Home / แฟนตาซี / แม่ม่ายจำยอมพร้อมกับกระพรวนสมบัติ / ตอนที่ 2 ฉันจะย้ายไปอยู่ที่อื่น

Share

ตอนที่ 2 ฉันจะย้ายไปอยู่ที่อื่น

last update Last Updated: 2025-12-22 11:34:31

จันดีตื่นจากภวังค์เมื่อประตูห้องถูกผลักเข้ามา พร้อมกับร่างของผู้เป็นแม่ จันดีเงยหน้ามองแม่ ดวงตาของเธอกระจ่างใสไร้แววโศกเศร้า จนฉวีนึกแปลกใจ เมื่อวานเธอยังร้องไห้จะเป็นจะตายที่พี่สาวไล่ไปอยู่ที่อื่น แต่อย่างไรจันดีก็ไม่ยอมท่าเดียว และยังบอกว่าถ้าทุกคนยังบังคับให้เธอย้ายออกจากที่นี่ เธอจะฆ่าตัวตาย กระทั่งตอนเช้ามืดเธอก็ทำมันจริง ๆ ถ้าผู้เป็นแม่ไม่ลุกมาเข้าห้องน้ำกว่าจะรู้ว่าจันดีฆ่าตัวตายก็คงตอนสายแล้ว แต่พอจันดีฟื้นขึ้นมาคราวนี้ทำไมความเศร้าหมองที่มีอยู่เมื่อวานถึงได้หายไปเป็นปลิดทิ้ง

            ในที่สุดฉวีก็เอ่ยขึ้น “ฉันมีเรื่องจะคุยกับแก”

            “เรื่องที่จะให้ฉันย้ายไปอยู่ที่อื่นเหรอคะ” จันดีพูดขึ้นอย่างรู้ทัน

            “อืม”

            “ได้ค่ะฉันจะย้ายไปอยู่ที่อื่น ถ้าอย่างนั้นฉันขอยืมเงินแม่สักก้อนได้ไหมคะ ตอนนี้ฉันไม่มีเงินสักบาท” เพราะตั้งแต่เธอคลอดลูก เธอก็ไม่มีสิทธิ์ออกไปรับจ้างอีกเลย

            “แกหมายความว่าแกกับลูกจะยอมย้ายออกจากที่นี่แต่โดยดีใช่ไหม” ในใจพลันโล่งวาบเมื่อรู้ว่าจันดีช่างคุยง่ายเช่นนี้ เธอจะได้ไม่ต้องทะเลาะกับจันทร์แรมอีก

            “ค่ะ” จากที่ได้นั่งทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาของเจ้าของร่างนี้ จันดีคนก่อนปักใจรักผู้ชายคนนั้นไปแล้ว แม้เธอไม่เคยเห็นหน้าและไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้ชายที่เป็นพ่อของลูกคือใคร และถึงแม้ตอนนี้เขาจะมีครอบครัวไปแล้วก็ตาม แต่เจ้าของร่างนี้ก็ยังอยากกลับไปที่นั่นอีกสักครั้ง จันดีสงสารเจ้าของร่างนี้ที่ทนทุกข์ทรมานมาหลายปี เพราะเธอไม่เคยเดินทางไกลไปไหนมาไหนเพียงคนเดียว ส่วนมากที่ออกจากบ้านก็แค่ไปรับจ้างตัดอ้อย ดำนา และเกี่ยวข้าวเท่านั้น กระทั่งพ่อกับแม่รู้ว่าเธอท้อง จันดีคนเดิมก็ไม่เคยได้ออกจากบ้านอีกเลย ยิ่งไม่ต้องคิดว่าจะได้ไปที่แห่งนั้นอีก

            “แล้วแกจะไปอยู่ที่ไหน”

            “บ้านป้าเฉิดค่ะ ฉันกะว่าจะไปขอเช่าบ้านอยู่สักพัก พอมีลู่ทางก็จะปักหลักอยู่ที่นั่นเลย พ่อกับแม่และพี่จันทร์แรมจะได้ไม่ต้องอายใครอีก และจะได้ไม่ต้องเห็นหน้าฉันกับลูกด้วย” เมื่อคืนที่เธอเผลอหลับไปตื่นหนึ่งก่อนจะลุกมาคิดทำร้ายตัวเอง จันดีฝันว่าเฉิดฉันมาชวนเธอไปอยู่ด้วย แต่จันดีคนก่อนกลับไม่ทำตามความฝัน เพราะเธอขี้กลัวเกินไป อีกทั้งเธออยากทำประชดคนในครอบครัวจึงเลือกหยิบผ้าขาวม้ามาแขวนคอตัวเองไว้กับแม่บันไดบ้าน

