Share

พบคนรู้จัก

last update Last Updated: 2025-09-08 20:36:50

บรรยากาศครึกครื้นเมื่อครู่พลันเงียบลง กลุ่มคนเริ่มแตกฮือหนีเมื่อเห็นชายฉกรรจ์ยกอาวุธเข้ามา จินเซียงขยับตัวเล็กน้อย ดันเด็กสาวญี่ปุ่นทั้งสองให้หลบไปอยู่หลังเผยอิง

“ข้าถามอีกครั้ง มีเรื่องอะไรกับเด็กสองคนนี้” เสียงของนางนิ่งเรียบ แต่แฝงแรงกดดันจนอีกฝ่ายชะงักวูบหนึ่ง

ชายหน้าบากหัวเราะหยัน “หึ! เจ้าไม่ต้องรู้หรอกคุณหนูใหญ่ แค่ส่งตัวพวกนางมา เรื่องก็จบ”

“ขู่ข้า? ถ้าไม่จบล่ะ” จินเซียงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย

สิ้นคำพูด ร่างของนางหายวับไปจากที่ยืน ก่อนจะปรากฏอยู่ตรงหน้าชายคนนั้นโดยไม่ทันให้ตั้งตัว มือข้างหนึ่งกดข้อมือของเขาอย่างแรงจนดาบร่วงลงพื้น เสียงเหล็กกระทบดัง เคร้ง!

“เจ้าจะ!” อีกสองคนรีบพุ่งเข้ามา แต่เพียงพริบตา จินเซียงสะบัดชายแขนเสื้อออก หมัดและปลายเท้าแทรกผ่านราวสายลม ปัดอาวุธออกจากมือพวกมันทีละคนอย่างแม่นยำ

เสียงแตกตื่นดังไปทั่วตลาด พ่อค้าแม่ค้าพากันถอยหนี บรรยากาศรอบท่าเรือกลายเป็นความวุ่นวาย

เผยอิงก้าวขึ้นมาข้าง ๆ พลางชักดาบสั้นที่พกติดตัวไว้

“หากยังกล้าแตะต้องพวกนางอีกแม้แต่น้อย… อย่าหาว่าข้าไม่เตือน”

สีหน้าของชายฉกรรจ์เริ่มแปรเปลี่ยนจากหยิ่งผยองเป็นหวาดหวั่น เหลือบตามองฝูงชนที่เริ่มมุงดูด้วยสายตาสงสัย ก่อนจะสบถเสียงต่ำ

“ชิ! เราจะยังไม่จบเรื่องนี้”

พวกมันพากันล่าถอย ทิ้งไว้เพียงร่องรอยความวุ่นวาย และเสียงซุบซิบของผู้คนในตลาดที่ยังไม่จาง

*********

เสียงแจกันแตก “เพล้ง!” ดังสะท้อนในห้องแคบ ๆ

“ฮ่าฮ่าฮ่า หนีไปก็เท่านั้น! ไม่มีใครมาช่วยพวกเจ้าได้หรอก”

“ชายกลุ่มหนึ่งหัวเราะอย่างเหิมเกริม ขยับเข้าหาหญิงสาวสองคนที่ถอยไปจนสุดมุมห้อง พวกนางมีเพียงมีดสั้นในมือ สายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวแต่ยังไม่ยอมจำนน

“นั่นซิ เมื่อพวกเราสนุกเสร็จแล้ว พวกเราก็จะให้คนของพวกเราเล่นกับพวกเจ้าต่อ ฮ่าฮ่าฮ่า”

“เฮ้ย! จับพวกนางให้ได้!!”

พวกมันกรูกันเข้าไป หญิงสาวทั้งสองต่อสู้อย่างสุดกำลัง แต่แรงของผู้หญิงสองคนย่อมไม่อาจสู้ชายฉกรรจ์หลายคนได้… เสียงข้าวของแตกกระจาย เสียงร้องขอความช่วยเหลือสะท้อนก้อง

“เฮ้ย! ไปจับพวกนาง”

พวกมันหลายคนพุ่งเข้าหาหญิงสาวทั้งสอง และจัดการปลดชุดพวกนางออกจนเปลือยเปล่าแล้วเอาผ้ายัดปากไว้เพื่อไม่ให้กัดลิ้นฆ่าตัวตาย พวกนางพยายามต่อสู้แต่ไหนเลยจะสามารถสู้แรงผู้ชายหลายคนได้

“เฮ้ย! ด้านนอกเสียงดังอะไรกันนักหนาว่ะ รอกันไม่ได้รึไง” ชายหน้าโหดเดินไปโวยวายที่ประตู

ทันใดนั้น

เสียงประตูดัง “ตู้ม!” ชายร่างใหญ่ที่เฝ้าประตูถูกแรงอัดกระแทกจนทะลุกำแพงออกไป

“สงสัย…อยากมีคนโดนตอน” เสียงเย็นยะเยือกของ เผยอิง ดังขึ้น พร้อมเงาร่างในชุดศึกปรากฏตรงประตู

“ฮ่าฮ่าฮ่า อดีตแม่ทัพคนสวยนี่เอง คิดว่าจะทำอะไรได้คนเดียวงั้นรึ!”

“คุณชายคงสมองเล็กเท่าไอนั่น ถึงลืมไปว่า... ใครเป็นคนปราบ พวกเหลียว”

ชายกลุ่มนั้นยังหัวเราะไม่จบ เสียง “ฟับ!” ก็ดังขึ้น ดาบของเผยอิงสะบัดเพียงครั้งเดียว ลูกสมุนสองคนล้มลงพร้อมกันโดยแทบไม่รู้ตัว

“ถุ้ย… พวกเจ้าดีแต่รังแกคนอ่อนแอ”

จินเซียงก้าวเข้าห้องอย่างช้า ๆ แต่แววตาเย็นเฉียบเหมือนคมดาบ

“พวกเจ้าไม่ต้องร้องไป ข้ามีวิธีคืนเกียรติให้พวกเจ้า” นางพูดญี่ปุ่น

หญิงสาวสองคนที่ถูกคุมตัวไว้ตัวสั่น น้ำตาไหลพราก เผยอิงรีบเข้าไปคลายพันธนาการ พาออกจากจุดอันตราย

ด้านหลัง จินเซียง เดินเข้ามาเงียบ ๆ พร้อมคนของนาง

“จัดการพวกมัน อย่าให้เหลือโอกาสได้หนี”

เหล่ามือสังหารของจินเซียงบุกเข้าจัดการชายเหล่านั้นอย่างเป็นระบบ สั้น เร็ว เงียบ และเด็ดขาด ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งเค่อ พวกมันทั้งหมดก็ถูกจับมัดคว่ำหน้าไว้กลางห้อง

เผยอิงยื่นผ้าคลุมให้หญิงสาวทั้งสอง แล้วเอ่ยด้วยเสียงนุ่มลง

“ไม่ต้องกลัวอีกแล้ว…พวกมันจะไม่มีวันทำร้ายใครได้อีก”

หญิงสาวทั้งคู่ปล่อยโฮออกมาทันที หลังจากผ่านเหตุการณ์ที่เกือบกลายเป็นฝันร้ายที่สุดในชีวิต

หลังเหตุการณ์ ทั้งสองคนถูกพากลับจวนเพื่อดูแลร่างกายและจิตใจ และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่เผยอิงกับจินเซียงจะได้รู้ว่าพวกนางเป็นบุตรีของขุนนางและพ่อค้าคนสำคัญจากญี่ปุ่น ซึ่งจะโยงเข้าสู่การเมืองระหว่างประเทศและการทูตในวันถัดมา…

