[11]
ตัวจริงของเกล็ดมุกตัวปลอมของเมฆา
______________________
‘ห้อง 211 น.ส. เกล็ดมุก เฉิน’
วาคิมกัดฟันกรอดๆ จ้องประตูห้องพักฟื้นไม่วางตา ป้ายเลขห้องไม่ยอกแสยงใจเท่านามสกุลที่แปะอยู่ข้างชื่อของหล่อน มันไม่ใช่นามสกุลที่หล่อนใช้ตอนสมัครงาน แต่เป็นนามสกุลของเจ้าสัวแห่งเพิร์ล
“นี่ขนาดจดทะเบียนสมรสกับผัวแก่เลยเหรอ เธอนี่มันแน่จริงๆ’
สายตาคมมองผ่านช่องกระจกของบานประตู ก่อนจะหันมาสั่งกวิน
“นายรออยู่ข้างนอก อย่าให้ไอ้หัวทองมันเข้าไปจนกว่าฉันจะออกมา”
“ครับ เจ้านาย” กวินรับคำ เอื้อมมือไปเปิดประตูให้เจ้านายและปิดมันลงเบาๆ เมื่อชายหนุ่มก้าวเข้าไปในนั้นเรียบร้อย
บอดี้การ์ดหนุ่มยืนปักหลักเฝ้าหน้าห้อง เตรียมพร้อมรับมือไอ้หมียักษ์หัวทองที่อาจโผล่มาได้ทุกเมื่อ
______________
ภายในห้องพักฟื้น
ร่างเล็กบอบบางนอนแบ็บอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล หลังมือด้านขวาของหล่อนถูกพันธนาการไว้ด้วยเข็มน้ำเกลือ ใบหน้าสวยหวานที่คุ้นเคยบัดนี้ซีดเซียวไร้สีสัน ริมฝีปากอวบอิ่มที่เขาเคยสัมผัสบัดนี้แห้งผากจนน่าใจหาย
เกล็ดมุกกะพริบตาช้าๆ ไล่แสงไฟที่ส่องจากเพดานห้อง ร่างสูงใหญ่ของใครบางคนปรากฏอยู่ไม่ไกล เธอต้องหลับตาอีกครั้งเพื่อไล่ความวิงเวียนจนตาพร่า วาคิม? เธอคิดว่าเห็นวาคิม ใช่แน่ๆ
“วาคิม!? โทนี่! โทนี่อยู่ไหน!” คุณหนูเฉินร้องเรียกมือขวาของบิดา เธอไม่อยากอยู่ลำพังกับผู้ชายคนนี้
“อย่าเรียกให้เหนื่อยจะดีกว่า มันไม่อยู่หรอก ว่าแต่...ผัวแก่ของเธอทำอีท่าไหนล่ะ สภาพถึงได้อ่อนระโหยโรยแรงถึงขนาดต้องหามส่งโรง’บาลอย่างนี้”
คนถูกถามส่ายหน้าพรืด เมื่อไหร่เขาจะเลิกยุ่งกับเธอเสียที หรือว่าเกิดเสียดายนางบำเรอโง่ๆ คนนี้ขึ้นมา
“เรื่องของฉัน! ที่แน่ๆ มันคนละท่ากับคุณก็แล้วกัน”
“จะตายแล้วยังมีแก่ใจตีฝีปาก”
“ถ้าอยากเห็นฉันพักผ่อนก็ไปๆ ซะสิ ต้องพูดกับคนความคิดสกปรกอย่างคุณมากๆ เข้า ลูกฉันจะพลอยเสียสุขภาพจิต”
“ปากดี!” เขาว่าแล้วเลื่อนสายตาไปมองหน้าท้องของหล่อน ขยับเข้าไปใกล้อีกนิดในขณะที่เกล็ดมุกขยับหนีอย่างหวั่นเกรง
“รักเหลือเกินนะ กะอีแค่ก้อนเลือดก้อนเดียว หรือว่ารักพ่อมันมากจนใครก็แตะต้องไม่ได้” เขาประชดเมื่อหล่อนเอ่ยถึงลูก สิ่งที่ช่วยตอกย้ำว่าหล่อนอยู่ไกลเกินไขว่คว้าแล้วจริงๆ
