Masuk“ฉันตกลงที่จะยอมให้นายกินเลือดของฉันแล้วนะ แต่ถ้าหากว่านายกัดหรือว่าทำฉันแรงๆ ล่ะก็…ฉันสัญญาว่าฉันจะถีบนายให้ตกเตียงเลยคอยดู!!”
ดันเต้เหยียดยิ้มขำขันขึ้นมาในทันทีที่ได้ฟังจบ พลางจัดการยื่นหน้าเข้าไปใกล้กันกับใบหน้าหวานของคนตัวบางอีกครั้ง แล้วจัดการเอ่ยออกมาที่ข้างใบหูนิ่มด้วยน้ำเสียงแหบต่ำที่ฟังดูอันตรายไปด้วย “คงจะยากแล้วล่ะครับคนสวย เพราะว่าผมบังเอิญเป็นแวมไพร์ที่ชอบมีเซ็กส์ซาดิสม์ด้วยนี่สิ” ดวงตาคู่กลมที่มองดูคล้ายกันกับลูกแก้วสีฟ้าใสได้แต่จัดการเบิกค้างเอาไว้อยู่แบบนั้นด้วยความตกใจให้กับสิ่งที่ตนเองนั้นได้ยิน พร้อมกับในวินาทีถัดมาที่มือเรียวนั้นได้ยกขึ้นมาดันที่หน้าอกแกร่งของแวมไพร์หน้าหล่อที่กำลังเอาแต่จุดยิ้มขึ้นมาที่มุมปากด้วยความพึงพอใจ พลางพยายามที่จะโน้มใบหน้าเข้ามากัดที่ปากของเธออีกรอบนึงไปด้วยเพราะติดใจในรสชาติของเลือดที่ยังคงแตะสัมผัสอยู่ที่ปลายลิ้นอย่างหอมหวาน “แบบนี้มันเป็นการขี้โกงกันนี่!! ทำไมนายถึงไม่บอกฉันก่อนว่านายเป็นประเภทที่ชอบใช้ความรุนแรงอ่ะ!! แบบนี้ฉันจะไม่ช้ำตายคาอกของนายหรอห๊ะ!!” “อันนั้นผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ” “นี่!!!” “แต่ในเมื่อคุณตกลงที่จะให้ผมกินเลือดของคุณแล้ว เพราะฉะนั้นคืนนี้คุณต้องเป็นของผม แล้วอย่าร้องเสียงดังเกินไปล่ะครับ เดี๋ยวข้างห้องเขาจะเข้าใจผิดเอาได้:) ” “ฉันไม่ไป!!!” “มาบอกตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วล่ะครับ” พูดจบ ลำแขนแข็งแรงของดันเต้ก็ได้จัดการถือวิสาสะช้อนอุ้มร่างบางของมนุษย์หน้าหวานตรงหน้านี้ในท่าเจ้าสาวในทันที แล้วได้ใช้พลังของแวมไพร์ในการเคลื่อนที่ไปด้วยความรวดเร็ว นั่นจึงทำให้ใช้เวลาไม่นานมากนัก ในที่สุดร่างสูงของแวมไพร์หนุ่มก็ได้มายืนอยู่ที่หน้าห้องคอนโดของตนเอง พร้อมกับเสียงงุ้งงิ้งของมนุษย์ตัวบางในอ้อมแขนที่ได้เอ่ยบ่นออกมาอย่างไม่หยุดหย่อนไปด้วย “นี่! นายแวมไพร์หัวเทา!! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ!! อยากมีเรื่องกับฉันมากนักรึไง!! ฉันจะไปแจ้งตำรวจว่าฉันกำลังจะโดนแวมไพร์โรคจิตข่มขืน!!” “ดันเต้” “อะไร?!” “ผมชื่อดันเต้ครับ แล้วคุณล่ะชื่อว่าอะไร?” “ชานม” ชื่อน่ารักน่ากินมาก เหมาะแก่การดูดเลือดให้ตัวช้ำสุดๆ! “ชื่อน่ารักดีนะครับ” “ยุ่งน่า! แล้วทีนี้จะปล่อยฉันไปได้รึยัง!!” “ปล่อยครับ ผมปล่อยแน่” “…?” “แต่ว่าปล่อยลงเตียงนะครับคนสวย” “ไอ้บ้านี้!!!” งานนี้ได้เสร็จแวมไพร์แบบเขาแน่! นานๆ ทีจะได้เจอเหยื่อที่สวยและหอมโดนใจแบบนี้ เพราะฉะนั้นคืนนี้ขอฟัดให้จมเขี้ยวเลยละกัน! . . . ตลอดระยะเวลากว่าหลายร้อยปีที่ผ่านมา มนุษย์ไม่เคยที่จะชนะแวมไพร์ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ไม่เคยเลยจริงๆ … เพราะต่อให้พวกเราเหล่ามนุษย์ทั้งหลายนั้นจะพยายามตั้งกฏและข้อบังคับอะไรเพิ่มขึ้นมาอีกมากมาย และต่อให้ชีวิตของแวมไพร์ต่อจากนี้ไปจะต้องถูกล้อมอยู่แต่ในกรอบที่มีคำว่า ‘กฎหมาย’ เหมือนกัน หากแต่ถึงอย่างนั้น ความอ่อนแอและร่างกายที่มีแต่เลือดอันหอมหวานไหลเวียนอยู่ทั่วในกาย มันก็ยังคงเป็นจุดอ่อนของมนุษย์อีกอยู่ดี เหมือนดั่งเช่นในตอนนี้ที่ร่างบางของชานมนั้นกำลังถูกแวมไพร์หน้าหล่อเจ้าของเรือนผมสีเทาอุ้มตรงเข้ามาที่เตียงกว้างของอีกฝ่าย พลางจัดการจับร่างบางของเธอโยนลงเตียงไปอย่างไม่คิดที่จะถนอมกันเลยแม้แต่น้อย จนทำให้แผ่นหลังเล็กๆที่ได้กระแทกเข้ากับฟูกเตียงนุ่มๆนั่นจึงถึงกับทำให้เจ้าของใบหน้าหวานน่ารักนั้นต้องเบ้ไปเล็กน้อยเพราะความจุก พร้อมกับในวินาทีถัดมาเมื่อความจุกเหล่านั้นได้หายไปหมดแล้ว ชานมจึงได้จัดการยกแขนเรียวของตนเองขึ้นมา เพื่อที่จะได้เตรียมยันตัวลุกออกจากเตียงบ้าๆนี่ไป หากแต่ทุกอย่างกลับสายเกินไปเสียแล้ว เมื่อดันเต้นั้นได้ก้าวเท้าเดินตรงมาถึงที่เตียงก่อนด้วยความรวดเร็ว หลังจากที่เขานั้นได้เช็คความเรียบร้อยของประตูหน้าห้องของตนเองแล้วว่ามันจะแน่นหนามากพอที่จะสามารถทำให้มนุษย์คนนึงไม่สามารถที่จะหนีรอดพ้นไปจากเงื้อมมือของเขาได้ในค่ำคืนนี้ ดวงตาคู่คมเจ้าของนัยน์ตาสีเทาควันบุหรี่เฉกเช่นเดียวกันกับสีผมของอีกฝ่าย ในครานี้กลับกำลังวาวโรจน์และฉายชัดถึงความหิวกระหายที่แผ่ชัดออกมาทางสายตา จนทำให้คนที่กำลังโดนจ้องมองอยู่อย่างชานมจึงอดที่จะรู้สึกหวาดผวาไปเสียไม่ได้ นัยน์ตาของคนตัวสูงได้ค่อยๆ แปรเปลี่ยนไปเป็นสีแดงชาดราวกับเป็นสีของโลหิตอย่างเชื่องช้า คมเขี้ยวอันแหลมคมที่ได้ถูกซ่อนเอาไว้ บัดนี้กลับกำลังแทงโผล่พ้นริมฝีปากหยักออกมา พร้อมกันกับร่างสูงของดันเต้ที่ได้เคลื่อนตัวเข้ามาหาชานมที่กำลังนั่งขดตัวอยู่ที่บริเวณหัวเตียงไปด้วย ช่างน่าขัน… ทั้งๆที่ตัวของเธอเองก็เป็นคนเอ่ยปากตกลงยอมที่จะให้แวมไพร์ตนนี้ดูดเลือดและมีเซ็กส์กับตนเองด้วยแท้ๆ แต่พอมาถึงเวลาจริงๆ และได้รับรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นมีรสนิยมการมีเซ็กส์แบบซาดิสม์ กำแพงของความถือดีที่ได้พยายามสร้างมันขึ้นมาเพื่อปกป้องตนเองจึงได้ถูกทำลายทิ้งลงไปอย่างไม่เหลือซาก และเหลือทิ้งไว้เพียงแต่ความกลัวที่กำลังควบคุมจิตใจของเธออยู่อย่างน่าอาย เพราะว่าแวมไพร์เป็นปีศาจที่ไม่สามารถที่จะคาดเดาอารมณ์ได้อย่างง่ายดาย และไม่สามารถที่จะหยั่งรู้ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ภายใต้หน้ากากขอบใบหน้าที่แสนเรียบนิ่งราวกับเป็นรูปปั้นนั่น เพราะฉะนั้น…ชานมจะโดนแค่ดูดเลือดหรืออาจจะโดนฆ่าตายไปด้วยอย่างเป็นของแถมให้กันอีกอย่างนึง และในเรื่องนั้น ตัวของเธอเองก็ไม่สามารถที่จะคาดเดามันได้เลย “ทำไมทำหน้าอย่างงั้นล่ะครับชานม? นี่คุณกำลังกลัวผมอยู่หรอ?” เสียงทุ้มต่ำได้ถูกเอื้อนเอ่ยขึ้นมาที่ข้างใบหู ในขณะที่มือหนาอันเย็นเฉียบนั่นก็กำลังสัมผัสลูบไล้ไปตามพวงแก้มนิ่มของเธออย่างแผ่วเบาไปด้วย จนทำให้ชานมที่โดนกระทำออกมาแบบนั้นจึงได้แต่ช้อนดวงตาคู่กลมโตเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าดูสดใสหันไปมองสบกับแวมไพร์หน้าหล่อที่กำลังเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้กันอีกครั้ง แล้วเอ่ยตอบกลับออกไปอย่างเสียงแผ่วเบาไปด้วย “ใช่ ฉันกลัวนาย เพราะฉันไม่รู้ว่านายกำลังจะทำอะไรกับฉันและร่างกายของฉันกันแน่…” ดันเต้หลุดหัวเราะเสียงเบาในทันทีที่ได้ฟังคำตอบที่น่าเอ็นดูแบบนั้นออกมาจากกลีบปากบางของชานมจนจบ นัยน์ตาสีแดงโลหิตนั่นยังคงดูน่าหวาดผวาอยู่ แต่ทว่าในสายตาของชานม มันกลับดูอ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด พร้อมกับแววตาของความกระหายเลือดดั่งนักล่าที่กำลังจางหายไป แล้วเปลี่ยนไปเป็นแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความจริงใจต่อกันแทน เหมือนกับตอนที่อีกฝ่ายนั้นได้เดินเข้ามาขอดูดเลือดและมีเซ็กส์กับเธออย่างไม่ผิดเพี้ยน…“ไม่ต้องกลัวครับ ผมจะพยายามทำมันออกมาให้เบาที่สุด ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องยากสำหรับผม…แต่ผมก็จะพยายามทำมันเพื่อคุณนะครับชานม”ความป่าเถื่อนถูกกดซ่อนเอาไว้อยู่ภายในส่วนลึกของจิตใจ แล้วเปลี่ยนไปเป็นถ้อยคำอันหวานล้ำที่พยายามเอ่ยอย่างหลอกล่อเหยื่อตัวน้อยของตนเองอย่างใจเย็น“อื้อ…”สำเร็จ!