Share

บทที่ 9

Author: อี้ซัวเยียนอวี่
รุ่ยอ๋องไม่อาจทำใจได้จึงเอ่ยปากโน้มน้าว

“ฝ่าบาททรงทำเช่นนี้ ออกจะโหดร้ายต่อฮองเฮาไปซักหน่อยนะพ่ะย่ะค่ะ”

ทว่าเซียวอวี้กลับสะบัดแขนเสื้อเดินจากไปเรียบร้อยแล้ว ทิ้งไว้เพียงภาพแผ่นหลังอันน่าเกรงขามที่ยากจะต่อกรได้

สายลมพัดโชยโบกสะบัดเสื้อของบุรุษผู้นี้ เขาย่างก้าวเดินลงบันได สายตาทอดมองไปไกลโพ้น กวาดตามองทัศนียภาพของอุทยานหลวงและสนามม้าหลวงไว้ในสายตา รวมทั้งภาพของสตรีที่ขี่ม้าอยู่เมื่อครู่นี้ด้วย

ภาพเงาร่างของหญิงสาวที่ขี่ม้าในความทรงจำ ก็ดูเหมือนจะเป็นเช่นนี้

......

เพราะได้รับความตื่นตระหนก ไทเฮาจึงเสด็จกลับตำหนักฉือหนิงก่อน

เฟิ่งจิ่วเหยียนเองก็กลับตำหนักหย่งเหอของตน

ตามกฎระเบียบแล้วฮองเฮายังต้องรับการคารวะจากเหล่าสนมนางใน

แต่สนมนางในที่มาถึงก่อนแล้วกลับมีเพียงน้อยนิด ส่วนใหญ่หากไม่อ้างว่าป่วย ก็อ้างว่ายุ่งกับภารกิจในตำหนัก

เฟิ่งจิ่วเหยียนเองก็ไม่มีใจจะมานั่งเสแสร้งรับหน้าพวกนาง จึงส่งพวกนางไม่กี่คนที่มาให้กลับไปเสีย

ผ่านไปไม่นานก็มีคนมาถ่ายทอดคำพูดของฮ่องเต้

“ฮองเฮา ฝ่าบาทได้ทรงทราบถึงคุณงามความดีที่เมื่อเช้าพระองค์ได้ทรงช่วยไทเฮาเอาไว้แล้ว ทรงพระราชทานหยกสมปรารถนาให้คู่หนึ่งเป็นพิเศษ อีกทั้งยังมีรับสั่งให้ฮองเฮาดูแลการตัดคอประหารม้าคลั่งตัวนั้น...”

เมื่อเหลียนซวงได้ยินรับสั่งนี้ก็รู้สึกอัดอั้นตันใจเป็นอย่างมาก

เรื่องอย่างการดูแลการตัดคอประหาร เหตุใดถึงได้มาถึงมือของฮองเฮาได้เล่า?

ว่าไปแล้วยังเป็นการสะบั้นหัวของม้าที่กำลังตั้งท้องอีกด้วย

ฮ่องเต้ทรราชสมเป็นทรราชยิ่ง ช่างเหี้ยมโหดและไร้เหตุผลเสียจริง!

สีหน้าท่าทางของเฟิ่งจิ่วเหยียนสงบนิ่ง ไม่มีท่าทางโมโหหรือน้อยใจแม้แต่น้อย

ข้าหลวงผู้ถ่ายทอดรับสั่งกลับรู้สึกงุนงง

ฮองเฮาพระองค์นี้ช่างมีน้ำอดน้ำทนนัก

ดูซิว่านางจะทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ถึงเมื่อไหร่กัน!

ยามบ่าย

ณ สนามม้าหลวง

ผู้ดูแลจูงแม่ม้าตัวนั้นออกมาจากคอกเพื่อเตรียมรับโทษประหารแล้ว

พวกเขาเองก็ล้วนเป็นผู้มีใจรักม้าด้วยกันทั้งนั้น ต่างพากันมาขอร้องเฟิ่งจิ่วเหยียน

“ฮองเฮา ทรงถอนรับสั่งไม่ได้จริง ๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ? นี่เป็นถึงม้าชั้นดีที่เคยผ่านสนามรบมาแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ!”

