Share

บทที่ 10

Author: อี้ซัวเยียนอวี่
ดูเหมือนว่ารุ่ยอ๋องจะเพิ่งออกมาจากตำหนักฉือหนิง เขาก้าวเดินมาข้างหน้าแล้วคารวะเฟิ่งจิ่วเหยียน

“น้องชายขอคารวะพี่สะใภ้”

การที่เขาเรียกนางเป็นพี่สะใภ้ไม่ใช่ฮองเฮา แสดงให้เห็นว่าเขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับฮ่องเต้

เหลียนซวงที่ชำเลืองมองรุ่ยอ๋องตกอยู่ในภวังค์

รุ่ยอ๋องช่างรูปงามเสียจริง! หน้าตาสะอาดสะอ้าน บุคลิกมารยาทงามสง่า ลักษณะเช่นนี้ดีกว่าฮ่องเต้ทรราชที่เอาแต่ฆ่าคนตั้งมาก

หากผู้ที่คุณหนูแต่งด้วยคือ...

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เหลียนซวงก็รีบหยุดความคิดที่ไร้สาระนี้ทันที

กฎระเบียบในวังเคร่งครัดยิ่งนัก ไม่อาจเทียบกับในค่ายทหารที่สามารถพูดคุยกับบุรุษอย่างไรก็ได้

เมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนกำลังจะจากไป รุ่ยอ๋องพลันเอ่ยปากแสดงความเป็นห่วงออกมา

“การประหารเมื่อวานนี้พี่สะใภ้ได้รับความตระหนกหรือไม่? ”

เฟิ่งจิ่วเหยียนที่จดจ่ออยู่กับความคิดตอบกลับอย่างกลัวพิกุลจะร่วงว่า “ไม่”

“เมื่อวานยามที่พี่สะใภ้ปราบพยศม้าตัวนั้น ข้าบังเอิญเห็นเข้าพอดี ท่านฝีมือดียิ่ง ที่จริงแล้วฝ่าบาททรงโปรดสตรีที่มีทักษะการขี่ม้า พี่สะใภ้เริ่มต้นจากเรื่องนี้ดู บางทีอาจจะได้รับความโปรดปราน”

น้ำเสียงของรุ่ยอ๋องอ่อนโยนนุ่มนวลราวกับเป็นมิตรสหายของนาง

ความประทับใจที่เฟิ่งจิ่วเหยียนมีต่อเขานับว่าไม่เลวเลย เมื่อเห็นเขาที่สวมชุดขาวทั้งร่าง ความทรงจำที่เก่าจนฝุ่นจับก็วนเวียนอยู่ในหัวของนาง ความรักความทุกข์ทรมานผสมผสานปะปนไม่อาจแยกได้

“ขอบใจเจ้ามาก”

แต่นางไม่ต้องการ

ที่นางเรียนขี่ม้ายิงธนู ไม่ใช่เพื่อเอาอกเอาใจบุรุษ

ณ ตำหนักฉือหนิง

ไทเฮากำลังอบรมสั่งสอนเฟิ่งจิ่วเหยียน

“เจ้ามีฐานะเป็นถึงฮองเฮา ต้องดูแลจัดการเหล่าสตรีในวังหลังให้ดี ตั้งแต่สนมชั้นเฟยทั้งสี่ไปจนถึงเหล่านางกำนัลและขันที

“นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ควบคุมและตักเตือน

“อย่างเช่นเรื่องที่ฝ่าบาททรงโปรดปรานหวงกุ้ยเฟยแต่เพียงผู้เดียว เจ้าเป็นฮองเฮาก็ต้องคอยโน้มน้าวฝ่าบาท ให้ฝนตกทั่วฟ้า เช่นนี้จึงจะรักษาสมดุลของทุกฝ่ายเอาไว้ได้

“อย่าได้ดูถูกวังหลังไป เบื้องหลังสนมนางในเหล่านั้น ล้วนมีข้าหลวงรับราชการอยู่วังหน้า...”

