บทที่ 6 ตามตื๊อ
หลังจากงานเลี้ยงจบ หงฟางซินก็พยายามหาทางติดต่อกับเจียงอันเล่อ เขาถึงกับเดินทางไปยังจวนสกุลเจียงเพื่อขอพบกับหญิงสาว
“นายท่านขอรับ...องค์ชายเก้าเสด็จมาขอรับ” เสียงของพ่อบ้านที่รีบเข้ามารายงานต่อเจียงเสิ่นเย่วได้ทราบ
เจียงเสิ่นเย่วเงยหน้าขึ้นช้าๆ ดวงตาฉายความประหลาดใจออกมาเล็กน้อย ก่อนจะหุบเอกสารในมือลงแล้วขมวดคิ้วเข้าหากัน
“องค์ชายเก้า...เหตุใดจึงมาที่นี่โดยมิได้นัดหมายกัน” เจียงเสิ่นเย่วพึมพำออกมา สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะเอ่ยออกคำสั่งออกไป “ไปเชิญองค์ชายเข้ามา”
ไม่นานนักร่างสูงในชุดสีฟ้าครามปักดิ้นทองของหงฟางซินก็ก้าวเข้ามาภายในโถงกว้าง เส้นผมถูกรวบขึ้นอย่างเรียบร้อย ใบหน้าแต้มรอยยิ้มอ่อน ดวงตาสุขุมและสงบนิ่งสะท้อนถึงความมั่นใจในตัวเอง
“คารวะองค์ชายเก้า” เจียงเสิ่นเย่วโค้งกายต้อนรับอย่างนอบน้อม
หงฟางซินยกมือขึ้นพยุงอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นด้วยท่าทีนอบน้อมไม่แพ้กัน “ท่านโหวอย่าได้มากพิธี วันนี้ข้ามารบกวนถึงจวนโดยมิได้นัดไว้ ต้องขออภัยด้วยอย่างยิ่ง”
“หามิได้ องค์ชายโปรดประทับนั่งก่อนเถิด”
หงฟางซินเดินเข้าไปนั่งยังเก้าอี้ไม้หอมแกะสลักที่จัดวางไว้กลางโถงใหญ่ พลางสอดสายตาสำรวจไปโดยรอบอย่างไม่ปิดบัง เป้าหมายของเขามิใช่คนตรงหน้า แต่กลับเป็นบุตรสาวของจวนแห่งนี้ต่างหาก
“องค์ชายมีธุระใดให้ข้ารับใช้หรือไม่” เจียงเสิ่นเย่วเอ่ยถามออกมาตามตรง
“มิได้ท่านโหว...” หงฟางซินยกยิ้มบาง พลางยกจอกชาขึ้นจิบเล็กน้อย “ข้าเพียง...อยากมาพบคุณหนูเจียงเท่านั้น”
ทันทีที่คำพูดนั้นหลุดออกจากปาก หางคิ้วของเจียงเสิ่นเย่วก็กระตุกเล็กน้อย ดวงตาเข้มขึ้นมาภายในพริบตา ก่อนที่เขาจะควบคุมตนเองและรักษาอาการนิ่งเฉยเอาไว้อีกครั้ง
“องค์ชาย...เกรงว่าจะทำให้ท่านผิดหวังเสียแล้ว เล่อเอ๋อร์นั้นออกเดินทางไปเยี่ยมท่านตาที่นอกเมืองตั้งแต่เช้าตรู่ คงอีกหลายวันกว่าจะกลับ”
หงฟางซินชะงักไปเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะกลบเกลื่อนความผิดหวังด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “เป็นเช่นนั้นหรือ...น่าเสียดายยิ่งนัก...เอาไว้ข้าคงต้องขอรบกวนท่านโหวในคราวหน้าเสียแล้ว”
