공유

บทที่ 5 ดื้อด้าน

last update 최신 업데이트: 2025-02-12 15:04:32

หลังจากไปหาผู้เป็นแม่กับน้องสาว และได้พูดคุยกันเรียบร้อยแล้วเมษาก็เดินทางกลับมายังบ้านวณิชกาญจนโชติอีกครั้งตามคำสั่งของสาริกา

"เฮ้อ..สู้ ๆ เมย์" 

เธอพ่นลมหายใจหนัก ๆ ออกมาพร้อมกับบ่นพึมพำให้กำลังใจตัวเองครั้นรถมาจอดลงยังบ้านวณิชกาญจนโชติ ก่อนจะพาตัวลงจากรถเดินเข้าไปภายในบ้าน

ทว่าเธอก็ต้องชะงักเท้าดังกึกเมื่อเดินมาถึงห้องโถงแล้วเจอเข้ากับเจ้านายที่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับ ยังมีสาริกานั่งอยู่ที่โซฟาอีกตัวดูเหมือนสถานการณ์ระหว่างแม่ลูกจะอึมครึมไม่น้อย

เธออยากจะถอยหลังกลับแต่ก็ทำไม่ได้เพราะตอนนี้ทั้งสาริกา และเจ้านายต่างมองมายังเธอเป็นตาเดียวกัน

แน่นอนว่าคนถูกจ้องอย่างเธอแทบอยากจะหายไปจากตรงนี้ ยิ่งได้เห็นสายตาของชายหนุ่มที่จับจ้องเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อยิ่งรู้สึกตัวหลีบ ลมหายใจติด ๆ ขัด ๆ หัวใจกระหน่ำเต้นแทบจะทะลุออกมานอกอก

อ่า..ให้ตายสิเธอไม่ชอบความรู้สึก และสถานการณ์แบบนี้เลยได้แต่วิงวอนในใจขอให้ใครก็ได้มาช่วยพาเธอออกไปจากตรงนี้ที

"กลับมาแล้วเหรอหนูลียา" 

แต่เหมือนคำขอของเธอจะไม่เป็นผลเมื่อเสียงของสาริกาดังขึ้น

"ค่ะคุณป้า" เธอทำได้แค่เก็บความรู้สึกมากมายเอาไว้ฝืนระบายยิ้มตอบเสียงอ่อนเสียงหวานพร้อมกับก้าวเดินไปหย่อนก้นนั่งบนโซฟาตัวที่ว่างอยู่ท่ามกลางสายตาดุดันของชายหนุ่ม

ขณะที่สาริกาไม่ยอมพลาดโอกาสเล่นละครต่อหน้าบุตรชายทันทีโดยการให้เมษาเรียกตนเองว่าแม่จงใจตอกย้ำบุตรชาย "มาปงมาป้าอะไรกัน บอกแล้วใช่ไหมว่าให้เรียกแม่เพราะอีกไม่นานหนูก็จะมาเป็นลูกสะใภ้แม่แล้ว"

"ค่ะคุณแม่" ถึงแม้จะกระดากปาก และเกรงสายตาแสนดุดันของชายหนุ่มมากแค่ไหน เมษาก็จำใจต้องเล่นไปตามน้ำเอ่ยเรียกสาริกาว่าแม่เสียงอ่อนเสียงหวานพร้อมกับส่งยิ้มให้อย่างอาย ๆ 

"หึ" คนถูกมัดมือชกอย่างเจ้านายถึงกับเค้นหัวเราะออกมากับท่าทางที่หญิงสาวแสดง ทำไมเขาถึงได้มองว่าเธอมารยา และแสแสร้งแกล้งทำก็ไม่รู้มันดูน่าสมเพชมากกว่าน่ารักเสียอีก

ไม่รู้ว่าแม่ของเขาใช้ตาไหนดูว่าผู้หญิงนี้ดีเพราะหากดีจริงเธอคงยอมยกเลิกสัญญาบ้าบอในวัยเด็กนั่นไปแล้วเมื่อรู้ว่าเขามีคนรัก หนำซ้ำเขายังประกาศไปชัดเจนว่าไม่ต้องการแต่งงานกับเธอ 

