Share

บทที่ 8

Author: อี้ซัวเยียนอวี่
เฟิ่งจิ่วเหยียนดูไม่เหมือนพระมเหสีที่ถูกพระสวามีทอดทิ้งอย่างเย็นชาแม้แต่น้อย นางสวมชุดอย่างฮองเฮา แลดูสูงศักดิ์ดั่งพญาหงส์ที่เดินดิน

นัยน์ตาที่เยือกเย็นคู่หนึ่ง ม่านตาสีอ่อนเผยให้เห็นถึงความสูงศักดิ์ที่มิอาจเอื้อมราวกับหยก

ผิวพรรณของนางหาได้ซีดขาวอมโรคเหมือนดังที่สตรีในเมืองหลวงนิยมกันไม่ แต่เป็นผิวที่อิ่มเอิบและเปล่งปลั่งดังกลีบกุหลาบ

รูปลักษณ์งดงามแฝงด้วยความสูงศักดิ์น่าเกรงขาม งามล้ำดั่งเทพธิดาในวังจันทรา

เหล่าผู้คนในวังหลังล้วนคุ้นเคยกับการเห็นสนมนางในที่มีหน้าตาคล้ายคลึงกับหรงเฟยดี พอวันนี้ได้พบกับความงามพิลาสล้ำของฮองเฮาก็ตาลุกวาวราวกับจะเปล่งแสงได้

ไม่เสียทีที่เป็นหญิงงามผู้มีชื่อเสียงโดดเด่นในเมืองหลวง รูปโฉมงดงามล่มเมืองเช่นนี้ หาใช่ปุถุชนคนธรรมดาจะเทียบเคียงได้

ตั้งแต่เฟิ่งจิ่วเหยียนเข้าสู่ยุทธภพเพียงลำพัง นางก็ใช้ชีวิตแปลงโฉมหน้ามาโดยตลอด

สำหรับนางแล้วหน้าตาที่งดงามคือภาระ โดยเฉพาะในค่ายทหาร

อาจารย์หญิงมักบอกว่าใบหน้างามนี้ของนางช่างเสียเปล่ายิ่งนัก วัน ๆ ล้วนแต่ถูกนางใช้อย่างส่งเดช

เหลียนซวงที่เดินติดตามอยู่ด้านหลังฮองเฮาก็พลันรู้สึกมีหน้ามีตาไปด้วย

เมื่อเดินจนถึงเบื้องหน้าไทเฮา เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ย่อกายคำนับตามธรรมเนียม

“หม่อมฉันขอคารวะเสด็จแม่เพคะ”

ไทเฮาประทับอยู่บนพระที่นั่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและเมตตา

“ฮองเฮาไม่ต้องมากพิธีไป นั่งเถิด”

จากนั้นไทเฮาก็ตรัสถึงฮ่องเต้ และออกปากปลอบนาง

“ฝ่าบาททรงยุ่งอยู่กับราชกิจ หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะละเลยบางเรื่องไปบ้าง”

“ฮองเฮา เจ้าอย่าได้คิดมากไปเลย”

เฟิ่งจิ่วเหยียนตอบกลับด้วยสีหน้าราบเรียบ “เพคะ”

เมื่อสนทนากับนางได้ครู่หนึ่ง ไทเฮาทรงพบว่าฮองเฮาองค์นี้ทำสีหน้าไร้อารมณ์ตลอดเวลา ราวกับว่าใบหน้านี้ถูกแช่แข็งเอาไว้ ยิ้มแย้มไม่เป็นแต่กำเนิดอย่างไรอย่างนั้น

ก่อนหน้านี้ยามพบนางที่งานฉลองพระชนมพรรษา ออกจะรู้จักทำตัวให้คนชื่นชอบไม่ใช่หรือ?