********

หลังจากเหตุการณ์ช่วยเหลือผ่านพ้นไป หญิงสาวทั้งสองได้รับการดูแลทำความสะอาดและเปลี่ยนเป็นชุดผ้าฝ้ายของจวนหยาง บรรยากาศภายในเรือนกลางคืนสงบลง มีเพียงแสงตะเกียงและเสียงลมพัดเบา ๆ

เผยอิงนั่งพิจารณาหญิงสาวทั้งสองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จินเซียงจะเริ่มเปิดบทสนทนา

“พวกเจ้ามาจากที่ใดกันแน่ ดูท่าทางไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา”

หญิงสาวทั้งคู่ยอบตัวเล็กน้อยอย่างนอบน้อม

“พวกข้าตามบิดามาท่องเที่ยวเจ้าค่ะ แต่ทว่าไม่นานหลังจากออกจากจวนก็คงถูกพวกคนชั่วจับตัวไป… ขอบคุณพวกท่านที่ช่วยชีวิต”

หญิงสาวผมดำม้วนปลายเล็กน้อยยิ้มบางแล้วแนะนำตัวเป็นภาษาจีนสำเนียงญี่ปุ่นชัดเจน

“ข้าคือ มินามิ โยสุกะ บุตรีของพ่อค้าใหญ่จากเกาะคิวชู”

หญิงอีกคนห้าวหาญกว่าเล็กน้อย ก้าวออกมาแนะนำตัวตาม

“ส่วนข้า โกโจ ฮิบาริ บุตรีของแม่ทัพเรือแห่งกองทัพเรือเอโดะ”

เผยอิงเลิกคิ้วเล็กน้อย “ซามูไร…จากแดนอาทิตย์อุทัย”

โยสุกะพยักหน้า “เจ้าค่ะ พวกเราทั้งคู่ฝึกดาบและคุ้มกันตนเองมาตลอด แต่ไม่คิดว่าจะเจอกลุ่มคนชั่วในแผ่นดินท่านเช่นนี้”

จินเซียงสอดมือประสาน “พวกเจ้ากำลังวิ่งไปที่เรือใช่ไหม”

“เจ้าค่ะ บิดาของพวกเรากำลังเจรจากับพ่อค้าชาวจีนอยู่ที่ท่าเรือ เราจึงเลือกไปที่นั่นเพราะใกล้กว่ากลับที่พัก”

เผยอิงพยักหน้า แล้วหันไปพูดกับเอี้ยซ่งและอาวุโสหยางทันที

“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก เราควรแจ้งท่านโกโจกับท่านโยสุกะให้มาที่จวน พรุ่งนี้พวกคณะทูตก็จะเข้าเฝ้าอยู่แล้ว”

“ข้าจะให้คนไปเชิญพวกเขามา” อาวุโสหยางตอบหนักแน่น

“ส่วนเรื่องของตระกูลนั่นเจ้าควรส่งคนไปยกเลิกการหมั้น ข้าไม่อยากให้หลานตัวเองแต่งานกับพวกมัน”

“อาวุโสหยาง ลูกสาวข้าเป็นหลานท่านตอนไหน”

“จินเซียงเป็นหลายเขยข้า อี้หลันก็ไม่ต่างกับหลานสาวข้า เจ้าว่าข้าพูดผิดเช่นนั้นรึ” เอี้ยซ่งพยักหน้าเห็นด้วย

“ก็จริง”

เช้าวันถัดมา คณะทูตญี่ปุ่นก็มาถึงจวนหยางพร้อมซามูไรติดตามหลายคน โยสุกะและฮิบาริรีบเข้าไปหาบิดาเพื่อเล่าเหตุการณ์ทั้งหมด ดวงตาของชายทั้งสองวาวโรจน์ด้วยความโกรธ

แต่เมื่อฟังวิธีการลงโทษของฝ่ายจินเซียงและเผยอิง พวกเขากลับนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะเสียงต่ำอย่างพอใจ แต่เหมือนจะมีคนพึ่งสังเกตว่านางคุยภาษาต่างถิ่นได้

“พวกลูกทำจริงรึ” โยสุกะถามบุตรสาว

“เจ้าค่ะท่านพ่อ เป็นครั้งแรกของลูก”

โกโจหัวเราะ “เช่นนั้นก็ดีแล้ว พวกลูกได้กู้เกียรติคืนมาเต็มที่!”

ระหว่างนั้นเอง ชายรูปร่างสูงในชุดผ้าเปอร์เซียปักทองเดินตามกลุ่มญี่ปุ่นเข้ามา ทุกคนหันมองเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อ

“โอ้ว… อันเตรียย่าร์ ข้าไม่คิดว่าจะได้เจอท่านที่นี่” เสียงนั้นทำให้ จินเซียงหน้าซีดไปชั่วขณะ นางหันไปพบ แคสเปียน ทูตหนุ่มจากเปอร์เซีย ซึ่งเดินทางมาร่วมการเจรจาทางการค้าในครั้งนี้

“ไม่ใช่แค่ข่าวลือเสียแล้ว สตรีจากตะวันตกเดินทางมาถึงตะวันออกจริง…” เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “อีกอย่าง เจ้าหญิงจัสมินกำลังตามหาท่านอยู่”

“ไม่นะ อย่าบอกนางว่าข้าอยู่นี่!” จินเซียงร้องแทบหลุดเสียง

แต่ก็ไม่ทัน เสียงหญิงสาวภาษาฟาร์ซิดังแทรกเข้ามา

“ไม่ดีใจหรืออย่างไร ที่พี่สาวมาหาน้องถึงนี่”

จัสมิน ปรากฏตัวเบื้องหน้าในชุดผ้าไหมทองคำ ความงดงามของนางทำให้บรรยากาศทั้งห้องเปลี่ยนไปทันที ทุกคนมองภาพ “อดีตนักฆ่าสาวเปอร์เซีย” ที่ตอนนี้กลายเป็นจินเซียงผู้สง่างาม ถูก “เจ้าหญิง” ดึงหูต่อหน้าธารกำนัลจนร้องเสียงหลง

“ไม่น่ะ ข้าอุสะ อ้ากกกก” จินเซียงตะโกนออกมาอย่างหัวเสียด้วยความทรงจำเจ้าของร่างบอกไว้ว่าตัวนางคือน้องสาวบุญธรรมของเจ้าหญิงและเจ้าหญิงก็รักนางมาก ตอนนี้ก็ยืนอยู่เบื้องหน้าตัวเป็น ๆ

เผยอิงหันมามองด้วยแววตากึ่งอึ้งกึ่งขำ “อิงเอ้อร์… นางเป็นพี่สาวบุญธรรมข้าเอง” จินเซียงรีบแก้ตัว

“อย่าคิดว่าพี่จะพูดภาษาถิ่นไม่ได้!” จัสมินบิดแรงขึ้นอีก

เสียงหัวเราะดังขึ้นรอบวง สนามภายในจวนหยางที่เคร่งขรึมก่อนหน้านี้กลับมีบรรยากาศอบอุ่นอย่างน่าประหลาด

จินเซียงยิ้มแห้ง “ทะ… ท่านพี่ปล่อยก่อน”

“รู้ไหมว่าท่านตาห่วงเจ้าแค่ไหนที่หนีมาแบบนี้”