เฟิ่งจิ่วเหยียนกุมเชือกบังเหียนเอาไว้ ฝ่ามือลูบที่สะโพกของม้าเบา ๆ

ดวงตาที่แฝงกลิ่นอายสงบนิ่งของเธอสบตากับเจ้าม้า

หลังจากนั้นนางก็เอ่ยปากเรียบ ๆ

“ลงมือเถิด”

เพชฌฆาตจูงม้าไปที่เครื่องประหาร เพียงแค่ตัดเชือกยาวเส้นนั้นใบมีดของเครื่องประหารก็จะหล่นลงมาแยกร่างของม้าให้ขาดกลางเป็นสองส่วน

เฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งอยู่ที่จุดสังเกตการณ์ซึ่งห่างออกไปเพียงไม่กี่จั้ง[1]เท่านั้น

ดวงตางดงามที่เย็นชาและห่างเหินของนางไม่ฉายแววสงสารเลยแม้แต่น้อย เทียบกันแล้วยังดูเยือกเย็นกว่าเพชฌฆาตเสียอีก

แต่ทว่าเมื่อถึงเวลาที่ใบมีดจะหล่นลงมา ข้อมือของข้าหลวงที่รับผิดชอบจูงม้ากลับชากะทันหัน

เพียงชั่วพริบตาเดียวที่เขาผ่อนเชือก เจ้าม้าก็ยกกีบเท้าหน้าขึ้นวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว

เพชฌฆาตและเหล่าองครักษ์ต่างก็ตื่นตระหนกเป็นการใหญ่

“รีบหยุดมันเอาไว้เร็วเข้า!”

เฟิ่งจิ่วเหยียนมองเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่เงียบ ๆ วางตัวเป็นคนนอกที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเหตุการณ์นี้

กลับเป็นเหลียนซวงที่มองเห็นเหตุการณ์อย่างชัดเจน เมื่อครู่เป็นฮองเฮาที่ใช้หินต่างอาวุธลับ ดีดไปยังข้อมือของข้าหลวงคนนั้น เจ้าม้าถึงได้มีโอกาสหลบหนีไปได้

จากนั้นฮองเฮาก็ลอบโจมตีองครักษ์เหล่านั้น ทำให้พวกเขาดูเหมือนสะดุดหินบนพื้นจนล้ม

เดิมทีพวกเขาก็ไม่อาจวิ่งสู้ม้าฝีเท้าดีได้อยู่แล้ว ยามนี้กลับทำได้เพียงมองมันวิ่งไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ จนหายลับไปในป่าของสนามม้าหลวง

ณ ห้องทรงพระอักษร

แสงเงาเป็นชั้น ๆ ทาบทับลงไปรอบบัลลังก์มังกรที่บุรุษผู้หนึ่งนั่งอยู่

หว่างคิ้วที่เคร่งขรึมของเขา ปกคลุมไปด้วยความเย็นยะเยือกที่อัดแน่น

มังกรทองบนเสื้อคลุมมังกรมีกรงเล็บแหลมคมอันน่าหวาดผวา สายตาก็ดุร้ายน่าเกรงขาม

แต่ยังคงไม่อาจเทียบกับสายตาของบุรุษผู้นี้ที่ทำให้คนต้องยอมศิโรราบ และทำให้คนไม่กล้าแม้แต่จะสบตา

เหล่าองค์รักษ์ต่างคุกเข่าอยู่ที่พื้น

“ฝ่าบาท...ม้า ม้าวิ่งหนีออกไปจากป่าหลวง หาย...หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้วพ่ะย่ะค่ะ...”

ฮ่องเต้บนบัลลังก์มังกรไม่ตรัสอะไรแม้แต่คำเดียว สายตาคมกริบที่มองมาทำให้พวกเขารู้สึกราวกับกำลังเหยียบอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบาง ๆ ก็ไม่ปาน

จากนั้นข้าหลวงอีกคนก็เข้ามารายงาน

“ฝ่าบาท ฮองเฮามาขออภัยโทษอยู่ข้างนอกพ่ะย่ะค่ะ!”

