เฟิ่งจิ่วเหยียนไล่ตามมาถึงแคว้นตงซาน เพียงเพื่อจับตัวหยวนตั๋วมีเพียงถามจากปากเขาว่าพิษมนุษย์โอสถนี้ทำขึ้นมาอย่างไร ถึงจะสามารถปรุงยาถอนพิษออกมาได้มิเช่นนั้นเซียวอวี้กับราษฎรเหล่านั้นต่างก็ไม่มีทางรอดนี่เป็นเรื่องเร่งด่วนอย่างยิ่งหลังจากหร่วนฝูอวี้ได้รับกู่ราชาแล้ว ยังต้องรีบกลับไปที่หนานเจียง เพื่อสร้างหมอกพิษขึ้นมาใหม่แต่หากนางจากไป แล้วมนุษย์โอสถสูญเสียการควบคุม ก็จะส่งผลกระทบต่อทั้งหนานฉีเวลาที่เหลือให้นาง มีไม่มากแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่นางมาจวนตระกูลหยวนจวนแห่งนี้ใหญ่โตมาก ประเมินด้วยสายตาเท่ากับตำหนักหย่งเหอราวสิบหลังก่อนมานางได้สืบข้อมูลมาแล้วหยวนนั่วมารดาของหยวนตั๋ว เป็นบุตรที่เกิดจากอนุภรรยาของท่านผู้เฒ่าหยวน ตอนนี้คนในจวนตระกูลหยวนต่างก็เรียกนางว่าฮูหยินนั่วฮูหยินนั่วหลังจากถึงวัยสมรสมิได้แต่งออกไปอยู่นอกจวน แต่ยังอยู่ที่จวนโดยแต่งสามีเข้าจวนแทนสามีของนางเป็นพ่อค้าเร่ครอบครัวของพวกเขาอาศัยอยู่ที่เรือนตะวันตกของจวนตระกูลหยวนนอกจากฮูหยินนั่วแล้ว ท่านผู้เฒ่าหยวนยังมีบุตรชายอีกคนบุตรชายผู้นี้เกิดจากภรรยาหลวง เป็นลูกหลง ชื่อว่าหยวนสุยหยวนสุยก็คือบิดาข
รุ่ยอ๋องดึงสติกลับมาทันที“นางไปที่ใดแล้ว!”หลิวหวานำจดหมายฉบับหนึ่งมอบให้ “นี่คือจดหมายที่พระชายาทิ้งไว้ให้ท่าน! ให้ท่านเปิดดูเอง”รุ่ยอ๋องรับจดหมายมา แล้วรีบเปิดออกทันทีถ้อยคำในจดหมาย แม้ดูเหมือนเพียงไม่กี่บรรทัด แต่กลับเหมือนมีดที่คว้านหัวใจเขาหร่วนฝูอวี้รู้ดีว่าเขาไม่อาจทิ้งทุกสิ่งในหนานฉีแล้วไปกับนางได้ ดังนั้นนางจึงจากไปก่อนนางยังกำชับเขาว่า ให้ดูแลลูกของพวกเขาให้ดีวันหน้าหากมีโอกาส นางจะไปเยี่ยมลูกตอนท้ายของจดหมาย นางเขียนไว้ว่า——【การที่ท่านลังเล ก็ยืนยันแล้วว่าท่านได้ตัดสินใจแล้ว ก็ถือว่าข้าได้ตายไปแล้ว จงแต่งงานใหม่ และหามารดาที่ดีให้ลูก มิเช่นนั้น ข้าจะไม่อาจปล่อยวางพวกท่านได้】รุ่ยอ๋องถือจดหมายไว้ อ่านไปมาอยู่หลายรอบ ราวกับว่ากำลังทรมานตัวเองหลิวหวาเห็นสีหน้าของท่านอ๋องดูไม่ดีนัก จึงถามด้วยความกังวล“ท่านอ๋อง จะให้ไปตามพระชายากลับมาหรือไม่ขอรับ?”รุ่ยอ๋องห้ามปรามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง“ไม่ต้องหรอก”ตามนางกลับมาเพื่ออะไรกัน?หนานเจียงยิ่งต้องการนางมากกว่าเขาไม่อาจปล่อยให้นางเมินเฉยต่อหนานเจียง เพียงเพื่อความเห็นแก่ตัวของตนเองอีกอย่าง เขามีเหตุผลใดที่จะตา