“โอ้ยๆ พี่ใจเย็นๆ น่ะ” คนที่เห็นไม่รู้ว่าจะสงสารหรือหัวเราะดี

“พวกท่านรีบเข้ามาด้านในดีกว่า” เอี้ยซ่งบอกผ่านล่ามเพราะตอนนี้คนเริ่มมามุงดูแล้ว

ทุกคนย้ายไปยังสวนด้านในเพื่อพูดคุยอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางบรรยากาศของการแลกเปลี่ยนระหว่าง 3 วัฒนธรรม จีน, ญี่ปุ่น, เปอร์เซีย

เอี้ยซ่งและอาวุโสหยางคุยเรื่องความร่วมมือทางการค้าและความปลอดภัยของคณะทูต โยสุกะและโกโจแสดงความขอบคุณต่อเผยอิงและ จินเซียงอย่างจริงใจ จัสมินเองก็กลายเป็นสีสันของวงสนทนา ทำให้ทุกคนคลายความตึงเครียดลง

ยามเย็น ทั้งหมดร่วมรับประทานอาหารในจวนหยาง เสียงหัวเราะดังปะปนกับบทสนทนาทางการทูต เป็นภาพที่แสดงให้เห็นถึง พลังของมิตรภาพข้ามพรมแดน อย่างแท้จริง

“ท่านสนใจลูกสาวข้าหรือไม่ ข้ายกพวกนางให้ลูกท่านเลย” โกโจหันไปถามเอี้ยซ่ง แต่ให้จินเซียงช่วยแปล

“ท่านพ่อ ในเมื่อน้องถอนหมั้นแล้ว ให้น้องแต่งกับพวกนางก็ได้ไม่เห็นอันใด อีกอย่างพวกนางก็ปลอดภัยหายห่วงเพราะลูกตรวจร่างกายพวกนางแล้ว”

อี้หลันน้อยถึงกับนั่งค้างตัวเกร็ง เพราะสาวน้อยแดนอาทิตย์อุทัยที่ว่ากำลังนั่งประกบนางอย่างเอาอกเอาใจ ความจริงทั้งคู่ก็แอบถูกใจอี้หลันตั้งแรกคราพบหน้า

“ทะ ท่านพี่ ท่านจะขายข้าไม่ได้นะ” อี้หลันมีน้ำตาคลอ

“อิงอิงหายไปไหนแล้ว” เผยอิงถามหาคนสนิทของอี้หลัน

เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้นจากทางเดินไม้ด้านนอก ก่อนที่บานประตูจะเปิดออกอย่างนุ่มนวล ฟางฟางก้าวเข้ามาในห้องด้วยชุดเรียนเรียบร้อย ดวงตาสดใสตามแบบเด็กสาวผู้เปี่ยมชีวิตชีวา

จัสมินที่กำลังนั่งจิบชาอยู่ชะงักเล็กน้อย เมื่อสายตาสบกับเด็กสาวตรงหน้า แววตาคมเข้มที่แฝงด้วยพลังดึงดูด ราวกับนักล่าที่เผอิญพบ “เหยื่อที่น่าสนใจ” เข้าโดยไม่คาดคิด

“พวกท่านคุยอะไรกันอยู่หรือเจ้าคะ?” ฟางฟางเอียงคอถามอย่างไร้เดียงสา “ถ้าเป็นอาอิง น้องเห็นนางเดินไปที่เรือของพี่รอง… กับใครไม่รู้อีกสองคน”

เอี้ยซ่งหันมามองลูกสาวแล้วหัวเราะเบา ๆ “พ่อกำลังคุยงานอยู่ เจ้าเรียนเสร็จแล้วหรือ?”

“เจ้าค่ะ เช่นนั้นลูกไม่กวนแล้วเจ้าค่ะ” ฟางฟางยอบตัวน้อย ๆ เตรียมจะถอยออกไป

แต่ทันใดนั้น สายตาของจัสมินจับจ้องไปที่ร่างของเด็กสาวอย่างพิจารณา ลึกลงไปในดวงตาสีทองประกายของนาง มีแววบางอย่างที่ยากจะบรรยาย… ทั้งสนใจ ทั้งอยากหยอก ทั้งเหมือนจะ “ทดสอบ” อะไรบางอย่าง

“น่าสนใจ…” จัสมินคิดพลางยกถ้วยชาขึ้นจิบ แต่สายตาไม่ละไปแม้แต่วินาทีเดียว

ฟางฟางรู้สึกเหมือนร่างกายถูกตรึงด้วยสายตานั้น ความเย็นไหลผ่านสันหลังโดยไม่รู้ตัว ขนแขนลุกชัน ทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้ขยับแม้แต่น้อย

‘ใครกัน… ทำไมถึงมองแบบนั้น…?’

“พวกท่านเย็นนี้ เชิญอยู่ทานอาหารด้วยกันก่อน” เอี้ยซ่งเอ่ยขึ้นตัดบรรยากาศอันแปลกประหลาดในห้อง

“ได้เลย ข้ารบกวนพวกท่านแล้ว” จัสมินตอบกลับด้วยรอยยิ้มบาง ทว่าดวงตายังไม่ละจากฟางฟาง

เด็กสาวรีบยอบตัวอีกครั้งแล้วถอยออกจากห้องอย่างระมัดระวัง ใบหน้าดูสงบ แต่ในอกกลับเต้นแรงผิดปกติ เหมือนถูกมองทะลุเข้าไปถึงกระดูกสันหลัง

จัสมินมองตามร่างบางเดินหายออกไป “เด็กสาวคนนั้นใครกัน?”

จินเซียงหัวเราะเบา “พี่! นางยังเด็กอยู่นะ นางรับท่านไม่ไหวหรอก”

จัสมินหรี่ตา “เจ้าทำเป็นพูดไป… พี่มีสองเพศแล้วอย่างไร อย่างไรเสียก็ไม่ได้ปกครองอาณาจักรอยู่แล้ว” พูดจบก็กระดกชาหมดถ้วย

ระหว่างมื้ออาหารก็มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ส่วนจินเซียงกับจัสมินหลังทานเสร็จแล้วก็ขอแยกตัวกลับไปนั่งคุยต่อที่เรือน อี้หลันก็กลับเรือนของตนเพื่อพักผ่อนโดยมีมินามิกับฮิบาริตามไปด้วย โดยให้เหตุผลว่าไม่กล้าออกไปด้านนอกจึงขออนุญาตนอนกับเพื่อนใหม่

เมื่อถึงเวลาเย็น โต๊ะอาหารภายในเรือนใหญ่เต็มไปด้วยอาหารรสเลิศ เสียงพูดคุยหัวเราะดังสลับกัน บางจังหวะเป็นการสนทนาเรื่องการค้า เส้นทางเดินเรือ และสถานการณ์บ้านเมือง แต่ก็แทรกด้วยมุกตลกและการหยอกล้อของแขกต่างแดน ทำให้บรรยากาศไม่เคร่งเครียดจนเกินไป

เผยอิงนั่งหัวโต๊ะอย่างสง่างาม มีบรรดาทูต พ่อค้า และแขกผู้มีเกียรติรายล้อม ขณะที่จินเซียงและจัสมินหลังจากทานเสร็จแล้ว ก็ขอแยกตัวไปยังเรือนพักด้านในเพื่อนั่งคุยต่อกันสองคน บรรยากาศยามค่ำมีแสงจันทร์ส่องลอดผ่านหน้าต่างไม้ ฉายเงาร่างทั้งคู่ซ้อนทับกันอย่างอบอุ่น

ด้านอี้หลันเองก็กลับเรือนไปพักผ่อน โดยมีมินามิและฮิบาริตามติดไปด้วยทั้งสองให้เหตุผลว่า

“พวกเราไม่กล้าออกไปด้านนอกเจ้าค่ะ ขออนุญาตนอนกับเพื่อนใหม่ได้หรือไม่?”