เฟิ่งจิ่วเหยียนนางเป็นคนที่ไม่ค่อยยิ้มจริง ๆ

ยามเยาว์วัยอาจารย์หญิงมักจะหยอกเย้าให้นางหัวเราะ แต่นางกลับรู้สึกว่าน่าเบื่อ

ต่อมาเมื่ออยู่ในค่ายทหารนางมีฐานะเป็นแม่ทัพน้อยจึงต้องสร้างความน่าเกรงขาม อีกทั้งเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คนมาเข้าใกล้จนค้นพบว่านางเป็นสตรี ด้วยเหตุนี้นางจึงติดนิสัยทำหน้านิ่ง หาไม่แล้วคงไม่อาจออกคำสั่งควบคุมกองทัพได้

“ฮองเฮา มีเรื่องใดรบกวนใจเจ้าหรือ?” ไทเฮาทรงตรัสถามโดยตรง

เฟิ่งจิ่วเหยียนเงยหน้ามองไทเฮา ตอบอย่างราบเรียบว่า

“ไม่มีเพคะ”

หลังจากนั้นก็ไม่พูดคำใดต่ออีกเลย

ไทเฮาริมฝีปากกระตุก

ไร้อารมณ์เช่นนี้ มิน่าเล่าฝ่าบาทถึงไม่โปรด แม้ไทเฮาอย่างนางเองก็หมดแรงจะสนใจเช่นกัน

ถึงอย่างไรเสียเหล่าสนมนางในที่พบเจออยู่ทุกวันคืน แต่ละคนล้วนยิ้มหวานราวน้ำผึ้ง ช่างจำนรรจายิ่ง

เหมือนฮองเฮาองค์นี้เสียที่ไหน ถามคำตอบคำ หาไม่ก็เงียบเป็นเป่าสาก

“ดอกไม้ในอุทยานหลวงออกดอกไม่น้อยเลย ฮองเฮา เจ้าไปเดินเล่นเป็นเพื่อนข้าเถิด”

“เพคะ”

ไทเฮาทรงเข้าใจว่าหากออกมาด้านนอกแล้ว ฮองเฮาคงจะพูดมากขึ้นซักหน่อย

นึกไม่ถึงเลยว่ายังคงเงียบเป็นเป่าสากเช่นเดิม

ช่างไร้หนทางเยียวยาราวกับโคลนที่แปะบนผนังไม่อยู่อย่างไรอย่างนั้น

เมื่อเดินไปเดินมาเดินจนแทบจะทะลุออกจากอุทยานหลวงไปยังสนามม้าหลวงที่อยู่ติดกันอยู่แล้ว ไทเฮาก็ทรงถอดใจ อ้างว่าจะกลับตำหนักฉือหนิง

แต่ทันใดนั้นเอง ก็มีม้าตัวหนึ่งพลันวิ่งห้อตะบึงออกมาจากที่ใดไม่ทราบ พุ่งทะยานเข้ามาทางพวกนางอย่างคลุ้มคลั่ง

เหล่าองครักษ์รีบกรูกันเข้ามาด้านหน้ารวมตัวกันเป็นกำแพงมนุษย์เพื่อปกป้องไทเฮาเอาไว้ แต่ก็ถูกชนจนกระจัดกระจายในทันที

ไทเฮาใช้ชีวิตอย่างชนชั้นสูงถูกดูแลและปกป้องอย่างดีมาโดยตลอด จะเคยพบเจอสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร

ที่น่ากลัวก็คือ ดูเหมือนม้าตัวนี้จะเพ่งเล็งมาที่ไทเฮา จ้องแต่จะวิ่งมาที่นาง ด้วยความหวาดกลัวอย่างรุนแรงไทเฮาตัวแข็งไม่อาจขยับตัวแม้แต่น้อย ดวงตาเบิกกว้าง ริมฝีปากซีดขาว

“คุ้มกัน! รีบคุ้มกันเร็ว!” กุ้ยหมัวมัวตะโกนอย่างรีบร้อน

ดวงตามองไปยังไทเฮาที่กำลังจะสิ้นพระชนม์ใต้กีบเท้าม้า ทันใดนั้นเองก็มีเงาคนผู้หนึ่งผ่านวาบไปอย่างเร็วรี่

ท่ามกลางความสับสนอลหม่าน ไทเฮาเพียงสัมผัสได้ว่ามีพลังที่แข็งแกร่งโอบเอวของนาง พานางถอยออกไปอยู่อีกฝั่ง

หลังจากยืนได้อย่างมั่นคง นางก็เหลือบตาขึ้นมอง กลับพบว่าคนที่ช่วยนางเอาไว้คือฮองเฮา!

