แชร์

บทที่ 9

ผู้เขียน: อี้ซัวเยียนอวี่
รุ่ยอ๋องไม่อาจทำใจได้จึงเอ่ยปากโน้มน้าว

“ฝ่าบาททรงทำเช่นนี้ ออกจะโหดร้ายต่อฮองเฮาไปซักหน่อยนะพ่ะย่ะค่ะ”

ทว่าเซียวอวี้กลับสะบัดแขนเสื้อเดินจากไปเรียบร้อยแล้ว ทิ้งไว้เพียงภาพแผ่นหลังอันน่าเกรงขามที่ยากจะต่อกรได้

สายลมพัดโชยโบกสะบัดเสื้อของบุรุษผู้นี้ เขาย่างก้าวเดินลงบันได สายตาทอดมองไปไกลโพ้น กวาดตามองทัศนียภาพของอุทยานหลวงและสนามม้าหลวงไว้ในสายตา รวมทั้งภาพของสตรีที่ขี่ม้าอยู่เมื่อครู่นี้ด้วย

ภาพเงาร่างของหญิงสาวที่ขี่ม้าในความทรงจำ ก็ดูเหมือนจะเป็นเช่นนี้

......

เพราะได้รับความตื่นตระหนก ไทเฮาจึงเสด็จกลับตำหนักฉือหนิงก่อน

เฟิ่งจิ่วเหยียนเองก็กลับตำหนักหย่งเหอของตน

ตามกฎระเบียบแล้วฮองเฮายังต้องรับการคารวะจากเหล่าสนมนางใน

แต่สนมนางในที่มาถึงก่อนแล้วกลับมีเพียงน้อยนิด ส่วนใหญ่หากไม่อ้างว่าป่วย ก็อ้างว่ายุ่งกับภารกิจในตำหนัก

เฟิ่งจิ่วเหยียนเองก็ไม่มีใจจะมานั่งเสแสร้งรับหน้าพวกนาง จึงส่งพวกนางไม่กี่คนที่มาให้กลับไปเสีย

ผ่านไปไม่นานก็มีคนมาถ่ายทอดคำพูดของฮ่องเต้

“ฮองเฮา ฝ่าบาทได้ทรงทราบถึงคุณงามความดีที่เมื่อเช้าพระองค์ได้ทรงช่วยไทเฮาเอาไว้แล้ว ทรงพระราชทานหยกสมปรารถนาให้คู่หนึ่งเป็นพิเศษ อีกทั้งยังมีรับสั่งให้ฮองเฮาดูแลการตัดคอประหารม้าคลั่งตัวนั้น...”

เมื่อเหลียนซวงได้ยินรับสั่งนี้ก็รู้สึกอัดอั้นตันใจเป็นอย่างมาก

เรื่องอย่างการดูแลการตัดคอประหาร เหตุใดถึงได้มาถึงมือของฮองเฮาได้เล่า?

ว่าไปแล้วยังเป็นการสะบั้นหัวของม้าที่กำลังตั้งท้องอีกด้วย

ฮ่องเต้ทรราชสมเป็นทรราชยิ่ง ช่างเหี้ยมโหดและไร้เหตุผลเสียจริง!

สีหน้าท่าทางของเฟิ่งจิ่วเหยียนสงบนิ่ง ไม่มีท่าทางโมโหหรือน้อยใจแม้แต่น้อย

ข้าหลวงผู้ถ่ายทอดรับสั่งกลับรู้สึกงุนงง

ฮองเฮาพระองค์นี้ช่างมีน้ำอดน้ำทนนัก

ดูซิว่านางจะทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ถึงเมื่อไหร่กัน!

ยามบ่าย

ณ สนามม้าหลวง

ผู้ดูแลจูงแม่ม้าตัวนั้นออกมาจากคอกเพื่อเตรียมรับโทษประหารแล้ว

พวกเขาเองก็ล้วนเป็นผู้มีใจรักม้าด้วยกันทั้งนั้น ต่างพากันมาขอร้องเฟิ่งจิ่วเหยียน

“ฮองเฮา ทรงถอนรับสั่งไม่ได้จริง ๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ? นี่เป็นถึงม้าชั้นดีที่เคยผ่านสนามรบมาแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ!”

