공유

บทที่ 10

작가: อี้ซัวเยียนอวี่
ดูเหมือนว่ารุ่ยอ๋องจะเพิ่งออกมาจากตำหนักฉือหนิง เขาก้าวเดินมาข้างหน้าแล้วคารวะเฟิ่งจิ่วเหยียน

“น้องชายขอคารวะพี่สะใภ้”

การที่เขาเรียกนางเป็นพี่สะใภ้ไม่ใช่ฮองเฮา แสดงให้เห็นว่าเขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับฮ่องเต้

เหลียนซวงที่ชำเลืองมองรุ่ยอ๋องตกอยู่ในภวังค์

รุ่ยอ๋องช่างรูปงามเสียจริง! หน้าตาสะอาดสะอ้าน บุคลิกมารยาทงามสง่า ลักษณะเช่นนี้ดีกว่าฮ่องเต้ทรราชที่เอาแต่ฆ่าคนตั้งมาก

หากผู้ที่คุณหนูแต่งด้วยคือ...

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เหลียนซวงก็รีบหยุดความคิดที่ไร้สาระนี้ทันที

กฎระเบียบในวังเคร่งครัดยิ่งนัก ไม่อาจเทียบกับในค่ายทหารที่สามารถพูดคุยกับบุรุษอย่างไรก็ได้

เมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนกำลังจะจากไป รุ่ยอ๋องพลันเอ่ยปากแสดงความเป็นห่วงออกมา

“การประหารเมื่อวานนี้พี่สะใภ้ได้รับความตระหนกหรือไม่? ”

เฟิ่งจิ่วเหยียนที่จดจ่ออยู่กับความคิดตอบกลับอย่างกลัวพิกุลจะร่วงว่า “ไม่”

“เมื่อวานยามที่พี่สะใภ้ปราบพยศม้าตัวนั้น ข้าบังเอิญเห็นเข้าพอดี ท่านฝีมือดียิ่ง ที่จริงแล้วฝ่าบาททรงโปรดสตรีที่มีทักษะการขี่ม้า พี่สะใภ้เริ่มต้นจากเรื่องนี้ดู บางทีอาจจะได้รับความโปรดปราน”

น้ำเสียงของรุ่ยอ๋องอ่อนโยนนุ่มนวลราวกับเป็นมิตรสหายของนาง

ความประทับใจที่เฟิ่งจิ่วเหยียนมีต่อเขานับว่าไม่เลวเลย เมื่อเห็นเขาที่สวมชุดขาวทั้งร่าง ความทรงจำที่เก่าจนฝุ่นจับก็วนเวียนอยู่ในหัวของนาง ความรักความทุกข์ทรมานผสมผสานปะปนไม่อาจแยกได้

“ขอบใจเจ้ามาก”

แต่นางไม่ต้องการ

ที่นางเรียนขี่ม้ายิงธนู ไม่ใช่เพื่อเอาอกเอาใจบุรุษ

ณ ตำหนักฉือหนิง

ไทเฮากำลังอบรมสั่งสอนเฟิ่งจิ่วเหยียน

“เจ้ามีฐานะเป็นถึงฮองเฮา ต้องดูแลจัดการเหล่าสตรีในวังหลังให้ดี ตั้งแต่สนมชั้นเฟยทั้งสี่ไปจนถึงเหล่านางกำนัลและขันที

“นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ควบคุมและตักเตือน

“อย่างเช่นเรื่องที่ฝ่าบาททรงโปรดปรานหวงกุ้ยเฟยแต่เพียงผู้เดียว เจ้าเป็นฮองเฮาก็ต้องคอยโน้มน้าวฝ่าบาท ให้ฝนตกทั่วฟ้า เช่นนี้จึงจะรักษาสมดุลของทุกฝ่ายเอาไว้ได้

“อย่าได้ดูถูกวังหลังไป เบื้องหลังสนมนางในเหล่านั้น ล้วนมีข้าหลวงรับราชการอยู่วังหน้า...”