สตรีที่ดูเรียบร้อยบอบบางอย่างฮองเฮา ที่แท้กลับมีเรี่ยวแรงมากถึงเพียงนั้น!

นอกจากนี้ยามที่อุ้มนางยังทำให้นางรู้สึกอุ่นใจยิ่งกว่าชายชาตรีเสียอีก

ไทเฮารู้สึกมึนงงอยู่บ้าง ขณะที่กำลังคิดจะพาฮองเฮาไปหลบนั้น กลับเห็นนางลอยตัวไปอยู่บนหลังม้าเสียแล้ว

ทักษะการขี่ม้าของเฟิ่งจิ่วเหยียนนั้นในค่ายเป่ยต้าไม่มีใครเทียบนางได้เลย

แม้แต่ม้าที่ดุร้ายที่สุดก็ยังเชื่อฟังนางอย่างว่าง่าย

สองมือของนางดึงเชือกบังเหียน เท้าสองข้างหนีบท้องม้าเอาไว้ ในสภาวะที่ม้าสะบัดโคลงไปมาอย่างรุนแรงก็ยังสามารถรักษาสมดุลเอาไว้ได้

ฝูงชนที่เห็นนางถูกม้าคลั่งพาวิ่งไปไกลก็ขวัญหนีดีฝ่อ

“สวรรค์! ฮองเฮาตกอยู่ในอันตราย!”

ไทเฮาทรงกังวลเป็นอย่างมาก “รีบไปช่วยฮองเฮาเร็วเข้า!”

แต่เมื่อผ่านไปเพียงชั่วพริบตาก็เห็นฮองเฮาทรงควบม้ากลับมาเองแล้ว

นอกจากนี้ม้าตัวนั้นยังดูเชื่องเป็นอย่างมาก ไม่ได้วิ่งชนไปทั่วอย่างบ้าคลั่งอีกต่อไป...

หลังจากเฟิ่งจิ่วเหยียนดึงบังเหียนให้ม้าหยุดก็พลิกร่างลงจากม้า

เหลียนซวงรีบวิ่งขึ้นหน้าไปหา

“ฮองเฮา! ทรงเป็นอะไรหรือไม่เพคะ!”

เฟิ่งจิ่วเหยียนส่ายหน้าแล้วมองไปยังไทเฮา “เสด็จแม่อย่าได้กลัวไป มันสงบลงแล้วเพคะ”

ยามนี้เองไทเฮาทรงทอดพระเนตรไปยังฮองเฮาอีกครั้ง สายตาล้วนเปี่ยมไปด้วยความชื่นชมและชื่นชอบ

“ฮองเฮา ทักษะการขี่ม้าของเจ้าเรียนจากอาจารย์ท่านใดหรือ? ข้าไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนเลย”

เฟิ่งจิ่วเหยียนหาได้ยินดียินร้ายไม่

“สมัยหม่อมฉันยังเยาว์วัย เคยแอบเรียนรู้ทักษะการขี่ม้าแบบผิวเผินกับท่านน้าโดยไม่ให้ท่านพ่อทราบเพคะ สามารถช่วยเสด็จแม่เอาไว้ได้ ถือว่าได้ใช้ทักษะนี้อย่างถูกต้องแล้วเพคะ”

เวลานี้เองผู้ดูแลสนามม้าหลวงก็ตามมาถึง

เหลือบเห็นฮองเฮาควบคุมม้าที่ดุร้ายเอาไว้ได้ก็ตกตะลึงและทึ่งในตัวฮองเฮาเป็นอย่างมาก

“ฮองเฮาอาจจะไม่ทรงทราบ นี่คือม้าดุร้ายจากดินแดนตะวันตก ในบรรดาม้าที่ส่งมานั้นจู่ ๆ ม้าตัวนี้ก็คลั่งขึ้นมา พวกข้าน้อยร่วมมือกันก็ยังควบคุมมันเอาไว้ไม่อยู่...”

