Share

บทที่ 10

Author: อี้ซัวเยียนอวี่
ดูเหมือนว่ารุ่ยอ๋องจะเพิ่งออกมาจากตำหนักฉือหนิง เขาก้าวเดินมาข้างหน้าแล้วคารวะเฟิ่งจิ่วเหยียน

“น้องชายขอคารวะพี่สะใภ้”

การที่เขาเรียกนางเป็นพี่สะใภ้ไม่ใช่ฮองเฮา แสดงให้เห็นว่าเขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับฮ่องเต้

เหลียนซวงที่ชำเลืองมองรุ่ยอ๋องตกอยู่ในภวังค์

รุ่ยอ๋องช่างรูปงามเสียจริง! หน้าตาสะอาดสะอ้าน บุคลิกมารยาทงามสง่า ลักษณะเช่นนี้ดีกว่าฮ่องเต้ทรราชที่เอาแต่ฆ่าคนตั้งมาก

หากผู้ที่คุณหนูแต่งด้วยคือ...

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เหลียนซวงก็รีบหยุดความคิดที่ไร้สาระนี้ทันที

กฎระเบียบในวังเคร่งครัดยิ่งนัก ไม่อาจเทียบกับในค่ายทหารที่สามารถพูดคุยกับบุรุษอย่างไรก็ได้

เมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนกำลังจะจากไป รุ่ยอ๋องพลันเอ่ยปากแสดงความเป็นห่วงออกมา

“การประหารเมื่อวานนี้พี่สะใภ้ได้รับความตระหนกหรือไม่? ”

เฟิ่งจิ่วเหยียนที่จดจ่ออยู่กับความคิดตอบกลับอย่างกลัวพิกุลจะร่วงว่า “ไม่”

“เมื่อวานยามที่พี่สะใภ้ปราบพยศม้าตัวนั้น ข้าบังเอิญเห็นเข้าพอดี ท่านฝีมือดียิ่ง ที่จริงแล้วฝ่าบาททรงโปรดสตรีที่มีทักษะการขี่ม้า พี่สะใภ้เริ่มต้นจากเรื่องนี้ดู บางทีอาจจะได้รับความโปรดปราน”

น้ำเสียงของรุ่ยอ๋องอ่อนโยนนุ่มนวลราวกับเป็นมิตรสหายของนาง

ความประทับใจที่เฟิ่งจิ่วเหยียนมีต่อเขานับว่าไม่เลวเลย เมื่อเห็นเขาที่สวมชุดขาวทั้งร่าง ความทรงจำที่เก่าจนฝุ่นจับก็วนเวียนอยู่ในหัวของนาง ความรักความทุกข์ทรมานผสมผสานปะปนไม่อาจแยกได้

“ขอบใจเจ้ามาก”

แต่นางไม่ต้องการ

ที่นางเรียนขี่ม้ายิงธนู ไม่ใช่เพื่อเอาอกเอาใจบุรุษ

ณ ตำหนักฉือหนิง

ไทเฮากำลังอบรมสั่งสอนเฟิ่งจิ่วเหยียน

“เจ้ามีฐานะเป็นถึงฮองเฮา ต้องดูแลจัดการเหล่าสตรีในวังหลังให้ดี ตั้งแต่สนมชั้นเฟยทั้งสี่ไปจนถึงเหล่านางกำนัลและขันที

“นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ควบคุมและตักเตือน

“อย่างเช่นเรื่องที่ฝ่าบาททรงโปรดปรานหวงกุ้ยเฟยแต่เพียงผู้เดียว เจ้าเป็นฮองเฮาก็ต้องคอยโน้มน้าวฝ่าบาท ให้ฝนตกทั่วฟ้า เช่นนี้จึงจะรักษาสมดุลของทุกฝ่ายเอาไว้ได้

“อย่าได้ดูถูกวังหลังไป เบื้องหลังสนมนางในเหล่านั้น ล้วนมีข้าหลวงรับราชการอยู่วังหน้า...”