รุ่ยอ๋องนิ่งเงียบอยู่นานหร่วนฝูอวี้กับหนานฉี ล้วนเป็นสิ่งที่เขาไม่อาจละทิ้งได้หนึ่งคือภรรยา อีกหนึ่งคือชาติบ้านเมืองที่ต้องปกป้องบรรพบุรุษรุ่นสู่รุ่นของเขาล้วนอยู่ที่หนานฉี และต่างก็ปกป้องหนานฉีเขาก็ปกป้องฮ่องเต้มาตั้งแต่เด็กหากจะให้เขาทิ้งทุกสิ่งในหนานฉี เขาก็ไม่อาจพูดว่า “ได้” อย่างง่ายดายหร่วนฝูอวี้เดาได้ถึงสิ่งที่เขาคิด“ยังไง? ท่านอยากให้ข้าย้ายกู่ราชาไปให้คนอื่น แล้วกลับมาอยู่เคียงข้างท่านหรือ?”นี่คือสิ่งที่รุ่ยอ๋องปรารถนาเพราะอย่างไรนี่คือทางออกที่ดีต่อทั้งสองฝ่ายราชาพิษหนอนกู่มิได้มีแค่นางที่สืบทอดได้เท่านั้นอีกทั้งนางก็ยังใส่ใจรูปลักษณ์ภายนอกถึงเพียงนั้น...หร่วนฝูอวี้ถอนหายใจใส่เขา“รุ่ยหลิน ท่านคิดว่า ในหนานเจียงยังมีผู้ใดที่มีความสามารถในการปกป้องกู่ราชา? ท่านคิดว่าข้ายังมีทางเลือกอีกหรือ?”ความลับของกู่ราชา ถูกคนของแคว้นตงซานล่วงรู้แล้วกระทั่งว่าหลังจากผ่านเหตุการณ์วุ่นวายของพวกมนุษย์โอสถ คนทั้งใต้หล้าต่างก็รู้กันว่า กู่ราชาของหนานเจียงมีสรรพคุณพิเศษเช่นนั้นมันย่อมต้องกลายเป็นสิ่งล้ำค่าที่แคว้นต่าง ๆ ต้องการจะช่วงชิงกันในสำนักของนาง แม้จะมีคนท
แคว้นหนานฉีเมืองหรงโจวภายในคุกหลวง องค์หญิงใหญ่ทรงถูกขังมาแล้วหลายวันเดิมทีนางเดินทางไปพร้อมกับพวกตงฟางซื่อ ออกจากเมืองหรงโจว เพื่อมุ่งหน้าไปยังเมืองชายแดนผลสุดท้ายคือยังไม่ถึงเมืองชายแดน ก็ถูกทหารที่ประจำการอยู่ขัดขวางเสียก่อนดังนั้นนางจึงต้องแยกกับคนอื่น ๆ ยิ่งแย่ไปกว่านั้นคือ จั่วเฟิงยังนำกำลังทหารกลุ่มหนึ่ง ไล่ตามมาจากเมืองหรงโจว และจับตัวนางโดยการบังคับ ซ้ำยังอ้างเหตุผลที่ฟังดูดีว่า เป็นเพราะคำนึงถึงความปลอดภัยของนางความแค้นนี้ นางไม่มีวันลืมและมิรู้ด้วยว่าตอนนี้ตงฟางซื่อกับรุ่ยอ๋องพวกเขาอยู่ที่ใด ถึงเมืองชายแดนแล้วหรือยัง และช่วยฮ่องเต้กลับมาได้หรือไม่อาหารในคุกแสนจะธรรมดา สำหรับนางที่เป็นองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ ยากจะกลืนลงจริง ๆบางครั้งจั่วเฟิงจะมาตรวจตราที่คุก เพื่อตรวจดูว่ามีคนหลบหนีจากคุกหรือไม่วันนี้ เขาก็มาอีกแล้วทันทีที่องค์หญิงใหญ่เห็นเขา ในดวงตาก็ฉายแววความดุร้ายออกมานางกอดประตูคุก ตะคอกใส่เขาด้วยความโกรธ“จั่วเฟิง เจ้ามันพวกลืมบุญคุณ! รีบปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”จั่วเฟิงมีสีหน้าเคร่งขรึม มองดูเหมือนมีความเที่ยงธรรม“บุญคุณอันใด?“ถึงแม้จะมี ก็ต้องว
