Share

บทที่4 เหนือกว่าฟ้ายังมีฉู่มู่ฉือ

last update Последнее обновление: 2025-09-17 17:33:11

การกระทำของเจียงเฉินย่อมไม่อาจสำเร็จ

แท้จริงแล้ว ตั้งแต่ช่วงเวลาที่เขาแอบย่องเข้าไปในห้องของฉู่มู่ฉืออย่างเงียบเชียบ ก็ถูกจับได้เสียแล้ว ตอนที่ก้าวออกมา สิ่งที่เห็นคือองค์รัชทายาทยืนพิงประตูอยู่ หาวออกมาด้วยท่าทีเบื่อหน่าย ทันใดนั้นเจียงเฉินก็ตัวแข็งทื่อยืนจังงังอยู่กับที่

"ฝะ...ฝ่าบาท..."

" ถึงกับรบกวนองครักษ์เจียง มาช่วยทำความสะอาดห้องให้ข้า ช่างรู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนัก"

หัวใจของเจียงเฉินแทบจะหยุดเต้นไปชั่วขณะ มีลางสังหรณ์ว่าเพราะตั๋วเงินสองใบนี้ ตนเองอาจต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างมหาศาล "กระหม่อม…คือ กระหม่อมผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ” จนปัญญาจะพูดอะไรออกมา

ปลายหางตาของฉู่มู่ฉือยกขึ้น รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้า "หากข้ามองไม่ผิด เมื่อครู่สิ่งที่เจ้านำเข้าไปในห้องคือ 'ตะปูเหล็ก' ใช่หรือไม่? หรือเจ้าตั้งใจจะทำ 'กระบองหนามพกพา' ให้ข้าไว้ป้องกันตัวกันแน่?"

"กระหม่อมเพียงแค่พลั้งเผลอจนหลงทางเท่านั้น..." เจียงเฉินแทบอยากชักดาบออกมาปาดคอตนเองเสียเดี๋ยวนี้ ในยามคับขัน ไม่สนแล้วว่าสิ่งที่พูดจะสมเหตุสมผลหรือไม่ รีบกระโดดลงจากหลังลาอย่างรวดเร็ว "ฝ่าบาทวางใจเถิด! กระหม่อมจะกวาดห้องให้สะอาดหมดจด จากนั้นจะทำกระบองหนามให้พระองค์สักด้าม!"

"ดีมาก บุคลิกไร้ยางอายเช่นนี้ คล้ายกับข้าในอดีตไม่มีผิด" ฉู่มู่ฉือเอื้อมมือมาตบไหล่เขาอย่างสนิทสนม รอยยิ้มเต็มไปด้วยความสำราญใจ "ช่างสมกับเป็นศิษย์ของท่านหญิงเสิ่น ข้าชอบใจยิ่งนัก"

เพียงจบคำพูด กระเบื้องเคลือบหยกบนชายคาก็ร่วงลงมาโดยไม่มีสัญญาณเตือน ตกลงมากระแทกกลางศีรษะของเจียงเฉินอย่างพอดิบพอดี

"ป๊อก!"

เสียงดังชัดเจนก้องกังวาน ทั้งสองคนต่างตกอยู่ในความเงียบงัน จนกระทั่งฉู่มู่ฉือเงยหน้าขึ้นมองหลังคาอย่างหงุดหงิด บ่นพึมพำ "เพิ่งซ่อมไปเมื่อสองวันก่อน ทำไมถึงพังได้? แปลกจริงๆ"

ฝ่าบาท! แม้แต่หลังคาที่แข็งแรง ยังทนพลังอัปมงคลของพระองค์ไม่ไหวเลย!

เจียงเฉินใช้แขนเสื้อเช็ดเลือดที่ไหลอาบหน้าไปลวกๆ ก่อนจะรีบก้าวฉับๆ เข้าไปในห้องเพื่อเก็บกวาดหลักฐานการก่ออาชญากรรมอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เขาคิดเพียงอย่างเดียว ต้องออกไปจากสถานที่อัปมงคลนี้ให้เร็วที่สุด ไม่อยากอยู่ที่นี่แม้แต่วินาทีเดียว หากชักช้าไปกว่านี้ เกรงว่าจะมีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นอีก

เขาก็แค่คนธรรมดา ต่อกรกับภูติผีปีศาจระดับสูงไม่ได้หรอก!

