คุกหลวง ขันทีประกาศราชโองการเสร็จ กลับไม่เห็นคนในห้องขังมีปฏิกิริยาใด ๆเขาเค้นเสียงย้ำเตือน“แม่ทัพหยวน ฝ่าบาทคืนตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ให้แก่ท่าน ให้ท่านรีบออกเดินทาง นำทหารต้านศัตรู ท่านยังไม่รีบลุกขึ้นมารับราชโองการอีกหรือ?”หยวนจั้นแสยะยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน หันหลังให้ประตูห้องขัง นอนราบบนพื้นที่ปูด้วยฟางแห้ง ๆ ไม่ส่งเสียงพูดสิ่งใด ราวกับเป็นเพียงแค่โคนตมกองหนึ่ง“แม่ทัพหยวน! ท่านจะขัดราชโองการไม่ปฏิบัติตามหรือ!”ในตอนนี้เอง รัชทายาทก็เข้ามาเขาส่งสายตาให้ข้าหลวงที่เข้ามาส่งราชโองการออกไปที่แห่งนี้จึงเหลือเพียงเขากับหยวนจั้นสองคน ไม่มีคำพูดอะไรที่พูดไม่ได้“หลายเดือนแล้ว เจ้ายังคิดไม่ได้อีกหรือ ยังคิดแต่เรื่องอยากตายหรือไร?“เจ้าไม่อยากแต่งเข้าเป็นเขยตระกูลเฉินเพื่อเอาตัวรอด ข้ากับปู่ของเจ้าก็ไม่บังคับเจ้า ครั้งนี้เสด็จพ่อยอมฝ่าฝืนความเห็นขุนนางทั้งหลายเพื่อใช้งานเจ้า นับว่าเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายของเจ้าแล้ว“หยวนจั้น! ลุกขึ้นมาซะ!”หยวนจั้นยิ้มเยาะ “องค์ชายคิดว่า ข้าควรรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณกับคนที่ฆ่าครอบครัวของข้า และขอบคุณที่เขาใช้งานข้าหรือ?”รัชทายาทขมวดคิ้วเล็กน้อย “อย
ช่วงนี้เซียวอวี้ยุ่งมาก กังวลว่าเรื่องเหล่านี้จะกระทบต่อครรภ์ของจิ่วเหยียน และความสัมพันธ์ของพวกเขาเขาเอ่ย “ออกนอกวัง…ออกนอกวังก็ดีเหมือนกัน ทางจื้อจ้ายจวีเงียบสงบดี”จื้อจ้ายจวีเป็นสถานที่ที่เขาซื้อไว้ เป็นที่อยู่อาศัยนอกวังที่มอบให้นางเขารู้ นางไม่ชอบอยู่ในวังตลอดเวลาทว่าถึงจะเป็นจื้อจ้ายจวี ก็ยังอยู่ในขอบเขตการปกครองของเขาเขาสามารถรับรองความปลอดภัยของนางได้เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดอย่างเรียบนิ่ง “หม่อมฉันอยากไปแคว้นซีหนี่ว์”หัวใจของเซียวอวี้หนักอึ้งจากนั้นเขาจับมือของนาง พูดเสียงอบอุ่น“คิดถึงพวกน้องสาวของเจ้าหรือ? ไม่จำเป็นต้องลำบากขนาดนี้ รอหนานเจียงสงบลง เจ้าก็คลอดลูกเสร็จพอดี แล้วเราจะไปกับเจ้าด้วย”เฟิ่งจิ่วเหยียนส่ายหน้า“ครั้งนี้ หม่อมฉันจะพาพวกอาหลิ่นไปด้วย“มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น ท่านถึงจะสามารถทำใจให้สงบไม่วอกแวก”แววตาของเซียวอวี้เปลี่ยนไปเล็กน้อย “จิ่วเหยียน เหตุใดเจ้าต้องทำเช่นนี้? พวกเจ้าไปกันหมด เรามีแต่จะยิ่งไม่มีสมาธิ หากแค่รักษาครรภ์ จื้อจ้ายจวีก็เหมาะสมอย่างมาก”เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดตรงไปตรงมา“ไม่ใช่เพียงการรักษาครรภ์”นางจดจ้องบุรุษตรงหน้า ท่าทีเด็ด