ดันเต้เผยยิ้มกว้างออกมาเมื่อได้ยินคำตอบรับตกลงจากมนุษย์หน้าสวยใต้ร่าง พร้อมกันกับในวินาทีถัดมาที่ร่างสูงของแวมไพร์หนุ่มผมเทานั้นได้จัดการเอื้อมมือหนาทั้งสองข้างไปกอบกุมที่มือเรียวเล็กของชานมเอาไว้ พลางออกแรงดึงให้คนตัวบางลงไปนอนราบอยู่บนเตียงนุ่มด้วยความรวดเร็ว ตามด้วยร่างของดันเต้ที่โน้มตัวลงไปคร่อมทับตาม ดวงตาของพวกเขาทั้งสองต่างจ้องมองสอดประสานกันอยู่แบบนั้นอย่างแน่นิ่งท่ามกลางความมืดมิดภายในห้องนอนที่มีเพียงแค่แสงสว่างจากแสงไฟสีอ่อนจากภายนอกระเบียงส่งผ่านมาและนัยน์ตาสีแดงชาดกับนัยน์ตากลมโตสีฟ้าน้ำทะเลที่ได้จ้องมองสบตากันอย่างสะท้อนไปที่ใบหน้าของกันและกันและเพียงแค่ชั่วอึดใจ ริมฝีปากหยักของดันเต้ก็ได้จัดการเริ่มประกบจูบลงไปที่ริมฝีปากบางอันบวมเจ่อของคนใต้ร่างอีกครั้ง จนชานมนั้นเผลอสะดุ้งเฮือกด้วยความ
“ฉันตกลงที่จะยอมให้นายกินเลือดของฉันแล้วนะ แต่ถ้าหากว่านายกัดหรือว่าทำฉันแรงๆ ล่ะก็…ฉันสัญญาว่าฉันจะถีบนายให้ตกเตียงเลยคอยดู!!”ดันเต้เหยียดยิ้มขำขันขึ้นมาในทันทีที่ได้ฟังจบ พลางจัดการยื่นหน้าเข้าไปใกล้กันกับใบหน้าหวานของคนตัวบางอีกครั้ง แล้วจัดการเอ่ยออกมาที่ข้างใบหูนิ่มด้วยน้ำเสียงแหบต่ำที่ฟังดูอันตรายไปด้วย“คงจะยากแล้วล่ะครับคนสวย เพราะว่าผมบังเอิญเป็นแวมไพร์ที่ชอบมีเซ็กส์ซาดิสม์ด้วยนี่สิ”ดวงตาคู่กลมที่มองดูคล้ายกันกับลูกแก้วสีฟ้าใสได้แต่จัดการเบิกค้างเอาไว้อยู่แบบนั้นด้วยความตกใจให้กับสิ่งที่ตนเองนั้นได้ยิน พร้อมกับในวินาทีถัดมาที่มือเรียวนั้นได้ยกขึ้นมาดันที่หน้าอกแกร่งของแวมไพร์หน้าหล่อที่กำลังเอาแต่จุดยิ้มขึ้นมาที่มุมปากด้วยความพึงพอใจ พลางพยายามที่จะโน้มใบหน้าเข้ามากัดที่ปากของเธออีกรอบนึงไปด้วยเพราะติดใจในรสชาติของเลือดที่ยังคงแตะสัมผัสอยู่ที่ปลายลิ้นอย่างหอมหวาน“แบบนี้มันเป็นการขี้โกงกันนี่!! ทำไมนายถึงไม่บอกฉันก่อนว่านายเป็นประเภทที่ชอบใช้ความรุนแรงอ่ะ!! แบบนี้ฉันจะไม่ช้ำตายคาอกของนายหรอห๊ะ!!”“อันนั้นผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ”“นี่!!!”“แต่ในเมื่อคุณตกลงที่จะให้ผมกินเลื