ดูเผิน ๆ เฟิ่งจิ่วเหยียนเหมือนจะตั้งใจฟัง แต่ที่จริงแล้วจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแม้แต่น้อย

เข้าวังมาสองวันแล้ว นางไม่ได้ลืมความแค้นที่ต้องชำระ

คืนนี้นางตัดสินใจที่จะไปตรวจสอบที่ตำหนักหลิงเซียวซักหน่อย

ณ ตำหนักหลิงเซียว ในเวลาเดียวกัน

ห้องภูษาหลวงส่งเสื้อผ้าอาภรณ์ใหม่มา ผ้าแพรต่วนวาววับส่องประกาย

สาวใช้กล่าวอย่างประจบประแจง

“พระสนม ฝ่าบาทช่างโปรดปรานรักใคร่ท่านเหลือเกินเพคะ ผ้าไหมฝูกวง[1]ที่แคว้นปา[2]ส่งมาเป็นเครื่องบรรณาการ ล้วนแต่พระราชทานเป็นรางวัลให้ท่านทั้งหมด หากคืนนี้พระสนมสวมอาภรณ์เหล่านี้ไปร่วมบรรทมจะต้องทำให้ฝ่าบาทไม่อาจละสายตาได้เป็นแน่เพคะ!”

รอยยิ้มของหวงกุ้ยเฟยนั้นเป็นความงามที่ทำให้ผู้คนลุ่มหลงมัวเมา

แต่ทันใดนั้นเองรอยยิ้มของนางก็เลือนหาย นางจ้องตรงไปยังลายปักรูปดอกหลิงหลานบนอาภรณ์ตัวนั้น ใบหน้าแสดงความกรุ่นโกรธ

“นี่ปักลายอะไรกัน!”

“พระสนมโปรดระงับโทสะ...”

“โบยแปดสิบที ขับไล่ออกจากวัง” หวงกุ้ยเฟยพูดด้วยเสียงแผ่วเบา รวมทั้งโยนอาภรณ์ตัวนั้นทิ้งโดยไม่แม้แต่จะชายตามอง

แม้แต่เหล่าสาวใช้เองยังรู้สึกว่านี่ช่างโหดร้ายเหลือเกิน โบยแปดสิบที ย่อมเป็นการเอาชีวิตแล้ว

เพียงแค่วันเดียวช่างปักในห้องภูษาหลวงก็ตายไปสิบสามคน ผู้คนในวังล้วนหวาดผวา กลัวว่าจะไปทำให้หวงกุ้ยเฟยไม่พอใจเข้า

ยามค่ำ ฝ่าบาทเสด็จมาที่ตำหนักหลิงเซียว ในตำหนักมีเสียงอ่อนหวานดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“ฝ่าบาทเพคะ ลายปักนั้นช่างน่าเกลียดเกินไปแล้ว หม่อมฉันจะสวมออกไปข้างนอกได้อย่างไรกัน ฝ่าบาทเองก็รู้สึกว่าหม่อมฉันทำผิดอย่างงั้นหรือเพคะ?”

ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานนางอย่างไร้ขอบเขต “ไม่ผิด สมควรฆ่าทิ้ง”

ทันใดนั้นเองเขาก็มองขึ้นไปบนขื่อของเรือน ชุดคลุมยาวสะบัดไหว อาวุธลับที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อชิ้นหนึ่งพุ่งขึ้นไปบนหลังคา

อาวุธลับพุ่งทะลุแผ่นกระเบื้อง เห็นเงาร่างสีดำเคลื่อนไหวอยู่บนหลังคา

ยามนี้เองเหล่าองครักษ์เพิ่งจะรู้ตัวว่าตำหนักหลิงเซียวมีนักฆ่าลอบเข้ามา แต่ละคนต่างชักดาบออกจากฝักเตรียมที่จะสังหารนักฆ่า

พวกเขาบุกขึ้นไปบนหลังคา เกือบจะล้อมนักฆ่าเอาไว้ได้แล้ว แต่คาดไม่ถึงว่านักฆ่าผู้นั้นจะมีฝีมือขนาดนี้ เพียงชั่วพริบตาก็หายตัวไปท่ามกลางหมอกควัน

เหล่าองครักษ์ไม่เคยพบเจอสถานการณ์ที่แปลกประหลาดขนาดนี้มาก่อน จึงได้แต่มองหน้ากันเลิ่กลั่ก

ที่จริงแล้วนี่เป็นเพียงการวัดกันที่ความเร็วเท่านั้น

วิชาตัวเบาของเฟิ่งจิ่วเหยียน แม้แต่อาจารย์ของนางยังเคยชมว่านางเป็นอัจฉริยะยากที่จะพานพบ

