Share

บทที่ 9

Penulis: อี้ซัวเยียนอวี่
รุ่ยอ๋องไม่อาจทำใจได้จึงเอ่ยปากโน้มน้าว

“ฝ่าบาททรงทำเช่นนี้ ออกจะโหดร้ายต่อฮองเฮาไปซักหน่อยนะพ่ะย่ะค่ะ”

ทว่าเซียวอวี้กลับสะบัดแขนเสื้อเดินจากไปเรียบร้อยแล้ว ทิ้งไว้เพียงภาพแผ่นหลังอันน่าเกรงขามที่ยากจะต่อกรได้

สายลมพัดโชยโบกสะบัดเสื้อของบุรุษผู้นี้ เขาย่างก้าวเดินลงบันได สายตาทอดมองไปไกลโพ้น กวาดตามองทัศนียภาพของอุทยานหลวงและสนามม้าหลวงไว้ในสายตา รวมทั้งภาพของสตรีที่ขี่ม้าอยู่เมื่อครู่นี้ด้วย

ภาพเงาร่างของหญิงสาวที่ขี่ม้าในความทรงจำ ก็ดูเหมือนจะเป็นเช่นนี้

......

เพราะได้รับความตื่นตระหนก ไทเฮาจึงเสด็จกลับตำหนักฉือหนิงก่อน

เฟิ่งจิ่วเหยียนเองก็กลับตำหนักหย่งเหอของตน

ตามกฎระเบียบแล้วฮองเฮายังต้องรับการคารวะจากเหล่าสนมนางใน

แต่สนมนางในที่มาถึงก่อนแล้วกลับมีเพียงน้อยนิด ส่วนใหญ่หากไม่อ้างว่าป่วย ก็อ้างว่ายุ่งกับภารกิจในตำหนัก

เฟิ่งจิ่วเหยียนเองก็ไม่มีใจจะมานั่งเสแสร้งรับหน้าพวกนาง จึงส่งพวกนางไม่กี่คนที่มาให้กลับไปเสีย

ผ่านไปไม่นานก็มีคนมาถ่ายทอดคำพูดของฮ่องเต้

“ฮองเฮา ฝ่าบาทได้ทรงทราบถึงคุณงามความดีที่เมื่อเช้าพระองค์ได้ทรงช่วยไทเฮาเอาไว้แล้ว ทรงพระราชทานหยกสมปรารถนาให้คู่หนึ่งเป็นพิเศษ อีกทั้งยังมีรับสั่งให้ฮองเฮาดูแลการตัดคอประหารม้าคลั่งตัวนั้น...”

เมื่อเหลียนซวงได้ยินรับสั่งนี้ก็รู้สึกอัดอั้นตันใจเป็นอย่างมาก

เรื่องอย่างการดูแลการตัดคอประหาร เหตุใดถึงได้มาถึงมือของฮองเฮาได้เล่า?

ว่าไปแล้วยังเป็นการสะบั้นหัวของม้าที่กำลังตั้งท้องอีกด้วย

ฮ่องเต้ทรราชสมเป็นทรราชยิ่ง ช่างเหี้ยมโหดและไร้เหตุผลเสียจริง!

สีหน้าท่าทางของเฟิ่งจิ่วเหยียนสงบนิ่ง ไม่มีท่าทางโมโหหรือน้อยใจแม้แต่น้อย

ข้าหลวงผู้ถ่ายทอดรับสั่งกลับรู้สึกงุนงง

ฮองเฮาพระองค์นี้ช่างมีน้ำอดน้ำทนนัก

ดูซิว่านางจะทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ถึงเมื่อไหร่กัน!

ยามบ่าย

ณ สนามม้าหลวง

ผู้ดูแลจูงแม่ม้าตัวนั้นออกมาจากคอกเพื่อเตรียมรับโทษประหารแล้ว

พวกเขาเองก็ล้วนเป็นผู้มีใจรักม้าด้วยกันทั้งนั้น ต่างพากันมาขอร้องเฟิ่งจิ่วเหยียน

“ฮองเฮา ทรงถอนรับสั่งไม่ได้จริง ๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ? นี่เป็นถึงม้าชั้นดีที่เคยผ่านสนามรบมาแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ!”

