Share

แผนทวงคืน 1.1

last update Last Updated: 2025-01-05 09:15:14

พระตำหนักจินไท่ (ตำหนักที่ประทับฉินรุ่ยกง)

 “ปัง!” เสียงพระหัตถ์กระทบลงบนโต๊ะตรงพระพักตร์ด้วยความพิโรธอย่างยิ่งยวด

 “บัดซบสิ้นดี! ข้าไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว เจ้าอิ๋งหยางเจาะจงมาปรากฏตัวในวันนี้ ตั้งใจหักหน้าข้าชัดๆ” สุรเสียงรับสั่งเกรี้ยวกราด 

พระพักตร์สั่นระริกอยู่ตลอดเวลา ก่อนจะเงยขึ้นทอดพระเนตรพระอนุชาซึ่งนั่งอยู่บนตั่งที่ประทับตรงข้ามกับพระองค์

 “เป็นไงล่ะ! เจ้าแผนการมากไม่ใช่เหรอ ผลงานออกมาให้เห็นแล้ววันนี้ อิ๋งหยางไม่เป็นอะไรเลย! อาการจวนเจียนใกล้ตายหาปรากฏให้เห็น ตรงกันข้าม ข้า! รวมไปถึงพวกเจ้าทุกคนที่จะพากันตาย!” รับสั่งถามพระอนุชากลับไป

 ในขณะที่องค์ชายสามทรงครุ่นคิดอย่างหนักว่าเหตุใดแผนลอบสังหารจึงพังไม่เป็นท่าเช่นนี้ ครั้นทรงได้ยินพระเชษฐารับสั่งถามด้วยพระอารมณ์กราดเกรี้ยวกลับมาเช่นนั้น ความอดทนที่เก็บกดเอาไว้ภายในมาโดยตลอดเริ่มจะเอาไม่อยู่เสียแล้ว

 “เลิกโวยวายจะได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ ก่อนจะเที่ยวโทษผู้อื่นทรงมองพระองค์เองด้วยเถอะว่าสามารถต้านทานอำนาจของอิ๋งหยางได้หรือไม่ ขนาดยังไม่ได้ทำอะไรยังแสดงออกชัดเจนว่าเกรงกลัวมากขนาดไหน แต่จะว่าไปกระหม่อมเองก็คาดการณ์ผิดเช่นกัน ไม่คาดคิดว่าอิ๋งหยางจะน่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้!” องค์ชายสามต่อว่ากลับไปอย่างไม่ลดละเล่นเอาพระเชษฐาพิโรธมากยิ่งขึ้นไปอีก

 “เจ้าสาม! นี่กล้าเอ่ยถ้อยเจรจากับข้าเช่นนี้เลยเชียวรึ!” รับสั่งตวาดพระอนุชา

 ทันใดนั้นเอง

 หึหึหึหึหึ!!! เสียงหัวเราะในลำคอจากบริเวณหน้าประตูตำหนักดังแทรกขึ้นมาโดยพลัน

 “ผู้ใดกัน! กล้าดียังไงมายืนหัวเราะเช่นนี้! ออกมา!” ฉินรุ่ยกงตวาดถามกลับไปสุรเสียงกระหึ่มพร้อมทอดพระเนตรตรงไปยังทางเข้าของพระตำหนัก 

 ปัง! บานประตูพระตำหนักถูกผลักออกจนเปิดกว้างเผยให้เห็นว่าผู้ใดมาเยือนถึงในพระตำหนักส่วนพระองค์

 “พวกเจ้ากำลังเอ่ยถึงข้าอยู่มิใช่รึน้องรัก!” สุรเสียงรับสั่งถามเต็มไปด้วยความยียวน พร้อมเสด็จก้าวเข้าไปในพระตำหนัก พระหัตถ์ไพล่เอาไว้ด้านหลังพลางทอดพระเนตรไปทั่วบริเวณ

 ในขณะที่พระอนุชาทั้งสองถึงกับเบิกพระเนตรกว้างขึ้นมาทันที ครั้นผู้ที่มาเยือนถึงในตำหนักที่ประทับกลับกลายเป็นพระเชษฐาที่ทรงกล่าวถึงเมื่อครู่ที่ผ่านมา ทั้งสองพระองค์รีบลุกขึ้นยืนจากตั่งเมื่อพระเชษฐาเริ่มพระดำเนินเข้ามาใกล้ ท่วงท่าที่ทรงแสดงออกในเวลานี้ราวกับว่ากำลังสำรวจตรวจตราอย่างละเอียด

 “นี่น่ะเหรอตำหนักจินไท่ของเจ้าผู้ครองแคว้น งดงามยิ่งใหญ่สมคำเล่าลือจริงๆ แต่ทว่า...” รับสั่งเพียงเท่านั้นพระพักตร์ที่ครอบด้วยหน้ากากสีเงินหันกลับไปทอดพระเนตรพระอนุชาตรงพระพักตร์เขม็ง

 “ทรงทอดพระเนตรเช่นนี้หมายความเยี่ยงไรพ่ะย่ะค่ะ” ฉินรุ่ยกงรับสั่งถามกลับไปทันที

 พระเนตรสีนิลกาฬทอดพระเนตรอนุชาตรงพระพักตร์ตั้งแต่พระเศียรจรดพระบาทก่อนจะเงยพระพักตร์ขึ้นทอดพระเนตรอีกครา

 “หมายความว่าเยี่ยงไรน่ะรึ!... ก็หมายความว่าเจ้า!... ไม่คู่ควรที่จะได้ครอบครองตำหนักนี้!” รับสั่งตอบกลับไปชัดถ้อยชัดคำ ศึกระหว่างพระองค์กับพระอนุชาได้เริ่มขึ้นแล้วและครานี้ทรงเป็นฝ่ายเริ่มก่อนโดยที่อีกฝ่ายมิทันได้ระวัง