ดูเผิน ๆ เฟิ่งจิ่วเหยียนเหมือนจะตั้งใจฟัง แต่ที่จริงแล้วจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแม้แต่น้อย

เข้าวังมาสองวันแล้ว นางไม่ได้ลืมความแค้นที่ต้องชำระ

คืนนี้นางตัดสินใจที่จะไปตรวจสอบที่ตำหนักหลิงเซียวซักหน่อย

ณ ตำหนักหลิงเซียว ในเวลาเดียวกัน

ห้องภูษาหลวงส่งเสื้อผ้าอาภรณ์ใหม่มา ผ้าแพรต่วนวาววับส่องประกาย

สาวใช้กล่าวอย่างประจบประแจง

“พระสนม ฝ่าบาทช่างโปรดปรานรักใคร่ท่านเหลือเกินเพคะ ผ้าไหมฝูกวง[1]ที่แคว้นปา[2]ส่งมาเป็นเครื่องบรรณาการ ล้วนแต่พระราชทานเป็นรางวัลให้ท่านทั้งหมด หากคืนนี้พระสนมสวมอาภรณ์เหล่านี้ไปร่วมบรรทมจะต้องทำให้ฝ่าบาทไม่อาจละสายตาได้เป็นแน่เพคะ!”

รอยยิ้มของหวงกุ้ยเฟยนั้นเป็นความงามที่ทำให้ผู้คนลุ่มหลงมัวเมา

แต่ทันใดนั้นเองรอยยิ้มของนางก็เลือนหาย นางจ้องตรงไปยังลายปักรูปดอกหลิงหลานบนอาภรณ์ตัวนั้น ใบหน้าแสดงความกรุ่นโกรธ

“นี่ปักลายอะไรกัน!”

“พระสนมโปรดระงับโทสะ...”

“โบยแปดสิบที ขับไล่ออกจากวัง” หวงกุ้ยเฟยพูดด้วยเสียงแผ่วเบา รวมทั้งโยนอาภรณ์ตัวนั้นทิ้งโดยไม่แม้แต่จะชายตามอง

แม้แต่เหล่าสาวใช้เองยังรู้สึกว่านี่ช่างโหดร้ายเหลือเกิน โบยแปดสิบที ย่อมเป็นการเอาชีวิตแล้ว

เพียงแค่วันเดียวช่างปักในห้องภูษาหลวงก็ตายไปสิบสามคน ผู้คนในวังล้วนหวาดผวา กลัวว่าจะไปทำให้หวงกุ้ยเฟยไม่พอใจเข้า

ยามค่ำ ฝ่าบาทเสด็จมาที่ตำหนักหลิงเซียว ในตำหนักมีเสียงอ่อนหวานดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“ฝ่าบาทเพคะ ลายปักนั้นช่างน่าเกลียดเกินไปแล้ว หม่อมฉันจะสวมออกไปข้างนอกได้อย่างไรกัน ฝ่าบาทเองก็รู้สึกว่าหม่อมฉันทำผิดอย่างงั้นหรือเพคะ?”

ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานนางอย่างไร้ขอบเขต “ไม่ผิด สมควรฆ่าทิ้ง”

ทันใดนั้นเองเขาก็มองขึ้นไปบนขื่อของเรือน ชุดคลุมยาวสะบัดไหว อาวุธลับที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อชิ้นหนึ่งพุ่งขึ้นไปบนหลังคา

อาวุธลับพุ่งทะลุแผ่นกระเบื้อง เห็นเงาร่างสีดำเคลื่อนไหวอยู่บนหลังคา

ยามนี้เองเหล่าองครักษ์เพิ่งจะรู้ตัวว่าตำหนักหลิงเซียวมีนักฆ่าลอบเข้ามา แต่ละคนต่างชักดาบออกจากฝักเตรียมที่จะสังหารนักฆ่า

พวกเขาบุกขึ้นไปบนหลังคา เกือบจะล้อมนักฆ่าเอาไว้ได้แล้ว แต่คาดไม่ถึงว่านักฆ่าผู้นั้นจะมีฝีมือขนาดนี้ เพียงชั่วพริบตาก็หายตัวไปท่ามกลางหมอกควัน

เหล่าองครักษ์ไม่เคยพบเจอสถานการณ์ที่แปลกประหลาดขนาดนี้มาก่อน จึงได้แต่มองหน้ากันเลิ่กลั่ก

ที่จริงแล้วนี่เป็นเพียงการวัดกันที่ความเร็วเท่านั้น

วิชาตัวเบาของเฟิ่งจิ่วเหยียน แม้แต่อาจารย์ของนางยังเคยชมว่านางเป็นอัจฉริยะยากที่จะพานพบ

