Share

พบคนรู้จัก

last update Last Updated: 2025-09-08 20:36:50

เพล้ง! เสียงแจกันที่ลอยไปชนกำแพงห้องจนแตก 

“ฮ่าฮ่าฮ่า หนีเข้าไป อย่างไรก็ไม่มีใครมาช่วยเจ้าสองคนได้หรอก เรามาสนุกกันดีกว่า” 

“ฮ่าฮ่าฮ่า มาเถอะคนสวยเรามาทำอะไรที่สนุกๆ กันดีกว่า อ้อ ไม่ต้องกลัวน่ะ สองคนที่หนีไปยังไงพวกมันก็ไม่รอด”

“นั่นซิ เมื่อพวกเราสนุกเสร็จแล้ว พวกเราก็จะให้คนของพวกเราเล่นกับพวกเจ้าต่อ ฮ่าฮ่าฮ่า” 

หญิงสาวสองคนถอยไปจนสุดมุมห้องในมือมีเพียงมีดสั้นที่ถืออยู่ ในห้องมีชายหลายคนกำลังพยายามจับหญิงสาวทั้งสอง พวกมันกำลังมีความสุขเพราะเจอเหยื่อที่ไม่มีทางสู้ 

“เฮ้ย! ไปจับพวกนาง” 

พวกมันหลายคนพุ่งเข้าหาหญิงสาวทั้งสอง และจัดการปลดชุดพวกนางออกจนเปลือยเปล่าแล้วเอาผ้ายัดปากไว้เพื่อไม่ให้กัดลิ้นฆ่าตัวตาย พวกนางพยายามต่อสู้แต่ไหนเลยจะสามารถสู้แรงผู้ชายหลายคนได้ 

“มาม่ะ มาสนุกกันดีกว่า” พวกมันเริ่มลวนลามพวกนางทั้งสอง ยิ่งพวกนางขัดขืนก็ยิ่งเจ็บตัว 

“ไม่ต้องกลัวไป ยังไงวันนี้พวกเราก็จะเป็นสามีให้พวกเจ้าทั้งคู่ ฮ่าฮ่าฮ่า”  

“เฮ้ย! ด้านนอกเสียงดังอะไรกันนักหนาว่ะ รอกันไม่ได้รึไง” ชายหน้าโหดเดินไปโวยวายที่ประตู 

ตู้ม! ร่างของมันลอยทะลุกำแพงห้องออกไปพร้อมประตู 

“สงสัยอยากมีคนโดนตอน” เจ้าของเสียงเดินเข้ามาในห้อง 

“ฮ่าฮ่าฮ่า นึกว่าใคร ที่ไหนได้ก็อดีตแม่ทัพคนสวยนี่เอง จับพวกนาง!!” 

“คุณชายคงสมองเล็กเท่าไอนั่นถึงลืมไปว่าใครเป็นคนปราบพวกเหลียว” 

ฟับ! ลูกน้องของชายสองคนนั้นตกตายไปในดาบเดียว 

“ถุ้ย! พวกมึงดีแต่รังแกคนอ่อนแอ” เผยอิงมองหญิงสาวสองคนที่นอนน้ำตานองหน้าและเลือดที่เปรอะบนที่นอน 

“พวกเจ้าไม่ต้องร้องไป ข้ามีวิธีคืนเกียรติให้พวกเจ้า” นางพูดญี่ปุ่น 

“ฮื้ออ พวกข้าไม่ขออยู่เป็นคนแล้ว ฮื้อออ” 

“พอๆ รับไปข้าให้พวกเจ้า แล้วพวกเจ้าจะได้แก้แค้นพวกมัน น้องอี้หลันพี่ต้องขอโทษด้วยน่ะ” เพราะอีกฝ่ายคือคู่หมั้นของน้องสาว 

“ท่านพี่ คนเลวแบบมันข้าไม่อยากยุ่งด้วยแล้ว” พูดจบอี้หลันก็หันไปร้องไห้กับเผยอิงอย่างหนัก  

“พาพวกนางออกไปก่อน” เผยอิงพยักหน้าแล้วพาอี้หลันกับคนอื่นๆ ออกไปยกเว้นสองสาวที่อยู่บนเตียง

“เมื่อพวกมันทำพวกเจ้า พวกเจ้าก็ทำคืน” จินเซียงยิ้มแล้วเอาอุปกรณ์ใส่ให้เรียบร้อย 

“มาทางนี้ซิ” นางพาสองสาวมาที่ชายสองคนที่ถูกมัดหันหลังไว้ 

“เอาเลยเต็มทีเลย” หญิงสาวมองหน้ากันและลงมือแก้แค้น 

ชายสองคนต่างร้องขอความเมตตาแต่หญิงสาวทั้งสองกลับไม่ยอมฟัง พวกนางขยับกันครั้งแล้วครั้งเล่าจนชายทั้งสองหมดสภาพ จินเซียงยัดยาลบความจำใส่ปากพวกมันแล้วเอาเชือกมัดให้แน่น หญิงสาวมองหน้ากันแล้วเอาแท่งหยกยัดไปที่ตรงนั้นและทิ้งไว้แบบนั้น  

“ดีมาก เอาล่ะรีบแต่งตัวเถอะเราจะไปแล้ว” พูดจบก็ผูกเชือกเสร็จพอดีพร้อมทั้งทำป้ายห้อยคอให้ด้วยก่อนจะห้อยพวกมันไว้ที่ขอบหน้าต่างให้ชาวบ้านดู 

ส่วนพวกจินเซียงก็หลบออกไปทางด้านหลังของอาคารร้างแล้วขึ้นรถม้ากลับจวน และฝากให้พ่อบ้านช่วยไปซื้อของให้แทน เมื่อมาถึงเรือนก็ให้สาวใช้มาช่วยกันเติมน้ำเพื่อให้หญิงสาวสองคนชำระร่างกาย 

เสร็จแล้วก็มานั่งคุยกันทำให้รู้ว่าสองคนตรงหน้าคือบุตรีของพ่อค้าใหญ่จากคิวชูและอีกคนคือบุตรีของแม่ทัพเรือแห่งกองทัพเรือเอโดะ

