Share

บทที่ 8

Penulis: อี้ซัวเยียนอวี่
เฟิ่งจิ่วเหยียนดูไม่เหมือนพระมเหสีที่ถูกพระสวามีทอดทิ้งอย่างเย็นชาแม้แต่น้อย นางสวมชุดอย่างฮองเฮา แลดูสูงศักดิ์ดั่งพญาหงส์ที่เดินดิน

นัยน์ตาที่เยือกเย็นคู่หนึ่ง ม่านตาสีอ่อนเผยให้เห็นถึงความสูงศักดิ์ที่มิอาจเอื้อมราวกับหยก

ผิวพรรณของนางหาได้ซีดขาวอมโรคเหมือนดังที่สตรีในเมืองหลวงนิยมกันไม่ แต่เป็นผิวที่อิ่มเอิบและเปล่งปลั่งดังกลีบกุหลาบ

รูปลักษณ์งดงามแฝงด้วยความสูงศักดิ์น่าเกรงขาม งามล้ำดั่งเทพธิดาในวังจันทรา

เหล่าผู้คนในวังหลังล้วนคุ้นเคยกับการเห็นสนมนางในที่มีหน้าตาคล้ายคลึงกับหรงเฟยดี พอวันนี้ได้พบกับความงามพิลาสล้ำของฮองเฮาก็ตาลุกวาวราวกับจะเปล่งแสงได้

ไม่เสียทีที่เป็นหญิงงามผู้มีชื่อเสียงโดดเด่นในเมืองหลวง รูปโฉมงดงามล่มเมืองเช่นนี้ หาใช่ปุถุชนคนธรรมดาจะเทียบเคียงได้

ตั้งแต่เฟิ่งจิ่วเหยียนเข้าสู่ยุทธภพเพียงลำพัง นางก็ใช้ชีวิตแปลงโฉมหน้ามาโดยตลอด

สำหรับนางแล้วหน้าตาที่งดงามคือภาระ โดยเฉพาะในค่ายทหาร

อาจารย์หญิงมักบอกว่าใบหน้างามนี้ของนางช่างเสียเปล่ายิ่งนัก วัน ๆ ล้วนแต่ถูกนางใช้อย่างส่งเดช

เหลียนซวงที่เดินติดตามอยู่ด้านหลังฮองเฮาก็พลันรู้สึกมีหน้ามีตาไปด้วย

เมื่อเดินจนถึงเบื้องหน้าไทเฮา เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ย่อกายคำนับตามธรรมเนียม

“หม่อมฉันขอคารวะเสด็จแม่เพคะ”

ไทเฮาประทับอยู่บนพระที่นั่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและเมตตา

“ฮองเฮาไม่ต้องมากพิธีไป นั่งเถิด”

จากนั้นไทเฮาก็ตรัสถึงฮ่องเต้ และออกปากปลอบนาง

“ฝ่าบาททรงยุ่งอยู่กับราชกิจ หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะละเลยบางเรื่องไปบ้าง”

“ฮองเฮา เจ้าอย่าได้คิดมากไปเลย”

เฟิ่งจิ่วเหยียนตอบกลับด้วยสีหน้าราบเรียบ “เพคะ”

เมื่อสนทนากับนางได้ครู่หนึ่ง ไทเฮาทรงพบว่าฮองเฮาองค์นี้ทำสีหน้าไร้อารมณ์ตลอดเวลา ราวกับว่าใบหน้านี้ถูกแช่แข็งเอาไว้ ยิ้มแย้มไม่เป็นแต่กำเนิดอย่างไรอย่างนั้น

ก่อนหน้านี้ยามพบนางที่งานฉลองพระชนมพรรษา ออกจะรู้จักทำตัวให้คนชื่นชอบไม่ใช่หรือ?

