Share

บทที่13 ขุดหลุมฝังตนเอง

last update Last Updated: 2025-09-27 14:10:30

"เจ้าควรลืมเหตุการณ์นั้นไปเสีย มิเช่นนั้น..." น้ำเสียงของนางเย็นชาและอำมหิต "ข้าจะทำให้เจ้าสูญเสียลูกหลานทั้งหมด และจากนั้นชีวิตของเจ้าจะมีแต่ความว่างเปล่า"

"ข้าน้อยไม่กล้าอีกแล้วขอรับ!"

เสิ่นอวี้เจาหยิบสร้อยไข่มุกขึ้นสวมด้วยท่าทีดูแคลน ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป ด้วยความสง่างามอย่างไม่แยแส ทิ้งให้เจียงเฉินยืนถอนหายใจอยู่เพียงลำพัง

ยามเหมา, ท้องพระโรงเฉิงเฉียน

ฮ่องเต้ทรงฉลองพระองค์มังกรสีทอง ประทับบนพระที่นั่งมังกรอย่างสง่างาม ขณะฟังเหล่าขุนนางรายงานราชการ พระเนตรทรงมองไปทางเสิ่นอวี้เจา ผู้ยืนอยู่เบื้องล่างของขั้นบันไดหินอ่อนเป็นระยะ

'อวี้เจา อวี้เจา? เจ้าได้ยินความคิดข้าหรือไม่? นี่เจ้ามาประชุมราชการนะ ห้ามกินของว่างเช่นนี้ มันทำให้ข้าเสียสมาธิมาก'

เสิ่นอวี้เจาไม่ได้สังเกตพระเนตรของฮ่องเต้ นางเพียงหยิบขนมไส้เม็ดบัวออกมาจากแขนเสื้อ เคี้ยวกินอย่างเปิดเผยโดยไม่สนใจสายตาผู้อื่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความสบายใจ ประหนึ่งกำลังกินเพื่อประชาชนทั้งปวง

นางไม่มีทางเลือกอื่น ใครใช้ให้มัวแต่หลับเพลินจนพลาดมื้อเช้าเล่า? การอดอาหารเช้าเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้เด็ดขาด!

จนกระทั่งหลิวสือหลางที่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นว่าฮ่องเต้ทรงจับจ้องมองนาง จึงแอบสะกิดเตือนด้วยความหวังดี เสิ่นอวี้เจาจึงเงยหน้าขึ้นอย่างเสียไม่ได้ แล้วก็เห็นฮ่องเต้ทรงกลืนน้ำลายลงคอ

"เอ่อ...เสิ่นอวี้เจา" ฮ่องเต้ทรงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยที่ถูกจับได้ จึงทรงหาเรื่องกลบเกลื่อน "หลายวันก่อน ข้ามอบหมายเรื่องหนึ่งให้เจ้า จนบัดนี้ไปถึงไหนแล้ว?"

สีหน้าของเสิ่นอวี้เจาไม่เปลี่ยนเลยสักนิด "ฝ่าบาทหมายถึงเรื่องใดหรือเพคะ?" ท่าทางของนางแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอย่างเต็มที่

"ก็เรื่องหาคู่ให้รัชทายาทอย่างไรเล่า" ฮ่องเต้ทรงกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พยายามชี้แนะ "ครั้งก่อนเจ้าบอกว่าจะหาหญิงสาวจากตระกูลขุนนางที่งดงามและอ่อนโยนให้กับเขา..."

"หม่อมฉันไม่เคยรับปากเช่นนั้นเลย" เสิ่นอวี้เจาตอบกลับโดยไร้ความเกรงใจ น้ำเสียงหนักแน่นและเยือกเย็น "อย่างมากสุด หม่อมฉันรับประกันได้เพียงสองเงื่อนไข หนึ่งคือเป็นสตรี สองคือยังมีชีวิตอยู่"

ฮ่องเต้ถึงกับทรงกลอกพระเนตรด้วยความเหนื่อยใจ หากไม่ใช่เพราะอยู่ต่อหน้าขุนนางฝ่ายบุ๋นและบู๊ทั้งหมด พระองค์คงอยากจะลุกขึ้นไปจับไหล่ของนางเขย่าให้หายโมโหเสียจริง