เฟิ่งจิ่วเหยียนนำบังเหียนม้ามอบให้ผู้ดูแล แล้วพูดกำชับอย่างจริงจังว่า

“แม่ม้าตัวนี้ตั้งท้องแล้ว เดิมก็คุ้มคลั่งได้ง่าย ทั้งยังเดินทางจากดินแดนตะวันตกมายังแคว้นหนานฉี ไม่คุ้นกับดินน้ำที่นี่ ย่อมส่งผลต่ออารมณ์ กลับไปแล้วก็อย่าได้ทุบตีด่าว่า เอาหญ้าอู่กุ้ยให้มันเยอะหน่อย ให้มันอยู่ในคอกเดี่ยว ไม่เกินสามวันห้าวันย่อมดีขึ้น ”

ผู้ดูแลเห็นนางเข้าใจเรื่องม้ามากเพียงนี้ก็ยิ่งประหลาดใจ

เฟิ่งจิ่วเหยียนลูบม้าตัวนั้นไปมา พูดพึมพำเสียงเบา

“เป็นม้าที่ดีตัวหนึ่ง น่าเสียดายนัก”

เดิมควรได้ควบทะยานโลดแล่นในทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ไพศาล กลับต้องถูกขังอยู่ในสนามม้าหลวงที่คับแคบของพระราชวังแห่งแคว้นหนานฉี

ขณะเดียวกันนี้เอง ในสถานที่ที่ไม่ไกลจากกันนัก

บนหอชมวิว

บุรุษในชุดขาวยืนอยู่ที่นั่น มองไปยังเฟิ่งจิ่วเหยียนที่อยู่ด้านล่าง เขาแสดงออกถึงความชื่นชมอย่างตรงไปตรงมา “ฝ่าบาท ฮองเฮาทรงมีทักษะเช่นนี้ ช่างหาได้ยากยิ่งพ่ะย่ะค่ะ”

ด้านหลังของบุรุษส่งเสียงน่าเกรงขามที่ติดจะดูเกียจคร้านออกมาสายหนึ่ง

“ทักษะเล็กน้อยเช่นนี้ก็เข้าตาเจ้าได้หรือ”

“เจ้าม้าตัวนั้นทำให้ไทเฮาตกพระทัย ฆ่ามันซะ อีกอย่างนึง ให้ฮองเฮาเป็นผู้ดูแลการประหารมันด้วยตัวเอง”
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (6)
goodnovel comment avatar
Joom
The king is furious.
goodnovel comment avatar
Sawarost Sontijai
ขอพิมพ์หยาบหน่อยนะคะ ฮ่องเต้ผู้นี้เปรตยิ่งนัก
goodnovel comment avatar
Nout Klkl
แย่มาก ทำไมต้องฆ่ามัน
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1394

    ไทเฮาทรงหนังตากระตุกอย่างแรง“มนุษย์โอสถอะไรกัน? เมืองชายแดนเกิดสิ่งใดขึ้น?”องค์หญิงใหญ่ทรงหัวใจเต้นแรงเช่นกัน มีลางสังหรณ์ไม่ดีโดยไม่ทราบสาเหตุข้าหลวงผู้นั้นตอบอย่างระมัดระวัง“เมืองชายแดนเต็มไปด้วยมนุษย์โอสถ ฝ่าบาททรงกำลังตรวจการณ์อยู่ที่เมืองชายแดน จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวคราวส่งกลับมา เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างร้อนใจยิ่งนัก กำลังเตรียมการอย่างเร่งด่วนที่จะส่งคนไปยังเมืองชายแดน...”องค์หญิงใหญ่ทรงมีสีหน้าซีดเซียวหากเป็นเช่นนั้นจริง นั่นจะเป็นหายนะครั้งใหญ่!เมืองชายแดนเป็นดินแดนที่เป่ยเยี่ยนยกให้หนานฉี เดิมก็ไม่ได้มีเจตนาเดียวกับหนานฉีหากจะหวังให้เจ้าหน้าที่และราษฎรที่นั่นคุ้มครองฮ่องเต้ คงเป็นไปไม่ได้เด็ดขาดเรื่องของพวกมนุษย์โอสถเหล่านั้น แน่นอนว่าต้องเป็นพวกเขาที่แอบวางแผนไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว รอเพียงแต่ให้ฮ่องเต้เข้าไปติดกับ!หากเป็นเช่นนั้น พวกเขาคงไม่มีทางอนุญาตให้ทหารนานฉีเข้าไปองค์หญิงใหญ่ทรงมีสีหน้าเคร่งเครียด จมอยู่กับความคิดเรื่องของสำนักคุ้มภัยหลินหย่วนกับสวีเจิน ยังสามารถเลื่อนไปก่อนได้ สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ ก็คือช่วยฮ่องเต้กับฮองเฮากลับมา“ฉีเอ๋อร์?”