“พวกข้าตามบิดามาท่องเที่ยวแต่ทว่าเมื่อเดินออกมาจากจวนไม่นานก็มีคนจับพวกเราและเป็นอย่างที่ท่านทราบ” 

“จริงซิพวกเราทั้งคู่ลืมแนะนำตัว ข้าคือมินามิ โยสุกะ บุตรีของพ่อค้าใหญ่จากคิวชู”

“ส่วนข้าโกโจ ฮิบาริบุตรีของแม่ทัพเรือแห่งกองทัพเรือเอโดะ” 

“ฮิบาริเจ้าค่ะ บุตรีแม่ทัพแห่งคิวซู” 

“พวกเราเป็นซามูไรผู้คุ้มกันเจ้าค่ะ” 

“แสดงว่าพวกเจ้าสองคนกำลังวิ่งไปที่เรือใช่รึไม่” 

“เจ้าค่ะ ที่นั่นนายท่านทั้งสองกำลังคุยอยู่กับพวกพ่อค้า พวกเราจึงรีบไปที่นั่นเพราะใกล้มากกว่ากลับไปที่พัก” จินเซียงเล่าเรื่องทั้งหมดให้เผยอิงฟังและตัดสินใจบอกกล่าวกับผู้อาวุโสหยางและเอี้ยซ่ง 

“เรื่องนี้พ่อจะให้คนไปเชิญท่านโกโจกับท่านโยสุกะมาที่จวน เพราะอย่างไรพรุ่งนี้พวกคณะทูตก็ต้องเข้าเฝ้าอยู่แล้ว” 

“เจ้าค่ะท่านพ่อ” 

“ส่วนเรื่องของตระกูลนั่นเจ้าควรส่งคนไปยกเลิกการหมั้น ข้าไม่อยากให้หลานตัวเองแต่งานกับพวกมัน” 

“อาวุโสหยาง ลูกสาวข้าเป็นหลานท่านตอนไหน” 

“จินเซียงเป็นหลายเขยข้า อี้หลันก็ไม่ต่างกับหลานสาวข้า เจ้าว่าข้าพูดผิดเช่นนั้นรึ” เอี้ยซ่งพยักหน้าเห็นด้วย

“ก็จริง” 

ไม่นานแขกทั้งสองคนก็มาถึงพร้อมซามูไรมาหลายคน แต่พอจินเซียงอธิบายพูดคุยก็ทำให้ทั้งคู่ใจเย็นลง แต่เหมือนจะมีคนพึ่งสังเกตว่านางคุยถาษาต่างถิ่นได้ 

“โอ้ว อันเตรียย่าร์ข้าไม่คิดว่าจะเจอท่านที่นี่” จินเซียงมองไปที่ต้นเสียงถึงกับหน้าซีด 

“อ้อ ชายคนนี้เป็นทูตมาจากเปอร์เซียพวกเรากำลังคุยกันอยู่เลยมาด้วยกัน” โยสุกะตอบเป็นภาษาญี่ปุ่น 

“ยินดีที่ได้พบ ท่านแคสเปียน” จินเซียงก้มหัวให้ชายคนนั้น 

“ไม่คิดว่าข่าวที่ท่านเดินทางมาตะวันออกจะเป็นเรื่องจริง อีกอย่างเจ้าหญิงจัสมินกำลังหาตัวท่านอยู่” 

“ไม่ๆ ท่านอย่าบอกนางว่าข้าอยู่นี่” 

“พรุ่งนี้นางจะเดินทางมาที่นี่ ตอนนี้นางอยู่ที่หนานจิง” 

“ไม่น่ะ ข้าอุสะ อ้ากกกก” จินเซียงตะโกนออกมาอย่างหัวเสียด้วยความทรงจำเจ้าของร่างบอกไว้ว่าตัวนางคือน้องสาวบุญธรรมของเจ้าหญิงและเจ้าหญิงก็รักนางมาก และตอนนี้ก็ยืนอยู่เบื้องหน้าตัวเป็นๆ 

จัสมินยิ้ม “ไม่ดีใจหรอที่ข้ามาเยี่ยมน้องสาว” ทุกคนหันไปมองตามเสียง 

“พี่ จะ จัสมิน โอ้ยเบาๆ อย่างบิดหู” หลายคนพากันหัวเราะเพราะท่าทางของจินเซียงนั้นดูตลก

“ท่านไม่คิดจะแนะนำให้พวกเรารู้จักเลยรึ” จินเซียงสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่อันตรายยิ่งกว่าอาจารย์ของนาง สายตาของสตรีผิวขาวเหมือนทองคำ

“อิงเอ้อร์คือว่า นะ นางเป็นพี่สาวบุญธรรมข้าเอง” 

จัสมินยิ้มแล้วออกแรงมากกว่าเก่า “อันเตรียย่าร์ อย่าคิดว่าข้าพูดภาษาถิ่นไม่ได้ อย่าคิดว่าจะหนีพ้น!” 

“ทะท่านพี่ปล่อยก่อน” จินเซียงยิ้มแห้ง

“รู้ไหมว่าท่านตาห่วงเจ้าแค่ไหนที่หนีมาแบบนี้”

“โอ้ยๆ พี่ใจเย็นๆ น่ะ” คนที่เห็นไม่รู้ว่าจะสงสารหรือหัวเราะดี

“พวกท่านรีบเข้ามาด้านในดีกว่า” เอี้ยซ่งบอกผ่านล่ามเพราะตอนนี้คนเริ่มมามุงดูแล้ว

ทั้งหมดพากันไปคุยที่สวนในจวนแทนเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ เรื่องทั้งหมดถูกถ่ายทอดให้โยสุกะและโกโจได้ฟัง ทั้งสองคนถึงกับออกอาการโมโหสุดขีดแต่พอบอกว่าเอาคืนแบบไหนทำเอาชายทุกคนหน้าซีด 

“พวกลูกทำจริงรึ” โยสุกะถามบุตรสาว 

“เจ้าค่ะท่านพ่อ เป็นครั้งแรกที่ลูกทำเจ้าค่ะ” 

