แชร์

ถั่วเขียวต้มน้ำตาล

ผู้เขียน: ต้าเหนิง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-13 06:24:26

ลวันแรกของร้านขนมถั่วเขียว รุ่งเช้า หมอกจาง ๆ ปกคลุมทั่วหมู่บ้าน ซูหนิงเหยียนตื่นขึ้นมาพร้อมกับแววตามุ่งมั่น เธอใช้เวลาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางในการต้มถั่วเขียวให้นุ่ม แล้วเติมน้ำตาลให้รสหวานกำลังดี กลิ่นหอมของถั่วเขียวต้มลอยอบอวลไปทั่วเรือน เด็กทั้งสามลุกขึ้นมาช่วยกันอย่างแข็งขัน เด็กชายคนโตช่วยหาบน้ำจากบ่อ ส่วนฝาแฝดหญิงช่วยเตรียมถ้วยและตะเกียบ เมื่อทุกอย่างพร้อม พวกเขาก็ช่วยกันหาบหม้อถั่วเขียวใบโตเดินไปยังตลาดเล็ก ๆ ในหมู่บ้าน ณ ตลาดเช้า ตลาดเช้าของหมู่บ้านแม้จะไม่ใหญ่มาก แต่ก็คึกคักตั้งแต่เช้ามืด ชาวบ้านทยอยกันออกมาซื้อของก่อนจะไปทำงานในไร่นา ซูหนิงเหยียนเลือกตั้งร้านตรงมุมที่มีคนเดินผ่านมากที่สุด เธอใช้ผ้าผืนเก่าปูเป็นโต๊ะ วางถ้วยไม้เล็ก ๆ ที่เตรียมมา และเปิดฝาหม้อให้ไอร้อนลอยออกมา กลิ่นหอมของถั่วเขียวต้มอบอวลไปทั่ว ไม่นานนัก ก็มีคนเดินผ่านมาและหยุดมองด้วยความสนใจ 

“หืม? กลิ่นอะไรน่ะ หอมจัง!” 

หญิงชราร่างท้วมที่ถือกระบุงผักยืนมองซูหนิงเหยียนด้วยความสงสัย ซูหนิงเหยียนยิ้มอ่อนโยน 

“นี่เป็นถั่วเขียวต้มน้ำตาลเจ้าค่ะ ท่านป้าอยากลองชิมสักถ้วยไหม?” 

หญิงชรามองหม้อถั่วเขียวต้มที่เดือดปุด ๆ ด้วยแววตาครุ่นคิด

 “เท่าไรล่ะ?” 

“หนึ่งถ้วยเล็ก หนึ่งอีแปะเจ้าค่ะ”

 หญิงชราเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

 “ถูกกว่าขนมเจ้าอื่นเสียอีก ถ้างั้นข้าขอลองสักถ้วย” 

ซูหนิงเหยียนรีบตักถั่วเขียวต้มใส่ถ้วยไม้ ส่งให้หญิงชรา เด็กหญิงฝาแฝดมองแม่ของพวกตนด้วยแววตาเป็นประกาย ในขณะที่เด็กชายคนโตเผลอยิ้มบาง ๆ ออกมา หญิงชราตักถั่วเขียวขึ้นมาเป่าเบา ๆ ก่อนจะลองชิมหนึ่งคำ ตาของนางเบิกกว้าง 

“อื้ม! อร่อย! หวานกำลังดี ไม่เลี่ยนเกินไป แถมนุ่มมาก!” 

ซูหนิงเหยียนยิ้ม “หากท่านป้าชอบ คราวหน้ามาอุดหนุนอีกได้นะเจ้าคะ” หญิงชราพยักหน้าหงึก ๆ ก่อนจะหันไปทางกลุ่มหญิงสาวที่ยืนอยู่ไม่ไกล 

“พวกเจ้ามาลองนี่สิ! ถั่วเขียวต้มของนางอร่อยมาก!” 

เมื่อได้ยินดังนั้น หญิงสาวที่กำลังเดินตลาดอยู่ก็พากันหันมามอง ซูหนิงเหยียนรีบยิ้มต้อนรับ 

“น้องสาว นี่เจ้าขายอะไรหรือ?”

