共有

บทที่ 8

作者: อี้ซัวเยียนอวี่
เฟิ่งจิ่วเหยียนดูไม่เหมือนพระมเหสีที่ถูกพระสวามีทอดทิ้งอย่างเย็นชาแม้แต่น้อย นางสวมชุดอย่างฮองเฮา แลดูสูงศักดิ์ดั่งพญาหงส์ที่เดินดิน

นัยน์ตาที่เยือกเย็นคู่หนึ่ง ม่านตาสีอ่อนเผยให้เห็นถึงความสูงศักดิ์ที่มิอาจเอื้อมราวกับหยก

ผิวพรรณของนางหาได้ซีดขาวอมโรคเหมือนดังที่สตรีในเมืองหลวงนิยมกันไม่ แต่เป็นผิวที่อิ่มเอิบและเปล่งปลั่งดังกลีบกุหลาบ

รูปลักษณ์งดงามแฝงด้วยความสูงศักดิ์น่าเกรงขาม งามล้ำดั่งเทพธิดาในวังจันทรา

เหล่าผู้คนในวังหลังล้วนคุ้นเคยกับการเห็นสนมนางในที่มีหน้าตาคล้ายคลึงกับหรงเฟยดี พอวันนี้ได้พบกับความงามพิลาสล้ำของฮองเฮาก็ตาลุกวาวราวกับจะเปล่งแสงได้

ไม่เสียทีที่เป็นหญิงงามผู้มีชื่อเสียงโดดเด่นในเมืองหลวง รูปโฉมงดงามล่มเมืองเช่นนี้ หาใช่ปุถุชนคนธรรมดาจะเทียบเคียงได้

ตั้งแต่เฟิ่งจิ่วเหยียนเข้าสู่ยุทธภพเพียงลำพัง นางก็ใช้ชีวิตแปลงโฉมหน้ามาโดยตลอด

สำหรับนางแล้วหน้าตาที่งดงามคือภาระ โดยเฉพาะในค่ายทหาร

อาจารย์หญิงมักบอกว่าใบหน้างามนี้ของนางช่างเสียเปล่ายิ่งนัก วัน ๆ ล้วนแต่ถูกนางใช้อย่างส่งเดช

เหลียนซวงที่เดินติดตามอยู่ด้านหลังฮองเฮาก็พลันรู้สึกมีหน้ามีตาไปด้วย

เมื่อเดินจนถึงเบื้องหน้าไทเฮา เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ย่อกายคำนับตามธรรมเนียม

“หม่อมฉันขอคารวะเสด็จแม่เพคะ”

ไทเฮาประทับอยู่บนพระที่นั่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและเมตตา

“ฮองเฮาไม่ต้องมากพิธีไป นั่งเถิด”

จากนั้นไทเฮาก็ตรัสถึงฮ่องเต้ และออกปากปลอบนาง

“ฝ่าบาททรงยุ่งอยู่กับราชกิจ หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะละเลยบางเรื่องไปบ้าง”

“ฮองเฮา เจ้าอย่าได้คิดมากไปเลย”

เฟิ่งจิ่วเหยียนตอบกลับด้วยสีหน้าราบเรียบ “เพคะ”

เมื่อสนทนากับนางได้ครู่หนึ่ง ไทเฮาทรงพบว่าฮองเฮาองค์นี้ทำสีหน้าไร้อารมณ์ตลอดเวลา ราวกับว่าใบหน้านี้ถูกแช่แข็งเอาไว้ ยิ้มแย้มไม่เป็นแต่กำเนิดอย่างไรอย่างนั้น

ก่อนหน้านี้ยามพบนางที่งานฉลองพระชนมพรรษา ออกจะรู้จักทำตัวให้คนชื่นชอบไม่ใช่หรือ?