เฟิ่งจิ่วเหยียนนางเป็นคนที่ไม่ค่อยยิ้มจริง ๆ

ยามเยาว์วัยอาจารย์หญิงมักจะหยอกเย้าให้นางหัวเราะ แต่นางกลับรู้สึกว่าน่าเบื่อ

ต่อมาเมื่ออยู่ในค่ายทหารนางมีฐานะเป็นแม่ทัพน้อยจึงต้องสร้างความน่าเกรงขาม อีกทั้งเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คนมาเข้าใกล้จนค้นพบว่านางเป็นสตรี ด้วยเหตุนี้นางจึงติดนิสัยทำหน้านิ่ง หาไม่แล้วคงไม่อาจออกคำสั่งควบคุมกองทัพได้

“ฮองเฮา มีเรื่องใดรบกวนใจเจ้าหรือ?” ไทเฮาทรงตรัสถามโดยตรง

เฟิ่งจิ่วเหยียนเงยหน้ามองไทเฮา ตอบอย่างราบเรียบว่า

“ไม่มีเพคะ”

หลังจากนั้นก็ไม่พูดคำใดต่ออีกเลย

ไทเฮาริมฝีปากกระตุก

ไร้อารมณ์เช่นนี้ มิน่าเล่าฝ่าบาทถึงไม่โปรด แม้ไทเฮาอย่างนางเองก็หมดแรงจะสนใจเช่นกัน

ถึงอย่างไรเสียเหล่าสนมนางในที่พบเจออยู่ทุกวันคืน แต่ละคนล้วนยิ้มหวานราวน้ำผึ้ง ช่างจำนรรจายิ่ง

เหมือนฮองเฮาองค์นี้เสียที่ไหน ถามคำตอบคำ หาไม่ก็เงียบเป็นเป่าสาก

“ดอกไม้ในอุทยานหลวงออกดอกไม่น้อยเลย ฮองเฮา เจ้าไปเดินเล่นเป็นเพื่อนข้าเถิด”

“เพคะ”

ไทเฮาทรงเข้าใจว่าหากออกมาด้านนอกแล้ว ฮองเฮาคงจะพูดมากขึ้นซักหน่อย

นึกไม่ถึงเลยว่ายังคงเงียบเป็นเป่าสากเช่นเดิม

ช่างไร้หนทางเยียวยาราวกับโคลนที่แปะบนผนังไม่อยู่อย่างไรอย่างนั้น

เมื่อเดินไปเดินมาเดินจนแทบจะทะลุออกจากอุทยานหลวงไปยังสนามม้าหลวงที่อยู่ติดกันอยู่แล้ว ไทเฮาก็ทรงถอดใจ อ้างว่าจะกลับตำหนักฉือหนิง

แต่ทันใดนั้นเอง ก็มีม้าตัวหนึ่งพลันวิ่งห้อตะบึงออกมาจากที่ใดไม่ทราบ พุ่งทะยานเข้ามาทางพวกนางอย่างคลุ้มคลั่ง

เหล่าองครักษ์รีบกรูกันเข้ามาด้านหน้ารวมตัวกันเป็นกำแพงมนุษย์เพื่อปกป้องไทเฮาเอาไว้ แต่ก็ถูกชนจนกระจัดกระจายในทันที

ไทเฮาใช้ชีวิตอย่างชนชั้นสูงถูกดูแลและปกป้องอย่างดีมาโดยตลอด จะเคยพบเจอสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร

ที่น่ากลัวก็คือ ดูเหมือนม้าตัวนี้จะเพ่งเล็งมาที่ไทเฮา จ้องแต่จะวิ่งมาที่นาง ด้วยความหวาดกลัวอย่างรุนแรงไทเฮาตัวแข็งไม่อาจขยับตัวแม้แต่น้อย ดวงตาเบิกกว้าง ริมฝีปากซีดขาว

“คุ้มกัน! รีบคุ้มกันเร็ว!” กุ้ยหมัวมัวตะโกนอย่างรีบร้อน

ดวงตามองไปยังไทเฮาที่กำลังจะสิ้นพระชนม์ใต้กีบเท้าม้า ทันใดนั้นเองก็มีเงาคนผู้หนึ่งผ่านวาบไปอย่างเร็วรี่

ท่ามกลางความสับสนอลหม่าน ไทเฮาเพียงสัมผัสได้ว่ามีพลังที่แข็งแกร่งโอบเอวของนาง พานางถอยออกไปอยู่อีกฝั่ง

หลังจากยืนได้อย่างมั่นคง นางก็เหลือบตาขึ้นมอง กลับพบว่าคนที่ช่วยนางเอาไว้คือฮองเฮา!