 หญิงสาวสองคนเดินเข้ามาถามพลางจ้องหม้อถั่วเขียวต้มด้วยความสนใจ “เป็นถั่วเขียวต้มน้ำตาลเจ้าค่ะ อุ่น ๆ หอมหวาน ดื่มแล้วสดชื่นแน่นอน” หญิงสาวคนหนึ่งพยักหน้า

 “ถ้างั้นข้าขอสามถ้วย”

 ซูหนิงเหยียนรีบตักถั่วเขียวต้มให้ หญิงสาวทั้งสองรับไปแล้วลองชิม พลันใบหน้าของพวกนางก็เต็มไปด้วยความพึงพอใจ 

“อื้ม! อร่อยจริงด้วย น้องสาว เจ้านี่ฝีมือดีจริง ๆ!” 

“ข้าขอเพิ่มอีกถ้วยเถอะ สามีข้าต้องชอบแน่ ๆ” 

ไม่ทันไร แผงขายเล็ก ๆ ของซูหนิงเหยียนก็เริ่มมีคนมารุมล้อมมากขึ้นเรื่อย ๆ เด็กชายคนโตเห็นดังนั้นก็รีบช่วยแม่เก็บเงิน ส่วนฝาแฝดหญิงช่วยส่งถ้วยให้ลูกค้า เด็กหญิงฝาแฝดหัวเราะเบา ๆ พลางกระซิบกัน 

“ท่านแม่เก่งมากเลย!”

 เด็กชายคนโตแม้จะไม่พูดอะไร แต่ในดวงตาของเขาก็มีแววภาคภูมิใจอย่างปิดไม่มิด  ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม หม้อถั่วเขียวต้มใบใหญ่ที่หาบมา หมดเกลี้ยง! ซูหนิงเหยียนมองถุงเงินที่เต็มไปด้วยเหรียญอีแปะแล้วรู้สึกดีใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอหาเงินได้ด้วยลำแข้งของตัวเองในยุคนี้ เด็ก ๆ มองแม่ของพวกตนด้วยความตื่นเต้น

 “ท่านแม่! พวกเราขายหมดแล้ว!”

 ซูหนิงเหยียนหัวเราะ พลางลูบศีรษะพวกเขาอย่างเอ็นดู

 “ใช่! พวกเราเก่งมาก!” 

เด็กชายคนโตพยักหน้า

 “พรุ่งนี้เรามาขายอีกดีไหม?”

 เด็กหญิงฝาแฝดรีบเสริม

 “ข้าจะช่วยท่านแม่ต้มถั่วเขียวเอง!” ซูหนิงเหยียนมองลูก ๆ ของเธอที่เต็มไปด้วยพลังและรอยยิ้ม พวกเขาไม่ใช่เด็กที่หวาดกลัวและหิวโหยอีกต่อไป แต่เป็นเด็ก ๆ ที่มีความหวังและพร้อมจะสู้ไปกับเธอ เธอกำหมัดแน่น อีกสองวัน… ข้าจะต้องหาเงินครบสิบห้าตำลึงให้ได้!

ปลดหนี้ภายในสามวัน

แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องลงมายังหมู่บ้านเล็ก ๆ ซูหนิงเหยียนตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ เตรียมวัตถุดิบสำหรับต้มถั่วเขียวขายเป็นวันที่สาม เด็กทั้งสามก็ยังคงช่วยแม่อย่างแข็งขันเหมือนทุกวัน

เมื่อคืนนี้เธอนับเงินแล้วพบว่าขาดเพียงสองตำลึงเท่านั้นจึงจะครบจำนวนหนี้สินที่ติดไว้ วันนี้เธอต้องขายให้หมดและหาให้ครบให้ได้!

ณ ตลาดเช้า

หลังจากตั้งร้านไม่นาน ชาวบ้านที่เคยซื้อไปเมื่อวานก็กลับมาอีกครั้ง บ้างพาลูกหลานมาด้วย บ้างซื้อไปฝากสามีหรือภรรยา

“น้องสาว วันนี้มีขายอีกหรือไม่? ข้าตั้งตารอถั่วเขียวต้มของเจ้ามากเลยนะ!”

“ข้าด้วย! เมื่อวานซื้อมาสองถ้วย สามีข้ากินหมดโดยไม่แบ่งข้าเลย วันนี้ข้าจะซื้อเพิ่มอีกเป็นสี่ถ้วย!”

ซูหนิงเหยียนหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะตักถั่วเขียวต้มร้อน ๆ ใส่ถ้วย ส่งให้ลูกค้าอย่างคล่องแคล่ว เด็กชายคนโตช่วยเก็บเงิน ส่วนฝาแฝดหญิงช่วยยื่นถ้วยให้ลูกค้า

“ข้ารู้สึกว่าแม่ค้าหนุ่มน้อยคนนี้เก็บเงินเก่งขึ้นนะ” หญิงวัยกลางคนเอ่ยชม

เด็กชายคนโตยืดตัวขึ้นเล็กน้อย พลางตอบอย่างมั่นใจ “ข้าเรียนรู้จากท่านแม่เจ้าค่ะ!”

ซูหนิงเหยียนลูบหัวลูกชายอย่างภูมิใจ ก่อนจะหันกลับมาสนใจลูกค้า

ผ่านไปเพียงครึ่งชั่วยาม หม้อถั่วเขียวต้มก็หมดเกลี้ยง!

เธอหยิบถุงเงินขึ้นมานับ ทันทีที่เห็นตัวเลขในมือ รอยยิ้มของเธอก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า

สิบห้าตำลึง… ครบแล้ว!

ณ เรือนของเจ้าหนี้

หลังจากเก็บร้านเสร็จ ซูหนิงเหยียนพาลูก ๆ เดินตรงไปยังบ้านของเจ้าหนี้ เพื่อนบ้านที่เคยมาทวงหนี้เมื่อสามวันก่อน หญิงวัยกลางคนเปิดประตูออกมาพร้อมกับสีหน้าตกใจเมื่อเห็นซูหนิงเหยียนยืนอยู่หน้าบ้าน

“เจ้ามาทำไม?”

ซูหนิงเหยียนหยิบถุงเงินออกมาแล้วยื่นให้ “ข้ามาคืนหนี้เจ้าค่ะ สิบห้าตำลึงครบตามที่ติดไว้”

หญิงเจ้าหนี้เบิกตากว้าง “อะไรนะ? นี่เจ้าหาเงินครบในสามวันจริงหรือ!?”

“เจ้าค่ะ”

หญิงเจ้าหนี้รีบรับถุงเงินมาเปิดดู เมื่อเห็นว่าเงินครบจริง ๆ นางถึงกับอ้าปากค้าง

“เจ้า… ทำได้ยังไง?”

ซูหนิงเหยียนยิ้มบาง ๆ

 “ข้าขายถั่วเขียวต้มน้ำตาลในตลาดเจ้าค่ะ”

หญิงเจ้าหนี้มองซูหนิงเหยียนด้วยความประหลาดใจ พลางเหลือบมองเด็ก ๆ ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พวกเขาดูสะอาดสะอ้านกว่าแต่ก่อน แววตาก็สดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

หญิงเจ้าหนี้ถอนหายใจเบา ๆ 

“ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้ เมื่อก่อนเจ้าทำตัวไม่ดีนัก แต่ตอนนี้… ดูเหมือนเจ้าจะเป็นแม่ที่ดีแล้วจริง ๆ”

ซูหนิงเหยียนยิ้ม “ข้าตั้งใจจะเป็นแม่ที่ดีให้กับลูก ๆ ของข้าเจ้าค่ะ”

หญิงเจ้าหนี้พยักหน้าช้า ๆ “ถ้าอย่างนั้น ข้าก็หวังว่าเจ้าจะรักษาเส้นทางนี้ต่อไป”

ซูหนิงเหยียนโค้งศีรษะให้เป็นเชิงขอบคุณ ก่อนจะจูงมือลูก ๆ เดินกลับบ้าน

เด็กหญิงฝาแฝดหันมายิ้มให้แม่ “ท่านแม่! เราหมดหนี้แล้วใช่ไหม?”

ซูหนิงเหยียนพยักหน้า 

“ใช่ พวกเราหมดหนี้แล้ว!”

เด็กชายคนโตที่มักเงียบขรึมก็ยิ้มออกมาเป็นครั้งแรก “ท่านแม่เก่งที่สุดเลย!”

