Share

บทที่4 เหนือกว่าฟ้ายังมีฉู่มู่ฉือ

last update Последнее обновление: 2025-09-17 17:33:11

การกระทำของเจียงเฉินย่อมไม่อาจสำเร็จ

แท้จริงแล้ว ตั้งแต่ช่วงเวลาที่เขาแอบย่องเข้าไปในห้องของฉู่มู่ฉืออย่างเงียบเชียบ ก็ถูกจับได้เสียแล้ว ตอนที่ก้าวออกมา สิ่งที่เห็นคือองค์รัชทายาทยืนพิงประตูอยู่ หาวออกมาด้วยท่าทีเบื่อหน่าย ทันใดนั้นเจียงเฉินก็ตัวแข็งทื่อยืนจังงังอยู่กับที่

"ฝะ...ฝ่าบาท..."

" ถึงกับรบกวนองครักษ์เจียง มาช่วยทำความสะอาดห้องให้ข้า ช่างรู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนัก"

หัวใจของเจียงเฉินแทบจะหยุดเต้นไปชั่วขณะ มีลางสังหรณ์ว่าเพราะตั๋วเงินสองใบนี้ ตนเองอาจต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างมหาศาล "กระหม่อม…คือ กระหม่อมผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ” จนปัญญาจะพูดอะไรออกมา

ปลายหางตาของฉู่มู่ฉือยกขึ้น รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้า "หากข้ามองไม่ผิด เมื่อครู่สิ่งที่เจ้านำเข้าไปในห้องคือ 'ตะปูเหล็ก' ใช่หรือไม่? หรือเจ้าตั้งใจจะทำ 'กระบองหนามพกพา' ให้ข้าไว้ป้องกันตัวกันแน่?"

"กระหม่อมเพียงแค่พลั้งเผลอจนหลงทางเท่านั้น..." เจียงเฉินแทบอยากชักดาบออกมาปาดคอตนเองเสียเดี๋ยวนี้ ในยามคับขัน ไม่สนแล้วว่าสิ่งที่พูดจะสมเหตุสมผลหรือไม่ รีบกระโดดลงจากหลังลาอย่างรวดเร็ว "ฝ่าบาทวางใจเถิด! กระหม่อมจะกวาดห้องให้สะอาดหมดจด จากนั้นจะทำกระบองหนามให้พระองค์สักด้าม!"

"ดีมาก บุคลิกไร้ยางอายเช่นนี้ คล้ายกับข้าในอดีตไม่มีผิด" ฉู่มู่ฉือเอื้อมมือมาตบไหล่เขาอย่างสนิทสนม รอยยิ้มเต็มไปด้วยความสำราญใจ "ช่างสมกับเป็นศิษย์ของท่านหญิงเสิ่น ข้าชอบใจยิ่งนัก"

เพียงจบคำพูด กระเบื้องเคลือบหยกบนชายคาก็ร่วงลงมาโดยไม่มีสัญญาณเตือน ตกลงมากระแทกกลางศีรษะของเจียงเฉินอย่างพอดิบพอดี

"ป๊อก!"

เสียงดังชัดเจนก้องกังวาน ทั้งสองคนต่างตกอยู่ในความเงียบงัน จนกระทั่งฉู่มู่ฉือเงยหน้าขึ้นมองหลังคาอย่างหงุดหงิด บ่นพึมพำ "เพิ่งซ่อมไปเมื่อสองวันก่อน ทำไมถึงพังได้? แปลกจริงๆ"

ฝ่าบาท! แม้แต่หลังคาที่แข็งแรง ยังทนพลังอัปมงคลของพระองค์ไม่ไหวเลย!

เจียงเฉินใช้แขนเสื้อเช็ดเลือดที่ไหลอาบหน้าไปลวกๆ ก่อนจะรีบก้าวฉับๆ เข้าไปในห้องเพื่อเก็บกวาดหลักฐานการก่ออาชญากรรมอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เขาคิดเพียงอย่างเดียว ต้องออกไปจากสถานที่อัปมงคลนี้ให้เร็วที่สุด ไม่อยากอยู่ที่นี่แม้แต่วินาทีเดียว หากชักช้าไปกว่านี้ เกรงว่าจะมีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นอีก

เขาก็แค่คนธรรมดา ต่อกรกับภูติผีปีศาจระดับสูงไม่ได้หรอก!

ส่วนเรื่องที่เสิ่นอวี้เจาจะรู้ความจริงเมื่อใดนั้น ก็เป็นเรื่องของอนาคตแล้ว

ขณะนั้นเอง เสิ่นอวี้เจากำลังกินขนมกุ้ยฮวา มองเจียงเฉินที่เดินเข้าเดินออก คอยเติมน้ำอุ่นลงในถังอาบน้ำไม่หยุด สังเกตอยู่พักหนึ่งจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย

"หัวเจ้าไปโดนใครฟาดมา?"

"เรียนท่านหญิง ข้าโชคร้าย โดนไท่จื่อตบไหล่เข้าให้เท่านั้นเองขอรับ"

"อ้อ ที่แท้เป็นเช่นนี้" นางพยักหน้าพลางลูบคางด้วยท่าทีสงบนิ่ง "เช่นนั้นเจ้าควรถือว่าโชคดีแล้วที่ยังมีชีวิตอยู่"

เจียงเฉิน "..." ข้าต้องขอบคุณบรรพบุรุษแปดชั่วโคตรเลยสินะ!

เสิ่นอวี้เจาก้าวไปข้างหน้า ยื่นมือแตะน้ำอุ่นในถัง "พอได้แล้ว เจ้าออกไปเถอะ"

เจียงเฉินเดินออกไปอย่างเซื่องซึม พอใกล้ถึงประตูก็หันกลับมามอง สีหน้าขมขื่นเหมือนคนหมดสิ้นความหวัง เอ่ยถามด้วยความอัดอั้น "นายหญิง เหตุใดท่านไม่เคยได้รับผลกระทบจากไท่จื่อเลย?"

เขาเฝ้าดูนางกับฉู่มู่ฉือแกล้งกันไปมาอยู่ทุกวัน แม้ว่าจะไม่ได้เป็นฝ่ายได้เปรียบเสมอไป แต่ก็ถือว่าสูสี นี่นางมียันต์วิเศษคุ้มครองหรือไร ถึงรอดพ้นจากหายนะอัปมงคลขององค์รัชทายาทมาได้?

"ใครบอก? ข้าแค่ผ่านพ้นช่วงเวลาถูกกดขี่มาได้เท่านั้น"

เสิ่นอวี้เจาปลดกระดุมออกครึ่งหนึ่งแล้วก็หยุดลง สีหน้าไร้อารมณ์ ขณะถ่ายทอดประสบการณ์อย่างลึกซึ้ง "หากดวงชะตาของเจ้าแข็งไม่พอจะต้านเขา ก็จงเรียนรู้ที่จะ ลงมือก่อนเป็นต่อ จัดการเขาให้เรียบร้อย ก่อนที่เขาจะหาเรื่องเจ้า"

"..." 

เจียงเฉินรู้ตัวว่าไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้อีกแล้วในชาตินี้ เมื่อคิดได้ดังนั้น ความมั่นใจทั้งหมดก็หายไป ร่างกายของเขายังเผยให้เห็นความเศร้าหมองและความหดหู่ แต่น่าเสียดายที่เขาถอยออกไปเร็วเกินไป จึงพลาดเห็นฉากวุ่นวายที่ตามมา

ไอน้ำหมุนวนไปทั่ว กลิ่นหอมของกลีบกุหลาบ ลอยอบอวลอยู่ในอากาศ ขณะที่เสิ่นอวี้เจาปลดเปลื้องอาภรณ์ และลงไปในอ่างอาบน้ำ จู่ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องโกลาหลดังขึ้นจากนอกประตู

“จับนักฆ่า! มีนักฆ่าบุกตำหนัก!”