 ท่ามกลางพระอาการตกตะลึงของอนุชาทั้งสองพระองค์ครั้นได้ยินพระเชษฐามีรับสั่งเช่นนั้นออกมา ก่อนจะได้ยินเสียงพระสรวลเต็มไปด้วยความขบขันขององค์ชายสาม

 “พี่ใหญ่ทรงเลอะเลือนไปแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ ว่าตอนนี้พี่รองเป็นเจ้าผู้ครองแคว้นนี้... หาใช่!” ยังมิทันที่องค์ชายสามจะมีรับสั่งจนจบถ้อยประโยค 

 ฉาด!!! หลังพระหัตถ์ของพระเชษฐาปีศาจกระหน่ำลงบนพระพักตร์ของพระอนุชาอิ๋งเฟิ่งจนถึงกับผงะถอยหลังไปทันทีไปอย่างไม่รู้ตัว

 “ข้าไม่ได้อนุญาตให้เจ้าเข้ามาสอด! อย่าได้ริอ่านแสดงกิริยาเช่นนี้ต่อหน้าข้าขึ้นมาอีก หากมีครั้งต่อไปอย่าหวังว่าจะมีลมหายใจได้อีก เจ้าจะต้องตายต่อหน้าข้าทันทีที่ถอดหน้ากาก!” รับสั่งสุรเสียงเย็นยะเยียบ

 องค์ชายอิ๋งเฟิ่งได้แต่ยกพระหัตถ์กุมพระโอษฐ์ของพระองค์เอาไว้ นี่เพียงแค่หลังพระหัตถ์ของพระเชษฐายังไม่ได้โดนเต็มๆ ส่งผลให้พระโลหิตกบพระโอษฐ์เลยทีเดียว ก่อนจะคายบางอย่างออกมาทันทีเมื่อทรงรู้สึกว่ามีสิ่งเล็ดลอดกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ภายในพระโอษฐ์

 ถุย!!! พระทนต์ตกลงบนฝ่าพระหัตถ์พร้อมพระโลหิต และนั่นทำให้องค์ชายสามพระเนตรลุกวาวขึ้นมาทันใด

 “ฟันของข้าหักแล้ว!” รับสั่งโวยวายออกมาทันที แต่แล้วต้องหยุดชะงักสงบปากสงบคำเมื่อพระเชษฐาปีศาจทอดพระเนตรมาทางพระองค์เขม็ง

 รอยแสยะยิ้มเหยียดปรากฏขึ้นบนพระพักตร์หล่อเหลาและงดงามราวอิสตรี ภายใต้หน้ากากสีเงินปิดบังครั้นทอดพระเนตรผลงานของพระองค์

 “นั่นเพียงแค่การเตือน อย่าให้ต้องลงมือรุนแรงมากไปกว่านี้ อาการทำตัวอ่อนน้อมถ่อมตนของเจ้าเช่นนี้ช่างผิดไปจากนิสัยทะเยอทะยานและมักลอบกัดข้างหลังผู้อื่นอยู่เสมอ ช่างร้ายกาจเสียจริงนะอิ๋งเฟิ่ง”

 องค์ชายสามถึงกับยืนนิ่งงันไปเลยทีเดียวครั้นทรงได้ยินพระเชษฐามีรับสั่งเช่นนั้นราวกับว่าล่วงรู้ความเป็นไปและเรื่องราวของพระองค์จนหมดสิ้น พร้อมตัดสินพระทัยหันพระวรกายกลับเสด็จออกจากตำหนัก

 “หยุดอยู่ตรงนั้นเจ้าสาม! หากข้าไม่อนุญาตผู้ใดก็ออกไปจากตำหนักนี้ไม่ได้! หันกลับมา!” พระเชษฐาปีศาจรับสั่งสุรเสียงกระหึ่ม

 องค์ชายอิ๋งเฟิ่งจำต้องค่อยๆ หันพระวรกายกลับมาตามรับสั่ง พลางหันกลับไปทอดพระเนตรพระเชษฐารองเพื่อขอความช่วยเหลือจากพระองค์ แต่ดูเหมือนหามีผู้ใดที่จะสามารถเข้ามาช่วยในขณะนี้ได้แม้แต่น้อย ท่ามกลางเสียงพระสรวลของพระเชษฐาปีศาจ

 “ดูเจ้าทั้งสองทำหน้าเข้า มิดีใจหรือไรที่เห็นข้ายี่สิบปีแล้วที่เชษฐาของเจ้าผู้นี้มิได้พานพบอนุชาที่มีสายเลือดพระบิดาเดียวกัน แทนที่เห็นข้าแล้วจะดีใจกลับตื่นตระหนกราวปีศาจปรากฏตัวก็มิปาน” รับสั่งถามพระอนุชาทั้งสองกลับไป

 ในขณะที่คนฟังเมื่อได้ยินเช่นนั้นมีหรือที่จะดีพระทัยตรงกันข้ามมันคือฝันร้ายชัดๆ ก่อนจะได้ยินสุรเสียงของฉินรุ่ยกงรับสั่งถามกลับไป

 “เจ้าพี่เสด็จมาเมืองหลวงครั้งนี้ทรงหวังสิ่งใดกันแน่ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าพระองค์เสด็จมาครั้งนี้จะมาเพื่อร่วมพิธีฝังพระศพเสด็จพ่อเท่านั้น”