ซูหนิงเหยียนก้มลงกอดลูก ๆ ทั้งสามด้วยความอบอุ่น เธอรู้สึกภูมิใจ ไม่ใช่เพียงเพราะสามารถหาเงินใช้หนี้ได้ แต่เพราะเธอได้สร้างชีวิตใหม่ให้กับตัวเองและลูก ๆ แล้วจริง ๆ

จากนี้ไป เธอจะพาพวกเขาไปสู่อนาคตที่ดีกว่าเดิมให้ได้!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • แม่หม้ายแฝดสาม   จบ

    ทุกสิ่งเริ่มเปลี่ยนไปหลังจากการเปิดเผยความจริงนั้น ทุกคนในราชวงศ์ต่างจับตามองการดำเนินการของลู่เหรินเจ๋อและซูหนิงเหยียน เมื่อมีการเตรียมการทางการทหารและการเมืองเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อปกป้องอาณาจักรจากภัยคุกคามใหม่ที่เกิดขึ้น ลู่เหรินเจ๋อและซูหนิงเหยียนเตรียมพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับศัตรูที่อาจจะเข้ามาโจมตีได้ทุกเมื่อ ทั้งสองมั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถทำลายแผนการของศัตรูได้อย่างรวดเร็ว หากพวกเขาทำงานร่วมกันและสนับสนุนกันอย่างเต็มที่ ลู่เหรินเจ๋อ "ตอนนี้เราไม่สามารถถอยหลังได้แล้ว ทุกการเคลื่อนไหวของเราต้องเป็นการเคลื่อนไหวที่มุ่งมั่นเพื่อชัยชนะ" ซูหนิงเหยียน: "เราจะไม่ยอมให้ทุกสิ่งที่เรารักถูกทำลาย เราจะสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับราชวงศ์นี้" ทั้งสองมองไปข้างหน้า ด้วยความมั่นใจและความรักที่ไม่มีวันเสื่อมคลายเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ความมุ่งมั่นที่ลู่เหรินเจ๋อและซูหนิงเหยียนได้พยายามกันมาเริ่มเห็นผล ความรักและการทำงานร่วมกันในครั้งนี้ได้สร้างความแข็งแกร่งให้กับทั้งสองฝ่าย ทำให้พวกเขาเผชิญหน้ากับอุปสรรคและอันตรายต่างๆ ได้อย่างมั่นคงทั้งสองได้ร่วมมือกันหาวิธีป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จ

  • แม่หม้ายแฝดสาม   ความรัก

    ในห้องที่เงียบสงบของตำหนักหลังใหญ่แห่งนี้ ทั้งพระเอกและซูหนิงเหยียนนั่งอยู่ข้างกัน ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดหลายวันมานี้ แม้ภายนอกจะดูสงบ แต่ทั้งสองคนรู้ดีว่าความจริงนั้นแฝงไปด้วยความซับซ้อนและอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามา“ข้ารู้ดีว่าเรากำลังจะเผชิญกับอะไร...” องค์ชายเจ็ดกล่าวเสียงแหบต่ำ รู้สึกถึงน้ำหนักของคำพูดนั้นอย่างมาก ขณะที่สายตาของเขาจ้องไปยังนางเอกซูหญิงเหยียนมองกลับไปด้วยสายตาที่มุ่งมั่นและไม่หวั่นไหว “สิ่งที่เราเผชิญนั้นยากลำบากแน่นอน แต่เราก็ต้องยืนหยัดและเผชิญมันไปพร้อมกัน ข้าจะไม่ยอมให้สิ่งใดมาพรากสิ่งที่เรามีไป”คำพูดของซูหนิงเหยียนนั้นจริงจังและเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น มันเหมือนการบอกกับองค์ชายเจ็ดว่า นางพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับอุปสรรคที่กำลังจะเกิดขึ้น แม้ว่าจะเป็นอันตรายแค่ไหน แต่เธอเชื่อมั่นว่า ถ้าทั้งสองคนร่วมมือกัน ก็ไม่มีอะไรที่พวกเขาจะเอาชนะไม่ได้องค์ชายเจ็ดพยักหน้าเล็กน้อยและยิ้มบางๆ “ข้าเองก็เช่นกัน ถ้าเราทำทุกอย่างไปด้วยกัน ไม่มีอะไรที่ต้องกลัว”ในขณะที่ทั้งสองพูดคุยกันอยู่นั้น เสียงฝีเท้าหนักๆ ก็ดังขึ้นที่หน้าประตูห้อ