คืนนี้นางลอบเข้าตำหนักหลิงเซียวสำเร็จ ทั้งยังหลบองครักษ์พวกนั้นและกลไกลับได้ กลับไม่อาจซ่อนตัวจากฮ่องเต้ทรราชนั่นได้

ดูเหมือนกำลังภายในของฮ่องเต้ทรราชนั่นจะลึกล้ำเป็นอย่างมาก จึงสามารถรับรู้ได้ถึงการมีอยู่ของนาง

เป็นนางที่ประเมินศัตรูต่ำไป

นางเกือบจะออกจากตำหนักหลิวเซียวอยู่แล้ว ทันใดนั้นด้านหน้าพลันมีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นบดบังทางหนีของนาง

คนผู้นั้นสยายผมสีดำขลับ ชุดคลุมดำด้านหน้าแง้มออกเล็กน้อย คอเสื้อเผยให้เห็นถึงลูกกระเดือกและเส้นเอ็นที่ขยายลงไปใต้อาภรณ์ ทั่วทั้งร่างแผ่กลิ่นอายที่มืดมนและโหดเหี้ยม

เขาไม่ได้พกอาวุธใดติดตัวมา จึงอาศัยฝ่ามือต่างกระสวยพุ่งเข้าโจมตีไปที่นาง

เฟิ่งจิ่วเหยียนตระหนักได้ว่าคนผู้นี้แข็งแกร่งมาก

แต่นางเองก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วไม่แพ้กัน นางสวมชุดพรางตัวท่าทางคล่องแคล่วปราดเปรียว หลบหลีกจากการโจมตีของเขามาได้และยังตีลังกาข้ามมาข้างหลังเขาประหนึ่งปลากระโดดเข้าประตูมังกรอีกด้วย[3]

ขณะเดียวกันนางก็ยิงลูกธนูสั้นในแขนเสื้อออกไป...

เซียวอวี้หน้าตาเคร่งขรึม

นักฆ่าคนนี้ แข็งแกร่งมาก

แค่เรื่องความเร็วก็เหนือกว่าเขาแล้ว

แต่...ไม่ได้หมายความว่าไม่มีจุดอ่อน

เขาเอียงตัวหลบลูกธนูสั้น แล้วออกฝ่ามือไปที่บั้นเอวของนาง

เฟิ่งจิ่วเหยียนโงนเงนไปข้างหน้า นางรีบหยัดเท้าลงบนพื้นแล้วหันกายกลับมาอย่างรวดเร็ว

ผมของนางสยายออกมากลางอากาศ ตวัดเป็นเส้นโค้งที่งดงาม

ดวงตาทั้งสองข้างของเซียวอวี้หรี่ลงเล็กน้อย

สตรีงั้นหรือ

เฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้ว

บั้นเอวของนางมีแผลเก่าอยู่

นึกไม่ถึงว่าฝ่ายตรงข้ามจะมองออก ทั้งยังโจมตีมาที่แผลเก่านั้นของนาง

เขาเป็นใครกันแน่!

องครักษ์ลับข้างกายของฮ่องเต้ทรราชงั้นหรือ!

เหล่าองครักษ์ต่างมารวมตัวกันจากทุกสารทิศ

เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่อาจสู้ต่อไปได้ จึงปล่อยระเบิดควันออกมาอีกครั้ง แล้วใช้ความเร็วอันน่าเหลือเชื่อหลบหนีจากไป

แต่ทว่าเซียวอวี้มีพลังการมองเห็นที่แข็งแกร่ง สามารถมองตามเงาร่างที่เคลื่อนย้ายไปอย่างรวดเร็วได้ทัน

ณ ตำหนักหย่งเหอ

พอเฟิ่งจิ่วเหยียนกลับมาเหลียนซวงก็ปรี่เข้ามาปรนนิบัตินางเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนำชุดพรางตัวที่ถอดออกมาไปเก็บซ่อนทันที

“ฮองเฮา ท่านไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่!”

