Home / รักโบราณ / แม่หม้ายแฝดสาม / ทะลุมิติมาในร่างแม่หม้าย.

Share

แม่หม้ายแฝดสาม
แม่หม้ายแฝดสาม
Author: ต้าเหนิง

ทะลุมิติมาในร่างแม่หม้าย.

last update Last Updated: 2025-02-13 06:23:40

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

เสียงกรีดร้องของเด็ก ๆ ดังไปทั่วเรือนหลังเล็กที่ทรุดโทรม ซูหนิงเหยียนยืนตระหง่านอยู่กลางลานบ้าน ดวงตาแข็งกร้าวราวกับพายุโหมกระหน่ำ มองดูเด็กทั้งสามที่คุกเข่าตัวสั่นอยู่ตรงหน้า

“พวกเจ้ามันตัวกาลกิณี! ถ้าไม่มีพวกเจ้า ข้าคงไม่ต้องใช้ชีวิตต่ำต้อยเช่นนี้!” เธอตวาดเสียงแข็ง กวาดสายตามองลูกทั้งสามด้วยความโกรธเคือง

เด็ก ๆ ก้มหน้าซ่อนหยาดน้ำตา ไม่กล้าส่งเสียงโต้แย้งใด ๆ พวกเขารู้ดีว่าแม่ของตนไม่เคยปรานีใคร แม้แต่ลูกในไส้ก็ไม่เว้น

ซูหนิงเหยียนกำลังเงื้อมมือขึ้นเพื่อทุบบนหลังของลูกชายคนโต ทันใดนั้น ความรู้สึกวิงเวียนก็พุ่งเข้าใส่ร่างของเธอ ความเจ็บปวดแล่นขึ้นสมองอย่างรุนแรง โลกทั้งใบหมุนคว้างก่อนที่ร่างของเธอจะทรุดฮวบลงกับพื้น

ตึง!

ร่างของนางแน่นิ่งไปต่อหน้าต่อตาเด็กทั้งสาม คนโตรีบพุ่งเข้าไปเขย่าตัวแม่ของตน ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว “ท่านแม่! ท่านแม่!”

ไม่มีเสียงตอบกลับ ซูหนิงเหยียนหมดสติไปแล้ว

โลกอนาคต

เสียงหวอของรถพยาบาลดังระงมกลางถนน หญิงสาวคนหนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่บนเปล รถพยาบาลเร่งฝ่าการจราจรด้วยความเร็วสูง ทีมแพทย์เร่งช่วยเหลือเธออย่างสุดความสามารถ แต่หัวใจของเธอเต้นช้าลงเรื่อย ๆ ก่อนที่เครื่องวัดชีพจรจะส่งเสียงดัง ปี๊บ! ยาวเหยียด…

ทุกอย่างดับวูบลงสู่ความมืดมิด

โลกยุคจีนโบราณ

เปลือกตาของซูหนิงเหยียนกระตุกเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะลืมตาขึ้นมา ดวงตาของเธอที่เคยเย็นชาเปลี่ยนเป็นแววตาตกตะลึงและสับสน

“นี่มัน…ที่ไหน?” เสียงหวานแหบพร่าดังขึ้น

หญิงสาวกะพริบตาถี่ ๆ มองไปรอบตัวด้วยความตกใจ เธอพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนพื้นห้องไม้เก่า ๆ รอบข้างมีข้าวของกระจัดกระจาย บรรยากาศไม่คุ้นเคยแม้แต่น้อย

ก่อนที่เธอจะได้ตั้งสติ เสียงสะอื้นก็ดังขึ้นจากมุมห้อง

เธอหันไปมอง และพบกับเด็กสามคนที่กำลังเบียดกันอยู่ด้วยความหวาดกลัว ดวงตาของพวกเขาแดงก่ำ น้ำตาไหลอาบแก้ม ขณะที่พวกเขาจับจ้องเธอด้วยสายตาหวาดระแวงและสับสน

หญิงสาวขมวดคิ้ว “นี่มัน…เกิดอะไรขึ้น? เด็กพวกนี้เป็นใคร?”

เธอพยายามลุกขึ้นนั่ง แต่กลับรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งร่าง ความทรงจำแปลกประหลาดพรั่งพรูเข้ามาในหัวราวกับกระแสน้ำเชี่ยวกราก เธอเห็นภาพของหญิงคนหนึ่งที่หน้าตาเหมือนเธอไม่มีผิดเพี้ยน แต่กลับมีบุคลิกที่โหดร้ายและใจร้าย

ซูหนิงเหยียน… นี่มันชื่อของข้านี่?

หญิงสาวตกใจ ดวงตาเบิกกว้างเมื่อเข้าใจความจริง เธอไม่ได้อยู่ในโลกเดิมอีกต่อไปแล้ว!

เธอ… ได้ทะลุมิติเข้ามาในร่างของหญิงแม่หม้ายที่มีลูกแฝดสามในยุคจีนโบราณ!