คืนนี้นางลอบเข้าตำหนักหลิงเซียวสำเร็จ ทั้งยังหลบองครักษ์พวกนั้นและกลไกลับได้ กลับไม่อาจซ่อนตัวจากฮ่องเต้ทรราชนั่นได้

ดูเหมือนกำลังภายในของฮ่องเต้ทรราชนั่นจะลึกล้ำเป็นอย่างมาก จึงสามารถรับรู้ได้ถึงการมีอยู่ของนาง

เป็นนางที่ประเมินศัตรูต่ำไป

นางเกือบจะออกจากตำหนักหลิวเซียวอยู่แล้ว ทันใดนั้นด้านหน้าพลันมีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นบดบังทางหนีของนาง

คนผู้นั้นสยายผมสีดำขลับ ชุดคลุมดำด้านหน้าแง้มออกเล็กน้อย คอเสื้อเผยให้เห็นถึงลูกกระเดือกและเส้นเอ็นที่ขยายลงไปใต้อาภรณ์ ทั่วทั้งร่างแผ่กลิ่นอายที่มืดมนและโหดเหี้ยม

เขาไม่ได้พกอาวุธใดติดตัวมา จึงอาศัยฝ่ามือต่างกระสวยพุ่งเข้าโจมตีไปที่นาง

เฟิ่งจิ่วเหยียนตระหนักได้ว่าคนผู้นี้แข็งแกร่งมาก

แต่นางเองก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วไม่แพ้กัน นางสวมชุดพรางตัวท่าทางคล่องแคล่วปราดเปรียว หลบหลีกจากการโจมตีของเขามาได้และยังตีลังกาข้ามมาข้างหลังเขาประหนึ่งปลากระโดดเข้าประตูมังกรอีกด้วย[3]

ขณะเดียวกันนางก็ยิงลูกธนูสั้นในแขนเสื้อออกไป...

เซียวอวี้หน้าตาเคร่งขรึม

นักฆ่าคนนี้ แข็งแกร่งมาก

แค่เรื่องความเร็วก็เหนือกว่าเขาแล้ว

แต่...ไม่ได้หมายความว่าไม่มีจุดอ่อน

เขาเอียงตัวหลบลูกธนูสั้น แล้วออกฝ่ามือไปที่บั้นเอวของนาง

เฟิ่งจิ่วเหยียนโงนเงนไปข้างหน้า นางรีบหยัดเท้าลงบนพื้นแล้วหันกายกลับมาอย่างรวดเร็ว

ผมของนางสยายออกมากลางอากาศ ตวัดเป็นเส้นโค้งที่งดงาม

ดวงตาทั้งสองข้างของเซียวอวี้หรี่ลงเล็กน้อย

สตรีงั้นหรือ

เฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้ว

บั้นเอวของนางมีแผลเก่าอยู่

นึกไม่ถึงว่าฝ่ายตรงข้ามจะมองออก ทั้งยังโจมตีมาที่แผลเก่านั้นของนาง

เขาเป็นใครกันแน่!

องครักษ์ลับข้างกายของฮ่องเต้ทรราชงั้นหรือ!

เหล่าองครักษ์ต่างมารวมตัวกันจากทุกสารทิศ

เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่อาจสู้ต่อไปได้ จึงปล่อยระเบิดควันออกมาอีกครั้ง แล้วใช้ความเร็วอันน่าเหลือเชื่อหลบหนีจากไป

แต่ทว่าเซียวอวี้มีพลังการมองเห็นที่แข็งแกร่ง สามารถมองตามเงาร่างที่เคลื่อนย้ายไปอย่างรวดเร็วได้ทัน

ณ ตำหนักหย่งเหอ

พอเฟิ่งจิ่วเหยียนกลับมาเหลียนซวงก็ปรี่เข้ามาปรนนิบัตินางเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนำชุดพรางตัวที่ถอดออกมาไปเก็บซ่อนทันที

“ฮองเฮา ท่านไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่!”

