Share

บทที่12 เจ้าคนสารเลว

last update Last Updated: 2025-09-26 14:10:09

ในความทรงจำของเสิ่นอวี้เจา เจ้าคนสารเลวนี่ไม่เคยทำอะไรดีๆ เลยสักครั้ง รู้แค่จะเอาหนอนตัวอ้วนมาโยนใส่เสื้อของนาง หรือเอาเถ้าถ่านไปใส่รองเท้า หรือบางทีก็ยืนอ่านจดหมายรักของนางเสียงดังๆ ต่อหน้าฝูงชน...กล่าวโดยรวมแล้ว หากเขาปรากฏตัวขึ้นที่ใด ที่นั่นก็ต้องเกิดเหตุเภทภัยเสมอ

ส่วนเรื่อง "ตามใจ" อะไรนั่น ก็ไม่เคยเห็นเลยสักครั้งเดียว

ฉู่มู่ฉือไม่ได้โกรธ แต่ยิ่งกว่านั้นเขาเพียงหัวเราะเบาๆ พร้อมลูบไล้ตัวนางอย่างอ้อยอิ่ง ปลายนิ้วไล่ผ่านลำคอขาวเนียนลงมาที่ไหปลาร้าบอบบาง แล้วเลื่อนไปถึงทรวงอกที่โค้งงอน...

"คนเลว!" เสิ่นอวี้เจาฟาดมือของเขาด้วยเสียง "เพียะ" อย่างไม่ลังเล แต่ทันทีที่คำพูดหยาบคายหลุดจากปาก นางก็รู้ตัวว่ามันไม่เหมาะกับความสง่างามของขุนนางหญิง จึงรีบกระแอมเปลี่ยนน้ำเสียงทันควัน "อะแฮ่ม...หม่อมฉันเองก็ชั่วช้าเช่นกัน ดังนั้นการใกล้ชิดกับฝ่าบาทมากเกินไปเช่นนี้ นับว่าไม่อาจให้อภัยได้ หม่อมฉันควรกลับห้องเสียที"

หางตาของฉู่มู่ฉือยกขึ้นเล็กน้อย "เจ้าจะไปไหน? อยู่ที่นี่กับข้าดีกว่า นอนด้วยกันเพื่อสร้างความรู้สึกเสียเลย"

"หม่อมฉันกับฝ่าบาท รู้จักกันมานานนับสิบปี" นางกัดฟัน กล่าวในใจ สร้างความรู้สึกอะไร ข้าอยากคว้าหมอนแล้วตีเจ้ามากกว่า

"มีคำกล่าวว่า 'สหายที่รู้จักกันนาน มักกลายเป็นความรัก' เจ้าซึ่งเป็นแม่สื่อแม่ชัก ก็ควรเข้าใจหลักการนี้"

น้ำเสียงที่เขาใช้พูดคำว่า "แม่สื่อแม่ชัก" ทำให้นางนึกถึงแม่สื่อธรรมดาที่พบตามท้องถนน ทำให้เสิ่นอวี้เจาโกรธจนเลือดขึ้นหน้า แต่ก็รู้ว่าการต่อปากต่อคำคงไร้ประโยชน์ มีแต่จะทำให้เรื่องบานปลาย

"ฝ่าบาทปล่อยหม่อมฉันเถิด อย่างมากที่สุดจะหาคนที่เหมาะสมให้พระองค์ในอีกไม่กี่วัน โปรดอย่าสร้างปัญหาให้หม่อมฉันอีกเลย"

ฉู่มู่ฉือยิ้มลึกที่มุมปาก "น่าเสียดายจริงๆ เพราะที่จริงแล้ว ข้าชอบท่านหญิงเสิ่นมาตลอด เจ้าช่างพูดจาหวานจับใจ วางแผนได้ร้อยอย่างในพริบตา งดงามดุจบุปผา เก่งทั้งบู๊และบุ๋น...ข้าล่ะอยากจะผูกพันกับเจ้าเหลือเกิน"

นางถึงกับพูดอะไรไม่ออกในชั่วขณะ ข้าทำอะไรให้ต้องลงเอยถึงขั้น 'ผูกพัน' กับเจ้าเนี่ย!?