เฟิ่งจิ่วเหยียนนางเป็นคนที่ไม่ค่อยยิ้มจริง ๆ

ยามเยาว์วัยอาจารย์หญิงมักจะหยอกเย้าให้นางหัวเราะ แต่นางกลับรู้สึกว่าน่าเบื่อ

ต่อมาเมื่ออยู่ในค่ายทหารนางมีฐานะเป็นแม่ทัพน้อยจึงต้องสร้างความน่าเกรงขาม อีกทั้งเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คนมาเข้าใกล้จนค้นพบว่านางเป็นสตรี ด้วยเหตุนี้นางจึงติดนิสัยทำหน้านิ่ง หาไม่แล้วคงไม่อาจออกคำสั่งควบคุมกองทัพได้

“ฮองเฮา มีเรื่องใดรบกวนใจเจ้าหรือ?” ไทเฮาทรงตรัสถามโดยตรง

เฟิ่งจิ่วเหยียนเงยหน้ามองไทเฮา ตอบอย่างราบเรียบว่า

“ไม่มีเพคะ”

หลังจากนั้นก็ไม่พูดคำใดต่ออีกเลย

ไทเฮาริมฝีปากกระตุก

ไร้อารมณ์เช่นนี้ มิน่าเล่าฝ่าบาทถึงไม่โปรด แม้ไทเฮาอย่างนางเองก็หมดแรงจะสนใจเช่นกัน

ถึงอย่างไรเสียเหล่าสนมนางในที่พบเจออยู่ทุกวันคืน แต่ละคนล้วนยิ้มหวานราวน้ำผึ้ง ช่างจำนรรจายิ่ง

เหมือนฮองเฮาองค์นี้เสียที่ไหน ถามคำตอบคำ หาไม่ก็เงียบเป็นเป่าสาก

“ดอกไม้ในอุทยานหลวงออกดอกไม่น้อยเลย ฮองเฮา เจ้าไปเดินเล่นเป็นเพื่อนข้าเถิด”

“เพคะ”

ไทเฮาทรงเข้าใจว่าหากออกมาด้านนอกแล้ว ฮองเฮาคงจะพูดมากขึ้นซักหน่อย

นึกไม่ถึงเลยว่ายังคงเงียบเป็นเป่าสากเช่นเดิม

ช่างไร้หนทางเยียวยาราวกับโคลนที่แปะบนผนังไม่อยู่อย่างไรอย่างนั้น

เมื่อเดินไปเดินมาเดินจนแทบจะทะลุออกจากอุทยานหลวงไปยังสนามม้าหลวงที่อยู่ติดกันอยู่แล้ว ไทเฮาก็ทรงถอดใจ อ้างว่าจะกลับตำหนักฉือหนิง

แต่ทันใดนั้นเอง ก็มีม้าตัวหนึ่งพลันวิ่งห้อตะบึงออกมาจากที่ใดไม่ทราบ พุ่งทะยานเข้ามาทางพวกนางอย่างคลุ้มคลั่ง

เหล่าองครักษ์รีบกรูกันเข้ามาด้านหน้ารวมตัวกันเป็นกำแพงมนุษย์เพื่อปกป้องไทเฮาเอาไว้ แต่ก็ถูกชนจนกระจัดกระจายในทันที

ไทเฮาใช้ชีวิตอย่างชนชั้นสูงถูกดูแลและปกป้องอย่างดีมาโดยตลอด จะเคยพบเจอสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร

ที่น่ากลัวก็คือ ดูเหมือนม้าตัวนี้จะเพ่งเล็งมาที่ไทเฮา จ้องแต่จะวิ่งมาที่นาง ด้วยความหวาดกลัวอย่างรุนแรงไทเฮาตัวแข็งไม่อาจขยับตัวแม้แต่น้อย ดวงตาเบิกกว้าง ริมฝีปากซีดขาว

“คุ้มกัน! รีบคุ้มกันเร็ว!” กุ้ยหมัวมัวตะโกนอย่างรีบร้อน

ดวงตามองไปยังไทเฮาที่กำลังจะสิ้นพระชนม์ใต้กีบเท้าม้า ทันใดนั้นเองก็มีเงาคนผู้หนึ่งผ่านวาบไปอย่างเร็วรี่

ท่ามกลางความสับสนอลหม่าน ไทเฮาเพียงสัมผัสได้ว่ามีพลังที่แข็งแกร่งโอบเอวของนาง พานางถอยออกไปอยู่อีกฝั่ง

หลังจากยืนได้อย่างมั่นคง นางก็เหลือบตาขึ้นมอง กลับพบว่าคนที่ช่วยนางเอาไว้คือฮองเฮา!