นางหงุดหงิดใจ คิดว่านักฆ่าคนใดที่ดูเหมือนจะอยากตายถึงได้กล้าทำตัวอุกอาจในตำหนักของรัชทายาท ที่อบอวลไปด้วยพลังลึกลับเช่นนี้ เมื่อเงยหน้าขึ้น ก็เห็นฉู่มู่ฉือยิ้มพลางถีบประตูเปิดเข้ามา ราวกับหน้าผากของเขาควรมีคำว่า “ตำหนักนี้ข้าจะไปไหนมาไหนก็ได้” เขียนติดไว้

“แหม ท่านหญิงกำลังอาบน้ำอยู่หรือ ขออภัยจริงๆ ข้ารีบหานักฆ่าจึงเสียมารยาทลืมเคาะประตู”

เสิ่นอวี้เจาหดตัวลงไปในน้ำจนมิด ทิ้งไว้เพียงหัวที่เปียกชุ่ม พร้อมใบหน้าที่ไม่เปลี่ยนสีแม้แต่น้อย “ฝ่าบาทสงสัยว่านักฆ่าซ่อนอยู่ในอ่างน้ำของหม่อมฉันหรือ? ต้องการตรวจสอบอย่างถึงแก่นเลยหรือไม่?”

ฉู่มู่ฉือหัวเราะพลางกล่าว “ข้าแค่ห่วงความปลอดภัยของท่านหญิง ไม่ควรบิดเบือนความหวังดีของข้าเช่นนี้”

เสิ่นอวี้เจากำลังจะประชดกลับด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ต่อความไร้ยางอายของเขา แต่กลับรู้สึกถึงลมเย็นวูบพัดผ่านหน้าไป ที่แท้เหล่าทหารองครักษ์ของตำหนักก็วิ่งตามมาถึงที่นี่ด้วย!

"นักฆ่าอยู่ในห้องนี้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? กระหม่อมจะเข้าไปจับตัวทันที!"

ได้ยินดังนั้น ฉู่มู่ฉือจึงหันกลับมา เตะหัวหน้าทหารองครักษ์ไปด้วยความหงุดหงิด "จับอะไรกัน? พวกเจ้าไม่เห็นหรือว่าใครคุ้มครอตำหนักนี้อยู่? ทุกคนถอยไปให้หมด! ใครกล้าหันมามอง ให้ไปทิ่มตาตนเองให้บอดเสีย!"

น้ำเสียงชัดเจนว่า เขาเท่านั้นที่มีสิทธิ์มอง ส่วนคนอื่นห้ามยุ่ง!

เหล่าทหารองครักษ์แตกกระเจิงราวกับฝูงนกตกใจ ต่างเผ่นแน่บไปโดยไม่หันกลับมามอง ราวกับเรื่องตลกเกี่ยวกับนักฆ่าเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้น

จนกระทั่งแน่ใจว่าทุกคนออกจากห้องไปหมดแล้ว ฉู่มู่ฉือถึงได้พึงพอใจ ปิดประตูห้องลงอย่างเรียบร้อย จากนั้นเดินทอดน่องเข้ามาหยุดอยู่ข้างถังอาบน้ำ ใช้มือข้างหนึ่งเท้าอยู่ที่ขอบถังในท่วงท่าที่ดูสบายๆ

"ท่านหญิงเสิ่นวางใจเถิด อาบน้ำให้สบาย ข้ารับรองว่าจะไม่มีแม้แต่เศษสวะหน้าไหน บังอาจมาคิดไม่ซื่อกับเจ้า"

"เช่นนั้นหรือ?" เสิ่นอวี้เจาเอียงคอเล็กน้อย "แต่ตอนนี้ข้าคิดว่าในห้องยังมีคนไร้ยางอายอยู่หนึ่งคน"

"ไม่นับข้า" เขาตอบหน้าตาย "ข้าแค่กลัวเจ้าจะเหงา เลยยอมเสี่ยงถูกคนกล่าวหา ฝืนทนความลำบากมาคุ้มครองเจ้าเท่านั้นเอง"

ยังมีใครแสบกว่าไท่จื่ออีกไหมมม เจ้าเล่ห์เก่งงงง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่4 เหนือกว่าฟ้ายังมีฉู่มู่ฉือ