เฟิ่งจิ่วเหยียนกุมเชือกบังเหียนเอาไว้ ฝ่ามือลูบที่สะโพกของม้าเบา ๆ

ดวงตาที่แฝงกลิ่นอายสงบนิ่งของเธอสบตากับเจ้าม้า

หลังจากนั้นนางก็เอ่ยปากเรียบ ๆ

“ลงมือเถิด”

เพชฌฆาตจูงม้าไปที่เครื่องประหาร เพียงแค่ตัดเชือกยาวเส้นนั้นใบมีดของเครื่องประหารก็จะหล่นลงมาแยกร่างของม้าให้ขาดกลางเป็นสองส่วน

เฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งอยู่ที่จุดสังเกตการณ์ซึ่งห่างออกไปเพียงไม่กี่จั้ง[1]เท่านั้น

ดวงตางดงามที่เย็นชาและห่างเหินของนางไม่ฉายแววสงสารเลยแม้แต่น้อย เทียบกันแล้วยังดูเยือกเย็นกว่าเพชฌฆาตเสียอีก

แต่ทว่าเมื่อถึงเวลาที่ใบมีดจะหล่นลงมา ข้อมือของข้าหลวงที่รับผิดชอบจูงม้ากลับชากะทันหัน

เพียงชั่วพริบตาเดียวที่เขาผ่อนเชือก เจ้าม้าก็ยกกีบเท้าหน้าขึ้นวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว

เพชฌฆาตและเหล่าองครักษ์ต่างก็ตื่นตระหนกเป็นการใหญ่

“รีบหยุดมันเอาไว้เร็วเข้า!”

เฟิ่งจิ่วเหยียนมองเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่เงียบ ๆ วางตัวเป็นคนนอกที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเหตุการณ์นี้

กลับเป็นเหลียนซวงที่มองเห็นเหตุการณ์อย่างชัดเจน เมื่อครู่เป็นฮองเฮาที่ใช้หินต่างอาวุธลับ ดีดไปยังข้อมือของข้าหลวงคนนั้น เจ้าม้าถึงได้มีโอกาสหลบหนีไปได้

จากนั้นฮองเฮาก็ลอบโจมตีองครักษ์เหล่านั้น ทำให้พวกเขาดูเหมือนสะดุดหินบนพื้นจนล้ม

เดิมทีพวกเขาก็ไม่อาจวิ่งสู้ม้าฝีเท้าดีได้อยู่แล้ว ยามนี้กลับทำได้เพียงมองมันวิ่งไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ จนหายลับไปในป่าของสนามม้าหลวง

ณ ห้องทรงพระอักษร

แสงเงาเป็นชั้น ๆ ทาบทับลงไปรอบบัลลังก์มังกรที่บุรุษผู้หนึ่งนั่งอยู่

หว่างคิ้วที่เคร่งขรึมของเขา ปกคลุมไปด้วยความเย็นยะเยือกที่อัดแน่น

มังกรทองบนเสื้อคลุมมังกรมีกรงเล็บแหลมคมอันน่าหวาดผวา สายตาก็ดุร้ายน่าเกรงขาม

แต่ยังคงไม่อาจเทียบกับสายตาของบุรุษผู้นี้ที่ทำให้คนต้องยอมศิโรราบ และทำให้คนไม่กล้าแม้แต่จะสบตา

เหล่าองค์รักษ์ต่างคุกเข่าอยู่ที่พื้น

“ฝ่าบาท...ม้า ม้าวิ่งหนีออกไปจากป่าหลวง หาย...หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้วพ่ะย่ะค่ะ...”

ฮ่องเต้บนบัลลังก์มังกรไม่ตรัสอะไรแม้แต่คำเดียว สายตาคมกริบที่มองมาทำให้พวกเขารู้สึกราวกับกำลังเหยียบอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบาง ๆ ก็ไม่ปาน

จากนั้นข้าหลวงอีกคนก็เข้ามารายงาน

“ฝ่าบาท ฮองเฮามาขออภัยโทษอยู่ข้างนอกพ่ะย่ะค่ะ!”