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1393

    “เรียนท่านแม่ทัพ หลายวันมานี้จู่ ๆ ก็มีพวกมนุษย์โอสถจำนวนมากปรากฏตัวขึ้น เมืองชายแดนหลายแห่งต่างถูกยึดครอง!”เมื่อเมิ่งฉวีได้ยินเรื่องนี้ รู้สึกสันหลังเย็นวาบขึ้นมาทันทีคดีมนุษย์โอสถ มิใช่ว่าจบสิ้นไปหมดแล้วหรือ?เหตุใดพวกเขาถึงหวนกลับมาอีก?หรือว่าเป็นแคว้นตงซานที่ลงมือ?“มีข่าวคราวของฝ่าบาทกับฮองเฮาหรือไม่?” เมิ่งฉวีถามทหารสอดแนมที่รับผิดชอบในการสืบหาข่าวผู้นั้นทหารสอดแนมตอบกลับ“มนุษย์โอสถกำลังอาละวาด ตอนนี้ประตูเมืองทุกแห่งต่างปิดสนิท เกรงว่าสถานการณ์ของฝ่าบาทกับฮองเฮาไม่ค่อยสู้ดีนักขอรับ”เหล่าผู้บัญชาการคนอื่น ๆ ในกระโจมต่างพากันเสนอความเห็น“ท่านแม่ทัพเมิ่ง พวกเราต้องส่งทหารไปช่วยฝ่าบาทกับฮองเฮา!”“ท่านแม่ทัพ ฝ่าบาทกับฮองเฮามีคนคอยคุ้มกัน จะต้องรอดพ้นจากอันตรายได้อย่างแน่นอน พวกเราในฐานะทหารชายแดน สมควรต้องอยู่ปกป้องชายแดน!”“ถูกต้องท่านแม่ทัพ ตามสถานการณ์นี้ พวกมนุษย์โอสถเหล่านั้นไม่นานก็คงมาถึงชายแดน พวกเราควรต้องป้องกันไว้ก่อน! เริ่มจากสั่งการลงไป ให้เพิ่มทหารออกลาดตระเวนในค่าย ทันทีที่พบมนุษย์โอสถ ก็ให้สังหารโดยไม่ลังเล!”ทหารสอดแนมยังเตือนเมิ่งฉวี“ท่านแม่ทัพ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1392