    การกระทำของเจียงเฉินย่อมไม่อาจสำเร็จแท้จริงแล้ว ตั้งแต่ช่วงเวลาที่เขาแอบย่องเข้าไปในห้องของฉู่มู่ฉืออย่างเงียบเชียบ ก็ถูกจับได้เสียแล้ว ตอนที่ก้าวออกมา สิ่งที่เห็นคือองค์รัชทายาทยืนพิงประตูอยู่ หาวออกมาด้วยท่าทีเบื่อหน่าย ทันใดนั้นเจียงเฉินก็ตัวแข็งทื่อยืนจังงังอยู่กับที่"ฝะ...ฝ่าบาท..."" ถึงกับรบกวนองครักษ์เจียง มาช่วยทำความสะอาดห้องให้ข้า ช่างรู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนัก"หัวใจของเจียงเฉินแทบจะหยุดเต้นไปชั่วขณะ มีลางสังหรณ์ว่าเพราะตั๋วเงินสองใบนี้ ตนเองอาจต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างมหาศาล "กระหม่อม…คือ กระหม่อมผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ” จนปัญญาจะพูดอะไรออกมาปลายหางตาของฉู่มู่ฉือยกขึ้น รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้า "หากข้ามองไม่ผิด เมื่อครู่สิ่งที่เจ้านำเข้าไปในห้องคือ'ตะปูเหล็ก' ใช่หรือไม่? หรือเจ้าตั้งใจจะทำ'กระบองหนามพกพา' ให้ข้าไว้ป้องกันตัวกันแน่?""กระหม่อมเพีย

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่3 เอาตนเองเข้ากับดัก

    เพื่อระบายความคับแค้นใจ นางถือกรรไกรในมือ ตัดผมมวยของเหล่าคนรับใช้ ที่มาจากตำหนักองค์รัชทายาทซึ่งยืนเรียงรายกันอยู่หน้าประตูโดยไม่มีความลังเล เสียงร้องโอดครวญดังก้องไปทั่วบริเวณ"ลำพังแค่รับใช้ไท่จื่อก็ลำบากกันจะแย่แล้ว คราวนี้ยังต้องมาเผชิญภัยพิบัติที่ไม่คาดคิดอีก ข้าเองก็จนปัญญาเช่นกัน"เสิ่นอวี้เจาเอ่ยถ้อยคำด้วยท่าทีสบายอารมณ์ ประหนึ่งเหตุโกลาหลเมื่อครู่นั้นเป็นฝีมือของใครสักคนที่ผ่านมา มิใช่นางเองแม้แต่น้อยทว่าแม้ทุกคนจะรู้ดีว่า ใคร คือต้นเหตุของหายนะ พวกเขากลับทำได้เพียงกลืนคำไว้ในลำคอ หอบเอาความโกรธเคล้าความสิ้นหวังเก็บลงไปใต้แววตาขมขื่นมือข้างหนึ่งลูบศีรษะเบาๆ ตรงบริเวณที่ผมบางจนนับเส้นได้ พร้อมคำถามในใจที่ไม่มีใครกล้าเอื้อนเอ่ยสรุปแล้วพวกข้ายังมีผมเหลืออยู่กี่เส้นกันแน่…ชีวิตช่างยากลำบากนัก!จนกระทั่งเสียงทุ้มของบุรุษดังขึ้นจากข้างหลัง พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่น่าหมั่นไส้"ฝีมือดีมาก มีเอกลักษณ์ ข้าชอบยิ่งนัก"แน่นอนว่าเจ้าของเสียงคือ องค์รัชทายาทผู้ยิ่งใหญ่ นั่นเอง!เสิ่นอวี้เจานั้นคือสตรีผู้ใช้ชีวิตตามใจ มิใช่เพราะไร้เหตุผล หากแต่เพราะนางเชื่อมั่นในตรรกะของตนเอง และเลือกจ