 ถ้อยรับสั่งของฉินรุ่ยกงทำให้พระเชษฐาปีศาจพระสรวลอยู่ในพระศอพลางพระดำเนินไปรอบพระวรกายอนุชาทั้งสองพระองค์ ก่อนจะมาหยุดยืนในระยะประชิดพร้อมก้มลงทอดพระเนตรอนุชารอง

 “ก็อยากมาดูสิ่งที่เป็นของข้าน่ะสิว่ายังคงอยู่ดีหรือไม่” รับสั่งสุรเสียงเน้นหนัก

 “แต่พระองค์ไม่มีสิทธิ์!” ฉินรุ่ยกงรับสั่งสวนกลับไป

“ข้ามีสิทธิ์!” รับสั่งตวาดกลับไปทันที พระเนตรสีนิลกาฬจ้องพระพักตร์อนุชารองอย่างน่าสะพรึงกลัว

ในขณะที่ผู้เป็นอนุชามีหรือจะยอมง่ายๆ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามพระองค์ก็จะต้องเป็นเจ้าผู้ครองแคว้นนี้ต่อไป

“สิทธิ์อะไรพ่ะย่ะค่ะเจ้าพี่ พระองค์ลืมไปแล้วหรือไรว่าถูกห้ามขึ้นครองแคว้น ทรงลืมคำทำนายไปแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ” ฉินรุ่ยกงตอบโต้ไปอย่างไม่ลดละ

ทันใดนั้นเอง

เสียงพระสรวลของพระเชษฐาแผดกึกก้องดังไปทั่วพระตำหนักขึ้นมาทันทีครั้นทรงได้ยินเช่นนั้น

“แค่คำทำนายของพวกโหรหลวงแก่ๆ ก็จะมาขวางทางข้าอย่างนั้นรึ! ช่างโง่เง่าสิ้นดี! นี่มันไม่ใช่ยุคของเสด็จพ่ออีกต่อไปแล้ว! เพราะฉะนั้นคำทำนายบ้าบออะไรนั่น อย่าหวังว่าจะทำให้จิตสำนึกดีๆ ที่ข้าต้องก้มหน้ายอมรับชะตากรรมที่ไม่ได้เป็นคนก่อขึ้นอีกต่อไป!” พระเชษฐาปีศาจรับสั่งอย่างเกรี้ยวกราด

และถ้อยรับสั่งของพระเชษฐาทำให้สองพระอนุชาต่างหันกลับมามองพระพักตร์ทันที

“นี่เจ้าพี่จะก่อกบฏอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ!” รับสั่งออกมาพร้อมกัน

“หุบปาก!” พระเชษฐาปีศาจตวาดกลับสุรเสียงดังกระหึ่ม เล่นเอาองค์ชายสามซึ่งยืนอยู่ด้วยในขณะนั้นเกิดอาการขวัญหนีดีฝ่อขึ้นมาทันที นิ้วพระหัตถ์เอื้อมไปดึงชายเสื้อฉลองพระองค์พระเชษฐารองพร้อมกระซิบเบาๆ

“อย่าทรงมีรับสั่งต่อไปอีกเลยเจ้าพี่ เดี๋ยวก็พากันตายหมดหรอก เกิดอยากฆ่าขึ้นมาถอดหน้ากากออกจบเห่กันพอดีได้ตายอย่างกะทันหันเป็นแน่แท้”

“กลัวข้าจะถอดหน้ากากออกเพื่อฆ่าพวกเจ้าอย่างนั้นล่ะสิ!” พระเชษฐาปีศาจรับสั่งแทรกขึ้นมาทันที

“เฮ้ย! หูทิพย์หรือไงได้ยินด้วย” องค์ชายสามรับสั่งบ่นพึมพำ 

“เชอะ! ข้าไม่ใช่วิธีขลาดเขลาเช่นนั้นกับพวกเจ้าหรอก เพราะข้าไม่เหมือนเจ้าสองคนที่ทำทุกอย่างเพื่อฆ่าข้าให้ตายไปจากผืนแผ่นดินนี้!” รับสั่งออกไปด้วยล่วงรู้ทุกอย่างเป็นอย่างดี 

ถ้อยรับสั่งของพระเชษฐาปีศาจเล่นเอาพระอนุชาทั้งสองไปไม่เป็นเลยทีเดียวครั้นทรงได้ยินเช่นนั้น ก่อนจะค่อยๆ ก้าวถอยหลังด้วยกันทั้งคู่เมื่อพระเชษฐา ย่างสามขุมเข้ามาหาพร้อมรับสั่งสำทับตามติดมา

“แต่ข้ามาวันนี้ไม่ได้ตั้งใจมาหาเรื่องพวกเจ้า แค่มาหาที่นอนสำหรับพักชั่วคราวเล่นๆ สักระยะ ตำหนักนี้เข้าท่าดี! ตกลงข้าจะพักที่ตำหนักไท่จินนี้แหละ” สิ้นพระสุรเสียงพระอนุชาอิ๋งเหว่ยรับสั่งออกมาโดยพลัน

“ทรงทำแบบนี้ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ ตำหนักไท่จินเจ้าผู้ครองแคว้นเท่านั้นจึงจะประทับได้... แต่..” รับสั่งได้เพียงเท่านั้นก็ต้องทรงเงียบงันเมื่อสายพระเนตรของพระเชษฐาที่ทรงหันกลับมานั้นเล่นเอาพระองค์เสียวสันหลังขึ้นมาโดยพลัน

ฮึ่ม!!! สุรเสียงคำรามลั่นอยู่ในพระศอ

“ข้ามีสิทธิ์ที่จะพักที่นี่! จำเอาไว้! เด็กๆ !!!” รับสั่งพร้อมพระดำเนินตรงไปโต๊ะน้ำชา