  • แม่หม้ายแฝดสาม   วางแผน

    ความมืดของค่ำคืนไม่สามารถหยุดยั้งความมุ่งมั่นของทั้งองค์ชายเจ็ดและซูหนิงเหยียนได้ ความจริงที่พวกเขาค้นพบในค่ายทหารทำให้พวกเขาตระหนักถึงความร้ายแรงที่กำลังจะเกิดขึ้นในราชสำนัก พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องลงมือแทรกซึมเข้าไปในกลุ่มขุนนางที่มีอำนาจและวางแผนลับเหล่านั้นระหว่างการเดินทางกลับที่ตำหนักหลวง องค์ชายเจ็ดหันไปมองซูหนิงเหยียนและกล่าวเสียงต่ำ “เราอาจต้องใช้วิธีที่ไม่เป็นทางการในการหาความจริง อาจจะต้องทำให้พวกขุนนางเหล่านั้นเชื่อว่าเราอยู่ฝ่ายเดียวกัน”ซูหนิงเหยียนนิ่งเงียบก่อนจะตอบกลับด้วยเสียงเรียบ “ข้ารู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ข้าไม่อยากให้ใครตกเป็นเหยื่อของการสมคบคิดนี้อีก”เมื่อกลับถึงตำหนัก หลายสิ่งที่พวกเขาต้องทำยังคงรออยู่ การเตรียมการเพื่อเข้าร่วมในวงการขุนนางนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย การได้รู้จักและชักชวนผู้อื่นให้ร่วมมือกับพวกเขาจะเป็นเรื่องที่ท้าทายมากองค์ชายเจ็ดจึงเริ่มพิจารณาแผนการที่จะต้องใช้ในการเข้าใกล้กลุ่มขุนนางเหล่านั้น ทันทีที่คิดได้ เขาก็ส่งสัญญาณให้ทหารผู้ไว้ใจและผู้ที่ทำงานในตำหนักมาร่วมช่วยกันสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของกลุ่มขุนนางในราชสำนัก“เราไม่สา

  • แม่หม้ายแฝดสาม   เงามืด

    ความมืดของคืนนี้ยังคงปกคลุมไปทั่วเมืองหลวง ขณะที่องค์ชายและนางเอกยืนอยู่ตรงหน้าฝ่าบาทที่ถูกลักพาตัวไป พวกเขาก็เริ่มรู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ความลับที่ซ่อนอยู่ภายในตำหนักและความเคลื่อนไหวของขุนนางที่ไม่ชัดเจนทำให้สถานการณ์ยิ่งทวีความซับซ้อนมากขึ้นฝ่าบาทที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ท่ามกลางความมืดพูดขึ้นอีกครั้งด้วยเสียงที่แผ่วเบาและจริงจัง“ทุกอย่างมันซับซ้อนมากกว่าที่เจ้าทั้งสองคิด ความขัดแย้งในราชวงศ์นี้ไม่ได้เกิดจากคนภายนอก แต่มันมาจากภายใน เหล่าขุนนางบางกลุ่มกำลังวางแผนที่จะทำให้การปกครองของข้าอ่อนแอลง”องค์ชายมองไปที่ฝ่าบาทด้วยความตระหนัก เขารู้ว่าแผนการของศัตรูในราชวงศ์นั้นซับซ้อนยิ่งกว่าแค่การลักพาตัวฝ่าบาทเพียงอย่างเดียว“หมายความว่า...การลักพาตัวครั้งนี้เป็นเพียงแค่การเริ่มต้น?” พระเอกถามเสียงต่ำ พร้อมจับตามองฝ่าบาทด้วยท่าทีที่จริงจังฝ่าบาทพยักหน้า “ใช่ การลักพาตัวของข้าเป็นแค่การทดสอบความพร้อมของฝ่ายขุนนางบางกลุ่ม พวกเขากำลังจับตาดูข้าและคอยหาจังหวะที่ข้าอ่อนแอเพื่อลงมือทำบางอย่างที่ยิ่งใหญ่”ซูหนิงเหยียนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ฟังแล้วรู้สึกกังวลใจ เธอรู้ดีว่าการต่อสู้ทางการเมืองในรา