ในที่สุดฮ่องเต้ก็เอ่ยปาก

“ฮองเฮาหย่อนยานในหน้าที่ ลงโทษตัดเบี้ยหวัดหนึ่งปี ส่วนคนที่เหลือปลดออกจากตำแหน่ง ขับไล่ออกจากวัง”

ข้าหลวงออกไปถ่ายทอดคำสั่งนอกตำหนัก เมื่อกลับมาก็รายงานฮ่องเต้ว่า

“ฝ่าบาท ฮองเฮาทรงตรัสว่าขอบพระทัยในพระมหากรุณาธิคุณพ่ะย่ะค่ะ”

หลังกล่าวจบก็เริ่มรู้สึกได้ว่าบรรยากาศในตำหนักดูน่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ

ครั้นแล้วก็เห็นฮ่องเต้ที่เดิมประทับอยู่บนบัลลังก์ บัดนี้ได้ทรงลุกขึ้นยืน

เงาร่างสูงใหญ่นั้นประหนึ่งตาข่ายผืนยักษ์ที่ปกคลุมพวกเขาที่อยู่ด้านล่างเอาไว้จนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจออกมา

“ฮองเฮา ดียิ่ง” จิตใจของฮ่องเต้ ช่างยากแท้หยั่งถึง

พระองค์ตรัสว่าดี แต่ไม่แน่ว่าจะหมายความตามนั้นจริง

ณ ตำหนักฉือหนิง ไทเฮาทรงรู้สึกไม่ยุติธรรมแทนฮองเฮา

“ฮองเฮาเพิ่งจะเข้าวัง บนล่างล้วนต้องดูแล ฝ่าบาททรงลงโทษตัดเบี้ยหวัดนาง จะให้นางปกครองอย่างไร!”

ถึงแม้จะเป็นไทเฮาก็มิอาจเปลี่ยนแปลงพระราชโองการของฮ่องเต้ได้

ณ ตำหนักหลิงเซียว

“พระสนม เมื่อวานฮองเฮาเพิ่งจะอภิเษกสมรส วันนี้ก็โดนลงโทษเสียแล้วเพคะ!”

หวงกุ้ยเฟยมีท่าทางสงบนิ่ง นางคาดเดาไว้แต่แรกแล้วว่าฮองเฮาจะต้องได้รับการปฏิบัติเช่นนี้

แต่ไหนแต่ไรมา ฮ่องเต้ทรงปฏิบัติต่อสตรีที่ไม่โปรดปรานอย่างไร้น้ำใจมาโดยตลอด

วันรุ่งขึ้น

เฟิ่งจิ่วเหยียนที่อยู่ระหว่างทางไปตำหนักฉือหนิง บังเอิญพบกับคุณชายชุดขาวท่านหนึ่ง

นางจำเขาได้ในทันที คนผู้นี้คือรุ่ยอ๋อง ผู้ที่มากราบไหว้ฟ้าดินแทนฝ่าบาทในพิธีอภิเษกสมรสวันนั้น

----------------------------------------------

[1] หน่วยวัดระยะทางของจีนโบราณ โดยมีระยะเท่ากับ3.33 เมตร
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (8)
goodnovel comment avatar
Joom
The angry king wants to test his wife.
goodnovel comment avatar
Chin
รุ่ยอ๋องไม่รู้ดีมั้ย
goodnovel comment avatar
Chanyanut Saenkam
สนุกจริงๆอ่านต่อๆ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1394