“ใช่! รักมาก ทั้งรักทั้งหลงเลย”
กรามแกร่งขบเข้าหากันเป็นสันนูนเมื่อหล่อนพูดจบ
เกล็ดมุกแย้มยิ้มด้วยความสะใจที่เห็นเขาเป็นเดือดเป็นร้อนได้
“หึ! อยากรู้จริงๆ ว่าถ้าเธอไม่มีเด็กนี่เจ้าสัวเมฆินทร์ยังจะหลงผู้หญิงร่านๆ อย่างเธออยู่หรือเปล่า” เขายิ้มอย่างมีเลศนัย ขณะที่หล่อนใบหน้าซีดขาวราวกระดาษ
“อย่ามาทำอะไรบ้าๆ นะ นี่มันโรงพยาบาล ไม่ใช่บริษัท GB ของคุณ”
เกล็ดมุกตื่นกลัว วางมือบนหน้าท้องอย่างหวงแหน พยุงกายที่อ่อนเพลียให้ลุกขึ้นนั่งเพื่อเตรียมพร้อมหากผู้ชายตรงหน้าเกิดเป็นบ้าขึ้นมาจริงๆ
“โอ...เกล็ดมุก เธอยังไม่รู้ละสิว่าโรงพยาบาลแห่งนี้เป็นของ GB ฉันเพิ่งเซ็นสัญญาโอนหุ้นเมื่อชั่วโมงที่แล้วนี่เอง แค่ฉันสั่งคำเดียว บรรดาหมอๆ ก็เตรียมห้องขูดมดลูกให้เธอได้ทันทีเลย ฮ่าๆๆ”
“โรคจิต! คุณมันบ้าขึ้นทุกวันวาคิม คุณไม่สิทธิ์แตะต้องเขา เขาเป็นลูกของฉัน ถ้าเขาตายฉันก็จะตายด้วย!” ว่าที่คุณแม่พร่ำบอกพร้อมน้ำตาที่รินหลั่ง ความหวาดกลัวแล่นทั่วสรรพางค์ เธอรู้ดีว่าหากน้ำแข็งก้อนนี้ถึงจุดเดือดมันจะเป็นเช่นไร
“ทำไม! รักมันมากขนาดนั้นเลยเหรอ ไหนบอกว่าจะรักฉันคนเดียวไงเกล็ดมุก ชั่วพริบตาเธอก็เปลี่ยนไปเป็นอีกคนที่ฉันไม่เคยรู้จัก สับปลับ โลเล หลายใจ ร่าน! ไม่คู่ควรที่จะเป็นแม่คนสักนิด!” เขาตะคอกหล่อนลั่นห้อง คว้าร่างบอบบางมาเขย่าจนหัวสั่นหัวคลอน
เกล็ดมุกอยากจะตายเสียให้ได้ เธอไม่มีแรงจะผลักเขาออกห่าง ได้แต่ประคองครรภ์น้อยเอาไว้
“อย่า! ฉันเจ็บนะ! มุก...มุกเจ็บนะคุณวา อย่าทำร้ายกันมากกว่านี้เลย มุกขอร้อง...อย่าทำร้ายลูกเลย”
เกล็ดมุกวอนขอเสียงเครือ นัยน์ตาชุ่มฉ่ำด้วยหยาดน้ำใสเพ่งมองเข้าไปในดวงตาสีนิลคู่ตรงข้าม ไม่มีแล้วการดื้อดึงประชดประชัน เธอยอมพ่ายแพ้เพื่อความปลอดภัยของลูกในท้อง ลูกของเขาเช่นกัน
ผลัวะ!
บานประตูถูกถีบอย่างแรง ก่อนที่โทนี่จะโผล่เข้ามาพร้อมกวิน
“คุณหนู! บ้าฉิบ!”
สองมือของบอดี้การ์ดหน้าหล่อเข้าล็อกคอเจ้าหมีหัวทองเอาไว้ทั้งๆ ที่ตัวเล็กกว่า ทั้งสองล้มลงกอดรัดฟัดเหวี่ยงบนพื้น แลกหมัดแลกศอกกันหลายที
“กวิน! ระวัง!”