สตรีที่ดูเรียบร้อยบอบบางอย่างฮองเฮา ที่แท้กลับมีเรี่ยวแรงมากถึงเพียงนั้น!

นอกจากนี้ยามที่อุ้มนางยังทำให้นางรู้สึกอุ่นใจยิ่งกว่าชายชาตรีเสียอีก

ไทเฮารู้สึกมึนงงอยู่บ้าง ขณะที่กำลังคิดจะพาฮองเฮาไปหลบนั้น กลับเห็นนางลอยตัวไปอยู่บนหลังม้าเสียแล้ว

ทักษะการขี่ม้าของเฟิ่งจิ่วเหยียนนั้นในค่ายเป่ยต้าไม่มีใครเทียบนางได้เลย

แม้แต่ม้าที่ดุร้ายที่สุดก็ยังเชื่อฟังนางอย่างว่าง่าย

สองมือของนางดึงเชือกบังเหียน เท้าสองข้างหนีบท้องม้าเอาไว้ ในสภาวะที่ม้าสะบัดโคลงไปมาอย่างรุนแรงก็ยังสามารถรักษาสมดุลเอาไว้ได้

ฝูงชนที่เห็นนางถูกม้าคลั่งพาวิ่งไปไกลก็ขวัญหนีดีฝ่อ

“สวรรค์! ฮองเฮาตกอยู่ในอันตราย!”

ไทเฮาทรงกังวลเป็นอย่างมาก “รีบไปช่วยฮองเฮาเร็วเข้า!”

แต่เมื่อผ่านไปเพียงชั่วพริบตาก็เห็นฮองเฮาทรงควบม้ากลับมาเองแล้ว

นอกจากนี้ม้าตัวนั้นยังดูเชื่องเป็นอย่างมาก ไม่ได้วิ่งชนไปทั่วอย่างบ้าคลั่งอีกต่อไป...

หลังจากเฟิ่งจิ่วเหยียนดึงบังเหียนให้ม้าหยุดก็พลิกร่างลงจากม้า

เหลียนซวงรีบวิ่งขึ้นหน้าไปหา

“ฮองเฮา! ทรงเป็นอะไรหรือไม่เพคะ!”

เฟิ่งจิ่วเหยียนส่ายหน้าแล้วมองไปยังไทเฮา “เสด็จแม่อย่าได้กลัวไป มันสงบลงแล้วเพคะ”

ยามนี้เองไทเฮาทรงทอดพระเนตรไปยังฮองเฮาอีกครั้ง สายตาล้วนเปี่ยมไปด้วยความชื่นชมและชื่นชอบ

“ฮองเฮา ทักษะการขี่ม้าของเจ้าเรียนจากอาจารย์ท่านใดหรือ? ข้าไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนเลย”

เฟิ่งจิ่วเหยียนหาได้ยินดียินร้ายไม่

“สมัยหม่อมฉันยังเยาว์วัย เคยแอบเรียนรู้ทักษะการขี่ม้าแบบผิวเผินกับท่านน้าโดยไม่ให้ท่านพ่อทราบเพคะ สามารถช่วยเสด็จแม่เอาไว้ได้ ถือว่าได้ใช้ทักษะนี้อย่างถูกต้องแล้วเพคะ”

เวลานี้เองผู้ดูแลสนามม้าหลวงก็ตามมาถึง

เหลือบเห็นฮองเฮาควบคุมม้าที่ดุร้ายเอาไว้ได้ก็ตกตะลึงและทึ่งในตัวฮองเฮาเป็นอย่างมาก

“ฮองเฮาอาจจะไม่ทรงทราบ นี่คือม้าดุร้ายจากดินแดนตะวันตก ในบรรดาม้าที่ส่งมานั้นจู่ ๆ ม้าตัวนี้ก็คลั่งขึ้นมา พวกข้าน้อยร่วมมือกันก็ยังควบคุมมันเอาไว้ไม่อยู่...”