สตรีที่ดูเรียบร้อยบอบบางอย่างฮองเฮา ที่แท้กลับมีเรี่ยวแรงมากถึงเพียงนั้น!

นอกจากนี้ยามที่อุ้มนางยังทำให้นางรู้สึกอุ่นใจยิ่งกว่าชายชาตรีเสียอีก

ไทเฮารู้สึกมึนงงอยู่บ้าง ขณะที่กำลังคิดจะพาฮองเฮาไปหลบนั้น กลับเห็นนางลอยตัวไปอยู่บนหลังม้าเสียแล้ว

ทักษะการขี่ม้าของเฟิ่งจิ่วเหยียนนั้นในค่ายเป่ยต้าไม่มีใครเทียบนางได้เลย

แม้แต่ม้าที่ดุร้ายที่สุดก็ยังเชื่อฟังนางอย่างว่าง่าย

สองมือของนางดึงเชือกบังเหียน เท้าสองข้างหนีบท้องม้าเอาไว้ ในสภาวะที่ม้าสะบัดโคลงไปมาอย่างรุนแรงก็ยังสามารถรักษาสมดุลเอาไว้ได้

ฝูงชนที่เห็นนางถูกม้าคลั่งพาวิ่งไปไกลก็ขวัญหนีดีฝ่อ

“สวรรค์! ฮองเฮาตกอยู่ในอันตราย!”

ไทเฮาทรงกังวลเป็นอย่างมาก “รีบไปช่วยฮองเฮาเร็วเข้า!”

แต่เมื่อผ่านไปเพียงชั่วพริบตาก็เห็นฮองเฮาทรงควบม้ากลับมาเองแล้ว

นอกจากนี้ม้าตัวนั้นยังดูเชื่องเป็นอย่างมาก ไม่ได้วิ่งชนไปทั่วอย่างบ้าคลั่งอีกต่อไป...

หลังจากเฟิ่งจิ่วเหยียนดึงบังเหียนให้ม้าหยุดก็พลิกร่างลงจากม้า

เหลียนซวงรีบวิ่งขึ้นหน้าไปหา

“ฮองเฮา! ทรงเป็นอะไรหรือไม่เพคะ!”

เฟิ่งจิ่วเหยียนส่ายหน้าแล้วมองไปยังไทเฮา “เสด็จแม่อย่าได้กลัวไป มันสงบลงแล้วเพคะ”

ยามนี้เองไทเฮาทรงทอดพระเนตรไปยังฮองเฮาอีกครั้ง สายตาล้วนเปี่ยมไปด้วยความชื่นชมและชื่นชอบ

“ฮองเฮา ทักษะการขี่ม้าของเจ้าเรียนจากอาจารย์ท่านใดหรือ? ข้าไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนเลย”

เฟิ่งจิ่วเหยียนหาได้ยินดียินร้ายไม่

“สมัยหม่อมฉันยังเยาว์วัย เคยแอบเรียนรู้ทักษะการขี่ม้าแบบผิวเผินกับท่านน้าโดยไม่ให้ท่านพ่อทราบเพคะ สามารถช่วยเสด็จแม่เอาไว้ได้ ถือว่าได้ใช้ทักษะนี้อย่างถูกต้องแล้วเพคะ”

เวลานี้เองผู้ดูแลสนามม้าหลวงก็ตามมาถึง

เหลือบเห็นฮองเฮาควบคุมม้าที่ดุร้ายเอาไว้ได้ก็ตกตะลึงและทึ่งในตัวฮองเฮาเป็นอย่างมาก

“ฮองเฮาอาจจะไม่ทรงทราบ นี่คือม้าดุร้ายจากดินแดนตะวันตก ในบรรดาม้าที่ส่งมานั้นจู่ ๆ ม้าตัวนี้ก็คลั่งขึ้นมา พวกข้าน้อยร่วมมือกันก็ยังควบคุมมันเอาไว้ไม่อยู่...”