    ไทเฮาทรงหนังตากระตุกอย่างแรง“มนุษย์โอสถอะไรกัน? เมืองชายแดนเกิดสิ่งใดขึ้น?”องค์หญิงใหญ่ทรงหัวใจเต้นแรงเช่นกัน มีลางสังหรณ์ไม่ดีโดยไม่ทราบสาเหตุข้าหลวงผู้นั้นตอบอย่างระมัดระวัง“เมืองชายแดนเต็มไปด้วยมนุษย์โอสถ ฝ่าบาททรงกำลังตรวจการณ์อยู่ที่เมืองชายแดน จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวคราวส่งกลับมา เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างร้อนใจยิ่งนัก กำลังเตรียมการอย่างเร่งด่วนที่จะส่งคนไปยังเมืองชายแดน...”องค์หญิงใหญ่ทรงมีสีหน้าซีดเซียวหากเป็นเช่นนั้นจริง นั่นจะเป็นหายนะครั้งใหญ่!เมืองชายแดนเป็นดินแดนที่เป่ยเยี่ยนยกให้หนานฉี เดิมก็ไม่ได้มีเจตนาเดียวกับหนานฉีหากจะหวังให้เจ้าหน้าที่และราษฎรที่นั่นคุ้มครองฮ่องเต้ คงเป็นไปไม่ได้เด็ดขาดเรื่องของพวกมนุษย์โอสถเหล่านั้น แน่นอนว่าต้องเป็นพวกเขาที่แอบวางแผนไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว รอเพียงแต่ให้ฮ่องเต้เข้าไปติดกับ!หากเป็นเช่นนั้น พวกเขาคงไม่มีทางอนุญาตให้ทหารนานฉีเข้าไปองค์หญิงใหญ่ทรงมีสีหน้าเคร่งเครียด จมอยู่กับความคิดเรื่องของสำนักคุ้มภัยหลินหย่วนกับสวีเจิน ยังสามารถเลื่อนไปก่อนได้ สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ ก็คือช่วยฮ่องเต้กับฮองเฮากลับมา“ฉีเอ๋อร์?”

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1393

    “เรียนท่านแม่ทัพ หลายวันมานี้จู่ ๆ ก็มีพวกมนุษย์โอสถจำนวนมากปรากฏตัวขึ้น เมืองชายแดนหลายแห่งต่างถูกยึดครอง!”เมื่อเมิ่งฉวีได้ยินเรื่องนี้ รู้สึกสันหลังเย็นวาบขึ้นมาทันทีคดีมนุษย์โอสถ มิใช่ว่าจบสิ้นไปหมดแล้วหรือ?เหตุใดพวกเขาถึงหวนกลับมาอีก?หรือว่าเป็นแคว้นตงซานที่ลงมือ?“มีข่าวคราวของฝ่าบาทกับฮองเฮาหรือไม่?” เมิ่งฉวีถามทหารสอดแนมที่รับผิดชอบในการสืบหาข่าวผู้นั้นทหารสอดแนมตอบกลับ“มนุษย์โอสถกำลังอาละวาด ตอนนี้ประตูเมืองทุกแห่งต่างปิดสนิท เกรงว่าสถานการณ์ของฝ่าบาทกับฮองเฮาไม่ค่อยสู้ดีนักขอรับ”เหล่าผู้บัญชาการคนอื่น ๆ ในกระโจมต่างพากันเสนอความเห็น“ท่านแม่ทัพเมิ่ง พวกเราต้องส่งทหารไปช่วยฝ่าบาทกับฮองเฮา!”“ท่านแม่ทัพ ฝ่าบาทกับฮองเฮามีคนคอยคุ้มกัน จะต้องรอดพ้นจากอันตรายได้อย่างแน่นอน พวกเราในฐานะทหารชายแดน สมควรต้องอยู่ปกป้องชายแดน!”“ถูกต้องท่านแม่ทัพ ตามสถานการณ์นี้ พวกมนุษย์โอสถเหล่านั้นไม่นานก็คงมาถึงชายแดน พวกเราควรต้องป้องกันไว้ก่อน! เริ่มจากสั่งการลงไป ให้เพิ่มทหารออกลาดตระเวนในค่าย ทันทีที่พบมนุษย์โอสถ ก็ให้สังหารโดยไม่ลังเล!”ทหารสอดแนมยังเตือนเมิ่งฉวี“ท่านแม่ทัพ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1392