เฟิ่งจิ่วเหยียนนำบังเหียนม้ามอบให้ผู้ดูแล แล้วพูดกำชับอย่างจริงจังว่า

“แม่ม้าตัวนี้ตั้งท้องแล้ว เดิมก็คุ้มคลั่งได้ง่าย ทั้งยังเดินทางจากดินแดนตะวันตกมายังแคว้นหนานฉี ไม่คุ้นกับดินน้ำที่นี่ ย่อมส่งผลต่ออารมณ์ กลับไปแล้วก็อย่าได้ทุบตีด่าว่า เอาหญ้าอู่กุ้ยให้มันเยอะหน่อย ให้มันอยู่ในคอกเดี่ยว ไม่เกินสามวันห้าวันย่อมดีขึ้น ”

ผู้ดูแลเห็นนางเข้าใจเรื่องม้ามากเพียงนี้ก็ยิ่งประหลาดใจ

เฟิ่งจิ่วเหยียนลูบม้าตัวนั้นไปมา พูดพึมพำเสียงเบา

“เป็นม้าที่ดีตัวหนึ่ง น่าเสียดายนัก”

เดิมควรได้ควบทะยานโลดแล่นในทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ไพศาล กลับต้องถูกขังอยู่ในสนามม้าหลวงที่คับแคบของพระราชวังแห่งแคว้นหนานฉี

ขณะเดียวกันนี้เอง ในสถานที่ที่ไม่ไกลจากกันนัก

บนหอชมวิว

บุรุษในชุดขาวยืนอยู่ที่นั่น มองไปยังเฟิ่งจิ่วเหยียนที่อยู่ด้านล่าง เขาแสดงออกถึงความชื่นชมอย่างตรงไปตรงมา “ฝ่าบาท ฮองเฮาทรงมีทักษะเช่นนี้ ช่างหาได้ยากยิ่งพ่ะย่ะค่ะ”

ด้านหลังของบุรุษส่งเสียงน่าเกรงขามที่ติดจะดูเกียจคร้านออกมาสายหนึ่ง

“ทักษะเล็กน้อยเช่นนี้ก็เข้าตาเจ้าได้หรือ”

“เจ้าม้าตัวนั้นทำให้ไทเฮาตกพระทัย ฆ่ามันซะ อีกอย่างนึง ให้ฮองเฮาเป็นผู้ดูแลการประหารมันด้วยตัวเอง”
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Komen (6)
goodnovel comment avatar
Joom
The king is furious.
goodnovel comment avatar
Sawarost Sontijai
ขอพิมพ์หยาบหน่อยนะคะ ฮ่องเต้ผู้นี้เปรตยิ่งนัก
goodnovel comment avatar
Nout Klkl
แย่มาก ทำไมต้องฆ่ามัน
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terbaru

