Share

บทที่12 เจ้าคนสารเลว

last update Last Updated: 2025-09-26 14:10:09

ในความทรงจำของเสิ่นอวี้เจา เจ้าคนสารเลวนี่ไม่เคยทำอะไรดีๆ เลยสักครั้ง รู้แค่จะเอาหนอนตัวอ้วนมาโยนใส่เสื้อของนาง หรือเอาเถ้าถ่านไปใส่รองเท้า หรือบางทีก็ยืนอ่านจดหมายรักของนางเสียงดังๆ ต่อหน้าฝูงชน...กล่าวโดยรวมแล้ว หากเขาปรากฏตัวขึ้นที่ใด ที่นั่นก็ต้องเกิดเหตุเภทภัยเสมอ

ส่วนเรื่อง "ตามใจ" อะไรนั่น ก็ไม่เคยเห็นเลยสักครั้งเดียว

ฉู่มู่ฉือไม่ได้โกรธ แต่ยิ่งกว่านั้นเขาเพียงหัวเราะเบาๆ พร้อมลูบไล้ตัวนางอย่างอ้อยอิ่ง ปลายนิ้วไล่ผ่านลำคอขาวเนียนลงมาที่ไหปลาร้าบอบบาง แล้วเลื่อนไปถึงทรวงอกที่โค้งงอน...

"คนเลว!" เสิ่นอวี้เจาฟาดมือของเขาด้วยเสียง "เพียะ" อย่างไม่ลังเล แต่ทันทีที่คำพูดหยาบคายหลุดจากปาก นางก็รู้ตัวว่ามันไม่เหมาะกับความสง่างามของขุนนางหญิง จึงรีบกระแอมเปลี่ยนน้ำเสียงทันควัน "อะแฮ่ม...หม่อมฉันเองก็ชั่วช้าเช่นกัน ดังนั้นการใกล้ชิดกับฝ่าบาทมากเกินไปเช่นนี้ นับว่าไม่อาจให้อภัยได้ หม่อมฉันควรกลับห้องเสียที"

หางตาของฉู่มู่ฉือยกขึ้นเล็กน้อย "เจ้าจะไปไหน? อยู่ที่นี่กับข้าดีกว่า นอนด้วยกันเพื่อสร้างความรู้สึกเสียเลย"

"หม่อมฉันกับฝ่าบาท รู้จักกันมานานนับสิบปี" นางกัดฟัน กล่าวในใจ สร้างความรู้สึกอะไร ข้าอยากคว้าหมอนแล้วตีเจ้ามากกว่า

"มีคำกล่าวว่า 'สหายที่รู้จักกันนาน มักกลายเป็นความรัก' เจ้าซึ่งเป็นแม่สื่อแม่ชัก ก็ควรเข้าใจหลักการนี้"

น้ำเสียงที่เขาใช้พูดคำว่า "แม่สื่อแม่ชัก" ทำให้นางนึกถึงแม่สื่อธรรมดาที่พบตามท้องถนน ทำให้เสิ่นอวี้เจาโกรธจนเลือดขึ้นหน้า แต่ก็รู้ว่าการต่อปากต่อคำคงไร้ประโยชน์ มีแต่จะทำให้เรื่องบานปลาย

"ฝ่าบาทปล่อยหม่อมฉันเถิด อย่างมากที่สุดจะหาคนที่เหมาะสมให้พระองค์ในอีกไม่กี่วัน โปรดอย่าสร้างปัญหาให้หม่อมฉันอีกเลย"

ฉู่มู่ฉือยิ้มลึกที่มุมปาก "น่าเสียดายจริงๆ เพราะที่จริงแล้ว ข้าชอบท่านหญิงเสิ่นมาตลอด เจ้าช่างพูดจาหวานจับใจ วางแผนได้ร้อยอย่างในพริบตา งดงามดุจบุปผา เก่งทั้งบู๊และบุ๋น...ข้าล่ะอยากจะผูกพันกับเจ้าเหลือเกิน"

นางถึงกับพูดอะไรไม่ออกในชั่วขณะ ข้าทำอะไรให้ต้องลงเอยถึงขั้น 'ผูกพัน' กับเจ้าเนี่ย!?