อี้หลันหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพาพวกนางเข้าไปในเรือน ท่ามกลางแสงตะเกียงอบอุ่นที่ไหววูบอยู่หลังม่านไม้ไผ่

“เวรแล้วไง อี้หลัน อิงอิง พี่ขอโทษ”

จินเซียงฝากคำไปกับสายลมขณะรีบแต่งตัว เผยอิงที่นั่งหวีผมอยู่เพียงส่ายหัวอย่างหมดคำพูดให้กับคนรัก

“น้องสะใภ้… พี่ดูแล้วเจ้าคงเข้าหอนางโลมบ่อยใช่หรือไม่ ถึงกล้าพูดถึงแท่งหยกได้อย่างไม่รู้สึกอาย” จัสมินถามด้วยใบหน้าที่ประดับรอยยิ้ม เจ้าเล่ห์

“นิดหน่อยเจ้าค่ะ…” จินเซียงตอบเสียงเบา

“เจ้ารู้หรือไม่ ว่าคนรักของเจ้า… เคยผ่านมือพี่มาแล้ว” เสียงนั้นเยือกเย็นและหนักแน่น จินเซียงหน้าซีดไปชั่วขณะ แม้ตอนนี้เธอจะมั่นใจว่าฝีมือตัวเองดีกว่าแต่ก่อน แต่คำพูดนั้นก็ทำเอาใจหล่นไปครึ่งหนึ่ง

“พี่อย่าคิดอะไรแปลก ๆ กับว่าที่ฮูหยินของน้องนะ!”

“หึหึหึ~” จัสมินหัวเราะเสียงต่ำ ก่อนภาพตรงหน้าของจินเซียงจะดับวูบลงอย่างกะทันหัน

“ง่ายจริง… อุ้ย! นางมีตั้งแต่เมื่อไหร่!”

“เหมือนนางจะใช้วิชาอะไรนี่แหละ… แต่ท่านแน่ใจนะ?”

เผยอิงถูกบังคับให้ใช้ยาอีกครั้ง ขณะจัสมินยิ้มอย่างมีแผนในใจ

“มาเถอะ น้องสะใภ้… พี่สาวจะ ‘สอน’ เรื่องร่างกายนางให้”

จัสมินลากจินเซียงเข้าไปในห้องด้านใน ท่ามกลางความตื่นตะลึงและตื่นเต้นปะปนกันไปของเผยอิง

แสงแดดยามสายสาดลอดบานหน้าต่างเข้ามา จินเซียงตื่นขึ้นมาอย่างสดใส ผมเผ้ายุ่งเล็กน้อยแต่สีหน้านั้นชื่นบานผิดปกติ ต่างจากสองสาวที่นอนข้าง ๆ อย่างกับศพซ้อมวางในโลง

“เฮ้ย… ทำไมถึง... ”

“เฮ้ยทำไมถึง” นางพึ่งรู้ตัวเมื่อมองตัวเองและรอบๆ ห้อง ที่ตกอยู่ในสภาพยับเยิน “พี่สาวข้า... นางเอายาอะไรให้กินอีกแล้วเนี่ย”

นางรีบจับทั้งสองโยนลงอ่างน้ำโดยไม่รอให้ฟื้น ถ้าชักช้าไปกว่านี้ จะไปตั้งร้านขายของไม่ทันแน่ จัสมินเองก็โบกมือบอกว่าจะนอนเล่นอยู่ที่นี่ ให้สองสาวไปขายของได้ตามสบาย

แต่ไม่ทันจะออกจากเรือนดี ก็มีสาวใช้วิ่งหน้าตื่นมาตาม

“คุณหนู! คุณหนู! เร็วเจ้าค่ะ ที่ห้องโถง!”

“หืม? เกิดเรื่องอะไรอีกล่ะคราวนี้” จินเซียงพึมพำ ก่อนเดินตามไปพร้อมเผยอิง

เมื่อไปถึงก็เห็นเอี้ยซ่งยืนกอดอก หน้านิ่งแต่เส้นเลือดปูด ข้างหน้าเป็นข้าวของเครื่องใช้และหีบของหมั้นกองเต็มพื้น ส่วนอีกฟากมีอี้หลันกับอิงอิงคุกเข่าอยู่เรียบร้อย

“นี่มันเรื่องอะไรกัน ของหมั้นพวกนี้?”

เอี้ยซ่งถามเสียงเข้มมองดูแหวนหยก ทองคำ และของหมั้นมากมายเต็มโต๊ะ ใบหน้าฉายแววไม่เข้าใจสถานการณ์

“เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ ท่านพ่อ?” จินเซียงถามอย่างงวยงงเมื่อเห็นท่าทีอันแปลกประหลาด

เอี้ยซ่งชี้ไปยังสองสาวชาวญี่ปุ่นที่ยืนตัวตรง

“ก็สองคนนี้!” เอี้ยซ่งชี้ไปยังสองสาวชาวญี่ปุ่นที่ยืนตัวตรง และมีสอง ฮูหยินลี่อิงกับฮวาเจียวที่กำลังนั่งดมยา “แม่สื่อมาบอกว่าต้องการ สู่ขออี้หลัน เป็นภรรยาร่วม!”

“เอ๊ะ!!” จินเซียงแทบสำลักน้ำลาย หันขวับไปมองสามสาวตรงหน้า

“ขะ... ข้ายินดีแต่งเข้าเจ้าค่ะ… ” อี้หลันตอบเสียงแผ่ว ใบหน้าแดงจัด

“พวกเราชอบนางเจ้าค่ะ!” มินามิและฮิบาริตอบพร้อมกัน

'นี่ข้าไปกระตุ้นอะไรพวกนางเนี่ย'

จินเซียงยิ้มแห้งเมื่อเห็นหน้าน้องสาว

“ท่านพ่อ... พวกนางบอกว่า...” จินเซียงหันไปทำตาเหลือบ “เอ่อ... เฮ้อ~ พวกนางต้องการแต่งงานกับน้องเจ้าค่ะ!”

“หาาาาาา!!!” หลอหลันที่เดินมาถึง พอได้ฟังก็ถึงกับเป็นลมล้มพับลงไปในทันที พวกสาวใช้รีบวิ่งกันมาประคองนายของตนไปนั่งพัก

“ยังไงก็... ลูกขอตัวไปขายของก่อนนะเจ้าค่ะ!!”

จินเซียงรีบคว้าแขนเผยอิงแล้วเผ่นแน่บออกจากห้อง ทิ้งให้ทุกคนในโถงต้องจัดการความโกลาหลกันเอง

“เดี๋ยว! โอ้ย... จะบ้าตาย ” เอี้ยซ่งทรุดตัวลงนั่ง “เมื่อวานเพิ่งถอนหมั้น วันนี้มีคนมาสู่ขอถึงบ้าน!”

“เกิดอะไรขึ้นกัน ถึงได้วุ่นวายแต่เช้า!”

ฮูหยินเฒ่าเดินเข้ามาพร้อมสาวใช้สองคน

“ท่านแม่… ลูกหลัน… คือว่า... กำลังจะแต่งงานเจ้าค่ะ”

หลอหลันตอบทั้งที่ยังมึนสติไม่ครบ เพราะอีกสองคนยังน็อกอยู่

“แต่งกับใคร? อะไร? ยังไง?”

“พะ พวกนาง...” 