เฟิ่งจิ่วเหยียนกุมเชือกบังเหียนเอาไว้ ฝ่ามือลูบที่สะโพกของม้าเบา ๆ

ดวงตาที่แฝงกลิ่นอายสงบนิ่งของเธอสบตากับเจ้าม้า

หลังจากนั้นนางก็เอ่ยปากเรียบ ๆ

“ลงมือเถิด”

เพชฌฆาตจูงม้าไปที่เครื่องประหาร เพียงแค่ตัดเชือกยาวเส้นนั้นใบมีดของเครื่องประหารก็จะหล่นลงมาแยกร่างของม้าให้ขาดกลางเป็นสองส่วน

เฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งอยู่ที่จุดสังเกตการณ์ซึ่งห่างออกไปเพียงไม่กี่จั้ง[1]เท่านั้น

ดวงตางดงามที่เย็นชาและห่างเหินของนางไม่ฉายแววสงสารเลยแม้แต่น้อย เทียบกันแล้วยังดูเยือกเย็นกว่าเพชฌฆาตเสียอีก

แต่ทว่าเมื่อถึงเวลาที่ใบมีดจะหล่นลงมา ข้อมือของข้าหลวงที่รับผิดชอบจูงม้ากลับชากะทันหัน

เพียงชั่วพริบตาเดียวที่เขาผ่อนเชือก เจ้าม้าก็ยกกีบเท้าหน้าขึ้นวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว

เพชฌฆาตและเหล่าองครักษ์ต่างก็ตื่นตระหนกเป็นการใหญ่

“รีบหยุดมันเอาไว้เร็วเข้า!”

เฟิ่งจิ่วเหยียนมองเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่เงียบ ๆ วางตัวเป็นคนนอกที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเหตุการณ์นี้

กลับเป็นเหลียนซวงที่มองเห็นเหตุการณ์อย่างชัดเจน เมื่อครู่เป็นฮองเฮาที่ใช้หินต่างอาวุธลับ ดีดไปยังข้อมือของข้าหลวงคนนั้น เจ้าม้าถึงได้มีโอกาสหลบหนีไปได้

จากนั้นฮองเฮาก็ลอบโจมตีองครักษ์เหล่านั้น ทำให้พวกเขาดูเหมือนสะดุดหินบนพื้นจนล้ม

เดิมทีพวกเขาก็ไม่อาจวิ่งสู้ม้าฝีเท้าดีได้อยู่แล้ว ยามนี้กลับทำได้เพียงมองมันวิ่งไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ จนหายลับไปในป่าของสนามม้าหลวง

ณ ห้องทรงพระอักษร

แสงเงาเป็นชั้น ๆ ทาบทับลงไปรอบบัลลังก์มังกรที่บุรุษผู้หนึ่งนั่งอยู่

หว่างคิ้วที่เคร่งขรึมของเขา ปกคลุมไปด้วยความเย็นยะเยือกที่อัดแน่น

มังกรทองบนเสื้อคลุมมังกรมีกรงเล็บแหลมคมอันน่าหวาดผวา สายตาก็ดุร้ายน่าเกรงขาม

แต่ยังคงไม่อาจเทียบกับสายตาของบุรุษผู้นี้ที่ทำให้คนต้องยอมศิโรราบ และทำให้คนไม่กล้าแม้แต่จะสบตา

เหล่าองค์รักษ์ต่างคุกเข่าอยู่ที่พื้น

“ฝ่าบาท...ม้า ม้าวิ่งหนีออกไปจากป่าหลวง หาย...หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้วพ่ะย่ะค่ะ...”

ฮ่องเต้บนบัลลังก์มังกรไม่ตรัสอะไรแม้แต่คำเดียว สายตาคมกริบที่มองมาทำให้พวกเขารู้สึกราวกับกำลังเหยียบอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบาง ๆ ก็ไม่ปาน

จากนั้นข้าหลวงอีกคนก็เข้ามารายงาน

“ฝ่าบาท ฮองเฮามาขออภัยโทษอยู่ข้างนอกพ่ะย่ะค่ะ!”

