บทที่ 7 ราชการลับ
ภายในตำหนักอักษร หงจูเหลียงนั่งตรวจฎีกาด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด มือใหญ่ที่มีรอยเหี่ยวย่นตามกาลเวลากำแน่นด้วยความโมโหอย่างไม่อาจควบคุม
หงเฟยหย่าสวมอาภรณ์สีน้ำเงินเข้มขลิบทองก้าวเข้ามาภายในพร้อมกับโค้งกายคำนับ “ถวายพระพร เสด็จพ่อ”
“รัชทายาท...เจ้ามาก็ดีแล้ว” หงจูเหลียงละสายตาจากฎีกาฉบับหนึ่งในมือ ก่อนจะโบกพระหัตถ์ไปมาอย่างไม่ใส่ใจพิธีการมากนัก เขาเงยหน้ามองบุตรชาย พร้อมกับหันไปหาขันทีด้านข้างในทันที
ขันทีรีบหยิบฎีกาตรงเข้าไปหาหงเฟยหย่าพร้อมกับยื่นให้เขาอย่างรู้งาน
หงเฟยหย่าอ่านฎีกาฉบับดังกล่าวพร้อมใบหน้าที่เคร่งเครียดขึ้นมาในทันที “เสด็จพ่อมีความคิดเห็นเช่นใด”
“ข้าเรียกเจ้ามาเข้าเฝ้าโดยด่วนก็เพราะเรื่องนี้” หงจูเหลียงเอ่ยขึ้นด้วยเสียงนิ่งเย็น “เมื่อคืนมีฎีกาฉบับหนึ่งส่งตรงจากผู้ตรวจการเมืองเจี้ยนหนาน แจ้งว่ามีการทุจริตเงินภาษีและเบียดบังเสบียงหลวงอย่างโจ่งแจ้ง ทั้งยังมีเบาะแสว่าขุนนางท้องถิ่นพัวพันโดยตรง” ชายสูงวัยกล่าวออกมาพร้อมใบหน้าที่ถมึงทึง ดวงตาลุกวาวด้วยโทสะที่มี “เรื่องนี้ดูผิวเผินก็ไม่ต่างจากการทุจริตโดยทั่วไป แต่เมื่อข้าส่งคนไปตรวจสอบ คนเหล่านั้นกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ข้าคิดว่าเรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำใหญ่หลวงที่ปิดบังอยู่เป็นแน่”
ดวงตาของหงเฟยหย่าเป็นประกายทันที “เสด็จพ่อต้องการให้ข้าจัดการเรื่องนี้หรือไม่”
หงจูเหลียงเอนกายพิงบัลลังก์อย่างเหนื่อยล้า “เรื่องนี้โยงใยเกี่ยวพันกับอำนาจในราชสำนัก ข้าต้องการให้เจ้าไปสืบเรื่องนี้อย่างลับๆ เพื่อหาตัวผู้บงการใหญ่ให้ได้”
หงเฟยหย่าประสานมือแน่น “ขอเสด็จพ่อโปรดวางใจ ข้าจะออกเดินทางไปยังเมืองเจี้ยนหนานเพื่อสืบเรื่องราวดังกล่าวให้กระจ่าง”
“ดีมาก...เช่นนั้นข้าก็วางใจ” ฮ่องเต้พยักหน้าลงอย่างเบาใจ “แต่เจ้าอย่าลืมเล่า การเดินทางครั้งนี้ต้องมิให้ผู้ใดล่วงรู้ และเจ้าเองก็ต้องระวังตัวเองให้ดีด้วย เจ้าอย่าได้ลืมเป็นอันขาดว่าเจ้าเป็นรัชทายาทของแคว้นเจี้ยน”
หงจูเหลียงกล่าวจบก็หยิบวัตถุชิ้นหนึ่งจากกล่องไม้แกะสลักยื่นไปด้านหน้า “นี่คือป้ายหยกอาญาสิทธิ์ หากเกิดเรื่องร้ายอันใดขึ้น เจ้าจงใช้สิ่งนี้เพื่อปกป้องความปลอดภัยของตัวเจ้าเอง”