“ใช้แล้วท่านลุง มันเป็นการกู้เกียรติของพวกเรา” 

“เช่นนั้นก็ดีแล้ว แต่พวกลูกคงแต่งงานไม่ได้แล้วแบบนี้”  

“ท่านสนใจลูกสาวข้าไหม ข้ายกพวกนางให้ลูกท่านเลย” โกโจหันไปถามเอี้ยซ่งและจินเซียงก็แปลให้ 

“ท่านพ่อ ในเมื่อน้องถอนหมั้นแล้ว ให้น้องแต่งกับพวกนางก็ได้ไม่เห็นเป็นไรอีกอย่างพวกนางก็ปลอดภัยหายห่วงเพราะลูกตรวจร่างกายพวกนางแล้ว” อี้หลันนั่งค้างตัวเกร็งเพราะสองสาวที่ว่ากำลังนั่งประกบนางอยู่ ความจริงทั้งคู่ก็แอบถูกใจอี้หลันตั้งแรกพบหน้า

“ทะ ท่านพี่ ท่านจะขายข้าไม่ได้น่ะ” อี้หลันมีน้ำตาคลอ 

“อ่าวอิงอิงไปไหนแล้ว” เผยอิงถามหาคนสนิทของอี้หลัน 

“พวกท่านคุยอะไรกัน ถ้าอาอิงตอนนี้ลูกเห็นนางเดินไปที่เรืองของพี่รองกับใครไม่รู้อีกสองคน” ฟางฟางที่เดินผ่านมาตอบ 

'เด็กสาวคนนั้นใครกัน' 

'พี่นางยังเด็กอยู่นางรับท่านไม่ไหวหรอก' 

'เจ้าทำเป็นพูด พี่มีสองเพศแล้วไงอย่างไรก็ไม่ได้ปกครองอาณาจักรอยู่แล้ว'  

“พ่อกำลังคุยงานอยู่ ลูกเรียนเสร็จแล้วหรอ” เอี้ยซ่งหันไปถามฟางฟาง

“เจ้าค่ะ เช่นนั้นลูกไม่กวนแล้วเจ้าค่ะ” ฟางฟางยอบตัวเล็กน้อยตามที่เรียนมาแต่นางรู้สึกถึงสายตาใครบางคนที่จ้องนางไม่วางตาจนขนลุกไปทั้งตัว

“พวกท่านเย็นนี้เชิญอยู่ทานอาหารด้วยกันก่อน” 

“ได้เลย รบกวนท่านแล้ว”  

ระหว่างมื้ออาหารก็มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ส่วนจินเซียงกับจัสมินหลังทานเสร็จแล้วก็ขอแยกตัวกลับไปนั่งคุยต่อที่เรือน อี้หลันก็กลับเรือนของตนเพื่อพักผ่อนโดยมีมินามิกับฮิบาริตามไปด้วย โดยให้เหตุผลว่าไม่กล้าออกไปด้านนอกจึงขออนุญาตนอนกับเพื่อนใหม่ 

เมื่อจินเซียงอธิบายให้บิดามารดาฟัง ทั้งสองก็เข้าใจและอนุญาตให้นอนด้วยกันได้เพราะอย่างไรก็เป็นสตรีทั้งคู่จึงไม่น่ามีปัญหา 

“อาเซียงเจ้าลืมอะไรรึเปล่า” เผยอิงที่นั่งอยู่ด้วยกันถาม 

“ลืมอะไรรึ” 

“ไอนั่นเจ้าเก็บคืนมารึยัง หยกปลอมที่ให้พวกนางยืม” จินเซียงถึงกับค้างเมื่อรู้ว่าลืมอะไร

“เวรแล้วไง อี้หลัน อิงอิง พี่ขอโทษ” จินเซียงฝากคำไปกับสายลม เผยอิงถึงกับส่ายหัวให้กับคนรัก

“น้องสะใภ้ พี่ดูแล้วเจ้าคงเข้าหอนางโลมบ่อยใช่รึไม่ถึงกล้าพูดถึงแท่งหยกอย่าไม่รู้สึกอาย” จัสมินถามอย่างตรงไปตรงมา

“นิดหน่อยเจ้าค่ะ” 

“เจ้ารู้ไหมว่าคนรักของเจ้าเคยผ่านมือพี่มาแล้ว” จินเซียงนั่งหน้าซีดแม้ของนางตอนนี้จะดีกว่าก็เถอะ 

“พี่อย่าคิดอะไรแปลกๆ กับว่าที่ฮูหยินของน้องน่ะ” 

“หึหึหึ” จัสมินยิ้มออกมาก่อนที่ภาพของจินเซียงจะดับลง 

“ง่ายจริงๆ อุ้ย! นางมีตั้งแต่เมื่อไหร่” 

“เหมือนนางจะใช้วิชาอะไรนี่แหละ แต่ท่านแน่ใจน่ะ” เผยอิงถูกบังคับให้ใช้ยานั่นอีกครั้ง 

“มาเถอะน้องสะใภ้ พี่สาวจะสอนเกี่ยวกับร่างกายนางให้” จัสมินยิ้มแล้วลากจินเซียงไปในห้องด้านใน  

เช้าวันตอนมาจินเซียงตื่นขึ้นมาด้วยความสดใสและอารมณ์ดีต่างจากสองคนที่นอนข้างๆ นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมทั่งสองถึงนอนเหมือนซ้อมตายกันแบบนี้ แม้ว่าจะสายแล้วก็ตาม 

“เฮ้ยทำไมถึง” นางพึ่งรู้ตัวเมื่อมองตัวเองและรอบๆ ห้อง “นี่นางเอายาอะไรให้กินอีกแล้วเนี่ย” 

จินเซียงจับทั้งคู่โยนลงอ่างอาบน้ำ ถ้าช้ากว่านี้จะไปตั้งร้านไม่ทัน จัสมินบอกว่าจะนอนเล่นรอที่นี่ไปขายของกันตามสบาย แต่ระหว่างที่กำลังจะไปขายของก็ดันถูกตามไปที่ห้องโถงเสียก่อน 