            ฉัตรกุลกับฉายระวีที่หยุดร้องไห้สักพักแล้ว คลานเข่าเข้ามากอดแม่คนละข้าง จันดีลูบผมลูกสองคนด้วยความเอ็นดูเจือสงสาร ทั้งสองเป็นฝาแฝดชายหญิงที่เพิ่งอายุเพียงสี่ขวบ ทั้งสองหน้าตาน่ารักน่าชัง จันดีที่ไม่เคยแต่งงานไม่เคยมีลูก เห็นแล้วยังใจอ่อนยวบ

            ฉวีดวงตาสว่างวาบ เธอคิดอยู่หลายวันว่าจะให้ลูกสาวย้ายไปอยู่ที่ไหนดี วันนี้จันดีกลับชี้ทางออกให้ เธอลืมไปได้อย่างไรว่ายังมีพี่สาวอยู่ที่บึงกาฬ “ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันจะให้แกยืมสักห้าหมื่นก็แล้วกัน แต่ยังไงแกก็ต้องหามาคืนฉันนะ เพราะเงินส่วนนี้เป็นเงินของจันทร์แรมมัน ถ้ามันรู้เข้ามันก็คงไล่ฉันออกจากบ้านเหมือนกัน”

            “ค่ะ”

สิ้นคำของจันดี ฉวีก็เดินออกจากห้องลูกเพื่อไปเอาเงินมาให้

ฉัตรกุลแหงนหน้ามองแม่แล้วเอ่ยถาม “แม่ครับเราจะไปอยู่ที่ไหนเหรอครับ” เสียงนั้นยังสะอื้นฮึก ๆ ดวงตายังพร่าเลือนเพราะม่านน้ำตาปกคลุม

“เราจะไปอยู่กับยายเฉิดจ้ะ”

“ตากับยายจะไปกับเราไหมคะ” ฉายระวีถามบ้าง

“ไม่ไปจ้ะ เราจะไปกันสามคนแม่ลูก”

“แม่ไม่กลัวเหรอคะ”

จันดียิ้มละมุนให้ลูก “ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก” ในโลกนี้มีอะไรให้เธอกลัว ตั้งแต่ทำงานเป็นไกด์เธอก็เดินทางไปเกือบทุกจังหวัดในประเทศไทย และยังไปเที่ยวคนเดียวอีกหลายประเทศอีกด้วย ทุกสิ่งในโลกนี้ล้วนน่าเรียนรู้ทั้งสิ้น

            จันดีนั่งปลอบลูกไม่นานฉวีก็กลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับเงินหนึ่งปึก

            ฉวียื่นเงินจำนวนห้าหมื่นให้ลูกสาว จันดีจึงยกมือไหว้แล้วขอบคุณพร้อมกล่าวออกไปว่า “ฉันจะรีบหาเงินมาคืนแม่ให้เร็วที่สุดค่ะ ขอเลขบัญชีและเบอร์โทรศัพท์ไว้ติดต่อแม่ด้วยนะคะ” ตั้งแต่จันทร์แรมไปทำงานที่ประเทศเกาหลี เธอก็ซื้อทั้งรถใหม่ ทำบ้านใหม่ และยังซื้อโทรศัพท์ให้แม่ด้วย ถึงแม้ยังไม่รู้ว่าจะต้องหาเงินมาด้วยวิธีใด แต่เธอคงไม่นั่งงอมืองอเท้าอยู่เฉย ๆ แน่ ทว่าตอนนี้เธอมีลูกตั้งสองคน คิดทำอาชีพอะไรก็ต้องคิดถึงลูกด้วย

            “แกจะเดินทางวันไหน”

            “พรุ่งนี้เช้าค่ะ”

            “แกเดินทางไปกับลูกได้ใช่ไหม” ถามออกไปอย่างนั้น แต่ในใจไม่นึกเป็นห่วงสักนิด ต่อไปไม่มีสามคนแม่ลูกนี้อีก ครอบครัวของเธอก็จะได้ไม่ต้องสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายเหมือนที่ผ่านมา โล่งอกไปที

            “ได้ค่ะ แม่ไม่ต้องเป็นห่วง” จันดีก็มองออกเช่นกันว่าคนในครอบครัวไม่ได้เป็นห่วง หรือมีเยื่อใยกับเธอและลูกอีกแล้ว เพราะเท่าที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้มา เธอกับลูกก็โดนบ่นโดนว่าทุกวัน ตั้งแต่เรื่องอาหารการกิน ไปถึงข้อจำกัดในการใช้ผงซักฟอก ยาสีฟัน ครีมอาบน้ำ น้ำยาล้างจาน และของใช้อื่น ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจันดีกับลูกจะหยิบจับอะไรก็ดูเหมือนจะผิดไปเสียทุกอย่าง