หลอหลันชี้ไปที่สองสาวซามูไรที่ยืนตัวตรงอยู่ข้างอี้หลัน

“......” ฮูหยินเฒ่าถึงกับยืนนิ่ง ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้

“นายท่าน” ล่ามเอ่ยขึ้น “จากที่คุณหนูของพวกเราได้ดูดวงชะตาไว้ พรุ่งนี้คือวันที่เหมาะแก่การแต่งงานที่สุด และทั้งสามนั้นมีดวงสมพงษ์กัน หากพลาดวันมงคลที่สุดในวันพรุ่งนี้ไป หากพลาดไปต้องรออีกถึง”

“กี่ปี”

ล่ามชูนิ้วชี้ขึ้น

“หนึ่งปีหรือ...” 

ร้อยปี! ถึงจะมีฤกษ์ที่เหมาะอีกครั้ง! ขอรับ!”

“ตกลงแต่งเลย! พรุ่งนี้!” หลี่อิงกับฮวาเจียวตอบพร้อมกันหลังฟื้นสติ เพราะอย่างไรเสีย ลูกสาวพวกนางก็ขายไม่ออกอยู่แล้ว!

ทางด้านจินเซียง ตอนนี้ร้านของนางกำลังขายดีจนแทบไม่มีเวลาหายใจ บัตรคิวกว่า สองร้อยใบ ถูกจองหมดตั้งแต่เช้า ทำให้ต้องขยายเวลาขาย เพิ่มวัตถุดิบเป็นเท่าตัว และเปิดจุดรับอาหารเพิ่มอีกสองจุดเพื่อรองรับลูกค้าที่ล้นหลาม เสียงผู้คนเซ็งแซ่ คิวแน่นเหมือนแจกของฟรี

“ห่อแป้งพิเศษใส่ไข่! ลำดับเจ็ดสิบห้า มารับของด้วยเจ้าค่ะ!”

สาวใช้ตะโกนเสียงดังแข่งกับเสียงของเหล่าลูกค้า

“มาแล้วๆ สองชุดใหญ่เท่าไหร่ขอรับ?”

“ห้าสิบห้าอีแปะ~”

ชายที่แต่งกายเหมือนองครักษ์เสื้อแพรควักเงินจ่ายอย่างรวดเร็ว รับของแล้วเดินออกไปทันที ทิ้งให้สาวใช้แต่ละคนวิ่งพล่านจนเหมือนสนามรบขนาดย่อม

ลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ได้สั่งธรรมดา แต่เพิ่มนั่นพิเศษ นี่พิเศษ จนสาวใช้ในร้านต้องวิ่งวุ่นแทบไม่ทัน พอถึงช่วงเที่ยง วัตถุดิบทั้งหมดก็ถูกกวาดเรียบ สองสาวใช้รีบขึ้นป้าย “ของหมดแล้ว” อย่างไม่รอช้า

“เหนื่อยจริงวันนี้...” จินเซียงนั่งลงที่เก้าอี้อย่างหมดแรง

“คุณหนูใหญ่! ทางนั่นสิเจ้าค่ะ!”

“อะไรหรือ ป่าผิง?”

“นั่น… คุณหนูเล็กใช่หรือไม่?”

จินเซียงรีบหันไปตามมือ เห็นจัสมินกับฟางฟางเดินเล่นอยู่ในย่านการค้าอย่างสนิทสนม

“สองคนนั้นไปสนิทกันตอนไหน?” นางหันไปถามบรรดาสาวใช้ที่กำลังยืนงง “อาซาน! รีบกลับไปแจ้งท่านพ่อว่า เตรียมรับสะใภ้เข้าบ้าน!!”

“แค่กๆ ... คุณหนูว่าอะไรนะ”

“รีบไป๊!!!”

“เจ้าค่ะ!!” อาซานซดน้ำเต้าหู้หมดถ้วยก่อนวิ่งพรวดออกไป

หลังเก็บร้านเสร็จ ทั้งคณะก็พากันกลับจวน แต่พอไปถึงกลับพบว่าที่หน้าประตูมีกงกงคนสนิทของฮ่องเต้ยืนพับพัดรออยู่ พร้อมองครักษ์เสื้อแพรลูกค้าขาประจำที่มาซื้ออาหารทุกเช้า

“ข้าไม่คิดเลย ว่าคุณหนูจะลงมือขายของเอง หากองครักษ์ไม่ยืนยัน ข้าคงคิดว่าเป็นเรื่องเล่าในตลาดเสียแล้ว~”

“ท่านกงกงจะรับอาหารไหมเจ้าคะ ยังมีแป้ง ไข่ และผักเหลืออีกนิด” จินเซียงยิ้มเชิญ

“ถ้าไม่รบกวนจนเกินไป ข้าว่า...”

“รบกวนอะไรกันเล่า~ คนกันเองทั้งนั้น~”

“เอ่อ…ข้าหมายถึง รถม้าของคุณหนูจอดขวางทางเข้าออกจวน”

จินเซียงยิ้มค้าง “อ่าว ฮ่าฮ่าฮ่า เช่นนั้นท่านรอสักครู่” พูดจบก็รีบไปย้ายรถม้าและม้าไปเก็บที่ท้ายเรือนเผยอิง ก่อนกลับมานั่งประจำที่อย่างเรียบร้อย

“ท่านกงกง ขออภัยที่ให้คอยนาน”

“หามิได้ หามิได้” กงกงชรายิ้มอย่างยินดีเมื่อเห็นจานอาหาร

“จานนี้ของท่าน เชิญตามสบายเลยนะเจ้าคะ”

“ขอบคุณขอรับ ฮ่องเต้ทรงโปรดอาหารของคุณหนูยิ่งนัก เมื่อเช้านี้พระองค์ถึงกับให้คนไปซื้อด้วยตนเอง”

“ถ้าข้ารู้ว่าจะถึงมือฮ่องเต้ ข้าคงคิดซักยี่สิบตำลึงทองต่อชิ้น คิดแล้วเสียดาย... แอ๊ก!!”

ยังไม่ทันพูดจบ ฟางฟางก็โถมตัวมากอดพี่สาวจากด้านหลังเต็มแรง ทำเอาจินเซียงเกือบคว่ำโต๊ะอาหาร

“ฟางฟาง! พี่มีแขก…ยะ…เจ้าเป็นอะไร ค๊อก ค๊อก!” จินเซียงแทบจะสำลักอากาศเมื่อเห็นสีหน้าน้องสาว

“คือว่า...” 

“คือว่า?... ”

“พี่สาวเขาขอหนูแต่งงานเจ้าค่ะ”

“แค่ก ๆ” กงกงแทบสำลักอาหารพุ่งออกจากจมูก

“คุณหนูเล็กขอรับ ท่านเพิ่งพ้นวัยปักปิ่นไม่นานเองนะขอรับ”

“พี่เขามีงูตัวใหญ่~ พาไปดูงูด้วย~ น่ารักมากเลย~” ประกอบภาพจินตนาการงูตัวเล็ก ๆ โบกมือทักทาย ทำเอาจินเซียงแทบอยากเอาหัวมุดพื้น องครักษ์ข้าง ๆ พากันสำลักน้ำลายเสียงดัง เผยอิงที่นั่งอยู่ยกคิ้วขึ้นทันที

“เจ้ารู้ได้ยังไง?” เผยอิงถาม

“ก็หนูเล่นกับมัน~ มันพ่นพิษใส่หนูด้วย น่ารักมากเลย!”

