“อิ่มแล้วค่ะ” พริณตากระชับเสื้อคลุมแล้วนั่งลงตรงพื้นพรมอย่างเจียมตัว
“ทำไมกินเร็วจัง”
“หวานกลัวคุณหมอรอค่ะ” เขาเพิ่งสังเกตว่าเธอเพิ่มคำว่าคุณ เข้ามาหน้าคำว่าหมอ
“ฉันซื้อเสื้อผ้า กระเป๋าและโทรศัพท์มาให้เธอ ไม่รู้เธอชอบไหม ถ้าไม่ชอบค่อยไปซื้อใหม่นะ” พฤกษ์ยื่นโทรศัพท์พร้อมถุงกระดาษสี่ห้าถุง เสื้อผ้าชิ้นนอกชิ้นในน่าจะพอใส่สักสัปดาห์แล้วค่อยพาเธอไปซื้อใหม่ที่เชียงใหม่ก็แล้วกัน
“ขอบคุณค่ะ”
“เฮ้ย กราบทำไม” พฤกษ์ร้องเสียงหลงเมื่อเธอก้มลงกราบเท้าเขา
“ก็คุณช่วยหนูแล้วยังซื้อของให้หนูอีก” พริณตาตอบด้วยแววตาใสซื่อ เขาเป็นผู้ใหญ่เป็นผู้ให้เธอเป็นผู้รับและยังอายุน้อยกว่าเขามากกราบเขาก็ไม่น่าผิดอะไร
พฤกษ์ยังตกใจที่เธอกราบเขาไม่หยุด เธอมองเขาเป็นอะไรเนี่ยถึงกับต้องกราบ ทำให้เขารู้สึกผิดไปอีก เหมือนพวกเฒ่าหัวงูที่หลอกเด็กมากิน เขาไม่ได้แก่ขนาดนั้นน่ะ อายุเขากับเธอห่างกันแค่..แค่ สิบสี่ปีเอง เออ..ก็แค่นั้น แค่เขามีเซ็กซ์ครั้งแรกเธอเพิ่งจะอายุสี่ขวบ เอ๊ยมันใช่เรื่องเอามาเปรียบเทียบไหม
“เอาเสื้อผ้านี่ไปเปลี่ยน เอาบัตรประชาชนมาเดี๋ยวฉันจัดการเรื่องเรียนให้” พริณตารีบยื่นบัตรประชาชนของเธอให้เขา จากนั้นก็รีบไปอาบน้ำแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ที่เขาซื้อให้ รอยยิ้มของเธอทำให้พฤกษ์ถูกใจเขากวักมือให้เธอเข้าไปหาเขา
“ค่ะ” พริณตาไม่รู้ว่าเขากวักมือให้เธอไปหาทำไม เธอขยับเข้าไปใกล้เขาและเธอยังคงนั่งอยู่ตรงพื้นพรม
“อื้อ” เขาจูบเธออย่างหวานละมุน อย่างไม่เคยได้รับมาก่อนเพราะเมื่อคืนจูบของเขาเป็นจูบที่ร้อนแรงไม่หวานละมุนแบบตอนนี้
เขาดึงเธอขึ้นมาคร่อมอยู่บนตักเขา หน้าของเธออยู่สูงกว่าเขาเล็กน้อย ภายใต้เสื้อยืดตัวใหญ่ไม่มีสิ่งใดในนั้นเลย พริณตานึกโมโหตัวเองว่าเธอจะแต่งตัวในชุดที่พร้อมเสียตัวขนาดนี้ได้อย่างไร อย่างน้อยเธอก็ควรใส่กางเกงหรืออะไรที่มันดูไม่จงใจขนาดนี้
“ฉันชอบที่เธอไม่ใส่อะไรแบบนี้” คำว่าไม่ใส่อะไรของเขา เธอรู้ว่าหมายถึงอะไร เพราะเขากำลังนวดคลึงบั้นท้ายของเธอและโยกขยับให้เบียดกับเป้าตุง ๆ ของเขา รอยยิ้มร้ายของเขาทำให้เธอขนลุกซู่ขึ้นมาทันทีเพราะบทรักร้อนแรงเมื่อคืนทำให้เธอขาสั่นจนยืนไม่ไหวมาแล้ว