ดูเหมือนว่าเขาจะได้เจอเข้ากับเหยื่อที่น่าสนใจขึ้นมาจริงๆซะแล้วล่ะตัวก็หอม หน้าก็หวาน ผิวก็ขาวน่ากัดเห็นแล้วคันเขี้ยวเลยเนี่ย!!!และเมื่อได้เจอเข้ากับเหยื่อที่ถูกใจ ดันเต้จึงไม่รอช้าที่จะเดินเข้าไปประชิดเข้ากับร่างบางของมนุษย์หน้าหวานที่ยืนอยู่ข้างกัน อย่างต้องการที่จะทำความรู้จักและเข้าใกล้อย่างมากยิ่งขึ้นเพื่อที่จะได้แอบสูดดมความหอมหวานนั่นได้อย่างมากกว่าเดิม หากแต่ว่ายังไม่ทันที่ร่างสูงของดันเต้นั้นจะทันได้ก้าวเดินเข้าไปใกล้กันกับอีกฝ่ายขึ้นอีก มือเรียวของมนุษย์หญิงคนสวยตรงหน้าก็ได้จัดการยกขึ้นมาดันที่แผงอกแกร่งของเขาเอาไว้เสียก่อน พลางเอ่ยออกมาอย่างกับรู้ว่าเขากำลังจะทำอะไรต่อไปด้วย“หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ ฉันไม่ค่อยถูกชะตากับพวกแวมไพร์เสียเท่าไหร่นัก”“ทำไมล่ะครับ?ใบหน้าหวานได้จัดการเบนหันมามองที่ใบหน้าของแวมไพร์หนุ่มที่ยืนอยู่ข้างกันอย่างเชื่องช้า ก่อนที่ในวินาทีถัดมาดวงตาคู่กลมโตเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าดูสดใสที่รับกันกับเส้นผมสีน้ำตาลเปลือกไม้ และริมฝีปากบางที่ดูคล้ายกันกับกลีบของดอกกุหลาบสีชมพูสวยจะได้จัดการเอ่ยออกมา พลางจ้องมองมาที่ใบหน้าของเขาด้วยสายตาที่แอบแฝงไปด้วยความโกรธไปด้ว
ในช่วงปลายศตวรรษที่ 17 จนถึงศตวรรษที่ 21 ‘แวมไพร์’ เคยถูกขนานนามให้เป็นปีศาจร้ายที่บ้าเลือดและคลั่งไคล้ในการฆ่าผู้คน โดยการสูบดูดกินเลือดและฆ่าเหยื่อให้เหลือแต่เพียงแค่หนังหุ้มกระดูกของร่างที่ไร้วิญญาณและเลือดเนื้ออย่างน่าสยดสยอง ความโหดร้ายและการฆ่าล้างกันเพื่อการอยู่เอาตัวรอดในแต่ละเผ่าพันธ์ุประวัติศาสตร์ที่เคยถูกขีดเขียนมาทั้งหมดและการออกล่าตามฆ่าเหล่าแวมไพร์ที่เคยมีมาตลอดหลายร้อยปีทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านั้นที่ล้วนแต่เคยเป็นขนบธรรมเนียมประเพณีและความเชื่อในตำนานเรื่องเล่าเหล่านั้น ได้ถูกทำลายลงไปด้วยความเชื่อของคนสมัยใหม่ที่สวมรอยเข้ามาแทนที่กันแทน แล้วเปลี่ยนจากการที่แวมไพร์นั้นต้องเคยอยู่อย่างการเป็นผู้ล่าในรัตติกาล ไปเป็นการผลันตัวมาอาศัยอยู่ร่วมกันในสังคมที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายกับมนุษย์ โดยมีสื่อกลางที่ช่วยรักษาความปลอดภัยระหว่างกัน ที่ถูกเรียกเอาไว้อย่างเลิศหรูว่า ‘ธนาคารเลือดสำหรับแวมไพร์สายคิ้วท์ที่เบื่อหน่ายการออกล่า’ซึ่งกฏระหว่างแวมไพร์กับมนุษย์ที่ถูกตั้งขึ้นมาอย่างชัดเจนนับตั้งแต่ปีศตวรรษที่ 22 นี้เป็นต้นไป นั่นก็คือ1. แวมไพร์ไม่สามารถที่จะล่าเหยื่อหรือฆ่ามนุษย์อย่างตาม