ในที่สุดฮ่องเต้ก็เอ่ยปาก

“ฮองเฮาหย่อนยานในหน้าที่ ลงโทษตัดเบี้ยหวัดหนึ่งปี ส่วนคนที่เหลือปลดออกจากตำแหน่ง ขับไล่ออกจากวัง”

ข้าหลวงออกไปถ่ายทอดคำสั่งนอกตำหนัก เมื่อกลับมาก็รายงานฮ่องเต้ว่า

“ฝ่าบาท ฮองเฮาทรงตรัสว่าขอบพระทัยในพระมหากรุณาธิคุณพ่ะย่ะค่ะ”

หลังกล่าวจบก็เริ่มรู้สึกได้ว่าบรรยากาศในตำหนักดูน่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ

ครั้นแล้วก็เห็นฮ่องเต้ที่เดิมประทับอยู่บนบัลลังก์ บัดนี้ได้ทรงลุกขึ้นยืน

เงาร่างสูงใหญ่นั้นประหนึ่งตาข่ายผืนยักษ์ที่ปกคลุมพวกเขาที่อยู่ด้านล่างเอาไว้จนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจออกมา

“ฮองเฮา ดียิ่ง” จิตใจของฮ่องเต้ ช่างยากแท้หยั่งถึง

พระองค์ตรัสว่าดี แต่ไม่แน่ว่าจะหมายความตามนั้นจริง

ณ ตำหนักฉือหนิง ไทเฮาทรงรู้สึกไม่ยุติธรรมแทนฮองเฮา

“ฮองเฮาเพิ่งจะเข้าวัง บนล่างล้วนต้องดูแล ฝ่าบาททรงลงโทษตัดเบี้ยหวัดนาง จะให้นางปกครองอย่างไร!”

ถึงแม้จะเป็นไทเฮาก็มิอาจเปลี่ยนแปลงพระราชโองการของฮ่องเต้ได้

ณ ตำหนักหลิงเซียว

“พระสนม เมื่อวานฮองเฮาเพิ่งจะอภิเษกสมรส วันนี้ก็โดนลงโทษเสียแล้วเพคะ!”

หวงกุ้ยเฟยมีท่าทางสงบนิ่ง นางคาดเดาไว้แต่แรกแล้วว่าฮองเฮาจะต้องได้รับการปฏิบัติเช่นนี้

แต่ไหนแต่ไรมา ฮ่องเต้ทรงปฏิบัติต่อสตรีที่ไม่โปรดปรานอย่างไร้น้ำใจมาโดยตลอด

วันรุ่งขึ้น

เฟิ่งจิ่วเหยียนที่อยู่ระหว่างทางไปตำหนักฉือหนิง บังเอิญพบกับคุณชายชุดขาวท่านหนึ่ง

นางจำเขาได้ในทันที คนผู้นี้คือรุ่ยอ๋อง ผู้ที่มากราบไหว้ฟ้าดินแทนฝ่าบาทในพิธีอภิเษกสมรสวันนั้น

----------------------------------------------

[1] หน่วยวัดระยะทางของจีนโบราณ โดยมีระยะเท่ากับ3.33 เมตร
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Komen (8)
goodnovel comment avatar
Joom
The angry king wants to test his wife.
goodnovel comment avatar
Chin
รุ่ยอ๋องไม่รู้ดีมั้ย
goodnovel comment avatar
Chanyanut Saenkam
สนุกจริงๆอ่านต่อๆ
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terbaru