นี่คือรูปแบบการโต้ตอบที่เป็นเอกลักษณ์ระหว่างทั้งสองฝ่าย เสิ่นอวี้เจารับหน้าที่พูดจายียวนกวนประสาท ส่วนฮ่องเต้ก็ทรงทำหน้าที่พระบิดาที่รัก และตามใจลูกบุญธรรมหัวดื้ออย่างไร้เงื่อนไข

แต่ความจริงพิสูจน์ว่า มักมีคนบางคนที่อ่านสถานการณ์ไม่ออก และคิดว่าตนฉลาดจนชอบแทรกแซง 

เช่นท่านเซี่ยงต้าซือหวงและเสนาบดีซวี

"ท่านหญิงเสิ่น พูดเช่นนี้มิถูกต้อง" เขากล่าวคัดค้าน "องค์ รัชทายาทนั้นยังทรงพระเยาว์ และเปี่ยมด้วยพระปรีชา ทรงเป็นยอดคนแห่งฟ้า ไม่ว่าพระองค์จะทรงอภิเษกกับสตรีใด ย่อมถือเป็นพรอันประเสริฐแก่ทั้งครอบครัวของฝ่ายนั้น ท่านหญิงเสิ่นในฐานะผู้จับคู่ ไม่ควรรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องยาก"

คำพูดนี้ทำให้ฮ่องเต้ถึงกับอับอาย ทรงรีบยกชาในมือขึ้นดื่มเพื่อกลบเกลื่อน แต่สิ่งที่ตามมาคือเสียงตอบกลับอย่างใจเย็นของเสิ่นอวี้เจา 

"ท่านพูดได้ดีมีเหตุผล"

มีเหตุผล พระองค์เองในฐานะพระบิดา ยังไม่กล้าเอ่ยชมอย่างพร่ำเพรื่อเช่นนี้!

แต่เห็นได้ชัดว่าเสิ่นอวี้เจายังพูดไม่หมด

"ที่ข้ากล่าวเมื่อครู่นั้นเป็นเพียงคำพูดล้อเล่นเท่านั้น ในฐานะผู้จับคู่ แน่นอนว่าข้าต้องเลือกพระชายาที่ดีที่สุดให้กับองค์ไท่จื่อ" นางหันไปเผชิญหน้ากับฮ่องเต้ ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นในทุกถ้อยคำ "ฝ่าบาท หม่อมฉันพึ่งนึกขึ้นได้ว่าบุตรีของท่านเสนาบดีซวี อายุถึงเกณฑ์แต่งงานแล้ว และก่อนหน้านี้ข้าเคยได้ยินว่า คุณหนูซวีเป็นสตรีที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถ อ่อนโยน และรู้จักกาลเทศะ หากได้อภิเษกกับองค์รัชทายาท คงเป็นคู่ที่เหมาะสมดุจฟ้าประทานเพคะ"

ตอนนั้นเอง ท่านเสนาบดีซวีเพิ่งเข้าใจคำว่า 'ขุดหลุมฝังตนเอง' อย่างแท้จริง ถ้ายังคิดจะเอาแต่ขัดขวางเสิ่นอวี้เจาต่อไป สุดท้ายก็คงไม่พ้นต้องเสียหน้า และเสียลูกสาวไปอีกด้วย เหงื่อเย็นไหลซึมลงบนหน้าผากแทบจะทันที เขารีบตอบกลับทันควัน

"กระหม่อมมิบังอาจ! บุตรีคนเล็กของกระหม่อม ไม่คู่ควรกับองค์รัชทายาทเลยแม้แต่น้อย ขอฝ่าบาทโปรดพิจารณาพ่ะย่ะค่ะ!"