องค์ชายอิ๋งหยางทรุดพระวรกายลงนั่งบนตั่งที่ประทับ พลางรินน้ำชาใส่ถ้วยพร้อมเอนพระวรกายพิงที่วางแขนซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ ยกชาขึ้นจิบอย่างสบายพระอารมณ์ ท่ามกลางสายพระเนตรของสองอนุชาทอดพระเนตรพระเชษฐาชนิดที่ว่าอยากจะฉีกออกมาเป็นชิ้นๆ เลยทีเดียว

เพียงครู่รองแม่ทัพซึ่งคอยถวายงานอย่างใกล้ชิด รีบรุดเข้ามาภายในพระตำหนักทันทีที่ได้ยินพระสุรเสียง

“กระหม่อมมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” รองแม่ทัพรีบรายงานตัวทันใด

องค์ชายอิ๋งหยางปรายสายพระเนตรไปยังพระอนุชาทั้งสองก่อนจะแสยะยิ้มเหยียดอย่างสะพระทัยเมื่อเห็นสีพระพักตร์ที่ทรงสัมผัสได้เป็นอย่างดีว่า หากทรงล้มแล้วละก็ดาบนับหมื่นเล่มต้องแทงพระองค์ไม่ยั้งเป็นแน่ ด้วยสายพระเนตรของพระอนุชาช่างฟ้องชัดเจนเสียนี่กระไร

“นำสัมภาระของข้ามาที่ตำหนักไท่จินให้หมด ข้าเปลี่ยนใจไม่กลับแล้วจะอยู่ที่เมืองหลวงสักระยะ หาความสำราญที่ขาดหายไปและรำลึกความหลังเมื่อครั้งเยาว์วัยเสียหน่อย”

รับสั่งของพระบัญชาทำให้ฉินรุ่ยกงหมดความอดทนที่จะสงบปากสงบคำอีกต่อไปแล้ว 

“เจ้าพี่ทำเช่นนี้ทรงหมิ่นเกียรติการเป็นเจ้าผู้ครองแคว้นของข้า หากพระองค์ย้ายเข้ามาประทับอยู่ที่ตำหนักไท่จินแล้วข้าจะไปอยู่ที่ใดพ่ะย่ะค่ะ

“นั่นมันเรื่องของเจ้าไม่ใช่เรื่องของข้า... อยากจะอยู่ตำหนักใดตามสบายแต่ไม่ใช่ที่นี่” รับสั่งโดยไม่สนพระทัยพลางยกถ้วยชาขึ้นจิบอย่างสบายพระอารมณ์ต่อไป

“เจ้าพี่ทรงทำเช่นนี้เกินไปแล้ว!!! ข้าอยากจะรู้เหมือนกันว่าจะประทับอยู่ที่ตำหนักนี้ได้เยี่ยงไร! ทหาร!” ฉินรุ่ยกงรับสั่งหาทหารองครักษ์ 

กา... กา... กา... เงียบงันไร้สิ้นทหารองครักษ์รักษาวัง มีเพียงเสียงอีกาส่งเสียงอยู่ท้ายวังก่อนจะบินผ่านเลยไป

“แหม! อีการ้องขับเสียงประสานได้สบจังหวะนักเชียว ไหนละองครักษ์ของเจ้าไม่มีโผล่มาเลยสักคน” รับสั่งพร้อมทรงส่ายพระพักตร์ไปมาติดๆ กัน 

“รองแม่ทัพ” รับสั่งหารองแม่ทัพที่ยังคงยืนอยู่ยังมิทันออกไปทำตามรับสั่งของพระองค์

“เจ้าบอกอนุชาของข้าทั้งสองให้ล่วงรู้หน่อยสิว่า ตอนนี้กองทหารทั้งหมดที่รักษาวังเป็นอย่างไร” รับสั่งโยนไม้ให้รองแม่ทัพรับช่วงต่อ

“พ่ะย่ะค่ะ!” รองแม่ทัพขานรับทันใดพร้อมหันกลับไปกราบทูล

“กองทหารรักษาวังทั้งหมดในเขตพระราชฐานชั้นนอกและชั้นในมีความหย่อนยาน ไม่เคร่งครัดในระเบียบและการเดินตรวจตราต้องอาศัยกองทหารที่มีวินัย จึงมีคำสั่งให้โยกย้ายทหารในกองทัพจากเมืองฮั่นจงที่ติดตามเสด็จมาหนึ่งพันนายเข้าประจำการเพื่อรักษาวัง ส่วนทหารชุดเดิมถูกเกณฑ์ให้ไปฝึกฝนใหม่ที่เมืองฮั่นจงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

สิ้นเสียงกราบทูลของรองแม่ทัพ 

“อะไรนะ!” พระอนุชาทั้งสองรับสั่งออกมาพร้อมกันทันที

ฉินรุ่ยกงพระพักตร์สั่นระริกด้วยความพิโรธอย่างยิ่งยวด ทรงหันกลับไปทอดพระเนตรพระเชษฐาเขม็ง เหตุการณ์ที่ทรงกลัวมาโดยตลอดได้เกิดขึ้นแล้ว เพียงแค่เหยียบเมืองหลวงสถานการณ์กลับพลิกผันไปอย่างสิ้นเชิง

“เจ้ามันคือปีศาจชัดๆ อิ๋งหยาง!” รับสั่งเต็มไปด้วยแรงเคียดแค้น พร้อมหันพระวรกายกลับเสด็จออกนอกพระตำหนักทันที ท่ามกลางสุรเสียงขององค์ชายสามรับสั่งดังไล่หลัง