    หยวนตั๋วมิได้ปฏิเสธการคาดเดาของเซียวม่อ“ใช่ พวกมนุษย์โอสถที่อยู่ด้านนอก ล้วนเป็นฝีมือของข้ากับสหายสวี”เซียวม่อมองไปทางสวีเจิน คนหลังคำนับให้เขาอีกครั้ง“ข้าน้อยสกุลสวีเลื่อมใสท่านอ๋องมานาน ตอนนี้มีโอกาสได้รับใช้ท่านอ๋อง...”“พวกท่านช้าก่อน!” เซียวม่อขัดจังหวะคำพูดของสวีเจินสวีเจินมองไปทางหยวนตั๋วโดยไม่รู้ตัวเห็นได้ชัดว่า เขาทำตามคำสั่งของหยวนตั๋วทั้งหมดหยวนตั๋วมีท่าทีใจเย็น “ท่านอ๋องยังมีข้อสงสัยอันใดอีกหรือ?”เซียวม่อสีหน้าเคร่งขรึม“ท่านหยวน ข้าต้องคอยอยู่ในคุกตั้งนาน แต่ท่านมัวแต่จัดการเรื่องของมนุษย์โอสถอยู่ภายนอกใช่หรือไม่?”หยวนตั๋วมุมปากยกโค้งเล็กน้อยคนโง่ที่ไม่รู้จักแยกแยะความสำคัญ ถึงเวลานี้แล้ว ยังจะคิดเล็กคิดน้อยว่าไม่ช่วยเขาออกมาเร็วกว่านี้อีกหรือ?“ท่านอ๋อง เป็นข้าที่คิดไม่รอบคอบ เลยทำให้ท่านต้องลำบาก”สวีเจินรีบช่วยอธิบายให้หยวนตั๋ว“ท่านอ๋องอย่าตำหนิคุณชายหยวนเลย เรื่องของมนุษย์โอสถเกี่ยวพันกันซับซ้อน ตอนแรกคุณชายหยวนก็ยังไม่มั่นใจนัก“เพื่อป้องกันไม่ให้โยงใยมาถึงท่านอ๋อง จึงคิดจะแบกรับภาระทั้งหมด“ตอนนี้พิษมนุษย์โอสถสำเร็จแล้ว จึงรีบไปรับท่านอ๋องออ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1391

    “ใยแมงมุม” เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา หากมิใช่ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านกลไก ก็ยากที่จะเข้าใจความลึกลับของมันอย่างถ่องแท้อย่างเช่น การเปิดทางเข้าและทางออก หรือพื้นที่ภายในมีระบบกลไกป้องกันศัตรูหรือไม่“ใยแมงมุม” ที่พวกเฟิ่งจิ่วเหยียนขุดพบ คือห้องลับใต้ดินที่สามารถรองรับคนได้หลายร้อยคนนางพบกลไกในการเข้ามา แต่ยังไม่พบกลไกในการออกไปในตอนนี้สถานที่นี้พอที่จะให้พวกเขาหลบซ่อนจากพวกมนุษย์โอสถด้านนอกได้ทว่า สิ่งที่เร่งด่วนที่สุดในตอนนี้คือต้องหาทางออกให้พบ หรือไม่ก็หาทางเข้าที่เชื่อมต่อไปยัง “ใยแมงมุม” ส่วนถัดไปในขณะเดียวกัน ก็ยังต้องระมัดระวัง ห้ามแตะต้องสุ่มสี่สุ่มห้า เพื่อมิให้ไปกระทบกับกลไกป้องกันศัตรู เพราะกลไกประเภทนี้ส่วนใหญ่จะร้ายแรงและทรงพลัง เป็นอันตรายถึงชีวิตหลังจากผ่านการขุดอุโมงค์ และหลบซ่อนอยู่หลายวัน ตอนนี้ได้พบห้องลับใต้ดินแล้ว เสียวอู่มองไปรอบ ๆ ถอนหายใจพลางเอ่ย“ในที่สุดก็ไม่ต้องคลานไปข้างหน้าแล้ว ความรู้สึกของการยืดหลังตรงเป็นคนปกตินั้นดีกว่าจริง ๆ !”เซียวอวี้เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง“ก็ไม่เห็นว่าเจ้าจะได้ออกแรงขุดอุโมงค์”เสียวอู่หัวเราะหึหึ“ศิษย์พี่ หน้าที่ของ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1390