“นี่มันอะไรกัน! ของหมั้นพวกนี้” เอี้ยซ่งถาม 

“เกิดอะไรขึ้นท่านพ่อ” 

“ก็สองคนนี้เอาข้าวของมามากมายแล้วล่ามบอกพ่อว่า พวกนางสองคนมาสู่ขอน้องสาวเจ้า” จินเซียงมองไปที่สามสาว 

“ข้ายินดีแต่งเข้าเจ้าค่ะ” อี้หลันนั่งก้มหน้า

“พวกเราชอบนางเจ้าค่ะ” สองสาวตอบ

'นี่ข้าไปกระตุ้นอะไรพวกนางเนี่ย' จินเซียงยิ้มแห้งเมื่อเห็นหน้าน้องสาว 

“ท่านพ่อพวกนางบอกว่า เอ่อออ เฮ้อ~ พวกนางต้องการแต่งงานกับน้องเจ้าค่ะ” หลอหลันที่ได้ยินถึงกับเป็นลม 

“ยังไงลูกขอตัวไปขายของก่อนน่ะเจ้าค่ะ” พูดจบก็พาเผยอิงวิ่งหนีไปทันที

“เดี๋ยว! โอ้ยจะบ้าตาย เมื่อวานถอนหมั้นวันนี้มีคนมาสู่ขอถึงบ้าน” เอี้ยซ่งนั่งลงอย่างหมดแรง 

“เกิดอะไรขึ้นกันถึงได้วุ่นวายแต่เช้า” ฮูหยินเฒ่าเดินเจ้ามาในห้องพร้อมกับสาวใช้อีกสองคน 

“ท่านแม่ ลูกหลันกำลังแต่งงานเจ้าค่ะ” หลอหลันตอบเพราะอีกสองคนเป็นลมยังไม่ฟื้น 

“แต่งกับใครอะไรยังไง” 

“พวกนาง”  

“......” ฮูหยินเฒ่ายืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก 

“นายท่าน จากที่คุณหนูของพวกเราดูดวงชะตาไว้ วันพรุ่งนี้คือวันที่เหมาะแก่การแต่งงานที่สุดขอรับและทั้งสามมีดวงสมพงษ์กัน แต่ถ้าพลาดไปก็ต้องรอไปอีกนานเลยขอรับ” 

“กี่ปี” ล่ามชูนิ้วชี้ขึ้น

“หนึ่งปี”  

“ร้อยปีขอรับ”  

“ตกลงแต่งเลยพรุ่งนี้” หลี่อิงกับฮวาเจียวพูดพร้อมกันหลังได้สติเพราะอย่างไรเสียลูกสาวพวกนางก็ขายไม่ออกแล้ว 

ทางด้านจินเซียงก็กำลังขายดีอย่างไม่มีอะไรมาฉุดรั้งได้ บัตรคิวมากกว่า 200 ใบถูกจองจนหมด ทำให้นางต้องขายเวลาขายเพิ่มขึ้นและจำนวนของก็ต้องเพิ่มขึ้น คนช่วยงานก็เพิ่มขึ้น 

“ห่อแป้งพิเศษใส่ไข่ กับน้ำเต้าหู้ได้แล้ว”  

“ลำดับ 75 มารับของด้วยเจ้าค่ะ” 

“มาแล้วๆ ทั้งหมดเท่าไหร่ขอรับ” 

“ชุดใหญ่สองชุดทั้งหมด 55 อีแปะเจ้าค่ะ” 

“นี่เงินขอบใจมากน่ะ” ชายที่แต่งตัวเหมือนองครักษ์เสื้อแพรจ่ายเงินรับของแล้วเดินออกไป 

วันนี้นางเพิ่มจุดรับของเพิ่มอีกสองจุด รวมถึงวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว และแต่ล่ะคนที่สั่งมานั้นไม่มีรายการไหนเลยจะง่าย มีทั้งเพิ่มนั่นพิเศษ นี่พิเศษ จนทุกคนทำกันไม่ทัน พอถึงช่วงเที่ยงของก็หมดลงอย่างรวดเร็ว สาวใช้สองคนรีบขึ้นป้ายปิดร้านอย่างรวดเร็ว

“เหนื่อยจริงๆ” จินเซียงนั่งลงที่เก้าอี้อย่างหมดแรง 

“คุณหนูใหญ่ดูนั่น” 

“ป่าผิงมีอะไรหรอเจ้าค่ะ” 

“นั่นคุณหนูเล็กใช่รึไม่” จินเซียงรีบหันมอง เห็นจัสมินกับฟางฟางพากันออกมาเดินเล่นในเมือง

“อาซาน! รีบไปแจ้งท่านพ่อเลยว่าเตรียมรับสะใภ้เข้าบ้าน” 

“แค่กๆ คุณหนูว่าอะไรน่ะ” 

“รีบไป” 

“เจ้าค่ะ” อาซานซดน้ำเต้าหู้หมดแล้วก็รีบวิ่งไปที่จวน 

เมื่อหายเหนื่อยแล้วทุกคนก็ช่วยกันเก็บร้านแล้วพากันกลับจวน แต่เมื่อมาถึงจวนก็เจอกงกงคนสนิทของฮ่องเต้มารออยู่พร้อมด้วยองครักษ์เสื้อแพรคนเดิมที่เป็นลูกค้ามาซื้อเมื่อตอนเช้า  

“ข้าไม่คิดว่าท่านจะไปขายของเองเช่นนี้ ถ้าองครักษ์ไม่ยืนยันด้วยตัวเอง”  

“ท่านกงกงรับไหมเจ้าค่ะยังมีแผ่นแป้งกับไข่เหลืออยู่และผักนิดหน่อย” 

“ถ้าไม่รบกวนจนเกินไป ข้าว่า...” 