"ข้าเคยพูดแล้วว่าการเลือกคู่ครองให้เชื้อพระวงศ์นั้น ข้ามอบหมายให้เสิ่นอวี้เจาเป็นผู้ตัดสินใจ พวกเจ้ากลับไปหารือกันเองเถิด" ฮ่องเต้ทรงทราบดีว่าเสิ่นอวี้เจา แค่ต้องการตอกย้ำท่านเสนาบดีซวีเพื่อให้เขาสงบลง จึงไม่ได้แทรกแซง ทรงแสดงท่าทีชัดเจนว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้า ก่อนยกพระหัตถ์ขึ้นและตรัสว่า "ดูเหมือนพวกเจ้าจะรายงานกิจการบ้านเมืองกันจบแล้ว เลิกประชุมเถิด"

ขันทีที่อยู่ข้างๆ ยกไม้ขนไก่ขึ้นและเปล่งเสียงประกาศ "เลิกประชุม หมอบกราบ"

"ถวายพระพรฝ่าบาท ทรงพระเจริญ หมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี"

เสียงของเสิ่นอวี้เจาสงบนิ่ง แต่ท่านเสนาบดีซวี กลับฟังดูเหมือนจะสำลักน้ำตา ขณะที่มองแม่สื่อเสิ่นเดินออกจากท้องพระโรงโดยไม่เหลียวหลัง เขารีบวิ่งตามไปทันที

"ท่านหญิงเสิ่น โปรดหยุดก่อน!"

เสิ่นอวี้เจาหยุดกะทันหันโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า หมุนตัวกลับมามอง ทำให้เขาเกือบชนเข้ากับอกของนาง รีบยื่นมือประคองไหล่นาง

 "ท่านเสนาบดี โปรดรักษากิริยาด้วยเถิด"

ท่านเสนาบดีซวีแทบจะร้องไห้แต่ไร้น้ำตา "ข้าหวังว่าท่านหญิงเสิ่นจะไม่ถือโทษโกรธเคือง ที่ข้าพูดไปอย่างบุ่มบ่ามเมื่อครู่..."

"ข้าจะถือโทษท่านเสนาบดีได้อย่างไรเล่า?" เสิ่นอวี้เจากล่าวอย่างจริงใจ "ท่านเสนาบดีก็กำลังจะเป็นญาติกับฝ่าบาทอยู่แล้ว ไหนเลยข้าจะกล้าหยาบคาย"

คำพูดนี้น่ากลัวเสียยิ่งกว่าถูกตบหน้า เสนาบดีซวีตัวสั่น รีบกล่าวคำขอโทษซ้ำๆ "บุตรีคนเล็กของข้าไม่คู่ควรกับองค์         รัชทายาทจริงๆ ขอท่านหญิงเสิ่นโปรดเมตตา และหาคู่ที่เหมาะสมกว่านี้เถิด!"

แม้เสิ่นอวี้เจาจะมัวแต่คิดเลขในใจ นางก็ยังปรายตามองเขาอย่างเยือกเย็น

"ท่านเสนาบดีซวี เพิ่งกล่าวชมองค์รัชทายาทด้วยความปลื้มปิติแท้ๆ ข้าจึงยอมแบกรับแรงกดดันจากเหล่าขุนนางสนมราชสำนัก และตั้งใจจะจัดคู่ให้เขา แต่ในพริบตาเดียวท่านเสนาบดีกลับเปลี่ยนใจ ท่านคิดจะเล่นตลกกับข้าหรืออย่างไร?"

'ก่อเรื่องเองแท้ๆ แล้วใครเล่าจะช่วยข้าได้!' ท่านเสนาบดีซวีคิดในใจ ยิ่งนึกถึงโอกาสที่บุตรีของเขาอาจต้องประสบเหตุในจวนองค์รัชทายาท เขาก็ยิ่งกังวลจนแทบยืนไม่ติด ยังต้องพึ่งพาแม่สื่อตรงหน้าช่วยหาคู่ให้ลูกชายอีกสองคนของเขาในภายภาคหน้า

เสนาบดีซวีกัดฟันแน่น ก่อนควักตั๋วเงินปึกหนึ่งออกมาจากอกเสื้อและยื่นส่งให้ "สิ่งนี้ถือเป็นค่าชดเชยความลำบากใจของท่านหญิงเสิ่น ขอโปรดรับไว้เถิด!"