เฟิ่งจิ่วเหยียนนำบังเหียนม้ามอบให้ผู้ดูแล แล้วพูดกำชับอย่างจริงจังว่า

“แม่ม้าตัวนี้ตั้งท้องแล้ว เดิมก็คุ้มคลั่งได้ง่าย ทั้งยังเดินทางจากดินแดนตะวันตกมายังแคว้นหนานฉี ไม่คุ้นกับดินน้ำที่นี่ ย่อมส่งผลต่ออารมณ์ กลับไปแล้วก็อย่าได้ทุบตีด่าว่า เอาหญ้าอู่กุ้ยให้มันเยอะหน่อย ให้มันอยู่ในคอกเดี่ยว ไม่เกินสามวันห้าวันย่อมดีขึ้น ”

ผู้ดูแลเห็นนางเข้าใจเรื่องม้ามากเพียงนี้ก็ยิ่งประหลาดใจ

เฟิ่งจิ่วเหยียนลูบม้าตัวนั้นไปมา พูดพึมพำเสียงเบา

“เป็นม้าที่ดีตัวหนึ่ง น่าเสียดายนัก”

เดิมควรได้ควบทะยานโลดแล่นในทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ไพศาล กลับต้องถูกขังอยู่ในสนามม้าหลวงที่คับแคบของพระราชวังแห่งแคว้นหนานฉี

ขณะเดียวกันนี้เอง ในสถานที่ที่ไม่ไกลจากกันนัก

บนหอชมวิว

บุรุษในชุดขาวยืนอยู่ที่นั่น มองไปยังเฟิ่งจิ่วเหยียนที่อยู่ด้านล่าง เขาแสดงออกถึงความชื่นชมอย่างตรงไปตรงมา “ฝ่าบาท ฮองเฮาทรงมีทักษะเช่นนี้ ช่างหาได้ยากยิ่งพ่ะย่ะค่ะ”

ด้านหลังของบุรุษส่งเสียงน่าเกรงขามที่ติดจะดูเกียจคร้านออกมาสายหนึ่ง

“ทักษะเล็กน้อยเช่นนี้ก็เข้าตาเจ้าได้หรือ”

“เจ้าม้าตัวนั้นทำให้ไทเฮาตกพระทัย ฆ่ามันซะ อีกอย่างนึง ให้ฮองเฮาเป็นผู้ดูแลการประหารมันด้วยตัวเอง”
この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード
コメント (6)
goodnovel comment avatar
Joom
The king is furious.
goodnovel comment avatar
Sawarost Sontijai
ขอพิมพ์หยาบหน่อยนะคะ ฮ่องเต้ผู้นี้เปรตยิ่งนัก
goodnovel comment avatar
Nout Klkl
แย่มาก ทำไมต้องฆ่ามัน
すべてのコメントを表示

最新チャプター

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1649

    เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้า“ไม่ว่าจะเป็นความจริงที่ยิ่งใหญ่หรือความลวงที่ยิ่งใหญ่ ล้วนทำเพื่อกษัตริย์ที่ตนภักดีทั้งสิ้น“ที่ถานไถเหยี่ยนกำหนดตนเองว่าเป็น ‘ความลวงที่ยิ่งใหญ่’ คือการแสดงความจงรักภักดีต่อฝ่าบาท ไม่ต่างจากการบอกฝ่าบาทว่า ‘ข้าคือขุนนางของท่าน จะวางแผนครองใต้หล้าเพื่อท่าน”เสียวอู่รู้สึกเหมือนกระจ่างขึ้นมาในทันทีไม่คิดเลยว่า คำกล่าวง่าย ๆ และสั้น ๆ เพียงไม่กี่ตัวอักษร กลับซ่อนความหมายลึกซึ้งไว้มากมายเพียงนี้!“ทว่า... คำพูดนั้นมาจากใจจริงหรือไม่?“ถานไถเหยี่ยนจะทำเพื่อศิษย์พี่ได้อย่างไร?”“นี่ต้องเป็นแผนล่อศัตรูของเขาเป็นแน่!”เฟิ่งจิ่วเหยียนกล่าวอย่างใจเย็น“ดังนั้นข้าถึงบอกว่า ฝ่าบาททรงกำลังเดิมพัน”ตงฟางซื่อบอกความคิดเห็นของเขา“ข้าเชื่อคำพูดนั้น”เสียวอู่เบิกตากว้าง คล้ายกับจะบอกว่าเขาบ้าไปแล้ว ถึงเชื่อคำพูดหลอกลวงของถานไถเหยี่ยนตงฟางซื่อเอ่ยอย่างช้า ๆ“เมื่อหลายร้อยหลายพันปีก่อน เคยมีคนผู้หนึ่งนามว่าจางจื่อที่ทำงานรับใช้แคว้นฉิน ช่วยแคว้นฉินเตรียมพร้อมกำลังพล ก่อนจะพิชิตแคว้นอื่นทีละแคว้น“เรื่องที่ถานไถเหยี่ยนทำ โดยพื้นฐานแล้ว ก็ไม่แตกต่างจากเขา“หากปฏิ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1648