ทุกคนหันมามองจินเซียงแบบสโลว์โมชั่น เผยอิงนั่งคิ้วกระตุก ถึงแม้คนรักของนางจะองอาจกว่าก็ตาม ทุกคนในห้องหันไปเอี้ยซ่งที่นั่งนิ่งเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง

“พี่เขาบอกว่า ถ้าแต่งงานกับหนู จะย้ายมาอยู่ที่นี่ด้วย~ เมื่อเช้าหนูเพิ่งไปซื้อที่ดินกับพี่เขามา!”

“หา!!?” เสียงอุทานดังสนั่นไปทั้งห้อง ฟางฟางชูโฉนดขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจ

จินเซียงเอามือปิดหน้า “อาซาน! ไปตามท่านพ่อกับท่านแม่มาเดี๋ยวนี้!”

“รับทราบ!” อาซานวิ่งออกไปด้วยสีหน้าสุดจะบรรยาย

สองสามีภรรยาวิ่งหน้าตั้งมาที่เรือนของจินเซียง ตามหลังด้วยสาม ฮูหยินที่ยังหายใจหอบเล็กน้อย ส่วนสองนายป่าวนั้นไม่มาเพราะนอนซมไข้ขึ้นอยู่ในเรือน

“ลูกรัก…นี่เจ้า!” หลี่อินรีบเข้าไปสำรวจตัวฟางฟางอย่างละเอียด

“ท่านแม่ ตกใจอะไรหรือเจ้าคะ?” ฟางฟางทำหน้ามึน ไม่เข้าใจสถานการณ์

“ลูกแม่…เจ้าจะแต่งกับใครกันแน่!”

แล้วคนที่ทุกคนกำลังนึกถึงก็ปรากฏตัว จัสมิน เดินเข้ามาในห้องอย่างสง่างาม หอบหีบเล็กสามใบติดมือมาด้วย

จินเซียงหันขวับ “ท่านไปทำอะไรน้องข้าไว้?”

“ข้าเป็นฝ่ายเสียหายต่างหาก!” จัสมินสวนกลับเสียงเรียบแต่แฝงความเครียดในแววตา ก่อนจะชะงักเมื่อเจอสายตาใสซื่อของฟางฟางที่จ้องเธออยู่เหมือนกำลังเตือนเป็นนัย ๆ

“ท่านแม่~ ได้ไหมเจ้าคะ?” ฟางฟางพูดเสียงใส ทำเอาฮูหยินทั้งสามหันมามองหน้ากันแล้วสลับสายตาไปที่หญิงสาวต่างแดน

‘นี่ลูกสาวเราไปทำอะไรนางเข้า…?’

‘ข้าโดนนางขืนใจ ฮึก…’ จัสมินร่ำไห้ในใจ แต่ภายนอกยังยิ้มบาง ๆ อย่างอดทน

‘พี่สาวข้า…เจ้าก็ไม่ต่างจากข้า’ จินเซียงมองพี่สาว แล้วอยากจะกลิ้งไปให้พ้นจากฉากนี้

“แหม~ พี่น้องนี่ช่างเหมือนกันจริง ๆ” กงกงพูดขึ้นหลังมองหน้า จัสมินแล้วพบว่าเธอมีเค้าหน้าคล้ายจินเซียงอยู่ถึงแปดส่วน “ได้แต่งแบบฟ้าผ่าเหมือนกันเลย~”

“อาอิง จดไว้เลย” จินเซียงพูดเสียงเย็น “ถ้าคนในวังมาซื้ออีก ขายราคา ‘ตำลึงทอง’ ไปเลย”

“คุณหนู…ข้าแค่ล้อเล่น!” กงกงรีบโบกมือปฏิเสธ “เรามาคุยเรื่องสำคัญดีกว่า อีกอย่าง นางถือเป็นตัวแทนของอาณาจักร การแต่งกับนางถือว่าดีที่สุดแล้ว” กงกงรีบหาทางลงให้ตัวเอง

เอี้ยซ่งหันไปถามทันที “ท่านหมายความว่า...” 

“ข้าจะพูดตรง ๆ” กงกงปรับสีหน้าเป็นจริงจัง “ถ้าฟางน้อยแต่งกับเจ้าหญิงจัสมิน จะเป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่าย… มีองค์ชายหลายพระองค์พยายามเข้าใกล้นางเพื่อหวังอำนาจจากเปอร์เซีย ถ้าปล่อยคุณหนูเล็กไว้แบบนี้ อีกไม่นานต้องมีคนหาทางใช้ประโยชน์แน่”

เอี้ยซ่งพยักหน้า เข้าใจทันที

“ส่วนเรื่องงานแต่ง ฮองเฮาจะเสด็จมาเป็นประธานเองในวันพรุ่งนี้ วันนี้ข้ามาเตรียมสถานที่และประสานงาน ส่วนเรื่องอาหาร…เป็นหน้าที่ของคุณหนูใหญ่”

“ช้าก่อน” จินเซียงชะงัก “ท่านกำลังจะบอกว่า…การที่น้องสาวข้าแต่งกับเจ้าหญิง มันจะปิดทางองค์ชายไม่ให้ตั้งฐานอำนาจจากต่างแดนได้ใช่หรือไม่?”

“ไวอะไรปานนั้น!” แต่ยังไม่ทันตั้งตัว ความตะลึงก็ถาโถมซ้ำอีกชั้น

“จินเซียงแห่งสกุลถัง และเผยอิงแห่งสกุลหยางรับราชโองการ”

“ห่ะ!” ทั้งคู่เริ่มงงจนทำอะไรไม่ถูก

“รับราชโองการก่อน” กงกงสะกิดทั้งคู่

จินเซียงกับเผยอิงแลกสายตากัน นี่คือจุดจบของชีวิตสงบสุขที่หวังไว้

"ข้าน้อย...รับราชโองการ" เสียงของทั้งคู่สั่นเครือขณะคุกเข่า

เผยอิงแอบกระซิบ "อย่างน้อยเราก็ยังอยู่ด้วยกัน..." จินเซียงบีบมือเธอแน่น

จินเซียงบีบมือเธอแน่น “อืม…”

กงกงคลี่ราชโองการออกอ่านเสียงดัง

“ด้วยโองการแห่งฟ้า จักรพรรดิซ่งไทจง แต่งตั้งถังจินเซียงขึ้นเป็น แม่ทัพพิเศษ ขึ้นตรงต่อองค์จักรพรรดิ คู่กับแม่ทัพเผยอิง เพื่อความสงบสุขของแผ่นดินสืบไป!”