หงเฟยหย่าเดินไปรับป้ายหยกดังกล่าวเอาไว้ในมือ เขาเพ่งมองพร้อมกับกำมันไว้แน่น ดวงตาหรี่ลงไปพร้อมกับความคิดมากมายในหัว เสด็จพ่อของตนมอบของชิ้นนี้ให้ไว้ติดตัว นั่นย่อมหมายถึงภารกิจนี้แฝงอันตรายที่ไม่อาจคาดเดาได้อย่างมหาศาล และนั่นก็ทำให้เขายิ่งต้องใช้ความพยายามอย่างหนักเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่างให้จงได้
“ขอบพระทัย เสด็จพ่อ ข้าจะทำหน้าที่นี้ให้สำเร็จให้จงได้” หงเฟยหย่ากล่าวรับปากด้วยความหนักแน่น
เมื่อทั้งสองพูดคุยเรื่องสำคัญเสร็จสิ้นลง หงจูเหลียงก็มีสีหน้าผ่อนคลายมากขึ้น เขาจึงเปลี่ยนเรื่องคุยกับบุตรชายของตนอีกครั้ง
“ข้ายังมีอีกเรื่องหนึ่ง...แม่ของเจ้าเร่งเร้าให้ข้าพระราชทานสมรสให้กับเจ้า เรื่องนี้ทำเอาข้าปวดหัวไปหมดแล้ว” หงจูเหลียงเอ่ยลอยๆ ขึ้นมาพร้อมกับปรายตามองบุตรชายอย่างชั่งใจ
หงเฟยหย่าขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็รีบปรับสีหน้าให้กลับมานิ่งเรียบอย่างไม่สะทกสะท้าน “เสด็จพ่อ...เวลานี้ความเดือดร้อนของประชาชนที่เมืองเจี้ยนหนานนั้นใหญ่หลวงนัก ข้ามุ่งหวังทำเรื่องส่วนรวมให้ลุล่วงเสียก่อน ส่วนเรื่องนั้น...ไว้ภายหน้าก็ยังไม่สาย”
คำกล่าวปฏิเสธนั้นทำเอาหงจูเหลียงถึงกับหัวเราะร่าออกมา “เจ้านี่นะ...ช่างหาวิธีเอาตัวรอดดีนักเชียว ข้าละเหนื่อยใจกับพวกเจ้าสองแม่ลูกแล้ว” เขากล่าวพร้อมกับส่ายหน้าไปมาอย่างไม่ใส่ใจนัก
“เจ้ารีบกลับไปเตรียมตัวเถิด...แล้วก็...รักษาตัวด้วยเล่า” หงจูเหลียงกล่าวทิ้งท้ายพร้อมกำชับอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง มือยกขึ้นโบกไล่บุตรชายออกไปแต่ก็ยังคงส่งสายตาทอดมองด้วยความห่วงใย
หงเฟยหย่าอมยิ้มพร้อมกับทำหน้าตายโดยไม่ได้ตอบสิ่งใด เขาโน้มตัวคำนับ ก่อนจะหันหลังเดินออกไปด้วยท่าทางสงบนิ่งและมั่นใจเช่นเคย
เมื่อหงเฟยหย่ากลับถึงตำหนัก หลิวรั่วอันก็เดินเข้ามาชายหนุ่มอย่างร้อนใจ “เฟยหย่า มีเรื่องอันใดหรือไม่เหตุใดฮ่องเต้จึงเรียกเจ้าเข้าเฝ้าเร่งด่วนเช่นนี้”
หงเฟยหย่าถอดเสื้อคลุมยื่นให้เขาด้วยความเคยชิน ก่อนจะตอบกลับด้วยท่าทีปกติ “รั่วอัน...เราต้องออกเดินทางไปเมืองเจี้ยนหนาน”
หลิวรั่วอันขมวดคิ้วเล็กน้อย “มีเรื่องอันใดหรือ”
หงเฟยหย่าหันมองสหายรักด้วยท่าทางจริงจัง “มีฎีกาแจ้งเรื่องการทุจริต ข้าต้องไปตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยตนเอง...และเรื่องนี้ต้องไปอย่างลับๆ”