"หม่อมฉันเห็นด้วยกับคำชื่นชมของฝ่าบาทเป็นอย่างยิ่ง แต่ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้" เสิ่นอวี้เจารู้ว่าเกลี้ยกล่อมเขาไม่ได้ผล จึงตัดสินใจเลือกใช้วิธีการรุนแรงเพื่อฝ่าด่าน "ฝ่าบาทโปรดอภัย หม่อมมีเรื่องสำคัญต้องทำในยามเช้า ขออนุญาตทูลลา”

"รีบร้อนเพราะนัดพบกับน้องห้ารึ?"

"..." นางพยายามผลักเขาออก สีหน้ายังคงแข็งทื่อ "เป็นแม่สื่อแม่ชัก แน่นอนว่าต้องไปทำหน้าที่ ฝ่าบาทควรรู้ว่าที่เมืองหลวงยังมีหญิงชายอีกมาก ที่รอให้หม่อมฉันไปช่วย"

ฉู่มู่ฉือยิ้ม แต่มันเป็นยิ้มที่เหมือนไม่ยิ้ม "เช่นนั้น เจ้าควรช่วยข้าก่อนเป็นคนแรก"

เมื่อเห็นว่าเขาเริ่มจะทำตัวหยาบคายเป็นรอบที่สอง เสิ่นอวี้เจาก็ฉลาดคิดออกในทันที หรืออาจจะเรียกว่า "สุนัขจนตรอกกระโจนข้ามรั้ว" นางใช้พละกำลังทั้งหมด เตะมุมเตียงจนเตียงพังครืน แล้วรวบรวมพลังจากจุดตันเถียนร้องตะโกนเสียงดังลั่น

"คนร้าย! จับคนร้าย! ปกป้ององค์รัชทายาท!"

ไม่ทันได้พูดจบ เตียงไม้สาลี่ขนาดใหญ่ก็พังครืนลงทันที ม่านไม้ไผ่หล่นคลุมร่างของทั้งสองเอาไว้จนมิด

เสิ่นอวี้เจา "..." ข้าไม่ยอมรับเด็ดขาด ว่านี่เป็นเพราะข้าแรงเยอะเกินไป มันต้องเป็นโชคร้ายของฉู่มู่ฉือต่างหาก ที่ทำให้เตียงดีๆ ต้องพังลงเช่นนี้!

แต่ความเป็นจริงพิสูจน์ว่านางไม่มีเวลาคิดอะไรอีกแล้ว สิ่งสำคัญในตอนนี้ คือรีบคลานออกจากความวุ่นวายให้เร็วที่สุด

เมื่อเจียงเฉินได้ยินเสียงโครมคราม ก็นำเหล่าทหารองครักษ์วิ่งเข้ามา เขามองเห็นเจ้านายของตนกับองค์รัชทายาทกำลังดิ้นรนอยู่หลังม่าน เขารีบยกมือปิดปากด้วยตกใจ และหลังจากนิ่งไปชั่วขณะ เขาก็โบกมือให้พรรคพวกถอยกลับด้วยท่าทีคลุมเครือ

"ฝ่าบาทกำลังหยอกล้อกับท่านหญิงเสิ่น เราอย่ารบกวนเลย แยกย้ายกันไปเร็ว"

ไม่มีใครรู้ว่า แม้เจียงเฉินจะทำท่าทางสุขุมในตอนนี้ แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความฮึกเหิม จนแทบจะระเบิดออกมา

ท่านหญิงเสิ่นช่างยอดเยี่ยมนัก! ปราบองค์รัชทายาทได้อยู่หมัด เท่านั้นไม่พอยังเล่นซะเตียงพังอีก ช่างกล้าหาญและชาญฉลาดเสียจริง! ข้าสาบานว่าจะติดตามท่านไปตลอดชีวิต!