“ข้าน้อยจินเซียง… รับราชโองการ”

“ข้าน้อยเผยอิง… รับราชโองการ”

“ดีใจกับพวกท่านด้วย ทีนี้ก็ทำอะไรก็ได้ไม่จำเป็นต้องไปยุ่งเรื่องกองทัพ… แต่ทว่าพวกท่านมีหน้าที่รับคำสั่งโดยตรงจากจักรพรรดิเท่านั้น”

“แล้วเรื่องนี้มีใครรู้บ้างเจ้าคะ?” จินเซียงถาม

“ยังมีแค่ไม่กี่คน อ้อ!... เกือบลืม” กงกงยื่นกล่องใบยาวให้จินเซียง “นี่คือคำสั่งแรกของพวกท่าน”

จินเซียงเปิดออกอย่างระมัดระวัง ข้างในคือ ดาบสั้นเก่า สลักอักษรว่า “สำหรับผู้กล้าที่จะท้าทายความตาย”

"....งานเข้าแล้วไง"

เผยอิงผิวปาก “ดูท่าพวกเราจะต้องเดินทางอีกแล้ว…”

จินเซียงถอนหายใจ "ข้าว่า... ขายไก่ทอดน่าจะปลอดภัยกว่า"

กงกงฝืนยิ้มอย่างยากลำบาก เขารู้ว่าแม่ทัพสาวคนนี้ “ไม่อยากได้อำนาจ” เลยแม้แต่น้อย แต่ราชโองการก็คือราชโองการ

“เช่นนั้นพวกเราจะไปส่ง” จินเซียงเดินนำอย่างหมดอาลัยตายอยาก

“ไม่เป็นไรขอรับ” กงกงยิ้ม “ฝากอาหารเพิ่มอีกชุดด้วย องค์หญิงฝากสั่ง”

“บอกนางด้วย…อย่าปิดหน้าต่างก็พอ” จินเซียงตอบปัด

“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน” กงกงหัวเราะเบา ๆ แล้วเดินออกไปขึ้นรถม้า พร้อมองครักษ์และเอี้ยซ่งที่เดินไปส่งถึงประตูจวน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • แม่นางไก่ทอด   พบคนรู้จัก

    บรรยากาศครึกครื้นเมื่อครู่พลันเงียบลง กลุ่มคนเริ่มแตกฮือหนีเมื่อเห็นชายฉกรรจ์ยกอาวุธเข้ามา จินเซียงขยับตัวเล็กน้อย ดันเด็กสาวญี่ปุ่นทั้งสองให้หลบไปอยู่หลังเผยอิง“ข้าถามอีกครั้ง มีเรื่องอะไรกับเด็กสองคนนี้” เสียงของนางนิ่งเรียบ แต่แฝงแรงกดดันจนอีกฝ่ายชะงักวูบหนึ่งชายหน้าบากหัวเราะหยัน “หึ! เจ้าไม่ต้องรู้หรอกคุณหนูใหญ่ แค่ส่งตัวพวกนางมา เรื่องก็จบ”“ขู่ข้า? ถ้าไม่จบล่ะ” จินเซียงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยสิ้นคำพูด ร่างของนางหายวับไปจากที่ยืน ก่อนจะปรากฏอยู่ตรงหน้าชายคนนั้นโดยไม่ทันให้ตั้งตัว มือข้างหนึ่งกดข้อมือของเขาอย่างแรงจนดาบร่วงลงพื้น เสียงเหล็กกระทบดัง เคร้ง!“เจ้าจะ!” อีกสองคนรีบพุ่งเข้ามา แต่เพียงพริบตา จินเซียงสะบัดชายแขนเสื้อออก หมัดและปลายเท้าแทรกผ่านราวสายลม ปัดอาวุธออกจากมือพวกมันทีละคนอย่างแม่นยำเสียงแตกตื่นดังไปทั่วตลาด พ่อค้าแม่ค้าพากันถอยหนี บรรยากาศรอบท่าเรือกลายเป็นความวุ่นวายเผยอิงก้าวขึ้นมาข้าง ๆ พลางชักดาบสั้นที่พกติดตัวไว้“หากยังกล้าแตะต้องพวกนางอีกแม้แต่น้อย… อย่าหาว่าข้าไม่เตือน”สีหน้าของชายฉกรรจ์เริ่มแปรเปลี่ยนจากหยิ่งผยองเป็นหวาดหวั่น เหลือบตามองฝูงชนที่เริ่ม

  • แม่นางไก่ทอด   เถ้าถ่านและรอยยิ้ม

    กลองศึกยังไม่ทันเงียบสนิท เสียงกีบม้าก็เร่งเร้าสะท้านพื้นดินสะเทือน ร่างของจินเซียงที่เต็มไปด้วยเลือดทั้งของตนเองและศัตรู ถูกหามลงจากหลังม้าโดยทหารที่น้ำตาคลอ ดวงตาของผู้ใต้บังคับบัญชาหลายคนแดงก่ำ ทั้งยกย่อง ทั้งโกรธแค้นที่คนอย่างนางต้องบาดเจ็บเพราะ ‘การตัดสินใจชักช้า’ ของเบื้องบน“ท่านรองแม่ทัพ… ฮึดไว้นะ! อย่าหลับตาเด็ดขาด!”เสียงของนายกองดังแทรก ขณะนางถูกหามเข้าไปในกระโจมใหญ่ กลิ่นสมุนไพรผสมคาวเลือดคลุ้งไปทั่วเผยอิงที่รออยู่แล้วแทบวิ่งเข้าใส่ เมื่อเห็นร่างที่ไร้สติของคนรัก “เซียง…เจ้าอย่ากล้าทิ้งข้าเชียวนะ!” น้ำเสียงสั่นเครือแต่ก็เต็มไปด้วยความ เด็ดเดี่ยว“ท่านกุนซือ! หากนางเป็นอะไรไป ข้าจะมาเอาชีวิตท่านเอง!”เสียงของแม่ทัพถังประจำเหอเป่ย์ดังก้องไปทั่วค่าย ทหารหลายพันสายตาจับจ้องมาที่ชายชราซึ่งเป็นกุนซือใหญ่“หาใช่ความผิดของข้า! ข้าเห็นแก่ส่วนรวมมากกว่าที่จะเดิมพันกับชีวิตเพียงคนเดียว!” ยังไม่ทันสิ้นคำ ร่างของกุนซือก็ปลิวกระแทกพื้นอย่างแรงจากฝ่ามือที่ฟาดเข้าใส่“นี่! สำหรับพี่น้องข้าที่ตายไปเพราะคนเห็นแก่ตัวเช่นท่าน!”เตียวหลางชี้หน้าด้วยเสียงสั่นสะท้านไปด้วยโทสะ ความเงียบอึดอัดปกค

  • แม่นางไก่ทอด   เรือนทะเลหยก

    แม้ว่าภายนอกจะวุ่นวายเพียงไรแต่ก็ไม่กระทบกับการกินอาหารแม้แต่น้อย บนโต๊ะมีอาหารมากมายพอๆ กับคนที่มีเยอะ ดีที่หวังซุนเทียนได้จองไว้ทั้งชั้นทำให้ไม่มีใครรบกวน“ท่านเอ่อ~” “เรียกข้าซียงก็พอ ไม่ว่าจินเต้องมาก็พิธี” “เจ้าค่ะ พี่จินเซียง จริงซิพวกท่านจะไปงานชุมนุมชาวยุทธ์ใช่รึไม่” “ใช่แล้ว คนเยอะน่าจะขายดี” ตอบตามที่คิด เพราะนางคิดจะหาเงินจากงานนี้โดยเฉพาะ พอกินข้าวแล้วตีกัน เมื่อโรงเตี้ยมพัง คนก็จะมากินที่ร้านนาง “พวกท่านจะว่าอะไรรึ ไม่ถ้าพวกเราขอตามขบวนท่านไป” จินเซียงเหลือบมองกุ้ยเฟยเล็กน้อย กุ้ยเฟยก็พยักหน้า “ตกลง พวกเราเป็นสตรีเหมือนๆ กัน การที่จะเดินทางด้วยกันก็ไม่ใช่แปลกอันใด มาเถอะเดี๋ยวอาหารจะเย็นก่อน”“ขอบคุณท่านมาก เช่นนั้นข้าในนามตัวแทนศิษย์สำนักดอกเหมยขอดื่มให้ท่านหนึ่งจอก” “ดี! มาทุกคนดื่ม” “ดื่ม!” ทุกคนร่วมกินอาหารกันอย่างสนุกสนาน ทางเจ้าของโรงเตี๊ยมได้เชิญนักดนตรีมาแสดงให้ชมเพื่อความเพลิดเพลินและต้องการสร้างความสัมพันธ์อันดีไว้กับสตรีที่อยู่ในห้อง ไม่บ่อยครั้งที่ผู้นำตระกูลหวังจะออกหน้าเพื่อเหมาชั้น สั่งเตรียมอาหารที่ดีที่สุดในเหล่าอาหารไว้เช่นกัน “ไม่ทราบว่าพี่สา