“เธอลองขึ้นดูไหม” แล้วตอนนี้เธอไม่ได้คร่อมอยู่บนตักเขาหรอกเหรอ เขาแค่พูดเพื่อให้เธอตื่นเต้นเท่านั้น พริณตาได้แต่พยักหน้า หน้าเธอร้อนไปหมดแล้ว
“อยู่ข้างบนรับรองเธอจะติดใจ”
“หมอ” เขารู้ว่าเธออายแต่เขาก็ยิ่งแกล้งเธอ เขาดึงกางเกงให้พ้นจากขา เธอยังคงนั่งอยู่บนตักเขา พริณตาอดกระแนะกระแหนเขาในใจไม่ได้ เขาเนี่ยเป็นพวกเก่งเรื่องการถอดผ้าทั้งของตัวเองและคนอื่น ๆ จริง
“อ๊ะ” พริณตาคิดอะไรเรื่อยเปื่อยรู้ตัวอีกทีดอกไม้หวานเยิ้มก็ถูกลำเอ็นแข็งแกร่งของเขาถูไถไปมาอย่างเอาใจ เขาไม่ได้เสียบแทงเข้ามาอย่างเอาแต่ใจเพราะเขาอยากให้เธอนำมันใส่เข้าไปในร่องรักของเธอเอง เขาอยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติที่เสียวซ่านและกระหายอยากได้จากร่างกายเธอเอง
เขากลั่นแกล้งถูไถส่วนของเขากับดอกไม้เธอไปมาหลายต่อหลายครั้งจนเธอรู้สึกเสียวซ่านอยากให้เขาเข้ามาในตัวเธอเสียทีแบบนี้มันทรมานมากเลย
“หมอ” พริณตาร้องครางร่างกายร้อนรุ่มรู้สึกอึดอัดไปหมด เธออยากให้เขากดตัวตนที่มีเส้นเลือดปูดโปนเข้าไปในตัวเธอ อยากให้เขาทำกับเธอเหมือนเมื่อคืน
“หือ อยากได้อะไรคนดี” เขากระซิบถามเสียงหวานฝ่ามือข้างหนึ่งบีบเคล้นหน้าอกและแก้มก้นของเธอ
“หมอ อยากได้หมอ” พริณตาตอบเสียงกระเส่า พฤกษ์รู้ว่าตอนนี้เธอต้องการเขา เขาเองก็ต้องการเธอไม่ต่างกัน
“ใส่ถุงก่อน” เขาบอกเธอเสียงกระเส่า พริณตาเองก็ตกใจว่าเธออยากจนลืมคิดถึงเรื่องป้องกันตัวเองไปเลย เขาหยิบถุงยางมาจากถุงของใช้ที่อยู่ข้าง ๆ ตัว นึกขอบคุณตัวเองที่ไม่ได้เอาถุงนี้ไปไว้ไกล เมื่อวานเขาจับเธอฉีดยาคุมกำเนิดไปแล้วแต่อีกหลายวันกว่าจะใช้ได้ วันนี้เขาเลยต้องใช้ถุงไปก่อน
เขาพูดหอมแก้มทั้งสองแม่ลูก ก่อนจะบรรจงสวมแหวนนิ้วนางข้างซ้ายให้ผู้หญิงคนแรกที่เขาขอแต่งงาน เขาลูบหลังมือน้อย ๆ ของเธอก่อนจะจูบลงตรงนิ้วที่สวมแหวน“สวยจังเหมาะกับแม่มี่มากเลย” ไม่ต้องบอกว่าลูกใครปากหวานได้พ่อจริง ๆ ชาร์มมี่หัวเราะชอบใจในความเหมือนของทั้งคู่ทั้งสามคนกอดกันอีกครั้ง ความสุขท่วมท้นในหัวใจของคนทั้งสาม ครอบครัวคำนี้เองที่เรียบง่ายแต่กลับยิ่งใหญ่ในหัวใจของพวกเขาทั้งสาม“ขอบคุณนะคะหมอ” เธอขอบคุณเขาอีกครั้ง