“ข้าไม่เป็นไร” เฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้วแน่น

ฝ่ามือเมื่อครู่ของบุรุษผู้นั้นทำให้แผลเก่าของนางกำเริบแล้ว

เฟิ่งจิ่วเหยียนใช้น้ำร้อนอาบน้ำ เหลียนซวงที่เพิ่งจะก้าวออกจากตำหนักมองเห็นคนผู้หนึ่ง

เขาก้าวเดินออกมาจากเงามืด รูปลักษณ์งามสง่า สวมเสื้อคลุมมังกรอันเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงสถานะสูงสุดเหนือผู้ใด สวมกวานหยกม่วงรวบผมเอาไว้ ทุกย่างก้าวที่ย่ำเดินมั่นคงและน่าเกรงขาม

ดูเหมือนเขาจะเป็นฮ่องเต้

เหลียนซวงที่พบฮ่องเต้เป็นครั้งแรกตกตะลึงนิ่งอึ้งอยู่กับที่

นึกไม่ถึงเลยว่าฮ่องเต้ทรราชจะหน้าตาหล่อเหลางามสง่าเช่นนี้ รูปงามล่อลวงวิญญาณราวกับปีศาจในหนังสือภาพก็ไม่ปาน

ทว่ากลับน่ากลัว...ราวกับยมฑูตที่มาคร่าชีวิต!

“บ่าวคารวะฝ่าบาทเพคะ!”

เซียวอวี้ย่างก้าวตรงเข้าไปในตำหนัก

เมื่อครู่นักฆ่าผู้นั้นหายตัวไปในตำหนักหย่งเหอ

บั้นเอวของนางได้รับบาดเจ็บ แค่ตรวจดูก็รู้แล้ว

ระหว่างที่เฟิ่งจิ่วเหยียนกำลังแช่ตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำ พลันมีบุรุษบุกเข้ามา

นางหันหลังให้กับเขาแล้วกล่าวว่า “ฝ่าบาท โปรดประทานอภัยที่หม่อมฉันไม่อาจลุกขึ้นคารวะได้”

เซียวอวี้สายตาคมปลาบ

ดึกถึงเพียงนี้แล้ว เพิ่งจะอาบน้ำ?

“ฮองเฮา ลุกขึ้นมาซะ”

เฟิ่งจิ่วเหยียนกุมมือแน่น

ฮ่องเต้ทรราชสงสัยนางหรือ

“ฮองเฮา เจ้าไม่ได้ยินหรือไร!” บุรุษผู้น่าเกรงขามเดินเข้ามาใกล้

เฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำ บนร่างไม่ได้สวมอะไรซักชิ้น

นางสัมผัสได้ถึงสายตาโหดร้ายเย็นชาของเขาที่จ้องมองมายังแผ่นหลังของนาง

ราวกับมีลูกธนูอันแหลมคมทะลุผ่านร่างของนาง

หากนางลุกขึ้นตามที่ฮ่องเต้ทรราชกล่าว เช่นนั้นร่องรอยฝ่ามือที่บั้นเอวของนางจะต้องถูกพบเป็นแน่

ยามนี้สายตาของเซียวอวี้ยิ่งเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ

ดูจากมุมนี้แล้วฮองเฮากับนักฆ่าผู้นั้นออกจะเหมือนกันอยู่บ้าง...

ทันใดนั้นเขาก็ก้าวไปด้านหน้าก้าวใหญ่ จับไหล่ของเฟิ่งจิ่วเหยียนแล้วใช้แรงดึงนางขึ้นมาจากน้ำ

ซ่า...

----------------------------------------------

[1] ผ้าไหมล้ำค่าในสมัยจีนโบราณ มีคุณสมบัติกันน้ำ

[2] ดินแดนของชนเผ่าปาในสมัยโบราณเรียกว่าแคว้นปาโดยพื้นที่นี้ปัจจุบันอยู่บริเวณเขตปกครองตนเองเอินซี ในมณฑลหูเป่ย

[3] สำนวนที่หมายถึงประสบความสำเร็จ หรือได้เลื่อนตำแหน่งในหน้าที่การงาน
이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요
댓글 (100)
goodnovel comment avatar
อุไรลักษ์ บุตรโชติ
เลิกติดตามคะ
goodnovel comment avatar
อุไรลักษ์ บุตรโชติ
ถูกหลอกเฉยเลย
goodnovel comment avatar
Joom
The angry king is very smart and strong.
댓글 모두 보기