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1550

    เฟิ่งจิ่วเหยียนลองนึกย้อนดู เมื่อครั้งที่เซียวอวี้มอบกระบี่ชื่อหยวนให้นางในตอนนั้น ไม่ได้บอกนางอย่างละเอียดว่า เขาได้มันมาอย่างไรตอนนั้นนางไม่ได้ถามอะไรมากนัก การที่คนอื่นมอบของขวัญให้นาง แล้วนางถามนั่นถามนี่ก็ดูไม่เหมาะสมเช่นกันด้วยเหตุนี้จึงเข้าใจมาตลอดว่า กระบี่ชื่อหยวนนี้เป็นสิ่งที่เขาได้มาโดยบังเอิญคำพูดฝ่ายเดียวของท่านผู้เฒ่าหยวน เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ไม่ได้เชื่อโดยง่ายเช่นกันมือของนางวางลงเบา ๆ บนฝักกระบี่ สีหน้าดูสงบนิ่งและสุขุมในขณะนั้น ท่านผู้เฒ่าหยวนเอ่ยอีกว่า“ข้ามีคำขอที่ไม่เหมาะสมนัก ขอฮองเฮาโปรดคืนมันมาได้หรือไม่...”เฟิ่งจิ่วเหยียนขัดจังหวะคำพูดของเขาทันที“กระบี่เล่มนี้เป็นสิ่งที่ฝ่าบาททรงประทานให้ ขออภัยที่ข้าไม่อาจตัดสินใจเรื่องนี้ได้”ท่านผู้เฒ่าหยวนได้ยินดังนั้น ดูเหมือนจะไม่ยืนกรานอีกต่อไปเช่นกันเขาเอ่ยพึมพำ ด้วยน้ำเสียงแก่ชรา“ช่างเถอะ บางทีหลังจากที่ซีเอ๋อร์เกิดเรื่อง กระบี่เล่มนี้ก็คงถูกทิ้งอยู่ในวัง“ดูเหมือนไม่ว่าจะเป็นซีเอ๋อร์ หรือสิ่งที่นางทิ้งไว้ ข้าล้วนไม่อาจนำพาไปได้“วันนี้ต้องลำบากฮองเฮาเสด็จมาเอง เพื่อบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครั้งนั้นแก

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1549

    หนานเจียงอ๋องก็ทราบถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ ฮองเฮาของแคว้นหนานฉี เป็นเพื่อนสนิทของหร่วนฝูอวี้ และรุ่ยอ๋องแห่งชายแดนใต้ ก็เป็นคนรักของนาง พวกเขาจะช่วยหร่วนฝูอวี้แน่นอน หากหร่วนฝู่อวี้ทรยศหนานเจียง แล้วมอบกู่ราชาให้ชาวฉี... เมื่อคิดเช่นนี้ หนานเจียงอ๋องยิ่งรู้สึกร้อนใจ โชคดีที่เขาได้สั่งปิดประตูเมืองทุกแห่ง และส่งคนไปซุ่มอยู่ที่ชายแดนระหว่างสองแคว้นแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานจะตามหานางเจอ หนานฉี ในเมืองหลวง เฟิ่งจิ่วเหยียนสืบสวนคดีสายลับแคว้นตงซาน ใกล้จะได้ผลสรุปแล้ว นางตามหาผู้ที่เคยรับใช้หยวนเฟยในตอนนั้น รวมถึงพวกนางกำนัลที่ออกจากวังเมื่อถึงวัย และซักถามทีละคน เมื่อรวมกับข้อมูลจากผู้เฒ่าหยวน จึงคาดเดาเรื่องราวทั้งหมดได้คร่าว ๆ แล้ว นางออกนอกวัง ไปพบผู้เฒ่าหยวนด้วยตนเอง มีบางเรื่อง ที่ต้องหารือกับเขา “เดิมเหยาเหนียงถูกแคว้นตงซานส่งไปเป็นสายลับในวัง นางตั้งใจจะอาศัยคำแนะนำของหยวนเฟย เพื่อเข้าใกล้อดีตฮ่องเต้ แต่หยวนเฟยกลับปฏิเสธ “เหยาเหนียงจึงแฝงตัวอยู่ในตำหนักของซูเฟย รอจังหวะลงมือ ในช่วงเวลาเหล่านี้ได้ปลอมลายมือของหยวนเฟ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1548