ดูเผิน ๆ เฟิ่งจิ่วเหยียนเหมือนจะตั้งใจฟัง แต่ที่จริงแล้วจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแม้แต่น้อย

เข้าวังมาสองวันแล้ว นางไม่ได้ลืมความแค้นที่ต้องชำระ

คืนนี้นางตัดสินใจที่จะไปตรวจสอบที่ตำหนักหลิงเซียวซักหน่อย

ณ ตำหนักหลิงเซียว ในเวลาเดียวกัน

ห้องภูษาหลวงส่งเสื้อผ้าอาภรณ์ใหม่มา ผ้าแพรต่วนวาววับส่องประกาย

สาวใช้กล่าวอย่างประจบประแจง

“พระสนม ฝ่าบาทช่างโปรดปรานรักใคร่ท่านเหลือเกินเพคะ ผ้าไหมฝูกวง[1]ที่แคว้นปา[2]ส่งมาเป็นเครื่องบรรณาการ ล้วนแต่พระราชทานเป็นรางวัลให้ท่านทั้งหมด หากคืนนี้พระสนมสวมอาภรณ์เหล่านี้ไปร่วมบรรทมจะต้องทำให้ฝ่าบาทไม่อาจละสายตาได้เป็นแน่เพคะ!”

รอยยิ้มของหวงกุ้ยเฟยนั้นเป็นความงามที่ทำให้ผู้คนลุ่มหลงมัวเมา

แต่ทันใดนั้นเองรอยยิ้มของนางก็เลือนหาย นางจ้องตรงไปยังลายปักรูปดอกหลิงหลานบนอาภรณ์ตัวนั้น ใบหน้าแสดงความกรุ่นโกรธ

“นี่ปักลายอะไรกัน!”

“พระสนมโปรดระงับโทสะ...”

“โบยแปดสิบที ขับไล่ออกจากวัง” หวงกุ้ยเฟยพูดด้วยเสียงแผ่วเบา รวมทั้งโยนอาภรณ์ตัวนั้นทิ้งโดยไม่แม้แต่จะชายตามอง

แม้แต่เหล่าสาวใช้เองยังรู้สึกว่านี่ช่างโหดร้ายเหลือเกิน โบยแปดสิบที ย่อมเป็นการเอาชีวิตแล้ว

เพียงแค่วันเดียวช่างปักในห้องภูษาหลวงก็ตายไปสิบสามคน ผู้คนในวังล้วนหวาดผวา กลัวว่าจะไปทำให้หวงกุ้ยเฟยไม่พอใจเข้า

ยามค่ำ ฝ่าบาทเสด็จมาที่ตำหนักหลิงเซียว ในตำหนักมีเสียงอ่อนหวานดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“ฝ่าบาทเพคะ ลายปักนั้นช่างน่าเกลียดเกินไปแล้ว หม่อมฉันจะสวมออกไปข้างนอกได้อย่างไรกัน ฝ่าบาทเองก็รู้สึกว่าหม่อมฉันทำผิดอย่างงั้นหรือเพคะ?”

ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานนางอย่างไร้ขอบเขต “ไม่ผิด สมควรฆ่าทิ้ง”

ทันใดนั้นเองเขาก็มองขึ้นไปบนขื่อของเรือน ชุดคลุมยาวสะบัดไหว อาวุธลับที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อชิ้นหนึ่งพุ่งขึ้นไปบนหลังคา

อาวุธลับพุ่งทะลุแผ่นกระเบื้อง เห็นเงาร่างสีดำเคลื่อนไหวอยู่บนหลังคา

ยามนี้เองเหล่าองครักษ์เพิ่งจะรู้ตัวว่าตำหนักหลิงเซียวมีนักฆ่าลอบเข้ามา แต่ละคนต่างชักดาบออกจากฝักเตรียมที่จะสังหารนักฆ่า

พวกเขาบุกขึ้นไปบนหลังคา เกือบจะล้อมนักฆ่าเอาไว้ได้แล้ว แต่คาดไม่ถึงว่านักฆ่าผู้นั้นจะมีฝีมือขนาดนี้ เพียงชั่วพริบตาก็หายตัวไปท่ามกลางหมอกควัน

เหล่าองครักษ์ไม่เคยพบเจอสถานการณ์ที่แปลกประหลาดขนาดนี้มาก่อน จึงได้แต่มองหน้ากันเลิ่กลั่ก