“เจ้าพี่รอด้วย! อย่าทิ้งกันไปแบบนี้!” องค์ชายอิ๋งเฟิ่งรีบเสด็จตามหลังพระเชษฐารองไปติดๆ ท่ามกลางสายพระเนตรของพระเชษฐาปีศาจทอดพระเนตรตามหลังด้วยสายพระเนตรเต็มไปด้วยความอำมหิตยิ่งนัก

“พระองค์ทรงทำเช่นนี้ช่างล่อแหลมยิ่งนัก ใยมิห่วงพระชนม์ชีพของพระองค์ ประกาศเปิดศึกดุดันอย่างชัดเจน ทั่วราชสำนักต้องปั่นป่วนแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ” รองแม่ทัพกราบทูลกลับไปด้วยความเป็นห่วง

“นั่นแหละคือสิ่งที่ข้าต้องการ แผนที่ข้าวางเอาไว้เพิ่งแค่เริ่มต้นเท่านั้น ยังมีอีกหลายขั้นที่อิ๋งเหว่ยและอิ๋งเฟิ่งจะต้องได้รับจากข้า ในเมื่อทั้งสองไม่เคยคิดว่าข้าเป็นพระเชษฐาร่วมสายเลือดพระบิดาเดียวกัน ก็ไม่จำเป็นที่ข้าจะเห็นแก่สายเลือดอีกต่อไป แม้ว่าจุดจบจะลงเอยด้วยความตายของข้าและอนุชาทั้งสองแคว้นฉินก็ยังจะมีเจ้าผู้ครองแคว้นสืบต่อ”

“พระองค์ไม่อาลัยแก่ชีวิตกระนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ เหตุใดจึงมีถ้อยรับสั่งเช่นนั้น เจ้าผู้ครองแคว้นอันยิ่งใหญ่นี้หามีผู้ใดจะคู่ควรและเหมาะสมเฉกเช่นองค์ชายแล้ว ไม่มีแม้แต่ผู้เดียว” รองแม่ทัพกราบทูลทักท้วง

“ก็ต้องคอยดูกันต่อไปว่าคนสุดท้ายที่เหลืออยู่คือผู้ใด จริงสิ... แผนขั้นต่อไปเตรียมพร้อมไปถึงไหนแล้ว” รับสั่งเปลี่ยนเรื่องเฉไฉไปทางอื่น พร้อมถามกลับไปโดยพลัน

“เตรียมการเอาไว้หมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ ที่เหลือก็รอให้ถึงวันพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเท่านั้น แต่ขอกระหม่อมละลาบละล้วงทูลถามได้หรือไม่ เหตุใดจึงต้องทรงใช้พระชนม์ชีพนำเข้ามาเสี่ยงกับแผนการเช่นนี้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ” รองแม่ทัพกราบทูลถามด้วยความเป็นห่วง

“เพราะเหตุใดอย่างนั้นรึ!” รับสั่งพร้อมยกถ้วยชาหมุนไปมาจนรอบ

“ก็เพราะต้องการให้อนุชาของข้าได้ล่วงรู้ว่าแท้จริงแล้วตนเองมีความสามารถขึ้นปกครองแคว้นนี้ได้หรือไม่ อำนาจที่อยู่ในกำมือได้มาด้วยตนเองหรืออาศัยจมูกของผู้อื่นเพื่อปูทางให้ตนไปสู่บัลลังก์ และก็...” รับสั่งได้เพียงเท่านั้นก็ทรงหยุดลงครั้นหวนคิดถึงแผนที่เปรียบเสมือนวางกับดักให้แก่พระองค์เอง

“ทำไมหรือพ่ะย่ะค่ะ” รองแม่ทัพอดรนทนไม่ได้ที่จู่ๆ ก็ทรงเงียบงันลงไปเช่นนั้น

พระพักตร์ภายใต้หน้ากากสีเงินเงยขึ้นทอดพระเนตรรองแม่ทัพคนสนิท

“แผนนี้จะทำให้ข้ากลับมาอย่างไร้ข้อกังขาใดๆ ทั้งสิ้น หวนคืนบัลลังก์ของข้าอย่างยิ่งใหญ่และคำว่าตัวหายนะจะหลุดพ้นไปจากชีวิตของข้าเสียที!” สิ้นถ้อยรับสั่ง

เพล้ง!!! ถ้วยชาที่อยู่ในพระหัตถ์ถูกบีบจนแตกละเอียด ท่ามกลางสายตาของรองแม่ทัพที่ยืนมองอยู่ใกล้ๆ

“หากทรงตั้งพระทัยเช่นนั้น กระหม่อมก็คงทำได้แต่เพียงขอให้พระองค์ทรงปลอดภัยจากแผนที่วางเอาไว้ รอคอยวันที่ทรงหวนคืนราชบัลลังก์ตามสิทธิ์อันชอบธรรมตั้งแต่แรกประสูติพ่ะย่ะค่ะ” รองแม่ทัพกราบทูลกลับไป

พระพักตร์ภายใต้หน้ากากสีเงินพยักขึ้นลงครั้นทรงได้ยินเช่นนั้น

“มิต้องกังวล ยิ่งแผนพลิกผัน ยิ่งส่งผลดีต่อข้านับเท่าทวีคูณ” รับสั่งบ่งบอกถึงความสะพระทัยยิ่งนัก                             ยิ่งชะตากรรมเลวร้ายเกิดขึ้นกับพระองค์มากเท่าใดกลับยิ่งหฤหรรษ์มากล้น ความเจ็บปวดที่ทรงจะได้รับกลับยิ่งดีโดยมิล่วงรู้เลยว่าทรงพิสมัยความรุนแรงอย่างยิ่งยวด