ส่วนเรื่องที่เสิ่นอวี้เจาจะรู้ความจริงเมื่อใดนั้น ก็เป็นเรื่องของอนาคตแล้ว

ขณะนั้นเอง เสิ่นอวี้เจากำลังกินขนมกุ้ยฮวา มองเจียงเฉินที่เดินเข้าเดินออก คอยเติมน้ำอุ่นลงในถังอาบน้ำไม่หยุด สังเกตอยู่พักหนึ่งจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย

"หัวเจ้าไปโดนใครฟาดมา?"

"เรียนท่านหญิง ข้าโชคร้าย โดนไท่จื่อตบไหล่เข้าให้เท่านั้นเองขอรับ"

"อ้อ ที่แท้เป็นเช่นนี้" นางพยักหน้าพลางลูบคางด้วยท่าทีสงบนิ่ง "เช่นนั้นเจ้าควรถือว่าโชคดีแล้วที่ยังมีชีวิตอยู่"

เจียงเฉิน "..." ข้าต้องขอบคุณบรรพบุรุษแปดชั่วโคตรเลยสินะ!

เสิ่นอวี้เจาก้าวไปข้างหน้า ยื่นมือแตะน้ำอุ่นในถัง "พอได้แล้ว เจ้าออกไปเถอะ"

เจียงเฉินเดินออกไปอย่างเซื่องซึม พอใกล้ถึงประตูก็หันกลับมามอง สีหน้าขมขื่นเหมือนคนหมดสิ้นความหวัง เอ่ยถามด้วยความอัดอั้น "นายหญิง เหตุใดท่านไม่เคยได้รับผลกระทบจากไท่จื่อเลย?"

เขาเฝ้าดูนางกับฉู่มู่ฉือแกล้งกันไปมาอยู่ทุกวัน แม้ว่าจะไม่ได้เป็นฝ่ายได้เปรียบเสมอไป แต่ก็ถือว่าสูสี นี่นางมียันต์วิเศษคุ้มครองหรือไร ถึงรอดพ้นจากหายนะอัปมงคลขององค์รัชทายาทมาได้?

"ใครบอก? ข้าแค่ผ่านพ้นช่วงเวลาถูกกดขี่มาได้เท่านั้น"

เสิ่นอวี้เจาปลดกระดุมออกครึ่งหนึ่งแล้วก็หยุดลง สีหน้าไร้อารมณ์ ขณะถ่ายทอดประสบการณ์อย่างลึกซึ้ง "หากดวงชะตาของเจ้าแข็งไม่พอจะต้านเขา ก็จงเรียนรู้ที่จะ ลงมือก่อนเป็นต่อ จัดการเขาให้เรียบร้อย ก่อนที่เขาจะหาเรื่องเจ้า"

"..." 

เจียงเฉินรู้ตัวว่าไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้อีกแล้วในชาตินี้ เมื่อคิดได้ดังนั้น ความมั่นใจทั้งหมดก็หายไป ร่างกายของเขายังเผยให้เห็นความเศร้าหมองและความหดหู่ แต่น่าเสียดายที่เขาถอยออกไปเร็วเกินไป จึงพลาดเห็นฉากวุ่นวายที่ตามมา

ไอน้ำหมุนวนไปทั่ว กลิ่นหอมของกลีบกุหลาบ ลอยอบอวลอยู่ในอากาศ ขณะที่เสิ่นอวี้เจาปลดเปลื้องอาภรณ์ และลงไปในอ่างอาบน้ำ จู่ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องโกลาหลดังขึ้นจากนอกประตู

“จับนักฆ่า! มีนักฆ่าบุกตำหนัก!”