หลิวรั่วอันพยักหน้าอย่างเข้าใจในทันที “ท่านจะออกเดินทางเมื่อใด”
“รุ่งสาง” เขาตอบกลับในทันทีอย่างที่วางแผนไว้
“เช่นนั้นข้าจะกลับไปเตรียมกำลังคนก่อน” หลิวรั่วอันทำท่าจะเดินจากไป แต่หงเฟยหย่ากลับรั้งลำแขนของเขาเอาไว้ “เรื่องนี้พวกเราจะออกเดินทางตามลำพัง”
“ไม่ได้...ความปลอดภัยของท่านเป็นเรื่องสำคัญ อย่างน้อยก็ต้องให้องครักษ์ติดตามไปสักคนสองคน” หลิวรั่วอันร้องแหวออกมาอย่างไม่เห็นด้วย แม้ท่าทีของชายหนุ่มจะดูไม่ร้อนใจนัก แต่เขารู้ดีว่าการที่ฮ่องเต้มอบหมายให้ชายหนุ่มไปตรวจสอบและเป็นเรื่องลับดังกล่าว ย่อมต้องหมายถึงอันตรายอย่างไม่ต้องสงสัย
หงเฟยหย่ายกมือสอดเข้าไปในชายเสื้อก่อนจะหยิบป้ายหยกออกมายื่นให้หลิวรั่วอันดู “พวกเรามีสิ่งนี้แล้ว เจ้าไม่ต้องกังวลใจไป”
หลิวรั่วอันหยิบป้ายหยกพระราชทานขึ้นดู สีหน้าของเขาเคร่งเครียดหนักกว่าเก่า สิ่งนี้ยิ่งพิสูจน์ว่าการเดินทางนี้ย่อมอันตรายมากกว่าที่คิด
“เจ้าก็อย่าคิดมากไป” หงเฟยหย่าหัวเราะเสียงเบากับสีหน้ากังวลของคนตรงหน้า “ในเมื่อข้ามีเจ้าอยู่ทั้งคน... ข้าจะต้องกลัวเรื่องอันใดเล่า”
หลิวรั่วอันถอนใจอย่างจนปัญญา “แต่ว่า...”
“เรื่องนี้เป็นราชการลับ พวกเราต้องปลอมเป็นสามัญชน การมีคนมากเกินไปจะทำให้ตกเป็นเป้าสายตาเอาได้ง่าย”
หลิวรั่วอันเม้มปากแน่น แต่สุดท้ายก็ยอมพยักหน้ารับฟัง “ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะให้คนเตรียมม้าและเสบียงเอาไว้ให้พร้อม”
“อืม...แต่ว่าตอนนี้ข้ารู้สึกเหนียวตัวยิ่งนัก เจ้ามาช่วยข้าอาบน้ำก่อนเถิด” หงเฟยหย่ากล่าวเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว เขาพูดออกมาอย่างหน้าตาย พร้อมกับกางมือออกอย่างรอให้ชายหนุ่มตรงหน้าปรนนิบัติตนเอง
“เฟยหย่า...ท่านจะเกินไปแล้วนะ ข้ายังมีเรื่องสำคัญต้องจัดการอีกมา ท่านทำเองเถิด” หลิวรั่วอันโวยวายออกมาเมื่อเห็นท่าทางช่างน่าหมั่นไส้ของชายหนุ่ม จากนั้นก็สะบัดกายเดินจากไปในทันทีด้วยความหัวเสีย และยิ่งรู้สึกหัวเสียเพิ่มมากขึ้นเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของหงเฟยหย่าดังแว่วตามหลังมา