            การที่เธอตัดสินใจย้ายไปอยู่กับป้าเฉิดคือทางออกที่ดีแล้ว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • แม่ม่ายจำยอมพร้อมกับกระพรวนสมบัติ    ตอนที่ 10 กระพรวนสมบัติ

    วันต่อมาจันดีก็ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้แล้ว ทั้งที่ยังถางหญ้าไม่เสร็จ แต่เธอรู้สึกเกรงใจลุงกับป้า จึงรีบย้ายออก และคิดว่าจะทำความสะอาดไปทุกวัน ไม่เกินหนึ่งสัปดาห์บ้านก็คงน่าอยู่มากแล้ว เฉิดฉันเตรียมเสื่อกก ผ้าห่ม ที่นอน หมอนมุ้งผืนใหม่ให้หลานสาวหลายชุด อีกทั้งยังเตรียมพริก เกลือ ปลาร้า และข้าวสารให้หลานสาวอีกด้วย ส่วนเครื่องครัวจันดีบอกป้าว่าจะเข้าไปซื้อในตลาดเอง เย็นวันนั้นจันดีกำลังถางหญ้าอยู่ข้างกำแพง พลันได้ยินเสียงคนทะเลาะกันอย่างถึงพริกถึงขิง “เมื่อไรแกจะหาเงินไปใช้หนี้ครูถาสักที วันนี้เมียเขามาทวงหนี้ฉันอีกแล้วนะ” “ผมก็หาอยู่นี่ไง แม่ไม่เห็นเหรอ แม่ก็รู้ว่าผมไม่เคยอยู่นิ่งสักวัน วัน ๆ เอาแต่ทำงานงก ๆ แม่เคยเห็นผมพักบ้างไหม” แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่ฟังเหตุผล “ถ้าแกไม่มีปัญญาหาเงินมาใช้หนี้ แกก็ตัดสินใจแต่งงานกับยัยรินซะ” “ผมไม่แต่ง และจะไม่มีวันแต่งด้วย” จันดีจำได้ว่าเสียงที่ตวาดประโยคสุดท้ายนั้นเป็นเสียงของคนที่ชื่อแสงเพื่อนของชยุต และเขาคงทะเลาะอยู่กับแม่ของตน เธอถอนหายใจคล้ายปลงตก ไม่ว่าครอบคร

  • แม่ม่ายจำยอมพร้อมกับกระพรวนสมบัติ    ตอนที่ 9 ทำความสะอาดบ้าน

    หลังมื้ออาหารเย็นฉัตรกุลกับฉายระวียอมนั่งเล่นกับคุณภัทรลูกชายของลุงอย่างว่าง่าย จันดีจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ทุกคนฟัง เล่าเหมือนกับเล่าให้เฉิดฉันและเบญญาฟัง คือเธอกับสามีเลิกกันตั้งแต่เด็กสองคนนี้ยังไม่เกิด และต่างคนต่างแยกย้ายกันไปโดยไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย ถึงจะมีบางอย่างที่เป็นเหมือนช่องโหว่ในเรื่องราวที่จันดีเล่า แต่ทุกคนก็เลือกที่จะปล่อยผ่าน เพราะไม่อยากคาดคั้นเธอมาก บางครั้งกว่าจันดีจะผ่านมาถึงจุดนี้ได้ เธออาจจะบอบช้ำมามากแล้วก็เป็นได้ แต่ทุกคนก็ยังเป็นห่วงเรื่องที่จันดีซื้อบ้านหลังนั้น “แต่บ้านหลังนั้นน่ากลัวมากเลยนะจันดี มีคนที่อยากซื้อบ้านหลังนั้นหลายคน แต่ก่อนถึงวันจ่ายเงินก็ต้องมีอันเป็นไปทุกราย” นอบเอ่ยขึ้นกับหลาน “แต่วันนี้ฉันจ่ายเงินมัดจำไปครึ่งหนึ่งแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นนี่คะ” นอบหันมาสบตากับภรรยา เฉิดฉันจึงยืนยันอีกเสียง “ใช่จ้ะพี่ ฉันคิดว่าเจ้าของบ้านอาจจะอยากให้จันดีไปอยู่บ้านหลังนั้นก็ได้” “ฉันก็คิดเช่นนั้นค่ะ” จันดีว่าเสริมขึ้นอีก “ถ้าคิดอย่างนั้นฉันก็คงไม่ขัดข้องอะไร” นอบกล่าว