แม่คนใหม่

ซูหนิงเหยียนค่อย ๆ ลุกขึ้นจากพื้น แม้ร่างกายจะยังมึนงงและอ่อนแรง แต่เธอก็พยายามพยุงตัวเองให้ยืนขึ้น มือข้างหนึ่งกุมขมับแน่น ความรู้สึกปวดศีรษะราวกับมีใครเอาเหล็กร้อนมากระแทกซ้ำ ๆ แต่สิ่งที่ทำให้เธอปวดใจยิ่งกว่ากลับเป็นเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของเด็กทั้งสามที่ดังมาจากมุมห้อง

เธอหันไปมอง และพบว่าพวกเขากำลังขดตัวเบียดกันอยู่ที่มุมกำแพง ดวงตาแดงก่ำจากการร้องไห้ มือเล็ก ๆ กอดกันแน่นราวกับพยายามปกป้องกันและกันจากอันตราย

เธอสูดหายใจเข้าลึก พยายามข่มอารมณ์สับสนที่ถาโถมเข้ามา เด็กพวกนี้เป็นลูกของเธอในร่างนี้... พวกเขาคือแฝดสาม

หญิงสาวค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ ขณะที่เงาของเธอทอดลงบนตัวเด็ก ๆ พวกเขาก็สะดุ้งเฮือก ใบหน้าเล็กซีดเผือดราวกับหวาดกลัวว่าเธอจะลงโทษพวกเขาอีก

“ท่านแม่… ได้โปรดอย่าทำโทษพวกเราเลย…”

เสียงเด็กชายคนโตพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ดวงตาสีดำสนิทเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น

หัวใจของซูหนิงเหยียนกระตุกวูบ พวกเขากลัวเธอขนาดนี้เลยหรือ?

เธอเม้มปากแน่น ภาพความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมที่มักจะทุบตีและดุด่าลูก ๆ ผุดขึ้นมาในหัว นางหญิงคนก่อนเป็นคนเย็นชาและใจร้าย ไม่เคยมอบความรักให้เด็กพวกนี้เลย ไม่แปลกใจที่พวกเขาจะกลัวเธอ…

หญิงสาวคุกเข่าลงตรงหน้าเด็ก ๆ และเอื้อมมือไปหา พวกเขาสะดุ้งโหยง ตัวสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัด เธอหยุดชะงัก ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อนโยนที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้

“ไม่ต้องกลัว ข้า…ข้าจะไม่ทำร้ายพวกเจ้า”

เด็กทั้งสามเงยหน้ามองเธออย่างไม่เชื่อสายตา พวกเขาไม่เคยได้ยินเสียงที่อ่อนโยนแบบนี้จากปากของมารดามาก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว

เธอยกมือขึ้นช้า ๆ ใช้หลังมือแตะเบา ๆ ที่แก้มของเด็กชายคนโต

“เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?”

เด็กชายเบิกตากว้าง มองเธออย่างหวาดระแวงก่อนจะส่ายหน้าช้า ๆ แต่ยังคงไม่พูดอะไร

เธอหันไปมองเด็กหญิงฝาแฝดที่ตัวเล็กกว่า พวกเธอซุกตัวอยู่ด้านหลังพี่ชาย ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและไม่มั่นใจ

นี่คือเด็ก ๆ ที่เธอจะต้องดูแล… พวกเขาคือครอบครัวของเธอจากนี้ไป

หญิงสาวยิ้มบาง ๆ แม้ในใจจะหนักอึ้ง เธอต้องพิสูจน์ให้พวกเขาเห็นว่า "ซูหนิงเหยียน" คนเก่าได้จากไปแล้ว และเธอ… แม่คนใหม่ของพวกเขา จะไม่มีวันทำร้ายพวกเขาอีก

อาหารมื้อแรกของครอบครัว

ซูหนิงเหยียนตื่นขึ้นมาในยามเช้าตรู่ แสงแดดอ่อน ๆ ลอดผ่านหน้าต่างไม้เก่าเข้ามา เธอลืมตาขึ้นแล้วหันไปมองเด็ก ๆ ที่ยังคงหลับอยู่บนฟูกบาง ๆ ที่วางอยู่บนพื้นไม้ พวกเขาขดตัวแน่นด้วยผ้าห่มเก่า ๆ ผืนเดียวกัน

หญิงสาวขยับตัวลุกขึ้นเบา ๆ วันนี้เธอต้องพิสูจน์ให้พวกเขาเห็นว่า "แม่" ของพวกเขาเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ

อาหารเช้าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุด

แต่เมื่อเธอเดินไปถึงห้องครัวที่อยู่ด้านหลังเรือน ก็ต้องชะงักไปเพราะภาพตรงหน้า...