    เฟิ่งจิ่วเหยียนอธิบาย: “ในวลี ‘อยู่เหนือกว่าคน’ ตัวอักษร ‘ซ่าง’ หมายถึง ด้านบน หรือตำแหน่งข้างหน้า หากนำขีดแรกของตัวอักษรสามตัวคือ ‘ไจ้[1]’ ‘เหริน[2]’ และ ‘จือ[3]’ มารวมกัน ก็จะได้ตัวอักษรหนึ่งตัว” เสียวอู่ได้ยินดังนั้น จึงรีบใช้กิ่งไม้ เขียนลงบนพื้นทันทีขีดขวาง ขีดลากซ้าย และจุด...แต่เขายังไม่ค่อยเข้าใจว่า จะได้เป็นตัวอักษรใดในเวลานั้น ตงฟางซื่อก็ใช้กระบี่ ลากออกมาเป็นตัวอักษรหนึ่ง“คือตัว ‘ต้า[4]’”เสียวอู่มองดูแล้ว พลันกระจ่างในทันทีใช่จริงด้วย!“ศิษย์พี่สะใภ้ แล้ววลีที่ว่า ‘มองคนเป็นคน’ล่ะ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนมีสีหน้าเรียบเฉยยังไม่ทันรอให้นางเอ่ย ตงฟางซื่อก็เดาได้แล้วเขาถาม: “คือตัว ‘เหว่ย[5]’ ใช่หรือไม่?”เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้า“ข้าก็เดาว่าเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน”“ตัว ‘เหริน’ กับ ‘เหวย[6]’ รวมกัน ก็จะกลายเป็นตัวอักษร ‘เหว่ย’”เสียวอู่ถึงกับนิ่งงัน“ศิษย์พี่สะใภ้ ตัว ‘ต้า’ ข้าพอเข้าใจ แต่ตัว ‘เหว่ย’ ได้มาจากที่ใดกัน? มันดูไม่สมเหตุสมผลไปหน่อยหรือ?”ไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไร ก็ไม่อาจโน้มน้าวตัวเองให้เชื่อได้เฟิ่งจิ่วเหยียนเพิ่งจะขับเข็มพิษออกมา ร่างกายยังคงพักฟื้น