แทนที่เธอจะยอมล้มเลิกการหมั้นกลับหอบผ้าหอบผ่อนเข้ามาอยู่ในบ้านเขาหน้าตาเฉย แบบนี้หรือเรียกว่าผู้หญิงที่ดี

"ถ้าแม่อยากได้ผู้หญิงคนนี้มาเป็นลูกสะใภ้นักก็แต่งงานเองสิครับผมไม่แต่งเด็ดขาด ผมยืนยันไว้ตรงนี้เลยว่าผู้หญิงคนเดียวที่ผมจะแต่งงานด้วยคือส้มเท่านั้น" 

เขาหยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะประกาศเสียงกร้าว สายตาจ้องมองผู้หญิงน่าไม่อายเขม็งแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่พอใจเธอเป็นอย่างมาก 

"แม่ก็ยังยืนยันคำเดิมเหมือนกันว่าคนเดียวที่แม่จะรับเป็นลูกสะใภ้คือหนูลียาเท่านั้น" สาริกาก็ไม่ยอมเช่นกันสวนกลับบุตรชายทันควัน 

"ผมผิดหวังในตัวแม่จริง ๆ ทำไมแม่ถึงได้ใจแคบแบบนี้" 

เจ้านายได้แต่ส่ายศีรษะไปมามองหน้าผู้เป็นแม่ด้วยความผิดหวัง เขาผิดหวังมากจริง ๆ ไม่คิดเลยท่านจะใจแคบได้ถึงขนาดนี้

ก็แค่คนรักของเขาเคยแต่งงานมีครอบครัวมา แต่ทำไมท่านทำเหมือนกับว่าคนรักของเขาไปฆ่าใครตายอย่างนั้นถึงยอมรับไม่ได้

"อย่ามามองแม่ด้วยสายตาแบบนั้น แม่กำลังเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับแกนะเจ้านาย" 

"ผมไม่ได้ต้องการสิ่งที่ดีที่สุด แต่ผมแค่ต้องการได้อยู่กับคนที่ผมรัก แม่เข้าใจไหมครับ"

"ไม่รู้แหละยังไงลูกก็ต้องเลิกกับผู้หญิงคนนั้น แล้วมาแต่งงานกับหนูลียา" 

"ผมไม่แต่ง"

"แกต้องแต่งกับหนูลียานี่เป็นคำสั่งจากแม่" 

"ผมโตแล้วผมควรมีสิทธิ์เลือก และตัดสินใจเองไม่ใช่ให้แม่มาคอยออกคำสั่ง" 

"ที่ผ่านมาแม่ไม่เคยบังคับอะไรแกเลย แต่เรื่องนี้แม่ขอ"

"ผมให้ไม่ได้ครับ"

เจ้านายทะเลาะกับผู้เป็นแม่หนักขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดเขาก็เลือกจะเดินหนีขึ้นห้องเพราะต่อให้เขาพูดอะไรไปก็คงเปลี่ยนความคิดท่านไม่ได้มีแต่จะทะเละกันหนักกว่าเดิม 

ขณะที่เมษานั่นได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดเธอไม่แม้แต่จะกล้าหายใจแรง ๆ พอชายหนุ่มเดินหนีขึ้นห้องไปนั่นแหละเธอจึงได้หายใจคล่องขึ้นมาหน่อย

"เห็นไหมเมษาเห็นไหมว่าลูกชายฉันมันดื้อแค่ไหน ฉันอยากจะบ้าตายกับเจ้าลูกคนนี้จริง  ๆ" 

ทว่าไม่ทันถึงเสี้ยวนาทีเธอก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อสาริกาหันมาโวยวายใส่เธอเสียงดังลั่น หน้าพร้อมจะกินหัวเธอได้ทุกเมื่อราวกับว่าเธอเป็นคนผิดยังไงยังงั้น 

พอไปลงที่บุตรชายไม่ได้ก็เลยมาลงที่เธอแทนอย่างนั้นสินะ แล้วคนอย่างเธอมันก็ไม่มีสิทธิ์ตอบโต้ด้วยสิทำได้แค่มองหน้าสาริกาตาปริบ ๆ ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา "ค่ะ"