"หม่อมฉันเห็นด้วยกับคำชื่นชมของฝ่าบาทเป็นอย่างยิ่ง แต่ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้" เสิ่นอวี้เจารู้ว่าเกลี้ยกล่อมเขาไม่ได้ผล จึงตัดสินใจเลือกใช้วิธีการรุนแรงเพื่อฝ่าด่าน "ฝ่าบาทโปรดอภัย หม่อมมีเรื่องสำคัญต้องทำในยามเช้า ขออนุญาตทูลลา”

"รีบร้อนเพราะนัดพบกับน้องห้ารึ?"

"..." นางพยายามผลักเขาออก สีหน้ายังคงแข็งทื่อ "เป็นแม่สื่อแม่ชัก แน่นอนว่าต้องไปทำหน้าที่ ฝ่าบาทควรรู้ว่าที่เมืองหลวงยังมีหญิงชายอีกมาก ที่รอให้หม่อมฉันไปช่วย"

ฉู่มู่ฉือยิ้ม แต่มันเป็นยิ้มที่เหมือนไม่ยิ้ม "เช่นนั้น เจ้าควรช่วยข้าก่อนเป็นคนแรก"

เมื่อเห็นว่าเขาเริ่มจะทำตัวหยาบคายเป็นรอบที่สอง เสิ่นอวี้เจาก็ฉลาดคิดออกในทันที หรืออาจจะเรียกว่า "สุนัขจนตรอกกระโจนข้ามรั้ว" นางใช้พละกำลังทั้งหมด เตะมุมเตียงจนเตียงพังครืน แล้วรวบรวมพลังจากจุดตันเถียนร้องตะโกนเสียงดังลั่น

"คนร้าย! จับคนร้าย! ปกป้ององค์รัชทายาท!"

ไม่ทันได้พูดจบ เตียงไม้สาลี่ขนาดใหญ่ก็พังครืนลงทันที ม่านไม้ไผ่หล่นคลุมร่างของทั้งสองเอาไว้จนมิด

เสิ่นอวี้เจา "..." ข้าไม่ยอมรับเด็ดขาด ว่านี่เป็นเพราะข้าแรงเยอะเกินไป มันต้องเป็นโชคร้ายของฉู่มู่ฉือต่างหาก ที่ทำให้เตียงดีๆ ต้องพังลงเช่นนี้!

แต่ความเป็นจริงพิสูจน์ว่านางไม่มีเวลาคิดอะไรอีกแล้ว สิ่งสำคัญในตอนนี้ คือรีบคลานออกจากความวุ่นวายให้เร็วที่สุด

เมื่อเจียงเฉินได้ยินเสียงโครมคราม ก็นำเหล่าทหารองครักษ์วิ่งเข้ามา เขามองเห็นเจ้านายของตนกับองค์รัชทายาทกำลังดิ้นรนอยู่หลังม่าน เขารีบยกมือปิดปากด้วยตกใจ และหลังจากนิ่งไปชั่วขณะ เขาก็โบกมือให้พรรคพวกถอยกลับด้วยท่าทีคลุมเครือ

"ฝ่าบาทกำลังหยอกล้อกับท่านหญิงเสิ่น เราอย่ารบกวนเลย แยกย้ายกันไปเร็ว"

ไม่มีใครรู้ว่า แม้เจียงเฉินจะทำท่าทางสุขุมในตอนนี้ แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความฮึกเหิม จนแทบจะระเบิดออกมา

ท่านหญิงเสิ่นช่างยอดเยี่ยมนัก! ปราบองค์รัชทายาทได้อยู่หมัด เท่านั้นไม่พอยังเล่นซะเตียงพังอีก ช่างกล้าหาญและชาญฉลาดเสียจริง! ข้าสาบานว่าจะติดตามท่านไปตลอดชีวิต!