เสิ่นอวี้เจาเพียงเหลือบมองอย่างรวดเร็ว ก็ประเมินมูลค่าได้ทันที นางถอนหายใจ ก่อนรับมาอย่างสง่างามและเหน็บไว้ที่เอว สีหน้าแฝงความหมาย เสียหายหนักจริงๆ ราวกับนางถูกบีบจนต้องยอม

"หากเป็นคนอื่น ข้าไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้แน่ แต่เพราะเห็นแก่ความจริงใจของท่านเสนาบดี ข้าก็ไม่อาจทำอะไรได้นอกจากแสร้งทำเหมือนว่า เรื่องในที่ประชุมวันนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ท่านเห็นด้วยหรือไม่?"

"เห็นด้วยอย่างยิ่ง ท่านหญิงเสิ่น!"

นางพยักหน้าตอบรับอย่างสมเหตุสมผล "ก็ควรจะเป็นเช่นนั้น"

ความโชคร้ายที่หลีกเลี่ยงได้ ก็คงจะมีลักษณะเช่นนี้เอง

บ้านไหนมีลูกสาว ต่างหวาดผวากลัวถูกจับแต่งงานกับดาวพิฆาต!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่16 สติฟั่นเฟือน

    ตั้งแต่นั้นมา ความหวาดกลัวที่ฉู่เหม่ยหลิน มีต่อฉู่มู่ฉือก็ยิ่งลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ ในทางกลับกัน ภาพลักษณ์ของเสิ่นอวี้เจาในสายตานางกลับยิ่งดูสูงส่งมากขึ้น จนกระทั่งกลายเป็นความชื่นชมในระดับสูงสุดเช่นทุกวันนี้เรื่องจริงพิสูจน์แล้วว่า ทุกครั้งที่ฉู่มู่ฉือรังแกน้องสาว เสิ่นอวี้เจามักจะต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเสมอ"ฝ่าบาทอย่าก่อเรื่อง มิใช่ว่าท่านต้องการชักใยด้ายแดง เพื่อนำทางให้องค์หญิงที่หลงทาง รู้จักกลับตัวกลับใจหรือ?""ข้าไม่ได้กำลังเตือนนางอยู่หรือ?""ขอฝ่าบาทโปรดวางถ้วยน้ำชาเสียก่อน ทรงอย่าทำท่าเหมือนกำลังจะสาดน้ำใส่เลย"ใบหน้าของฉู่มู่ฉือหนาเท่ากับกำแพงเมืองสิบชั้น แม้วิธีการบีบบังคับของเขาจะถูกเปิดโปง แต่ก็ยังคงไม่แสดงอาการลำบากใจ กลับหัวเราะอย่างสดใสแทน"เอาล่ะ เรามาเข้าเรื่องสำคัญกันเถอะ เหม่ยหลินบอกพี่สามมา หากคนรักของเจ้ากลายเป็นคนเสียสติ เจ้ายังจะรักเขาอยู่หรือไม่?"

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่15 ทาบทามองค์หญิง

    ในตำหนักจวี้ซิ่วกลิ่นหอมอ่อนๆ จากกระถางธูปรูปทรงสัตว์มงคล ลอยอ้อยอิ่งในอากาศ ชุดน้ำชาเบญจรงค์ลายครามที่บรรจุชาเขียว สาวใช้เพิ่งชงใหม่ยังคงส่งไอร้อนล่องลอย ขณะที่ฉู่เหม่ยหลิน องค์หญิงในฉลองพระองค์สีแดงสดงดงามน่าหลงใหล ยิ้มแย้มพลางยกถาดขนมมาให้แขกที่มาโดยไม่ได้รับเชิญ"ท่านพี่สาม พี่หญิงเสิ่น" ฉู่เหม่ยหลินกล่าวทักทายอย่างนุ่มนวล สายตาเปล่งประกายความเย้ยหยันเล็กน้อย เมื่อมองไปยังฉู่มู่ฉือ "ท่านทั้งสองมาเยี่ยมข้าพร้อมกัน ช่างเป็นเรื่องน่าประหลาดใจยิ่งนัก"ฉู่มู่ฉือนั่งลงบนเก้าอี้ไม้เนื้อดีโดยไม่รอคำเชิญ สายตาที่ทอดมองน้องสาวเต็มไปด้วยความยียวน "ข้าได้ยินข่าวว่าเจ้า'สนใจ' ลูกชายตระกูลซู น่าสนุกไม่น้อยเลยทีเดียว"ฉู่เหม่ยหลินยิ้มมุมปาก ขณะวางถาดขนมลงบนโต๊ะ "ข่าวลือนั้นจริงเท็จเพียงใด ยังไม่ถึงคราวที่พี่สามจะต้องมากังวลใจ กระนั้น ข้ากลับสงสัยมากกว่า ว่าท่านพี่มีธุระอันใดถึงได้มาเยือนที่นี่ได้ หรือเพียงเพราะแค่ต้องการความรื่นรมย