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1647

    ถานไถเหยี่ยนกลับเปิดเผยตรงไปตรงมาเขาอธิบาย: “เมื่อครู่ตอนที่นางปะทะฝ่ามือกับข้า ในวินาทีที่ข้าถอนมือออก ก็แทงเข็มพิษเข้าไปในฝ่ามือนางแล้ว”เสียวอู่ตาทั้งคู่เบิกกว้าง มองไปยังศิษย์พี่สะใภ้ที่อ่อนแรงอยู่ข้าง ๆ“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้! มิน่าเล่าเมื่อครู่ศิษย์พี่สะใภ้ถึงไม่ได้หลบฝ่ามือนั้นของเจ้า! ถานไถเหยี่ยน เจ้าช่างเลวทรามยิ่งนัก!”เฟิ่งจิ่วเหยียนกัดฟันทน พยายามใช้พลังภายใน ขับเอาเข็มพิษนั้นออกมาทว่ากลับไร้ผลถานไถเหยี่ยนมีสีหน้านิ่งเฉย ดูเหมือนจะรู้สึกจนใจอยู่บ้าง“ข้ามิใช่เคยบอกเจ้าหรือว่า เวลาปะทะฝ่ามือกับผู้อื่น ต้องระวังให้ดี”“ถานไถเหยี่ยน—” เสียวอู่แผดเสียงด้วยความโกรธ “เจ้าคนชั่วไร้สำนึก!”เขายืนอยู่ด้านหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียน เพื่อปกป้องนาง“ศิษย์พี่สะใภ้ ท่านไปก่อน ข้าจะคุ้มกันด้านหลังให้!”เฟิ่งจิ่วเหยียนเงยหน้าขึ้นอย่างทันควัน ดูเหมือนไม่เชื่อสิ่งที่ตัวเองได้ยินเสียวอู่ก็รู้ตัวเองดีแม้แต่ศิษย์พี่สะใภ้ยังสู้ถานไถเหยี่ยนไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเขาเลยแต่เขาก็ไม่อาจมองดูศิษย์พี่สะใภ้ถูกถานไถเหยี่ยนฆ่าตายได้!“ถึงอย่างไรข้าก็ตัวคนเดียวอยู่แล้ว! ศิษย์พี่สะใภ้ไม่เหมือน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1646

    เสียวอู่ตื่นเต้นเป็นพิเศษ: “ขึ้นมาแล้ว! พวกเราขึ้นมาแล้ว!”ถานไถเหยี่ยนกลับมีสีหน้าคร่ำเคร่ง คล้ายกับว่าไม่อาจยอมรับผลลัพธ์เช่นนี้ได้“ไม่ควรเป็นเช่นนี้...”บริเวณใกล้กับหลุมบริวาร ควรจะเป็นที่ตั้งของหลุมฝังศพพวกเขาผ่านด่านต่าง ๆ มาแล้ว ก็ควรจะถึงทางเข้าหลุมฝังศพ และพบจุดศูนย์กลางของค่ายกลแล้วดังนั้น เพราะเหตุใดเหตุใดถึงเป็นเช่นนี้...ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกเย็นวาบที่ต้นคอกระบี่ของเฟิ่งจิ่วเหยียนพาดเข้ามาในแนวขวาง แค่ชั่วพริบตาก็สามารถฟันคอเขาให้ขาดได้ทว่าทันใดนั้น คมกระบี่กลับถูกถานไถเหยี่ยนใช้มือเปล่ารับไว้—เขาใช้สองนิ้วหนีบคมกระบี่ไว้ พลังภายในอันลึกล้ำปรากฏขึ้นอย่างฉับพลัน ทำให้เฟิ่งจิ่วเหยียนถึงกับสั่นสะท้าน“เจ้าแอบซ่อนพลังภายในมาตลอด?”ถานไถเหยี่ยนที่ดูเหม่อลอย พึมพำกับตัวเอง: “ไม่ควรเป็นเช่นนี้... มันมีปัญหาที่ใดกันแน่”เฟิ่งจิ่วเหยียนโจมตีอีกครั้ง แต่ถานไถเหยี่ยนกลับหลบหลีกได้นางจึงเพิ่งตระหนักได้ว่า เมื่ออยู่ต่อหน้านางถานไถเหยี่ยนซ่อนความสามารถได้ลึกมากพลังภายในของเขา ย่อมต้องเหนือกว่านางอย่างแน่นอนนางมิได้ยึดติดกับการต่อสู้โดยเฉพาะในทางเดินคับแคบ ที่มี