ที่จริงแล้วนี่เป็นเพียงการวัดกันที่ความเร็วเท่านั้น

วิชาตัวเบาของเฟิ่งจิ่วเหยียน แม้แต่อาจารย์ของนางยังเคยชมว่านางเป็นอัจฉริยะยากที่จะพานพบ

คืนนี้นางลอบเข้าตำหนักหลิงเซียวสำเร็จ ทั้งยังหลบองครักษ์พวกนั้นและกลไกลับได้ กลับไม่อาจซ่อนตัวจากฮ่องเต้ทรราชนั่นได้

ดูเหมือนกำลังภายในของฮ่องเต้ทรราชนั่นจะลึกล้ำเป็นอย่างมาก จึงสามารถรับรู้ได้ถึงการมีอยู่ของนาง

เป็นนางที่ประเมินศัตรูต่ำไป

นางเกือบจะออกจากตำหนักหลิวเซียวอยู่แล้ว ทันใดนั้นด้านหน้าพลันมีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นบดบังทางหนีของนาง

คนผู้นั้นสยายผมสีดำขลับ ชุดคลุมดำด้านหน้าแง้มออกเล็กน้อย คอเสื้อเผยให้เห็นถึงลูกกระเดือกและเส้นเอ็นที่ขยายลงไปใต้อาภรณ์ ทั่วทั้งร่างแผ่กลิ่นอายที่มืดมนและโหดเหี้ยม

เขาไม่ได้พกอาวุธใดติดตัวมา จึงอาศัยฝ่ามือต่างกระสวยพุ่งเข้าโจมตีไปที่นาง

เฟิ่งจิ่วเหยียนตระหนักได้ว่าคนผู้นี้แข็งแกร่งมาก

แต่นางเองก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วไม่แพ้กัน นางสวมชุดพรางตัวท่าทางคล่องแคล่วปราดเปรียว หลบหลีกจากการโจมตีของเขามาได้และยังตีลังกาข้ามมาข้างหลังเขาประหนึ่งปลากระโดดเข้าประตูมังกรอีกด้วย[3]

ขณะเดียวกันนางก็ยิงลูกธนูสั้นในแขนเสื้อออกไป...

เซียวอวี้หน้าตาเคร่งขรึม

นักฆ่าคนนี้ แข็งแกร่งมาก

แค่เรื่องความเร็วก็เหนือกว่าเขาแล้ว

แต่...ไม่ได้หมายความว่าไม่มีจุดอ่อน

เขาเอียงตัวหลบลูกธนูสั้น แล้วออกฝ่ามือไปที่บั้นเอวของนาง

เฟิ่งจิ่วเหยียนโงนเงนไปข้างหน้า นางรีบหยัดเท้าลงบนพื้นแล้วหันกายกลับมาอย่างรวดเร็ว

ผมของนางสยายออกมากลางอากาศ ตวัดเป็นเส้นโค้งที่งดงาม

ดวงตาทั้งสองข้างของเซียวอวี้หรี่ลงเล็กน้อย

สตรีงั้นหรือ

เฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้ว

บั้นเอวของนางมีแผลเก่าอยู่

นึกไม่ถึงว่าฝ่ายตรงข้ามจะมองออก ทั้งยังโจมตีมาที่แผลเก่านั้นของนาง

เขาเป็นใครกันแน่!

องครักษ์ลับข้างกายของฮ่องเต้ทรราชงั้นหรือ!

เหล่าองครักษ์ต่างมารวมตัวกันจากทุกสารทิศ

เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่อาจสู้ต่อไปได้ จึงปล่อยระเบิดควันออกมาอีกครั้ง แล้วใช้ความเร็วอันน่าเหลือเชื่อหลบหนีจากไป

แต่ทว่าเซียวอวี้มีพลังการมองเห็นที่แข็งแกร่ง สามารถมองตามเงาร่างที่เคลื่อนย้ายไปอย่างรวดเร็วได้ทัน

ณ ตำหนักหย่งเหอ

พอเฟิ่งจิ่วเหยียนกลับมาเหลียนซวงก็ปรี่เข้ามาปรนนิบัตินางเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนำชุดพรางตัวที่ถอดออกมาไปเก็บซ่อนทันที

“ฮองเฮา ท่านไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่!”