ห้องครัวเล็ก ๆ มีเพียงเตาถ่านเก่า หม้อดินหนึ่งใบ และภาชนะที่แทบจะใช้งานไม่ได้ ไม่มีข้าวสาร ไม่มีเนื้อ ไม่มีผักสด มีเพียงเศษมันฝรั่งแห้งและถั่วเหลืองที่แข็งราวกับก้อนหิน

ซูหนิงเหยียนขมวดคิ้ว แบบนี้จะทำอาหารยังไงกัน?

เธอกอดอกครุ่นคิด ก่อนจะเดินออกไปสำรวจรอบ ๆ บ้าน และพบว่าในสวนหลังบ้านมีแปลงผักเล็ก ๆ ที่มีต้นหอม กระเทียมป่า และฟักทองลูกเล็ก ๆ ไม่กี่ลูก

หญิงสาวถอนหายใจ ยังดีที่มีของพวกนี้

เธอรีบเก็บฟักทองและถอนต้นหอมกับกระเทียม จากนั้นเดินกลับเข้าครัวและเริ่มลงมือทำอาหารด้วยวัตถุดิบที่มีอยู่

ไม่นานหลังจากนั้น...

กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของฟักทองผัดกับต้นหอมและกระเทียมลอยอบอวลไปทั่วเรือน

ซูหนิงเหยียนใช้ถั่วเหลืองแช่น้ำให้นุ่มก่อนนำไปต้มเป็นน้ำแกง เติมเกลือเล็กน้อยเพื่อให้มีรสชาติ จากนั้นเธอหั่นฟักทองเป็นชิ้นเล็ก ๆ ผัดกับต้นหอมและกระเทียมจนได้กลิ่นหอม ก่อนจะใส่น้ำลงไปให้กลายเป็นซุปอุ่น ๆ

แม้อาหารจะเรียบง่าย แต่เธอก็ตั้งใจทำมันอย่างสุดฝีมือ

เด็ก ๆ ตื่นขึ้นมาเพราะกลิ่นหอม

พวกเขาค่อย ๆ เดินออกมาจากห้องด้วยท่าทางงัวเงีย แต่เมื่อเห็นแม่ของตนกำลังจัดอาหารลงบนโต๊ะเล็ก ๆ ดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ

"ท่านแม่ทำอาหารเองหรือ?" เด็กชายคนโตถามเสียงเบา สีหน้าเต็มไปด้วยความระแวง

“ใช่” ซูหนิงเหยียนยิ้ม

“มาลองกินกันเถอะ”

เด็ก ๆ ยังคงลังเล แต่เมื่อเธอวางถ้วยซุปฟักทองร้อน ๆ ไว้ตรงหน้าพวกเขา กลิ่นหอมก็ทำให้พวกเขากลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว

เด็กหญิงฝาแฝดตักน้ำแกงขึ้นมาชิมคนละคำ ก่อนที่ดวงตากลมโตจะเป็นประกาย

"อร่อย!"

เด็กชายคนโตเห็นน้อง ๆ กินอย่างมีความสุข จึงค่อย ๆ ตักซุปขึ้นมาชิมบ้าง และสุดท้ายก็กินเงียบ ๆ แต่ท่าทางของเขาดูผ่อนคลายลงมากกว่าตอนแรก

ซูหนิงเหยียนมองเด็ก ๆ ที่กินอาหารด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่า "ครอบครัว" มีความหมายเพียงใด

ตั้งแต่นี้ไป... เธอจะดูแลลูก ๆ ให้ดีที่สุด

มื้อแรกที่อิ่มจนพุงกาง

เด็กทั้งสามนั่งล้อมวงกันรอบโต๊ะไม้เล็ก ๆ ที่มีรอยแตกร้าว แม้ว่าโต๊ะจะเก่า แต่บรรยากาศในเรือนกลับอบอุ่นเป็นพิเศษ

พวกเขามองถ้วยซุปฟักทองและข้าวต้มที่แม่ของพวกเขาทำด้วยสายตาลังเล แต่เมื่อได้ลองชิมคำแรก คำที่สองก็ตามมาอย่างรวดเร็ว และไม่นานก็เริ่มตักกันจนชามเกือบหมด

เด็กหญิงคนเล็กตบพุงตัวเองเบา ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองพี่ชายและพี่สาว “วันนี้ข้ากินอิ่มจังเลย!”

