็นเขาเศร้าสร้อยเพียงครู่เดียวแล้วกลับเปล่งประกายแรงกล้าจึงส่ายหน้าพลางคิดในใจเห็นทีพระรองผู้แสนดีจะมีแต่ในนิยาย เดิมวาดหวังพึ่งพิงเขายามต้องออกจากจวนสกุลไฉ่ แต่นางน่าจะคิดผิดเสียแล้ว เขามาเกาะแกะใกล้ชิดด้วยหวังในตัวนางอย่างเห็นแก่ตนเอง แม้จะพอมีความจริงใจแต่การที่ยังคงป้วนเปี้ยนวุ่นว
ตอนที่สิบหก มันต้องอย่างนั้น ไฉ่หานเกิงหรือจะยอมโดนต่อว่าผู้เดียว เขาวางร่างบางให้นั่งบนเก้าอี้ก่อนจะหันมาตอบผู้เป็นย่าด้วยน้ำเสียงละเหี่ยใจ“ท่านย่าบอกถิงถิงเถิด ข้าจะนอนทีไรนางก็ขึ้นคร่อมทุกครา หากข้าไม่โยกตามก็โดนกล่าวหาว่าไร้น้ำยา แล้วจะให้ข้าทำเยี่ยงไร”แม่นมลู่ถึงกับตบอกตัวเองขณะอาหลิงรีบก้มหน้าอายม้วนอยู่ด้านหลังคุณหนูของตนเองไฉ่ฮูหยินผู้เฒ่ามองใบหน้าของหลานสะใภ้ซึ่งหันขวับไปขมุบขมิบปากราวก่นด่าสามีก่อนจะส่ายหัวอย่างเอื้อเอ็นดู“เช่นนั้นก็ช่างเถอะ พวกเจ้าอายุยังน้อย บำรุงให้มากหน่อยก็ใช้ได้”ไฉ่หานเกิงทรุดลงนั่งลงอีกข้างอย่างไม่ได้น้อยใจด้วยรู้ดีว่าผู้เป็นย่าย่อมเข้าข้างฟางถิงถิงอย่างเช่นทุกคราจากนั้น ครอบครัวสกุลไฉ่จึงนั่งลงกินอาหารอย่างเบิกบานด้วยความเอร็ดอร่อย“ถิงถิงน้อย เจ้าอยากทำโรงตัดเย็บหรือ ได้ ต้องใช้ทุนเท่าใด มาเบิกกับย่าได้เต็มที่”“ถิงถิงอยากให้ลงเป็นชื่อของนางเอง” ไฉ่หานเกิงรีบบอกตามที่รับปาก
ตอนที่สิบห้า ไหวหรือไม่ “เป็นอย่างไร ผู้ใดกันแน่ที่จะจมเตียง”ฟางถิงถิงหยุดหอบหายใจแรงแต่ไม่วายเชิดหน้าท้าทายคิดจะรังแกนางหรือ ในเมื่อเสียครั้งแรกไปแล้วก็เป็นเวลาเก็บเกี่ยวความสุขสันต์จนเกินพอ“เช่นนั้นไม่ต้องใช้เตียงก็ย่อมได้”ไฉ่หานเกิงได้ยินคำท้าทายจึงพลิกร่างยืนขึ้นจับร่างเล็กหันหลังแล้วล้วงลึกเปิดช่องทางรักก่อนจะสอดแทงกระแทกก้นขาวอย่างไม่ปรานีฟางถิงถิงโยกตัวตอบโต้ไม่ยอมแพ้สร้างเสียงแห่งราคะเร่าร้อนจนดังสนั่นบ่าวไพร่ทั่วทั้งจวนสกุลไฉ่ไม่มีผู้ใดไม่ล่วงรู้ถึงกิจกรรมรักอันร้อนแรงในค่ำคืนนี้ของเจ้านายทั้งสองนั่นย่อมทำให้ยังไม่ทันรุ่งสางไฉ่ฮูหยินผู้เฒ่าและแม่นมลู่ก็ได้รับข่าวดีนี้แล้วไม่รวมถึงหย่งจงเซียวและหลี่หรันเจียวซึ่งได้รับข่าวอันนับว่าไม่ค่อยดีนี้ตั้งแต่เช้าตรู่“พวกเขาร่วมรักกันแทบทั้งคืนจนถึงป่านนี้เสียงก็ยังไม่เงียบลงขอรับ”ถ้อยคำรายงานของทหารที่ทิ้งไว้สืบข่าวข้างจวนไฉ่ทำให้หย่งจงเซียวถึงกั