“ลืมไปแล้วหรือไร ว่าตราบใดยังไม่มีพิธีกรีดเลือดถวายสัตย์ปฏิญาณว่าจะจงรักภักดีกับเจ้าผู้ครองแคว้นพระองค์ใหม่ ซึ่งพิธีในวันนั้นเชื้อพระวงศ์ตามลำดับของผู้มีสิทธิ์ในราชบัลลังก์ ตลอดจนถึงขุนนางชั้นผู้ใหญ่จะต้องกรีดเลือดรวมในถ้วยเดียวกันและดื่มเพื่อถวายสัตย์สัญญาว่าได้ยอมรับเจ้าผู้ครองแคว้นพระองค์ใหม่อย่างมิต้องสงสัย หากในวันนั้นข้ามิได้เข้าร่วมพิธีนี้ด้วยสาเหตุเพราะถูกหมายเอาชีวิตจากอนุชาข้าทั้งสอง และหายไปอย่างไร้ร่องรอย คิดหรือว่าอิ๋งเหว่ยจะผ่านพิธีนั้นได้” พระเชษฐาปีศาจรับสั่งพร้อมแสยะยิ้มเหยียดกับแผนการที่ใช้พระองค์เป็นเหยื่อล่อเพื่อให้อีกฝ่ายติดกับดัก

และนั่นทำให้รองแม่ทัพเบิกดวงตากว้างขึ้นมาทันที ด้วยหลงลืมพิธีการสำคัญนี้ไปอย่างไม่น่าให้อภัย

“จริงด้วยพ่ะย่ะค่ะ! เหตุใดกระหม่อมจึงหลงลืมพิธีการสำคัญนี้ไปได้...” รองแม่ทัพบ่นพึมพำให้กับตัวเอง

“เมื่อเป็นเช่นนั้น แน่นอนว่าพิธีสถาปนาเจ้าผู้ครองแคว้นพระองค์ใหม่ก็ยังไม่สมบูรณ์ อิ๋งเหว่ยจะไม่สามารถขึ้นปกครองแคว้นได้ ตราบใดที่ยังไม่ได้ผ่านพิธีนี้ เพราะฉะนั้นอำนาจจะตกอยู่ที่ข้าในฐานะผู้บัญชาการกองทัพทั้งหมดของแคว้นฉิน แต่เมื่อข้าไร้ร่องรอย อัครเสนาบดีจางฟงจะไม่ยอมกำหนดพิธีสำคัญนี้ขึ้นมาอีกจนกว่าจะพบข้า”

“ที่แท้เป็นเช่นนี้เองกระหม่อมเข้าใจแล้ว ทรงพระปรีชายิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ”

แกร่ก!!! องค์ชายหนุ่มปล่อยเศษถ้วยชาที่ทรงกำจนแตกละเอียดลงบนพื้นโต๊ะ พระเนตรจับจ้องอยู่ที่พระหัตถ์ก่อนจะกำเข้าหาจนแน่น

“ต่อไปข้าก็แค่เตรียมตัวโดนอิ๋งเหว่ยและอิ๋งเฟิ่งไล่ล่าหมายเอาชีวิต คิดแล้วคงจะครึกครื้นเสียนี่กระไร” รับสั่งพร้อมเปล่งเสียงพระสรวลเบาๆ อยู่ในพระศอ 

พระเนตรสีนิลกาฬจับจ้องอยู่ที่พระหัตถ์ตลอดเวลาเมื่อทรงทอดพระ เนตรรอยแผลจากเข็มเจาะเพื่อให้น้ำเกลือและตัวยามากมายยังคงปรากฏอยู่หลังพระหัตถ์จางๆ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   ดวงพิฆาต รักนิรันดร์ (ตอนอวสาน)

    ยุคอดีตตำหนักจินไท่ทั่วบริเวณในเวลานี้เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกเหมยฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ แจกันดินเผาขนาดใหญ่วาดลวดลายเป็นลายเมฆและนกยูงสลับไปมา เพิ่มความสวยงามได้อย่างลงตัวและแจกันดังกล่าวเต็มไปด้วยกิ่งดอกเหมยปักลงบนแจกันวางตั้งไว้บนโต๊ะข้างแท่นพระบรรทมเพื่อให้คนงามได้สูดกลิ่นหอมดังกล่าวร่างอรชรของจางเพ่ยอันบัดนี้นอนสงบนิ่งอยู่บนแท่นพระบรรทม และเธอหลับใหลอยู่เช่นนี้มานานนับเดือนแล้ว โดยมีสายตาของพระสวามีผู้หล่อเหลาจับจ้องอยู่กับดวงหน้างามของพระชายาอยู่ตลอดเวลา พระองค์จะเพียรเข้าคอยมาดูแลพระชายาเพียงหนึ่งเดียวทันทีที่เสร็จภารกิจจากการออกว่าราชการในท้องพระโรงเหตุการณ์ในวันที่รัชทายาทหลี่จิ้งบุกโจมตีพระราชวังหลวงของต้าฉินอย่างอุกอาจ และจบลงคือเซ่นสังเวยพระชนม์ชีพของพระองค์ให้กับแม่ทัพปีศาจพร้อมชีวิตทหารต้าหลู่ไปอีกนับไม่ถ้วน ต่างพากันสิ้นชีพวิบัติโรยรากลายเป็นหินไปชั่วพริบตาเหตุการณ์ในวันนั้นเล่าลือไปอย่างกว้างขวางจนล่วงรู้ไปทั่วทุกแคว้นแดนดิน และต่างพากันขยาดแม่ทัพปีศาจกันอย่างถ้วนหน้า จนมีคำกล่าวติดปากออกมา