최신 챕터

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1394

    ไทเฮาทรงหนังตากระตุกอย่างแรง“มนุษย์โอสถอะไรกัน? เมืองชายแดนเกิดสิ่งใดขึ้น?”องค์หญิงใหญ่ทรงหัวใจเต้นแรงเช่นกัน มีลางสังหรณ์ไม่ดีโดยไม่ทราบสาเหตุข้าหลวงผู้นั้นตอบอย่างระมัดระวัง“เมืองชายแดนเต็มไปด้วยมนุษย์โอสถ ฝ่าบาททรงกำลังตรวจการณ์อยู่ที่เมืองชายแดน จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวคราวส่งกลับมา เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างร้อนใจยิ่งนัก กำลังเตรียมการอย่างเร่งด่วนที่จะส่งคนไปยังเมืองชายแดน...”องค์หญิงใหญ่ทรงมีสีหน้าซีดเซียวหากเป็นเช่นนั้นจริง นั่นจะเป็นหายนะครั้งใหญ่!เมืองชายแดนเป็นดินแดนที่เป่ยเยี่ยนยกให้หนานฉี เดิมก็ไม่ได้มีเจตนาเดียวกับหนานฉีหากจะหวังให้เจ้าหน้าที่และราษฎรที่นั่นคุ้มครองฮ่องเต้ คงเป็นไปไม่ได้เด็ดขาดเรื่องของพวกมนุษย์โอสถเหล่านั้น แน่นอนว่าต้องเป็นพวกเขาที่แอบวางแผนไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว รอเพียงแต่ให้ฮ่องเต้เข้าไปติดกับ!หากเป็นเช่นนั้น พวกเขาคงไม่มีทางอนุญาตให้ทหารนานฉีเข้าไปองค์หญิงใหญ่ทรงมีสีหน้าเคร่งเครียด จมอยู่กับความคิดเรื่องของสำนักคุ้มภัยหลินหย่วนกับสวีเจิน ยังสามารถเลื่อนไปก่อนได้ สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ ก็คือช่วยฮ่องเต้กับฮองเฮากลับมา“ฉีเอ๋อร์?”

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1393

    “เรียนท่านแม่ทัพ หลายวันมานี้จู่ ๆ ก็มีพวกมนุษย์โอสถจำนวนมากปรากฏตัวขึ้น เมืองชายแดนหลายแห่งต่างถูกยึดครอง!”เมื่อเมิ่งฉวีได้ยินเรื่องนี้ รู้สึกสันหลังเย็นวาบขึ้นมาทันทีคดีมนุษย์โอสถ มิใช่ว่าจบสิ้นไปหมดแล้วหรือ?เหตุใดพวกเขาถึงหวนกลับมาอีก?หรือว่าเป็นแคว้นตงซานที่ลงมือ?“มีข่าวคราวของฝ่าบาทกับฮองเฮาหรือไม่?” เมิ่งฉวีถามทหารสอดแนมที่รับผิดชอบในการสืบหาข่าวผู้นั้นทหารสอดแนมตอบกลับ“มนุษย์โอสถกำลังอาละวาด ตอนนี้ประตูเมืองทุกแห่งต่างปิดสนิท เกรงว่าสถานการณ์ของฝ่าบาทกับฮองเฮาไม่ค่อยสู้ดีนักขอรับ”เหล่าผู้บัญชาการคนอื่น ๆ ในกระโจมต่างพากันเสนอความเห็น“ท่านแม่ทัพเมิ่ง พวกเราต้องส่งทหารไปช่วยฝ่าบาทกับฮองเฮา!”“ท่านแม่ทัพ ฝ่าบาทกับฮองเฮามีคนคอยคุ้มกัน จะต้องรอดพ้นจากอันตรายได้อย่างแน่นอน พวกเราในฐานะทหารชายแดน สมควรต้องอยู่ปกป้องชายแดน!”“ถูกต้องท่านแม่ทัพ ตามสถานการณ์นี้ พวกมนุษย์โอสถเหล่านั้นไม่นานก็คงมาถึงชายแดน พวกเราควรต้องป้องกันไว้ก่อน! เริ่มจากสั่งการลงไป ให้เพิ่มทหารออกลาดตระเวนในค่าย ทันทีที่พบมนุษย์โอสถ ก็ให้สังหารโดยไม่ลังเล!”ทหารสอดแนมยังเตือนเมิ่งฉวี“ท่านแม่ทัพ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1392