“ข้าไม่เป็นไร” เฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้วแน่น

ฝ่ามือเมื่อครู่ของบุรุษผู้นั้นทำให้แผลเก่าของนางกำเริบแล้ว

เฟิ่งจิ่วเหยียนใช้น้ำร้อนอาบน้ำ เหลียนซวงที่เพิ่งจะก้าวออกจากตำหนักมองเห็นคนผู้หนึ่ง

เขาก้าวเดินออกมาจากเงามืด รูปลักษณ์งามสง่า สวมเสื้อคลุมมังกรอันเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงสถานะสูงสุดเหนือผู้ใด สวมกวานหยกม่วงรวบผมเอาไว้ ทุกย่างก้าวที่ย่ำเดินมั่นคงและน่าเกรงขาม

ดูเหมือนเขาจะเป็นฮ่องเต้

เหลียนซวงที่พบฮ่องเต้เป็นครั้งแรกตกตะลึงนิ่งอึ้งอยู่กับที่

นึกไม่ถึงเลยว่าฮ่องเต้ทรราชจะหน้าตาหล่อเหลางามสง่าเช่นนี้ รูปงามล่อลวงวิญญาณราวกับปีศาจในหนังสือภาพก็ไม่ปาน

ทว่ากลับน่ากลัว...ราวกับยมฑูตที่มาคร่าชีวิต!

“บ่าวคารวะฝ่าบาทเพคะ!”

เซียวอวี้ย่างก้าวตรงเข้าไปในตำหนัก

เมื่อครู่นักฆ่าผู้นั้นหายตัวไปในตำหนักหย่งเหอ

บั้นเอวของนางได้รับบาดเจ็บ แค่ตรวจดูก็รู้แล้ว

ระหว่างที่เฟิ่งจิ่วเหยียนกำลังแช่ตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำ พลันมีบุรุษบุกเข้ามา

นางหันหลังให้กับเขาแล้วกล่าวว่า “ฝ่าบาท โปรดประทานอภัยที่หม่อมฉันไม่อาจลุกขึ้นคารวะได้”

เซียวอวี้สายตาคมปลาบ

ดึกถึงเพียงนี้แล้ว เพิ่งจะอาบน้ำ?

“ฮองเฮา ลุกขึ้นมาซะ”

เฟิ่งจิ่วเหยียนกุมมือแน่น

ฮ่องเต้ทรราชสงสัยนางหรือ

“ฮองเฮา เจ้าไม่ได้ยินหรือไร!” บุรุษผู้น่าเกรงขามเดินเข้ามาใกล้

เฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำ บนร่างไม่ได้สวมอะไรซักชิ้น

นางสัมผัสได้ถึงสายตาโหดร้ายเย็นชาของเขาที่จ้องมองมายังแผ่นหลังของนาง

ราวกับมีลูกธนูอันแหลมคมทะลุผ่านร่างของนาง

หากนางลุกขึ้นตามที่ฮ่องเต้ทรราชกล่าว เช่นนั้นร่องรอยฝ่ามือที่บั้นเอวของนางจะต้องถูกพบเป็นแน่

ยามนี้สายตาของเซียวอวี้ยิ่งเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ

ดูจากมุมนี้แล้วฮองเฮากับนักฆ่าผู้นั้นออกจะเหมือนกันอยู่บ้าง...

ทันใดนั้นเขาก็ก้าวไปด้านหน้าก้าวใหญ่ จับไหล่ของเฟิ่งจิ่วเหยียนแล้วใช้แรงดึงนางขึ้นมาจากน้ำ

ซ่า...

----------------------------------------------

[1] ผ้าไหมล้ำค่าในสมัยจีนโบราณ มีคุณสมบัติกันน้ำ

[2] ดินแดนของชนเผ่าปาในสมัยโบราณเรียกว่าแคว้นปาโดยพื้นที่นี้ปัจจุบันอยู่บริเวณเขตปกครองตนเองเอินซี ในมณฑลหูเป่ย

[3] สำนวนที่หมายถึงประสบความสำเร็จ หรือได้เลื่อนตำแหน่งในหน้าที่การงาน
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (100)
goodnovel comment avatar
อุไรลักษ์ บุตรโชติ
เลิกติดตามคะ
goodnovel comment avatar
อุไรลักษ์ บุตรโชติ
ถูกหลอกเฉยเลย
goodnovel comment avatar
Joom
The angry king is very smart and strong.
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1737