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1550

    เฟิ่งจิ่วเหยียนลองนึกย้อนดู เมื่อครั้งที่เซียวอวี้มอบกระบี่ชื่อหยวนให้นางในตอนนั้น ไม่ได้บอกนางอย่างละเอียดว่า เขาได้มันมาอย่างไรตอนนั้นนางไม่ได้ถามอะไรมากนัก การที่คนอื่นมอบของขวัญให้นาง แล้วนางถามนั่นถามนี่ก็ดูไม่เหมาะสมเช่นกันด้วยเหตุนี้จึงเข้าใจมาตลอดว่า กระบี่ชื่อหยวนนี้เป็นสิ่งที่เขาได้มาโดยบังเอิญคำพูดฝ่ายเดียวของท่านผู้เฒ่าหยวน เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ไม่ได้เชื่อโดยง่ายเช่นกันมือของนางวางลงเบา ๆ บนฝักกระบี่ สีหน้าดูสงบนิ่งและสุขุมในขณะนั้น ท่านผู้เฒ่าหยวนเอ่ยอีกว่า“ข้ามีคำขอที่ไม่เหมาะสมนัก ขอฮองเฮาโปรดคืนมันมาได้หรือไม่...”เฟิ่งจิ่วเหยียนขัดจังหวะคำพูดของเขาทันที“กระบี่เล่มนี้เป็นสิ่งที่ฝ่าบาททรงประทานให้ ขออภัยที่ข้าไม่อาจตัดสินใจเรื่องนี้ได้”ท่านผู้เฒ่าหยวนได้ยินดังนั้น ดูเหมือนจะไม่ยืนกรานอีกต่อไปเช่นกันเขาเอ่ยพึมพำ ด้วยน้ำเสียงแก่ชรา“ช่างเถอะ บางทีหลังจากที่ซีเอ๋อร์เกิดเรื่อง กระบี่เล่มนี้ก็คงถูกทิ้งอยู่ในวัง“ดูเหมือนไม่ว่าจะเป็นซีเอ๋อร์ หรือสิ่งที่นางทิ้งไว้ ข้าล้วนไม่อาจนำพาไปได้“วันนี้ต้องลำบากฮองเฮาเสด็จมาเอง เพื่อบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครั้งนั้นแก

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1549

    หนานเจียงอ๋องก็ทราบถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ ฮองเฮาของแคว้นหนานฉี เป็นเพื่อนสนิทของหร่วนฝูอวี้ และรุ่ยอ๋องแห่งชายแดนใต้ ก็เป็นคนรักของนาง พวกเขาจะช่วยหร่วนฝูอวี้แน่นอน หากหร่วนฝู่อวี้ทรยศหนานเจียง แล้วมอบกู่ราชาให้ชาวฉี... เมื่อคิดเช่นนี้ หนานเจียงอ๋องยิ่งรู้สึกร้อนใจ โชคดีที่เขาได้สั่งปิดประตูเมืองทุกแห่ง และส่งคนไปซุ่มอยู่ที่ชายแดนระหว่างสองแคว้นแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานจะตามหานางเจอ หนานฉี ในเมืองหลวง เฟิ่งจิ่วเหยียนสืบสวนคดีสายลับแคว้นตงซาน ใกล้จะได้ผลสรุปแล้ว นางตามหาผู้ที่เคยรับใช้หยวนเฟยในตอนนั้น รวมถึงพวกนางกำนัลที่ออกจากวังเมื่อถึงวัย และซักถามทีละคน เมื่อรวมกับข้อมูลจากผู้เฒ่าหยวน จึงคาดเดาเรื่องราวทั้งหมดได้คร่าว ๆ แล้ว นางออกนอกวัง ไปพบผู้เฒ่าหยวนด้วยตนเอง มีบางเรื่อง ที่ต้องหารือกับเขา “เดิมเหยาเหนียงถูกแคว้นตงซานส่งไปเป็นสายลับในวัง นางตั้งใจจะอาศัยคำแนะนำของหยวนเฟย เพื่อเข้าใกล้อดีตฮ่องเต้ แต่หยวนเฟยกลับปฏิเสธ “เหยาเหนียงจึงแฝงตัวอยู่ในตำหนักของซูเฟย รอจังหวะลงมือ ในช่วงเวลาเหล่านี้ได้ปลอมลายมือของหยวนเฟ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1548