ตอนที่ 58 ความจริงดั่งฝัน หลังจากกลับมาจากการเยี่ยมเยียนเจียงอันเล่อที่สกุลหาน หงฟางซินก็นิ่งเงียบไปจนตลอดทาง สายตาดูเหม่อลอยออกไปพร้อมกับเสียงถอนหายใจที่ดังขึ้นเป็นระยะๆ เฉินเส้าหว่านจ้องมองชายหนุ่มอย่างผิดสังเกต แต่นางก็ไม่อยากเซ้าซี้เขาให้รู้สึกรำคาญใจ ดังนั้นนางจึงยังรักษาอาการเอาไว้ และพยายามขบคิดอย่างหนักว่าเกิดอะไรขึ้นกับชายหนุ่มกันแน่ ภายในห้องนอนที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของกำยาน หงฟางซินถอดเสื้อตัวนอกออก พร้อมกับปลดสายคาดเอวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขานั่งลงบนโต๊ะ มือหนึ่งยกถ้วยชาขึ้นจิบ พลางทอดสายตามองออกไปด้านนอกด้วยความรู้สึกหวิวโหวงอย่างบอกไม่ถูก “พี่เฟย...ท่านเป็นอันใดไป เหตุใดตั้งแต่กลับมาจากจวนสกุลหานถึงได้ดูเคร่งขรึมเช่นนี้” เฉินเส้าหว่านที่อดรนทนไม่ไหวจึงเอ่ยทักออกมา เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูไม่สู้ดีของสามี “ตอนนี้ใต้เท้าหานก็มีบุตรชายบุตรสาวเป็นของตัวเองแล้ว แต่ว่าข้ากลับยังไร้วี่แวว” หงฟางซินบ่นอุบออกมาด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ ยิ่งได้เห็นความน่ารักน่าเอ็นดูของหลานทั้งสอง เขาก็ยิ่งรู้สึกอิจฉาขึ้นมาจับใจ “พี่เฟย...ท่านอย่าคิดมาก
ตอนที่ 57 มิพรากจาก ยามรุ่งสางของวัน หลิวรั่วอันปรือตาตื่นขึ้น เขานั้นราวกับอยู่ในความฝัน เมื่อร่างกายรู้สึกถึงสัมผัสที่เล้าโลมขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มขยับกายดิ้นรนด้วยความรู้สึกปวดเมื่อยไปทั่วร่าง และเมื่อตื่นเต็มตา เขาก็ได้เห็นหงเฟยหย่าที่กำลังคลอเคลียอยู่บนตัวเขาไม่ห่าง “เฟยหย่า...เจ้าคนลามก” เสียงโวยวายดังขึ้นอีกหน สองมือพยายามปัดและผลักไสคนบนร่างออกห่าง “เมื่อคืนข้าตามใจเจ้าแล้ว เช้านี้เจ้าตามใจข้าสักครั้งไม่ได้หรือ” หงเฟยหย่ากระซิบเสียงสั่นอย่างออดอ้อนออเซาะ ท่าทางเช่นนี้ยิ่งทำให้หลิวรั่วอันเริ่มโมโหขึ้นมาอีกครั้ง “เมื่อคืนเจ้าทำข้าจนปวดเมื่อยไปทั้งตัว...นี่เจ้าคิดจะทำอยู่อีกหรือ...หรือเจ้าอยากให้ข้าตายไปเสีย” หงเฟยหย่าทำหน้าสลดลงไป เขาทอดสายตามองหลิวรั่วอันอย่างนึกน้อยใจ “ข้าผิดหรือที่ข้ารักเจ้ามากเกินห้ามใจ...ข้ายอมทิ้งทุกสิ่งเพื่อมีเจ้าอยู่เคียงข้าง...แต่แค่เวลาไม่ถีงปี เจ้ากลับเบื่อหน่ายและรำคาญข้าเช่นนี้” หงเฟยหย่าโอดครวญอย่างมีมารยา หลิวรั่วอันสูดลมหายใจเข้าลึกอย่างพยายามหักห้ามอารมณ์ นี่นับเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วเชียว ที