    หยวนตั๋วมิได้ปฏิเสธการคาดเดาของเซียวม่อ“ใช่ พวกมนุษย์โอสถที่อยู่ด้านนอก ล้วนเป็นฝีมือของข้ากับสหายสวี”เซียวม่อมองไปทางสวีเจิน คนหลังคำนับให้เขาอีกครั้ง“ข้าน้อยสกุลสวีเลื่อมใสท่านอ๋องมานาน ตอนนี้มีโอกาสได้รับใช้ท่านอ๋อง...”“พวกท่านช้าก่อน!” เซียวม่อขัดจังหวะคำพูดของสวีเจินสวีเจินมองไปทางหยวนตั๋วโดยไม่รู้ตัวเห็นได้ชัดว่า เขาทำตามคำสั่งของหยวนตั๋วทั้งหมดหยวนตั๋วมีท่าทีใจเย็น “ท่านอ๋องยังมีข้อสงสัยอันใดอีกหรือ?”เซียวม่อสีหน้าเคร่งขรึม“ท่านหยวน ข้าต้องคอยอยู่ในคุกตั้งนาน แต่ท่านมัวแต่จัดการเรื่องของมนุษย์โอสถอยู่ภายนอกใช่หรือไม่?”หยวนตั๋วมุมปากยกโค้งเล็กน้อยคนโง่ที่ไม่รู้จักแยกแยะความสำคัญ ถึงเวลานี้แล้ว ยังจะคิดเล็กคิดน้อยว่าไม่ช่วยเขาออกมาเร็วกว่านี้อีกหรือ?“ท่านอ๋อง เป็นข้าที่คิดไม่รอบคอบ เลยทำให้ท่านต้องลำบาก”สวีเจินรีบช่วยอธิบายให้หยวนตั๋ว“ท่านอ๋องอย่าตำหนิคุณชายหยวนเลย เรื่องของมนุษย์โอสถเกี่ยวพันกันซับซ้อน ตอนแรกคุณชายหยวนก็ยังไม่มั่นใจนัก“เพื่อป้องกันไม่ให้โยงใยมาถึงท่านอ๋อง จึงคิดจะแบกรับภาระทั้งหมด“ตอนนี้พิษมนุษย์โอสถสำเร็จแล้ว จึงรีบไปรับท่านอ๋องออ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1391

    “ใยแมงมุม” เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา หากมิใช่ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านกลไก ก็ยากที่จะเข้าใจความลึกลับของมันอย่างถ่องแท้อย่างเช่น การเปิดทางเข้าและทางออก หรือพื้นที่ภายในมีระบบกลไกป้องกันศัตรูหรือไม่“ใยแมงมุม” ที่พวกเฟิ่งจิ่วเหยียนขุดพบ คือห้องลับใต้ดินที่สามารถรองรับคนได้หลายร้อยคนนางพบกลไกในการเข้ามา แต่ยังไม่พบกลไกในการออกไปในตอนนี้สถานที่นี้พอที่จะให้พวกเขาหลบซ่อนจากพวกมนุษย์โอสถด้านนอกได้ทว่า สิ่งที่เร่งด่วนที่สุดในตอนนี้คือต้องหาทางออกให้พบ หรือไม่ก็หาทางเข้าที่เชื่อมต่อไปยัง “ใยแมงมุม” ส่วนถัดไปในขณะเดียวกัน ก็ยังต้องระมัดระวัง ห้ามแตะต้องสุ่มสี่สุ่มห้า เพื่อมิให้ไปกระทบกับกลไกป้องกันศัตรู เพราะกลไกประเภทนี้ส่วนใหญ่จะร้ายแรงและทรงพลัง เป็นอันตรายถึงชีวิตหลังจากผ่านการขุดอุโมงค์ และหลบซ่อนอยู่หลายวัน ตอนนี้ได้พบห้องลับใต้ดินแล้ว เสียวอู่มองไปรอบ ๆ ถอนหายใจพลางเอ่ย“ในที่สุดก็ไม่ต้องคลานไปข้างหน้าแล้ว ความรู้สึกของการยืดหลังตรงเป็นคนปกตินั้นดีกว่าจริง ๆ !”เซียวอวี้เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง“ก็ไม่เห็นว่าเจ้าจะได้ออกแรงขุดอุโมงค์”เสียวอู่หัวเราะหึหึ“ศิษย์พี่ หน้าที่ของ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1390