ในตอนที่ทั้งสองอยู่ในห้องนอนใหญ่ อ้อมกอดเขาทำให้เธออบอุ่นเสมอ“ขอบคุณหนูเหมือนกันที่ดูแลพี่กับลูกอย่างดี มีอะไรที่อยากได้อีกไหมครับ”“อยากได้หมอ”“ก็ได้อยู่นี่ไงครับ”“อยากได้หลายที” เธอจูบเขาที่ข้างแก้มคำว่าอยากได้หลายทีทำคนฟังขนลุกไปทั้งร่าง ใช่อยากได้หลาย ๆ ทีเหมือนกันนะ“รออะไรครับ เป่าเทียนก่อนเลยไหม” คนชวนเป่าเทียนดึงเธอขึ้นมานั่งบนตัวเขา ให้เธอนั่งทับเทียนเล่มใหญ่“หมอ”ชาร์มมี่ทุบอกเขาอย่างเขินอาย มอบจูบหวานล้ำแทนคำขอบคุณ ภายใต้ชุดนอนกระโปรงไม่มีชั้นในให้ขัดใจ เธอรูดชุดนอนบางพ้นจากร่าง อวดหน้าอกเต็มไม้เต็มมือที่เขาชอบคนรีบร้อนขยับสะโพกให้เธอดึงกางเกงผ้ายืดให้พ้นทาง
สามปีผ่านไป เคทกำลังป้อนข้าวลูกน้อยคนที่สามของเธอ เธอเพิ่งวางสายจากลูกสาวคนโต ที่โดนพรากไปจากอก จะว่าพรากไปก็จะดูเกินจริงไปมาก เพราะน้องคลีนไม่ยอมกลับมาอยู่กับเธอและภาษิตตั้งแต่เธอคลอดลูกชายคนที่สองด้วยเหตุผลนี้เคทกับภาษิตเลยต้องผลิตลูกเพิ่ม แต่ทั้งสองไม่ได้โกรธหรือน้อยใจน้องคลีนกับปภังกรเลย เพราะทั้งปภังกรและชาร์มมี่พาน้องคลีนแวะมาเยี่ยมครอบครัวของเคทและภาษิตแทบทุกวัน ความใกล้ชิดของสองครอบครัวยิ่งมีมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปน้องคลีนในวัยแปดขวบกำลังวุ่นวายกับการเขียนหน้าเค้กที่เด็กหญิงทำเอง โดยมีพ่อหมอมีนกำลังช่วยทำ ถึงจะลำบากไปบ้างแต่สองพ่อลูกก็ตั้งใจให้เค้กออกมาน่ากินที่สุด วันนี้เป็นวันเกิดของแม่มี่ น้องคลีนกับพ่อมีนจัดงานเซอร์ไพรส์ ให้กับแม่มี่ ตอนนี้ให้น้าพิชชี่หลอกแม่มี่ไปเลี้ยงวันเกิดกับเพื่อน ๆ “พ่อสวยไหมคะ” “สวยครับสวย” “แม่มี่จะชอบไหม” “ชอบสิครับ พ่อเห็นแม่มี่ชอบทุกอย่างที่หนูทำให้” น้องคลีนได้ฟังแบบนั้นก็ยิ้มแก้มบานเพราะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เธอให้อะไรแม่มี่ดีใจน้ำตาไหลทุกครั้ง ดูอย่างเมื่อวันแม่ที่ผ่านมาสิ น้องคลีนเ