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่14 ปัญหาหนักอก

    ขณะที่ท่านเสนาบดีซวีเดินจากไปด้วยความโล่งอก เสิ่นอวี้เจากำลังจะจากไป แต่อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆ ดังมาจากด้านหลัง นางหันกลับไปมอง ก็พบว่าผู้ที่มาเป็นราชครูซูแห่งราชสำนัก"อวี้เจา" อีกฝ่ายยิ้มเรียกนาง "คุยกับข้าสักหน่อยได้หรือไม่?"ราชครูซูแม้จะเป็นขุนนางอาวุโสที่ได้รับความนับถืออย่างสูง แต่กลับมีนิสัยเหมือนกับฮ่องเต้ทุกประการ กล่าวคือแม้จะแก่แต่ก็ยังอย่างประหลาด และยังชอบทำตัวเหมือนบิดา ที่เอ็นดูลูกหลานมากเกินไปเสมอ อีกทั้งเขามักจะเรียกนางด้วยชื่อรองตรงๆ ซึ่งชวนให้อึดอัดไม่น้อย เพราะอย่างไรก็ไม่ใช่ญาติพี่น้องกัน และถือว่าเป็นคนในราชสำนักเหมือนกันด้วย"ราชครูซู หากท่านมีอะไรจะพูด ก็พูดมาตรงๆ เถิด" เสิ่นอวี้เจาเงยหน้ามองชายชราอาวุโส บอกเผยให้ทราบว่านางรู้จุดประสงค์ของเขาแล้ว "หรือว่าท่านคิดตกแล้ว และตัดสินใจรับข้อเสนอของฝ่าบาท ให้ข้าหาคู่เคียงให้ท่าน?"ราชครูซูหน้าแดงทันที "อย่าเดาสุ่มสี่สุ่มห้า!""ข้าก็เดาไปเรื่อย" นางตอบ

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่13 ขุดหลุมฝังตนเอง

    "เจ้าควรลืมเหตุการณ์นั้นไปเสีย มิเช่นนั้น..." น้ำเสียงของนางเย็นชาและอำมหิต "ข้าจะทำให้เจ้าสูญเสียลูกหลานทั้งหมด และจากนั้นชีวิตของเจ้าจะมีแต่ความว่างเปล่า""ข้าน้อยไม่กล้าอีกแล้วขอรับ!"เสิ่นอวี้เจาหยิบสร้อยไข่มุกขึ้นสวมด้วยท่าทีดูแคลน ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป ด้วยความสง่างามอย่างไม่แยแส ทิ้งให้เจียงเฉินยืนถอนหายใจอยู่เพียงลำพังยามเหมา, ท้องพระโรงเฉิงเฉียนฮ่องเต้ทรงฉลองพระองค์มังกรสีทอง ประทับบนพระที่นั่งมังกรอย่างสง่างาม ขณะฟังเหล่าขุนนางรายงานราชการ พระเนตรทรงมองไปทางเสิ่นอวี้เจา ผู้ยืนอยู่เบื้องล่างของขั้นบันไดหินอ่อนเป็นระยะ'อวี้เจา อวี้เจา? เจ้าได้ยินความคิดข้าหรือไม่? นี่เจ้ามาประชุมราชการนะ ห้ามกินของว่างเช่นนี้ มันทำให้ข้าเสียสมาธิมาก'เสิ่นอวี้เจาไม่ได้สังเกตพระเนตรของฮ่องเต้ นางเพียงหยิบขนมไส้เม็ดบัวออกมาจากแขนเสื้อ เคี้ยวกินอย่างเปิด