เด็กหญิงอีกคนพยักหน้าเห็นด้วย

“ข้าก็เหมือนกัน นานแล้วที่เราไม่ได้กินข้าวอิ่มแบบนี้”

ซูหนิงเหยียนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามมองเด็ก ๆ ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

เธอรับรู้จากความทรงจำของร่างเดิมว่า เด็ก ๆ แทบไม่เคยได้กินอิ่มท้องเลยสักครั้ง เนื่องจาก "ซูหนิงเหยียน" คนก่อนเป็นคนที่ไม่สนใจดูแลลูก ๆ ของตัวเอง เอาแต่ใช้เงินไปกับเรื่องไร้สาระและทิ้งให้เด็ก ๆ หิวโหย

แต่จากนี้ไป จะไม่มีวันเป็นแบบนั้นอีก

“ถ้าอยากกินอิ่มแบบนี้ทุกวัน เจ้าต้องช่วยข้าดูแลเรือนและหาอาหารด้วยนะ” เธอพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม

เด็กชายคนโตเงยหน้าขึ้นมองเธอ สีหน้าเขายังมีแววระแวงเล็กน้อย แต่น้ำเสียงของเธอไม่ได้แข็งกร้าวหรือบังคับเหมือนเมื่อก่อน ทำให้เขาค่อย ๆ พยักหน้า “ข้าจะช่วยท่านแม่”

เด็กหญิงฝาแฝดก็มองหน้ากันก่อนจะยิ้มออกมา

“ข้าก็จะช่วย!”

ซูหนิงเหยียนหัวเราะเบา ๆ พลางลูบศีรษะเด็ก ๆ ด้วยความเอ็นดู

นี่เป็นก้าวแรกของครอบครัวใหม่ที่แท้จริง

หนี้สินจากอดีต

หลังจากที่เด็ก ๆ อิ่มท้องเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน พวกเขาก็นั่งพิงกันอย่างสบายใจอยู่บนเสื่อฟางภายในเรือน ซูหนิงเหยียนนั่งมองเด็ก ๆ ด้วยความรู้สึกอบอุ่นในใจ

แต่ไม่นาน…

ปัง! ปัง! ปัง!

เสียงเคาะประตูดังสนั่นจนฝุ่นร่วงลงมาจากขื่อเรือน เด็กทั้งสามสะดุ้งเฮือก รีบขดตัวเข้าใกล้กัน ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“นังซูหนิงเหยียน! ออกมาเดี๋ยวนี้!”

เสียงแหลมของหญิงวัยกลางคนดังขึ้นจากนอกเรือน ตามมาด้วยเสียงชายร่างใหญ่ที่ตะโกนเสริม “เจ้าจะหลบหน้าหนี้ไปถึงเมื่อไร หา?!”

ซูหนิงเหยียนขมวดคิ้วแน่น ในความทรงจำของร่างเดิม เธอจำได้ว่า "ซูหนิงเหยียน" คนก่อนใช้ชีวิตฟุ่มเฟือย หลงระเริงกับการพนันและเครื่องประทินโฉมจนเป็นหนี้สินมากมาย และคนที่อยู่หน้าประตูก็คือ แม่หม้ายหลี่ เพื่อนบ้านที่เคยให้เจ้าของร่างเดิมยืมเงิน

หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู

เมื่อบานไม้เก่าถูกผลักออก แม่หม้ายหลี่ในชุดผ้าฝ้ายสีเทาก็ยืนกอดอก จ้องมองซูหนิงเหยียนด้วยสายตาดูถูก ข้าง ๆ นางมีชายฉกรรจ์สองคนที่น่าจะเป็นลูกน้องที่นางพามาข่มขู่

“หึ! เจ้าคิดว่าหลบอยู่แต่ในเรือนแล้วจะหนีพ้นหรืออย่างไร?”

แม่หม้ายหลี่เอ่ยเสียงเยาะเย้ย ก่อนจะก้าวเข้ามาภายในลานบ้านโดยไม่รอให้ซูหนิงเหยียนเชิญ “เงินที่เจ้ายืมไปเมื่อเดือนก่อน ไหนล่ะ? ถึงเวลาต้องคืนแล้ว!”

ซูหนิงเหยียนกอดอก มองแม่หม้ายหลี่นิ่ง ๆ ร่างนี้เป็นคนก่อหนี้ขึ้นมา แต่คนที่ต้องมารับกรรมกลับเป็นเธอในตอนนี้… นี่มันไม่ยุติธรรมเลยสักนิด!

เด็ก ๆ ที่อยู่ในเรือนรีบกอดกันแน่น ตัวสั่นเล็กน้อย พวกเขารู้ดีว่าแม่ของพวกเขาเป็นหนี้เพื่อนบ้าน แต่ที่ผ่านมาก็ได้แต่หวังว่าเจ้าหนี้จะลืมหรือไม่ก็มองข้ามพวกเขาไป

ซูหนิงเหยียนสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะถามเสียงเรียบ “ข้าติดหนี้เจ้าเท่าไร?”

แม่หม้ายหลี่ยิ้มเยาะ “สิบตำลึงเงิน! พร้อมดอกเบี้ยอีกห้าตำลึง”

เด็ก ๆ ที่นั่งฟังอยู่เบิกตากว้าง สิบห้าตำลึง?

สำหรับพวกเขาที่แทบไม่มีเงินติดบ้าน นั่นเป็นจำนวนเงินที่มากมายมหาศาล!

ซูหนิงเหยียนขมวดคิ้ว เจ้าของร่างเดิมใช้เงินมากมายขนาดนี้ไปกับเรื่องไร้สาระได้อย่างไร?