“ก็คนมันอาย” ชาร์มมี่กอดเขาพร้อมซุกหน้าตรงไหล่กว้าง ใครจะไม่อายบ้างเรื่องแบบนี้ “ทำไมกลับเร็วคะ” “ธุระเสร็จเร็ว ป้าดาชอบเลยตัดสินใจเซ็นสัญญาซื้อไปแล้ว” วันนี้คุณหมอหนุ่มทำหน้าที่ลูกเขยขับรถจากเชียงใหม่พาแม่ยายและป้าเมียไปทำธุระที่ต่างอำเภอ ธุระของแม่ยายกับป้าดาส่วนมากมีแค่เรื่องดูที่ ซื้อที่เพิ่ม นั่นคืองานอดิเรกของทั้งสองคน ทุกวันนี้ลูกเขยที่ชอบขับรถและพูดคุยกับคนทั่วไปจึงต้องทำหน้าที่ขับรถ เป็นที่ปรึกษาวิเคราะห์ความเสี่ยง ความน่าจะเป็น ประเมินราคา ดูศักยภาพของพื้นที่ว่าจะสามารถต่อยอดได้หรือเปล่า เพื่อประกอบการตัดสินใจในการซื้อของผู้ใหญ่ทั้งสอง ตอนนี้ชายหนุ่มกลายเป็นลูกชายสุดที่รักของบ้านไปแล้ว บางครั้งชาร์มมี่ถึงกลับเบะปากในความหลงลูกเขยของทั้งคู่ “เดี๋ยวพี่ไปอาบน้ำก่อน พี่คลีนครับเดี๋ยวคุณพ่อไปอาบน้ำก่อนนะครับ เราจะได้ไปเยี่ยมน้องคินกันนะครับ” “ค่ะคุณพ่อ” ชาร์มมี่มองตามหลังสามี มือของเธอจับจูงเด็กหญิงตัวน้อย ครอบครัวของเธอสมบูรณ์แบบ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีวันนี้ มีครอบครัวพ่อแม่ลูก ผู้หญิงข้ามเพศอย่างเธอไม่เคยคิดว่
“พี่นึกว่าหนูไม่อยากจำ เห็นหนูไม่พูดพี่เลยไม่พูด” เขาไม่คิดว่าจะเจอเธออีกครั้ง เจอกันอีกครั้งเธอเปลี่ยนไปมากเป็นผู้หญิงมากกว่าตอนที่เจอกันครั้งแรก “แล้วพี่หมอหายไปไหนมา” ชาร์มมี่กอดเขาอย่างออดอ้อน ร้องไห้ออกมาเพราะดีใจที่ผู้ชายคนนั้นคือเขา “กลับไปเรียนพี่แค่มาเที่ยว คิดถึงเรื่องตอนนั้นแล้วเลยมาทำงานเชียงใหม่ดู ไม่คิดว่าจะเจอหนู” “โห นี่กะฟันแล้วทิ้งจริง ๆ” “ใครทิ้งใครกันแน่ ตื่นมาหนูก็หายไปแล้ว พี่นึกว่าตัวเองโดนรูดทรัพย์แล้ว” เขาหัวเราะชอบใจ มือหนาเช็ดคราบน้ำตาให้คนขี้แย หัวเราะชอบใจกับสิ่งที่เธอเป็น ภาพลักษณ์ของเธอกับสิ่งที่เธอเป็นห่างไกลกันมาก ทำตัวเหมือนเจนจัด ทำตัวเหมือนนางมารร้าย แต่จิตใจแสนดี เธอเป็นผู้หญิงอย่างไม่ต้องสงสัย เป็นผู้หญิงจริง ๆ “หนูดีใจ ที่ครั้งแรกของหนูทั้งสองครั้งเป็นพี่หมอ” “พี่ก็ดีใจ แต่ถึงพี่ไม่ใช่คนแรกของหนู พี่ก็ไม่ได้ซีเรียสนะ สำหรับพี่ขอแค่เป็นหนู” “น่ารักอะ แฟนใครเนี่ยน่ารักจัง” เธอประคองสองข้างแก้ม จูบแก้มซ้ายแก้มขวาของเขาอย่างรักใคร่ “รักหนูจัง” ทั้งคู่จูบกันเนิ่