“รบกวนอันใดกัน คนกันเองทั้งนั้นมาๆ” 

“ไม่ใช่ขอรับ ข้า หมายถึง...รถม้าของท่านจอดปิดทางเข้าออกจวนอยู่ขอรับ” จินเซียงยิ้มค้างเมื่อได้ยินที่กงกงคนสนิทฮ่องเต้พูด

“อ่าว ฮ่าฮ่าฮ่า เช่นนั้นท่านรอซักครู่” พูดจบก็เอารถม้าไปเก็บรวมถึงม้าที่ต้องเอาไปเก็บรวมกับของเผยอิงที่ท้ายเรือน 

“ท่านกงกงขออภัยที่ให้คอยนาน” 

“มิเป็นไรขอรับ” 

“จานนี้ของท่านเชิญตามสบายน่ะ” 

“ขอบคุณขอรับ ฮ่องเต้ทรงโปรดมากเลยน่ะขอรับ เมื่อเช้าพระองค์ให้องครักษ์ไปซื้อ” พูดจบก็เริ่มกิน 

“ถ้าข้ารู้ข้าจะคิดซัก 20 ตำลึงทองต่อชิ้น คิดแล้วเสีย จะ แอ๊ก!” ฟางฟางกระโดดใส่หลังคนพูด  

“ฟางฟาง พี่มีแขก ยะ อยู่ น้องเป็นอะไร ค๊อก ค๊อก” จินเซียงมองหน้าน้องสาว พลางตบหน้าอกของตัวเอง

“คือว่า” 

“คือว่า?” 

“พี่สาวเค้าขอหนูเป็นเจ้าสาว” 

“แค่กๆ” กงกงแทบสำลักอาหาร 

“คุณหนูเล็กขอรับ ท่านพึ่งจะพ้นปักปิ่นน่ะขอรับ” 

“แต่พี่เค้ามีงูตัวใหญ่น่ะเจ้าค่ะท่านกงกง พี่เค้าพาไปดูงูด้วยแหละ” จินเซียงแทบเอาหน้ามุดดินหนี องครักษ์ที่ยืนอยู่ถึงกับสำลักน้ำลายตนเอง 

“ฟางฟางเจ้ารู้ได้ไง” เผยอิงที่นั่งอยู่ถาม 

“หนูเล่นมันเจ้าค่ะ มันพ่นพิษใส่หนูด้วย น่ารักมากเลย” ทั้งห้องพากันมองหน้าจินเซียงที่นั่งหน้าเหวอไปแล้ว

“.....” เผยอิงคิ้วกระตุก ถึงแม้คนรักของนางจะองอาจกว่าก็ตาม 

“พี่เค้าบอกว่าถ้าแต่งงานกับหนู พี่เค้าจะย้ายมาอยู่ที่นี่ เมื่อเช้าหนูพึ่งไปซื้อที่ดินกับพี่เค้ามา” คนฟังพากันพูดไม่ออก และยิ่งพูดไม่ออกเมื่อฟางฟางเอาโฉนดมาให้ดูอย่างภูมิใจ

“ท่านองครักษ์ท่านช่วยไปตามท่านพ่อกับท่านแม่มาหน่อย” 

“ขอรับ” เค้ารับคำแล้วรีบวิ่งไปอย่างยากลำบาก 

สองสามีภรรยาวิ่งหน้าตั้งมาที่เรือนของจินเซียงและตามด้วยสองฮูหยิน แต่ที่ไม่มาคือสองนายป่าวที่นอนไข้ขึ้นอยู่ในเรือน 

“ลูกรักนี่เจ้า” หลี่อินสำรวจลูกสาว 

“ท่านแม่ตกใจอะไรเจ้าค่ะ” ฟางฟางทำหน้างง 

“ลูกแม่ เจ้าจะแต่งกับใครแล้วนี่เจ้า” แล้วคนที่นึกถึงก็มา จัสมินเดินเข้ามาในห้องพร้อมหีบใบเล็กสามใบ

“ท่านทำอะไรนาง” จินเซียงมองพี่สาวที่มีอาการแปลกๆ 

“ข้าเป็นผู้เสียหาย อย่ามองข้าเช่นนั้น ท่านน้าคือ” จัสมินหยุดพูดเมื่อเจอสายตาเด็กสาว

“ได้ไหมเจ้าค่ะท่านแม่” ฮูหยินทั้งสามมองหน้าลูกสาวคนเล็กสลับกับหญิงสาวผิวเข้ม

'นี่ลูกสาวเราไปทำอะไรนางเนี่ย' 

'ฮึก ท่านน้าข้าโดนนางขืนใจน่ะ ฮึก' จัสมินร้องไห้ในใจ แต่ก็ยังทำเป็นยิ้ม

'พี่สาวข้าเองก็ไม่ต่างจากท่าน' จินเซียงและจัสมินทั้งสองพี่น้องต่างมองหน้ากันแล้วอยากร้องไห้ 

“แหม~ พวกท่านพี่น้องนี่ ได้แต่งงานฟ้าฝ่าเหมือนกันเลยน่ะขอรับ” กงกงพูดออกมาหลังมองหน้าจัสมินที่มีส่วนคล้ายจินเซียงถึง 8 ส่วน

“อาอิงจดไว้เลยถ้าคนในวังมาซื้อให้ขายในราคาตำลึงทอง” 

“คุณหนู ข้าแค่ล้อเล่นอย่าได้ซีเรียส เรามาคุยงานกันดีกว่าและอีกอย่างนางถือเป็นตัวแทนของอาณาจักร การแต่งกับนางถือว่าดีที่สุดแล้ว” กงกงรีบสรุปเพื่อหาทางลงให้ตัวเอง 

เอี้ยซ่งหันไปถามทันที “ท่านหมายความเช่นไรขอรับ” 

“ข้าขอบอกตามตรงน่ะ ถ้าฟางน้อยแต่งกับเจ้าหญิงจัสมิน มันจะส่งผลดีกับท่านและเราทั้งคู่” เอี้ยซ่งเข้าใจทันที 

“ท่านเข้าใจถูกแล้ว มีองค์ชายหลายคนพยายามเข้าใกล้นางเพื่อหวังให้อำนาจของเปอร์เซียคอยหนุนหลัง อีกทั้งถ้าปล่อยคุณหนูเล็กไว้เช่นนี้ ข้าว่าอีกไม่นานคงมีคนหาทางใช้ประโยชน์