    ไม่รู้จริง ๆ ว่าเสด็จแม่ทรงคิดเช่นไรวันที่ออกเดินทาง ข้าไปรับพี่จี๋เอ๋อร์ที่จวนรุ่ยอ๋อง ก็เห็นท่านอารุ่ยอ๋องดวงตาแดงก่ำ กำชับพี่จี๋เอ๋อร์ดูแลตัวเองให้ดีส่วนท่านอาสะใภ้อาอวี้กลับจับมือของข้า ให้ข้าพาพี่จี๋เอ๋อร์ไปเที่ยวให้สนุก ให้เขาเที่ยวไปนาน ๆข้าสงสัยอย่างมากพอออกจากจวนรุ่ยอ๋อง ข้าก็ถามพี่จี๋เอ๋อร์“ท่านมีน้องชายแล้ว พวกเขาก็ไม่ต้องการท่านแล้วหรือ?”บนใบหน้าหล่อเหลาของพี่จี๋เอ๋อร์ปรากฏความกลัดกลุ้ม“ไม่ใช่ พวกท่านพ่ออยากได้บุตรสาว”“หา? เพราะเหตุใด?”“เพื่อจะได้แต่งกับเสด็จพี่ของเจ้า ครอบครัวพวกเราจะต้องมีคนแต่งกับเสด็จพี่ของเจ้า นี่คือความมุ่งมั่นของท่านแม่”ข้าพูดโพล่งออกมา: “ท่านก็แต่งให้เสด็จพี่ของข้าได้แล้วนี่!”พี่จี๋เอ๋อร์ตกใจจนไอไม่หยุด เกือบจะตกจากหลังม้าข้าแสดงสีหน้าภูมิใจทันที“อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ ท่านพ่อของท่านชอบเสด็จพ่อของข้า หากไม่ได้พบกับท่านอาสะใภ้อาอวี้ ท่านพ่อของท่านก็คงเป็นสนมของเสด็จพ่อข้าไปแล้ว“ท่านดำเนินรอยตามท่านพ่อของท่านได้นี่!”ใบหน้าของพี่จี๋เอ๋อร์ซีดขาวไปหมด“องค์หญิง ท่านไม่ควรพูดเช่นนี้”ตอนที่พวกเราจะออกจากประตูเมือง พี่สามก็ตามม

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1736

    ข้าคือเซียวจื่อเหิงที่เกือบจะถูกพี่สามแย่งชื่อไป เป็นองค์หญิงน้อยที่เสด็จพ่อตั้งตารอคอยมานานหลังจากที่ข้าเกิดมา ก็ได้รับความโปรดปรานอย่างมากเสด็จพ่อยังทรงโปรดให้สร้างตำหนักมุกหลังหนึ่งสำหรับข้าโดยเฉพาะภายในตำหนักมีไข่มุกและสมบัติล้ำค่าต่าง ๆ นานา ซึ่งสื่อความหมายว่าข้าคือไข่มุกล้ำค่าในมือของเสด็จพ่อแม้ว่าเสด็จพ่อจะดีกับข้าที่สุดในใต้หล้า แต่คนที่ข้ารักที่สุดกลับเป็นเสด็จแม่ตอนที่เสด็จแม่ทรงอุ้มท้องข้า ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมากหมอหลวงพากันเกลี้ยกล่อมให้นางละทิ้งข้า แม้แต่เสด็จพ่อก็ไม่ต้องการข้า แต่เป็นเสด็จแม่ที่ยืนกรานจะให้กำเนิดข้าดังนั้นหากเสด็จแม่ทรงบอกให้ทำสิ่งใด ข้าจะไม่ทำสิ่งที่ตรงกันข้ามเด็ดขาดข้าอาจทำให้ผู้อื่นเสียใจหรือโมโหได้ แต่มีเพียงเสด็จแม่ที่ไม่สามารถทำร้ายจิตใจได้พอเสด็จพ่อได้ยินคำพูดนี้ ทรงเสียพระทัยในทันทีแน่นอนว่า ข้าก็รักเสด็จพ่ออย่างมากเช่นกันเพียงแต่ เสด็จพ่อมักจะคิดว่าตนเองทำสิ่งดี ๆ ให้ข้าเสมอ แต่ของบางอย่าง ก็หาใช่ว่าข้าจะพึงพอใจอย่างเช่นตำหนักมุกนั่นกลับเป็นพี่สามที่ชื่นชอบ และมักจะมาหาข้าที่นี่เพื่อ “ยืม” เครื่องประดับอยู่เสมอพูดถึง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1735