ในที่สุดฮ่องเต้ก็เอ่ยปาก

“ฮองเฮาหย่อนยานในหน้าที่ ลงโทษตัดเบี้ยหวัดหนึ่งปี ส่วนคนที่เหลือปลดออกจากตำแหน่ง ขับไล่ออกจากวัง”

ข้าหลวงออกไปถ่ายทอดคำสั่งนอกตำหนัก เมื่อกลับมาก็รายงานฮ่องเต้ว่า

“ฝ่าบาท ฮองเฮาทรงตรัสว่าขอบพระทัยในพระมหากรุณาธิคุณพ่ะย่ะค่ะ”

หลังกล่าวจบก็เริ่มรู้สึกได้ว่าบรรยากาศในตำหนักดูน่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ

ครั้นแล้วก็เห็นฮ่องเต้ที่เดิมประทับอยู่บนบัลลังก์ บัดนี้ได้ทรงลุกขึ้นยืน

เงาร่างสูงใหญ่นั้นประหนึ่งตาข่ายผืนยักษ์ที่ปกคลุมพวกเขาที่อยู่ด้านล่างเอาไว้จนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจออกมา

“ฮองเฮา ดียิ่ง” จิตใจของฮ่องเต้ ช่างยากแท้หยั่งถึง

พระองค์ตรัสว่าดี แต่ไม่แน่ว่าจะหมายความตามนั้นจริง

ณ ตำหนักฉือหนิง ไทเฮาทรงรู้สึกไม่ยุติธรรมแทนฮองเฮา

“ฮองเฮาเพิ่งจะเข้าวัง บนล่างล้วนต้องดูแล ฝ่าบาททรงลงโทษตัดเบี้ยหวัดนาง จะให้นางปกครองอย่างไร!”

ถึงแม้จะเป็นไทเฮาก็มิอาจเปลี่ยนแปลงพระราชโองการของฮ่องเต้ได้

ณ ตำหนักหลิงเซียว

“พระสนม เมื่อวานฮองเฮาเพิ่งจะอภิเษกสมรส วันนี้ก็โดนลงโทษเสียแล้วเพคะ!”

หวงกุ้ยเฟยมีท่าทางสงบนิ่ง นางคาดเดาไว้แต่แรกแล้วว่าฮองเฮาจะต้องได้รับการปฏิบัติเช่นนี้

แต่ไหนแต่ไรมา ฮ่องเต้ทรงปฏิบัติต่อสตรีที่ไม่โปรดปรานอย่างไร้น้ำใจมาโดยตลอด

วันรุ่งขึ้น

เฟิ่งจิ่วเหยียนที่อยู่ระหว่างทางไปตำหนักฉือหนิง บังเอิญพบกับคุณชายชุดขาวท่านหนึ่ง

นางจำเขาได้ในทันที คนผู้นี้คือรุ่ยอ๋อง ผู้ที่มากราบไหว้ฟ้าดินแทนฝ่าบาทในพิธีอภิเษกสมรสวันนั้น

----------------------------------------------

[1] หน่วยวัดระยะทางของจีนโบราณ โดยมีระยะเท่ากับ3.33 เมตร
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (8)
goodnovel comment avatar
Joom
The angry king wants to test his wife.
goodnovel comment avatar
Chin
รุ่ยอ๋องไม่รู้ดีมั้ย
goodnovel comment avatar
Chanyanut Saenkam
สนุกจริงๆอ่านต่อๆ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1651