  • แม่หม้ายแฝดสาม   ศาลาใต้ดิน

    ลู่เหรินเจ๋อและซูหนิงเหยียนเดินมาถึงศาลาใต้ดินที่ตั้งอยู่ในส่วนลึกของตำหนัก ศาลานี้เป็นที่เก็บข้อมูลลับที่ได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด โดยมีเพียงไม่กี่คนในราชวงศ์ที่รู้ว่ามันมีอยู่ ซูหนิงเหยียนหยิบคัมภีร์เก่าขึ้นมาเล่มหนึ่งที่พระเอกเพิ่งจัดการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของเงามืดในราชวงศ์“หากเราไม่หาข้อมูลจากที่นี่ เราจะไม่สามารถรู้ทันศัตรูได้” บู่เหรินเจ๋อพูดขึ้นขณะที่นางเอกกำลังอ่านข้อความในคัมภีร์“เรื่องนี้มันซับซ้อนเกินไป... ข้าไม่มั่นใจว่าพวกเขาจะหยุดแค่การโจมตีครั้งนี้” นางเอกกล่าวด้วยความกังวลในใจลู่เหรินเจ๋อหันมามองซูหนิงเหยียนแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “ข้ารู้ แต่ข้าคิดว่าเราควรตั้งรับและโจมตีพวกเขาก่อน พวกเขากำลังรวบรวมอำนาจในทุกๆ ด้าน หากเราช้าเกินไป เราจะถูกซ้อนเร้นและถูกทำลาย”ลู่เหรินเจ๋อมองไปยังแผนที่ที่วางอยู่บนโต๊ะ โดยมีสัญลักษณ์ของหน่วยต่างๆ ในราชวงศ์ที่พยายามวางแผนการคุมเมืองและเสริมอำนาจให้มากขึ้น“เราต้องกระชับทุกสิ่งในมือไว้ เราต้องรู้ความเคลื่อนไหวทั้งหมดของพวกเขา” ลู่เหรินเจ๋อกล่าวต่อขณะที่พระเอกพูดอยู่นั้น พวกเขาก็ได้ยินเสียงบางอย่างที่มาจากทางด้า

  • แม่หม้ายแฝดสาม   สนใจ

    เสียงกรีดร้องจากด้านนอกทำให้นางเอกสะดุ้ง เธอไม่รอช้า รีบหยิบมีดครัวในมือเตรียมตัวรับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น ทันทีที่เธอก้าวออกจากครัวไป ก็เห็นเงาร่างของคนหลายคนวิ่งข้ามประตูเข้ามาในตำหนักของตน“มีคนบุกเข้ามา!” นางตะโกนออกไปอย่างรวดเร็วลู่เหรินเจ๋อที่ยืนอยู่ข้างนางก้าวไปข้างหน้า ก่อนจะสั่งการให้บ่าวรับใช้จัดการกับการป้องกันรอบตำหนักอย่างเร่งด่วน "อย่าปล่อยให้ใครเข้ามาใกล้!"ทันทีที่คำสั่งถูกออกมา คนในตำหนักก็เริ่มกระจายไปยังจุดต่างๆ ของวังหลวงเพื่อปิดทางและป้องกันไม่ให้ศัตรูเข้าถึงตัวซูหนิงเหยียนขณะที่เสียงดังอึกทึกจากการต่อสู้ดังขึ้น เสียงของลู่เหรินเจ๋อก็ดังตามมา "ห้ามทำร้ายใคร!" ลู่เหรินเจ๋อก้าวเข้ามาด้วยท่าทางมั่นคงและดวงตาแสดงออกถึงความตั้งใจที่จะปกป้องซูหนิงเหยียนอย่างสุดความสามารถศัตรูที่บุกเข้ามาคือกลุ่มผู้คนที่ได้รับการว่าจ้างจากพระสนมเหมยฮวาเพื่อทำลายความเชื่อถือของซูหนิงเหยียนและสร้างความสับสนให้กับคนในวังหลวง แต่เมื่อเห็นลู่เหรินเจ๋อเข้ามา ทุกคนก็ลังเลและหยุดชะงัก"พระองค์จะทำอะไร?" หนึ่งในคนร้ายถามด้วยเสียงที่สั่นลู่เหรอนเจ๋อยิ้มเย็น "ไม่ต้องถามคำถามที่รู้คำตอบ" เข

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status