Share

ร้านไก่ทอด

last update Last Updated: 2025-09-08 20:36:33

10 วันต่อมากองทัพที่เดินทางไปรบก็ได้กลับมาถึงเมืองหลวงอย่างยิ่งใหญ่ ชาวเมืองต่างออกมารอต้อนรับอย่างเนืองแน่น ใครๆ ก็ต่างอยากเห็นหน้าผู้ที่นำการต่อต้านกองทัพเหลียวหลายหมื่นนายด้วยทหารเพียงหยิบมือ 

“นั่นๆ คนนั้นไง” สตรีชาวบ้านชี้ไปที่จินเซียง 

“ถึงจะเป็นสตรีแต่ข้าก็ขอยอมพลีกายและใจให้เลยอ่ะ นายท่านเจ้าค่าาา~” หญิงสาวต่างพากันโบกมือ 

บนเหล่าอาหารเองก็ไม่แพ้กัน เหล่าเด็กสาวพากันยืนมองจากบนระเบียง เหล่าสตรีชั้นสูงต่างพากันแต่งตัวอวดโฉมกันเต็มที่พร้อมผ้าเช็ดหน้าที่โปรยลงมาที่ท้องถนน  

ขบวนมุ่งหน้าไปที่พระราชวัง แล้วไปหยุดที่ลานรวมพล ฮ่องเต้และเหล่าเชื้อพระวงศ์ต่างออกมาต้อนรับเหล่าทหารกล้าที่กลับมาจากการรบพร้อมชัยชนะเหนือกองทัพเหลียว 

เมื่อเสร็จสิ้นพิธีต่างๆ แล้ว จินเซียงและเผยอิงต่างกราบทูลเรื่องที่จะวางมือจากกองทัพ พร้อมทั้งส่งคืนตราแม่ทัพทั้งหมดให้แก่ฮ่องเต้ พระองค์รู้อยู่แล้วว่าทำไมขุนพลตรงหน้าทั้งสองถึงลาออกและพระองค์เองก็ไม่ขัดเพราะทั้งคู่ทำผลงานออกมาได้เป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก 

จินเซียงลูบไล้ตราประจำตำแหน่งเบาๆ ก่อนส่งคืน ฝ่ามือที่เคยชินกับการจับดาบกลับรู้สึกเปล่าเปลี่ยว... “นี่คือครั้งสุดท้ายแล้วหรือ?” ...แต่ทำไมถึงรู้สึกว่าจะมีอะไรที่ให้ลำบากมากกว่าเดิมในอนาคต “ขอบพระคุณที่ทรงให้โอกาสข้าพระองค์”

“ไม่ใช่ทุกคนที่ยอมปล่อยอำนาจได้เช่นนี้” ฮ่องเต้ทอดพระเนตรเธออย่างเข้าใจ

รัชทายาทข้างกายกระแอมเสียงดัง “หรือเพราะรู้ตัวว่าไม่เหมาะ?”

ห้องสนทนาสงบลงในทันที จินเซียงค่อยๆ หันมา พลางยิ้มแบบที่ทำให้ใครๆ รู้สึกหนาว “ท่านกล่าวถูกต้อง...ข้านั้นไม่เหมาะกับเก้าอี้ที่เต็มไปด้วยหนาม

รัชทายาทเดินมาพูดกระทบกระเทียบต่อหน้าฮ่องเต้ “หวังว่าท่านจะมีความสุขกับชีวิตสามัญนะ” รัชทายาททำหน้าตาเยาะเย้ย “แม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ อื้ม..ไม่ซิควรเรียกว่าสาวสามัญ”

จินเซียงยิ้มไม่ถึงตา “ข้าคือผู้ที่ชนะสงครามให้ฝ่าบาท ส่วนท่านคือ?” แล้วเดินกระแทกรัชทายาทจนล้มลง

“บังอาจ!” 

“หวังว่าท่านคงไม่ถือสานะ ตาข้ามองไม่เห็นหนึ่งข้าง” จินเซียงยิ้มแล้วกล่าวลาฮ่องเต้ เพื่อเตรียมตัวมางานเลี้ยงตอนเย็น

ตกเย็นมีงานเลี้ยงสำหรับเหล่าทหารที่จัดขึ้นในวัง อาหารและสาวงามคือของคู่กันที่จะขาดไม่ได้ ทุกคนต่างเพลิดเพลินไปกับงานเลี้ยงยามค่ำคืน แต่ทว่ากลับมีใครบางคนไม่ค่อยพอใจนัก 

แสงเทียนส่องประกายบนเพชรนิลจินดาในงานเลี้ยง แต่รัชทายาทกำลังจ้องมองอย่างเย็นชา 'ทำไมมันถึงต้องแย่งของที่ควรเป็นของข้าไปหมดเช่นนี้' รัชทายาทนั่งมองไม่สบอารมณ์ 

'ท่านพี่มีคนไม่ชอบท่านแล้วหนึ่ง' เผยอิงกระซิบเบาๆ 

'ปล่อยให้อกแตกตายไปเถอะ อย่าสนใจเลย' ทั้งคู่หันไปคุยกับเหล่าคุณหนูคุณนายต่อ 

ก่อนจบงานจินเซียงได้รับหีบใบเล็กจากกงกงคนสนิทของฮ่องเต้ แต่หีบนั้นเบามากจนน่าประหลาดใจ...เมื่อเปิดออกเบาๆ ก็พบผ้าไหมชั้นดีห่อหุ้มอะไรบางอย่างไว้อย่างแน่นหนา เธอเหลือบมองฮ่องเต้ที่กำลังยิ้มอย่างละมุนละม่อมจากบัลลังก์ นี่คืออะไรกันแน่? 

หลังเลิกงานเลี้ยงทั้งสองก็เดินมาขึ้นรถม้ากลับจวน รถม้าที่ใช้นั้นจะใช้สลับกันสองตระกูลเพราะสองสาวมักเดินทางไปไหนมาไหนด้วยกันตั้งแต่อยู่ที่เหอเป่ย์แล้ว 

ในรถม้าคันใหญ่ทั้งสองคนก็นั่งคูกัน นอกจากข้าวของพระราชทานแล้วก็ยังมีธนูกับดาบที่ถูกเตรียมไว้ จินเซียงเปิดดูหีบใบเล็ก ด้านในบรรจุ ‘แหวนคู่’ ที่เคยเป็นของพระมารดาฮ่องเต้ เป็นนัยว่าพระองค์มองเธอเป็น “ลูก” จินเซียงคลี่ผ้าไหมในหีบเล็กออกพบแผนที่เก่าๆ ที่เขียนจุดลับในป่าริมชายแดน แล้วหันไปมองเผยอิงด้วยแววตาคลุมเครือ “นี่คือการจากลาจริงๆ หรือแค่จุดเริ่มต้นของเกมใหม่?”