ตอนที่ 56 เคียงกัน ลมหนาวจากเทือกเขาฉางหลงพัดวูบผ่านสายลม ลมเย็นโบกพัดสัมผัสใบหน้าคมเข้มจนรู้สึกได้ถึงความเย็นเยือกที่กำลังมา เสียงฝีเท้าของม้ายังคงย่ำก้าวไปตามทางอย่างต่อเนื่อง บุรุษสองคนควบขี่ม้าเคียงกันไปราวกับภาพวาด “เฟยหย่า...ข้าว่าเราควรพักที่โรงเตี๊ยมด้านหน้าเสียก่อน” เสียงเข้มของหลิวรั่วอันดังขึ้น พร้อมขยับชายเสื้อเข้าหาตัวด้วยความรู้สึกเหน็บหนาว “ข้าตามใจเจ้า” หงเฟยหย่าตอบกลับอย่างว่าง่าย พร้อมเร่งบังเหียนควบขี่ไปยังโรงเตี๊ยมที่อยู่ด้านหน้า บุรุษทั้งสองลงจากหลังม้าก้าวเข้าไปด้านในโรงเตี๊ยม หลิวรั่วอันหยิบตำลึงในชายเสื้อยื่นให้กับเถ้าแก่ “ห้องพักหนึ่งห้อง พักสองคน” เมื่อได้รับเงินดังกล่าว เถ้าแก่ก็รีบพาคนทั้งสองไปยังห้องพักที่อยู่ด้านบนสุด หลังจากที่หงเฟยหย่าหลบลี้ตนเองออกจากความวุ่นวาย เขาก็ออกเดินทางพร้อมกับหลิวรั่วอันไปยังสถานที่ต่างๆ บ้างก็หยุดพักแรม บ้างก็อยู่ชั่วคราว แต่เมื่อมีคนเริ่มจับสังเกตได้ พวกเขาก็ออกเดินทางต่อไปอย่างไม่มีจุดหมาย ห้องพักของโรงเตี๊ยมอยู่ชั้นบน แม้จะไม่หรูหราสะดวกสบายมากนัก แต่ก็สะอาดสะอ
ตอนที่ 55 จดหมายลึกลับ หลังพิธีแต่งงานอันยิ่งใหญ่ของหงฟางซินกับเฉินเส้าหว่านผ่านไปเพียงไม่กี่เดือน ภายในตำหนักของหงฟางซินก็คึกคักขึ้นอีกครั้ง เมื่อหงจูเหลียงมีราชโองการแต่งตั้งหงฟางซินขึ้นเป็นรัชทายาทแห่งแคว้นเจี้ยน และแต่งตั้งเฉินเส้าหว่านเป็นพระชายารัชทายาท ราชโองการถูกประกาศออกไปโดยถ้วนหน้า เหล่าขุนนางทั้งหลายต่างพากันแวะเวียนมาเยี่ยมและแสดงความยินดีต่อรัชทายาทคนใหม่ ผู้ที่จะขึ้นเป็นฮ่องเต้ในอนาคต เม่งฉีเต๋อเองก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าโปรดปรานลูกสะใภ้ของตนมากเพียงใด นางไม่เพียงมอบเครื่องประดับและข้าวของอันมีค่ามากมายให้แก่เฉินเส้าหว่าน แต่ยังออกปากอย่างหนักแน่นว่าหากมีผู้ใดกล้าลบหลู่ลูกสะใภ้ของตน นางจะจัดการอย่างเด็ดขาด แม้อยากตายก็มิอาจตายได้ นั่นยิ่งทำให้เฉินเส้าหว่านกลายเป็นสตรีสูงศักดิ์ที่มีแต่คนเคารพและยำเกรง แม้กระทั่งจวนสกุลเฉินเองที่เคยเงียบเหงา บัดนี้กลับเต็มไปด้วยกลุ่มคน ทั้งขุนนางและพ่อค้าที่พากันมาร่วมยินดีกับเฉินกวนซีและเฉินซูเถิงที่ได้เป็นถึงพ่อตาแม่ยายของรัชทายาทแห่งแคว้น สกุลเฉินจึงมีหน้ามีตาขึ้นมาในชั่วพริบตา สร้างความปลาบปลื้มใจให