แม่หม้ายหลี่เห็นซูหนิงเหยียนเงียบไป ก็ยิ้มเยาะหนักขึ้น

“หรือเจ้าจะบอกว่าไม่มีเงิน? ถ้าไม่มี เจ้าก็ควรหาทางใช้คืนมา ไม่อย่างนั้น… ข้าอาจจะต้องเอาของในเรือนเจ้าติดมือกลับไปสักหน่อย”

นางว่าพลางกวาดตามองไปทั่วเรือน แววตาเต็มไปด้วยความโลภ

ซูหนิงเหยียนกำหมัดแน่น ของในเรือนมีอยู่เพียงน้อยนิด หากนางเอาไปจริง ๆ เด็ก ๆ จะอยู่อย่างไร?

เธอรู้ดีว่าตอนนี้ไม่มีเงินพอจะใช้หนี้ แต่เธอก็ไม่ยอมให้ใครมารังแกครอบครัวของเธออีกต่อไป

เธอเงยหน้าขึ้น มองแม่หม้ายหลี่ด้วยสายตานิ่งสงบ แต่แฝงไว้ด้วยความแน่วแน่ “ข้าไม่มีเงินตอนนี้ แต่ข้าจะหาให้”

แม่หม้ายหลี่เลิกคิ้ว “หา? เจ้าจะหาได้จากที่ไหนกัน? หรือจะให้ข้ารอจนชาตินี้ชาติหน้า?”

ซูหนิงเหยียนยิ้มบาง ๆ “ข้าขอเวลาสามวัน ข้าจะคืนเงินให้”

แม่หม้ายหลี่หัวเราะเสียงดัง

“สามวัน? นังซูหนิงเหยียน เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร? สามวันจะหาเงินสิบห้าตำลึงได้งั้นหรือ?”

“ถ้าภายในสามวันข้าหาเงินมาไม่ได้ เจ้าค่อยมาเอาของในเรือนข้าไป”

ซูหนิงเหยียนตอบเสียงเรียบ แต่แววตาเต็มไปด้วยความมั่นใจ

แม่หม้ายหลี่จ้องเธอเขม็ง ดูเหมือนนางเองก็ไม่คิดว่า "ซูหนิงเหยียน" ที่เคยอ่อนแอและขี้ขลาดจะกล้าต่อรองกับนางแบบนี้

“ดี! ถ้าครบสามวันแล้วยังไม่มีเงิน ข้าจะมาเอาของทุกอย่างในเรือนเจ้าไป รวมถึงตัวเจ้าด้วย!”

ซูหนิงเหยียนไม่ตอบอะไร เธอเพียงแค่ยืนมองแม่หม้ายหลี่และพวกลูกน้องเดินออกจากเรือนไป

เมื่อเธอปิดประตูลง เด็ก ๆ ก็รีบวิ่งเข้ามากอดชายเสื้อของเธอแน่น

“ท่านแม่… เราจะทำอย่างไรดี?”

เด็กชายคนโตมองเธอด้วยความเป็นห่วง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวว่าแม่ของพวกเขาจะถูกขายใช้หนี้

ซูหนิงเหยียนย่อตัวลง ลูบศีรษะลูกชายเบา ๆ ก่อนจะยิ้ม “ไม่ต้องห่วง แม่จะไม่ให้ใครมาทำอะไรพวกเราได้”

สามวัน… เธอต้องหาเงินสิบห้าตำลึงให้ได้

และเธอจะไม่ยอมให้ครอบครัวนี้ต้องลำบากอีกต่อไป!

วิธีหาเงินภายในสามวัน

ซูหนิงเหยียนเดินวนไปมาภายในเรือน สีหน้าครุ่นคิดอย่างหนัก

สิบห้าตำลึง… ภายในสามวัน… จะหาเงินจากที่ไหนกัน?

เด็กทั้งสามนั่งเบียดกันอยู่บนฟูกเก่า ๆ ดวงตากลมโตจับจ้องมารดาของตนไม่กะพริบ ตั้งแต่แม่ของพวกเขาถูกทวงหนี้ เธอก็เอาแต่เดินวนไปมาพลางพึมพำอะไรบางอย่างอยู่คนเดียว

เด็กหญิงคนเล็กกระซิบกับพี่สาว “ท่านแม่เป็นอะไรหรือเปล่า? ทำไมเดินไปเดินมาแบบนั้น?”

เด็กชายคนโตถอนหายใจเบา ๆ “ข้าคิดว่า… ท่านแม่คงกำลังหาทางหาเงิน”

ซูหนิงเหยียนหยุดเดิน ก่อนจะหันไปมองเด็ก ๆ ที่กำลังจ้องเธออย่างสนใจ

“ข้าคิดออกแล้ว!” เธอประกาศเสียงดัง ทำให้เด็กทั้งสามสะดุ้งเล็กน้อย

“ท่านแม่คิดจะทำอะไรหรือ?” เด็กชายคนโตถามด้วยความสงสัย

ซูหนิงเหยียนยิ้มกว้าง “เราจะทำอาหารขาย!”