ส่วนคุณหนูรองพรุ่งนี้ฮองเฮาจะมาเป็นประธานในงานแต่ง วันนี้ข้าจึงมาจัดเตรียมสถานที่ให้พร้อมสำหรับงาน ส่วนอาหารก็ให้คุณหนูใหญ่จัดการ” 

“ท่านกำลังบอกว่าการที่น้องๆ ของข้าแต่งกับพวกนางจะทำให้พวกองค์ชายไม่สามารถสร้างฐานอำนาจจากต่างแดนได้ใช่รึไม่” 

“ถูกต้อง นี่คือราชโองการถึงน้องสาวทั้งสองของท่านเพราะทูตทั้งสองอาณาจักรได้เข้ากราบทูลเรื่องนี้แล้ว” 

“ไวอะไรปานนั้น!” แต่มีเรื่องที่น่าตกใจมากกว่าเรื่องของน้องทั้งสอง 

“จินเซียงแห่งสกุลถัง และเผยอิงแห่งสกุลหยางรับราชโองการ”  

“ห่ะ!” ทั้งคู่เริ่มงงจนทำอะไรไม่ถูก 

“รับราชโองการก่อน” กงกงสะกิดทั้งคู่ 

จินเซียงกับเผยอิงแลกสายตากัน นี่คือจุดจบของชีวิตสงบสุขที่หวังไว้

"ข้าน้อย...รับราชโองการ" เสียงของทั้งคู่สั่นเครือขณะคุกเข่า

เผยอิงแอบกระซิบ "อย่างน้อยเราก็ยังอยู่ด้วยกัน..." จินเซียงบีบมือเธอแน่น

“เอาล่ะ ด้วยโองการแห่งฟ้า ข้าจักรพรรดิซ่งไทจงขอแต่ตั้งถังจินเซียงขึ้นเป็นแม่ทัพพิเศษขึ้นตรงกับองค์จักรพรรดิแต่เพียงผู้เดียว คู่กับแม่ทัพเผยอิง เพื่อความสงบสุขสืบต่อไป” 

“ข้าน้อยจินเซียงรับราชโองการ” 

“ข้าน้อยเผยอิงรับราชโองการ”

“ดีใจกับพวกท่านด้วย ทีนี้ก็ทำอะไรก็ได้ไม่จำเป็นต้องไปยุ่งเรื่องกองทัพแต่ทว่าพวกท่านมีหน้าที่รับคำสั่งโดยตรงจากจักรพรรดิเท่านั้น” 

“แล้วเรื่องนี้มีใครรู้บ้างเจ้าค่ะ” 

“มีแค่บางคน จริงซิข้าเกือบลืมเลยเพราะท่านชวนคุย” กงกงหยิบกล่องใบยาวออกมาให้จินเซียง 

“นี่คือคำสั่งแรกของพวกท่าน ข้าขอตัวก่อนยังต้องเตรียมงานอีกมาก” 

จินเซียงเปิดกล่องใบยาวออกดูอย่างระมัดระวัง ภายในคือ ดาบสั้นเก่า ที่มีอักษรจารึกว่า "สำหรับผู้กล้าที่จะท้าทายความตาย"

"งานเข้าแล้วไงพวกเรา"

เผยอิงผิวปากยาว "ดูเหมือนเราต้องเดินทางอีกแล้ว..."

จินเซียงถอนหายใจ "ข้าว่าขายไก่ทอดน่าจะปลอดภัยกว่า"

กงกงฝืนยิ้มอย่างยากลำบาก แม้จะเอาอำนาจมายัดใส่มือ แต่ดูท่าแม่ทัพสาวคนนี้ไม่อยากได้แม้แต่น้อย 

“เช่นนั้นพวกเราไปส่ง” จินเซียงเดินคอตกนำหน้ากงกง

“ไม่เป็นไรขอรับ ขออาหารเพิ่มให้ข้าชุดเพราะองค์หญิงสั่งข้ามา” 

“ฝากบอกนางว่าอย่าปิดหน้าต่างก็พอ” 

“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน” กงกงและองครักษ์เดินออกไปขึ้นรถม้าโดยมีเอี้ยซ่งเดินไปส่ง 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • แม่นางไก่ทอด   อดีต

    จินเซียงมองคนรักนั่งเงียบมาซักพักตั้งแต่ได้ฟังเรื่องที่เอมิลเล่า เรื่องของคนรักเก่าที่ตายจากไปไม่หวนกลับ ทั้งคู่มีหลายอย่างที่เหมือนกันอย่างแยกไม่ออกแตกต่างกันก็แค่สีผม “เจ้าก็คือเจ้า ข้ารักเจ้าด้วยใจจริง”“ท่านคงไม่คิดว่าข้าเป็นตัวแทนนางใช่รึไม่” “อดีตก็คืออดีตไม่อาจย้อนกลับได้อีก ความผิดพลาดครั้งนั้นเป็นบทเรียนให้ข้าว่าข้าจะต้องไม่ผิดพลาดอีกซ้ำสอง” “ท่านอย่าได้โทษตัวเองเลย” “นั่นซิน่ะ มาเถอะไปดูคนอื่นๆ ทำงานกัน” “เจ้าค่ะ” ทั้งคู่เดินออกนอกห้องทำงานตรงไปที่ท้ายจวนติดท่าเรือ โรงหลอมนั้นกำลังถูกสร้างอย่างช้าๆ เพื่อไม่ให้ผิดพลาด ส่วนพื้นที่ด้านข้างและจวนหลังนั้นก็กำลังมีการปรับปรุงโดยใช้แผ่นไม้มาล้อมส่วนติดถนนไว้เพื่อไม่ให้คนเห็นว่าทำอะไรก่อนที่กำแพงจะสร้างเสร็จแต่เรื่องการเตรียมตัวสำหรับวัตถุดิบนั้นก็ได้คนจากตระกูลหวังที่ครอบครองการค้าเหล็กและแร่หลายชนิดมาช่วยในการจัดหา ทำให้เรื่องวัตถุดิบง่ายขึ้นมามาก เจ็ดวันต่อมาโรงหลอมก็สร้างเสร็จ ฮ่องเต้ทรงมาดูงานด้วยตัวเองเพราะอยากรู้ว่าการหล่อปืนใหญ่จะเหมือนตีดาบรึไม่ หลังจากที่โหรหลวงมาถึงก็เริ่มทำพิธีบูชาดินฟ้าเพื่อความเป็นสิริมงคล ฮ่