 “ท่านพี่นี่มัน” เผยอิงเห็นใบมีดสั้นที่ซ่อนอยู่ภายในห่อผ้าไหม

“.....” จินเซียงมองหน้าคนรักแล้วกลืนน้ำลายด้วยความยากลำบาก “เวรแล้ว เจ้ารู้มั้ยว่าหมายถึงอะไร

“ไม่รู้ซิ”

“งานของเรายังไม่จบ...ชีวิตสงบสุขของเธออาจเป็นเพียงภาพลวงตา...นี่คือที่พระองค์ต้องการบอกเรา” ทว่าจินเซียงกลับรู้สึกว่ามีกลุ่มคนแอบตามมาตั้งแต่ออกจากวัง แต่ยังไม่ลงมือเหมือนกำลังรอ “จอดก่อน”

“มีอะไรรึขอรับ” คับขับรถม้าหันกลับมาถาม

“ไปบอกกับนายกองหลี่ว่าพวกเราถูกตามโดยแขกไม่ได้รับเชิญ” นางบอกและให้คนขับรถม้าจอด

“ขอรับท่านหญิง ข้าน้อยจะรีบไปขอรับ” ชายขับรถม้ารีบจอดแล้ววิ่งไปอย่างรวดเร็ว

“ท่านพี่ พวกไหนกัน” 

“ไม่รู้ซิ แต่คงไม่ใช่คนของรัชทายาทเพราะพี่ประกาศวางมือจากกองทัพไปแล้ว” แต่จินเซียงเองก็ไม่มั่นใจ ในงานก็มีหลายคนที่ไม่ชอบหน้านาง

พึ่บ! ด้านนอกรถม้ามีกลุ่มชายชุดดำพร้อมอาวุธครบมือยืนล้อมอยู่ 

“เกิดเป็นสตรีดีๆ ไม่ว่าดันมาแส่หาเรื่องใส่ตัว ฆ่าพวกนาง!” ชายชุดดำยิงธนูเข้าใส่รถม้าจนในรถมีแต่ลูกธนูเต็มไปหมด

“หยุดก่อน! เจ้าสองคนเข้าไปดู”

“ขอรับ!” ทั้งคู่เดินเข้าไปดูในรถม้า 

แต่เมื่อเปิดเข้าไป “คนหายไปไหน!” ไม่ใช่แค่คนแต่รวมถึงของทั้งหมดด้วย 

หนึ่งในพวกมันรีบออกมารายงาน “ลูกพี่แย่แล้ว!” 

“เกิดอะไรขึ้น” 

“เป้าหมายหายไป ในรถม้าไม่มีใครเลย” 

“แยกย้าย! รีบตามหาให้เจอ!” 

“รับทราบ!” พวกมันต่างรีบแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว  

คนที่พวกมันหาอยู่ตอนนี้กำลังยืนมองพวกมันอยู่บนชั้นสองของอาคารหลังหนึ่งที่หัวมุมถนน ทั้งคู่ออกมาจากรถม้าด้วยทักษะลับของจินเซียงแล้วขึ้นไปหลบอยู่บนนั่น เบื้องล่างยังมีพวกมันหลายคนยืนเฝ้ารถม้าไม่ได้ไปไหน 

“รออยู่ตรงนี้” นางกระซิบบอกเผยอิง 

“ได้ ข้าจะรอตรงนี้เมื่อเสร็จแล้วรีบส่งสัญญาณมาเราจะได้รีบไปกัน” 

“ตกลง” นางหันไปจูบเผยอิงแล้วหายตัวไปในความมืด 

“คนบ้า” เผยอิงนั่งเขินอายอยู่คนเดียว ไม่ได้กลัวนักฆ่าเลยแม้แต่น้อย

บรรยากาศในเมืองยามค่ำคืนช่างเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวชวนวังเวงไม่น้อย อาวุธสังหารที่เลือกใช้คือมีดลับที่อยู่ในปลอกแขน อาศัยความมืดและการเคลื่อนที่อย่างเงียบเชียบแผ่วเบาจนเข้าประชิดตัวชายชุดดำคนแรกที่ยืนเฝ้ารถม้า

ฉึก! ชายคนแรกถูกแทงเข้าที่คอ ไม่ทันได้แม้แต่รู้สึกตัวก่อนจะล้มลงและถูกลากไปใต้รถม้า 

นักฆ่าอีกคนหันกลับมาพอดี แต่ไม่เห็นคนของยืนอยู่ “มันหายไปไหนของมัน ให้ยืนเฝ้าระ...” แค่ก ค็อก! ฟุบ! มีดปาดเข้าที่คออย่างรวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัว  

'ลงมาได้' เมื่อได้รับสัญญาณเผยอิงก็กระโดดลงไปหาจินเซียงทันที 

“อึ้บ! เจ้าตัวหนักขึ้นนะ” จินเซียงรับเผยอิงที่กระโดดลงมา “พวกเรารีบไปเถอะ” แต่ก็ยังคงอุ้มไว้จนเผยอิงหน้าแดงด้วยความอาย

“พวกมันเป็นใครกันถึงต้องการฆ่าพวกเรา” 

“แล้วจะไปถามใครกันจริงไหม” 

“นั่นซิฆ่าไปให้จบเลยดีกว่า” เผยอิงยิ้มตอบ จินเซียงลืมไปว่ามันว่าง่ายกว่าที่จะเดินแบบหลบๆ ซ่อนๆ ”ไอพวกบ้า พวกข้าอยู่นี้” เผยอิงตะโกนออกมาเสียง

“นั่นซิแค่ฆ่าให้มันจบไปก็พอไม่เห็นต้องหนีเลย” จินเซียงหอมแก้มไปหนึ่งที 

“คนบ้า....ข้านึกกว่าท่านจะรู้ตัวแล้ว จึงเรียกข้าลงมาจากที่ซ่อน” เผยอิงตีไหล่คนตัวใหญ่เบาๆ

“กะ ก็พึ่งนึกได้” จินเซียงยิ้มแก้เขิน

รอไม่นานพวกมันก็มาถึง จำนวนพวกมันมีมากกว่า 50 คน ดูแล้วคงเก่งพอตัว พอพวกมันเจอเป้าหมาย พวกมันพากันพุ่งตรงเข้าใส่ทันที 

“อย่ากะพริบตาล่ะ ของดีไม่ได้มีให้ดูบ่อย” จินเซียงบอกเผยอิงและวางลงบนรถม้า 

“จิตวิญญาณดาบ คมดาบปลิดวิญญาณ!” เมื่อจบคำพูด จินเซียงก็เคลื่อนที่ผ่านกลุ่มนักฆ่าอย่างรวดเร็ว

จินเซียงหลับตาลง เสียงหัวใจของศัตรูทั้งหมดดังกระหึ่มในหูเธอราวกับกลองศึก “จิตวิญญาณดาบ...” คมดาบในมือเปล่งแสงสีฟ้าเจิดจ้า “...คมดาบปลิดวิญญาณ!” 

ชิ้ง~ ควับๆ

รอยดาบปรากฏขึ้นเป็นแสงสีฟ้ายามค่ำคืน ร่างของจินเซียงเคลื่อนผ่านกลุ่มนักฆ่าเหมือนสายลม ร่างของพวกมันขาดออกจากกันจนไม่น่าดู เพียงการชักดาบครั้งเดียวก็สามารถจัดการพวกมันได้ทั้งหมด 

'ทักษะที่ระบบปลดล็อกให้มันดีจริงๆ ที่เหลือก็อืม..พรุ่งนี้ต้องขายอาหารหน้าจวนซิน่ะ' นางมองดูข้อความอย่างท้อแท้ การที่ระบบปลดล็อกทักษะให้มันก็ดี แต่ดันมี โจทย์ขายอาหาร เป็นภารกิจถัดไป ‘ระบบนี่มัน..ต้องการให้ข้าเป็นแม่ครัวหรือนักฆ่า?’