ตลอดหลายวันที่ผ่านมา เสิ่นอวี้เจาเอาแต่หลีกเลี่ยงฉู่มู่ฉือ ราวกับเขาเป็นเทพเจ้าแห่งโรคระบาด แน่นอนในสายตาของนาง ฉู่มู่ฉือก็ไม่ต่างจากสิ่งที่คิดเลย เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเขา นางถึงขั้นสั่งให้เจียงเฉินไปเอาอาหารจากครัวแทน และเมื่อใดที่ต้องออกไปทำธุระ ก็เร่งรีบเสียจนดูเหมือนใช้วิชาตัวเบา เมื่อกลับถึงตำหนักนางปิดหน้าต่างแน่นหนา กระทั่งตอกตะปูเหล็กไว้ด้านใน ดูราวกับระวังขโมยอย่างรอบคอบที่สุด

สุดท้ายแล้วฉู่มู่ฉือก็ไม่ได้มาหานาง...แต่เจียงเฉินนี่สิ ที่ต้องทนทุกข์แทน

"ท่านหญิง ท่านนี่ไม่มีหัวใจจริงๆ!" องครักษ์ผู้โชคร้าย ถึงกับกล่าวประณามอย่างเปิดเผย พร้อมน้ำตาคลอ

"ข้าทำอะไรเจ้า? แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไร ว่าเจ้าจะเอาโจ๊กมาให้ตั้งแต่เช้า?"

เจียงเฉินนั่งกอดเท้าของตนที่ถูกตะปูตำจนเป็นรูพรุน ใบหน้าเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ "ข้าน้อยนำอาหารเช้ามาเวลาเดิมทุกวันอยู่แล้ว!"

สิ่งที่เขาพูดคือความจริง เสิ่นอวี้เจารู้ดีในใจ แต่นางกลับไม่แสดงความรู้สึกผิดออกมาแม้แต่น้อย ใบหน้าที่เย็นชาของนางยังคงนิ่งสนิท มีเพียงข้อแก้ตัวที่กล่าวออกมา "แล้วทำไมเจ้าไม่หลบเล่า? องครักษ์อย่างเจ้ายังไม่ฝึกวิชามาให้ดี ถ้าข่าวแพร่ออกไป ข้าคงได้อับอายแทน"

"ท่านทรยศความไว้วางใจของข้า! ใครจะไปคิดว่าท่านจะวางกับดักในห้องเช่นนี้?!"

นางค่อยๆ หยิบตั๋วเงินจำนวนหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ ยื่นให้เจียงเฉิน พร้อมพูดปลอบด้วยน้ำเสียงใจเย็น "อย่าบ่นไปเลย ข้ามิได้ตั้งใจจริง "

"..." เจียงเฉินเหลือบมองมูลค่าของตั๋วเงิน รู้สึกว่านายหญิงของเขานั้นช่างใจกว้าง แต่ก็ยังลุกขึ้นยืนด้วยอาการขาเป๋ "เอาเถอะ ถือว่าแค่แผลเล็กๆ ข้าจะกลับไปพักสักสองสามวัน"

เสิ่นอวี้เจาพูดเสียงเรียบ "เจ้าบอกว่าแค่แผลเล็กๆ ต้องลางานไปด้วยหรือ? นี่เจ้าไม่ปฏิบัติหน้าที่แล้ว?"

"..." นี่มันหน้าด้านหาเรื่องกันชัดๆ!

"เจ้าเฝ้าดูองค์รัชทายาทให้ดี อย่าให้เขาออกมาสร้างเรื่องจนตนเองเดือดร้อนอีก" นางกล่าวพลางหยิบชุดขุนนางขึ้นมาใส่ "ข้าจะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทเสียหน่อย"

การเข้าร่วมประชุมว่าราชการเป็นเรื่องจริงจัง แต่การที่นางพูดออกมา เหมือนกำลังจะออกไปเดินเล่น ทำให้เจียงเฉินถึงกับลูบหน้าผากเบาๆ ด้วยความปลง "ท่านไม่ได้ไปว่าราชการมากกว่าครึ่งเดือน ข้าน้อยว่าฮ่องเต้ทรงลืมท่านไปแล้ว"

"ลืมไปก็ดี ข้าเองก็ไม่อยากฟังเรื่องเหลวไหลพวกนั้นอยู่แล้ว" เสิ่นอวี้เจาส่งเสียงหึในลำคอ "ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ พระราชวังถือว่าเป็นสถานที่หลบภัยที่สมบูรณ์แบบ"

เพราะฉู่มู่ฉือไม่เคยไปว่าราชการ นางจึงไปที่นั่นได้โดยไร้กังวล แม้การไปว่าราชการจะหมายถึงการฟังพวกขุนนางทุจริต เถียงกันอย่างน่าเบื่อหน่าย แต่มันก็ดีกว่าการต้องอยู่ในตำหนักรัชทายาทที่ทุกนาทีเหมือนตกนรก

เจียงเฉินจับความนัยในคำพูดของนางได้เล็กน้อย จึงเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง "ดังนั้น ท่านหมายความว่า ท่านไม่ได้มีความรู้สึกดีๆ กับองค์รัชทายาทเลยหรือ?"