    ขณะที่เฟิ่งจิ่วเหยียนกำลังจะเอ่ยบางอย่าง เซียวอวี้จับมือนางไว้ทันที เพื่อห้ามไว้อย่างเงียบ ๆเซียวอวี้ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว มองตรงไปยังถานไถเหยี่ยน“ถานไถเหยี่ยน เจ้าไม่จำเป็นต้องยุยงให้เรากับฮองเฮาผิดใจกัน“ตอนนี้เราไม่ฆ่าเจ้า ไม่ใช่เพื่อมาฟังคำพูดเหลวไหลไร้ประโยชน์ที่เจ้าพูดเหล่านี้“จุดศูนย์กลางค่ายกลของ ‘ใยแมงมุม’ หาเจอแล้วหรือไม่”“ใยแมงมุม” นี้เป็นทั้งโชคและหายนะเซียวอวี้ไม่ต้องการให้มันกลายเป็นอาวุธตอบโต้ของแคว้นอื่นดังนั้น เขาจำเป็นต้องทำความเข้าใจกับมัน หากสามารถควบคุม และใช้มันได้เพียงคนเดียว ก็จะเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แต่หากทำไม่ได้ เช่นนั้นเขายอมทำลายมันทิ้งดีกว่า!ส่วนเรื่องการหา “จุดศูนย์กลางค่ายกล” บางทีก็ยังต้องการตัวถานไถเหยี่ยนเพราะถึงอย่างไร “ใยแมงมุม” ก็เป็นสิ่งที่บรรพบุรุษของตระกูลถานไถสร้างขึ้นมาถานไถเหยี่ยนเป็นคนที่คุ้นเคยกับ “ใยแมงมุม” มากที่สุดในใต้หล้านี้เสียวอู่กระจ่างในทันทีไม่แปลกใจที่ศิษย์พี่นำกองกำลังนับหมื่นเข้ามา รวมถึงเรื่องการยิงธนูเมื่อครู่ ก็ไม่ได้สังหารถานไถเหยี่ยนในทันทีถานไถเหยี่ยนพลันยกยิ้มมุมปากเขามองมายังเซียวอวี้กับเฟิ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1650

    ด้านหลังของเซียวอวี้คือกองกำลังนับหมื่นเฟิ่งจิ่วเหยียนชะงักไปชั่วครู่นี่จะยกทัพกลับราชสำนักแล้วหรือ?ถานไถเหยี่ยนมองมาที่เซียวอวี้ ทันใดนั้นก็หัวเราะออกมาเบา ๆ พร้อมกับเย้ยหยัน“ฮ่องเต้ฉี หรือว่าในใจของท่าน ทั้งใต้หล้านี้ ยังไม่สำคัญเท่าสตรีผู้หนึ่งหรือ?“ท่านไม่ควรมาปรากฏตัวที่นี่“ช่างน่าเสียดายจริง ๆ...”เซียวอวี้ยิงธนูออกไปดอกหนึ่งด้วยความแน่วแน่ถานไถเหยี่ยนไม่ได้หลบ ธนูดอกนั้นปักลงข้างหน้าเท้าของเขา ห่างจากเขาเพียงไม่กี่ชุ่นเขามองเซียวอวี้อย่างเย็นชา และชี้กระบี่ไปที่เฟิ่งจิ่วเหยียน“ฮ่องเต้ฉี ท่านเทียบฮ่องเต้ซวี่หยางไม่ได้จริง ๆ“ข้าควรจะตัดสินใจเรื่องนี้ให้ท่านแต่แรก”เฟิ่งจิ่วเหยียนถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “เจ้าอยากฆ่าข้า ก็เพื่อฝ่าบาทงั้นหรือ?”สายตาของถานไถเหยี่ยนเปลี่ยนเป็นมืดมน“ยังต้องถามอีกหรือ?“เมื่อเห็นฮ่องเต้ฉีปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เจ้ายังไม่เข้าใจหรือว่า สำหรับเขาแล้ว เจ้าคืออุปสรรคที่ใหญ่หลวงเพียงใด!”เสียวอู่ยกแขนข้างหนึ่งขึ้นมาขวางด้านหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียน“ศิษย์พี่สะใภ้ ท่านถอยไปยืนข้างหลัง ระวังคนบ้าผู้นี้!”ตงฟางซื่อก็ลืมตาขึ้นจากตาที่เคยหรี่ “วา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1649

    เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้า“ไม่ว่าจะเป็นความจริงที่ยิ่งใหญ่หรือความลวงที่ยิ่งใหญ่ ล้วนทำเพื่อกษัตริย์ที่ตนภักดีทั้งสิ้น“ที่ถานไถเหยี่ยนกำหนดตนเองว่าเป็น ‘ความลวงที่ยิ่งใหญ่’ คือการแสดงความจงรักภักดีต่อฝ่าบาท ไม่ต่างจากการบอกฝ่าบาทว่า ‘ข้าคือขุนนางของท่าน จะวางแผนครองใต้หล้าเพื่อท่าน”เสียวอู่รู้สึกเหมือนกระจ่างขึ้นมาในทันทีไม่คิดเลยว่า คำกล่าวง่าย ๆ และสั้น ๆ เพียงไม่กี่ตัวอักษร กลับซ่อนความหมายลึกซึ้งไว้มากมายเพียงนี้!“ทว่า... คำพูดนั้นมาจากใจจริงหรือไม่?“ถานไถเหยี่ยนจะทำเพื่อศิษย์พี่ได้อย่างไร?”“นี่ต้องเป็นแผนล่อศัตรูของเขาเป็นแน่!”เฟิ่งจิ่วเหยียนกล่าวอย่างใจเย็น“ดังนั้นข้าถึงบอกว่า ฝ่าบาททรงกำลังเดิมพัน”ตงฟางซื่อบอกความคิดเห็นของเขา“ข้าเชื่อคำพูดนั้น”เสียวอู่เบิกตากว้าง คล้ายกับจะบอกว่าเขาบ้าไปแล้ว ถึงเชื่อคำพูดหลอกลวงของถานไถเหยี่ยนตงฟางซื่อเอ่ยอย่างช้า ๆ“เมื่อหลายร้อยหลายพันปีก่อน เคยมีคนผู้หนึ่งนามว่าจางจื่อที่ทำงานรับใช้แคว้นฉิน ช่วยแคว้นฉินเตรียมพร้อมกำลังพล ก่อนจะพิชิตแคว้นอื่นทีละแคว้น“เรื่องที่ถานไถเหยี่ยนทำ โดยพื้นฐานแล้ว ก็ไม่แตกต่างจากเขา“หากปฏิ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1648

    เฟิ่งจิ่วเหยียนอธิบาย: “ในวลี ‘อยู่เหนือกว่าคน’ ตัวอักษร ‘ซ่าง’ หมายถึง ด้านบน หรือตำแหน่งข้างหน้า หากนำขีดแรกของตัวอักษรสามตัวคือ ‘ไจ้[1]’ ‘เหริน[2]’ และ ‘จือ[3]’ มารวมกัน ก็จะได้ตัวอักษรหนึ่งตัว” เสียวอู่ได้ยินดังนั้น จึงรีบใช้กิ่งไม้ เขียนลงบนพื้นทันทีขีดขวาง ขีดลากซ้าย และจุด...แต่เขายังไม่ค่อยเข้าใจว่า จะได้เป็นตัวอักษรใดในเวลานั้น ตงฟางซื่อก็ใช้กระบี่ ลากออกมาเป็นตัวอักษรหนึ่ง“คือตัว ‘ต้า[4]’”เสียวอู่มองดูแล้ว พลันกระจ่างในทันทีใช่จริงด้วย!“ศิษย์พี่สะใภ้ แล้ววลีที่ว่า ‘มองคนเป็นคน’ล่ะ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนมีสีหน้าเรียบเฉยยังไม่ทันรอให้นางเอ่ย ตงฟางซื่อก็เดาได้แล้วเขาถาม: “คือตัว ‘เหว่ย[5]’ ใช่หรือไม่?”เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้า“ข้าก็เดาว่าเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน”“ตัว ‘เหริน’ กับ ‘เหวย[6]’ รวมกัน ก็จะกลายเป็นตัวอักษร ‘เหว่ย’”เสียวอู่ถึงกับนิ่งงัน“ศิษย์พี่สะใภ้ ตัว ‘ต้า’ ข้าพอเข้าใจ แต่ตัว ‘เหว่ย’ ได้มาจากที่ใดกัน? มันดูไม่สมเหตุสมผลไปหน่อยหรือ?”ไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไร ก็ไม่อาจโน้มน้าวตัวเองให้เชื่อได้เฟิ่งจิ่วเหยียนเพิ่งจะขับเข็มพิษออกมา ร่างกายยังคงพักฟื้น