ชิ้ง~ เผยอิงมองทันแค่ตอนคนรักเก็บดาบเข้าฝัก แล้วเดินไปหาคนที่รอด

“บอกมาว่าใครส่งเจ้า?” นักฆ่าพยายามคลานหนีแต่ถูกเผยอิงเอาดาบมาจอคอไว้ มันยิ้มและหัวเราะออกมา

“ฮึฮึฮึ...ไปตายซ่ะ”พูดจบก็กัดยาพิษที่ซ่อนไว้ในปากจนเกิดฟองเลือดผุดขึ้นมา...ยาพิษในฟันกรามทำงานแล้ว

เผยอิงพบสัญลักษณ์บนอาวุธของพวก เมื่อรองค้นตัวดูก็พบจดหมายลับ ก่อนจะรีบเก็บเข้าอกเสื้อเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า

ตึกๆๆ เสียงคนจำนวนมากวิ่งตรงมาที่พวกนาง 

“คุณหนูใหญ่!” เสียงนายกองหลี่ดังมาแต่ไกล

“มากันแล้ว” เผยหันไปดู 

“นี่ นี่ อิงเอ้อร์ถ้าเจ้าไม่ตอบ ข้าจะทิ้งเจ้าไว้กับศพนักฆ่าน่ะ”  

“เจ้าบ้า ขะ...ข้าแค่ตกใจกับวิชาดาบเท่านั้นมันเร็วมาก ข้าเห็นแค่ตอนเจ้าเก็บดาบ มันเร็วเกินมองไม่ทัน”

“ไว้ข้าจะสอนให้เจ้าดีไหม” 

“นั่นซิน่ะ ยังไม่ได้คิดเลยว่าจะทำอะไรต่อตอนนี้ข้าไม่ใช่แม่ทัพหยางอีกแล้ว” เผยอิงยิ้ม 

“ข้าเลี้ยงเจ้าได้ไม่ต้องห่วง” เอามือลูบหัวเผยอิงเบาๆ แล้วหันไปมองนายกองหลี่ที่มาพร้อมทหารของเมือง 

“คุณหนูเกิดอะไรขึ้นขอรับ แล้วพวกนักฆ่าล่ะ” ทุกคนพยายามมองหา 

“นี่ไง ข้าฝากพวกท่านด้วยน่ะและก็ไปเอารถม้าด้วยเดี๋ยวมันหาย” 

“ขอรับ?” พูดจบทั้งคู่ก็เดินจากไป ทิ้งให้คนมาช่วยพากันยืนงง 

นายกองหลี่หันไปกระซิบกับลูกน้องว่า ”นี่คือแม่ทัพหญิงที่สยบกองทัพเหลียวจริงๆ หรือ?” ด้วยความทึ่ง เพราะดูยังไงก็เหมือนคู่รักที่หวานกันได้ทุกสถานการณ์

ในครั้งนี้ดันมีชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์และเริ่มพูดว่า มันคือเวทมนตร์

เช้ามืดวันต่อมา จินเซียงตื่นแต่เช้ามาเข้าครัวเพื่อเตรียมของสำหรับไปขาย เหล่าสาวใช้ที่รู้ว่านายสาวมาเข้าครัวก็รีบพากันมาช่วยงานจนแม่ครัวปวดหัวเพราะทุกคนรู้ดีว่าจะได้ชิมอาหารก่อนใครเพื่อน 

“คุณหนูท่านจะเอาของพวกนี้ไปทำขายจริงรึเจ้าค่ะ” แม่ครัวใหญ่ถาม เพราะเห็นนายสาวหมักไก่ไว้เยอะแยะแล้วไหนจะแผ่นแป้งแปลกๆ นี่อีก  

“ท่านป้าอย่าพึ่งถามเดี๋ยวข้าจะทำให้พวกท่านได้ชิม แล้วบอกด้วยว่ารสชาติเป็นเช่นไร” 

“เจ้าค่ะไม่มีปัญหา พวกเรามีกันสิบสองคนเจ้าค่ะ” แม่ครัวใหญ่รีบตอบ พวกสาวใช้ที่มาก็พากันยืนยิ้มจนนางมองแล้วอดขำไม่ได้ 

“เอาล่ะๆ เจ้าสองคนเอาเนื้อไก่ตรงเสียบเหล็กตรงนั้นแล้วเอาไปย่างน่ะ ย่างด้วยไฟอ่อนๆ อ่ะนี่ระวังอย่าจับเหล็กตอนมันร้อน!” แล้วนางก็สาธิตวิธีทำ พวกสาวใช้ที่รู้แล้วก็รีบทำตามทันที 

กลิ่นเนื้อย่างตอนเช้าหอมฟุ้งไปทั่วครัว จนทำให้ใครหลายคนถึงกับตื่นขึ้นมาด้วยความหิวและมองหาที่มาของกลิ่น มีบางคนที่ถึงกับเดินมาดูด้วยตัวเอง 

“ลูกเซียงเจ้าทำอะไรแต่เช้า” แม้จะง่วงแต่ก็ต้องรักษาภาพพจน์ 

“ท่านแม่เชิญเจ้าค่ะ ลูกกำลังเตรียมของไปขายตอนเช้า” จินเซียงที่กำลังสาธิตวิธีกินอยู่นั้นหันไปบอกผู้มาใหม่ 

“แล้วมันคืออะไรกัน หอมมากจนหนูตื่นเลย” ฟางฟางเดินงัวเงียมาเกาะอยู่หน้าห้องครัว 

“เนื้อย่างสูตรพิเศษกับแผ่นแป้ง มาซิมาช่วยชิมให้พี่หน่อย สาวใช้กำลังช่วยกันย่างเลย” นางส่งที่ทำเสร็จแล้วให้ฟางฟางแต่ทว่า 

“อ่าวทำไมมีแต่จานละท่านพี่?” ฟางฟางที่มองดูจานที่ว่างเปล่าก่อนจะหันไปมองข้างๆ 

“ท่านแม่! ท่านจะแย่งลูกแบบนี้ไม่ได้น่ะเจ้าค่ะ” 

“อืม~ ไก่ซิน่ะ ผักที่ใช้ก็กรอบกำลังพอดี มีเครื่องเทศอะไรบางอย่างที่ทำให้รสชาติของอาหารแบบว่า แม่อธิบายไม่ถูก” 

“เจ้าค่ะ เดี๋ยวลูกจะทำให้ดู” 

นางเริ่มโดยการเอาไก่ออกจากเหล็กที่เอาไปย่างแล้วสับมันเล็กน้อย จากนั้นก็จึงนำแผ่นแป้งที่เตรียมไว้ไปอังไฟจนมีกลิ่นหอม แล้วนำมาพักไว้ให้เย็นต่อจากนั้นก็ท่าเครื่องเคียงลับลงไปบางๆ ตามด้วยผักสองสามอย่างแล้ววางเนื้อไก่ไว้ด้านบน ต่อด้วยน้ำสีขาวหอมๆ ราดลงไปเล็กน้อยตามด้วยนะเครื่องเคียงสูตรลับ จบด้วยการม้วนมันเพียงเท่านี้ก็จบ 

“ฟางฟางเจ้ามารองชิมดู” ครั้งนี้นางให้มาหยิบเองเพราะนางต้องเตรียมเอาของไปขาย 

“ท่านพี่ ข้าว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปข้าต้องอ้วนแน่เลยอ่ะ” ฟางฟางบ่นไปชิมไปแต่ทว่าอีกครึ่งชิ้นกลับโดนใครบางคนแย่งไป 