  • แม่นางไก่ทอด   ประมูลทาส

    หลายวันต่อมาจินเซียงเข้าวังพร้อมโจวกุ้ยเฟยและตรงไปที่ตำหนักใหญ่ของฮองเฮาเพื่อส่งอาหารตามที่พระองค์เคยขอ “ถวายบังคมฝ่าบาท” “ตามสบายเถอะหลานข้า ว่าแต่ลมอะไรหอบเจ้ามาพร้อมนางกัน” พระนางมองไปที่โจวกุ้ยเฟย เมื่อเห็นไม่สะดวกพูดจึงไล่คนอื่นๆ ออกไปก่อน“เอาล่ะตอบมา” “เมื่อคืนกุ้ยเฟยไปที่จวนเพค่ะ เลยมาพร้อมกัน” “เรื่องนั้นซิน่ะ” “เพค่ะพี่หญิง” “เฮ้อ...พี่บอกแล้วว่าอย่าไปตามใจเยอะ ไม่เช่นนั้นจะเสียคนแล้วเป็นไงล่ะ” “ถ้าไม่ติดว่าการทำร้ายองค์ชายเท่ากับทำร้านสายเลือดมังกรน่ะ น้องจะตบแม่งหัวทิ่มไปเลย” โจวกุ้ยเฟยพูดพร้อมแสดงท่าทาง จินเซียงได้แต่ยืนยิ้ม“พอเลย...ข้าคนว่าเจ้าเข้าวังแล้วจะสงบลงแต่ที่ไหนได้” “พวกท่านใจเย็นก่อนแล้วรีบมาทานอาหารก่อนที่จะ...อ่าว!...หายไปไหน!” จินเซียงมองหากล่องอาหารที่เอามาด้วย “ง่ำๆ อาย่อยมากน้องรอง” “ชู่~ เงียบๆ หน่อย นางหูดีมาก” “เอ่ออ~ พี่รอง น้องว่า~” “อะฮึม!...แม่ว่า…แม่สอนพวกเจ้ามาดีน่ะ สอนทั้งอบรมมารยาทสตรีหรือว่าต้องให้แม่นมทบทวนความจำให้!” ฮองเฮายืนท้าวเอวมองลูกสาวของตน“ถะ...ถวายพระพรเสด็จแม่เพค่ะ” ฉางหรูยิ้มแล้วรีบเอากล่องอาหารซ่อนไว้หลังม่านอย่าง

  • แม่นางไก่ทอด   เผยอิงกลับมาแล้ว

    หลายวันต่อมาที่จวนใหญ่แห่งหนึ่ง มีใครบางคนกำลังนั่งกลุ้มใจเพราะไม่สามารถทำตามแผ่นได้สำเร็จแต่คนที่ส่งไปนั้นกลับหายสาบสูญไปทุกรายอย่างไม่ทราบสาเหตุ “ให้มันได้แบบนี้ซิ ทำงานกันภาษาอะไรถึงได้หายหัวกันไปหมด” “นายท่านขอรับ พวกเราไปพบร่องรอยบางอย่างขอรับ” ชายชุดดำส่งกระดาษให้ผู้เป็นนาย “ตายหมด! เป็นไปได้ไง” “ขอรับ ดูเหมือนว่าจะมีคนคอยหนุนหลังอยู่” “ท่านพ่อ แบบนี้เหล่าอาหารของเราจะไม่แย่รึขอรับ” “พ่อไม่กลัวเรื่องนั้นแต่ห่วงเรื่องว่ามันจะกระทบงานใหญ่มากกว่า แล้วเรื่องสองตระกูลนั้นเป็นเช่นไรและเรื่องที่ให้ไปสืบได้ความเช่นไร” “ขอรับนายท่าน สองตระกูลนั้นพากันปิดปากเงียบหลังจากที่ตระกูลที่เคยหมั้นหมายต่างพากันขอถอนหมั้น ทำให้หญิงสาวในตระกูลนั้นต่างพากันเก็บตัวขอรับ ส่วนเรื่องที่ให้ไปสืบนั้นได้ความมาว่าแม่ทัพหยางยังนอนไม่ได้สติขอรับ แต่การจะเข้าใกล้เรือนนั้นถือเป็นเรื่องยากมากเพราะมีการคุ้มกันที่แน่นหนาและไม่อนุญาตให้ใครเข้าเยี่ยมจนกว่าท่านขุนพลจะกลับมาขอรับ” “หึหึหึ ดีแบบนั้นแหละดี ไปตามนักพรตนั่นมาเราจะใช้นางเป็นตัวประกันให้เจ้านั้นยอมทำตามเงื่อนไขของเรา” “แต่ท่านพ่อ ถ้านางไม่ยอมล่ะขอ