"เธอนี่ก็ดีแต่พูดคำว่าค่ะอย่างเดียว" สาริกาที่อยู่ในอาการโมโหยิ่งพานหงุดหงิดเข้าไปใหญ่กับท่าทางของเด็กสาวที่ยืนทำหน้าซื่อตาใสไม่รู้เรื่องรู้ราว หรือเป็นทุกข์ร้อนอะไรเลย

บางทีเด็กสาวก็ซื่อบื้อเกินไปจริง ๆ เธอล่ะชักเหนื่อยใจ 

"จะไปไหนก็ไป ๆ" เลือกจะไล่ตะเพิดเด็กสาวให้ออกไปพ้นสายตาก่อนที่ตัวเองจะอารมณ์เสียไปมากกว่านี้ 

เมษาพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายจากนั้นก็รีบเดินตรงดิ่งขึ้นไปยังห้องพักของตัวเองเพราะเธอก็ไม่ได้อย่างอยู่ใกล้นางยักษ์อย่างสาริกาเท่าไรนัก

"คุณ!" 

เมื่อเข้ามาในห้องเธอก็ต้องใจหล่นลงสู่ตาตุ่มอกสั่นขวัญหายด้วยความตกใจเพราะมีแขกไม่ได้รับเชิญนั่งอยู่ปลายเตียงนั่นก็คือเจ้านาย 

คิ้วสวยขมวดเป็นปมด้วยความสงสัยพร้อมกับคำถามที่ผุดขึ้นในสมองว่าชายหนุ่มเข้ามาในห้องเธอได้ยังไงกัน 

แต่พอนึกอีกทีเธอไม่ได้ล็อคห้องก่อนออกไปก็ไม่แปลกที่เขาจะเข้ามาได้ หากจะแปลกก็แปลกตรงที่เขาเข้ามาในห้องเธอทำไมกัน

สัญชาตญาณมันบอกว่าการปรากฏของเขาคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ ดูจากสีหน้าบึ้งตึง และสายตาของเขาที่จ้องมองเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อนั้นทำเอาเธอรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ลำคอแห้งผากจนต้องลอบกลืนน้ำลายลงคอดังอึก 

มือทั้งสองกำแน่นพยายามไม่แสดงอาการใด ๆ ให้เขาเห็น ก่อนรวบรวมความกล้าเปล่งเสียงถามไป "คุณเข้ามาในห้องฉันมีอะไรรึเปล่าคะ"

"กล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำนะว่านี่เป็นห้องเธอ" 

เจ้านายเค้นหัวเราะในลำคอพลางสาดสายตาคมกริบมองร่างบางตรงหน้าอย่างเย้ยหยันนึกขันในความมั่นหน้าของเธอที่กล้าพูดได้อย่างไม่อายปากว่านี่เป็นห้องของตัวเองทั้งที่เป็นแค่ผู้อาศัยแท้ ๆ 

ขณะที่เมษาถึงกับสะอึกกับคำพูดทิ่มแทงของฝ่ายตรงข้าม แต่กระนั้นก็ยังพยายามปั้นหน้ายิ้มออกมาทำเหมือนไม่รู้สึกอะไร ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ 

"ค่ะ ก็อีกไม่นานฉันจะมาเป็นส่วนหนึ่งของคนในบ้านหลังนี้แล้วนิคะ"

"เธอฝันอยู่เหรอ ที่ฉันมาหาเธอเพราะต้องการคุยให้รู้เรื่อง" เจ้านายไม่คิดจะตอบกลับให้เสียเวลาอีกแม้จะรู้สึกไม่พอใจมากก็ตามเลือกจะพูดจุดประสงค์ที่เข้ามาหาหญิงสาวในห้องแทนเพราะต้องการให้เรื่องบ้า ๆ นี่จบลงสักที

"ฉันมีคนรักอยู่แล้ว และเรามีแพลนจะแต่งงานกันในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เธอเลิกคิดเลิกหวังว่าฉันจะยอมแต่งงานกับเธอตามที่ผู้ใหญ่สั่ง ฉันขอประกาศไว้ตรงนี้เลยว่าฉันจะไม่มีวันแต่งงานกับเธอเด็ดขาด เพราะฉะนั้นเธอควรเก็บข้าวของออกไปจากบ้านฉันซะ"