นางหงุดหงิดใจ คิดว่านักฆ่าคนใดที่ดูเหมือนจะอยากตายถึงได้กล้าทำตัวอุกอาจในตำหนักของรัชทายาท ที่อบอวลไปด้วยพลังลึกลับเช่นนี้ เมื่อเงยหน้าขึ้น ก็เห็นฉู่มู่ฉือยิ้มพลางถีบประตูเปิดเข้ามา ราวกับหน้าผากของเขาควรมีคำว่า “ตำหนักนี้ข้าจะไปไหนมาไหนก็ได้” เขียนติดไว้

“แหม ท่านหญิงกำลังอาบน้ำอยู่หรือ ขออภัยจริงๆ ข้ารีบหานักฆ่าจึงเสียมารยาทลืมเคาะประตู”

เสิ่นอวี้เจาหดตัวลงไปในน้ำจนมิด ทิ้งไว้เพียงหัวที่เปียกชุ่ม พร้อมใบหน้าที่ไม่เปลี่ยนสีแม้แต่น้อย “ฝ่าบาทสงสัยว่านักฆ่าซ่อนอยู่ในอ่างน้ำของหม่อมฉันหรือ? ต้องการตรวจสอบอย่างถึงแก่นเลยหรือไม่?”

ฉู่มู่ฉือหัวเราะพลางกล่าว “ข้าแค่ห่วงความปลอดภัยของท่านหญิง ไม่ควรบิดเบือนความหวังดีของข้าเช่นนี้”

เสิ่นอวี้เจากำลังจะประชดกลับด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ต่อความไร้ยางอายของเขา แต่กลับรู้สึกถึงลมเย็นวูบพัดผ่านหน้าไป ที่แท้เหล่าทหารองครักษ์ของตำหนักก็วิ่งตามมาถึงที่นี่ด้วย!

"นักฆ่าอยู่ในห้องนี้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? กระหม่อมจะเข้าไปจับตัวทันที!"

ได้ยินดังนั้น ฉู่มู่ฉือจึงหันกลับมา เตะหัวหน้าทหารองครักษ์ไปด้วยความหงุดหงิด "จับอะไรกัน? พวกเจ้าไม่เห็นหรือว่าใครคุ้มครอตำหนักนี้อยู่? ทุกคนถอยไปให้หมด! ใครกล้าหันมามอง ให้ไปทิ่มตาตนเองให้บอดเสีย!"

น้ำเสียงชัดเจนว่า เขาเท่านั้นที่มีสิทธิ์มอง ส่วนคนอื่นห้ามยุ่ง!

เหล่าทหารองครักษ์แตกกระเจิงราวกับฝูงนกตกใจ ต่างเผ่นแน่บไปโดยไม่หันกลับมามอง ราวกับเรื่องตลกเกี่ยวกับนักฆ่าเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้น

จนกระทั่งแน่ใจว่าทุกคนออกจากห้องไปหมดแล้ว ฉู่มู่ฉือถึงได้พึงพอใจ ปิดประตูห้องลงอย่างเรียบร้อย จากนั้นเดินทอดน่องเข้ามาหยุดอยู่ข้างถังอาบน้ำ ใช้มือข้างหนึ่งเท้าอยู่ที่ขอบถังในท่วงท่าที่ดูสบายๆ

"ท่านหญิงเสิ่นวางใจเถิด อาบน้ำให้สบาย ข้ารับรองว่าจะไม่มีแม้แต่เศษสวะหน้าไหน บังอาจมาคิดไม่ซื่อกับเจ้า"

"เช่นนั้นหรือ?" เสิ่นอวี้เจาเอียงคอเล็กน้อย "แต่ตอนนี้ข้าคิดว่าในห้องยังมีคนไร้ยางอายอยู่หนึ่งคน"

"ไม่นับข้า" เขาตอบหน้าตาย "ข้าแค่กลัวเจ้าจะเหงา เลยยอมเสี่ยงถูกคนกล่าวหา ฝืนทนความลำบากมาคุ้มครองเจ้าเท่านั้นเอง"