    หยวนตั๋วมิได้ปฏิเสธการคาดเดาของเซียวม่อ“ใช่ พวกมนุษย์โอสถที่อยู่ด้านนอก ล้วนเป็นฝีมือของข้ากับสหายสวี”เซียวม่อมองไปทางสวีเจิน คนหลังคำนับให้เขาอีกครั้ง“ข้าน้อยสกุลสวีเลื่อมใสท่านอ๋องมานาน ตอนนี้มีโอกาสได้รับใช้ท่านอ๋อง...”“พวกท่านช้าก่อน!” เซียวม่อขัดจังหวะคำพูดของสวีเจินสวีเจินมองไปทางหยวนตั๋วโดยไม่รู้ตัวเห็นได้ชัดว่า เขาทำตามคำสั่งของหยวนตั๋วทั้งหมดหยวนตั๋วมีท่าทีใจเย็น “ท่านอ๋องยังมีข้อสงสัยอันใดอีกหรือ?”เซียวม่อสีหน้าเคร่งขรึม“ท่านหยวน ข้าต้องคอยอยู่ในคุกตั้งนาน แต่ท่านมัวแต่จัดการเรื่องของมนุษย์โอสถอยู่ภายนอกใช่หรือไม่?”หยวนตั๋วมุมปากยกโค้งเล็กน้อยคนโง่ที่ไม่รู้จักแยกแยะความสำคัญ ถึงเวลานี้แล้ว ยังจะคิดเล็กคิดน้อยว่าไม่ช่วยเขาออกมาเร็วกว่านี้อีกหรือ?“ท่านอ๋อง เป็นข้าที่คิดไม่รอบคอบ เลยทำให้ท่านต้องลำบาก”สวีเจินรีบช่วยอธิบายให้หยวนตั๋ว“ท่านอ๋องอย่าตำหนิคุณชายหยวนเลย เรื่องของมนุษย์โอสถเกี่ยวพันกันซับซ้อน ตอนแรกคุณชายหยวนก็ยังไม่มั่นใจนัก“เพื่อป้องกันไม่ให้โยงใยมาถึงท่านอ๋อง จึงคิดจะแบกรับภาระทั้งหมด“ตอนนี้พิษมนุษย์โอสถสำเร็จแล้ว จึงรีบไปรับท่านอ๋องออ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1391

    “ใยแมงมุม” เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา หากมิใช่ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านกลไก ก็ยากที่จะเข้าใจความลึกลับของมันอย่างถ่องแท้อย่างเช่น การเปิดทางเข้าและทางออก หรือพื้นที่ภายในมีระบบกลไกป้องกันศัตรูหรือไม่“ใยแมงมุม” ที่พวกเฟิ่งจิ่วเหยียนขุดพบ คือห้องลับใต้ดินที่สามารถรองรับคนได้หลายร้อยคนนางพบกลไกในการเข้ามา แต่ยังไม่พบกลไกในการออกไปในตอนนี้สถานที่นี้พอที่จะให้พวกเขาหลบซ่อนจากพวกมนุษย์โอสถด้านนอกได้ทว่า สิ่งที่เร่งด่วนที่สุดในตอนนี้คือต้องหาทางออกให้พบ หรือไม่ก็หาทางเข้าที่เชื่อมต่อไปยัง “ใยแมงมุม” ส่วนถัดไปในขณะเดียวกัน ก็ยังต้องระมัดระวัง ห้ามแตะต้องสุ่มสี่สุ่มห้า เพื่อมิให้ไปกระทบกับกลไกป้องกันศัตรู เพราะกลไกประเภทนี้ส่วนใหญ่จะร้ายแรงและทรงพลัง เป็นอันตรายถึงชีวิตหลังจากผ่านการขุดอุโมงค์ และหลบซ่อนอยู่หลายวัน ตอนนี้ได้พบห้องลับใต้ดินแล้ว เสียวอู่มองไปรอบ ๆ ถอนหายใจพลางเอ่ย“ในที่สุดก็ไม่ต้องคลานไปข้างหน้าแล้ว ความรู้สึกของการยืดหลังตรงเป็นคนปกตินั้นดีกว่าจริง ๆ !”เซียวอวี้เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง“ก็ไม่เห็นว่าเจ้าจะได้ออกแรงขุดอุโมงค์”เสียวอู่หัวเราะหึหึ“ศิษย์พี่ หน้าที่ของ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1390