"ขอโทษนะคะ ฉันคงทำตามที่คุณบอกไม่ได้เพราะเรื่องนี้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายคุยทุกอย่างกันไว้เรียบร้อยแล้ว" 

เมษาต้องฝืนกลืนเลือดลงคอเอ่ยประโยคที่เธอไม่ได้อยากจะเอ่ยออกไป พูดโกหกคำโตยกพวกผู้ใหญ่มาอ้างทั้งที่ไม่รู้อะไรเลยด้วยซ้ำเพื่อหาข้ออ้างให้กับตัวเอง

"ฉันว่ามันอยู่ที่ตัวเธอมากกว่า ถ้าเธอยืนยันหัวเด็ดตีนขาดว่าไม่ยอมพวกผู้ใหญ่ก็มาบังคับไม่ได้หรอก" 

เจ้านายเค้นหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยันกับคำพูดที่ฟังดูสวยของหญิงสาว แต่เขาไม่ได้เชื่อคำพูดของเธอสักนิด เขาคงไม่ผิดหากจะคิดว่าหญิงสาวอยากแต่งงานกับเขาถึงได้ยอมให้ผู้ใหญ่จูงจมูกง่าย ๆ 

เขาหยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะย่างสามขุมเข้าหาร่างบางที่ยืนอยู่เบื้องหน้าพลางเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงดุดัน สายตาจ้องมองดวงหน้าเรียวเขม็ง 

"ไม่ใช่ว่าเธออยากแต่งงานกับฉันจนตัวสั่นเหรอ ถึงได้ยอมหอบผ้าหอบผ่อนมาอยู่บ้านหลังนี้ทั้งที่รู้เต็มอกว่าฉันมีคนรักอยู่แล้ว" 

"..." 

เมษาได้แต่เม้มปากแน่นเพราะคิดคำเถียงไม่ออกหากจะปฏิเสธไปมันก็ดูสวนทางกับการกระทำดั่งที่ชายหนุ่มกล่าวมาว่าถ้าเธอไม่ได้อยากแต่งงานกับเขาทำไมถึงยังดื้อด้านอยู่ตรงนี้ถึงแม้ว้าเธอจะไม่ใช่ลียาตัวจริงก็ตาม 

ด้วยคำว่างานทำให้เธอไม่สามารถตอบ หรือทำอะไรได้ตามใจชอบ

เท้าเล็กค่อย ๆ ขยับถอยหลังช้า ๆ ครั้นอีกคนย่างสามขุมเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ สายตาจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาด้วยความหวาดระแวงนึกกลัวว่าเขาจะทำอะไรแพลง ๆ ถึงได้เดินดุ่ม ๆ มาหาเธอแบบนี้

หัวใจดวงน้อยพลันหล่นวูบลงสู่ตาตุ่มอีกครั้งวินาทีที่แผ่นหลังชนเข้ากับผนังแข็ง ๆ บ่งบอกให้รู้ว่าเธอไม่สามารถถอยได้อีก 

ขณะที่อีกคนก็ยังเดินดุ่ม ๆ เข้าหาเธอโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดสักนิด และตอนนี้เขาก็มายืนประจันหน้ากับเธอเรียบร้อยแล้ว

ระยะห่างระหว่างเธอกับเขาเหลือไม่ถึงช่วงแขนจนได้กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ จากตัวของเขาลอยมาแตะจมูก

หัวใจดวงน้อย ๆ ของเธอกระหน่ำเต้นอย่างแรงเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอใกล้ชิดผู้ชายขนาดนี้ ไหนจะความรู้สึกอื่น ๆ ที่แทรกซึมเข้ามาทั้งรู้สึกกังวล กลัว ระแวงมันผสมปนเปกันมั่วไปหมด 

หากอยู่ในสการณ์นี้ต่อไปมีหวังเธอได้เผลอแสดงพิรุธออกไปแน่ เสี้ยวนาทีนั้นจึงตัดสินใจพาตัวถอยออกทางด้านข้างหวังออกห่างร่างสูงที่ยืนจังก้าอยู่ตรงหน้า

"อ๊ะ!" 