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่2 ดาวพิฆาตไท่จื่อ

    ทั่วทั้งเมืองหลวงเมื่อลองนับดูแล้ว คงมีเพียงสองคนเท่านั้น ที่สามารถส่งผลต่ออารมณ์ของเสิ่นอวี้เจาได้ คนแรกคือองค์ชายห้าฉู่หยุนชิง ส่วนอีกคนคือ องค์รัชทายาทฉู่มู่ฉือสำหรับคนแรกนั้นเป็นความลับของเสิ่นอวี้เจา จึงยังไม่ต้องพูดถึงในตอนนี้ ส่วนคนหลังกลับกลายเป็นคนที่นางนับว่าเป็นศัตรูโดยแท้ ว่ากันว่าโชคชะตาของฉู่มู่ฉือนั้นแข็งยิ่งกว่าเหล็กกล้า เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับในวังหลวง เพราะมีข่าวลือว่าตั้งแต่แรกเกิด องค์รัชทายาทก็ทำให้ ฮองเฮาต้วนฮุ่ย ต้องสิ้นพระชนม์จากการคลอดยาก หลังจากนั้นพี่เลี้ยงก็ลื่นล้มขาหักโดยไม่ทราบสาเหตุ บ่าวไพร่ที่รับใช้ใกล้ชิด ก็ล้วนมีอันเป็นไปในหลากหลายรูปแบบ กล่าวได้ว่าเพียงแค่ได้ยินชื่อก็เศร้าใจ พอได้เห็นก็ยิ่งอยากร้องไห้ถึงกับมีการเชิญนักพรตชื่อดังที่สุดในเมืองหลวงมาเข้าวัง นักพรตได้ประกาศว่า โชคชะตาขององค์รัชทายาทคือดาวพิฆาต ที่ปรากฏครั้งหนึ่งในรอบร้อยปี ใครที่อยู่ใกล้จะโชคร้าย แต่งงานยาก ทำลายครอบครัว สร้างความบาดหมางกับพี่น้อง หากไม่ใช่เพราะ พลังแห่งมังกร คุ้มครองไว้ แม้แต่ฮ่องเต้เองก็อาจถูกดึงเข้าไปในหายนะด้วยสำหรับเสิ่นอวี้เจา นางได้ลิ้มรสความโชคร้าย ที่ฉู่มู่ฉือ

  • แม่สื่อผู้นี้ไม่ขอมีสามีเป็นองค์รัชทายาท   บทที่1 แม่สื่อเสิ่น

    วันหนึ่งที่โรงน้ำชาร้านยอดนิยม ซึ่งแน่นขนัดไปด้วยลูกค้าในเมืองหลวงของแคว้นฉี นักเล่าเรื่องเจ้าของป้ายแดงนำพัดออกมาเคาะโต๊ะเสียง "ปัง" พร้อมหมุนเคราบางๆ อย่างตั้งใจ เล่าเรื่องราวอย่างออกรสจนใบหน้าขึ้นสี"โบราณว่าไว้ว่า ‘รถกวาง วิ่งไปไหนมาไหนอย่างอิสระ เล่นหมากรุก ดื่มเหล้าใต้ร่มต้นอบเชย ความรักของโลกีย์ ความสุขและความเศร้าของการพบและจาก มือที่ถือด้ายแดง’ คำพูดนี้บรรยายถึงเฒ่าจันทรา ซึ่งเปรียบเทียบเท่าแม่สื่อวันนี้เราจะมาพูดถึงแม่สื่ออันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวง เสิ่นอวี้เจา!""อยากรู้เกี่ยวกับพื้นเพของ เสิ่นอวี้เจา หรือไม่ ต้องเริ่มต้นจากพี่น้องร่วมสาบานของจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน แม่ทัพใหญ่แห่งแผ่นดิน เสิ่นหยุนเซียว บุรุษผู้ยิ่งใหญ่ และยังเป็นบิดาของเสิ่นอวี้เจาด้วย! เมื่อครั้งที่ทั้งสองแคว้นทำสงครามกัน แม่ทัพเสิ่นเสียชีวิตในสนามรบ และเสิ่นฮูหยินก็ฆ่าตัวตายเพราะความรัก ครอบครัวของนางจึงล่มสลาย ฮ่องเต้ทรงสงสารและรับตัวเด็กหญิงเข้าวังไปเลี้ยงดู ราวกับเป็นลูกสาวของพระองค์เอง! นางได้รับการปฏิบัติเหมือนองค์หญิงทุกประการ เมื่อเติบโตขึ้นและต้องการเป็นแม่สื่อของราชวงศ์ ฮ่องเต้ก็ทรงอนุญาตอย่างเต็มใจ!

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status