ตลอดหลายวันที่ผ่านมา เสิ่นอวี้เจาเอาแต่หลีกเลี่ยงฉู่มู่ฉือ ราวกับเขาเป็นเทพเจ้าแห่งโรคระบาด แน่นอนในสายตาของนาง ฉู่มู่ฉือก็ไม่ต่างจากสิ่งที่คิดเลย เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเขา นางถึงขั้นสั่งให้เจียงเฉินไปเอาอาหารจากครัวแทน และเมื่อใดที่ต้องออกไปทำธุระ ก็เร่งรีบเสียจนดูเหมือนใช้วิชาตัวเบา เมื่อกลับถึงตำหนักนางปิดหน้าต่างแน่นหนา กระทั่งตอกตะปูเหล็กไว้ด้านใน ดูราวกับระวังขโมยอย่างรอบคอบที่สุด

สุดท้ายแล้วฉู่มู่ฉือก็ไม่ได้มาหานาง...แต่เจียงเฉินนี่สิ ที่ต้องทนทุกข์แทน

"ท่านหญิง ท่านนี่ไม่มีหัวใจจริงๆ!" องครักษ์ผู้โชคร้าย ถึงกับกล่าวประณามอย่างเปิดเผย พร้อมน้ำตาคลอ

"ข้าทำอะไรเจ้า? แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไร ว่าเจ้าจะเอาโจ๊กมาให้ตั้งแต่เช้า?"

เจียงเฉินนั่งกอดเท้าของตนที่ถูกตะปูตำจนเป็นรูพรุน ใบหน้าเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ "ข้าน้อยนำอาหารเช้ามาเวลาเดิมทุกวันอยู่แล้ว!"

สิ่งที่เขาพูดคือความจริง เสิ่นอวี้เจารู้ดีในใจ แต่นางกลับไม่แสดงความรู้สึกผิดออกมาแม้แต่น้อย ใบหน้าที่เย็นชาของนางยังคงนิ่งสนิท มีเพียงข้อแก้ตัวที่กล่าวออกมา "แล้วทำไมเจ้าไม่หลบเล่า? องครักษ์อย่างเจ้ายังไม่ฝึกวิชามาให้ดี ถ้าข่าวแพร่ออกไป ข้าคงได้อับอายแทน"

"ท่านทรยศความไว้วางใจของข้า! ใครจะไปคิดว่าท่านจะวางกับดักในห้องเช่นนี้?!"

นางค่อยๆ หยิบตั๋วเงินจำนวนหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ ยื่นให้เจียงเฉิน พร้อมพูดปลอบด้วยน้ำเสียงใจเย็น "อย่าบ่นไปเลย ข้ามิได้ตั้งใจจริง "

"..." เจียงเฉินเหลือบมองมูลค่าของตั๋วเงิน รู้สึกว่านายหญิงของเขานั้นช่างใจกว้าง แต่ก็ยังลุกขึ้นยืนด้วยอาการขาเป๋ "เอาเถอะ ถือว่าแค่แผลเล็กๆ ข้าจะกลับไปพักสักสองสามวัน"

เสิ่นอวี้เจาพูดเสียงเรียบ "เจ้าบอกว่าแค่แผลเล็กๆ ต้องลางานไปด้วยหรือ? นี่เจ้าไม่ปฏิบัติหน้าที่แล้ว?"

"..." นี่มันหน้าด้านหาเรื่องกันชัดๆ!