“พี่รองงงงง” นางพยายามแย่งห่อแป้งคืนจากผู้มาใหม่ จนทำให้ทุกคนหัวเราะออกมา

“พอๆ สายแล้วเดี๋ยวพี่เอาไปขายไม่ทัน ท่านแม่เจ้าค่ะ อาหารเช้าลูกให้สาวใช้เตรียมไว้แล้วน่ะเจ้าค่ะพอถึงเวลาเดี๋ยวพวกนางจะเอาไปส่ง” 

“แล้วมีอะไรบ้าง”  

“ไม่บอกเจ้าค่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า” พูดจบก็เดินยกของออกไปทางหลังครัวโดยมีคนใช้ในจวนเข้ามาช่วย 

“ป้าผิง ลูกข้าทำอะไรไว้รึ” หลอหลันหันไปถามแม่ครัวใหญ่ของจวน 

“คุณหนูเรียกว่าแผ่นแป้งห่อเนื้อเจ้าค่ะฮูหยินใหญ่ คุณหนูบอกว่าสองชิ้นต่อหนึ่งคน และยังมีน้ำที่ทำจากถั่วเหลืองอีกน่ะเจ้าค่ะนี่ก็ใกล้เวลาแล้ว ข้าน้อยขอไปเตรียมตัวก่อนน่ะเจ้าค่ะ” 

“ป้าไปทำงานต่อเถอะ” 

“เจ้าค่ะ” แม่ครัวและสาวใช้รีบพากันทำงานและจัดเตรียมชุดอาหาร 

“ท่านแม่ทำไมพี่ใหญ่ถึงต้องขายของด้วยเจ้าค่ะ พวกเราก็มีกิจการมากมายแต่นางเลือกไปยืนขายของ” 

“ฟางฟาง แม้ว่าเราจะเป็นตระกูลขุนนางใหญ่ แต่ทุกอย่างไม่ยั่งยืนลูกต้องจำไว้ พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่ใช่สตรีทั่วไปที่ส่วนใหญ่จะอยู่แต่ในเรือนเช่นสตรีชั้นสูงทั้งหลาย” 

“เจ้าค่ะ” ทั้งสองตอบก่อนจะขอตัวไปอาบน้ำเพราะเดี๋ยวจะทานอาหารไม่ทัน 

ตัดกลับมาที่จินเซียง ตอนนี้นางเอาของทุกอย่างขึ้นบนรถม้าที่ถูกยิงด้วยธนูจนพรุนไปทั้งคัน นางจึงให้เหมยซีช่วยลื้อออกแล้วอำเป็นรถขายอาหารให้นางแทน 

“ว้าวเจ้าทำได้ออกมาดีจริงๆ” แม้แต่คนใช้ที่ช่วยยกของออกมาจากที่ท้ายจวนยังอดชื่นชมไม่ได้ 

“ใช่ม่ะ ฮูหยินของข้าถึงกับไปเรียกคนงานพ่อบิดานางมาช่วยทำเลยน่ะ มันจึงออกมาดูดีภายในคืนเดียว”  

“เอะ! อย่างนั้นเด็กสาวที่ข้าเจอตอนนั้นก็” 

“น้องสาวของฮูหยินข้าเอง”  

“อิอิ เจ้านี่ใช้แรงงานเด็ก” 

“พอเลย เดี๋ยวสายข้าไม่รู้ด้วยน่ะเพราะข้าเองก็ต้องไปที่ร้านเหมือนกัน อ่ะนั่นพี่ใหญ่มาแล้ว” เผยอิงเดินมาพร้อมสาวใช้คนสนิทที่จะเอาไปเป็นคนช่วยงานวันนี้ 

“พี่สาวท่าแน่ใจน่ะว่านางช่วยได้” เหมยซีมองสาวใช้ 

“หยิบจับนิดหน่อยก็ยังดี” 

“แล้วแต่พี่เลย ข้าไปก่อนน่ะ” พูดจบเหมยซีก็เดินไปขึ้นรถม้าที่ฮูหยินของตนเอามารับ 

“นางมีกี่คน” 

“สามคนตามชื่อร้านเลย”  

“หึหึหึ นางเก่งน่ะที่ตื่นเช้าได้ แล้วพวกนั้นไม่ตีกันหรอ”  

“ไม่น่ะ พวกนางเป็นเพื่อนสนิทกันแล้วดันชอบคนเดียวกันตอนแรกก็มีบ้างจนท่านพ่อปวดหัวแต่สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการแต่งมันพร้อมกันเลยสามคน” จินเซียงที่ได้ฟังถึงกับพูดไม่ออก 

“รีบมาช่วยจัดของเถอะเดี๋ยวสาย” 

“อืม” ไม่นานก็เสร็จพร้อมไปขาย

ตอนนี้รถม้าสำหรับขายของก็เสร็จสมบูรณ์ รถม้าที่เปลี่ยนจากสองล้อมาเป็นสี่และใส่โช๊คอัพเพื่อความนุ่มนวลเวลาวิ่งไปบนท้องถนน ตัวของล้อเองก็มีการเอาเหล็กมาเสริมเรียกได้ว่าโมใหม่ทั้งคน 

รถม้าคันใหญ่ค่อยๆ เคลื่อนที่ออกจากจวนแล้วตรงไปที่ว่างที่ได้ให้พ่อบ้านจองไว้ซึ่งห่างจากร้านที่กำลังทำไม่มากและยังใกล้ประตูหลักกับที่จอดรถม้าด้วย เรียกว่าทำเลดีสุดๆ 

เมื่อไปถึงนางก็เอาม้าไปเก็บไว้ที่หลังร้านของนางที่ตอนนี้มีคอกม้าแล้วก่อนจะเดินกลับมาช่วยกันตั้งร้าน ควันจากการก่อไฟลอยขึ้นไปตามปล่องควันเห็นได้แต่ไกล เนื้อไก่ชุดแรกถูกนำไปย่าง อีกส่วนก็กำลังคลุกแป้งเพื่อเตรียมทอด 

สาวใช้ของเผยอิงเองก็กำลังเอาป้ายไม้ที่มีรายการอาหารและราคาเขียนไว้นำไปตั้งตามจุดที่นายสาวบอกรวมถึงธงที่มีสีสันแปลกตา แล้วยังมีโต๊ะเล็กสำหรับนั่งสองคนอีก 3 ชุด แม้งานจะหนักแต่นายไม่บ่นไม่ว่าก็ทำให้นางทำงานได้อย่างสบายใจ 

เมื่อน้ำมันร้อนได้ที่แล้วนางก็นำไก่ที่ชุบแป้งเตรียมไว้ลงไปทอด กลิ่นหอมของมันชวนให้ใครต่อใครที่ผ่านไปมาต้องหยุดมอง ทั้งกลิ่นเนื้อย่างและกลิ่มหอมอะไรซักอย่างพวกมันได้ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม แต่ถึงอย่างนั้นจินเซียงก็แอบกังวลว่าอาหารจะไม่เป็นที่ยอมรับ

“เชิญแวะซื้อก่อนได้เจ้าค่ะ เรามีอาหารเตรียมไว้สำหรับชิมด้วยน่ะเจ้าค่ะไม่เสียแม้แต่อีแปะเดียว” สาวใช้ถือถาดอาหารที่มีอาหารชิ้นเล็กๆ จัดวางไว้ 

“แม่นางชิมได้จริงรึ” ทหารยามที่เดินผ่านมาถาม 

“แน่นอนเจ้าค่ะพี่ทหารเชิญท่านชิมได้เลย ถ้าอร่อยก็สามารถซื้อกลับไปได้เจ้าค่ะ ราคาตามนี้เลย” ทหารคนนั้นหันไปอ่านแผ่นไม้ข้างๆ 