“ข้าไม่เป็นไร” เฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้วแน่น

ฝ่ามือเมื่อครู่ของบุรุษผู้นั้นทำให้แผลเก่าของนางกำเริบแล้ว

เฟิ่งจิ่วเหยียนใช้น้ำร้อนอาบน้ำ เหลียนซวงที่เพิ่งจะก้าวออกจากตำหนักมองเห็นคนผู้หนึ่ง

เขาก้าวเดินออกมาจากเงามืด รูปลักษณ์งามสง่า สวมเสื้อคลุมมังกรอันเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงสถานะสูงสุดเหนือผู้ใด สวมกวานหยกม่วงรวบผมเอาไว้ ทุกย่างก้าวที่ย่ำเดินมั่นคงและน่าเกรงขาม

ดูเหมือนเขาจะเป็นฮ่องเต้

เหลียนซวงที่พบฮ่องเต้เป็นครั้งแรกตกตะลึงนิ่งอึ้งอยู่กับที่

นึกไม่ถึงเลยว่าฮ่องเต้ทรราชจะหน้าตาหล่อเหลางามสง่าเช่นนี้ รูปงามล่อลวงวิญญาณราวกับปีศาจในหนังสือภาพก็ไม่ปาน

ทว่ากลับน่ากลัว...ราวกับยมฑูตที่มาคร่าชีวิต!

“บ่าวคารวะฝ่าบาทเพคะ!”

เซียวอวี้ย่างก้าวตรงเข้าไปในตำหนัก

เมื่อครู่นักฆ่าผู้นั้นหายตัวไปในตำหนักหย่งเหอ

บั้นเอวของนางได้รับบาดเจ็บ แค่ตรวจดูก็รู้แล้ว

ระหว่างที่เฟิ่งจิ่วเหยียนกำลังแช่ตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำ พลันมีบุรุษบุกเข้ามา

นางหันหลังให้กับเขาแล้วกล่าวว่า “ฝ่าบาท โปรดประทานอภัยที่หม่อมฉันไม่อาจลุกขึ้นคารวะได้”

เซียวอวี้สายตาคมปลาบ

ดึกถึงเพียงนี้แล้ว เพิ่งจะอาบน้ำ?

“ฮองเฮา ลุกขึ้นมาซะ”

เฟิ่งจิ่วเหยียนกุมมือแน่น

ฮ่องเต้ทรราชสงสัยนางหรือ

“ฮองเฮา เจ้าไม่ได้ยินหรือไร!” บุรุษผู้น่าเกรงขามเดินเข้ามาใกล้

เฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำ บนร่างไม่ได้สวมอะไรซักชิ้น

นางสัมผัสได้ถึงสายตาโหดร้ายเย็นชาของเขาที่จ้องมองมายังแผ่นหลังของนาง

ราวกับมีลูกธนูอันแหลมคมทะลุผ่านร่างของนาง

หากนางลุกขึ้นตามที่ฮ่องเต้ทรราชกล่าว เช่นนั้นร่องรอยฝ่ามือที่บั้นเอวของนางจะต้องถูกพบเป็นแน่

ยามนี้สายตาของเซียวอวี้ยิ่งเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ

ดูจากมุมนี้แล้วฮองเฮากับนักฆ่าผู้นั้นออกจะเหมือนกันอยู่บ้าง...

ทันใดนั้นเขาก็ก้าวไปด้านหน้าก้าวใหญ่ จับไหล่ของเฟิ่งจิ่วเหยียนแล้วใช้แรงดึงนางขึ้นมาจากน้ำ

ซ่า...

----------------------------------------------

[1] ผ้าไหมล้ำค่าในสมัยจีนโบราณ มีคุณสมบัติกันน้ำ

[2] ดินแดนของชนเผ่าปาในสมัยโบราณเรียกว่าแคว้นปาโดยพื้นที่นี้ปัจจุบันอยู่บริเวณเขตปกครองตนเองเอินซี ในมณฑลหูเป่ย

[3] สำนวนที่หมายถึงประสบความสำเร็จ หรือได้เลื่อนตำแหน่งในหน้าที่การงาน
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (100)
goodnovel comment avatar
อุไรลักษ์ บุตรโชติ
เลิกติดตามคะ
goodnovel comment avatar
อุไรลักษ์ บุตรโชติ
ถูกหลอกเฉยเลย
goodnovel comment avatar
Joom
The angry king is very smart and strong.
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1550