“หามิได้ เช่นนั้นหากเล่อเอ๋อร์กลับมา ข้าจะบอกนางว่าท่านมาพบ” เจียงเสิ่นเย่วกล่าวออกไปราวกับต้องการตัดบท
“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน” หงฟางซินพยักหน้ารับด้วยความจนใจ จากนั้นจึงหันหลังออกจากจวนด้วยความรู้สึกผิดหวังอย่างมากทีเดียว
หลายวันผ่านไป หงฟางซินยังคงแวะเวียนมาที่จวนสกุลเจียงเป็นระยะๆ แต่ทุกครั้งกลับได้รับเพียงความว่างเปล่า เสมือนกับชะตาของเขากับนางมิต้องกันเช่นนั้นถึงได้คลาดกันเสียทุกครั้งไป
หงฟางซินรู้สึกหงุดหงิดใจอย่างหนัก เขาจึงตรงมานั่งจิบชาภายในหอเปี้ยนจี้ อาหารและสุราชั้นดีถูกจัดวางตรงหน้า แต่เขากลับมิได้แตะต้องเลยแม้แต่น้อย สายตายังคงทอดมองเหม่อลอยไปยังถนนเบื้องหน้า
แต่ในขณะที่เขากำลังเหม่อลอยอยู่นั้น สายตาของหงฟางซินก็พลันสะดุดเข้ากับร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งในชุดสีชมพูอ่อนที่เดินผ่านถนนตรงหน้า แค่เพียงเสี้ยววินาทีเขาก็จำได้ทันที
“เฉินเส้าหว่าน...”
หงฟางซินรีบหันไปสั่งองครักษ์ข้างกายในทันที “ไปเชิญคุณหนูเฉินมา ข้ามีเรื่องจะพูดด้วย”
องครักษ์โค้งกายรับคำแล้วรีบเร่งฝีเท้าออกไปอย่างไม่รอช้า
“คุณหนูเฉิน...องค์ชายห้าขอพบท่านสักครู่ขอรับ”
คำกล่าวดังกล่าวทำให้เฉินเส้าหว่านถึงกับทำหน้างุนงง นางหันซ้ายหันขวาอย่างไม่แน่ใจอีกครั้ง
“ท่านบอกว่าองค์ชายห้าขอพบข้าเช่นนั้นหรือ” เฉินเส้าหว่านถามย้ำอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจ
“ขอรับ...เชิญคุณหนูเฉินที่หอเปี้ยนจี้สักครู่”
คำตอบรับทำให้เฉินเส้าหว่านพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินตามหลังชายหนุ่มไปตามที่นัดหมาย นางครุ่นคิดและคาดเดาได้อย่างไม่ยากว่าเรื่องที่หงฟางซินต้องการพูดคุยกับนางเป็นเรื่องอันใด
เฉินเส้าหว่านย่างกรายเข้ามาภายในห้อง พร้อมกับย่อกายคำนับอย่างสุภาพ “องค์ชายห้า”
“คุณหนูเฉินเชิญนั่ง” หงฟางซินผายมือให้นางนั่งลงตรงด้านหน้าของเขา
“องค์ชายเรียกข้ามาที่นี่ มิทราบมีเรื่องอันใดหรือ”
หงฟางซินรินน้ำชาให้นางอย่างใจเย็น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวอีกครั้ง
“ข้าได้ยินว่าเจ้าเป็นสหายของคุณหนูเจียง”
คำกล่าวนั้นทำให้เฉินเส้าหว่านอมยิ้มออกมา เมื่อจุดประสงค์ของชายหนุ่มเป็นไปอย่างที่นางคิดเอาไว้ “เป็นเช่นองค์ชายกล่าว ข้ากับอันเล่อสนิทสนมกันอยู่มากนัก”