“ต้องการอะไรจากกูไหมถึงได้ชมขนาดนี้” ช้างของเพื่อนถึงกับเขิน พูดตลกกลบเกลื่อนเพราะความเขิน “น่ารักจริง ๆ มึง” พิชชี่ช่วยยืนยันอีกเสียง “วันนี้มึงจะบอกอาร์จริง ๆ เหรอ” นีน่าถามอย่างตื่นเต้นเพราะรู้ว่าเพื่อนชอบอาร์มานานแล้วตั้งแต่ได้รู้จักกัน พวกเธอกับอาร์เรียนสาขาเดียวกัน มีหลายต่อหลายครั้งที่อาร์เองก็เหมือนให้ความหวังกับช้าง เพราะเวลาไปเที่ยวที่ไหนมาอาร์จะชอบซื้อขนมมาฝากช้างบ่อย ๆ “บอกจริง ๆ การแอบชอบใครไม่ใช่ทางของกู บอกแล้วเขาไม่ชอบเราก็แค่อกหักนิดหน่อย” ช้างพูดออกมาอย่างไม่อาย อกหักไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับเธอ หลายต่อหลายครั้งที่อกหักจากคนที่เธอเคยแอบชอบ แต่ครั้งนี้อาจจะเจ็บหน่อยตรงที่มีความหวังมากกว่าทุกครั้ง งานเลี้ยงวันเกิดดำเนินไปตามที่มันควรจะเป็น อาร์แวะมานั่งคุยกับพวกเธอ และแน่นอนเขานั่งข้างช้าง “เดี๋ยววันนี้กลับพร้อมกันนะ” อาร์พูดขึ้นมือของเขาจับมือของเธอที่วางอยู่บนตักของตัวเอง ช้างขนลุกไปทั้งร่าง ผู้ชายชวนกลับพร้อมกันแถมยังจับมือ นี่ไม่ได้คิดไปเองใช่ไหม เธอคิดถึงขั้นที่เขาพาเธอขึ้นเตียงไปแล้ว คืนนี้ตอนกลับด้วยกันเธอ
“ดีแล้วดีใจที่มึงเจอคนดี” นีน่ากอดเพื่อน พิชชี่เห็นแบบนั้นก็เข้าไปกอดด้วยอีกคน“เว่อร์ไปพวกมึง นี่กูแค่มีผัว ไม่ต้องซึ้งขนาดนั้น”“มึงก็เป็นซะอย่างนี้” พิชชี่ผลักหัวเพื่อน กำลังจะซึ้งกัน พาให้ฮาตลอด“พูดอะไรซึ้ง ๆ เดี๋ยวกูร้องอีก ไม่อยากร้องไห้เดี๋ยวไม่สวย” ชาร์มมี่ยิ้มกับเพื่อน ๆ“อีหวานมันเป็นไงบ้างเนี่ย” นีน่าบ่นถึงหวานที่ตอนนี้ไปเรียนอยู่ที่ญี่ปุ่น“เห็นว่ามันมีเพื่อนแล้วนะ” ชาร์มมี่บอกจากที่โทรคุยกับเพื่อนเมื่อคืน“ฝากความคิดถึง ถึงมันด้วยนะ” นีน่าบอกกับชาร์มมี่ที่มีกำหนดเดินทางไปอยู่กับหวานสักเดือนสองเดือน อยากไปนอนเล่นโง่ ๆ ที่ญี่ปุ่นบ้างนอนเล่นโง่ ๆ ที่ไทยมานานแล้วชาร์มมี่อยากจะเล่าเรื่องของเธอกับหมอมีนให้เพื่อนรักอย่างหวานฟัง แต่การมาญี่ปุ่นของเธอครั้งนี้กับพบแต่เรื่องวุ่นวายของหวานกับพี่หมอพฤกษ์ เธอไม่อยากให้เพื่อนทุกข์ใจเพราะเรื่องของเธอ เลยตัดสินใจว่าเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อนหวานเห็นพี่หมอมีนมารอรับเธอที่หน้าห้อง ชาร์มมี่คิดว่าเพื่อนคงเข้าใจแล้วว่าเธอกับเขามีความสัมพันธ์อย่างไร ทั้งสองตัดสินใจว่าเที่ยวกันให้เต็มที่ ให้สมกับที่ตั้งใจว่าจะมาพักผ่อนคนอื่นจะสามารถติดต่อได้แค่ในช