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1645

    กองทัพฉียึดเมืองอู๋โจวได้ ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยามบนหอประตูเมือง หร่วนฝูอวี้ได้รับบาดเจ็บหนักมิใช่ได้รับบาดเจ็บจากทหารหนานเจียงเหล่านั้น แต่เป็นเพราะถูกนกไม้กลไกของกองทัพฉียิงพลาดจนบาดเจ็บเพราะอย่างไร กองทัพฉีก็ไม่คาดคิดว่า บนกำแพงเมืองจะมี “พันธมิตร” อยู่ด้วยถึงแม้จะรู้ ก็คงไม่ยอมทิ้งโอกาสในการโจมตี เพราะหร่วนฝูอวี้เพียงคนเดียวบาดแผลที่หร่วนฝูอวี้ได้รับล้วนเกิดจากลูกธนูเก๋อสือชีประคองนางไว้ ด้วยความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้ถูกบาดแผลของนางเมื่อลงมาจากกำแพงเมือง หร่วนฝูอวี้ก็พบกับเซียวอวี้ที่นำทัพมาด้วยตัวเองนางยิ้มอย่างขมขื่น“ข้าเข้าใจมาตลอดว่า การมีวรยุทธ์สูงส่ง ก็เพียงพอที่จะปกป้องแคว้นหนานเจียงได้ แต่ ‘มังกรไฟ’ กับ ‘นกไม้กลไก’... การปรากฏตัวของพวกมัน ในที่สุดก็ทำให้ข้าได้เห็นความหยิ่งทะนงของตัวเองอย่างชัดเจน“แคว้นหนานเจียงล้าหลังแคว้นอื่น ๆ มานานเกินไป นานจนไม่รู้ถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในใต้หล้านี้ ข้าไม่สามารถฆ่าถานไถเหยี่ยนได้แล้ว ฮ่องเต้ฉี ที่เหลือ ก็ฝากไว้กับพวกท่านแล้ว”เซียวอวี้นั่งอยู่บนหลังม้า และขี่ผ่านหน้านางไป พร้อมทิ้งท้ายไว้ประโยคหนึ่ง“รักษาตั

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1644

    ณ เมืองอู๋โจวหร่วนฝูอวี้พาราษฎรชาวหนานเจียงกลุ่มหนึ่งบุกโจมตีเมืองภายในเมือง ก็เป็นราษฎรชาวหนานเจียงเช่นกันทั้งสองฝ่ายต่างสู้รบกัน เมืองอู๋โจวนั้นง่ายต่อการป้องกันแต่ยากต่อการโจมตีทหารบนกำแพงเมืองโยนก้อนหินขนาดใหญ่ลงมา ทำให้กระแทกใส่คนที่กำลังปีนอยู่บนกำแพงเมืองจนตายทั้งเป็นการเสียสละของคนเหล่านี้ ทำให้หร่วนฝูอวี้ได้โอกาสในการโจมตีนางฉวยโอกาสขณะที่กองกำลังป้องกันบนกำแพงเมืองไม่ทันระวังตัว ปีนขึ้นไปบนกำแพงเมืองได้สำเร็จทหารนายหนึ่งที่เห็นนางเป็นคนแรก ก็ตะโกนขึ้นทันที “มีคนขึ้นมาแล้ว!”ชั่วพริบตาถัดมา เขาก็ถูกหร่วนฝูอวี้สังหารในสายตาของหร่วนฝูอวี้ พวกเขาไม่นับเป็นชาวหนานเจียง ล้วนเป็นสุนัขรับใช้ของถานไถเหยี่ยน! ล้วนสมควรตาย!นางจับคนผู้หนึ่งไว้ แล้วถาม: “ถานไถเหยี่ยนอยู่ที่ใด!”“ไม่... ไม่รู้! อ๊าก!” สิ้นเสียง ก็ถูกหร่วนฝูอวี้สังหารนางยังคงจับคนอื่น ๆ และถามต่อไปทว่า ไม่มีใครตอบนางทันใดนั้นลูกธนูคมดอกหนึ่งก็พุ่งมาจากด้านหลังหร่วนฝูอวี้เบี่ยงตัวหลบได้ทันหลังจากลูกธนูดอกนั้นตกถึงพื้น สิ่งที่ตามมา ก็คือลูกธนูอีกนับไม่ถ้วน ที่ยิงเข้ามาหาหร่วนฝูอวี้อย่างพร้อมเพรีย

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status