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   โหยหามิคลาดครา 1.1

    ในขณะเดียวกันบริเวณลานกว้างหน้าท้องพระโรงกองทหารของแคว้นต้าหลู่และกองทหารจากต้าฉิน ต่างวิ่งเข้าโจมตีปะทะกันอย่างดุเดือด ทั่วทั้งพระราชวังหลวงเต็มไปด้วยเปลวเพลิงและกลุ่มควันขาวพร้อมเสียงกรีดร้องของเหล่านางกำนัลและเชื้อพระวงศ์ บรรดาขุนนางที่อยู่ในท้องพระโรงต่างแตกฮือแยกย้ายกันหนีตายจนจ้าละหวั่น เมื่อทหารต้าหลู่บุกเข้ามาถึงในท้องพระโรงและปะทะกับจางฟงอัครเสนาบดีที่เคยเป็นขุนศึกในวัยหนุ่มแม้จะมีอายุมากถึงหกสิบปีแล้วก็ตาม แต่จางฟงมีวิทยายุทธ์ในระดับสูงจึงเป็นฝ่ายใช้อาวุธออกปกป้องเหล่าขุนนางเอาไว้ ก่อนจะวิ่งตามไปสมทบกับกองทหารของตนและกองทหารขององค์ชายปีศาจที่ยกตามมาช่วยอย่างทันท่วงที ทั่ววังหลวงเต็มไปด้วยซากศพมากมายมิรู้ใครเป็นใครท่ามกลางความวุ่นวายองค์ชายปีศาจอิ๋งหยางและองค์ชายหลี่จิ้ง รัชทายาทจากต้าหลู่กำลังปะทะฝีมือกันอย่างดุเดือด ทั้งสองยืนจ้องหน้ากันในขณะที่องค์ชายหลี่จิ้งถือทวนยาวและองค์ชายอิ๋งหยางใช้ดาบง้าวอาวุธประจำพระวรกายไล่ฟาดฟันองค์ชายผู้นี้อย่างบ้าคลั่ง“เจ้าเอาอันอันของข้าไปไว้ไหน! เอาคนของข้าคืนมา!!

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   โหยหามิคลาดครา 1.2

    ทันทีที่พระพักตร์หล่อเหลาขององค์ชายปีศาจเงยขึ้นทอดพระเนตร ทหารของต้าหลู่ที่กำลังมองมาที่พระองค์เป็นจุดเดียวค่อยๆ แปรเปลี่ยนไปทันที เมื่อร่างค่อยๆ กลายเป็นหินลามเลียตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าและแผ่ขยายออกเป็นวงกว้างเพียงชั่วเวลาไม่กี่อึดใจ ติดตามด้วยเสียงของเหล่าทหารดังแทรกขึ้นมา“แม่ทัพปีศาจ!!!” เสียงเรียกขานดังออกมาได้เพียงแค่นั้นก็ต้องเงียบงันลงไปโดยพลันเมื่อทุกอย่างกลับหยุดการเคลื่อนไหวทั้งสิ้น ลมหายใจของเหล่าทหารต้าหลู่หลุดลอยไปทันใดนับหนึ่งพันนายที่แออัดอยู่ภายในท้องพระโรงท่ามกลางสายพระเนตรขององค์ชายหลี่จิ้ง ครั้นได้ทอดพระเนตรเหตุการณ์ที่มีผู้คนกล่าวขานเลื่องลือมานานแสนนาน และตอนนี้กำลังเกิดขึ้นอยู่ตรงพระพักตร์ในขณะนี้“เป็นความจริงหรือนี่! คนผู้นี้คือแม่ทัพปีศาจอิ๋งหยางอย่างนั้นหรอกรึ!” องค์ชายหลี่จิ้งรับสั่งได้เพียงเท่านั้นองค์ชายปีศาจหันกลับไปทอดพระเนตรรัชทายาทผู้นั้นทันที โดยที่อีกฝ่ายมิทันได้ตั้งตัวเพียงแค่เห็นใบหน้าก็สิ้นชีพไปโดยมิรู้ตัว พระเศียรค่อยๆ กลายเป็นหินลามเลียไปทั่วพระวรกายก่อนจะกลืนกินจนกระทั่งยืนแข็ง

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   พระสนมชายของข้า! 1.2

    ทันทีที่พระหัตถ์ของรัชทายาทรูปงามสัมผัสกับแก้มนวลเนียนของหญิงสาว ภาพเหตุการณ์ในอนาคตบังเกิดขึ้นมาให้เธอได้เห็นทันทีท่ามกลางกองทหารของทั้งสองฝ่ายกำลังสู้รบกันอย่างดุเดือด ร่างของจางฟงท่านพ่อและจางฮั่นพี่ชายคนโตกำลังใช้ดาบสู้รบกับทหารของต้าหลู่ ในขณะที่พระสวามีปีศาจของเธอกำลังบุกเข้าโจมตีไล่ฟาดฟันองค์ชายหลี่จิ้งจนถอยไม่เป็นท่า“อันอันของข้าอยู่ไหน! ไอ้คนถ่อย! ลักพาตัวชายาของข้าไปไว้ที่ใด!!!” รับสั่งพร้อมบุกไล่ฆ่ากองทหารมากมายที่เข้ามาปกป้ององค์ชายของตน จนล้มตายกองสุมมิรู้กี่ร้อยชีวิตองค์ชายหลี่จิ้งวิ่งหนีการไล่ล่าอย่างบ้าคลั่งของแม่ทัพปีศาจจนวิ่งเข้าไปอยู่ในท้องพระโรง “คนผู้นี้มันบ้าไปแล้ว! ช่างบ้าคลั่งราวปีศาจร้ายยิ่งนัก” รับสั่งพร้อมพยายามหาอาวุธที่สามารถทุ่นแรงของพระองค์ได้ดีกว่าดาบ ก่อนจะไปสะดุดกับคันธนูและลูกธนูรวมไปถึงอาวุธอื่นๆ ที่มีเกลื่อนกลาดท่ามกลางร่างไร้วิญญาณของทหารทั้งสองฝ่ายและขุนนางบางคนที่หนีตายไม่ทันคันธนูถูกหยิบขึ้นจากพื้นพร้อมลูกธนูสามดอก พระหัตถ์ล้วงเข้าไปในอกเสื้อฉลองพระองค์ก่อนจะดึงขวดยาใบน้อยออกมาพร้อมรีบดึงจุกออกเทผงสีขาวลงบนลูกธนูทั้งสามดอกพรึบ! ภาพเหตุการ