  • แม่ม่ายจำยอมพร้อมกับกระพรวนสมบัติ    ตอนที่ 8 หนูไม่มีพ่อค่ะ

    “คิดดีแล้วใช่ไหม” เฉิดฉันถามขึ้นอีกครั้ง แววตายังแฝงความห่วงใยเอาไว้ “คิดดีแล้วค่ะ ฉันชอบบ้านหลังนี้ค่ะ” “แต่ผมว่ามันน่ากลัวนะครับแม่” ฉัตรกุลเอ่ยออกมาโดยไม่ได้คิดอะไรมาก หน้าตาไม่ได้บอกว่ากลัวเหมือนคำพูด “หนูก็ว่ามันน่ากลัวค่ะ มีแต่หญ้าเต็มไปหมด” ปากน้อย ๆ ขยับขึ้นลง สายตามองเข้าไปยังตัวบ้านแล้วพูดขึ้นด้วยความไร้เดียงสา “แม่คะหนูเห็นคนยืนอยู่ในบ้านสองคนค่ะ” ทุกคนมองตามด้วยความตกใจ คมสันต์ มนสิริ และเฉิดฉันขนลุกซู่ไปทั่วร่าง จันดีมองตามที่ลูกบอก เอ่ยขึ้นเสียงราบเรียบ เพราะไม่อยากให้ลูกกลัว “ไม่เห็นมีใครนี่นา ฉายตาฝาดแล้วล่ะ” “แต่ผมก็เห็นนะครับ เป็นผู้หญิงกับผู้ชายแก่ ๆ ยืนยิ้มโบกมือให้ผมด้วยครับ” ไม่ว่าเปล่า ฉัตรกุลหันหน้าไปโบกมือให้คนที่ยืนอยู่บนเรือนด้วย ตอนนี้คมสันต์กับภรรยาและเฉิดฉันต่างหน้าเหวอ ขนลุกตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงศีรษะแล้ว “ฉัน…ฉันว่าเรากลับกันดีกว่า” คมสันต์เริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง มนสิริกับเฉิดฉันก็พยักหน้าเห็นด้วย ตอนนี้เริ่มก้าวขาไม่ออกแล้ว แต่เด็กสองคนยังหัวเราะคิกค

  • แม่ม่ายจำยอมพร้อมกับกระพรวนสมบัติ    ตอนที่ 7 เจ้าของบ้านคนใหม่

    เฉิดฉันแนะนำหลานสาวให้รู้จักผู้ใหญ่บ้านกับภรรยาที่เป็นหัวหน้าศูนย์จำหน่ายสินค้าโอทอป แล้วจึงเล่าให้ผู้ใหญ่บ้านฟังคร่าว ๆ ว่าหลานสาวจะย้ายมาอยู่ที่นี่และอยากไปดูบ้านหลังนั้น คมสันต์กับภรรยาตกใจเล็กน้อยไม่คิดว่าหญิงม่ายลูกสองจะสนใจบ้านหลังนั้น “แม่เฉิดยังไม่ได้เล่าให้จันดีฟังเหรอ” มนสิริภรรยาของผู้ใหญ่บ้านถามออกคล้ายเป็นห่วง “บอกแล้วจ้ะแม่มน แต่จันดีมันบอกว่าไม่กลัว ฉันก็เลยพามันมาหาพ่อผู้ใหญ่นี่แหละ” “อ้อ ฉันก็คิดว่ายังไม่ได้เล่า” ผู้ใหญ่บ้านจึงถามจันดีออกไป “แกไม่กลัวจริง ๆ เหรอจันดี ถ้าซื้อแล้วอยู่ไม่ได้จะไม่เสียใจภายหลังเหรอ” “ฉันไม่กลัวจริง ๆ ค่ะพ่อผู้ใหญ่” คมสันต์ถอนหายใจก่อนพูดออกมา “ความจริงบ้านหลังนั้นก็ดูดีมากทีเดียว ถ้าลูกชายฉันมันกล้าไปอยู่ฉันก็อยากจะซื้อให้มันอยู่หรอก” ตอนนี้ลูกชายเขาก็ยังไม่ออกเรือนเช่นกัน “แล้วเขาขายเท่าไรเหรอคะ” “ขายแค่สามหมื่นห้าเอง ที่ตั้งหนึ่งไร่ บ้านก็หลังใหญ่โต” “ลุงผู้ใหญ่พาฉันไปดูได้ไหมคะ” บ้านพร้อมที่ดินหนึ่งไร่ ขายเพียงสามหมื่น