ตอนที่ 54 คืนเข้าหอ หลังจากความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้ง เฉินเส้าหว่านก็ยังนั่งนิ่งอยู่เช่นเดิม ความประหม่าและเขินอายเข้ามาแทนที่ สองมือเรียวกำชายกระโปรงแน่นจนเนื้อผ้าแทบจะฉีกขาด ปลายนิ้วสั่นระริกอย่างไม่รู้จะทำตัวเช่นใด หงฟางซินโน้มใบหน้าเข้าหาหญิงสาว “เจ้าสวยเหลือเกิน...” เสียงทุ้มของเขาดังขึ้นเบาๆ ทำเอาหญิงสาวถึงกับสะท้านไหว เฉินเส้าหว่านสบตากับชายหนุ่มในที่สุด น้ำเสียงสั่นพร่าดังแผ่วออกมา “พี่เฟย...” หงฟางซินเอื้อมมือแตะมือบางของเธออย่างเชื่องช้า ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าหาหญิงสาวอีกครั้ง ริมฝีปากประกบลงบนริมฝีปากบางอย่างหิวโหย ลิ้นร้อนดูดดื่มเกี่ยวพันด้านในอย่างรุกล้ำรุนแรง เฉินเส้าหว่านหอบหายใจอย่างยากลำบาก สองมือบีบกำไหล่กว้างของชายหนุ่มเอาไว้แน่น ลำแขนของหงฟางซินค่อยๆ โอบกระชับร่างบางเข้ามาแนบไว้ที่แผงอก เฉินเส้าหว่านสั่นเทาเล็กน้อย แต่นางก็มิได้ขัดขืนสัมผัสอันเรียกร้องและเร่าร้อนนั้นแต่อย่างใด นางกลับทำเพียงยกแขนขึ้นโอบรอบลำคอของเขา ตอบรับจูบนั้นด้วยความเต็มใจ เมื่อริมฝีปากของทั้งสองค่อยๆ ผละจากกัน ชายหนุ่มจ้องมองหญิงสาว
ตอนที่ 53 พิธีแต่งงาน หลังจากที่หงฟางซินปรับความเข้าใจกับเฉินเส้าหว่านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในวันรุ่งขึ้นหงฟางซินก็รีบส่งจดหมายไปยังมารดาของตนโดยทันที เกี้ยวของฮองเฮาออกเดินทางตรงไปยังจวนสกุลเฉินอย่างยิ่งใหญ่เปิดเผย เฉินกวนซีจำต้องรีบออกมาต้อนรับฮองเฮาอย่างมิอาจเลี่ยงได้ “ใต้เท้าเฉิน...เชิญตามสบายเถิด” เม่งฉีเต๋อกล่าวออกมาเมื่อนั่งลงภายในห้องโถง เฉินกวนซีและเฉินซูเถิงแสดงสีหน้าอย่างกระอักกระอ่วนใจ “ข้ามาในวันนี้คงมิได้เป็นการรบกวนพวกท่านหรอกนะ” คำกล่าวทักดังกล่าวทำเอาคนทั้งสองได้แต่โค้งกายลงอย่างนอบน้อม “หามิได้พ่ะย่ะค่ะ” “ข้ามาในวันนี้เนื่องจากมีเรื่องสำคัญจะปรึกษากับพวกท่าน...เส้าหว่านเป็นหญิงสาวที่ข้ารักและเอ็นดูยิ่งนัก ข้าจึงอยากสู่ขอนางให้เป็นพระชายาขององค์ชายเก้า พวกท่านมีความเห็นเป็นเช่นใด” เม่งฉีเต๋อกล่าวความต้องการอย่างตรงไปตรงมา น้ำเสียงนั้นดูราบเรียบแต่ทว่าฉายแววบีบคั้นอยู่ในที เฉินกวนซีมองหน้าภรรยาอย่างเลิ่กลั่ก เขารู้สึกงุนงงกับท่าทีของหงฟางซินยิ่งนัก เหตุใดก่อนหน้าจึงได้ตัดสัมพันธ์อย่างแล้งน้