“ดียิ่งนักราคาไม่แพงด้วย เพียง 20 อีแปะก็ได้ไก่สองชิ้นกับแผ่นแป้ง ดีๆ เช่นนั้นขอชิมก่อน” 

ไม่รอช้า เค้าเลือกที่จะชิมไก่ที่มีสีเหลืองทองก่อน เค้าเลือกทานคู่กับเครื่องเคียงสีแดงที่คิดว่าเป็นพริก เพียงคำแรกก็ทำให้ยืนค้างแล้วยิ้มทั้งน้ำตา 

“นี่แม่นาง! ไก่นี่ใช้สูตรอะไรถึงได้นุ่มขนาดนี้?” ทหารยามผู้หนึ่งถามขณะเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย

จินเซียงยิ้มกว้าง ”สูตรลับของตระกูล...แต่ถ้าท่านอยากรู้จริงๆ” นางก้มลงแล้วเอามือปาดคอตัวเอง จนเพื่อนๆ หัวเราะลั่น

“โถ่วแม่นาง ข้าแค่ล้อเล่นเอง ข้าเอา 2 ชุด พร้อมเครื่องดื่ม” ไม่พูดเยอะแต่รีบสั่งแทน 

“อะไรของเจ้าไหนข้าชิมบ้าง อืม~ สุดยอด ข้าด้วย ข้าด้วย” ทหารอีกคนเลือกแป้งห่อเนื้อย่าง แล้วมีอาการไม่ต่างกัน 

“แม่นางเจ้านี่เท่าไหร่” 

“20 อีแปะเจ้าค่ะ มีเครื่องดื่มให้ด้วย” 

“ดีๆ ข้าของสองไม่ซิสามเอามาสามเลย” 

“ได้เจ้าค่ะ” สาวใช้รีบเดินไปส่งรายการอาหารพอหันกลับมาอีกที ถาดอาหารก็ว่างเปล่าเสียแล้ว

“ไก่ทอดพร้อมแผ่นแป้งและเครื่องดื่มได้แล้ว หมายเลขหนึ่งมารับของได้” สาวใช้รับห่ออาหารแล้วไปว่างไว้ที่จุดชำระเงิน 

“ทั้งหมด 40 อีแปะเจ้าค่ะ เครื่องเดิมนี้เป็นน้ำถั่วเหลืองสูตรพิเศษทางเราแจกฟรีเจ้าค่ะ” นางพูดได้อย่างคล่องแคล่วตามที่สอน 

“เยอะมาก ข้ากินได้ทั้งวันแล้วยังเหลือกลับไปให้ลูกเมียกินได้อีก” เค้าจ่ายเงินแล้วพูดออกมาเมื่อดูจำนวนอาหารที่ได้ เค้าตัดสินใจเดินกลับไปที่พักก่อนเพื่อนำอาหารอีกชุดไปให้ลูกเมียได้ทาน 

“อาต้ามารับรายการหมายเลขสองด้วย” 

“เจ้าค่ะ” อาหารหมายเลขสองมาพร้อมกลิ่นหอม

“40 อีแปะเจ้าค่ะ นี่ท่านเป็นอะไรไปทำไมนิ่งไปแบบนั้น” ชาวบ้านที่ผ่านไปมาพากันมอง 

“ข้างจะกินหมดไหมเนี่ย เจ้านั้นยังมีลูกเมียแต่ข้าตัวคนเดียว กินได้ 2 วันเลยน่ะแม่นาง” ทหารคนนั้นพูดอย่างเหม่อลอย 

“เจ้าพูดเกินจริงไปไหม แค่ห่อใหญ่เฉยๆ เห้ย! แม่นางข้าขอแบบนี้ด้วย 2 ชุด” ชายแต่งตัวดีรีบหันไปสั่งอาหารทันทีที่เห็นทหารแกะห่อออกมากิน

“ข้าด้วยๆ ของข้าเพิ่มไข่ด้วย” 

“ข้าเอาไก่เหลือทองงงงง” หลายคนเรื่องตะโกนแย่งกันจนวุ่นวาย 

“หยุดก่อน! ถ้าไม่หยุดข้าจะไม่ขาย!” จินเซียงพูดอย่างเด็ดขาด เพราะของเเค่นี้ยังไม่พอคนในจวนกินด้วยซ้ำ 

ชาวบ้านชาวเมืองต่างพากันเงียบแล้วเดินไปสั่งอาหารพร้อมรับหมายเลขที่สาวใช้ตามที่จินเซียงบอก แต่นางคิดผิดเพราะจำนวนคนที่มารอซื้อนั้นเยอะเกินกว่าหมายเลขที่ทำไว้ และอาหารก็เริ่มทำไม่ทันจนต้องไปตามแม่ครัวกับสาวใช้ที่จวนมาช่วยเพิ่ม  

ลูกค้ามากกว่าครึ่งเป็นทหารยามและคนที่มาทำงานช่วงเช้า รวมถึงคนที่เดินทางมาจากนอกเมือง ด้วยที่ราคาอาหารไม่แพงมาและปริมาณถือว่าคุ้มราคาจึงทำให้สามารถซื้อทานกันได้ทุกชนชีพ 

“ของใกล้หมดแล้วน่ะ อาเซียง” 

“แย่จริงไม่คิดว่าคนจะเยอะขนาดนี้ ป้าผิงเจ้าค่ะ ป้าให้สาวใช้ไปช่วยกันตั้งป้ายที่เขียนว่าปิดแล้วไว้ที่ท้ายแถวทีน่ะเจ้าค่ะ” 

“เจ้าค่ะคุณหนู” ป้าผิงหันไปบอกสาวใช้ 

“คุณหนู! ไก่ย่างหมดแล้วเจ้าค่ะ!” สาวใช้ร้องด้วยเสียงแตกตื่น

จินเซียงมองไปที่กองไฟที่กำลังมอด แล้วเหลือบเห็นรัชทายาทซึ่งแอบมายืนต่อแถวอยู่

“ไม่เป็นไร” นางกระซิบ ”เอาไก่ชุดสุดท้ายนี้ย่างด้วยไฟแรง” เมื่อย่างเสร็จ เธอเสิร์ฟไก่ชิ้นนั้นให้รัชทายาทโดยไม่เปิดเผยตัวตน

“...” เขากัดคำแรกแล้วตาลุกวาว ”นี่...รสชาติเหมือนเมื่อสิบปีก่อน..” (รสชาติที่แม่ผู้ล่วงลับเคยทำให้)

ส่วนคนที่มาไม่ทันก็พากันโวยวายแต่เมื่อบอกไปว่าร้านขายเพียงสองชั่วยามหลายคนก็เข้าใจและถามกันว่าเปิดตั้งแต่ช่วงไหน พอบอกว่าช่วงเช้ามืดทุกคนก็พยักหน้าแล้วพากันเดินออกไป 

“ร้านนี้ดูไม่เหมาะกับสตรีสูงศักดิ์นะ” จินเซียงเงยหน้ามองคนพูด

จินเซียงไม่ตอบ นางใช้มีดสั้นของขวัญจากฮ่องเต้ หั่นไก่เป็นชิ้นบางพอดีคำในพริบตา รัชทายาทที่เห็นถึงกับตะลึงเพราะจำได้ดีว่านั่นเป็นมีของฮ่องเต้ 