    หนานเจียงอ๋องทุกรัชสมัยเฝ้าพิทักษ์เขตแดน เพราะมีเพียงสถานที่แห่งนี้เท่านั้น ที่สามารถสร้างหมอกพิษได้ ดวงตาของหร่วนฝูอวี้เต็มไปด้วยความผิดหวัง “ตอนนี้ท่านอ๋องจะขยายอาณาเขตออกไปอย่างไม่หยุด เท่ากับว่าตั้งใจละทิ้งหมอกพิษ” ยังไม่ต้องเอ่ยถึงต้าเซี่ย แม้แต่สภาพอากาศเช่นที่เผ่าสุยเหอ ก็ไม่สามารถสร้างหมอกพิษได้ สีหน้าของหนานเจียงอ๋องมืดครึ้ม “เจ้ากำลังคิดตื้นเขินแบบสตรี! “ตราบใดที่พวกเราพิชิตต้าเซี่ยได้ นั่นก็จะเป็นดินแดนของหนานเจียง! “ส่วนเรื่องหมอกพิษ ขอเพียงรับประกันว่าอาณาเขตเดิมยังถูกปกคลุมด้วยหมอกพิษ และรับประกันราชสำนักอ๋องกับเมืองหลวง...” “หมายความว่า ท่านอ๋องจะซ่อนตัวอยู่ในหมอกพิษตลอดไปหรือ? แล้วจะมั่นใจได้อย่างไรว่า ดินแดนที่ยึดครองได้นั้น จะยอมสวามิภักดิ์ภายใต้การปกครองของท่านตลอดไป? ท่านทำเช่นนี้ เป็นการสิ้นเปลืองทหารเท่านั้น” กษัตริย์ที่ไม่สามารถก้าวออกจากพื้นที่คุ้มครองของหมอกพิษได้ ย่อมไม่น่าเกรงกลัว หร่วนฝูอวี้โกรธจนหัวเราะออกมาเพราะความโง่เขลาของเขา นางยื่นมือออกไป สอดนิ้วเข้าไปในตารางตาข่าย “ผู้ใดสอนให้ท่านทำเช่นน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1547

    สำหรับเรื่องของราชาพิษหนอนกู่ หนานเจียงอ๋องระมัดระวังเป็นพิเศษ ความภาคภูมิใจของเขาที่พุ่งทะยานเสียดฟ้า ถูกดึงลงมาด้วยสติทันที “ไม่ได้ ราชาพิษหนอนกู่จะแตะต้องไม่ได้” นี่คือรากฐานความมั่นคงของชายแดนทั้งสี่ของหนานเจียง อย่างน้อยตอนนี้ก็เป็นเช่นนั้น ก่อนที่หนานเจียงจะแข็งแกร่งพอที่จะต้านทานศัตรูจากภายนอกได้ ราชาพิษหนอนกู่จะต้องไม่เกิดข้อผิดพลาด เซียวเหิงหาได้บีบบังคับไม่ เขานั่งกลับไปที่โต๊ะอาหารของตนเอง จิบสุรา แล้วแสร้งทำเป็นพูดด้วยท่าทีผ่อนคลาย “ดูเหมือนว่า สิ่งที่หนานเจียงได้มาตอนนี้ ท่านอ๋องก็พอพระทัยแล้ว เช่นนั้น วันนี้กระหม่อมควรจะถอนตัว” หนานเจียงอ๋องขมวดคิ้วเป็นปม แน่นอนว่าเขาไม่พอใจ! เมื่อเห็นหนานเจียงก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ข่าวชัยชนะจากชายแดนส่งมาไม่ขาดสาย ทำให้เขามีความสุขมากในทุก ๆ วัน สันติสุขและชนเผ่าเล็ก ๆ เหล่านั้น ไม่เพียงพอที่จะให้เขาอิ่มท้อง ยิ่งกว่านั้นเมื่อครู่เซียวเหิงบอกว่า เป้าหมายต่อไปคือต้าเซี่ย ถึงแม้ความแข็งแกร่งของต้าเซี่ยจะสู้หนานฉีและแคว้นตงซานไม่ได้ แต่เทียบได้กับแคว้นซีหนี่ว์ในตอนนี้ ทั้