ทว่าขยับเท้าได้นิดเดียวเท่านั้นเธอก็ต้องสะดุ้งเฮือก ร่างกายพลันแข็งทื่อราวกับถูกสาปเมื่ออีกคนใช้มือทั้งสองยันบนผนังดังปึกกักขังเธอไว้ในวงแขนไม่ให้หนีไปไหนได้ 

ลอบกลืนน้ำลายลงคอดังอึก ก่อนค่อย ๆ แหงนขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ พยายามข่มใจให้นิ่งเปล่งเสียงถามออกไป ขณะที่มือก็ยกขึ้นดันอกแกร่งแล้วออกแรงผลัก "คุณต้องการอะไร"

"ต้องการให้เธอออกไปจากบ้านฉัน ออกไปจากชีวิตของฉันไง" 

เจ้านายก้มลงมองสบสายตาของคนตัวเล็กที่ความสูงอยู่แค่ไหล่ของเขาด้วยแววตาดุดัน เมษาก็จ้องตาเขากลับแม้ในใจหวาดหวั่นไม่น้อย ก่อนจะเอ่ยประโยคที่เธอไม่อยากเอ่ยออกไปด้วยความจำใจ 

"ฉันคงทำตามความต้องการของคุณไม่ได้ ยังไงเราสองคนก็ต้องแต่งงานกัน ฉันว่าทางที่ดีคุณไปเลิกกับแฟนของคุณแล้วมาแต่งงานกับฉันดีกว่าไหมคะ เรื่องมันจะได้จบ ๆ" 

"เธอนี่มันดื้อด้านจนเกินเยียวยาจริง ๆ อยากอยู่บ้านนี้ก็อยู่ไป แต่อย่าหวังว่าจะได้แต่งงานกับฉัน และอย่าคิดทำอะไรที่ทำให้คนรักของฉันเข้าใจผิดเพราะไม่อย่างนั้นฉันจะจัดการกับเธอแน่นอน" 

เจ้านายหมดคำจะพูดกับผู้หญิงตรงหน้าแล้วจริง ๆ ได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างสมเพช ก่อนจะพูดขู่ทิ้งท้ายแล้วเดินออกจากห้องไป

เขาไม่ได้อยากใกล้ชิดผู้หญิงอย่างลียาเท่าไรนัก

"เฮ้อ.." เมษาถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งออกครั้นอีกคนจากไป นึกว่าจะโดนเขาเขมือบหัวเอาเสียแล้ว 

เธอเดินไปล็อกประตูด้วยความเร็ว กลัวว่าอีกคนจะย้อนกลับมา จากนั้นก็เดินไปทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาปลายเตียง ยกมือขึ้นกายหน้าผากอย่างคิดไม่ตก

ชายหนุ่มขู่ฝ่อมาขนาดนั้นแล้วเธอจะกล้าทำอะไรกัน แต่หากไม่ทำอะไรสักอย่างงานก็คงไม่จบง่าย ๆ 

เธออยากจะบ้าตายจริง ๆ ทำไมต้องมาพบเจอเรื่องน่าปวดหัวแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้..

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • แพ้รักคู่หมั้นสวมรอย   The end

    “อ๊ะ!” เมษาหลับตาพริ้มเมื่อแก่นกายหนาค่อย ๆ สอดใส่ผ่านปากทางรัก ฝากฝังความเป็นชายของเขาเข้ามาถึงครึ่งลำอย่างรวดเร็วจากหยาดน้ำหวานเปียกชื้นที่ทำหน้าที่แทนสารหล่อลื่นลำกายหนาชำแรกผ่านม่านความเจ็บปวดที่ตอดรัดเขาอย่างบ้าคลั่ง เพียงไม่กี่วินาทีขนาดอันใหญ่โตก็ถูกโอบอุ้มด้วยความอบอุ่นจากร่างกายของหญิงสาวที่ตอนนี้ตัวสั่นเกร็งอย่างห้ามไม่อยู่“ฮึก..” เมษากัดริมฝีปาก ใบหน้าหวานเชิดขึ้นสูงเมื่อคนตัวโตทิ้งน้ำหนักลงจนร่างกายเบียดแนบกันไร้ช่องว่าง“เจ็บไหมคะ?” เจ้านายกระซิบถามเสียงต่ำขณะโน้มตัวลงจูบซับไปตามใบหน้าเรียว“เจ็บนิดหน่อยค่ะ..แต่ทนไหว” หญิงสาวตอบเสียงอ้อนอาจเป็นเพราะห่างหายมานาน และขนาดที่ใหญ่โตของชายหนุ่มเลยทำให้รู้สึกเจ็บน้อย ๆ ทว่าแม้จะเจ็บแต่เธอก็ไม่อยากให้เขาแยกจากเลยแม้แต่วินาทีเดียว สองมือเรียวจิกผ้าปูที่นอนระบายความเจ็บที่เคล้าระคนไปกับความเสียวซ่านจนแทบจะแยกไม่ออก เสียงลมหายใจหนัก ๆ ที่ข้างใบหูทำให้เลือดในกายของเธอสูบฉีด ในที่สุดเธอก็ปรับตัวได้ “พี่จะขยับแล้วนะ” เจ้านายกระซิบ สอดผสานฝ่ามือของเขาและเธอเข้าด้วยกัน กดลงที่เหนือศีรษะเล็กแล้วเริ่มขยับ ในจังหวะแรกเนิบนาบและมั่นคง