ยังมีใครแสบกว่าไท่จื่ออีกไหมมม เจ้าเล่ห์เก่งงงง

Продолжить чтение
Scan code to download App

Latest chapter

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่65 ตอนจบ

    ฮ่องเต้ถอนหายใจด้วยความท้อ"ยี่สิบปี...ข้าก็รอคอยมาถึงยี่สิบปี ท้ายที่สุดก็จบลงด้วยความยากลำบากถึงเพียงนี้ แถมยังโง่เขลาอ่อนข้อให้เจ้า จนเกือบทำลายความสุขของคนรุ่นหลัง"เล่อเฟยหัวเราะลั่นราวกับคนเสียสติ นางหัวเราะไม่หยุดจนใบหน้าแดงระเรื่อ น้ำตาไหลพราก "ใช่เพคะ ฝ่าบาททรงโง่เขลาอย่างที่สุด! แล้วตอนนี้ทรงเสียพระทัยแล้วหรือ? หม่อมฉันไม่เสียใจ ไม่เคยเสียใจเลย แต่...หม่อมฉันก็ไม่อาจยกโทษให้ฝ่าบาทได้"เล่อเฟยจ้องมองฮ่องเต้เงียบๆ ชายที่นอนเคียงข้างนางมานาน ชายผู้ที่รักและโปรดปรานนางมาตลอด รู้ว่านางยังนึกถึงคนในอดีต แต่ไม่เคยโกรธเคืองแม้แต่น้อย ชายที่เคยละเลยนางสนมคนอื่นเพื่อเอาใจนาง ปฏิเสธการเลือกนางสนมใหม่เพื่อเห็นแก่นาง เดินทางไปยังเจียงหนานเพื่อสนองความต้องการของนาง และยอมรับความผิดพลาดของนางชายคนนี้คือฮ่องเต้ผู้โง่เขลาที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่เพราะความโง่เขลานี้เอง นางจึงไม่อยากให้เวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ทำให้เขาต้องอับอายต่อคำถามของบุตรธิดา นางรู้ดีว่าฮ่องเต้ไม่มีทางลงโทษนางอย่างเด็ดขาดถ้าเช่นนั้น นางก็จะไม่เป็นหนี้บุญคุณของเขาอีกต่อไป เพราะสิ่งที่ผิดก็ได้ทำลงไปแล้ว เล่อเฟยได้ปลดปล่อยความ

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่64 แผนการถูกเปิดโปง

    "หม่อม...หม่อมฉันไม่รู้จักคนผู้นี้"คนแซ่จูถึงกับถอนหายใจ "เจ้าจะไม่อยากเกี่ยวข้องกับข้า ก็ถือเป็นเรื่องที่ฝืนใจไม่ได้ แต่ข้าไม่คิดเลย ว่าตอนแรกข้าคิดว่าที่เจ้าทิ้งข้าไป เพราะข้าดูแลเจ้าไม่ดีพอ แต่มาตอนนี้กลับเข้าใจได้ว่า เป็นเพราะเจ้าเห็นแก่ลาภยศสมบัติ...ความรักที่ข้ามีให้เจ้ามาหลายปี กลับกลายเป็นข้าทุ่มเทผิดคน"ฮ่องเต้แทบประทับไม่ติด พระองค์ทอดพระเนตรสองคน ที่คุกเข่าอยู่ไม่ไกลด้วยความตกตะลึง แล้วหันถามฉู่มู่ฉือหลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง "เจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?""เรื่องนี้อธิบายยาวพ่ะย่ะค่ะ" ฉู่มู่ฉือตอบอย่างสงบนิ่ง "ลูกได้ยินข่าวมาว่า สหายสนิทของราชครูซูซึ่งก็คือเจ้าของโรงสุราจุ้ยเซียนเป็นชาวเจียงหนาน ในอดีตนางเคยท่องยุทธภพ ลูกจึงขอให้ราชครูซูช่วยฝากฝังให้นางเดินทางไปเจียงหนานพร้อมกับเจียงเฉิน เพื่อช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด"เจียงเฉินก้มตัวคารวะด้วยความเคารพและกล่าว "ข้าน้อยสามารถยืนยันได้ว่าทุกคำที่องค์รัชทายาทกล่าวเป็นความจริง อีกทั้งยังได้ตรวจสอบพบว่า ท่านหญิงอวี้หนี่ว์ก่อนที่จะรู้จักองค์รัชทายาท นางหาใช่หญิงบริสุทธิ์ ซึ่งเรื่องนี้เถ้าแก่จูเจ้าของร้านสามารถเป็นพยานได้"เยว่