“เอ่อ...ถ้าเช่นนั้นข้าขอพูดกับเจ้าตามตรง ข้าพึงใจในตัวคุณหนูเจียง อยากให้เจ้าช่วยเหลือข้าสักหน่อย” หงฟางซินกล่าวออกมาอย่างตรงไปตรงมา เขาจ้องมองเฉินเส้าหว่านด้วยสายตาแน่วแน่และจริงจัง
เฉินเส้าหว่านยิ้มเจื่อนออกมา “องค์ชาย...ท่านอย่าได้คิดว่าข้าใจดำเลยนะ แต่หากเป็นเรื่องนี้ เห็นทีข้าคงมิอาจช่วยเหลือท่านได้” หญิงสาวถอนหายใจยาวออกมา พร้อมกับส่ายหน้าอย่างจนใจ
“เหตุใดกันเล่า” หงฟางซินร้องเสียงหลงออกมาด้วยความผิดหวัง เมื่อได้รับการปฏิเสธจากคนตรงหน้า
“แม้ว่าข้ากับอันเล่อจะสนิทสนมกัน แต่ว่าเรื่องนี้ข้าเองก็จนปัญญานัก” เฉินเส้าหว่านยังคงปฏิเสธอีกครั้ง นางไม่อยากเป็นตัวกลางความรักของผู้อื่น และไม่อยากลากตนเองเข้าไปเดือดร้อนกับเรื่องน่าปวดหัวนี้
“หรือว่าคุณหนูเจียงมีคู่หมายอยู่ก่อนแล้ว” หงฟางซินยังคงเซ้าซี้ต่อเนื่องอย่างไม่ยอมแพ้
“เท่าที่ข้ารู้...อันเล่อยังมิได้เกี่ยวดองกับผู้ใด แต่เรื่องราวความรักของนาง...ข้าก็มิเคยเข้าไปยุ่งเกี่ยว ดังนั้นหากองค์ชายต้องการหาแม่สื่อ ข้าว่าท่านไปเชิญผู้อื่นจะดีกว่า” เฉินเส้าหว่านกล่าวเสียงแข็งอีกครั้ง พร้อมกับสายตาตำหนิที่ทอดมองไปอย่างไม่ไว้หน้า
“คุณหนูเฉิน ข้าเสียมารยาทกับเจ้าแล้ว แต่ว่าความตั้งใจของข้านั้นไม่คงไม่เปลี่ยนแปลง หากว่าคุณหนูเฉินเปลี่ยนใจ ข้าจะรอฟังข่าวดีจากท่าน”
หงฟางซินมองหญิงสาวด้วยสายตาอ้อนวอน ในเวลานี้เขาเองก็ไม่เห็นหนทางอื่นเพราะเขาเพียรพยายามไปหาเจียงอันเล่อที่จวนสกุลเจียงอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ต้องพบกับความผิดหวังตลอด จนเขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะโชคไม่เข้าข้าง หรือเป็นเพราะนางต้องการหลบเลี่ยงเขากันแน่
“องค์ชาย...หากมิมีธุระอันใดแล้ว เช่นนั้นข้าต้องขอตัวก่อน” เฉินเส้าหว่านไม่อยากต่อคำกับชายหนุ่มอีกแล้ว จึงได้กล่าวขอตัวออกไป นางย่อกายคำนับลา แล้วหันหลังเดินออกจากห้องไปในที่สุด