    จู่ ๆ หร่วนฝูอวี้ก็พูดขึ้นว่าจะกลับหนานฉี รุ่ยอ๋องไม่เข้าใจเหตุผลรู้แต่ว่า ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาชวนนางกลับไป นางตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะไม่ยอมทิ้งหนานเจียงโดยไม่สนใจเนื่องจากหร่วนฝูอวี้มีอารมณ์ตื่นตัวรุนแรง ยังไม่ทันที่รุ่ยอ๋องจะถามเหตุผลให้ชัดเจน นางก็มีอาการน้ำเดินแล้วทันทีที่น้ำเดิน ก็ต้องคลอดแล้วหร่วนฝูอวี้ไม่คาดคิดเช่นกันว่า เรื่องนี้จะเกิดขึ้นอย่างกะทันหันเช่นนี้รุ่ยอ๋องเจอเหตุการณ์เช่นนี้เป็นครั้งแรก จึงตกใจจนทำตัวไม่ถูกเขาอุ้มหร่วนฝูอวี้ขึ้นมา และเดินเข้าไปในห้อง พร้อมกับตะโกนเสียงดัง“รีบไปตามหมอตำแยมา!”ในลานกว้าง หลิวหวากับเหล่าองครักษ์ต่างเผยให้เห็นสีหน้ายินดีในที่สุดพระชายาก็จะคลอดแล้ว!พวกเขารีบวิ่งไปเชิญหมอตำแยขณะที่รอหมอตำแย รุ่ยอ๋องก็คอยเฝ้าหร่วนฝูอวี้อยู่ในห้องตลอดเวลาในจวนมีสาวใช้อยู่หลายคน เป็นรุ่ยอ๋องที่จัดเตรียมไว้ล่วงหน้า เผื่อว่าหร่วนฝูอวี้จะคลอดอย่างกะทันหันพวกนางล้วนมีประสบการณ์ จึงรีบไปต้มน้ำร้อน และเตรียมสิ่งของที่จำเป็นต้องใช้อย่างกรรไกรหร่วนฝูอวี้ปวดท้องอย่างรุนแรง จึงคว้ามือของรุ่ยอ๋อง มาใส่ปากแล้วกัดไว้รุ่ยอ๋องก็ไม่สนใจความเจ็บปวด ย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1389

    “มีหนอนบ่อนไส้?!” หนานเจียงอ๋องมีปฏิกิริยาต่อเรื่องนี้อย่างรุนแรงเมื่อย้อนคิดดูอีกที ก็มีความเป็นไปได้เช่นนั้นจริงความสามารถของเสิ่นซิง เขารู้เป็นอย่างดียังมีกู่ราชานั่นด้วยหากไม่มีหนอนบ่อนไส้ช่วยเหลือ กลุ่มค้ามนุษย์โอสถจะรู้ได้อย่างไรว่ามีกู่ราชา และรู้ได้อย่างไรว่ามันสามารถแยกออกจากแหล่งอาศัยได้?“จักต้องสืบเรื่องนี้ให้แน่ชัด!”หนานเจียงอ๋องสายตาคมกริบ ไม่อาจยอมรับผู้ที่ทรยศบ้านเมืองได้เมื่อไม่มีกู่ราชา หมอกพิษของแคว้นหนานเจียงก็คงสภาพอยู่ได้ไม่นานครู่ต่อมา หร่วนฝูอวี้ก็ออกมาจากพระราชวังรุ่ยอ๋องกำลังรอนางอยู่ด้านนอกแววตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวล ไม่อาจทนเห็นนางในสภาพท้องโตต้องวิ่งวุ่นไปทั่ว“พวกเรากลับหนานฉีกันเถอะ” รุ่ยอ๋องเสนอช่วงหลายวันที่ผ่านมาหร่วนฝูอวี้ได้รับความทุกข์ทรมาน แต่ประกายแสงในดวงตากลับยิ่งแน่วแน่และสว่างไสว“ในเวลาเช่นนี้ ข้าจะทิ้งหนานเจียงไปโดยไม่สนใจได้อย่างไร?“อีกอย่าง ท่านอ๋องทรงมีคำสั่งปิดประตูเมืองแล้ว พวกเราไม่อาจออกไปได้”รุ่ยอ๋องจับมือนางขึ้นมา พร้อมเอ่ยอย่างหนักแน่นและจริงใจ“มิใช่ว่าจะไม่ให้เจ้าสนใจการอยู่รอดหรือล่มสลายของหนานเจีย

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status