เสิ่นอวี้เจาส่งสายตา ที่ดูราวกับว่าเขาโง่เง่าอย่างมากมายให้ "ข้าเคยมีความรู้สึกดีๆ กับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? หรือลาเตะหัวเจ้าจนความจำเสื่อมไปแล้ว"

"แต่ครั้งก่อนที่ข้าเข้าไปเห็นท่านหญิงกับองค์รัชทายาท..." ก่อนที่จะพูดจบ กรรไกรคมกริบคู่หนึ่งก็ถูกยื่นมาใกล้หว่างขาของเขาทันที

สกิลการจีบของไท่จื่อไม่ธรรมดาจริงๆ เต๊าะทุกครั้งที่มีโอกาส ไยแม่สื่อหน้านิ่งไม่ใจอ่อนบ้างงงง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่16 สติฟั่นเฟือน

    ตั้งแต่นั้นมา ความหวาดกลัวที่ฉู่เหม่ยหลิน มีต่อฉู่มู่ฉือก็ยิ่งลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ ในทางกลับกัน ภาพลักษณ์ของเสิ่นอวี้เจาในสายตานางกลับยิ่งดูสูงส่งมากขึ้น จนกระทั่งกลายเป็นความชื่นชมในระดับสูงสุดเช่นทุกวันนี้เรื่องจริงพิสูจน์แล้วว่า ทุกครั้งที่ฉู่มู่ฉือรังแกน้องสาว เสิ่นอวี้เจามักจะต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเสมอ"ฝ่าบาทอย่าก่อเรื่อง มิใช่ว่าท่านต้องการชักใยด้ายแดง เพื่อนำทางให้องค์หญิงที่หลงทาง รู้จักกลับตัวกลับใจหรือ?""ข้าไม่ได้กำลังเตือนนางอยู่หรือ?""ขอฝ่าบาทโปรดวางถ้วยน้ำชาเสียก่อน ทรงอย่าทำท่าเหมือนกำลังจะสาดน้ำใส่เลย"ใบหน้าของฉู่มู่ฉือหนาเท่ากับกำแพงเมืองสิบชั้น แม้วิธีการบีบบังคับของเขาจะถูกเปิดโปง แต่ก็ยังคงไม่แสดงอาการลำบากใจ กลับหัวเราะอย่างสดใสแทน"เอาล่ะ เรามาเข้าเรื่องสำคัญกันเถอะ เหม่ยหลินบอกพี่สามมา หากคนรักของเจ้ากลายเป็นคนเสียสติ เจ้ายังจะรักเขาอยู่หรือไม่?"

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่15 ทาบทามองค์หญิง

    ในตำหนักจวี้ซิ่วกลิ่นหอมอ่อนๆ จากกระถางธูปรูปทรงสัตว์มงคล ลอยอ้อยอิ่งในอากาศ ชุดน้ำชาเบญจรงค์ลายครามที่บรรจุชาเขียว สาวใช้เพิ่งชงใหม่ยังคงส่งไอร้อนล่องลอย ขณะที่ฉู่เหม่ยหลิน องค์หญิงในฉลองพระองค์สีแดงสดงดงามน่าหลงใหล ยิ้มแย้มพลางยกถาดขนมมาให้แขกที่มาโดยไม่ได้รับเชิญ"ท่านพี่สาม พี่หญิงเสิ่น" ฉู่เหม่ยหลินกล่าวทักทายอย่างนุ่มนวล สายตาเปล่งประกายความเย้ยหยันเล็กน้อย เมื่อมองไปยังฉู่มู่ฉือ "ท่านทั้งสองมาเยี่ยมข้าพร้อมกัน ช่างเป็นเรื่องน่าประหลาดใจยิ่งนัก"ฉู่มู่ฉือนั่งลงบนเก้าอี้ไม้เนื้อดีโดยไม่รอคำเชิญ สายตาที่ทอดมองน้องสาวเต็มไปด้วยความยียวน "ข้าได้ยินข่าวว่าเจ้า'สนใจ' ลูกชายตระกูลซู น่าสนุกไม่น้อยเลยทีเดียว"ฉู่เหม่ยหลินยิ้มมุมปาก ขณะวางถาดขนมลงบนโต๊ะ "ข่าวลือนั้นจริงเท็จเพียงใด ยังไม่ถึงคราวที่พี่สามจะต้องมากังวลใจ กระนั้น ข้ากลับสงสัยมากกว่า ว่าท่านพี่มีธุระอันใดถึงได้มาเยือนที่นี่ได้ หรือเพียงเพราะแค่ต้องการความรื่นรมย