“อาหาร?” เด็กหญิงฝาแฝดมองหน้ากันอย่างงุนงง

“ใช่! แม่สังเกตเห็นว่าหมู่บ้านของเรามีตลาดเล็ก ๆ ทุกเช้า ชาวบ้านมักจะไปซื้ออาหารก่อนออกไปทำงานในไร่นา” ซูหนิงเหยียนอธิบาย “ถ้าเราทำของกินอร่อย ๆ ไปขาย พวกเขาต้องสนใจแน่!”

เด็กชายคนโตขมวดคิ้ว “แต่เรามีเงินไม่พอซื้อวัตถุดิบ…”

ซูหนิงเหยียนหัวเราะเบา ๆ “ไม่เป็นไร ข้าจะใช้สิ่งที่มีอยู่ก่อน แล้วค่อยขยายในวันต่อ ๆ ไป”

เธอเดินไปเปิดตู้เก็บเสบียงในครัว แม้ของจะเหลือน้อย แต่ยังมีแป้งข้าวเจ้า ถั่วเขียว และน้ำตาลอยู่บ้าง

ถั่วเขียวต้ม! นี่แหละสิ่งที่เธอจะทำขายในวันแรก!

เด็ก ๆ มองแม่ของพวกเขาด้วยแววตาตื่นเต้น นี่เป็นครั้งแรกที่แม่ของพวกเขาดูจริงจังกับการทำงานขนาดนี้

“พรุ่งนี้เช้า เราจะเริ่มขายของกัน!” ซูหนิงเหยียนประกาศอย่างมั่นใจ

เด็ก ๆ มองหน้ากันก่อนจะพยักหน้า แม้ว่าจะยังไม่แน่ใจว่าแผนนี้จะสำเร็จหรือไม่ แต่พวกเขาก็อยากช่วยแม่ให้ได้!

สามวันจากนี้จะเป็นการต่อสู้เพื่ออนาคตของพวกเขาทั้งหมด!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • แม่หม้ายแฝดสาม   จบ

    ทุกสิ่งเริ่มเปลี่ยนไปหลังจากการเปิดเผยความจริงนั้น ทุกคนในราชวงศ์ต่างจับตามองการดำเนินการของลู่เหรินเจ๋อและซูหนิงเหยียน เมื่อมีการเตรียมการทางการทหารและการเมืองเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อปกป้องอาณาจักรจากภัยคุกคามใหม่ที่เกิดขึ้น ลู่เหรินเจ๋อและซูหนิงเหยียนเตรียมพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับศัตรูที่อาจจะเข้ามาโจมตีได้ทุกเมื่อ ทั้งสองมั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถทำลายแผนการของศัตรูได้อย่างรวดเร็ว หากพวกเขาทำงานร่วมกันและสนับสนุนกันอย่างเต็มที่ ลู่เหรินเจ๋อ "ตอนนี้เราไม่สามารถถอยหลังได้แล้ว ทุกการเคลื่อนไหวของเราต้องเป็นการเคลื่อนไหวที่มุ่งมั่นเพื่อชัยชนะ" ซูหนิงเหยียน: "เราจะไม่ยอมให้ทุกสิ่งที่เรารักถูกทำลาย เราจะสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับราชวงศ์นี้" ทั้งสองมองไปข้างหน้า ด้วยความมั่นใจและความรักที่ไม่มีวันเสื่อมคลายเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ความมุ่งมั่นที่ลู่เหรินเจ๋อและซูหนิงเหยียนได้พยายามกันมาเริ่มเห็นผล ความรักและการทำงานร่วมกันในครั้งนี้ได้สร้างความแข็งแกร่งให้กับทั้งสองฝ่าย ทำให้พวกเขาเผชิญหน้ากับอุปสรรคและอันตรายต่างๆ ได้อย่างมั่นคงทั้งสองได้ร่วมมือกันหาวิธีป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จ