ตอนที่สิบสี่ คึกคัก ไอ้เจ้าไฉ่หานเกิง กล้าวางยานอนหลับนางเชียวหรืออย่าให้หลุดไปได้เชียว แม่จะจับเตะให้วิ่งหนีหางจุกตูดไม่ทันทีเดียวฟางถิงถิงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันสบถด่าทอโวยวายไม่หยุดแต่ไฉ่หานเกิงที่มุ่งมั่นตั้งใจหรือจะหยุดยั้ง“พวกเราเป็นสามีภรรยากัน ความจริงเรื่องนี้สมควรทำตั้งแต่คืนเข้าหอแล้ว แต่เจ้าดุร้ายเกินไป ข้าจึงต้องใช้วิธีนี้”ไฉ่หานเกิงเงยหน้าขึ้นมาพูดพร้อมก้มลงขบเม้มติ่งหูเล็กก่อนจะเลื้อยไล่ผ่านซอกคอขาวมายังเนินอกเนียน“หากท่านย่ากลับมาต้องดีใจแน่ เจ้าเองก็อย่าได้เล่นตัวทั้งที่ในใจอยากให้ข้าทำเช่นนี้มาตั้งนานแล้ว”ผู้ใดบอกว่านางอยาก น่าจับไปอยู่ร่วมกับหลี่หรันเจียวนัก ขบวนการพูดเองเออเองไม่มีใครเกินสองคนนี้ฟางถิงถิงก้มลงมองตามศีรษะที่ลดต่ำลงก่อนจะเด้งร่างแอ่นอกเข้าหาริมฝีปากแดงเมื่อสัมผัสได้ถึงความวาบหวิว“อื้อ...”อย่าเลียเช่นนั้น มันเสียว เสียงพึมพำจากปากบางทำให้ไฉ่หานเกิงยกยิ้มสมใ
ตอนที่สิบสาม อย่าได้คิดฝันในเมื่อเป็นพระเอกนางเอกก็รีบแต่งกันไปเสีย นางจะได้หย่าขาดแล้วออกไปจากจวนแห่งนี้เสียที ไม่ต้องมาขับไล่หรือหาเหตุภายหลังไม่ดีหรือไร“เรื่องเมื่อกลางวันข้าอธิบายได้” ไฉ่หานเกิงเข้าใจว่าภรรยาในนามไม่พอใจจึงแกล้งส่งหลี่หรันเจียวมาก่อกวน แต่ฟางถิงถิงกลับรีบยกมือโบกปฏิเสธ“ไม่ต้อง ข้าไม่อยากรู้ ขอเพียงพวกเจ้าคุยกับท่านย่าให้เข้าใจก็พอ”“เจ้าหรือจะยอมให้หลี่หรันเจียวแต่งมาเป็นภรรยาในฐานะเท่ากัน” ไฉ่หานเกิงมีท่าทางไม่เชื่อถือเชอะ นังหลี่หรันเจียว ปากบอกว่ายอมลดตัวแต่กลับไปบอกไฉ่หานเกิงอีกอย่าง ฟางถิงถิงขบฟันด้วยความโมโหก่อนจะตอบอย่างมุ่งมั่น“ข้าไม่ยอมแน่ ดังนั้น หากอยากแต่งนางเข้ามา พวกเราก็ต้องหย่ากันเสียก่อน”ไฉ่หานเกิงได้ยินคำว่าหย่าเป็นครั้งที่เท่าใดก็สุดจะนับจึงหน้าเคร่งคิ้วขมวดตะโกนเสียงดังลั่นจวนด้วยความโกรธอย่างไม่อาจระงับ“เจ้าอยากรีบเป็นม่ายเพื่อดึงดูดให้ชายอื่น
ตอนที่สิบสอง มั่นหน้า"พี่เกิงเป็นคนมีความสามารถมิควรถูกกดขี่ให้เป็นเพียงเจ้าของร้านไม่กี่แห่ง ต้องหน้ามันตะโกนร้องเรียกลูกค้าอยู่เช่นนี้ ในเมื่อเจ้าไม่ได้รักชอบเขา อีกทั้งยังอยากคบชู้สู่ชาย มิสู้รีบหย่าแล้วแต่งกับคนที่เจ้าพึงใจจะดีกว่า”ฟางถิงถิงได้ฟังถึงกับต้องกำมือแน่นอ้าวๆๆๆ มั่นหน้าจริงนะ ตอนแรกบอกว่าจะยอมแต่งมาร่วมสามี ไปๆมาๆบอกให้นางหย่าแล้วจะยึดครองคนเดียว จบด้วยการกล่าวหาว่านางมีชู้เสียอย่างนั้นนี่มันถ้อยคำประนีประนอมหรืออยากหาเรื่องกันแน่ ชิ เริ่มต้นเสียโอ้อวดตนเอง จบท้ายกลับทับถมผู้อื่น ช่างน่าโมโหนัก ฟางถิงถิงไม่อยากถกเถียงกับคนไร้เหตุผลทั้งคิดเข้าข้างตนเองจึงตบโต๊ะดังปังจนหลี่หรันเจียวสะดุ้งโหยงลุกขึ้นอย่างเร็วแทบกระโจนหนีด้วยเกรงอีกฝ่ายจะลงไม้ลงมือ“อย่าตีข้านะ ไม่เช่นนั้นข้าจะฟ้องท่านพ่อ”ฟางถิงถิงแทบกลั้นหัวเราะความเป็นเด็กน้อยของหลี่หรันเจียวไม่ไหวแม้ใจจะอยากแสร้งตีสักหน่อยเพื่อให้นางไปฟ้องบิดาแต่ด้วยความขี้เกียจร