วาคิมร้องบอกการ์ดของตน ร่างกายของกวินเสียเปรียบโทนี่อยู่หลายขุม เกล็ดมุกมองสองร่างอย่างห่วงใย เธอไม่ปรารถนาให้ทั้งสองต้องลงไม้ลงมือกันอย่างนี้
ในที่สุดโทนี่ก็ใช้ร่างกายที่ได้เปรียบคู่ต่อสู้ สลัดกวินจนกระเด็นกระดอน ร่างของบอดี้การ์ดหน้าหล่อลอยหวือไปกระแทกกับขอบโต๊ะสลบเหมือด
“อย่านะโทนี่! พอแล้ว! พอ!” ร้องปรามด้วยความตกใจ โทนี่ตั้งท่าจะตามไปกระทืบกวินซ้ำทั้งที่อีกฝ่ายสลบไปแล้ว โทนี่อารมณ์ร้อนกว่าที่เธอคิด และถ้ากวินสลบอย่างนี้ คนที่ต้องรับมือโทนี่เป็นคนต่อไปคงไม่พ้นวาคิม
“กวิน!” วาคิมร้องเรียกมือขวาที่สลบแน่นิ่งอยู่กับพื้น เขาจะเข้าไปเอาเรื่องเจ้าหมียักษ์แต่สองมือของคนป่วยกลับรั้งชายเสื้อเอาไว้
“ไม่! รีบไปซะคุณวา เดี๋ยวนี้!”
เกล็ดมุกสั่งเขาแต่ช้าเกินไป วาคิมสลัดมือเธอออกแล้วปรี่เข้าไปกระแทกหมัดกับคางบึกบึนของโทนี่เสียงดังพลั่กๆ ไม่ยั้ง บอดี้การ์ดหนุ่มร่างยักษ์ถอยหลังกรูด ฉุนจัดที่โดนเล่นทีเผลอ เมื่อหายจากอาการมึนหมัดก็ตรงรี่เข้าลากคอบอสใหญ่แห่ง GB มาลองลิ้มรสชาติมวยเถื่อนที่เขาโปรดปราน
พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!
“หยุด! โทนี่อย่าทำเขา อย่า!”
เกล็ดมุกร้องเสียงหลง ทั้งหมัดทั้งศอกประเคนเข้าใบหน้าหล่อเหลารัวๆ
โทนี่โกรธตั้งแต่โดนกวินขัดขวางที่หน้าประตูแล้ว พอบุกเข้ามาข้างใน เห็นคุณหนูเล็กกำลังถูกคุกคามน้ำตานองหน้า เขาเลยจัดหนักให้เจ้าชายน้ำแข็งเต็มเม็ดเต็มหน่วย เจ้าสัวไฟเขียวให้เสียอย่าง เขาไม่แคร์ใครอยู่แล้ว แม้แต่เสียงร้องห้ามของคุณหนูเล็กก็เถอะ
“โทนี่! บอกให้หยุด! พอแล้ว...ไม่! โทนี่หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เข็มน้ำเกลือถูกดึงออกจากหลังมือโดยไม่คำนึงว่าตนจะเจ็บ ขออย่างเดียวให้เธอหยุดบอดี้การ์ดเลือดร้อนได้ก็พอ ตอนนี้ทั้งปากทั้งจมูกของวาคิมถูกต่อยจนแตกยับ แทบไม่เหลือเค้าเดิม เธออยากตายเสียตรงนี้ จะได้ไม่เห็นแววตาอันเจ็บปวดทรมานของเขา
พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!
หมัดหนักๆ ของโทนี่ต่อยเข้าท้องของวาคิมถี่ๆ ชายหนุ่มตัวงออยู่บนพื้น เจ็บจุกแต่ยังไม่วายแลหาเกล็ดมุก หัวใจเขาวูบไหวเมื่อแลเห็นน้ำตาของหล่อน ไหนบอกว่าเกลียดกันไปแล้ว แต่ทำไมสายตาที่ทอดส่งมามันยังเจือไว้ด้วยความห่วงใยท่วมท้น
“โทนี่หยุดเถอะ! คุณวาไม่ไหวแล้ว หยุด! ฮือออ...”
เกล็ดมุกปล่อยโฮอย่างสุดจะกลั้น ร่างของวาคิมเป็นเหมือนกระสอบทรายดีๆ ให้โทนี่ใช้ระบายอารมณ์เท่านั้น เธอต้องหยุดเขา ต้องหยุดโทนี่ให้ได้ก่อนที่วาคิมจะตายเสียก่อน
ฝ่าเท้าเปล่าเปลือยหย่อนลงมาจากเตียงอย่างรีบร้อน แม้สภาพร่างกายจะไม่เอื้ออำนวย แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจนได้
พรืด! ตุ้บ!