  • แม่นางไก่ทอด   เริ่มกิจการร้านไก่ทอด

    ต้นเดือนเก้าเหล่าอาหารก็สร้างจนเสร็จและกำหนดที่จะเปิดก็คืออีกสามวันซึ่งตรงกับวันที่เก้าพอดี แม้ใจจะรู้ดีว่าไม่ควรจัดงานมงคลในช่วงนี้แต่ด้วยที่ว่าถ้าคนที่นอนอยู่รู้ว่าไม่ยอมเปิดเหล่าอาหารคงไม่ไม่ดีแน่ถ้าตอนที่นางตื่นขึ้นมาแล้วมีคนบอกให้รู้“ท่านพ่อ ท่านแม่” จินเซียงหลังจากอาบน้ำให้คนรักแล้วก็มาหาผู้ใหญ่ทั้งสองตระกูลที่ห้องโถง“น้องเป็นเช่นไรบ้างลูก” หลอหลันถาม“เจ้าค่ะท่านแม่ ลูกพึ่งอาบน้ำให้นางและป้อนยา”“เจ้าคงไม่ได้ทำอะไรลูกแม่ใช่รึไม่” ชุ่ยหยุนหรือฮูหยินหยางถามจินเซียงได้ยินก็หน้าแดง “ลูกรอนางตื่นก่อนเจ้าค่ะ”“อืม พวกแม่เชื่อเจ้าและหวังว่าจะผ่านเรื่องนี้ไปได้ด้วยดี” หลอหลันให้กำลังใจลูกสาว แต่ก็ขอให้ปาฏิหาริย์มีจริง ขอให้เผยอิงฟื้นขึ้นมาในเร็ววัน“จริงซิ และชื่อร้านคิดได้รึยัง” ฮูหยินเฒ่าตระกูลถังถาม“เจ้าค่ะ ขุนพลนิทราเจ้าค่ะ” ทั้งห้องเงียบกริบไม่มีใครพูดอะไร“หลานย่า เจ้าไม่มีชื่ออื่นแล้วรึ” ฮูหยินเฒ่าตระกูลถังรู้สึกอายแทน“ยังเจ้าค่ะ”“แย่แน่แบบนี้ฮ่องเต้ได้บ่นแน่ๆ พระองค์รอทำป้ายร้านให้เจ้าอยู่น่ะ” เอี้ยซ่งบ่นใส่ลูกสาวคนโต ที่นางนั้นมีปัญหาเรื่องการตั้งชื่อ“เซียงอิงขุนพลไก่ทอ

  • แม่นางไก่ทอด   สิ้นสุดสงคราม

    ทุกคนมองเป็นทางคนผู้นั้นแล้วก็มีคำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัว ยิ่งอาวุโสถังผู้เป็นปู่ที่มองหน้าหลานไม่แท้อย่างตั้งคำถาม แต่คนที่ตกใจที่สุดนั้นคือพระชายาทั้งสองของรัชทายาท “พวกเจ้ารู้จักนางรึ” “พะ เพค่ะ นางคือคนที่ช่วยพวกเราไว้จากกลุ่มโจรเมื่อหลายปีก่อนเพค่ะ ตอนที่พวกเราตามเสด็จไปล่าสัตว์เพค่ะ” “เพค่ะ ตอนที่พานางมาพักรักษาตัวท่านก็น่าจะเคยเห็น รวมถึงยังเคยช่วยองค์หญิงจากการถูกลักพาด้วยน่ะเพค่ะ” “เจ้าเป็นคนช่วยลูกของเราเมื่อตอนนั้นรึ” “ข้าเองก็จำอะไรได้ไม่ค่อยมาเพราะเมื่อหลายเดือนก่อนเกิดอุบัติเหตุขึ้นทำให้ความจำบางส่วนหายไป ต้องขอโทษด้วย” จินเซียงพูดแก้ตัว เพราะจำไม่ได้จริงๆ“เช่นนั้นเรื่องการเจรจาสงบศึกข้าจะช่วยพูดให้ส่วนเรื่องการแต่งงานคงมิอาจช่วยได้” พระมเหสีสูงสุดแห่งเหลียวหรือจะเรียกว่าฮองเฮาก็ได้ตามความคุ้นเคยของผู้มาจากภาคกลาง พระนางรับปากเรื่องเจรจาแต่อีกเรื่องไม่รับปาก“ท่านวางใจเถอะ ข้าไม่คิดจะจับใครแต่งงาน แต่ถ้าท่านข่านเสนอมา ทางเราก็คงยากจะปฏิเสธนอกเสียจาก” “นอกเสียจากอะไรกัน” “นอกเสียจากจะมีใครเสียตัวในคืนนี้แล้วข้าจะรีบเขียนสารด่วนกลับไปขออนุญาตเรื่องการแต่งงานเจริญสั

  • แม่นางไก่ทอด   ไร้ความช่วยเหลือ

    เช้าวันต่อมาเสียงกลองรบดังสนั่นทั่วเมือง ชาวบ้านชาวเมืองต่างพากันสวดมนต์ขอพรให้กองทัพมีชัยเหนือศัตรูผู้รุกรานถึงแม้จะมีหวังน้อยเต็มทีแต่ก็ยังมีแสงสว่างอยู่ในคือสองแม่ทัพที่ตอนนี้ยืนคู่กันอยู่บนกำแพงเมือง “อันเตรียย่าข้าว่ามันสวยจริงๆ ถ้าเทียบกับกองทัพของอัศวินแล้ว” “นั่นซิ แม้จะอยู่ในสงครามมาหลายสิบปีก็ยังไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้” “ท่านพี่ ที่นั่นเป็นเช่นไร” เผยอิงถาม “ที่นั่นเรารบกันด้วยความเชื่อและศรัทธา บ้างก็มีเหตุผลแตกต่างกันไป กองทัพนั้นอืม จะว่าไงดีล่ะ พี่ว่าดาบที่อัศวินใช้คงจะฟันพวกทหารเหลียวไม่เข้าแน่ๆ” “ใช่แล้วน้องสะใภ้ ดาบพวกนั้นมันอาศัยน้ำหนักอย่างเดียว ส่วนดาบที่เบาก็เบาเกินไปทำให้สู้กับพวกใส่เกราะเหล็กไม่ได้” “ข้าชอบดาบวงพระจันทร์ กับดาบใหญ่อันนี้มากกว่า” จินเซียงมองดาบคู่ใจในมือ ความสมดุลของดาบทั้งสองนั้นดีมาก“ข้าอยากถามมานานแล้วว่าทำไมท่านถึงพกอาวุธไว้เยอะแยะ”“ไม่รู้ซิ มันชินแล้ว” จินเซียงตอบคนรักแล้วหันไปมองที่สนามรบที่ตอนนี้ทหารเหลียวได้ลากหอตีเมืองมารอพร้อม“สั่งยิงได้เลย เราไม่จำเป็นต้องให้เกียรติพวกมันเพราะพวกมันเหยียบย่ำและฉีกสัญญาของพวกเราก่อน” จินเซียงหันไป

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status