  • แม่ม่ายจำยอมพร้อมกับกระพรวนสมบัติ    ตอนที่ 6 คุ้นในแววตาคู่นั้น

    เฉิดฉันชะเง้อหน้าออกไปจึงรู้ว่าเพื่อนของลูกชายมาถึงแล้ว เธอจึงตะโกนตอบออกไป “อยู่จ้า กำลังออกไป” เธอหันไปพูดกับหลานสาว “แป๊บนึงนะ ป้าให้คนมาตัดต้นมะม่วงหลังบ้านให้ เมื่อคืนฝนตกหนัก ลมก็พัดแรงจนกิ่งมันหักไปหลายต้น” “ค่ะ” เฉิดฉันเดินออกไป จันดีกับลูกจึงเดินตามออกไปดูด้วย “หักหลายต้นเลยนะครับแม่” สุริยาเอ่ยออกไป สายตามองต้นมะม่วงที่มีกิ่งหักลงมาหลายต้น “ใช่จ้ะ แม่ถึงได้ให้แกมาตัดให้ไง” สุริยาเป็นเพื่อนสนิทของลูกชาย และเขายังมีอาชีพรับจ้างทั่วไป เพราะที่บ้านไม่มีที่ทำกิน เฉิดฉันจึงจ้างให้เขามาตัดต้นไม้ในบ้านให้เสมอ ๆ บางครั้งก็จ้างตัดหญ้า สุริยาหันกลับมามองแม่ของเพื่อนอีกครั้ง แต่สายตาก็อดไม่ได้ที่จะมองเลยไปยังสามคนด้านหลัง สายตาคมกริบสบประสานกันกับดวงตากลมโตวาววามคู่นั้นโดยไม่ได้ตั้งใจ แวบแรกเขารู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาดใจ จากนั้นก็วกกลับมาสนใจคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง “ตัดลงเหมือนเดิมใช่ไหมครับ” “จ้ะ กิ่งไหนมันขึ้นสูงมากก็ตัดลงได้เลย” ฉวีบอก ว่าจบสุริยาไม่ได้พูดพร่ำทำเพลง เขารีบปีนขึ้นต้น

  • แม่ม่ายจำยอมพร้อมกับกระพรวนสมบัติ    ตอนที่ 5 ที่พักพิงหลังใหม่

    ไม่ถึงสิบนาทีอาทิตย์ก็จอดรถตรงหน้าบ้านเฉิดฉัน สามแม่ลูกจึงลงจากรถ เธอกล่าวขอบคุณอีกครั้ง แต่ไม่กล้าหยิบเงินค่าโดยสารให้เขา เพราะกลัวเขาจะหาว่าดูถูก อีกอย่างเธอพอรู้ว่าน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ คนต่างจังหวัดไม่เคยเก็บมาใส่ใจ เอาไว้เธอจะหาโอกาสตอบแทนเขาก็แล้วกัน รอให้เขาเคลื่อนรถอีแต๊กออกไปจันดีจึงพาลูกเข้าไปในบ้านของป้า ยังดีที่ฝนไม่ได้ตกลงมาอย่างที่เธอนึกกลัวในคราแรก “จันดีมาได้ยังไง” เฉิดฉันถามขึ้นด้วยความตื่นเต้นเมื่อเห็นหน้าหลานสาว พร้อมกับเหลือบมองเด็กน้อยหน้าตาดีชายหญิงอีกสองคนที่ยืนมองเธอตาแป๋วอยู่ข้างกายจันดี “แล้วนี่ลูกใคร” คิ้วของเฉิดฉันขมวดเข้าหากันทันที ในใจนึกฉงนขึ้นมา หากเป็นลูกจันดีเหตุใดเธอไม่ได้ข่าวว่าหลานสาวแต่งงาน แต่ถ้าบอกว่าไม่ใช่ ใบหน้าเด็กหญิงก็มีเค้าโครงละม้ายจันดีอยู่หลายส่วน ส่วนเด็กชายนั้นก็ดูหล่อเหลาตั้งแต่เด็ก แต่มองมุมไหนก็ไม่มีส่วนคล้ายกับคนในครอบครัวแม้แต่คนเดียว อาจจะมีส่วนคล้ายกับครอบครัวทางพ่อกระมัง “เดี๋ยวฉันเล่าให้ฟังค่ะ” “เออ ๆ เข้าบ้านก่อน” เฉิดฉันรีบพาหลานเข้าบ้าน ไม่วายยังแอบสังเกตกระเป๋าใบใหญ่ที่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status