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   พระสนมชายของข้า! 1.1

    บริเวณคุกใต้ดิน ดวงเนตรสีนิลดำใหญ่ทอดสายตามองร่างไร้วิญญาณขององค์ชายอิ๋งเฟิ่ง เจ้าของพระตำหนักหรดีในสภาพศพลิ้นจุกปาก ดวงตาถลนแทบจะทะลักออกมานอกเบ้า รอบลำคอถูกรัดอย่างรุนแรงจนเห็นเป็นรอยโซ่ และสิ่งที่ใช้สังหารองค์ชายโฉดผู้นี้ก็ตกอยู่ใกล้ๆ พระศพนั่นเอง พระพักตร์หล่อเหลาขององค์ชายหลี่จิ้ง ค่อยๆ เงยขึ้นจากพระศพขององค์ชายโฉดพร้อมสำรวจไปทั่วบริเวณคุกใต้ดินไปโดยรอบก่อนจะพบว่า กองทหารของพระองค์ที่คอยรักษาเวรยามตั้งแต่ปากทางเข้าแม่น้ำทางชายป่ารกร้าง จนถึงคุกใต้ดิน มีเพียงทหารยามที่คอยดูแลบริเวณคุกเท่านั้นจบชีวิตทั้งหมด สภาพศพร่างแหลกเหลวและมีรอยโซ่ทิ้งร่องรอยเอาไว้บนศพเหล่านั้น “พวกเจ้าที่เหลือรอดชีวิตล่วงรู้หรือไม่ว่าผู้ใดเข้ามาสังหารผู้คนภายในนี้รวมไปถึงเจ้าของตำหนักนี้ด้วย!” รับสั่งถามกองทหารที่รอดชีวิต “กระหม่อมได้ยินว่าคนผู้นั้นเป็นพี่ชายของเด็กหนุ่มหน้าหวาน ซึ่งถูกจับตัวมาจากตำหนักบูรพาพร้อมกันพ่ะย่ะค่ะ แต่องค์ชายอิ๋งเฟิ่งทรงแยกขังเจ้าคนพี่ไว้ที่คุกใต้ดิน ส่วนคนน้องนำไปขังในตำหนักหรดีเพื่อนำไปมอบให้พระองค์ที่จวนสกุลไป๋ต่อไปพ่ะย่ะค่ะ” ทหารที่รอดชีวิตกราบทูลรายงานอย่างละเอียดเท่าที่ล่ว

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   เป็นหรือตาย 1.3

    พระตำหนักหรดีภายในคุกใต้ดินพระตำหนักหรดีขององค์ชายอิ๋งเฟิ่ง ตั้งอยู่ห่างไกลจากพระตำหนักอื่นๆ อยู่ช่วงท้ายๆ ของพระราชวังมีพื้นที่ติดกับชายป่ารกร้างซึ่งองค์ชายโฉดใช้เป็นเส้นทางลำเลียงอาวุธและกองทหาร ทางเข้าออกต้องดำน้ำลงไป แม่น้ำซึ่งอยู่ติดกับชายป่าและมีทางเข้าเชื่อมต่อขุดไปถึงกับสระบัวในอุทยานส่วนพระองค์ ใช้เป็นเส้นทางเพื่อสะสมฐานกำลังเตรียมพร้อมช่วงชิงบัลลังก์เพื่อขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองแคว้นภายในพระตำหนักลึกลงไปใต้ดิน ถูกสร้างเป็นห้องพักมากมายเพื่อใช้สะสมเงินทองและอาวุธรวมไปถึงเสบียงและคุกใต้ดิน เพื่อใช้ลักพาตัวผู้คนที่บังเอิญมาระแคะระคายการกระทำคิดคดทรยศขององค์ชายผู้นี้ และนี่คือสาเหตุว่าทำไมองค์ชายสามจึงไม่อนุญาตให้บุรุษเข้ามาในพระตำหนัก สืบเนื่องมาจากสาเหตุดังกล่าวด้วยส่วนหนึ่งและอีกเหตุผลนั่นก็คือ เกรงกลัวการถูกลอบปลงพระชนม์จากการจ้างวานฆ่าของผู้อื่นนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องร่วมสายโลหิตหรือพันธมิตรที่เคยร่วมมือและรีบหันหลังให้แก่กันทันใดที่หมดประโยชน์ร่วมกันพระวรกายสูงใหญ่ขององค์ชายปีศาจ ถูกล่ามไว้ที่ข้อพระหัตถ์และข้อพระบาทก่อนจะนำไปโยงกับคานที่แขวนไว้ เตรียมเครื่องทรมานเพื่อเ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status