ตอนที่ 58 ความจริงดั่งฝัน หลังจากกลับมาจากการเยี่ยมเยียนเจียงอันเล่อที่สกุลหาน หงฟางซินก็นิ่งเงียบไปจนตลอดทาง สายตาดูเหม่อลอยออกไปพร้อมกับเสียงถอนหายใจที่ดังขึ้นเป็นระยะๆ เฉินเส้าหว่านจ้องมองชายหนุ่มอย่างผิดสังเกต แต่นางก็ไม่อยากเซ้าซี้เขาให้รู้สึกรำคาญใจ ดังนั้นนางจึงยังรักษาอาการเอาไว้ และพยายามขบคิดอย่างหนักว่าเกิดอะไรขึ้นกับชายหนุ่มกันแน่ ภายในห้องนอนที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของกำยาน หงฟางซินถอดเสื้อตัวนอกออก พร้อมกับปลดสายคาดเอวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขานั่งลงบนโต๊ะ มือหนึ่งยกถ้วยชาขึ้นจิบ พลางทอดสายตามองออกไปด้านนอกด้วยความรู้สึกหวิวโหวงอย่างบอกไม่ถูก “พี่เฟย...ท่านเป็นอันใดไป เหตุใดตั้งแต่กลับมาจากจวนสกุลหานถึงได้ดูเคร่งขรึมเช่นนี้” เฉินเส้าหว่านที่อดรนทนไม่ไหวจึงเอ่ยทักออกมา เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูไม่สู้ดีของสามี “ตอนนี้ใต้เท้าหานก็มีบุตรชายบุตรสาวเป็นของตัวเองแล้ว แต่ว่าข้ากลับยังไร้วี่แวว” หงฟางซินบ่นอุบออกมาด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ ยิ่งได้เห็นความน่ารักน่าเอ็นดูของหลานทั้งสอง เขาก็ยิ่งรู้สึกอิจฉาขึ้นมาจับใจ “พี่เฟย...ท่านอย่าคิดมาก
ตอนที่ 57 มิพรากจาก ยามรุ่งสางของวัน หลิวรั่วอันปรือตาตื่นขึ้น เขานั้นราวกับอยู่ในความฝัน เมื่อร่างกายรู้สึกถึงสัมผัสที่เล้าโลมขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มขยับกายดิ้นรนด้วยความรู้สึกปวดเมื่อยไปทั่วร่าง และเมื่อตื่นเต็มตา เขาก็ได้เห็นหงเฟยหย่าที่กำลังคลอเคลียอยู่บนตัวเขาไม่ห่าง “เฟยหย่า...เจ้าคนลามก” เสียงโวยวายดังขึ้นอีกหน สองมือพยายามปัดและผลักไสคนบนร่างออกห่าง “เมื่อคืนข้าตามใจเจ้าแล้ว เช้านี้เจ้าตามใจข้าสักครั้งไม่ได้หรือ” หงเฟยหย่ากระซิบเสียงสั่นอย่างออดอ้อนออเซาะ ท่าทางเช่นนี้ยิ่งทำให้หลิวรั่วอันเริ่มโมโหขึ้นมาอีกครั้ง “เมื่อคืนเจ้าทำข้าจนปวดเมื่อยไปทั้งตัว...นี่เจ้าคิดจะทำอยู่อีกหรือ...หรือเจ้าอยากให้ข้าตายไปเสีย” หงเฟยหย่าทำหน้าสลดลงไป เขาทอดสายตามองหลิวรั่วอันอย่างนึกน้อยใจ “ข้าผิดหรือที่ข้ารักเจ้ามากเกินห้ามใจ...ข้ายอมทิ้งทุกสิ่งเพื่อมีเจ้าอยู่เคียงข้าง...แต่แค่เวลาไม่ถีงปี เจ้ากลับเบื่อหน่ายและรำคาญข้าเช่นนี้” หงเฟยหย่าโอดครวญอย่างมีมารยา หลิวรั่วอันสูดลมหายใจเข้าลึกอย่างพยายามหักห้ามอารมณ์ นี่นับเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วเชียว ที