“นะ นะ นี่เจ้า” จินเซียงยิ้มและจุดไฟด้วยการสะบัดมีด ให้ไฟลุกโชนสวยงาม ยิ่งทำให้รัชทายาทที่ปลอมตัวมายืนอ้าปากค้าง องครักษ์ที่เห็นท่าไม่ดีจึงเอาถุงเงินวางไว้แล้วพานายของตนกลับวัง

“ขะ...ข้านึกว่าจะตายซ่ะแล้ว” สาวใช้พากันนั่งหมดแรงที่โต๊ะอาหารหลังลูกค้าคนสุดท้ายออกไปแล้ว 

“มาช่วยกันปิดร้านก่อน จะได้กลับจวนกัน” 

“เจ้าค่ะ” ทุกคนเร่งมือเก็บร้านจนเสร็จ เผยอิงเดินไปเอาม้ามาจากคอกม้าของร้านที่กำลังสร้าง 

“คุณหนูทำไมร้านท่านดูแปลกๆ” ป้าผิงถาม 

“ข้าให้เหมยซีช่วงทำให้ มาเถอะป้าม้ามาแล้ว” 

นางเอาม้าเทียบรถและออกเดินทางกลับจวนแม้รถม้าจะคันใหญ่แล้วมีคนนั่งอีก 8 คน แต่รถม้าก็ยังวิ่งได้สบาย  

“รถม้าข้าวแปลกตานัก ม้าก็ตัวใหญ่กว่าม้าทั่วไปหลายเท่า” 

“ได้ยินมั้ย? แม่ทัพหญิงผู้ปราบเหลียวมาขายไก่ย่างเองนะ!”

“ว่าแต่...ทำไมท่านไม่สวมชุดแม่ทัพล่ะ?”

“ท่านคงอยากใช้ชีวิตสงบๆ ละมั้ง”

เสียงชาวบ้านต่างพากันพูดคุย 

ไม่นานก็มาถึงจวน จินเซียงบังคับรถม้าเข้าทางหลังจวน บ่าวชายที่เห็นก็พากันมายืนรอช่วยยกของลงจากรถม้าทำให้นางไม่ต้องทำอะไรมากเพียงแค่เอารถม้ากับม้าไปเก็บเท่านั้น 

“เอาล่ะเรามานับเงินที่ได้ดีกว่า” จินเซียงเทเหรียญออกจากกล่องเก็บเงิน 

“เยอะไปไหมเจ้าค่ะคุณหนู” ป้าผิงมองหน้านายสาว 

“นับเถอะป้าผิง” 

“เจ้าค่ะ” ทุกคนลงมือช่วยกันนับเหรียญบนโต๊ะ 

“สามพันสองร้อยอีแปะ!” สาวใช้ทั้งสามและป้าผิงพูดพร้อมกัน 

“สามตำลึงเงินกับอีกสองร้อยซิน่ะ” เผยอิงหันไปถามคนข้างๆ 

“ใช่แล้ว นี่ส่วนของพวกเจ้าทั้งสามคนน่ะ และนี่ของป้า” นางส่งถุงเงินให้ทั้งสี่คนเป็นค่าเหนื่อย

“ขอบคุณคุณหนูมากเจ้าค่ะ แล้วจะไปซื้อของตอนไหนเจ้าค่ะ ข้าจะได้เรียกบ่าวไปช่วย” 

“ช่วงบ่ายไปเจอข้าที่ตลาดน่ะ เดี๋ยวจะออกไปอะไรหน่อย พวกเจ้าแยกย้ายไปพักเถอะ” 

“เจ้าค่ะ” แม้แต่สาวใช้ของเผยอิงก็ยังโดนไล่กลับเรือนด้วย พวกนางก็ไม่ว่าอะไรมากเพราะรู้ว่านายสาวต้องการเวลาอยู่ด้วยกัน 

หลังจากทำงานหมดแล้วทั้งสองก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปทำธุระโดยไม่ลืมแจ้งผู้ใหญ่ไว้ก่อนจะออกไป ครั้งนี้มีอี้หลันตามไปด้วยเพราะไม่มีเรียนอะไรแล้ว ยกเว้นฟางฟางที่เรียนดนตรีอยู่ 

“ท่านพี่มาเดินซื้ออะไรที่ตลาดท่าเรือเจ้าค่ะ” 

“มาหาซื้อของบางอย่างและก็มาทำธุระด้วย” 

“อ้อเจ้าค่ะ” 

ทั้งสี่คนเดินตรงไปที่ร้านของพ่อค้าชาวอาหรับ แต่วันนี้พ่อค้าไม่อยู่ อยู่แต่ผู้เป็นภรรยาเท่านั้น อาร์รีฟาเมื่อเห็นใครมาก็รีบออกมาต้อนรับแล้วพาเดินไปที่ห้องรับรอง 

“น้องสาวพวกเจ้ามาแล้ว” 

“พี่สาว ข้าอยากจะให้ท่านช่วยหา-” 

“พี่รู้ว่าเจ้าต้องการอะไร พี่เตรียมไว้ให้แล้ว” นางหยิบกล่องโลหะออกมาวางบนโต๊ะ 

“นี่คือ” 

“หน้ากากครึ่งหน้าจากเอเธนส์ เจ้าชอบรึไม่” 

“ดียิ่งนัก” จินเซียงมองสำรวจแล้วรองใส่ดู 

“ท่านดูดีมากเลย” เผยอิงตอบ 

“พี่สะใภ้ท่านเก็บอาการหน่อย” 

“อี้หลันอย่าขัดพี่ซิ” 

“อ่ะจริงซิ พี่มีชุดเครื่องครัวมาใหม่สนใจรึไม่ พี่จะเอามาให้ดู” อาร์รีฟาเสนอ

“เจ้าค่ะ มีหลายอย่างที่ยังไม่ได้ซื้อ ว่าแต่ท่านมีกระจกไหมเจ้าค่ะ” 

“กระจกหรอ อื่ม~” อาร์รีฟาพยายามนึก “อ้อ นึกออกแล้ว เมื่อสัปดาห์ก่อนมีเรือมาจากนอร์มังดีย์มา พวกนั้นมีขาย” 

“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”  

สุดท้ายก็ได้เครื่องครัวไปสองชุด และเครื่องเทศอีกหลายอย่าง นางจึงขอให้นำของทั้งหมดไปส่งที่จวน จากนั้นจึงขอตัวไปเดินดูของต่อ วันนี้มีเรือจากหลายที่เข้ามาจอดเทียบท่าทำให้ท่าเรือวันนี้เต็มไปด้วยผู้คน 

“เราแวะไปที่ร้านของอาซีดีไหม” เผยอิงชวนไปกินข้าวที่ร้านของน้องสาว

“ดีเหมือนกัน นี่ก็บ่ายแล้วด้วยเดี๋ยวต้องไปซื้อของอีก ปึก!” เด็กสาวคนหนึ่งวิ่งชนจินเซียง จนตัวเองล้มแต่จินเซียงไม่เป็นอะไร

“เจ้าเป็นอะไรรึไม่”  

“**********” เด็กสาวพูดอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่ภาษาท้องถิ่น 

“คนญี่ปุ่น?” จินเซียงพูดเป็นภาษาญี่ปุ่น จนเด็กสาวมองด้วยความประหลาด

“ท่านพูดภาษาข้าได้ ท่านช่วยพวกเราด้วย” เด็กสาวอีกคนรีบของความช่วยเหลือทันที

“เกิดอะไรขึ้นกัน” เผยอิงถามจินเซียงแปล

“นั่นมันคนของว่าที่สามีเจ้านิอี้หลัน” จินเซียงมองฝ่าผู้คนไปก็เห็นชายกลุ่มใหญ่วิ่งมา 

“หืม ไหนเจ้าค่ะ” 

“คุณหนูนั้นไงเจ้าค่ะ” อิงอิงชี้ให้ดู 

“จริงด้วย พวกนั้นมีอะไรกัน” สงสัยไม่นานคนพวกนั้นก็มาถึง จินเซียงดึงชาวญี่ปุ่นทั้งสองมาหลบด้านหลัง  

“คุณหนูใหญ่ ส่งพวกนางมาให้เราซะเถอะจะได้ไม่มีเรื่อง!” ชายหน้าบากบอกจินเซียง 

“มีเรื่องอะไรกันถึงได้ตามสองคนนี้มา” 

“ท่านอย่าถามให้มาก! ไปเอาสองคนนั้นมา!”  