ณ ตำหนักจื้อเฉินทันทีที่เฟิ่งจิ่วเหยียนมาถึง บุตรชายทั้งสองก็โผเข้ามาในอ้อมแขนของนางแต่ทันใดนั้นด้านหลังก็มี “กรงเล็บปีศาจ” ยื่นออกมา คว้าคอเสื้อด้านหลังของพวกเขาไว้ แล้วดึงพวกเขากลับไป“มาวุ่นวายอะไรกันอยู่ตรงนี้ เสด็จแม่พวกเจ้ามาหาเสด็จพ่ออย่างเราต่างหาก” เซียวอวี้ส่งเด็กทั้งสองคนไปให้แม่นม ให้พวกนางพาเหล่าองค์ชายไปที่ตำหนักด้านข้างเฟิ่งจิ่วเหยียนมองสำรวจเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความเป็นห่วงเขาเอาแต่ส่ายศีรษะ“ผู้ใดตื่นตระหนกไม่ดูตาม้าตาเรือ จนทำให้เจ้าต้องตกใจ?”“ไม่ได้รับบาดเจ็บหรือเพคะ?” เฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้วเซียวอวี้หัวเราะเสียงใส: “เราดูอ่อนแอเพียงนั้นเชียวหรือ? วางใจเถอะ เราปลอดภัยดี”ขณะพูดยังหมุนตัวรอบหนึ่งต่อหน้านาง และเอ่ยด้วยท่าทีหยอกล้อ“หรือจะให้เราถอดเสื้อผ้าออก ให้เจ้าตรวจดูอย่างละเอียดสักรอบดีหรือไม่?”เมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนมั่นใจว่าเขาไม่เป็นอะไร จิตใจก็สงบลงเขาจับมือนางให้นั่งลง “นักฆ่าพวกนั้นไม่สามารถเข้าใกล้ตัวเราได้ ตอนนี้กำลังถูกสอบสวนอยู่ แต่เป็นไปได้ว่าจะเป็นคนที่เซียวเหิงส่งมา เจ้านั่นเริ่มจะอยู่ไม่นิ่งแล้ว”เฟิ่งจิ่วเหยียนย้อนถาม: “เพราะเหต
ในท้องพระโรง เหล่าขุนนางตกใจเป็นอย่างมาก“หนานเจียงมิใช่กำลังโจมตีต้าเซี่ยอยู่หรือ? แล้วอ้อมมาโจมตีแคว้นตงซานตั้งแต่เมื่อใด?!”“หรือว่าต้าเซี่ยถูกยึดครองจนหมดแล้ว?”“ไม่ใช่! น่าจะเป็นหนานเจียงอ้อมมาทางทิศตะวันออกของต้าเซี่ย แล้วโจมตีชายแดนใต้ของเรา!”ทหารที่มารายงานข่าวคุกเข่าอยู่บนพื้น เอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนใจ“ฝ่าบาท! โปรดส่งกำลังทหารไปโดยเร็วเถิด! หากช้ากว่านี้จะไม่ทันการแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”บนบัลลังก์มังกร ฮ่องเต้ทรงมีสีหน้าคร่ำเคร่ง พลางตะคอกด้วยความโมโห“ทหารชายแดนสืบข่าวสถานการณ์ของศัตรูประสาอะไร! พวกเขาจึงบุกมาถึงหน้าประตูได้! ถึงแม้เราจะส่งกำลังเสริมไปตอนนี้ ก็สายเกินไปแล้ว!”ทหารผู้นั้นมีสีหน้าทุกข์ใจ“ขอกราบทูลฝ่าบาท ตั้งแต่ต้าเซี่ยถูกโจมตีเมืองจนแตกพ่ายติดต่อกัน แม่ทัพก็ได้ส่งสายลับไปแล้ว เพียงแต่...เพียงแต่ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่า กองทัพศัตรูที่เห็นชัดว่ายังอยู่ในเขตแดนต้าเซี่ย จู่ ๆ จะมาปรากฏตัวในแคว้นตงซานของพวกเราอย่างไม่มีที่มาที่ไป พวกสายลับจึงไม่อาจสืบหาต้นตอได้เลย...”เสนาบดีผู้หนึ่งในนั้นก้าวมาข้างหน้า“ฝ่าบาท ต้องเป็น ‘ใยแมงมุม’! ชาวหนานเจียงเหล่านั้น จะต้องใช้เส้น