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่63 ความจริง

    "บังอาจ!" ฮ่องเต้ที่เหมือนโดนแทงจุดเจ็บ ทรงโยนถ้วยชาใบที่สองลงพื้น จนแตกกระจายใต้เท้าของฉู่หยุนชิง เสียงแตกดังก้องสะท้อนทั่วห้อง "ข้าไม่อนุญาต! เจ้าจงเลิกล้มความคิดนี้เสียตั้งแต่ตอนนี้!"พระสนมเล่อเฟยเห็นฮ่องเต้แสดงท่าทีแน่วแน่ ก็เหมือนจะโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อได้สติกลับคืน นางรีบไล่ทั้งสองคนออกไปจากตำหนักทันที"อย่าให้ความวู่วามชั่วครู่ ทำให้เจ้าตัดสินใจผิดพลาด อย่าทำให้เสด็จพ่อของเจ้าขุ่นเคืองไปมากกว่านี้ รีบพาท่านหญิงเสิ่นกลับไป...โอ้ข้าเกือบลืมไป เสิ่นอวี้เจามิใช่ข้าราชบริพารฝ่ายในแล้ว" แม้ในสถานการณ์เช่นนี้ นางยังไม่ลืมที่จะพูดเสียดสีเสิ่นอวี้เจาแม่สื่อเสิ่นได้ยินดังนั้นก็หมุนตัวเดินจากไปโดยไม่คิดแม้แต่จะตอบโต้"อวี้เจา รอข้าก่อน ข้ามีบางสิ่งที่ต้องบอกกับเจ้า""หวู่อ๋องพูดมาเถิด""มีความจริงบางอย่าง ที่เสด็จพ่อและเสด็จแม่เก็บงำเอาไว้ไม่เคยบอกเรา แต่เมื่อเรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว การปิดบังต่อไปคงไม่ยุติธรรมกับเจ้าอีก"เสิ่นอวี้เจาหันกลับมาอย่างตื่นตะลึง และแทบจะพร้อมกันนั้น สีหน้าของพระสนมเล่อเฟยก็ซีดเผือดลงทันที ฉู่หยุนชิงค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ปัดฝุ่นที่ปลายชายเสื้อออกอย่างสงบ จาก

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่62 โปรดพระราชทานสมรส

    "เสิ่นอวี้เจา เจ้าอยู่กับฉู่หยุนชิงได้อย่างไร...เกิดอะไรขึ้นกันแน่?"เสิ่นอวี้เจาทำหน้าเรียบเฉย ไม่เอื้อนเอ่ยคำใด เพราะนางเองก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรให้เข้าใจ"ทูลเสด็จพ่อ ลูกพาตัวเสิ่นอวี้เจากลับมาเอง ความจริงแล้วช่วงนี้ เราสองคนอยู่ด้วยกันตลอด""..." ความรู้สึกไม่ดีแล่นเข้ามาในใจอย่างรุนแรง นางชำเลืองมองฉู่หยุนชิงด้วยความกังวล รู้สึกว่าคำพูดต่อจากนี้คงยิ่งน่าตกใจและเหลือเชื่อเข้าไปใหญ่นี่ใช่ชายผู้สูงส่งที่นางรู้จักจริงหรือ?ดูเหมือนว่าฮ่องเต้เองก็เริ่มจะงุนงงไม่น้อย พระองค์ทรงคิดไม่ออกเลยว่าทำไมสองคนนี้ถึงได้ "อยู่ด้วยกัน" อย่างไม่น่าเชื่อ และเหตุใดถึงพากันมาที่ตำหนักกวนซือ เพื่อรายงานสถานการณ์"เรื่องนี้...เจ้าหมายถึงอยู่ด้วยกัน ในความหมายเดียวกับที่เราคิดหรือไม่?"ฉู่หยุนชิงเหลือบมองไปทางเล่อเฟย โดยไม่เผยอารมณ์ใดๆ พระมารดาก็จ้องตอบเขาอย่างแน่วแน่ ดวงตาคู่งามเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดและความโกรธที่ซ่อนอยู่ คล้ายจะส่งคำเตือนทั้งสองแม่ลูกดูเหมือนจะใช้สายตาเป็นอาวุธ แข่งกันสร้างแนวป้องกันทางจิตใจ ไม่มีใครยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียวบรรยากาศที่เงียบงันและอึดอัดนั้น ทำให้ทุกคนแทบลืมหายใจ เ