"เจ้าเฝ้าดูองค์รัชทายาทให้ดี อย่าให้เขาออกมาสร้างเรื่องจนตนเองเดือดร้อนอีก" นางกล่าวพลางหยิบชุดขุนนางขึ้นมาใส่ "ข้าจะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทเสียหน่อย"

การเข้าร่วมประชุมว่าราชการเป็นเรื่องจริงจัง แต่การที่นางพูดออกมา เหมือนกำลังจะออกไปเดินเล่น ทำให้เจียงเฉินถึงกับลูบหน้าผากเบาๆ ด้วยความปลง "ท่านไม่ได้ไปว่าราชการมากกว่าครึ่งเดือน ข้าน้อยว่าฮ่องเต้ทรงลืมท่านไปแล้ว"

"ลืมไปก็ดี ข้าเองก็ไม่อยากฟังเรื่องเหลวไหลพวกนั้นอยู่แล้ว" เสิ่นอวี้เจาส่งเสียงหึในลำคอ "ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ พระราชวังถือว่าเป็นสถานที่หลบภัยที่สมบูรณ์แบบ"

เพราะฉู่มู่ฉือไม่เคยไปว่าราชการ นางจึงไปที่นั่นได้โดยไร้กังวล แม้การไปว่าราชการจะหมายถึงการฟังพวกขุนนางทุจริต เถียงกันอย่างน่าเบื่อหน่าย แต่มันก็ดีกว่าการต้องอยู่ในตำหนักรัชทายาทที่ทุกนาทีเหมือนตกนรก

เจียงเฉินจับความนัยในคำพูดของนางได้เล็กน้อย จึงเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง "ดังนั้น ท่านหมายความว่า ท่านไม่ได้มีความรู้สึกดีๆ กับองค์รัชทายาทเลยหรือ?"

เสิ่นอวี้เจาส่งสายตา ที่ดูราวกับว่าเขาโง่เง่าอย่างมากมายให้ "ข้าเคยมีความรู้สึกดีๆ กับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? หรือลาเตะหัวเจ้าจนความจำเสื่อมไปแล้ว"

"แต่ครั้งก่อนที่ข้าเข้าไปเห็นท่านหญิงกับองค์รัชทายาท..." ก่อนที่จะพูดจบ กรรไกรคมกริบคู่หนึ่งก็ถูกยื่นมาใกล้หว่างขาของเขาทันที

สกิลการจีบของไท่จื่อไม่ธรรมดาจริงๆ เต๊าะทุกครั้งที่มีโอกาส ไยแม่สื่อหน้านิ่งไม่ใจอ่อนบ้างงงง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่65 ตอนจบ

    ฮ่องเต้ถอนหายใจด้วยความท้อ"ยี่สิบปี...ข้าก็รอคอยมาถึงยี่สิบปี ท้ายที่สุดก็จบลงด้วยความยากลำบากถึงเพียงนี้ แถมยังโง่เขลาอ่อนข้อให้เจ้า จนเกือบทำลายความสุขของคนรุ่นหลัง"เล่อเฟยหัวเราะลั่นราวกับคนเสียสติ นางหัวเราะไม่หยุดจนใบหน้าแดงระเรื่อ น้ำตาไหลพราก "ใช่เพคะ ฝ่าบาททรงโง่เขลาอย่างที่สุด! แล้วตอนนี้ทรงเสียพระทัยแล้วหรือ? หม่อมฉันไม่เสียใจ ไม่เคยเสียใจเลย แต่...หม่อมฉันก็ไม่อาจยกโทษให้ฝ่าบาทได้"เล่อเฟยจ้องมองฮ่องเต้เงียบๆ ชายที่นอนเคียงข้างนางมานาน ชายผู้ที่รักและโปรดปรานนางมาตลอด รู้ว่านางยังนึกถึงคนในอดีต แต่ไม่เคยโกรธเคืองแม้แต่น้อย ชายที่เคยละเลยนางสนมคนอื่นเพื่อเอาใจนาง ปฏิเสธการเลือกนางสนมใหม่เพื่อเห็นแก่นาง เดินทางไปยังเจียงหนานเพื่อสนองความต้องการของนาง และยอมรับความผิดพลาดของนางชายคนนี้คือฮ่องเต้ผู้โง่เขลาที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่เพราะความโง่เขลานี้เอง นางจึงไม่อยากให้เวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ทำให้เขาต้องอับอายต่อคำถามของบุตรธิดา นางรู้ดีว่าฮ่องเต้ไม่มีทางลงโทษนางอย่างเด็ดขาดถ้าเช่นนั้น นางก็จะไม่เป็นหนี้บุญคุณของเขาอีกต่อไป เพราะสิ่งที่ผิดก็ได้ทำลงไปแล้ว เล่อเฟยได้ปลดปล่อยความ