ณ แคว้นตงซานตอนที่หยวนจั้นฟื้นขึ้นมา ก็อยู่ในคุกหลวงแล้วมือและเท้าของเขาถูกล่ามด้วยโซ่ตรวน ราวกับว่าเขาเป็นอาชญากรร้ายแรงอะไรทำนองนั้นภายในห้องขังนี้มีเขาอยู่เพียงคนเดียวสีหน้าของเขาดูเหม่อลอย ดวงตาไร้ชีวิตชีวา คล้ายกับถูกดูดวิญญาณออกไป เหลือเพียงร่างที่ว่างเปล่า นั่งพิงอยู่มุมกำแพงอย่างเลื่อนลอยเมื่อรัชทายาทมาเยี่ยมเขา และเห็นภาพนี้ ก็รู้สึกเจ็บปวดใจอย่างที่สุดแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของแคว้นตงซาน ด้วยความบริสุทธิ์ไร้ความผิด กลับกลายเป็นนักโทษที่ถูกจองจำ“หยวนจั้น...” รัชทายาทเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้งหยวนจั้นค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น มองไปยังรัชทายาทที่อยู่นอกประตูห้องขังทันทีที่เห็นรัชทายาท ก็นึกถึงบิดามารดาที่ตายอย่างน่าอนาถที่ลานประหาร รวมถึง ชาติกำเนิดของตัวเขาเองความเจ็บแค้น ความอับยศ และความสับสน...ความรู้สึกมากมายที่อัดแน่นอยู่ ทำให้น้ำตาเขาเอ่อคลอ และกลายเป็นหยดน้ำตาเม็ดใหญ่ ร่วงหล่นจากหางตาเขาเอ่ยออกมาช้า ๆ ทีละคำ“ฆ่า ข้า เถอะ”สำหรับเขาในตอนนี้ การมีชีวิตอยู่ทรมานยิ่งกว่าการตายเสียอีกรัชทายาทมีสีหน้าเคร่งขรึม“การมีชีวิตอยู่ สำคั
หร่วนฝูอวี้ชะงักไปชั่วขณะ เพิ่งจะได้สติกลับมา จากคำพูดที่รุ่ยอ๋องกล่าวเมื่อครู่ นางรู้แต่เพียงว่า ท่านอ๋องถูกเซียวเหิงยุยง ให้แย่งชิงกู่ราชาที่อยู่ในตัวนาง แต่ไม่เคยคิดอย่างถี่ถ้วนว่า เป้าหมายของเซียวเหิงคืออะไรก่อนหน้านี้ นางคิดไปเองโดยด่วนสรุปว่า ยาถอนพิษมนุษย์โอสถก็ถูกทำขึ้นมาแล้ว ดังนั้นมนุษย์โอสถนี้จึงไม่มีอะไรน่ากลัวอีกต่อไปแต่ไม่เคยคิดมาก่อนว่า ความทะเยอทะยานของเซียวเหิง หาใช่ว่าจะหายไปพร้อมกับการปรากฏตัวของยาถอนพิษไม่ยิ่งไม่ได้คิดอย่างถี่ถ้วนว่า ความเร็วในการแพร่กระจายของพิษมนุษย์โอสถนั้น รวดเร็วกว่าการทำยาถอนพิษอย่างมาก ดังนั้น เซียวเหิงจึงยังคงเหนือชั้นกว่าและเพื่อป้องกันไม่ให้นางทำลายแผนการดี ๆ ของเขา เขาถึงต้องจัดการนางหร่วนฝูอวี้สะบัดมือของรุ่ยอ๋องที่จับนางไว้ พลางหัวเราะเยาะซ้ำ ๆ “บอกมาเถอะ พวกท่านวางแผนจะทำเช่นไร”เซียวเหิงเป็นศัตรูคนเดียวกันของพวกเขา การร่วมมือกันจึงเป็นผลลัพธ์ที่เลี่ยงไม่ได้รุ่ยอ๋องส่งจดหมายลับของฮ่องเต้ให้นางดู ในนั้นเขียนไว้ชัดเจนแล้วว่า จะตอบโต้ถานไถเหยี่ยนกับเซียวเหิงและพรรคพวกเช่นไร“สิ่งที่ต้องทำเป็นอย่างแรกคือ ขัดขวางไม่ให้ถานไ