    หนานเจียงอ๋องทุกรัชสมัยเฝ้าพิทักษ์เขตแดน เพราะมีเพียงสถานที่แห่งนี้เท่านั้น ที่สามารถสร้างหมอกพิษได้ ดวงตาของหร่วนฝูอวี้เต็มไปด้วยความผิดหวัง “ตอนนี้ท่านอ๋องจะขยายอาณาเขตออกไปอย่างไม่หยุด เท่ากับว่าตั้งใจละทิ้งหมอกพิษ” ยังไม่ต้องเอ่ยถึงต้าเซี่ย แม้แต่สภาพอากาศเช่นที่เผ่าสุยเหอ ก็ไม่สามารถสร้างหมอกพิษได้ สีหน้าของหนานเจียงอ๋องมืดครึ้ม “เจ้ากำลังคิดตื้นเขินแบบสตรี! “ตราบใดที่พวกเราพิชิตต้าเซี่ยได้ นั่นก็จะเป็นดินแดนของหนานเจียง! “ส่วนเรื่องหมอกพิษ ขอเพียงรับประกันว่าอาณาเขตเดิมยังถูกปกคลุมด้วยหมอกพิษ และรับประกันราชสำนักอ๋องกับเมืองหลวง...” “หมายความว่า ท่านอ๋องจะซ่อนตัวอยู่ในหมอกพิษตลอดไปหรือ? แล้วจะมั่นใจได้อย่างไรว่า ดินแดนที่ยึดครองได้นั้น จะยอมสวามิภักดิ์ภายใต้การปกครองของท่านตลอดไป? ท่านทำเช่นนี้ เป็นการสิ้นเปลืองทหารเท่านั้น” กษัตริย์ที่ไม่สามารถก้าวออกจากพื้นที่คุ้มครองของหมอกพิษได้ ย่อมไม่น่าเกรงกลัว หร่วนฝูอวี้โกรธจนหัวเราะออกมาเพราะความโง่เขลาของเขา นางยื่นมือออกไป สอดนิ้วเข้าไปในตารางตาข่าย “ผู้ใดสอนให้ท่านทำเช่นน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1547

    สำหรับเรื่องของราชาพิษหนอนกู่ หนานเจียงอ๋องระมัดระวังเป็นพิเศษ ความภาคภูมิใจของเขาที่พุ่งทะยานเสียดฟ้า ถูกดึงลงมาด้วยสติทันที “ไม่ได้ ราชาพิษหนอนกู่จะแตะต้องไม่ได้” นี่คือรากฐานความมั่นคงของชายแดนทั้งสี่ของหนานเจียง อย่างน้อยตอนนี้ก็เป็นเช่นนั้น ก่อนที่หนานเจียงจะแข็งแกร่งพอที่จะต้านทานศัตรูจากภายนอกได้ ราชาพิษหนอนกู่จะต้องไม่เกิดข้อผิดพลาด เซียวเหิงหาได้บีบบังคับไม่ เขานั่งกลับไปที่โต๊ะอาหารของตนเอง จิบสุรา แล้วแสร้งทำเป็นพูดด้วยท่าทีผ่อนคลาย “ดูเหมือนว่า สิ่งที่หนานเจียงได้มาตอนนี้ ท่านอ๋องก็พอพระทัยแล้ว เช่นนั้น วันนี้กระหม่อมควรจะถอนตัว” หนานเจียงอ๋องขมวดคิ้วเป็นปม แน่นอนว่าเขาไม่พอใจ! เมื่อเห็นหนานเจียงก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ข่าวชัยชนะจากชายแดนส่งมาไม่ขาดสาย ทำให้เขามีความสุขมากในทุก ๆ วัน สันติสุขและชนเผ่าเล็ก ๆ เหล่านั้น ไม่เพียงพอที่จะให้เขาอิ่มท้อง ยิ่งกว่านั้นเมื่อครู่เซียวเหิงบอกว่า เป้าหมายต่อไปคือต้าเซี่ย ถึงแม้ความแข็งแกร่งของต้าเซี่ยจะสู้หนานฉีและแคว้นตงซานไม่ได้ แต่เทียบได้กับแคว้นซีหนี่ว์ในตอนนี้ ทั้