  • แพ้รักคู่หมั้นสวมรอย   บทที่ 90 รักนะ

    @โรงแรมภายในห้องทรงสี่เหลี่ยมที่ถูกเปิดไฟดาวน์ไลท์หน้าห้องน้ำเอาไว้ ให้ความสว่างเพียงสลัว ๆ เท่านั้น กลิ่นอโรม่าลอยจาง ๆ ในอากาศทำให้บรรยากาศโรแมนติกไม่น้อย เดินมาถึงห้องนอนเมษาก็อดหัวใจเต้นแรงไม่ได้เมื่อเห็นบนเตียงนอนสีขาวที่โรยด้วยกลีบกุหลาบสีแดงเป็นรูปหัวใจตรงกลางถูกโรยเป็นตัวอักษรคำว่า 'พี่นายรักน้องเมย์'ตรงปลายเตียงมีผ้าขนหนูที่ถูกทำเป็นรูปหงส์สองตัวหันหน้าเข้าหากันมันเหมือนเตียงสำหรับคู่บ่าวสาวชัด ๆ สมองพานก่อเกิดภาพแสนลามกขึ้นมา"ชอบไหมครับ" เธอสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกคนตัวโตสอดแขนเข้ามาโอบกอดเอวคอดจากด้านหลังพร้อมกับน้ำเสียงสุดเซ็กซี่ที่ดังชิดกกหูตามมาด้วยลมหายใจร้อนผะผ่าวทำขนกายเธอลุกซู่ ในท้องรู้สึกปั่นป่วนแปลก ๆ"ชอบค่ะ เหมือนเตียงในเรือนหอบ่าวสาวเลย" ใบหน้าเรียวที่เคลือบด้วยรอยยิ้มแสนหวานเอียงขึ้นมองสบสายตาร่างสูงด้านหลัง"งั้นเรามาเข้าหอกันไหมครับ" ได้ทีเจ้านายก็ชวนทำเรื่องอย่างว่าทั้งที่สัญญาดิบดีว่าแค่นอนกอดเฉย ๆ เอาจริง ๆ ที่พูดแบบนั้นเขาก็แค่หลอล่อคนตัวเล็กเขาของขาดมาตั้งไม่รู้กี่เดือนจะให้ทนไหวได้อย่างไรกัน แน่นอนว่าเมษาเองรู้ทันคนตัวโตอย่างที่รู้ ๆ กันดีทั้งเธอแล