    ข้าคือเซียวจื่อซูข้าต่างหากคือลูกที่เชื่อฟังที่สุดพี่ใหญ่เป็นรัชทายาท ดีไปหมดทุกอย่าง แต่ไม่ยอมอยู่ใต้การควบคุมพี่รองมีนิสัยรักอิสระ ชอบฝึกวรยุทธ์ แต่ยังควบคุมยากกว่าพี่ใหญ่เสียอีกมีแต่ข้าเท่านั้น ที่ทำตัวว่านอนสอนง่ายอยู่ข้างกายเสด็จพ่อและเสด็จแม่ ไม่มีทางสร้างปัญหาให้พวกเขาข้าชอบสิ่งสวย ๆ งาม ๆนี่คงไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไรกระมังเสด็จพ่อไม่เข้าใจข้าแม้แต่น้อย ถึงได้ตั้งชื่อที่น่าเกลียดเช่นนั้นให้ข้าหากจริงอย่างที่เขาพูดว่า ชื่อเซียวอู๋หมิงนี้ดีมาก แล้วตอนนั้นที่ข้าเสนอจะเปลี่ยนชื่อกับน้องหญิง เหตุใดเสด็จพ่อถึงได้คัดค้านอย่างเต็มที่ด้วยเล่า?ดูเถอะ ชื่อเซียวจื่อเหิงยังไพเราะกว่าเซียวอู๋หมิงตามที่คิดไว้จริง ๆ!ภายใต้การหว่านล้อมทุกวิถีทางของข้า ในที่สุดข้าก็มีชื่อที่ไพเราะข้าชอบวาดภาพ อาจารย์ตงฟางซื่อของข้ายอดเยี่ยม เขาสอนข้าหลายอย่างข้าขยันและตั้งใจเรียน เสด็จพ่อและเสด็จแม่ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ชอบข้าพี่รองก็เพราะอิจฉาข้า จึงมักจะรังแกข้าอยู่เสมอวันนั้นเขามาที่ห้องนอนของข้า “นี่! เซียวอู๋หมิง! ข้าวของที่นี่ของเจ้าล้วนน่าเกลียด!”ระหว่างที่พูด มือของเขาก็ยังสัมผัสไป

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1734

    ข้าคือเซียวจื่อลี่ บุตรคนรองของเสด็จพ่อและเสด็จแม่แต่ข้ารู้สึกมาตลอดว่า ข้ากับพี่ชายหน้าตาเหมือนกัน ตอนที่เกิดมา หมอตำแยต้องผิดพลาดเป็นแน่ ข้าต่างหากคือคนที่เกิดก่อนก็ใครใช้ให้ข้าใจกว้างกันเล่าน้องชายก็น้องชายหลังจากเสด็จแม่ทรงคลอดน้องสาม ข้าก็มิใช่ว่าได้เป็นพี่ชายแล้วหรอกหรือจะเห็นได้ว่า การเป็นพี่ชายหรือน้องชาย ก็เป็นเพียงการเทียบเคียงเท่านั้นตั้งแต่เล็กข้าก็รู้ว่าจะเอาใจเสด็จพ่ออย่างไร อย่ามองว่าเสด็จพ่อทรงดุร้ายน่ากลัว แท้จริงแล้วกลับพระทัยอ่อนเสด็จแม่ต่างหากที่ทรงเข้มงวดแท้จริงไม่ว่าจะกับข้า หรือกับพี่ชายกระทั่งแม้แต่เสด็จพ่อก็ยังถูกเสด็จแม่บังคับให้ตื่นเช้ามาฝึกวรยุทธ์ทุกวันต่อมาข้าถูกส่งไปที่สถาบันทางการทหารอยู่ที่นั่น ข้าได้รู้จักสหายดี ๆ มากมายลูกหลานของขุนนางในราชสำนักจำนวนไม่น้อย ก็ถูกส่งไปที่สถาบันทางการทหารเช่นกันมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น อย่างเช่นบุตรคนโตของภรรยาเอกที่ถูกคาดหวังไว้สูง เหมือนกับพี่ชายข้า ก็จะถูกส่งไปที่ห้องเรียน เพื่อเป็นสหายร่วมเรียนของรัชทายาทหากเทียบกันแล้ว ข้าชอบสถาบันทางการทหารมากกว่าพวกเราสามารถเกลือกกลิ้งไปมา ทำให้เสื้อผ้