    เฟิ่งจิ่วเหยียนลองนึกย้อนดู เมื่อครั้งที่เซียวอวี้มอบกระบี่ชื่อหยวนให้นางในตอนนั้น ไม่ได้บอกนางอย่างละเอียดว่า เขาได้มันมาอย่างไรตอนนั้นนางไม่ได้ถามอะไรมากนัก การที่คนอื่นมอบของขวัญให้นาง แล้วนางถามนั่นถามนี่ก็ดูไม่เหมาะสมเช่นกันด้วยเหตุนี้จึงเข้าใจมาตลอดว่า กระบี่ชื่อหยวนนี้เป็นสิ่งที่เขาได้มาโดยบังเอิญคำพูดฝ่ายเดียวของท่านผู้เฒ่าหยวน เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ไม่ได้เชื่อโดยง่ายเช่นกันมือของนางวางลงเบา ๆ บนฝักกระบี่ สีหน้าดูสงบนิ่งและสุขุมในขณะนั้น ท่านผู้เฒ่าหยวนเอ่ยอีกว่า“ข้ามีคำขอที่ไม่เหมาะสมนัก ขอฮองเฮาโปรดคืนมันมาได้หรือไม่...”เฟิ่งจิ่วเหยียนขัดจังหวะคำพูดของเขาทันที“กระบี่เล่มนี้เป็นสิ่งที่ฝ่าบาททรงประทานให้ ขออภัยที่ข้าไม่อาจตัดสินใจเรื่องนี้ได้”ท่านผู้เฒ่าหยวนได้ยินดังนั้น ดูเหมือนจะไม่ยืนกรานอีกต่อไปเช่นกันเขาเอ่ยพึมพำ ด้วยน้ำเสียงแก่ชรา“ช่างเถอะ บางทีหลังจากที่ซีเอ๋อร์เกิดเรื่อง กระบี่เล่มนี้ก็คงถูกทิ้งอยู่ในวัง“ดูเหมือนไม่ว่าจะเป็นซีเอ๋อร์ หรือสิ่งที่นางทิ้งไว้ ข้าล้วนไม่อาจนำพาไปได้“วันนี้ต้องลำบากฮองเฮาเสด็จมาเอง เพื่อบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครั้งนั้นแก

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1549

    หนานเจียงอ๋องก็ทราบถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ ฮองเฮาของแคว้นหนานฉี เป็นเพื่อนสนิทของหร่วนฝูอวี้ และรุ่ยอ๋องแห่งชายแดนใต้ ก็เป็นคนรักของนาง พวกเขาจะช่วยหร่วนฝูอวี้แน่นอน หากหร่วนฝู่อวี้ทรยศหนานเจียง แล้วมอบกู่ราชาให้ชาวฉี... เมื่อคิดเช่นนี้ หนานเจียงอ๋องยิ่งรู้สึกร้อนใจ โชคดีที่เขาได้สั่งปิดประตูเมืองทุกแห่ง และส่งคนไปซุ่มอยู่ที่ชายแดนระหว่างสองแคว้นแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานจะตามหานางเจอ หนานฉี ในเมืองหลวง เฟิ่งจิ่วเหยียนสืบสวนคดีสายลับแคว้นตงซาน ใกล้จะได้ผลสรุปแล้ว นางตามหาผู้ที่เคยรับใช้หยวนเฟยในตอนนั้น รวมถึงพวกนางกำนัลที่ออกจากวังเมื่อถึงวัย และซักถามทีละคน เมื่อรวมกับข้อมูลจากผู้เฒ่าหยวน จึงคาดเดาเรื่องราวทั้งหมดได้คร่าว ๆ แล้ว นางออกนอกวัง ไปพบผู้เฒ่าหยวนด้วยตนเอง มีบางเรื่อง ที่ต้องหารือกับเขา “เดิมเหยาเหนียงถูกแคว้นตงซานส่งไปเป็นสายลับในวัง นางตั้งใจจะอาศัยคำแนะนำของหยวนเฟย เพื่อเข้าใกล้อดีตฮ่องเต้ แต่หยวนเฟยกลับปฏิเสธ “เหยาเหนียงจึงแฝงตัวอยู่ในตำหนักของซูเฟย รอจังหวะลงมือ ในช่วงเวลาเหล่านี้ได้ปลอมลายมือของหยวนเฟ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1548