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่14 ปัญหาหนักอก

    ขณะที่ท่านเสนาบดีซวีเดินจากไปด้วยความโล่งอก เสิ่นอวี้เจากำลังจะจากไป แต่อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆ ดังมาจากด้านหลัง นางหันกลับไปมอง ก็พบว่าผู้ที่มาเป็นราชครูซูแห่งราชสำนัก"อวี้เจา" อีกฝ่ายยิ้มเรียกนาง "คุยกับข้าสักหน่อยได้หรือไม่?"ราชครูซูแม้จะเป็นขุนนางอาวุโสที่ได้รับความนับถืออย่างสูง แต่กลับมีนิสัยเหมือนกับฮ่องเต้ทุกประการ กล่าวคือแม้จะแก่แต่ก็ยังอย่างประหลาด และยังชอบทำตัวเหมือนบิดา ที่เอ็นดูลูกหลานมากเกินไปเสมอ อีกทั้งเขามักจะเรียกนางด้วยชื่อรองตรงๆ ซึ่งชวนให้อึดอัดไม่น้อย เพราะอย่างไรก็ไม่ใช่ญาติพี่น้องกัน และถือว่าเป็นคนในราชสำนักเหมือนกันด้วย"ราชครูซู หากท่านมีอะไรจะพูด ก็พูดมาตรงๆ เถิด" เสิ่นอวี้เจาเงยหน้ามองชายชราอาวุโส บอกเผยให้ทราบว่านางรู้จุดประสงค์ของเขาแล้ว "หรือว่าท่านคิดตกแล้ว และตัดสินใจรับข้อเสนอของฝ่าบาท ให้ข้าหาคู่เคียงให้ท่าน?"ราชครูซูหน้าแดงทันที "อย่าเดาสุ่มสี่สุ่มห้า!""ข้าก็เดาไปเรื่อย" นางตอบ

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่13 ขุดหลุมฝังตนเอง

    "เจ้าควรลืมเหตุการณ์นั้นไปเสีย มิเช่นนั้น..." น้ำเสียงของนางเย็นชาและอำมหิต "ข้าจะทำให้เจ้าสูญเสียลูกหลานทั้งหมด และจากนั้นชีวิตของเจ้าจะมีแต่ความว่างเปล่า""ข้าน้อยไม่กล้าอีกแล้วขอรับ!"เสิ่นอวี้เจาหยิบสร้อยไข่มุกขึ้นสวมด้วยท่าทีดูแคลน ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป ด้วยความสง่างามอย่างไม่แยแส ทิ้งให้เจียงเฉินยืนถอนหายใจอยู่เพียงลำพังยามเหมา, ท้องพระโรงเฉิงเฉียนฮ่องเต้ทรงฉลองพระองค์มังกรสีทอง ประทับบนพระที่นั่งมังกรอย่างสง่างาม ขณะฟังเหล่าขุนนางรายงานราชการ พระเนตรทรงมองไปทางเสิ่นอวี้เจา ผู้ยืนอยู่เบื้องล่างของขั้นบันไดหินอ่อนเป็นระยะ'อวี้เจา อวี้เจา? เจ้าได้ยินความคิดข้าหรือไม่? นี่เจ้ามาประชุมราชการนะ ห้ามกินของว่างเช่นนี้ มันทำให้ข้าเสียสมาธิมาก'เสิ่นอวี้เจาไม่ได้สังเกตพระเนตรของฮ่องเต้ นางเพียงหยิบขนมไส้เม็ดบัวออกมาจากแขนเสื้อ เคี้ยวกินอย่างเปิด