  • แม่หม้ายแฝดสาม   ความรัก

    ในห้องที่เงียบสงบของตำหนักหลังใหญ่แห่งนี้ ทั้งพระเอกและซูหนิงเหยียนนั่งอยู่ข้างกัน ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดหลายวันมานี้ แม้ภายนอกจะดูสงบ แต่ทั้งสองคนรู้ดีว่าความจริงนั้นแฝงไปด้วยความซับซ้อนและอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามา“ข้ารู้ดีว่าเรากำลังจะเผชิญกับอะไร...” องค์ชายเจ็ดกล่าวเสียงแหบต่ำ รู้สึกถึงน้ำหนักของคำพูดนั้นอย่างมาก ขณะที่สายตาของเขาจ้องไปยังนางเอกซูหญิงเหยียนมองกลับไปด้วยสายตาที่มุ่งมั่นและไม่หวั่นไหว “สิ่งที่เราเผชิญนั้นยากลำบากแน่นอน แต่เราก็ต้องยืนหยัดและเผชิญมันไปพร้อมกัน ข้าจะไม่ยอมให้สิ่งใดมาพรากสิ่งที่เรามีไป”คำพูดของซูหนิงเหยียนนั้นจริงจังและเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น มันเหมือนการบอกกับองค์ชายเจ็ดว่า นางพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับอุปสรรคที่กำลังจะเกิดขึ้น แม้ว่าจะเป็นอันตรายแค่ไหน แต่เธอเชื่อมั่นว่า ถ้าทั้งสองคนร่วมมือกัน ก็ไม่มีอะไรที่พวกเขาจะเอาชนะไม่ได้องค์ชายเจ็ดพยักหน้าเล็กน้อยและยิ้มบางๆ “ข้าเองก็เช่นกัน ถ้าเราทำทุกอย่างไปด้วยกัน ไม่มีอะไรที่ต้องกลัว”ในขณะที่ทั้งสองพูดคุยกันอยู่นั้น เสียงฝีเท้าหนักๆ ก็ดังขึ้นที่หน้าประตูห้อ

  • แม่หม้ายแฝดสาม   วางแผน

    ความมืดของค่ำคืนไม่สามารถหยุดยั้งความมุ่งมั่นของทั้งองค์ชายเจ็ดและซูหนิงเหยียนได้ ความจริงที่พวกเขาค้นพบในค่ายทหารทำให้พวกเขาตระหนักถึงความร้ายแรงที่กำลังจะเกิดขึ้นในราชสำนัก พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องลงมือแทรกซึมเข้าไปในกลุ่มขุนนางที่มีอำนาจและวางแผนลับเหล่านั้นระหว่างการเดินทางกลับที่ตำหนักหลวง องค์ชายเจ็ดหันไปมองซูหนิงเหยียนและกล่าวเสียงต่ำ “เราอาจต้องใช้วิธีที่ไม่เป็นทางการในการหาความจริง อาจจะต้องทำให้พวกขุนนางเหล่านั้นเชื่อว่าเราอยู่ฝ่ายเดียวกัน”ซูหนิงเหยียนนิ่งเงียบก่อนจะตอบกลับด้วยเสียงเรียบ “ข้ารู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ข้าไม่อยากให้ใครตกเป็นเหยื่อของการสมคบคิดนี้อีก”เมื่อกลับถึงตำหนัก หลายสิ่งที่พวกเขาต้องทำยังคงรออยู่ การเตรียมการเพื่อเข้าร่วมในวงการขุนนางนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย การได้รู้จักและชักชวนผู้อื่นให้ร่วมมือกับพวกเขาจะเป็นเรื่องที่ท้าทายมากองค์ชายเจ็ดจึงเริ่มพิจารณาแผนการที่จะต้องใช้ในการเข้าใกล้กลุ่มขุนนางเหล่านั้น ทันทีที่คิดได้ เขาก็ส่งสัญญาณให้ทหารผู้ไว้ใจและผู้ที่ทำงานในตำหนักมาร่วมช่วยกันสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของกลุ่มขุนนางในราชสำนัก“เราไม่สา

  • แม่หม้ายแฝดสาม   เงามืด

    ความมืดของคืนนี้ยังคงปกคลุมไปทั่วเมืองหลวง ขณะที่องค์ชายและนางเอกยืนอยู่ตรงหน้าฝ่าบาทที่ถูกลักพาตัวไป พวกเขาก็เริ่มรู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ความลับที่ซ่อนอยู่ภายในตำหนักและความเคลื่อนไหวของขุนนางที่ไม่ชัดเจนทำให้สถานการณ์ยิ่งทวีความซับซ้อนมากขึ้นฝ่าบาทที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ท่ามกลางความมืดพูดขึ้นอีกครั้งด้วยเสียงที่แผ่วเบาและจริงจัง“ทุกอย่างมันซับซ้อนมากกว่าที่เจ้าทั้งสองคิด ความขัดแย้งในราชวงศ์นี้ไม่ได้เกิดจากคนภายนอก แต่มันมาจากภายใน เหล่าขุนนางบางกลุ่มกำลังวางแผนที่จะทำให้การปกครองของข้าอ่อนแอลง”องค์ชายมองไปที่ฝ่าบาทด้วยความตระหนัก เขารู้ว่าแผนการของศัตรูในราชวงศ์นั้นซับซ้อนยิ่งกว่าแค่การลักพาตัวฝ่าบาทเพียงอย่างเดียว“หมายความว่า...การลักพาตัวครั้งนี้เป็นเพียงแค่การเริ่มต้น?” พระเอกถามเสียงต่ำ พร้อมจับตามองฝ่าบาทด้วยท่าทีที่จริงจังฝ่าบาทพยักหน้า “ใช่ การลักพาตัวของข้าเป็นแค่การทดสอบความพร้อมของฝ่ายขุนนางบางกลุ่ม พวกเขากำลังจับตาดูข้าและคอยหาจังหวะที่ข้าอ่อนแอเพื่อลงมือทำบางอย่างที่ยิ่งใหญ่”ซูหนิงเหยียนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ฟังแล้วรู้สึกกังวลใจ เธอรู้ดีว่าการต่อสู้ทางการเมืองในรา