    หนานเจียงอ๋องทุกรัชสมัยเฝ้าพิทักษ์เขตแดน เพราะมีเพียงสถานที่แห่งนี้เท่านั้น ที่สามารถสร้างหมอกพิษได้ ดวงตาของหร่วนฝูอวี้เต็มไปด้วยความผิดหวัง “ตอนนี้ท่านอ๋องจะขยายอาณาเขตออกไปอย่างไม่หยุด เท่ากับว่าตั้งใจละทิ้งหมอกพิษ” ยังไม่ต้องเอ่ยถึงต้าเซี่ย แม้แต่สภาพอากาศเช่นที่เผ่าสุยเหอ ก็ไม่สามารถสร้างหมอกพิษได้ สีหน้าของหนานเจียงอ๋องมืดครึ้ม “เจ้ากำลังคิดตื้นเขินแบบสตรี! “ตราบใดที่พวกเราพิชิตต้าเซี่ยได้ นั่นก็จะเป็นดินแดนของหนานเจียง! “ส่วนเรื่องหมอกพิษ ขอเพียงรับประกันว่าอาณาเขตเดิมยังถูกปกคลุมด้วยหมอกพิษ และรับประกันราชสำนักอ๋องกับเมืองหลวง...” “หมายความว่า ท่านอ๋องจะซ่อนตัวอยู่ในหมอกพิษตลอดไปหรือ? แล้วจะมั่นใจได้อย่างไรว่า ดินแดนที่ยึดครองได้นั้น จะยอมสวามิภักดิ์ภายใต้การปกครองของท่านตลอดไป? ท่านทำเช่นนี้ เป็นการสิ้นเปลืองทหารเท่านั้น” กษัตริย์ที่ไม่สามารถก้าวออกจากพื้นที่คุ้มครองของหมอกพิษได้ ย่อมไม่น่าเกรงกลัว หร่วนฝูอวี้โกรธจนหัวเราะออกมาเพราะความโง่เขลาของเขา นางยื่นมือออกไป สอดนิ้วเข้าไปในตารางตาข่าย “ผู้ใดสอนให้ท่านทำเช่นน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1547

    สำหรับเรื่องของราชาพิษหนอนกู่ หนานเจียงอ๋องระมัดระวังเป็นพิเศษ ความภาคภูมิใจของเขาที่พุ่งทะยานเสียดฟ้า ถูกดึงลงมาด้วยสติทันที “ไม่ได้ ราชาพิษหนอนกู่จะแตะต้องไม่ได้” นี่คือรากฐานความมั่นคงของชายแดนทั้งสี่ของหนานเจียง อย่างน้อยตอนนี้ก็เป็นเช่นนั้น ก่อนที่หนานเจียงจะแข็งแกร่งพอที่จะต้านทานศัตรูจากภายนอกได้ ราชาพิษหนอนกู่จะต้องไม่เกิดข้อผิดพลาด เซียวเหิงหาได้บีบบังคับไม่ เขานั่งกลับไปที่โต๊ะอาหารของตนเอง จิบสุรา แล้วแสร้งทำเป็นพูดด้วยท่าทีผ่อนคลาย “ดูเหมือนว่า สิ่งที่หนานเจียงได้มาตอนนี้ ท่านอ๋องก็พอพระทัยแล้ว เช่นนั้น วันนี้กระหม่อมควรจะถอนตัว” หนานเจียงอ๋องขมวดคิ้วเป็นปม แน่นอนว่าเขาไม่พอใจ! เมื่อเห็นหนานเจียงก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ข่าวชัยชนะจากชายแดนส่งมาไม่ขาดสาย ทำให้เขามีความสุขมากในทุก ๆ วัน สันติสุขและชนเผ่าเล็ก ๆ เหล่านั้น ไม่เพียงพอที่จะให้เขาอิ่มท้อง ยิ่งกว่านั้นเมื่อครู่เซียวเหิงบอกว่า เป้าหมายต่อไปคือต้าเซี่ย ถึงแม้ความแข็งแกร่งของต้าเซี่ยจะสู้หนานฉีและแคว้นตงซานไม่ได้ แต่เทียบได้กับแคว้นซีหนี่ว์ในตอนนี้ ทั้