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่12 เจ้าคนสารเลว

    ในความทรงจำของเสิ่นอวี้เจา เจ้าคนสารเลวนี่ไม่เคยทำอะไรดีๆ เลยสักครั้ง รู้แค่จะเอาหนอนตัวอ้วนมาโยนใส่เสื้อของนาง หรือเอาเถ้าถ่านไปใส่รองเท้า หรือบางทีก็ยืนอ่านจดหมายรักของนางเสียงดังๆ ต่อหน้าฝูงชน...กล่าวโดยรวมแล้ว หากเขาปรากฏตัวขึ้นที่ใด ที่นั่นก็ต้องเกิดเหตุเภทภัยเสมอส่วนเรื่อง "ตามใจ" อะไรนั่น ก็ไม่เคยเห็นเลยสักครั้งเดียวฉู่มู่ฉือไม่ได้โกรธ แต่ยิ่งกว่านั้นเขาเพียงหัวเราะเบาๆ พร้อมลูบไล้ตัวนางอย่างอ้อยอิ่ง ปลายนิ้วไล่ผ่านลำคอขาวเนียนลงมาที่ไหปลาร้าบอบบาง แล้วเลื่อนไปถึงทรวงอกที่โค้งงอน..."คนเลว!" เสิ่นอวี้เจาฟาดมือของเขาด้วยเสียง "เพียะ" อย่างไม่ลังเล แต่ทันทีที่คำพูดหยาบคายหลุดจากปาก นางก็รู้ตัวว่ามันไม่เหมาะกับความสง่างามของขุนนางหญิง จึงรีบกระแอมเปลี่ยนน้ำเสียงทันควัน "อะแฮ่ม...หม่อมฉันเองก็ชั่วช้าเช่นกัน ดังนั้นการใกล้ชิดกับฝ่าบาทมากเกินไปเช่นนี้ นับว่าไม่อาจให้อภัยได้ หม่อมฉันควรกลับห้องเสียที"หางตาของฉู่มู่ฉือยกขึ้นเล็กน้อย

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่11ขวัญผวาฉายาดวงพิฆาต

    ด้วยคำเตือนก่อนหน้านี้ของเสิ่นอวี้เจา เหล่าคุณหนูล้วนรู้ว่าไท่จื่อชอบสตรีที่กล้าหาญและตรงไปตรงมา พวกนางจึงพยายามแสดงท่าทีที่งดงามที่สุด ดวงตายั่วเย้า มือหยกกวักเรียก แต่แล้วคุณหนูจากตระกูลเฉียนที่ดูจะกระฉับกระเฉงเกินไป กลับสะบัดสะโพกใหญ่อันอวบอิ่มของนางเข้าใกล้ฉู่มู่ฉือในใจที่ร้อนรุ่มดั่งไฟเผา ฉู่มู่ฉือขบฟันแน่น ยกมีดผลไม้บนโต๊ะขึ้นมาอย่างเงียบเชียบ ใครจะคาดคิดว่าเสิ่นอวี้เจาจะตบหลังมือเขาอย่างรวดเร็ว มีดจึงลื่นหลุดจากมือและบินออกไป ทันใดนั้น ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นก็ได้เห็นหายนะความผิดพลาด ในยามที่ฉู่มู่ฉือโกรธเกรี้ยว มีดที่หลุดมือพุ่งตรงไปหาขาซ้ายของคุณหนูเฉียนเสียงกรีดร้องดังก้องเหมือนหมูถูกเชือดเจียงเฉินกลับรู้สึกสงบในทันที เขารู้ดีว่าหากมีการนองเลือดเล็กน้อย การแสดงเลือกคู่ในวันนี้อาจต้องจบลง การเสียสละคนหนึ่งเพื่อให้คนอื่นมีความสุข นับเป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่า อีกทั้งคุณหนูเฉียนมีรูปร่างที่อ้วนท้วม การเสียเลือดเพียงเล็กน้อยคงไม่ทำให้นางอ่อนแอลง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status