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่61 พรไม่อาจเป็นจริง

    แม้เสิ่นอวี้เจาไม่มีคำอธิษฐานขอพร แต่ก็ไม่อยากปฏิเสธความหวังดีของฉู่หยุนชิง นางจึงพยักหน้าเบาๆ และก้าวไปยังต้นไม้ใหญ่แห่งวาสนา เลียนแบบท่าทางของคนอื่นๆ ยกมือประนมไหว้ใต้แสงจันทร์ ก่อนจะก้มลงกราบสามครั้งใต้ต้นไม้มีชายชราผู้ดูสง่างามในอาภรณ์นักพรต ส่งเครื่องรางคู่หนึ่งที่ร้อยด้วยด้ายทองให้ พร้อมรอยยิ้มอบอุ่น“จากรูปโฉมของคุณหนู ข้ามั่นใจว่าท่านมีคนในใจอยู่แล้ว”“ท่านนักพรตน่าเลื่อมใสยิ่งนัก แต่ข้าคงต้องบอกว่าเครื่องรางนี้คงไม่มีความหมายสำหรับข้าอีกแล้ว”นักพรตชราเพียงหัวเราะเบาๆ ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเมตตา “เก็บมันไว้เถิด อะไรที่เป็นของท่าน ท้ายที่สุดก็จะกลับมา”คำพูดนี้ทำให้เสิ่นอวี้เจายิ้มออกมาเล็กน้อย แม้เป็นรอยยิ้มขมขื่น แต่ลึกๆ ในใจ นางรู้สึกขอบคุณต่อความหวังเล็กๆ นั้น เมื่อกลับมา ฉู่หยุนชิงยังรออยู่ที่เดิม ในมือของเขามีถุงขนมสนอบน้ำตาล องค์ชายห้ายิ้มพร้อมยื่นขนมชิ้นหนึ่งส่งให้ “รู้ว่าเจ้าชอบกินที่สุด”“องค์ชายห้ารู้ใจข้าเสียจริง” รสหวานล้ำละลายในปาก แต่ใจของนางยังคงลังเล “ข้าขอถามได้หรือไม่ ทำไมท่านพาข้ามาที่นี่?”“ไม่มีเหตุผล เพียงแค่อยากอยู่กับเจ้าในคืนฉงเฉียวเท่านั้น” ฉู่หยุนชิงตอ

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่60 ปรารถนาดีกับเจ้าตลอดไป

    เวลาผ่านไปพักใหญ่ จึงมีเสียงฝีเท้าแผ่วเบาแต่มั่นคงดังมาจากด้านใน คนที่มีประสบการณ์ย่อมทราบได้ทันทีว่าคนผู้นี้มีวรยุทธ์ ประตูเปิดออก เผยให้เห็นใบหน้าของสตรีที่คิ้วคมตาดูสง่างามสายตาสองคู่ประสานกัน คนหนึ่งแปลกใจ อีกคนหนึ่งสงบนิ่ง"ไม่ได้พบกันนานเลยนะ ท่านหญิงเสิ่น"เสิ่นอวี้เจาแสดงท่าทางสะท้านเล็กน้อย ก่อนจะก้มสายตาลง พลางผายมือเชื้อเชิญอย่างสุภาพ "เชิญองค์ชายห้าเข้ามาก่อน ข้าได้ลาออกจากตำแหน่งแล้ว จึงไม่เหมาะกับคำเรียก 'ท่านหญิง' อีกต่อไป หากไม่รังเกียจ โปรดเรียกข้าว่าเสิ่นอวี้เจาก็พอ"จากนั้นทั้งสองเดินเคียงข้างกันอย่างเงียบๆ ทางเดินที่ปูด้วยหินเย็นเฉียบ ทั้งสองมุ่งหน้าไปยังสวนหลังเรือน ข้างทางมีต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่ยังไม่ออกดอก แต่กิ่งใบเขียวชอุ่มชวนให้ชื่นชมฉู่หยุนชิงถอนหายใจเบาๆ "ทุกสิ่งที่นี่ได้รับการรักษาไว้อย่างดีเยี่ยม"เสิ่นอวี้เจาตอบอย่างธรรมชาติ "ทุกปีข้าจะกลับมาทำความสะอาดเอง หากไม่มีเวลาก็จะมอบหมายให้เฉินเฉินกลับมาดูแลให้ ไม่อาจปล่อยให้จวนแม่ทัพรกร้างได้""เจ้าตั้งใจจะอยู่ที่นี่ถาวรงั้นหรือ?""ที่นี่เหมาะสมที่สุดสำหรับข้า บางทีอาจเปิดร้านบนถนนใหญ่ เพื่อช่วยจัดหาคู่ให้ประ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status