  • แม่หม้ายแฝดสาม   ศาลาใต้ดิน

    ลู่เหรินเจ๋อและซูหนิงเหยียนเดินมาถึงศาลาใต้ดินที่ตั้งอยู่ในส่วนลึกของตำหนัก ศาลานี้เป็นที่เก็บข้อมูลลับที่ได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด โดยมีเพียงไม่กี่คนในราชวงศ์ที่รู้ว่ามันมีอยู่ ซูหนิงเหยียนหยิบคัมภีร์เก่าขึ้นมาเล่มหนึ่งที่พระเอกเพิ่งจัดการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของเงามืดในราชวงศ์“หากเราไม่หาข้อมูลจากที่นี่ เราจะไม่สามารถรู้ทันศัตรูได้” บู่เหรินเจ๋อพูดขึ้นขณะที่นางเอกกำลังอ่านข้อความในคัมภีร์“เรื่องนี้มันซับซ้อนเกินไป... ข้าไม่มั่นใจว่าพวกเขาจะหยุดแค่การโจมตีครั้งนี้” นางเอกกล่าวด้วยความกังวลในใจลู่เหรินเจ๋อหันมามองซูหนิงเหยียนแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “ข้ารู้ แต่ข้าคิดว่าเราควรตั้งรับและโจมตีพวกเขาก่อน พวกเขากำลังรวบรวมอำนาจในทุกๆ ด้าน หากเราช้าเกินไป เราจะถูกซ้อนเร้นและถูกทำลาย”ลู่เหรินเจ๋อมองไปยังแผนที่ที่วางอยู่บนโต๊ะ โดยมีสัญลักษณ์ของหน่วยต่างๆ ในราชวงศ์ที่พยายามวางแผนการคุมเมืองและเสริมอำนาจให้มากขึ้น“เราต้องกระชับทุกสิ่งในมือไว้ เราต้องรู้ความเคลื่อนไหวทั้งหมดของพวกเขา” ลู่เหรินเจ๋อกล่าวต่อขณะที่พระเอกพูดอยู่นั้น พวกเขาก็ได้ยินเสียงบางอย่างที่มาจากทางด้า

  • แม่หม้ายแฝดสาม   สนใจ

    เสียงกรีดร้องจากด้านนอกทำให้นางเอกสะดุ้ง เธอไม่รอช้า รีบหยิบมีดครัวในมือเตรียมตัวรับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น ทันทีที่เธอก้าวออกจากครัวไป ก็เห็นเงาร่างของคนหลายคนวิ่งข้ามประตูเข้ามาในตำหนักของตน“มีคนบุกเข้ามา!” นางตะโกนออกไปอย่างรวดเร็วลู่เหรินเจ๋อที่ยืนอยู่ข้างนางก้าวไปข้างหน้า ก่อนจะสั่งการให้บ่าวรับใช้จัดการกับการป้องกันรอบตำหนักอย่างเร่งด่วน "อย่าปล่อยให้ใครเข้ามาใกล้!"ทันทีที่คำสั่งถูกออกมา คนในตำหนักก็เริ่มกระจายไปยังจุดต่างๆ ของวังหลวงเพื่อปิดทางและป้องกันไม่ให้ศัตรูเข้าถึงตัวซูหนิงเหยียนขณะที่เสียงดังอึกทึกจากการต่อสู้ดังขึ้น เสียงของลู่เหรินเจ๋อก็ดังตามมา "ห้ามทำร้ายใคร!" ลู่เหรินเจ๋อก้าวเข้ามาด้วยท่าทางมั่นคงและดวงตาแสดงออกถึงความตั้งใจที่จะปกป้องซูหนิงเหยียนอย่างสุดความสามารถศัตรูที่บุกเข้ามาคือกลุ่มผู้คนที่ได้รับการว่าจ้างจากพระสนมเหมยฮวาเพื่อทำลายความเชื่อถือของซูหนิงเหยียนและสร้างความสับสนให้กับคนในวังหลวง แต่เมื่อเห็นลู่เหรินเจ๋อเข้ามา ทุกคนก็ลังเลและหยุดชะงัก"พระองค์จะทำอะไร?" หนึ่งในคนร้ายถามด้วยเสียงที่สั่นลู่เหรอนเจ๋อยิ้มเย็น "ไม่ต้องถามคำถามที่รู้คำตอบ" เข

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status