 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • แม่นางไก่ทอด   อดีต

    จินเซียงมองคนรักนั่งเงียบมาซักพักตั้งแต่ได้ฟังเรื่องที่เอมิลเล่า เรื่องของคนรักเก่าที่ตายจากไปไม่หวนกลับ ทั้งคู่มีหลายอย่างที่เหมือนกันอย่างแยกไม่ออกแตกต่างกันก็แค่สีผม “เจ้าก็คือเจ้า ข้ารักเจ้าด้วยใจจริง”“ท่านคงไม่คิดว่าข้าเป็นตัวแทนนางใช่รึไม่” “อดีตก็คืออดีตไม่อาจย้อนกลับได้อีก ความผิดพลาดครั้งนั้นเป็นบทเรียนให้ข้าว่าข้าจะต้องไม่ผิดพลาดอีกซ้ำสอง” “ท่านอย่าได้โทษตัวเองเลย” “นั่นซิน่ะ มาเถอะไปดูคนอื่นๆ ทำงานกัน” “เจ้าค่ะ” ทั้งคู่เดินออกนอกห้องทำงานตรงไปที่ท้ายจวนติดท่าเรือ โรงหลอมนั้นกำลังถูกสร้างอย่างช้าๆ เพื่อไม่ให้ผิดพลาด ส่วนพื้นที่ด้านข้างและจวนหลังนั้นก็กำลังมีการปรับปรุงโดยใช้แผ่นไม้มาล้อมส่วนติดถนนไว้เพื่อไม่ให้คนเห็นว่าทำอะไรก่อนที่กำแพงจะสร้างเสร็จแต่เรื่องการเตรียมตัวสำหรับวัตถุดิบนั้นก็ได้คนจากตระกูลหวังที่ครอบครองการค้าเหล็กและแร่หลายชนิดมาช่วยในการจัดหา ทำให้เรื่องวัตถุดิบง่ายขึ้นมามาก เจ็ดวันต่อมาโรงหลอมก็สร้างเสร็จ ฮ่องเต้ทรงมาดูงานด้วยตัวเองเพราะอยากรู้ว่าการหล่อปืนใหญ่จะเหมือนตีดาบรึไม่ หลังจากที่โหรหลวงมาถึงก็เริ่มทำพิธีบูชาดินฟ้าเพื่อความเป็นสิริมงคล ฮ่

  • แม่นางไก่ทอด   ประมูลทาส

    หลายวันต่อมาจินเซียงเข้าวังพร้อมโจวกุ้ยเฟยและตรงไปที่ตำหนักใหญ่ของฮองเฮาเพื่อส่งอาหารตามที่พระองค์เคยขอ “ถวายบังคมฝ่าบาท” “ตามสบายเถอะหลานข้า ว่าแต่ลมอะไรหอบเจ้ามาพร้อมนางกัน” พระนางมองไปที่โจวกุ้ยเฟย เมื่อเห็นไม่สะดวกพูดจึงไล่คนอื่นๆ ออกไปก่อน“เอาล่ะตอบมา” “เมื่อคืนกุ้ยเฟยไปที่จวนเพค่ะ เลยมาพร้อมกัน” “เรื่องนั้นซิน่ะ” “เพค่ะพี่หญิง” “เฮ้อ...พี่บอกแล้วว่าอย่าไปตามใจเยอะ ไม่เช่นนั้นจะเสียคนแล้วเป็นไงล่ะ” “ถ้าไม่ติดว่าการทำร้ายองค์ชายเท่ากับทำร้านสายเลือดมังกรน่ะ น้องจะตบแม่งหัวทิ่มไปเลย” โจวกุ้ยเฟยพูดพร้อมแสดงท่าทาง จินเซียงได้แต่ยืนยิ้ม“พอเลย...ข้าคนว่าเจ้าเข้าวังแล้วจะสงบลงแต่ที่ไหนได้” “พวกท่านใจเย็นก่อนแล้วรีบมาทานอาหารก่อนที่จะ...อ่าว!...หายไปไหน!” จินเซียงมองหากล่องอาหารที่เอามาด้วย “ง่ำๆ อาย่อยมากน้องรอง” “ชู่~ เงียบๆ หน่อย นางหูดีมาก” “เอ่ออ~ พี่รอง น้องว่า~” “อะฮึม!...แม่ว่า…แม่สอนพวกเจ้ามาดีน่ะ สอนทั้งอบรมมารยาทสตรีหรือว่าต้องให้แม่นมทบทวนความจำให้!” ฮองเฮายืนท้าวเอวมองลูกสาวของตน“ถะ...ถวายพระพรเสด็จแม่เพค่ะ” ฉางหรูยิ้มแล้วรีบเอากล่องอาหารซ่อนไว้หลังม่านอย่าง

  • แม่นางไก่ทอด   เผยอิงกลับมาแล้ว

    หลายวันต่อมาที่จวนใหญ่แห่งหนึ่ง มีใครบางคนกำลังนั่งกลุ้มใจเพราะไม่สามารถทำตามแผ่นได้สำเร็จแต่คนที่ส่งไปนั้นกลับหายสาบสูญไปทุกรายอย่างไม่ทราบสาเหตุ “ให้มันได้แบบนี้ซิ ทำงานกันภาษาอะไรถึงได้หายหัวกันไปหมด” “นายท่านขอรับ พวกเราไปพบร่องรอยบางอย่างขอรับ” ชายชุดดำส่งกระดาษให้ผู้เป็นนาย “ตายหมด! เป็นไปได้ไง” “ขอรับ ดูเหมือนว่าจะมีคนคอยหนุนหลังอยู่” “ท่านพ่อ แบบนี้เหล่าอาหารของเราจะไม่แย่รึขอรับ” “พ่อไม่กลัวเรื่องนั้นแต่ห่วงเรื่องว่ามันจะกระทบงานใหญ่มากกว่า แล้วเรื่องสองตระกูลนั้นเป็นเช่นไรและเรื่องที่ให้ไปสืบได้ความเช่นไร” “ขอรับนายท่าน สองตระกูลนั้นพากันปิดปากเงียบหลังจากที่ตระกูลที่เคยหมั้นหมายต่างพากันขอถอนหมั้น ทำให้หญิงสาวในตระกูลนั้นต่างพากันเก็บตัวขอรับ ส่วนเรื่องที่ให้ไปสืบนั้นได้ความมาว่าแม่ทัพหยางยังนอนไม่ได้สติขอรับ แต่การจะเข้าใกล้เรือนนั้นถือเป็นเรื่องยากมากเพราะมีการคุ้มกันที่แน่นหนาและไม่อนุญาตให้ใครเข้าเยี่ยมจนกว่าท่านขุนพลจะกลับมาขอรับ” “หึหึหึ ดีแบบนั้นแหละดี ไปตามนักพรตนั่นมาเราจะใช้นางเป็นตัวประกันให้เจ้านั้นยอมทำตามเงื่อนไขของเรา” “แต่ท่านพ่อ ถ้านางไม่ยอมล่ะขอ