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1546

    เซียวอวี้เอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “จิ่วเหยียน เรารู้ว่าแคว้นซีหนี่ว์มีความหมายกับเจ้าต่างจากที่อื่น “เราเองก็กำลังมองหาวิธีที่จะอยู่ร่วมกัน “เจ้าอย่าเพิ่งกังวล หากวันนั้นมาถึงจริง ๆ เราจะหารือกับเจ้าก่อน “แน่นอนว่า จะอย่างไรก็ตาม เราไม่อยากให้เรื่องไปถึงขั้นนั้นเหมือนกัน “ตราบใดที่แคว้นซีหนี่ว์ไม่กระทำเหมือนหนานเจียง ที่ถูกผู้อื่นหลอกใช้ และคุกคามพรมแดนหนานฉีของเรา เราจะไม่ลงมือใด ๆ “ส่วนแคว้นตงซาน มันไม่ใช่แคว้นเล็กเช่นหนานเจียง ถึงแม้เราอยากจะทำสงครามด้วย ก็จะไม่ทำอย่างวู่วาม” เฟิ่งจิ่วเหยียนผงกศีรษะ “หม่อมฉันเข้าใจแล้ว หม่อมฉันจะไม่แทรกแซงเรื่องของหนานเจียง” นางดูใจเย็นมาก ดูเหมือนจะไม่ตำหนิที่เขาปิดบัง เซียวอวี้ยังคงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย เขาโอบไหล่ของนางอย่างอ่อนโยน กอดนางไว้ “จิ่วเหยียน เจ้าคุยกับเราอีกหน่อยเถิด เจ้ายังคิดว่าเราทำผิดหรือไม่?” เฟิ่งจิ่วเหยียน กล่าวอย่างช้า ๆ “เรื่องนี้ไม่มีถูกหรือผิด มีเพียงความแตกต่างระหว่างการพิจารณามากน้อย และการยอมเสียสละฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง “ท่านคือฮ่องเต้ผู้ประทับบนบัลลั

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1545

    วังหลวง ตกกลางคืน เซียวอวี้ออกจากห้องทรงพระอักษรตรงไปยังตำหนักหย่งเหอ บุตรชายทั้งสองเข้านอนไปแล้ว เฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งอยู่ที่โต๊ะ ดูเหมือนกำลังรอเขาอยู่ เซียวอวี้นั่งลงข้าง ๆ จับมือนางไว้แน่น สีหน้าละอายใจเล็กน้อย นางไม่ได้ดิ้นรนขัดขืน เพียงเงยหน้าขึ้น มองเขาอย่างสงบนิ่ง “เรื่องของหนานเจียง ท่านวางแผนจะทำอย่างไร” เซียวอวี้พูดเรื่องอื่นเพื่อเลี่ยงไม่ตอบ “กินมื้อเย็นหรือยัง? ไยวันนี้พวกอาหลิ่นถึงเข้านอนเร็วนัก?” เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ตอบคำถามนี้ของเขา นางวกกลับมาที่เรื่องเดิม “ท่านปิดบังไม่ได้หรอก” เซียวอวี้ถอนหายใจเบา ๆ ใช้นิ้วหัวแม่มือลูบไล้ฝ่ามือของนางสองสามครั้ง เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เราได้เขียนจดหมายไปถึงรุ่ยหลินแล้ว ให้เขาส่งสายลับเข้าไปในหนานเจียง “ไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่เจ้าคิด แค่รอให้เซียวเหิงทำลายหมอกพิษในหนานเจียงจนหมดสิ้น กองทัพชายแดนใต้ก็จะบุกเข้าสู่หนานเจียง “เราก็ได้เตือนพวกเขาอย่างเป็นทางการ ให้พยายามหลีกเลี่ยงการนองเลือด จับโจรต้องจับหัวก่อน ด้วยการควบคุมราชสำนักอ๋อง ก็จะสามารถยึดครองหนานเจียงทั้งหมด

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status