  • แม่นางไก่ทอด   ระหว่างเดินทาง

    เช้าวันต่อมาหลังทานอาหารแล้ว จินเซียงกับเผยอิงก็เข้าไปคุยกับหยางจินเทาเรื่องที่ทางโซซอนส่งคนมาขอความช่วยเหลือ นางรู้ดีว่าโซซอนเป็นปราการด่านแรกที่ป้องกันการรุกรานของพวกญี่ปุ่นถึงแม้ว่าตอนนี้จะเป็นเพียงพวกโจรสลัดก็ตาม ถึงแม้ในความฝันคนที่คิดว่าเป็นเทพพระเจ้าจะบอกไว้ว่าทุกอย่างในโลกใบนี้ไม่ใช่แบบเดียวกับโลกเดิมของนางก็ตาม แต่ก็ประมาทไม่ได้ เมื่อพูดคุยกันแล้วทางหยางจินเทาก็มีความกังวลเรื่องปืนใหญ่ เพราะว่าตอนนี้ปืนใหญ่แบบที่ต้าซ่งมีในครอบครองนั้น ที่อื่นยังไม่มีใช้ประกอบกับทหารของต้าซ่งเองก็ใช่ว่าเข้มแข็งเช่นยุคของต้าถัง “ปู่คงต้องไปปรึกษากับพระองค์ดูก่อนว่าจะทำเช่นไร เพราะทางโกโจเองก็ปฏิเสธเรื่องนี้เพราะคนล่ะกลุ่มกัน” “เจ้าค่ะ อย่างไรก็ต้องจัดการให้เสร็จก่อนที่จะเดินทางไปงานชุมนุมชาวยุทธ์ที่หลานต้องไปคุ้มกับกุ้ยเฟย” “งานนี้ได้ข่าวว่าจัดที่ภาคกลาง เอ่~ อ้อ ปู่นึกออกแล้วว่าจัดที่ไหน” “ที่ไหนรึเจ้าค่ะ” เผยอิงถาม “ก็ที่ทำการหลักของพรรคฝ่ายธรรมมะที่เหวย์ฟาง เขตซานตง” “หลานเคยได้ยินมาบ้างว่า-” “ใช่แล้ว!” สองปู่หลานถึงกับสะดุ้งเพราะอยู่ๆ อีกคนก็ตะโกนขึ้นมา “ใช่อะไรท่านพี่” เผยอิงหันไป

  • แม่นางไก่ทอด   พักผ่อน

    เช้าวันต่อมา จินเซียงพาเผยอิงและสองสาวไปเล่นน้ำที่น้ำตกใกล้บ้าน แต่ทว่ากลับไม่มีใครยอมลงเพราะการเปลืองผ้าเล่นน้ำนั้นถือว่าผิดหลักสอนหญิง แต่บางทีพวกนางอาจลืมไปว่าทีนี่มีแต่สตรีเท่านั้น จินเซียงโดดลงน้ำโดยมีเพียงบังทรงกับกางเกงสั้นเท่านั้น ซู่มม~ “สดชื่นจริงๆ อ้าวพวกเจ้าไม่ลงมาล่ะ ฮูหยินข้า เจ้าไม่ลงมาหรอ” “พวกข้าว่ายน้ำไม่เป็นเจ้าค่ะ” เผยอิงตอบตามตรง “อะไรกัน เช่นนั้นก็นั่งเล่นกันดีๆ น่ะ” “เจ้าค่ะ” วันเวลาอันสงบสุขก็ดำเนินต่อไปจนวันสุดท้ายของการพักผ่อนมาถึง ทั้งสี่ช่วยกันเก็บข้างของขึ้นรถม้าเพื่อเตรียมตัวกลับไปที่จวน “เสี่ยวจูเจ้าเก็บของมาครบรึยัง” “เจ้าค่ะฮูหยิน” เสียวจูตอบ “ฮวาฮวาปิดรั้วให้ดีด้วยน่ะ จะได้ไม่มีใครเข้าไปได้” “แน่ใจรึเจ้าค่ะ” จินเซียงย้ำอีกรอบ “เชื่อข้า” ฮวาฮวาพยักหน้าแล้วปิดรั้วให้สนิท แล้วเดินมาขึ้นรถม้า รถม้าค่อยๆ เคลื่อนออกห่างจากบ้านช้าๆ ไม่มีใครสังเกตเลยแม้แต่น้อยว่าบ้านหลังดังกล่าวได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยนอกจากจินเซียงเท่านั้นที่รู้ดีที่สุด กุบกับ กุบกับ เสียงรถม้าค่อยๆ เคลื่อนไปตามทางขรุขระมุ่งหน้าสู่เมืองใหญ่เซี่ยโจว “ทำไมรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย”

  • แม่นางไก่ทอด   อดีต

    จินเซียงมองคนรักนั่งเงียบมาซักพักตั้งแต่ได้ฟังเรื่องที่เอมิลเล่า เรื่องของคนรักเก่าที่ตายจากไปไม่หวนกลับ ทั้งคู่มีหลายอย่างที่เหมือนกันอย่างแยกไม่ออกแตกต่างกันก็แค่สีผม “เจ้าก็คือเจ้า ข้ารักเจ้าด้วยใจจริง”“ท่านคงไม่คิดว่าข้าเป็นตัวแทนนางใช่รึไม่” “อดีตก็คืออดีตไม่อาจย้อนกลับได้อีก ความผิดพลาดครั้งนั้นเป็นบทเรียนให้ข้าว่าข้าจะต้องไม่ผิดพลาดอีกซ้ำสอง” “ท่านอย่าได้โทษตัวเองเลย” “นั่นซิน่ะ มาเถอะไปดูคนอื่นๆ ทำงานกัน” “เจ้าค่ะ” ทั้งคู่เดินออกนอกห้องทำงานตรงไปที่ท้ายจวนติดท่าเรือ โรงหลอมนั้นกำลังถูกสร้างอย่างช้าๆ เพื่อไม่ให้ผิดพลาด ส่วนพื้นที่ด้านข้างและจวนหลังนั้นก็กำลังมีการปรับปรุงโดยใช้แผ่นไม้มาล้อมส่วนติดถนนไว้เพื่อไม่ให้คนเห็นว่าทำอะไรก่อนที่กำแพงจะสร้างเสร็จแต่เรื่องการเตรียมตัวสำหรับวัตถุดิบนั้นก็ได้คนจากตระกูลหวังที่ครอบครองการค้าเหล็กและแร่หลายชนิดมาช่วยในการจัดหา ทำให้เรื่องวัตถุดิบง่ายขึ้นมามาก เจ็ดวันต่อมาโรงหลอมก็สร้างเสร็จ ฮ่องเต้ทรงมาดูงานด้วยตัวเองเพราะอยากรู้ว่าการหล่อปืนใหญ่จะเหมือนตีดาบรึไม่ หลังจากที่โหรหลวงมาถึงก็เริ่มทำพิธีบูชาดินฟ้าเพื่อความเป็นสิริมงคล ฮ่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status