“กรี๊ดดด!!!”
คลื่นเคราะห์กรรมสาดซัดเข้าหาคุณหนูเล็กอีกครั้ง ร่างสองร่างที่โรมรันพันตูกันอย่างเมามัน หันมองร่างเล็กๆ ที่กำลังร่วงหล่นลงจากเตียง!
[11]ตัวจริงของเกล็ดมุกตัวปลอมของเมฆา______________________‘ห้อง 211 น.ส. เกล็ดมุก เฉิน’วาคิมกัดฟันกรอดๆ จ้องประตูห้องพักฟื้นไม่วางตา ป้ายเลขห้องไม่ยอกแสยงใจเท่านามสกุลที่แปะอยู่ข้างชื่อของหล่อน มันไม่ใช่นามสกุลที่หล่อนใช้ตอนสมัครงาน แต่เป็นนามสกุลของเจ้าสัวแห่งเพิร์ล“นี่ขนาดจดทะเบียนสมรสกับผัวแก่เลยเหรอ เธอนี่มันแน่จริงๆ’สายตาคมมองผ่านช่องกระจกของบานประตู ก่อนจะหันมาสั่งกวิน“นายรออยู่ข้างนอก อย่าให้ไอ้หัวทองมันเข้าไปจนกว่าฉันจะออกมา”“ครับ เจ้านาย” กวินรับคำ เอื้อมมือไปเปิดประตูให้เจ้านายและปิดมันลงเบาๆ เมื่อชายหนุ่มก้าวเข้าไปในนั้นเรียบร้อยบอดี้การ์ดหนุ่มยืนปักหลักเฝ้าหน้าห้อง เตรียมพร้อมรับมือไอ้หมียักษ์หัวทองที่อาจโผล่มาได้ทุกเมื่อ______________ภายในห้องพักฟื้นร่างเล็กบอบบางนอนแบ็บอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล หลังมือด้านขวาของหล่อนถูกพันธนาการไว้ด้วยเข็มน้ำเกลือ ใบหน้าสวยหวานที่คุ้นเคยบัดนี้ซีดเซียวไร้สีสัน
“นี่! นายจะเอาอะไร ทำไมไม่ยอมพูดล่ะ เอ๊ะ...หรือว่านายเหนียวตัว อยากอาบน้ำ ไม่ๆๆ นายห้ามอาบน้ำเด็ดขาด! อากาศเย็นเกินไปเดี๋ยวไข้ขึ้น หรือว่านายหิวข้าว? เดี๋ยวฉัน...เดี๋ยวฉัน ฉัน...กลับห้องดีกว่า...”วารินทร์สะดุดกึกเมื่อเห็นสายตาเต็มไปด้วยคำถามของเมฆา เธอรีบหยุดความห่วงใยที่ส่งผ่านคำพูดรัวเป็นชุด รีบดึงมือน้อยออกจากการเกาะกุม เริ่มหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อต้องเตรียมตอบคำถามว่าเพราะเหตุใด เธอถึงยังอยู่ตรงนี้ทั้งที่เมื่อคืนเขาไล่กลับห้องไปแล้ว“ฉะ...ฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจจะแอบเข้ามานะ พอดีฉันได้ยินเสียงนายคราง คงเพราะพิษไข้ ฉันก็เลย...” แก้ตัวไม่ทันจบก็ถูกดึงเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง วารินทร์นิ่งอึ้งไม่ขัดขืน ยินยอมให้ไหล่น้อยๆ ของเธอเป็นที่พักพิงแก่นายเหมืองผู้เอาแต่ใจ เขากอดเธอแน่น เกยศีรษะได้รูปบนบ่าของเธอ“นายเหมือง...เป็นอะไร” เธอถามแต่ไร้ซึ่งคำตอบ เลยนั่งอยู่อย่างนั้นนิ่งนาน กระทั่งแรงสะท้านจากคนตัวใหญ่ทำให้เธอใคร่รู้ เธอดันเขาออกห่าง และได้รู้ว่าบ่าน้อยๆ กำลังเปียกชุ่ม“นะ...นายร้องไห้ทำไม ไม่อยากจะเชื่อ! สงสัยนายคงยัง