  • แพ้รักคู่หมั้นสวมรอย   บทที่ 89 คืนดี

    หลังจากคืนดีกันสิ่งแรกที่เจ้านายทำคือพาหญิงสาวไปเดท เขาเลือกร้านอาหารที่เป็นร้านโปรดของเธอ เขาอยากให้เธอประทับใจที่สุดกับการกลับมาเริ่มต้นใหม่เพราะที่ผ่านมาการเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาไม่ดีเท่าไรนัก ไม่ใช่สิต้องเรียกว่าไม่ดีมาก ๆ..แต่นี่สินะที่คนโบร่ำโบราณกล่าวไว้ว่าเกลียดสิ่งไหนมักได้สิ่งนั้นวันนี้เขากล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำว่ารักผู้หญิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามสุดหัวใจ รักแบบไม่คิดว่าจะรักได้มากขนาดนี้"อย่ามองแบบนี้สิคะ เมย์เขินนะ" เมษาที่ถูกชายหนุ่มจ้องมองแทบจะกลืนกินถึงกับหน้าแดงระเรื่อออกอาการเขินจนเก็บไม่อยู่ บ่อยครั้งที่ถูกเขามองด้วยสายตาแบบนี้แต่อย่างที่บอกว่าเธอก็ไม่เคยต้านทานมันได้สักทียิ่งหลังจากกลับมาคืนดีกันเขาก็ใช้สายตาแบบนี้แทบทุกวันแทบทุกเวลาที่อยู่ด้วยกัน แค่นั้นไม่พอเขายังติดสกินชิพเธอชนิดที่ว่าเหมือนกาวตราช้างก็ไม่ปราน วันแรกที่ตกลงคืนดีกันเขาก็ไปแสดงตัวว่าเป็นแฟนเธอที่มหาวิทยาลัยโดยเฉพาะกับเพื่อนร่วมห้องที่แอบชอบเธอกะว่าจะไม่ให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้เธอเลยสิ แต่บอกตามตรงว่าแทนที่จะไม่พอใจเธอกับรู้สึกดีด้วยซ้ำที่เขาแสดงความหึงหวงออกมา และกล้าจะเป

  • แพ้รักคู่หมั้นสวมรอย   บทที่ 88 ให้โอกาส

    วันต่อมา.."อรุณสวัสดิ์ครับน้องเมย์"เสียงทักทายดังขึ้นเหนือศีรษะทำเมษาที่กำลังลืมตาตื่นถึงกับตาเบิกโพลงอาการง่วงหายเป็นปลิดทิ้ง เธอดีดตัวลุกขี้นนั่งอัตโนมัติเมื่อเงยขึ้นเห็นคนตัวโตนั่งพิงหัวเตียง และกำลังจับจ้องมาที่เธอ สองคิ้วสวยขมวดมุ่นจำได้ว่าเมื่อคืนเธอนั่งทำรายงานจนดึกจึงเข้านอน โดยตอนที่เธอเข้านอนชายหนุ่มยังฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะ แต่ไหง่เช้านี้ตื่นมาเขาถึงอยู่บนเตียงได้ แล้วเขาขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร"คุณขึ้นมาบนเตียงตั้งแต่เมื่อไร" ไม่ปล่อยให้ตัวเองสงสัยเปล่งเสียงถามตรง ๆ "ราวตีสองได้แล้วครับ นอนตรงนั้นแล้วปวดเมื่อยไปทั้งตัวพี่เลยมานอนบนเตียง" เจ้านายเอ่ยเสียงอ่อนพลางส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้หญิงสาวด้วยกลัวว่าเธอจะโกรธ ที่เขาพูดไปไม่ใช่คำแก้ตัว แต่รู้สึกปวดหลังปวดขาจริง ๆ จึงมานอนที่เตียงกับเธออย่างถือวิสาสะใบหน้าแสดงออกอย่างชัดเจนว่ากลัวเธอโกรธ ทว่าเมษากลับแอบอมยิ้ม ในสายตาเขาเธอดุมากเลยหรือถึงให้ออกอาการขนาดนี้ เจ้านายคนใจร้ายหายไปไหนเสียแล้ว เธออยากจะหัวเราะออกมา แต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้"ฉันเข้าใจ คนแก่ก็แบบนี้แหละปวดหลังปวดนู่นปวดนี่ป็นธรรมดาจะไม่ถือโทษแล้วกัน" เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