ตอนที่ 56 เคียงกัน ลมหนาวจากเทือกเขาฉางหลงพัดวูบผ่านสายลม ลมเย็นโบกพัดสัมผัสใบหน้าคมเข้มจนรู้สึกได้ถึงความเย็นเยือกที่กำลังมา เสียงฝีเท้าของม้ายังคงย่ำก้าวไปตามทางอย่างต่อเนื่อง บุรุษสองคนควบขี่ม้าเคียงกันไปราวกับภาพวาด “เฟยหย่า...ข้าว่าเราควรพักที่โรงเตี๊ยมด้านหน้าเสียก่อน” เสียงเข้มของหลิวรั่วอันดังขึ้น พร้อมขยับชายเสื้อเข้าหาตัวด้วยความรู้สึกเหน็บหนาว “ข้าตามใจเจ้า” หงเฟยหย่าตอบกลับอย่างว่าง่าย พร้อมเร่งบังเหียนควบขี่ไปยังโรงเตี๊ยมที่อยู่ด้านหน้า บุรุษทั้งสองลงจากหลังม้าก้าวเข้าไปด้านในโรงเตี๊ยม หลิวรั่วอันหยิบตำลึงในชายเสื้อยื่นให้กับเถ้าแก่ “ห้องพักหนึ่งห้อง พักสองคน” เมื่อได้รับเงินดังกล่าว เถ้าแก่ก็รีบพาคนทั้งสองไปยังห้องพักที่อยู่ด้านบนสุด หลังจากที่หงเฟยหย่าหลบลี้ตนเองออกจากความวุ่นวาย เขาก็ออกเดินทางพร้อมกับหลิวรั่วอันไปยังสถานที่ต่างๆ บ้างก็หยุดพักแรม บ้างก็อยู่ชั่วคราว แต่เมื่อมีคนเริ่มจับสังเกตได้ พวกเขาก็ออกเดินทางต่อไปอย่างไม่มีจุดหมาย ห้องพักของโรงเตี๊ยมอยู่ชั้นบน แม้จะไม่หรูหราสะดวกสบายมากนัก แต่ก็สะอาดสะอ
ตอนที่ 55 จดหมายลึกลับ หลังพิธีแต่งงานอันยิ่งใหญ่ของหงฟางซินกับเฉินเส้าหว่านผ่านไปเพียงไม่กี่เดือน ภายในตำหนักของหงฟางซินก็คึกคักขึ้นอีกครั้ง เมื่อหงจูเหลียงมีราชโองการแต่งตั้งหงฟางซินขึ้นเป็นรัชทายาทแห่งแคว้นเจี้ยน และแต่งตั้งเฉินเส้าหว่านเป็นพระชายารัชทายาท ราชโองการถูกประกาศออกไปโดยถ้วนหน้า เหล่าขุนนางทั้งหลายต่างพากันแวะเวียนมาเยี่ยมและแสดงความยินดีต่อรัชทายาทคนใหม่ ผู้ที่จะขึ้นเป็นฮ่องเต้ในอนาคต เม่งฉีเต๋อเองก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าโปรดปรานลูกสะใภ้ของตนมากเพียงใด นางไม่เพียงมอบเครื่องประดับและข้าวของอันมีค่ามากมายให้แก่เฉินเส้าหว่าน แต่ยังออกปากอย่างหนักแน่นว่าหากมีผู้ใดกล้าลบหลู่ลูกสะใภ้ของตน นางจะจัดการอย่างเด็ดขาด แม้อยากตายก็มิอาจตายได้ นั่นยิ่งทำให้เฉินเส้าหว่านกลายเป็นสตรีสูงศักดิ์ที่มีแต่คนเคารพและยำเกรง แม้กระทั่งจวนสกุลเฉินเองที่เคยเงียบเหงา บัดนี้กลับเต็มไปด้วยกลุ่มคน ทั้งขุนนางและพ่อค้าที่พากันมาร่วมยินดีกับเฉินกวนซีและเฉินซูเถิงที่ได้เป็นถึงพ่อตาแม่ยายของรัชทายาทแห่งแคว้น สกุลเฉินจึงมีหน้ามีตาขึ้นมาในชั่วพริบตา สร้างความปลาบปลื้มใจให