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1733

    ข้าคือเซียวจื่อหลิ่น บุตรคนแรกของเสด็จพ่อและเสด็จแม่แน่นอนว่า ข้ากับน้องชายคนที่สองเซียวจื่อลี่ แค่เกิดห่างกันไม่ถึงหนึ่งถ้วยชาเสด็จพ่อและเสด็จแม่ทรงพูดเสมอว่า นิสัยของพวกเราฝาแฝดนั้นแตกต่างกันอย่างมากข้าทำสิ่งต่าง ๆ อย่างจริงจัง ชอบไปห้องเรียน ชอบอ่านหนังสือ เสด็จพ่อยังทรงชอบพาข้าไปห้องทรงพระอักษรด้วยส่วนน้องชายคนที่สองชอบเล่นสนุก บางครั้งก็ขาดความสำรวมไปห้องเรียน? นั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยทุกครั้งที่ให้เขานั่งฟังบรรยายที่นั่น ก็ราวกับว่ากำลังลงโทษเขาเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนข้า เสด็จพ่อจึงปรึกษากับเสด็จแม่ว่า จะส่งน้องรองไปฝึกวรยุทธ์ด้วยเหตุนี้ พวกเขาสองคนยังพาน้องรองไปหาอาจารย์ปู่ที่ภูเขาหวูหยาโดยเฉพาะภูเขาหวูหยาอยู่ไกลเกินไป เสด็จแม่จึงคิดหาวิธีเจอกันครึ่งทาง โดยให้เหล่าอาจารย์ลุงและอาจารย์อาของภูเขาหวูหยาลงจากเขา มายังเมืองหลวง เพื่อรับหน้าที่สอนในสถาบันทางการทหารดังนั้น น้องรองจึงใช้ชีวิตโดยที่ทุกวันจะออกจากวังไปฝึกวรยุทธ์ในตอนเช้า และถูกส่งกลับเข้าวังในตอนเย็นหากเทียบกับไปห้องเรียน สถาบันทางการทหารมีคนเยอะกว่า และครึกครื้นกว่าเสด็จพ่อทรงกังวลว่าข้าจะมุ่งแต่ศึ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1732

    นี่แตกต่างจากสิ่งที่ข้าเคยได้รับมาก่อนหน้านี้อย่างมาก!ข้าตัดสินใจแล้ว กลางดึกจะเลื้อยขึ้นเตียงของเขา ข้าจะทำให้เขาตกใจ!พอถึงกลางคืนข้าเลื้อยอย่างคืบคลานออกมาจากห้องเล็ก ๆ นั่นเดิมทีตั้งใจจะไปหาหลิวหวา ทว่า เลื้อยไปเลื้อยมา ข้าก็กลับมาถึงจวนอ๋องแล้วข้าตามกลิ่นของเจ้านายน้อยจี๋เอ๋อร์ จนมาถึงนอกประตูห้องข้าอยากเข้าไปดูเขาสักหน่อย กลับได้ยินภายในมีเสียงคุยกัน“อาอวี้ เจ้านำงูตัวโปรดไปทิ้งให้หลิวหวาจริงหรือ? เขาเป็นคนไม่ละเอียดรอบคอบ กลัวว่าจะดูแลไม่ดี...”“นั่นก็ไม่มีทางเลือก จี๋เอ๋อร์ขี้กลัว อีกอย่าง นี่ก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น”“ไม่สู้ลองนำมันมาแต่งตัวดู? หากมันหน้าตาไม่น่าเกลียดนัก ก็คงไม่ทำให้จี๋เอ๋อร์ตกใจ”ข้าอยู่ด้านนอกได้ยินอย่างชัดเจนหากเทียบกับบอกว่าข้าน่ากลัวจนทำให้คนตกใจ ข้ายิ่งรับไม่ได้มากกว่าที่บอกว่าข้าน่าเกลียด!!!รุ่ยอ๋องที่อยู่ด้านในยังคงเสนอแนะ“อย่างเช่น ให้มันสวมเสื้อผ้า หรือทำเขามังกรให้มัน ถอนเขี้ยวมันออก... อืม ลิ้นก็ต้องดึงออกด้วย”ข้าถึงกับสั่นไปทั้งตัวอย่าพูดว่า “อย่างเช่น” อีกเลย! รุ่ยอ๋องช่างไม่ใช่คนจริง ๆ!นี่จะต่างอะไรกับการทรมาน?!ยังโชค

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status