  • แพ้รักคู่หมั้นสวมรอย   บทที่ 87 ส่วนลึกในใจ

    "ซี๊ดด.."เจ้านายซูดปากออกมาเบา ๆ ในตอนที่กำลังหยัดกายลุกขึ้นยืน มือกอบกุมหน้าท้องแกร่งเอาไว้ ใบหน้าเหยเกคล้ายคนกำลังเจ็บปวด เมษาเห็นก็อดสงสัยไม่ได้ "คุณเป็นอะไร""พี่รู้สึกปวดท้องนิดหน่อยครับ"พอฟังคำตอบเธอก็เดาได้ทันทีว่าที่ชายหนุ่มปวดท้องน่าจะเพราะทานอาหารที่เธอทำมากเกินไป สิ่งที่แอบกังวลก็เป็นจริงถึงเธอจะตั้งใจแกล้ง แต่ก็ไม่ได้อยากให้เขาถึงขั้นเจ็บตัว"ไปหาหมอไหม" ถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ทว่าคนตัวโตกลับส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกับเดินกอบกุมท้องออกไปยังห้องโถงเดินมาหย่อนก้นนั่งที่โซฟาโดยมีเมษาเดินตามมาติด ๆ ด้วยรู้สึกเป็นห่วงต่อให้เขาบอกว่าปวดท้องนิดหน่อยก็ตาม"แน่ใจจริง ๆ นะว่าจะไม่ไปหาหมอ" เดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งข้าง ๆ แล้วถามย้ำอีกครั้ง "ฉันว่าไปหาหมอดีกว่า"ใบหน้าเรียวและดวงตากลมแสดงออกถึงความเป็นห่วงเป็นใยอย่างปิดไม่มิดเจ้านายเห็นก็แอบหัวใจพองโตถือว่าที่เขาทนทานอาหารรสชาติแย่จนเกลี้ยงไม่เสียเปล่าอย่างน้อยก็ทำให้เห็นว่าหญิงสาวยังมีความรู้สึกต่อเขาไม่มากก็น้อยไม่อย่างนั้นคงไม่มีท่าทีเป็นห่วงแบบนี้"แน่ใจครับ ไม่ได้เจ็บมากเดี๋ยวก็คงหายไปเอง" เขาระบายยิ้มออกมาบาง ๆ สายตาจ้องมองใ

  • แพ้รักคู่หมั้นสวมรอย   บทที่ 86 ค่าดอกไม้2

    เจ้านายเดินไปหย่อนก้นนั่งที่โซฟาในห้องโถง ขณะที่เมษาเดินขึ้นไปยังห้องนอนเพื่อเอาของไว้ แล้วลงมายังชั้นล่างอีกครั้ง"ฉันจะไปทำกับข้าว คุณนั่งรอก่อน" บอกกล่าวกับร่างสูงที่นั่งบนโซฟาแล้วเดินเข้าไปในครัว แต่เมื่อมาถึงเธอกลับบอกให้แม่บ้านทำเมนูต่างให้ สวนปรุงรสเธอจะเป็นคนปรุงเองสั่งเสร็จก็นั่งบนเก้าอี้แถวนั้นรอแม่บ้านทำอาหาร แม่บ้านห้าคนเร่งทำเมนูอาหารที่หญิงสาวสั่งพัลวัน ใช้เวลาราวยี่สิบนาทีก็เสร็จเหลือเพียงให้คนเป็นเจ้านายมาปรุงรส"มาปรุงรสได้เลยค่ะคุณหนู" แม่บ้านคนหนึ่งบอกกล่าว เมษาจึงลุกเดินไปยื่นหน้าเตาที่วางเรียงกันสี่อัน ก่อนจะยื่นมือไปหยิบขวดน้ำส้มสายชูมาบีบใส่ผัดผักรวมในกระทะ ตามด้วยหม้อแกงอีกสามหม้อ จากนั้นก็หยิบขวดเกลือมาเปิดฝาเหยาะใส่ต่อสร้างความงุนงงให้เหล่าแม่บ้านที่ยืนมองอยู่ด้านหลังไม่น้อย ต่างพากันมองหน้าไปมาเพราะจะทักท้วงก็ไม่กล้าเมษยกยิ้มร้ายมุมปากพลางไล่สายตามองกับข้าวบนเตา เธอใช้แค่น้ำส้มสายชูกับเกลือปรุงรสด้วยนึกหมั่นไส้คนตัวโตจึงอยากแกล้งเขา ดูสิยังจะบอกว่าได้ทานข้าวกับคนที่รักอร่อยอยู่ไหม"เสร็จแล้วจัดโต๊ะได้เลยนะคะ แล้วก็ทอดไข่เจียวให้เมย์สักสองฟองด้วยนะคะ" เธอ

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status