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่64 แผนการถูกเปิดโปง

    "หม่อม...หม่อมฉันไม่รู้จักคนผู้นี้"คนแซ่จูถึงกับถอนหายใจ "เจ้าจะไม่อยากเกี่ยวข้องกับข้า ก็ถือเป็นเรื่องที่ฝืนใจไม่ได้ แต่ข้าไม่คิดเลย ว่าตอนแรกข้าคิดว่าที่เจ้าทิ้งข้าไป เพราะข้าดูแลเจ้าไม่ดีพอ แต่มาตอนนี้กลับเข้าใจได้ว่า เป็นเพราะเจ้าเห็นแก่ลาภยศสมบัติ...ความรักที่ข้ามีให้เจ้ามาหลายปี กลับกลายเป็นข้าทุ่มเทผิดคน"ฮ่องเต้แทบประทับไม่ติด พระองค์ทอดพระเนตรสองคน ที่คุกเข่าอยู่ไม่ไกลด้วยความตกตะลึง แล้วหันถามฉู่มู่ฉือหลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง "เจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?""เรื่องนี้อธิบายยาวพ่ะย่ะค่ะ" ฉู่มู่ฉือตอบอย่างสงบนิ่ง "ลูกได้ยินข่าวมาว่า สหายสนิทของราชครูซูซึ่งก็คือเจ้าของโรงสุราจุ้ยเซียนเป็นชาวเจียงหนาน ในอดีตนางเคยท่องยุทธภพ ลูกจึงขอให้ราชครูซูช่วยฝากฝังให้นางเดินทางไปเจียงหนานพร้อมกับเจียงเฉิน เพื่อช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด"เจียงเฉินก้มตัวคารวะด้วยความเคารพและกล่าว "ข้าน้อยสามารถยืนยันได้ว่าทุกคำที่องค์รัชทายาทกล่าวเป็นความจริง อีกทั้งยังได้ตรวจสอบพบว่า ท่านหญิงอวี้หนี่ว์ก่อนที่จะรู้จักองค์รัชทายาท นางหาใช่หญิงบริสุทธิ์ ซึ่งเรื่องนี้เถ้าแก่จูเจ้าของร้านสามารถเป็นพยานได้"เยว่

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่63 ความจริง

    "บังอาจ!" ฮ่องเต้ที่เหมือนโดนแทงจุดเจ็บ ทรงโยนถ้วยชาใบที่สองลงพื้น จนแตกกระจายใต้เท้าของฉู่หยุนชิง เสียงแตกดังก้องสะท้อนทั่วห้อง "ข้าไม่อนุญาต! เจ้าจงเลิกล้มความคิดนี้เสียตั้งแต่ตอนนี้!"พระสนมเล่อเฟยเห็นฮ่องเต้แสดงท่าทีแน่วแน่ ก็เหมือนจะโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อได้สติกลับคืน นางรีบไล่ทั้งสองคนออกไปจากตำหนักทันที"อย่าให้ความวู่วามชั่วครู่ ทำให้เจ้าตัดสินใจผิดพลาด อย่าทำให้เสด็จพ่อของเจ้าขุ่นเคืองไปมากกว่านี้ รีบพาท่านหญิงเสิ่นกลับไป...โอ้ข้าเกือบลืมไป เสิ่นอวี้เจามิใช่ข้าราชบริพารฝ่ายในแล้ว" แม้ในสถานการณ์เช่นนี้ นางยังไม่ลืมที่จะพูดเสียดสีเสิ่นอวี้เจาแม่สื่อเสิ่นได้ยินดังนั้นก็หมุนตัวเดินจากไปโดยไม่คิดแม้แต่จะตอบโต้"อวี้เจา รอข้าก่อน ข้ามีบางสิ่งที่ต้องบอกกับเจ้า""หวู่อ๋องพูดมาเถิด""มีความจริงบางอย่าง ที่เสด็จพ่อและเสด็จแม่เก็บงำเอาไว้ไม่เคยบอกเรา แต่เมื่อเรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว การปิดบังต่อไปคงไม่ยุติธรรมกับเจ้าอีก"เสิ่นอวี้เจาหันกลับมาอย่างตื่นตะลึง และแทบจะพร้อมกันนั้น สีหน้าของพระสนมเล่อเฟยก็ซีดเผือดลงทันที ฉู่หยุนชิงค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ปัดฝุ่นที่ปลายชายเสื้อออกอย่างสงบ จาก