    จู่ ๆ หร่วนฝูอวี้ก็พูดขึ้นว่าจะกลับหนานฉี รุ่ยอ๋องไม่เข้าใจเหตุผลรู้แต่ว่า ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาชวนนางกลับไป นางตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะไม่ยอมทิ้งหนานเจียงโดยไม่สนใจเนื่องจากหร่วนฝูอวี้มีอารมณ์ตื่นตัวรุนแรง ยังไม่ทันที่รุ่ยอ๋องจะถามเหตุผลให้ชัดเจน นางก็มีอาการน้ำเดินแล้วทันทีที่น้ำเดิน ก็ต้องคลอดแล้วหร่วนฝูอวี้ไม่คาดคิดเช่นกันว่า เรื่องนี้จะเกิดขึ้นอย่างกะทันหันเช่นนี้รุ่ยอ๋องเจอเหตุการณ์เช่นนี้เป็นครั้งแรก จึงตกใจจนทำตัวไม่ถูกเขาอุ้มหร่วนฝูอวี้ขึ้นมา และเดินเข้าไปในห้อง พร้อมกับตะโกนเสียงดัง“รีบไปตามหมอตำแยมา!”ในลานกว้าง หลิวหวากับเหล่าองครักษ์ต่างเผยให้เห็นสีหน้ายินดีในที่สุดพระชายาก็จะคลอดแล้ว!พวกเขารีบวิ่งไปเชิญหมอตำแยขณะที่รอหมอตำแย รุ่ยอ๋องก็คอยเฝ้าหร่วนฝูอวี้อยู่ในห้องตลอดเวลาในจวนมีสาวใช้อยู่หลายคน เป็นรุ่ยอ๋องที่จัดเตรียมไว้ล่วงหน้า เผื่อว่าหร่วนฝูอวี้จะคลอดอย่างกะทันหันพวกนางล้วนมีประสบการณ์ จึงรีบไปต้มน้ำร้อน และเตรียมสิ่งของที่จำเป็นต้องใช้อย่างกรรไกรหร่วนฝูอวี้ปวดท้องอย่างรุนแรง จึงคว้ามือของรุ่ยอ๋อง มาใส่ปากแล้วกัดไว้รุ่ยอ๋องก็ไม่สนใจความเจ็บปวด ย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1389

    “มีหนอนบ่อนไส้?!” หนานเจียงอ๋องมีปฏิกิริยาต่อเรื่องนี้อย่างรุนแรงเมื่อย้อนคิดดูอีกที ก็มีความเป็นไปได้เช่นนั้นจริงความสามารถของเสิ่นซิง เขารู้เป็นอย่างดียังมีกู่ราชานั่นด้วยหากไม่มีหนอนบ่อนไส้ช่วยเหลือ กลุ่มค้ามนุษย์โอสถจะรู้ได้อย่างไรว่ามีกู่ราชา และรู้ได้อย่างไรว่ามันสามารถแยกออกจากแหล่งอาศัยได้?“จักต้องสืบเรื่องนี้ให้แน่ชัด!”หนานเจียงอ๋องสายตาคมกริบ ไม่อาจยอมรับผู้ที่ทรยศบ้านเมืองได้เมื่อไม่มีกู่ราชา หมอกพิษของแคว้นหนานเจียงก็คงสภาพอยู่ได้ไม่นานครู่ต่อมา หร่วนฝูอวี้ก็ออกมาจากพระราชวังรุ่ยอ๋องกำลังรอนางอยู่ด้านนอกแววตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวล ไม่อาจทนเห็นนางในสภาพท้องโตต้องวิ่งวุ่นไปทั่ว“พวกเรากลับหนานฉีกันเถอะ” รุ่ยอ๋องเสนอช่วงหลายวันที่ผ่านมาหร่วนฝูอวี้ได้รับความทุกข์ทรมาน แต่ประกายแสงในดวงตากลับยิ่งแน่วแน่และสว่างไสว“ในเวลาเช่นนี้ ข้าจะทิ้งหนานเจียงไปโดยไม่สนใจได้อย่างไร?“อีกอย่าง ท่านอ๋องทรงมีคำสั่งปิดประตูเมืองแล้ว พวกเราไม่อาจออกไปได้”รุ่ยอ๋องจับมือนางขึ้นมา พร้อมเอ่ยอย่างหนักแน่นและจริงใจ“มิใช่ว่าจะไม่ให้เจ้าสนใจการอยู่รอดหรือล่มสลายของหนานเจีย

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status