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1647

    ถานไถเหยี่ยนกลับเปิดเผยตรงไปตรงมาเขาอธิบาย: “เมื่อครู่ตอนที่นางปะทะฝ่ามือกับข้า ในวินาทีที่ข้าถอนมือออก ก็แทงเข็มพิษเข้าไปในฝ่ามือนางแล้ว”เสียวอู่ตาทั้งคู่เบิกกว้าง มองไปยังศิษย์พี่สะใภ้ที่อ่อนแรงอยู่ข้าง ๆ“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้! มิน่าเล่าเมื่อครู่ศิษย์พี่สะใภ้ถึงไม่ได้หลบฝ่ามือนั้นของเจ้า! ถานไถเหยี่ยน เจ้าช่างเลวทรามยิ่งนัก!”เฟิ่งจิ่วเหยียนกัดฟันทน พยายามใช้พลังภายใน ขับเอาเข็มพิษนั้นออกมาทว่ากลับไร้ผลถานไถเหยี่ยนมีสีหน้านิ่งเฉย ดูเหมือนจะรู้สึกจนใจอยู่บ้าง“ข้ามิใช่เคยบอกเจ้าหรือว่า เวลาปะทะฝ่ามือกับผู้อื่น ต้องระวังให้ดี”“ถานไถเหยี่ยน—” เสียวอู่แผดเสียงด้วยความโกรธ “เจ้าคนชั่วไร้สำนึก!”เขายืนอยู่ด้านหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียน เพื่อปกป้องนาง“ศิษย์พี่สะใภ้ ท่านไปก่อน ข้าจะคุ้มกันด้านหลังให้!”เฟิ่งจิ่วเหยียนเงยหน้าขึ้นอย่างทันควัน ดูเหมือนไม่เชื่อสิ่งที่ตัวเองได้ยินเสียวอู่ก็รู้ตัวเองดีแม้แต่ศิษย์พี่สะใภ้ยังสู้ถานไถเหยี่ยนไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเขาเลยแต่เขาก็ไม่อาจมองดูศิษย์พี่สะใภ้ถูกถานไถเหยี่ยนฆ่าตายได้!“ถึงอย่างไรข้าก็ตัวคนเดียวอยู่แล้ว! ศิษย์พี่สะใภ้ไม่เหมือน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1646

    เสียวอู่ตื่นเต้นเป็นพิเศษ: “ขึ้นมาแล้ว! พวกเราขึ้นมาแล้ว!”ถานไถเหยี่ยนกลับมีสีหน้าคร่ำเคร่ง คล้ายกับว่าไม่อาจยอมรับผลลัพธ์เช่นนี้ได้“ไม่ควรเป็นเช่นนี้...”บริเวณใกล้กับหลุมบริวาร ควรจะเป็นที่ตั้งของหลุมฝังศพพวกเขาผ่านด่านต่าง ๆ มาแล้ว ก็ควรจะถึงทางเข้าหลุมฝังศพ และพบจุดศูนย์กลางของค่ายกลแล้วดังนั้น เพราะเหตุใดเหตุใดถึงเป็นเช่นนี้...ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกเย็นวาบที่ต้นคอกระบี่ของเฟิ่งจิ่วเหยียนพาดเข้ามาในแนวขวาง แค่ชั่วพริบตาก็สามารถฟันคอเขาให้ขาดได้ทว่าทันใดนั้น คมกระบี่กลับถูกถานไถเหยี่ยนใช้มือเปล่ารับไว้—เขาใช้สองนิ้วหนีบคมกระบี่ไว้ พลังภายในอันลึกล้ำปรากฏขึ้นอย่างฉับพลัน ทำให้เฟิ่งจิ่วเหยียนถึงกับสั่นสะท้าน“เจ้าแอบซ่อนพลังภายในมาตลอด?”ถานไถเหยี่ยนที่ดูเหม่อลอย พึมพำกับตัวเอง: “ไม่ควรเป็นเช่นนี้... มันมีปัญหาที่ใดกันแน่”เฟิ่งจิ่วเหยียนโจมตีอีกครั้ง แต่ถานไถเหยี่ยนกลับหลบหลีกได้นางจึงเพิ่งตระหนักได้ว่า เมื่ออยู่ต่อหน้านางถานไถเหยี่ยนซ่อนความสามารถได้ลึกมากพลังภายในของเขา ย่อมต้องเหนือกว่านางอย่างแน่นอนนางมิได้ยึดติดกับการต่อสู้โดยเฉพาะในทางเดินคับแคบ ที่มี

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status