[10]แค้นที่แสนหวานสองอาทิตย์กว่าๆ กับชีวิตในเหมืองเถื่อน ดินแดนที่มีเพียงป่าเขาลำเนาไพรและสายน้ำ ขณะที่พื้นราบด้านล่างฟุ้งตลบด้วยฝุ่นแดงๆ แต่พอขึ้นเนินเตี้ยๆ ไปไม่เท่าไร ก็จะปรากฏสรวงสวรรค์ที่แตกต่างจากด้านล่างอย่างสิ้นเชิงทุกวันวารินทร์ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปทำงานเหมือนคนงานหญิงคนอื่นๆ บ้างก็รดน้ำพรวนดินที่แปลงผัก บ้างก็ช่วยดูแลเห็ดที่โรงเรือนเพาะเลี้ยง หนักสุดเห็นจะเป็นที่เล้าไก่ แต่ก็ยังดี เพราะหากเขาให้เธอไปประจำที่เล้าหมู คงได้เป็นลมวันละสามเวลาในตอนเที่ยงของทุกๆ วัน เธอต้องมาช่วยป้าน้อมที่โรงครัวซึ่งจะทำอาหารไว้เพียงพอสำหรับทุกคนวันละสองมื้อ เช้ากับเที่ยง ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดีเหมือนที่เธอคาดหวัง หากว่าจะตัดเจ้าของเหมืองผู้เอาแต่ใจออกไปบางครั้งวารินทร์ก็นึกชิงชังร่างกายของตนที่ตอบสนองคนบ้าอำนาจในยามค่ำคืน บางทีเขาอ่อนโยน แต่บางทีก็เย็นชา เหมือนในทุกๆ เช้า เธอต้องตื่นมาพบกับความว่างเปล่าอยู่เสมอ ที่นอนข้างๆ เย็นเฉียบ มีเพียงรอยยับย่นบนฟูกหนาที่ยืนยันว่ายามค่ำคืนเขากกกอดเธอเอาไว้
“คุณหนู!” โทนี่เรียกนายสาว สีหน้าของบอดี้การ์ดหนุ่มเต็มไปด้วยความตระหนกวาคิมใจหายวูบ ขนอ่อนในกายลุกเกรียวด้วยความหวาดหวั่น เขาใช้แรงทั้งหมดที่มีถีบโทนี่ออกห่าง ตะเกียกตะกายคลานเข้าหาร่างบางที่แน่นิ่งอยู่บนพื้น เลือดสดๆ ไหลซึมออกมาระหว่างเรียวขาของหล่อน หรือว่าหล่อนจะ...“ไม่นะ! เกล็ดมุก ลืมตามองฉันสิ มองฉัน! อย่าหลับนะ ได้โปรด.. ไม่!”เกล็ดมุกเจ็บร้าวราวถูกเฉือนที่ขั้วหัวใจ น้ำตาไหลหลั่งพรั่งพรูอาบใบหน้า สติใกล้เลือนหายเมื่อความเจ็บปวดวิ่งเข้าแทนที่วาคิมเข้าช้อนร่างหญิงสาวขึ้นแนบอก ก่นด่าตัวเองเป็นร้อยครั้งว่าไม่ควรมาที่นี่ ถ้าเขาไม่มาหล่อนคงไม่ต้องเจ็บตัว แล้วไหนจะลูกของหล่อนอีกเล่า โธ่เอ๋ย...ทำไมเขาทรมานอย่างนี้ อย่าให้เด็กในท้องหล่อนเป็นอะไรเลย เขาขอร้อง!“มุก! ลืมตาสิคนดี มุกอย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะ!”เหมือนหนึ่งดวงใจที่ใกล้จะหลุดลอย วินาทีนี้วาคิมจมดิ่งอยู่ในห้วงเหวของความทุกข์ทรมานไปแล้ว“คุณหนู!?” โทนี่รีบวิ่งออกไปเรียกหมอ กวินที่เพิ่งฟื้นขึ้นมารีบพยุงกายไปกดปุ่มเรียกพยาบาลที่หัวเต