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่12 เจ้าคนสารเลว

    ในความทรงจำของเสิ่นอวี้เจา เจ้าคนสารเลวนี่ไม่เคยทำอะไรดีๆ เลยสักครั้ง รู้แค่จะเอาหนอนตัวอ้วนมาโยนใส่เสื้อของนาง หรือเอาเถ้าถ่านไปใส่รองเท้า หรือบางทีก็ยืนอ่านจดหมายรักของนางเสียงดังๆ ต่อหน้าฝูงชน...กล่าวโดยรวมแล้ว หากเขาปรากฏตัวขึ้นที่ใด ที่นั่นก็ต้องเกิดเหตุเภทภัยเสมอส่วนเรื่อง "ตามใจ" อะไรนั่น ก็ไม่เคยเห็นเลยสักครั้งเดียวฉู่มู่ฉือไม่ได้โกรธ แต่ยิ่งกว่านั้นเขาเพียงหัวเราะเบาๆ พร้อมลูบไล้ตัวนางอย่างอ้อยอิ่ง ปลายนิ้วไล่ผ่านลำคอขาวเนียนลงมาที่ไหปลาร้าบอบบาง แล้วเลื่อนไปถึงทรวงอกที่โค้งงอน..."คนเลว!" เสิ่นอวี้เจาฟาดมือของเขาด้วยเสียง "เพียะ" อย่างไม่ลังเล แต่ทันทีที่คำพูดหยาบคายหลุดจากปาก นางก็รู้ตัวว่ามันไม่เหมาะกับความสง่างามของขุนนางหญิง จึงรีบกระแอมเปลี่ยนน้ำเสียงทันควัน "อะแฮ่ม...หม่อมฉันเองก็ชั่วช้าเช่นกัน ดังนั้นการใกล้ชิดกับฝ่าบาทมากเกินไปเช่นนี้ นับว่าไม่อาจให้อภัยได้ หม่อมฉันควรกลับห้องเสียที"หางตาของฉู่มู่ฉือยกขึ้นเล็กน้อย

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่11ขวัญผวาฉายาดวงพิฆาต

    ด้วยคำเตือนก่อนหน้านี้ของเสิ่นอวี้เจา เหล่าคุณหนูล้วนรู้ว่าไท่จื่อชอบสตรีที่กล้าหาญและตรงไปตรงมา พวกนางจึงพยายามแสดงท่าทีที่งดงามที่สุด ดวงตายั่วเย้า มือหยกกวักเรียก แต่แล้วคุณหนูจากตระกูลเฉียนที่ดูจะกระฉับกระเฉงเกินไป กลับสะบัดสะโพกใหญ่อันอวบอิ่มของนางเข้าใกล้ฉู่มู่ฉือในใจที่ร้อนรุ่มดั่งไฟเผา ฉู่มู่ฉือขบฟันแน่น ยกมีดผลไม้บนโต๊ะขึ้นมาอย่างเงียบเชียบ ใครจะคาดคิดว่าเสิ่นอวี้เจาจะตบหลังมือเขาอย่างรวดเร็ว มีดจึงลื่นหลุดจากมือและบินออกไป ทันใดนั้น ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นก็ได้เห็นหายนะความผิดพลาด ในยามที่ฉู่มู่ฉือโกรธเกรี้ยว มีดที่หลุดมือพุ่งตรงไปหาขาซ้ายของคุณหนูเฉียนเสียงกรีดร้องดังก้องเหมือนหมูถูกเชือดเจียงเฉินกลับรู้สึกสงบในทันที เขารู้ดีว่าหากมีการนองเลือดเล็กน้อย การแสดงเลือกคู่ในวันนี้อาจต้องจบลง การเสียสละคนหนึ่งเพื่อให้คนอื่นมีความสุข นับเป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่า อีกทั้งคุณหนูเฉียนมีรูปร่างที่อ้วนท้วม การเสียเลือดเพียงเล็กน้อยคงไม่ทำให้นางอ่อนแอลง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status