เซียวอวี้เป็นห่วงความปลอดภัยของเฟิ่งจิ่วเหยียน แม้รุ่ยหลินจะขวางม้าไว้ ก็ไม่อาจทำให้เขาสั่นคลอนแม้แต่น้อยเขาใช้ขากระแทกข้างท้องม้า ทำให้ม้ายกกีบเท้าขึ้นและพุ่งออกไปทันทีรุ่ยอ๋องมิได้หลบหลีกแม้แต่น้อยในช่วงเวลาสำคัญ หร่วนฝูอวี้ก็พุ่งเข้ามา และดึงเขาออกไปทว่า ถึงแม้ไม่มีหร่วนฝูอวี้ ม้าที่เซียวอวี้ขี่ก็วิ่งเบี่ยงออกไป เฉียดผ่านตำแหน่งที่รุ่ยอ๋องยืนอยู่เดิมพอสมควรม้าเตะฝุ่นจนฟุ้งกระจายทั่วบริเวณท่ามกลางสายตาที่ประหลาดใจของทุกคน เสียวอู่ตาไวมือไว กระโดดขึ้นหลังม้าไปแต่แรก โดยนั่งอยู่ด้านหลังของเซียวอวี้ ทั้งสองคนขี่ม้าตัวเดียวกันเฉินจี๋กับเหล่าองครักษ์เงาก็รีบตามไปอย่างรวดเร็วรุ่ยอ๋องมีสีหน้างงงัน ไม่อาจเรียกสติกลับมาได้เป็นเวลาเนิ่นนานหร่วนฝูอวี้จึงเรียกเขา“รุ่ยหลิน เมื่อครู่ท่านบุ่มบ่ามเกินไปแล้ว!”เหตุใดเขาจะไม่รู้ว่า ฮ่องเต้ฉีทรงห่วงใยเฟิ่งจิ่วเหยียนมากเพียงใดรุ่ยอ๋องค่อย ๆ หันมา มองไปที่หร่วนฝูอวี้เขามองใบหน้าที่พุพองของนาง ได้แต่เจ็บปวดใจจึงยกมือขึ้น อยากจะสัมผัสหร่วนฝูอวี้เอียงศีรษะทันที เพื่อหลบมือของเขา“รีบจัดหาที่พักให้พวกมนุษย์โอสถเหล่านั้น ฮองเฮาทร
ตำแหน่งเดิมที่หยวนตั๋วถูกมัดอยู่ ตอนนี้เหลือเพียงเชือกเท่านั้น รุ่ยอ๋องตำหนิตนเอง “เป็นความผิดของข้าเอง!” เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่โทษใครเลย ตอนนั้นสถานการณ์ซับซ้อน ไม่มีผู้ใดสามารถรับประกันได้ว่าทุกอย่างจะราบรื่น อีกทั้ง ยากที่จะคาดเดาได้ว่า หยวนตั๋วจะถูกช่วยเหลือ นางนั่งยอง ๆ ลงไปเพื่อตรวจสอบร่องรอยรอบด้าน พบรอยเท้าซึ่งไม่ใช่ของรุ่ยอ๋อง และยังมีรอยเท้าของคนอื่นอีกหลายรอย เห็นได้ชัดว่า ทันทีที่เขาจากไป ก็มีกก็มีคนมาช่วยหยวนตั๋ว เมื่อสังเกตจากทิศทางของรอยเท้า พบว่ามุ่งหน้าไปยังทิศตะวันออกเฉียงใต้ เฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยเสียงลุ่มลึก “คงจะเป็นชาวแคว้นตงซาน” ตอนนี้ยังไม่สายที่จะตามทัน นางรีบขึ้นหลังม้า กำชับรุ่ยอ๋องก่อนจากไป “คุ้มกันพวกฝ่าบาทกลับไปก่อน!” พลันตวัดแส้ม้าออกไปทันที รุ่ยอ๋องยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น คิ้วขมวดแน่น ให้ฮองเฮาไล่ตามไปเพียงลำพัง จะดีหรือ? อย่างไรก็ตาม เขาย้อนกลับไปก่อนดีกว่า ระหว่างทางเขาได้พบกับหลิวหวาและองครักษ์อื่น ๆ รวมถึงพวกจางฉี่หยาง “ท่านอ๋อง!” หลิวหวาเป็นคนแรกที่แสดงความเคารพ ก่อนหน