“งั้นก็เอาสิ ฆ่าเลย! เอาเลย ฆ่าเลย! ฆ่าสามีของเธอด้วยมือของเธอเลย!”เขารุกหนัก วารินทร์สะดุ้งโหยง เผลอกดมีดลงที่เนื้ออ่อนกลางลำคอจนเกิดแผลเล็กน้อย เลือดสดๆ ไหลออกมาอย่างอ้อยอิ่ง น่าแปลกที่มันช่างบีบหัวใจจนเธอรู้สึกว่าไม่มีอากาศพอเข้าไปหล่อเลี้ยงภายในร่าง“รออะไร! ฆ่าเลยสิวารินทร์ โอกาสของเธอแล้วนี่ ฉันพร้อมแล้ว!”วารินทร์หน้าซีดเผือด มองเลือดที่ไหลหายเข้าไปภายในคอเสื้อเขา เธอตัดสินใจถอยหลัง แหวกม่านน้ำที่สูงถึงเอวเพื่อหลบเลี่ยงสิ่งที่สวนทางกับหัวใจ เธอฆ่าเขาไม่ได้ เธอไม่ใช่คนโหดร้ายขนาดนั้นเสียงฟ้าคำรามใกล้ๆ ทำให้วารินทร์ตกใจขว้างมีดทิ้ง ก่อนที่มันจะเป็นชนวนล่อฟ้า“วารินทร์!?”“มะ...ไม่ ฉะ...ฉันทำไม่ได้! ฉันกลัว นายก็เลิกบ้าซะที! ฉันกลัวเลือด เลือดนายไหลใหญ่แล้ว!” เธอร้องบอก หน้าสวยสลดวูบเมื่อเขาขยับเข้ามาใกล้ขณะที่ตัวเองก้าวขาไม่ออก ดวงตาสีนิลปิดฉับทันทีที่เขาเข้าถึงตัว คราวนี้เธอตายแน่ๆ ได้เหลือแต่ชื่อก็คราวนี้แหละวารินทร์เปรี้ยง! เปรี้ยง!“กรี๊ดดด!!!”แสงสี
เมฆาพาหญิงสาวเดินข้ามเนินดินสองลูกก็มาถึงที่หมาย วารินทร์ตาโตอ้าปากค้างเพราะเจอเข้ากับม่านน้ำตกผืนใหญ่ตรงหน้า ให้ตายเถอะ ตอนแรกเธอคิดว่าตัวเองหูฝาดเสียอีกที่ได้ยินเสียงน้ำตกดังอยู่ไม่ไกล ไม่น่าเชื่อว่าด้านล่างหุบเขาที่มองไปทางไหนก็เจอแต่ฝุ่นแดงๆ พอขึ้นมาข้างบนกลับต่างกันราวฟ้ากับเหวต้นไม้ใหญ่รายล้อมผืนน้ำตกสูงชัน มีมวลดอกไม้นาๆ พรรณขึ้นรายล้อมลดหลั่นเป็นขั้นเป็นชั้น ซ้อนเรียงกันลงมาราวบันไดสวรรค์ ขนาดมองไม่ชัดเพราะยังเช้ามืดอยู่ อาศัยเพียงไฟดวงใหญ่จากเพิงใกล้ๆ ยังสามารถมองเห็นความสวยงาม แล้วถ้าตอนรุ่งเช้าที่แสงพระอาทิตย์สาดส่องเล่า ม่านน้ำตกจะงดงามเพียงไรก้อนหินก้อนเล็กก้อนน้อยทอดตัวลดหลั่นล้อมรอบ ดั่งปราการที่ใช้ต่อต้านการรุกรานจากโลกภายนอก เวิ้งน้ำขนาดใหญ่ใสแจ๋วน่าแหวกว่ายเป็นที่สุด แม้ว่าตอนนี้น้ำจะเย็นจัดก็เถอะ น้ำตกนี่คงเป็นต้นน้ำที่ไหลเป็นลำธารลงสู่เบื้องล่าง หล่อเลี้ยงลมหายใจของคนในเหมืองกระมัง“นี่! มัวยืนเฉยอยู่ทำไม โน่นเลย ลงไปตักน้ำมารดผักในแปลง”เขาสั่งเสียงเข้ม ชี้มือไปยังเนินกว้างด้านหนึ่งวารินทร์อ้าปากหวอต่อด้วยอาการใบ