    จู่ ๆ หร่วนฝูอวี้ก็พูดขึ้นว่าจะกลับหนานฉี รุ่ยอ๋องไม่เข้าใจเหตุผลรู้แต่ว่า ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาชวนนางกลับไป นางตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะไม่ยอมทิ้งหนานเจียงโดยไม่สนใจเนื่องจากหร่วนฝูอวี้มีอารมณ์ตื่นตัวรุนแรง ยังไม่ทันที่รุ่ยอ๋องจะถามเหตุผลให้ชัดเจน นางก็มีอาการน้ำเดินแล้วทันทีที่น้ำเดิน ก็ต้องคลอดแล้วหร่วนฝูอวี้ไม่คาดคิดเช่นกันว่า เรื่องนี้จะเกิดขึ้นอย่างกะทันหันเช่นนี้รุ่ยอ๋องเจอเหตุการณ์เช่นนี้เป็นครั้งแรก จึงตกใจจนทำตัวไม่ถูกเขาอุ้มหร่วนฝูอวี้ขึ้นมา และเดินเข้าไปในห้อง พร้อมกับตะโกนเสียงดัง“รีบไปตามหมอตำแยมา!”ในลานกว้าง หลิวหวากับเหล่าองครักษ์ต่างเผยให้เห็นสีหน้ายินดีในที่สุดพระชายาก็จะคลอดแล้ว!พวกเขารีบวิ่งไปเชิญหมอตำแยขณะที่รอหมอตำแย รุ่ยอ๋องก็คอยเฝ้าหร่วนฝูอวี้อยู่ในห้องตลอดเวลาในจวนมีสาวใช้อยู่หลายคน เป็นรุ่ยอ๋องที่จัดเตรียมไว้ล่วงหน้า เผื่อว่าหร่วนฝูอวี้จะคลอดอย่างกะทันหันพวกนางล้วนมีประสบการณ์ จึงรีบไปต้มน้ำร้อน และเตรียมสิ่งของที่จำเป็นต้องใช้อย่างกรรไกรหร่วนฝูอวี้ปวดท้องอย่างรุนแรง จึงคว้ามือของรุ่ยอ๋อง มาใส่ปากแล้วกัดไว้รุ่ยอ๋องก็ไม่สนใจความเจ็บปวด ย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1389

    “มีหนอนบ่อนไส้?!” หนานเจียงอ๋องมีปฏิกิริยาต่อเรื่องนี้อย่างรุนแรงเมื่อย้อนคิดดูอีกที ก็มีความเป็นไปได้เช่นนั้นจริงความสามารถของเสิ่นซิง เขารู้เป็นอย่างดียังมีกู่ราชานั่นด้วยหากไม่มีหนอนบ่อนไส้ช่วยเหลือ กลุ่มค้ามนุษย์โอสถจะรู้ได้อย่างไรว่ามีกู่ราชา และรู้ได้อย่างไรว่ามันสามารถแยกออกจากแหล่งอาศัยได้?“จักต้องสืบเรื่องนี้ให้แน่ชัด!”หนานเจียงอ๋องสายตาคมกริบ ไม่อาจยอมรับผู้ที่ทรยศบ้านเมืองได้เมื่อไม่มีกู่ราชา หมอกพิษของแคว้นหนานเจียงก็คงสภาพอยู่ได้ไม่นานครู่ต่อมา หร่วนฝูอวี้ก็ออกมาจากพระราชวังรุ่ยอ๋องกำลังรอนางอยู่ด้านนอกแววตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวล ไม่อาจทนเห็นนางในสภาพท้องโตต้องวิ่งวุ่นไปทั่ว“พวกเรากลับหนานฉีกันเถอะ” รุ่ยอ๋องเสนอช่วงหลายวันที่ผ่านมาหร่วนฝูอวี้ได้รับความทุกข์ทรมาน แต่ประกายแสงในดวงตากลับยิ่งแน่วแน่และสว่างไสว“ในเวลาเช่นนี้ ข้าจะทิ้งหนานเจียงไปโดยไม่สนใจได้อย่างไร?“อีกอย่าง ท่านอ๋องทรงมีคำสั่งปิดประตูเมืองแล้ว พวกเราไม่อาจออกไปได้”รุ่ยอ๋องจับมือนางขึ้นมา พร้อมเอ่ยอย่างหนักแน่นและจริงใจ“มิใช่ว่าจะไม่ให้เจ้าสนใจการอยู่รอดหรือล่มสลายของหนานเจีย

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status