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1546

    เซียวอวี้เอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “จิ่วเหยียน เรารู้ว่าแคว้นซีหนี่ว์มีความหมายกับเจ้าต่างจากที่อื่น “เราเองก็กำลังมองหาวิธีที่จะอยู่ร่วมกัน “เจ้าอย่าเพิ่งกังวล หากวันนั้นมาถึงจริง ๆ เราจะหารือกับเจ้าก่อน “แน่นอนว่า จะอย่างไรก็ตาม เราไม่อยากให้เรื่องไปถึงขั้นนั้นเหมือนกัน “ตราบใดที่แคว้นซีหนี่ว์ไม่กระทำเหมือนหนานเจียง ที่ถูกผู้อื่นหลอกใช้ และคุกคามพรมแดนหนานฉีของเรา เราจะไม่ลงมือใด ๆ “ส่วนแคว้นตงซาน มันไม่ใช่แคว้นเล็กเช่นหนานเจียง ถึงแม้เราอยากจะทำสงครามด้วย ก็จะไม่ทำอย่างวู่วาม” เฟิ่งจิ่วเหยียนผงกศีรษะ “หม่อมฉันเข้าใจแล้ว หม่อมฉันจะไม่แทรกแซงเรื่องของหนานเจียง” นางดูใจเย็นมาก ดูเหมือนจะไม่ตำหนิที่เขาปิดบัง เซียวอวี้ยังคงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย เขาโอบไหล่ของนางอย่างอ่อนโยน กอดนางไว้ “จิ่วเหยียน เจ้าคุยกับเราอีกหน่อยเถิด เจ้ายังคิดว่าเราทำผิดหรือไม่?” เฟิ่งจิ่วเหยียน กล่าวอย่างช้า ๆ “เรื่องนี้ไม่มีถูกหรือผิด มีเพียงความแตกต่างระหว่างการพิจารณามากน้อย และการยอมเสียสละฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง “ท่านคือฮ่องเต้ผู้ประทับบนบัลลั

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1545

    วังหลวง ตกกลางคืน เซียวอวี้ออกจากห้องทรงพระอักษรตรงไปยังตำหนักหย่งเหอ บุตรชายทั้งสองเข้านอนไปแล้ว เฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งอยู่ที่โต๊ะ ดูเหมือนกำลังรอเขาอยู่ เซียวอวี้นั่งลงข้าง ๆ จับมือนางไว้แน่น สีหน้าละอายใจเล็กน้อย นางไม่ได้ดิ้นรนขัดขืน เพียงเงยหน้าขึ้น มองเขาอย่างสงบนิ่ง “เรื่องของหนานเจียง ท่านวางแผนจะทำอย่างไร” เซียวอวี้พูดเรื่องอื่นเพื่อเลี่ยงไม่ตอบ “กินมื้อเย็นหรือยัง? ไยวันนี้พวกอาหลิ่นถึงเข้านอนเร็วนัก?” เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ตอบคำถามนี้ของเขา นางวกกลับมาที่เรื่องเดิม “ท่านปิดบังไม่ได้หรอก” เซียวอวี้ถอนหายใจเบา ๆ ใช้นิ้วหัวแม่มือลูบไล้ฝ่ามือของนางสองสามครั้ง เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เราได้เขียนจดหมายไปถึงรุ่ยหลินแล้ว ให้เขาส่งสายลับเข้าไปในหนานเจียง “ไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่เจ้าคิด แค่รอให้เซียวเหิงทำลายหมอกพิษในหนานเจียงจนหมดสิ้น กองทัพชายแดนใต้ก็จะบุกเข้าสู่หนานเจียง “เราก็ได้เตือนพวกเขาอย่างเป็นทางการ ให้พยายามหลีกเลี่ยงการนองเลือด จับโจรต้องจับหัวก่อน ด้วยการควบคุมราชสำนักอ๋อง ก็จะสามารถยึดครองหนานเจียงทั้งหมด

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status