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1546

    เซียวอวี้เอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “จิ่วเหยียน เรารู้ว่าแคว้นซีหนี่ว์มีความหมายกับเจ้าต่างจากที่อื่น “เราเองก็กำลังมองหาวิธีที่จะอยู่ร่วมกัน “เจ้าอย่าเพิ่งกังวล หากวันนั้นมาถึงจริง ๆ เราจะหารือกับเจ้าก่อน “แน่นอนว่า จะอย่างไรก็ตาม เราไม่อยากให้เรื่องไปถึงขั้นนั้นเหมือนกัน “ตราบใดที่แคว้นซีหนี่ว์ไม่กระทำเหมือนหนานเจียง ที่ถูกผู้อื่นหลอกใช้ และคุกคามพรมแดนหนานฉีของเรา เราจะไม่ลงมือใด ๆ “ส่วนแคว้นตงซาน มันไม่ใช่แคว้นเล็กเช่นหนานเจียง ถึงแม้เราอยากจะทำสงครามด้วย ก็จะไม่ทำอย่างวู่วาม” เฟิ่งจิ่วเหยียนผงกศีรษะ “หม่อมฉันเข้าใจแล้ว หม่อมฉันจะไม่แทรกแซงเรื่องของหนานเจียง” นางดูใจเย็นมาก ดูเหมือนจะไม่ตำหนิที่เขาปิดบัง เซียวอวี้ยังคงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย เขาโอบไหล่ของนางอย่างอ่อนโยน กอดนางไว้ “จิ่วเหยียน เจ้าคุยกับเราอีกหน่อยเถิด เจ้ายังคิดว่าเราทำผิดหรือไม่?” เฟิ่งจิ่วเหยียน กล่าวอย่างช้า ๆ “เรื่องนี้ไม่มีถูกหรือผิด มีเพียงความแตกต่างระหว่างการพิจารณามากน้อย และการยอมเสียสละฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง “ท่านคือฮ่องเต้ผู้ประทับบนบัลลั

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1545

    วังหลวง ตกกลางคืน เซียวอวี้ออกจากห้องทรงพระอักษรตรงไปยังตำหนักหย่งเหอ บุตรชายทั้งสองเข้านอนไปแล้ว เฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งอยู่ที่โต๊ะ ดูเหมือนกำลังรอเขาอยู่ เซียวอวี้นั่งลงข้าง ๆ จับมือนางไว้แน่น สีหน้าละอายใจเล็กน้อย นางไม่ได้ดิ้นรนขัดขืน เพียงเงยหน้าขึ้น มองเขาอย่างสงบนิ่ง “เรื่องของหนานเจียง ท่านวางแผนจะทำอย่างไร” เซียวอวี้พูดเรื่องอื่นเพื่อเลี่ยงไม่ตอบ “กินมื้อเย็นหรือยัง? ไยวันนี้พวกอาหลิ่นถึงเข้านอนเร็วนัก?” เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ตอบคำถามนี้ของเขา นางวกกลับมาที่เรื่องเดิม “ท่านปิดบังไม่ได้หรอก” เซียวอวี้ถอนหายใจเบา ๆ ใช้นิ้วหัวแม่มือลูบไล้ฝ่ามือของนางสองสามครั้ง เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เราได้เขียนจดหมายไปถึงรุ่ยหลินแล้ว ให้เขาส่งสายลับเข้าไปในหนานเจียง “ไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่เจ้าคิด แค่รอให้เซียวเหิงทำลายหมอกพิษในหนานเจียงจนหมดสิ้น กองทัพชายแดนใต้ก็จะบุกเข้าสู่หนานเจียง “เราก็ได้เตือนพวกเขาอย่างเป็นทางการ ให้พยายามหลีกเลี่ยงการนองเลือด จับโจรต้องจับหัวก่อน ด้วยการควบคุมราชสำนักอ๋อง ก็จะสามารถยึดครองหนานเจียงทั้งหมด

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status