  • แม่นางไก่ทอด   เริ่มกิจการร้านไก่ทอด

    ต้นเดือนเก้าเหล่าอาหารก็สร้างจนเสร็จและกำหนดที่จะเปิดก็คืออีกสามวันซึ่งตรงกับวันที่เก้าพอดี แม้ใจจะรู้ดีว่าไม่ควรจัดงานมงคลในช่วงนี้แต่ด้วยที่ว่าถ้าคนที่นอนอยู่รู้ว่าไม่ยอมเปิดเหล่าอาหารคงไม่ไม่ดีแน่ถ้าตอนที่นางตื่นขึ้นมาแล้วมีคนบอกให้รู้“ท่านพ่อ ท่านแม่” จินเซียงหลังจากอาบน้ำให้คนรักแล้วก็มาหาผู้ใหญ่ทั้งสองตระกูลที่ห้องโถง“น้องเป็นเช่นไรบ้างลูก” หลอหลันถาม“เจ้าค่ะท่านแม่ ลูกพึ่งอาบน้ำให้นางและป้อนยา”“เจ้าคงไม่ได้ทำอะไรลูกแม่ใช่รึไม่” ชุ่ยหยุนหรือฮูหยินหยางถามจินเซียงได้ยินก็หน้าแดง “ลูกรอนางตื่นก่อนเจ้าค่ะ”“อืม พวกแม่เชื่อเจ้าและหวังว่าจะผ่านเรื่องนี้ไปได้ด้วยดี” หลอหลันให้กำลังใจลูกสาว แต่ก็ขอให้ปาฏิหาริย์มีจริง ขอให้เผยอิงฟื้นขึ้นมาในเร็ววัน“จริงซิ และชื่อร้านคิดได้รึยัง” ฮูหยินเฒ่าตระกูลถังถาม“เจ้าค่ะ ขุนพลนิทราเจ้าค่ะ” ทั้งห้องเงียบกริบไม่มีใครพูดอะไร“หลานย่า เจ้าไม่มีชื่ออื่นแล้วรึ” ฮูหยินเฒ่าตระกูลถังรู้สึกอายแทน“ยังเจ้าค่ะ”“แย่แน่แบบนี้ฮ่องเต้ได้บ่นแน่ๆ พระองค์รอทำป้ายร้านให้เจ้าอยู่น่ะ” เอี้ยซ่งบ่นใส่ลูกสาวคนโต ที่นางนั้นมีปัญหาเรื่องการตั้งชื่อ“เซียงอิงขุนพลไก่ทอ

  • แม่นางไก่ทอด   สิ้นสุดสงคราม

    ทุกคนมองเป็นทางคนผู้นั้นแล้วก็มีคำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัว ยิ่งอาวุโสถังผู้เป็นปู่ที่มองหน้าหลานไม่แท้อย่างตั้งคำถาม แต่คนที่ตกใจที่สุดนั้นคือพระชายาทั้งสองของรัชทายาท “พวกเจ้ารู้จักนางรึ” “พะ เพค่ะ นางคือคนที่ช่วยพวกเราไว้จากกลุ่มโจรเมื่อหลายปีก่อนเพค่ะ ตอนที่พวกเราตามเสด็จไปล่าสัตว์เพค่ะ” “เพค่ะ ตอนที่พานางมาพักรักษาตัวท่านก็น่าจะเคยเห็น รวมถึงยังเคยช่วยองค์หญิงจากการถูกลักพาด้วยน่ะเพค่ะ” “เจ้าเป็นคนช่วยลูกของเราเมื่อตอนนั้นรึ” “ข้าเองก็จำอะไรได้ไม่ค่อยมาเพราะเมื่อหลายเดือนก่อนเกิดอุบัติเหตุขึ้นทำให้ความจำบางส่วนหายไป ต้องขอโทษด้วย” จินเซียงพูดแก้ตัว เพราะจำไม่ได้จริงๆ“เช่นนั้นเรื่องการเจรจาสงบศึกข้าจะช่วยพูดให้ส่วนเรื่องการแต่งงานคงมิอาจช่วยได้” พระมเหสีสูงสุดแห่งเหลียวหรือจะเรียกว่าฮองเฮาก็ได้ตามความคุ้นเคยของผู้มาจากภาคกลาง พระนางรับปากเรื่องเจรจาแต่อีกเรื่องไม่รับปาก“ท่านวางใจเถอะ ข้าไม่คิดจะจับใครแต่งงาน แต่ถ้าท่านข่านเสนอมา ทางเราก็คงยากจะปฏิเสธนอกเสียจาก” “นอกเสียจากอะไรกัน” “นอกเสียจากจะมีใครเสียตัวในคืนนี้แล้วข้าจะรีบเขียนสารด่วนกลับไปขออนุญาตเรื่องการแต่งงานเจริญสั

  • แม่นางไก่ทอด   ไร้ความช่วยเหลือ

    เช้าวันต่อมาเสียงกลองรบดังสนั่นทั่วเมือง ชาวบ้านชาวเมืองต่างพากันสวดมนต์ขอพรให้กองทัพมีชัยเหนือศัตรูผู้รุกรานถึงแม้จะมีหวังน้อยเต็มทีแต่ก็ยังมีแสงสว่างอยู่ในคือสองแม่ทัพที่ตอนนี้ยืนคู่กันอยู่บนกำแพงเมือง “อันเตรียย่าข้าว่ามันสวยจริงๆ ถ้าเทียบกับกองทัพของอัศวินแล้ว” “นั่นซิ แม้จะอยู่ในสงครามมาหลายสิบปีก็ยังไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้” “ท่านพี่ ที่นั่นเป็นเช่นไร” เผยอิงถาม “ที่นั่นเรารบกันด้วยความเชื่อและศรัทธา บ้างก็มีเหตุผลแตกต่างกันไป กองทัพนั้นอืม จะว่าไงดีล่ะ พี่ว่าดาบที่อัศวินใช้คงจะฟันพวกทหารเหลียวไม่เข้าแน่ๆ” “ใช่แล้วน้องสะใภ้ ดาบพวกนั้นมันอาศัยน้ำหนักอย่างเดียว ส่วนดาบที่เบาก็เบาเกินไปทำให้สู้กับพวกใส่เกราะเหล็กไม่ได้” “ข้าชอบดาบวงพระจันทร์ กับดาบใหญ่อันนี้มากกว่า” จินเซียงมองดาบคู่ใจในมือ ความสมดุลของดาบทั้งสองนั้นดีมาก“ข้าอยากถามมานานแล้วว่าทำไมท่านถึงพกอาวุธไว้เยอะแยะ”“ไม่รู้ซิ มันชินแล้ว” จินเซียงตอบคนรักแล้วหันไปมองที่สนามรบที่ตอนนี้ทหารเหลียวได้ลากหอตีเมืองมารอพร้อม“สั่งยิงได้เลย เราไม่จำเป็นต้องให้เกียรติพวกมันเพราะพวกมันเหยียบย่ำและฉีกสัญญาของพวกเราก่อน” จินเซียงหันไป

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status