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่62 โปรดพระราชทานสมรส

    "เสิ่นอวี้เจา เจ้าอยู่กับฉู่หยุนชิงได้อย่างไร...เกิดอะไรขึ้นกันแน่?"เสิ่นอวี้เจาทำหน้าเรียบเฉย ไม่เอื้อนเอ่ยคำใด เพราะนางเองก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรให้เข้าใจ"ทูลเสด็จพ่อ ลูกพาตัวเสิ่นอวี้เจากลับมาเอง ความจริงแล้วช่วงนี้ เราสองคนอยู่ด้วยกันตลอด""..." ความรู้สึกไม่ดีแล่นเข้ามาในใจอย่างรุนแรง นางชำเลืองมองฉู่หยุนชิงด้วยความกังวล รู้สึกว่าคำพูดต่อจากนี้คงยิ่งน่าตกใจและเหลือเชื่อเข้าไปใหญ่นี่ใช่ชายผู้สูงส่งที่นางรู้จักจริงหรือ?ดูเหมือนว่าฮ่องเต้เองก็เริ่มจะงุนงงไม่น้อย พระองค์ทรงคิดไม่ออกเลยว่าทำไมสองคนนี้ถึงได้ "อยู่ด้วยกัน" อย่างไม่น่าเชื่อ และเหตุใดถึงพากันมาที่ตำหนักกวนซือ เพื่อรายงานสถานการณ์"เรื่องนี้...เจ้าหมายถึงอยู่ด้วยกัน ในความหมายเดียวกับที่เราคิดหรือไม่?"ฉู่หยุนชิงเหลือบมองไปทางเล่อเฟย โดยไม่เผยอารมณ์ใดๆ พระมารดาก็จ้องตอบเขาอย่างแน่วแน่ ดวงตาคู่งามเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดและความโกรธที่ซ่อนอยู่ คล้ายจะส่งคำเตือนทั้งสองแม่ลูกดูเหมือนจะใช้สายตาเป็นอาวุธ แข่งกันสร้างแนวป้องกันทางจิตใจ ไม่มีใครยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียวบรรยากาศที่เงียบงันและอึดอัดนั้น ทำให้ทุกคนแทบลืมหายใจ เ