ตอนที่ 54 คืนเข้าหอ หลังจากความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้ง เฉินเส้าหว่านก็ยังนั่งนิ่งอยู่เช่นเดิม ความประหม่าและเขินอายเข้ามาแทนที่ สองมือเรียวกำชายกระโปรงแน่นจนเนื้อผ้าแทบจะฉีกขาด ปลายนิ้วสั่นระริกอย่างไม่รู้จะทำตัวเช่นใด หงฟางซินโน้มใบหน้าเข้าหาหญิงสาว “เจ้าสวยเหลือเกิน...” เสียงทุ้มของเขาดังขึ้นเบาๆ ทำเอาหญิงสาวถึงกับสะท้านไหว เฉินเส้าหว่านสบตากับชายหนุ่มในที่สุด น้ำเสียงสั่นพร่าดังแผ่วออกมา “พี่เฟย...” หงฟางซินเอื้อมมือแตะมือบางของเธออย่างเชื่องช้า ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าหาหญิงสาวอีกครั้ง ริมฝีปากประกบลงบนริมฝีปากบางอย่างหิวโหย ลิ้นร้อนดูดดื่มเกี่ยวพันด้านในอย่างรุกล้ำรุนแรง เฉินเส้าหว่านหอบหายใจอย่างยากลำบาก สองมือบีบกำไหล่กว้างของชายหนุ่มเอาไว้แน่น ลำแขนของหงฟางซินค่อยๆ โอบกระชับร่างบางเข้ามาแนบไว้ที่แผงอก เฉินเส้าหว่านสั่นเทาเล็กน้อย แต่นางก็มิได้ขัดขืนสัมผัสอันเรียกร้องและเร่าร้อนนั้นแต่อย่างใด นางกลับทำเพียงยกแขนขึ้นโอบรอบลำคอของเขา ตอบรับจูบนั้นด้วยความเต็มใจ เมื่อริมฝีปากของทั้งสองค่อยๆ ผละจากกัน ชายหนุ่มจ้องมองหญิงสาว
ตอนที่ 53 พิธีแต่งงาน หลังจากที่หงฟางซินปรับความเข้าใจกับเฉินเส้าหว่านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในวันรุ่งขึ้นหงฟางซินก็รีบส่งจดหมายไปยังมารดาของตนโดยทันที เกี้ยวของฮองเฮาออกเดินทางตรงไปยังจวนสกุลเฉินอย่างยิ่งใหญ่เปิดเผย เฉินกวนซีจำต้องรีบออกมาต้อนรับฮองเฮาอย่างมิอาจเลี่ยงได้ “ใต้เท้าเฉิน...เชิญตามสบายเถิด” เม่งฉีเต๋อกล่าวออกมาเมื่อนั่งลงภายในห้องโถง เฉินกวนซีและเฉินซูเถิงแสดงสีหน้าอย่างกระอักกระอ่วนใจ “ข้ามาในวันนี้คงมิได้เป็นการรบกวนพวกท่านหรอกนะ” คำกล่าวทักดังกล่าวทำเอาคนทั้งสองได้แต่โค้งกายลงอย่างนอบน้อม “หามิได้พ่ะย่ะค่ะ” “ข้ามาในวันนี้เนื่องจากมีเรื่องสำคัญจะปรึกษากับพวกท่าน...เส้าหว่านเป็นหญิงสาวที่ข้ารักและเอ็นดูยิ่งนัก ข้าจึงอยากสู่ขอนางให้เป็นพระชายาขององค์ชายเก้า พวกท่านมีความเห็นเป็นเช่นใด” เม่งฉีเต๋อกล่าวความต้องการอย่างตรงไปตรงมา น้ำเสียงนั้นดูราบเรียบแต่ทว่าฉายแววบีบคั้นอยู่ในที เฉินกวนซีมองหน้าภรรยาอย่างเลิ่กลั่ก เขารู้สึกงุนงงกับท่าทีของหงฟางซินยิ่งนัก เหตุใดก่อนหน้าจึงได้ตัดสัมพันธ์อย่างแล้งน้