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่61 พรไม่อาจเป็นจริง

    แม้เสิ่นอวี้เจาไม่มีคำอธิษฐานขอพร แต่ก็ไม่อยากปฏิเสธความหวังดีของฉู่หยุนชิง นางจึงพยักหน้าเบาๆ และก้าวไปยังต้นไม้ใหญ่แห่งวาสนา เลียนแบบท่าทางของคนอื่นๆ ยกมือประนมไหว้ใต้แสงจันทร์ ก่อนจะก้มลงกราบสามครั้งใต้ต้นไม้มีชายชราผู้ดูสง่างามในอาภรณ์นักพรต ส่งเครื่องรางคู่หนึ่งที่ร้อยด้วยด้ายทองให้ พร้อมรอยยิ้มอบอุ่น“จากรูปโฉมของคุณหนู ข้ามั่นใจว่าท่านมีคนในใจอยู่แล้ว”“ท่านนักพรตน่าเลื่อมใสยิ่งนัก แต่ข้าคงต้องบอกว่าเครื่องรางนี้คงไม่มีความหมายสำหรับข้าอีกแล้ว”นักพรตชราเพียงหัวเราะเบาๆ ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเมตตา “เก็บมันไว้เถิด อะไรที่เป็นของท่าน ท้ายที่สุดก็จะกลับมา”คำพูดนี้ทำให้เสิ่นอวี้เจายิ้มออกมาเล็กน้อย แม้เป็นรอยยิ้มขมขื่น แต่ลึกๆ ในใจ นางรู้สึกขอบคุณต่อความหวังเล็กๆ นั้น เมื่อกลับมา ฉู่หยุนชิงยังรออยู่ที่เดิม ในมือของเขามีถุงขนมสนอบน้ำตาล องค์ชายห้ายิ้มพร้อมยื่นขนมชิ้นหนึ่งส่งให้ “รู้ว่าเจ้าชอบกินที่สุด”“องค์ชายห้ารู้ใจข้าเสียจริง” รสหวานล้ำละลายในปาก แต่ใจของนางยังคงลังเล “ข้าขอถามได้หรือไม่ ทำไมท่านพาข้ามาที่นี่?”“ไม่มีเหตุผล เพียงแค่อยากอยู่กับเจ้าในคืนฉงเฉียวเท่านั้น” ฉู่หยุนชิงตอ

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่60 ปรารถนาดีกับเจ้าตลอดไป

    เวลาผ่านไปพักใหญ่ จึงมีเสียงฝีเท้าแผ่วเบาแต่มั่นคงดังมาจากด้านใน คนที่มีประสบการณ์ย่อมทราบได้ทันทีว่าคนผู้นี้มีวรยุทธ์ ประตูเปิดออก เผยให้เห็นใบหน้าของสตรีที่คิ้วคมตาดูสง่างามสายตาสองคู่ประสานกัน คนหนึ่งแปลกใจ อีกคนหนึ่งสงบนิ่ง"ไม่ได้พบกันนานเลยนะ ท่านหญิงเสิ่น"เสิ่นอวี้เจาแสดงท่าทางสะท้านเล็กน้อย ก่อนจะก้มสายตาลง พลางผายมือเชื้อเชิญอย่างสุภาพ "เชิญองค์ชายห้าเข้ามาก่อน ข้าได้ลาออกจากตำแหน่งแล้ว จึงไม่เหมาะกับคำเรียก 'ท่านหญิง' อีกต่อไป หากไม่รังเกียจ โปรดเรียกข้าว่าเสิ่นอวี้เจาก็พอ"จากนั้นทั้งสองเดินเคียงข้างกันอย่างเงียบๆ ทางเดินที่ปูด้วยหินเย็นเฉียบ ทั้งสองมุ่งหน้าไปยังสวนหลังเรือน ข้างทางมีต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่ยังไม่ออกดอก แต่กิ่งใบเขียวชอุ่มชวนให้ชื่นชมฉู่หยุนชิงถอนหายใจเบาๆ "ทุกสิ่งที่นี่ได้รับการรักษาไว้อย่างดีเยี่ยม"เสิ่นอวี้เจาตอบอย่างธรรมชาติ "ทุกปีข้าจะกลับมาทำความสะอาดเอง หากไม่มีเวลาก็จะมอบหมายให้เฉินเฉินกลับมาดูแลให้ ไม่อาจปล่อยให้จวนแม่ทัพรกร้างได้""เจ้าตั้งใจจะอยู่ที่นี่ถาวรงั้นหรือ?""ที่นี่เหมาะสมที่สุดสำหรับข้า บางทีอาจเปิดร้านบนถนนใหญ่ เพื่อช่วยจัดหาคู่ให้ประ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status