“อืม...หรือว่าตาวิชญ์เริ่มจะรู้สึกพลังความเป็นแม่ของฉันบ้างแล้ว...หรือเธอว่าไงตังค์?”
แววตาของนาตาลีเป็นประกาย
“ตังค์ว่าไม่ใช่หรอกค่ะ คุณนาตาลีอย่าพึ่งดีใจค่ะ พี่วิชญ์อาจจะกลับตัวกลับใจคิดที่จะทำงาน สานต่อบริษัทของพ่อก็ได้ค่ะ พี่วิชญ์อายุ 29 แล้วนะคะก็ต้องเริ่มมีความเป็นผู้ใหญ่บ้างแหละค่ะ”
“จริงเหรอตังค์...หรือเขาจะเห็นเธอ สวยขึ้นและอาจจะปิ้งเธอขึ้นมาก็ได้”
“นี่ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่เลยค่ะคุณนาตาลี ตังค์ชอบพี่วิชญ์ มา 11 ปี พี่วิชญ์ไม่เคยสนใจตังค์เลย อีกอย่างสาวๆ ในสังกัดของพี่วิชญ์เยอะจะตาย ไม่มีทางแน่นอนค่ะ”
“ก็แล้วทำไมเธอถึงไม่คิดที่จะลองตามตื้อตาวิชญ์อีกสักครั้งล่ะตังค์...ครั้งนี้อาจจะได้ผลก็ได้นะ เธอสวย และหุ่นดีออกอย่างนี้ ตาวิชญ์น่าจะหันมามองเธอบ้างแหละ เชื่อฉันสิ”
นาตาลีกวาดสายตามองไปทั่วใบหน้าเรียวสวยของตมิสา ถ้าให้เธอเลือกลูกสะใภ้ให้กับลูกเลี้ยงเธอล่ะก็ นาตาลีก็คงจะเลือก ตมิสาอย่างแน่นอน ถึงแม้ตมิสาจะออกแนวคล้ายกับพวกต่อต้านสังคมก็ตาม แต่ตมิสาเป็นผู้หญิงที่ทำงานเก่งรอบด้าน มีความเป็นตัวเองสูง อีกทั้งในเรื่องความสวยนั้น ตมิสาก็ยังโดดเด่นอย่างที่สุด
“มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอกค่ะคุณนาตาลี ตังค์เคยสารภาพ รักพี่วิชญ์มา 14 ครั้งแล้วนะคะ และตัวพี่วิชญ์เองก็รู้ว่าตังค์นั้นรัก พี่วิชญ์มาตลอด ถ้าพี่วิชญ์จะชอบตังค์คงชอบไปนานแล้วค่ะ”
“แต่ฉันว่าเธอน่าจะลองอีกสักครั้งนะตังค์ ครั้งที่ 15 ก็ยังไม่เป็นไรหรอกมั้ง”
“ตังค์เริ่มไม่แน่ใจตัวเองแล้วค่ะ ว่าตังค์จะทนรับคำปฏิเสธจากพี่วิชญ์ได้อีกแค่ไหน...เอาเป็นว่าตังค์ขอทำงานตามหน้าที่ของตังค์ก็แล้วกันนะคะคุณนาตาลี”
ตั้งแต่เหตุการณ์ที่เธอเจอหนังสดวันนั้น ตมิสาก็กลับไปคิดทบทวนเรื่องของตัวเอง เธอเจ็บกับความรักแบบนี้มานาน เธอรักเมธาวิน ไม่ได้แอบรักอย่างใครคนอื่นเขาเป็น แต่เธอรักเขาแบบตรงๆ สารภาพแบบซึ่งๆ หน้าไม่เคยปิดบัง และมันก็ไม่เคยได้ผลเลยสักครั้ง เพราะเมธาวินมองคำสารภาพของเธอเป็นเรื่องตลกขบขัน ‘พี่เป็นแฟนกับตังค์ไม่ได้หรอก...เพราะพี่เองไม่ได้รู้สึกกับตังค์แบบหนุ่มสาว...ตังค์คือน้องสาวพี่เท่านั้น’ นี่คือคำที่เขามักจะบอกเธอเสมอ ตมิสาเองก็ได้แต่หวังว่าเวลาที่ผ่านไปเรื่อยๆ ความรู้สึกของเมธาวินอาจจะเปลี่ยนไปก็เป็นได้...
....................
ก๊อก! ก๊อก!
“เข้ามา”
แกร๊ก! เสียงประตูถูกเปิด
“สวัสดีค่ะคุณเมธาวิน”
“หืม...?” สรรพนามที่ตมิสาเรียกเขา ทำให้เมธาวินเงยหน้าขึ้นมองเธอแทบจะทันที
“คุณมีอะไรให้ฉันรับใช้คะ”
ตมิสามองบุรุษตรงหน้าเธอแบบตรงๆ โดยไม่หลบสายตา ถึงแม้ภายในใจของเธอจะอ่อนไหวกับภาพที่เห็นตรงหน้าก็เถอะ ‘เขาดูมีเสน่ห์อย่างที่สุด จมูกคมเป็นสัน ริมฝีปากหยักหนาได้รูป ดวงตาคมใต้เรียวคิ้วเข้มหนาที่โก่งรับกับจมูกโด่งเป็นสันก็ทำให้คนมองนิ่งเหมือนต้องมนต์สะกด ใบหน้าคร้ามคมที่มีลูกผมตรงไรหูและไรเคราบางๆ ดูรับกับผิวขาวเนียนตามแบบฉบับชายหนุ่มรูปงาม’
“ตังค์”
“...”
“ตังค์!”
“คะ? คุณเมธาวิน”
ตมิสาตื่นจากภวังค์เพราะเสียงเรียกของเขา
“ทำไมไม่เรียกพี่แบบเดิม”
“อ่อ...ค่ะคือคุณเป็นเจ้านายตังค์นี่คะ จะให้เรียกพี่ได้อย่างไรกันคะ...”
“พี่ไม่ถือ”
ในความรู้สึกของเมธาวิน เขารู้สึกว่ามันดูห่างเหินจนเกินไป ซึ่งเธอกับเขาก็รู้จักและสนิทสนมกันมานาน เธอเองมักจะเรียกเขาพี่ตลอด เหมือนน้องสาวร้องเรียกพี่ชาย
“ค่ะ...คุณไม่ถือแต่ตังค์ถือค่ะ ไม่ทราบว่าคุณมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ วันนี้คุณนาตาลีแจ้งกับตังค์ว่า คุณต้องการรายงานของบริษัท ซึ่งเมื่อวานตังค์ก็รายงานคุณไปหมดแล้วนี่คะ”
“พี่บอกให้เธอเรียกพี่แบบเดิมเข้าใจมั้ยตังค์”
“...” ตมิสานิ่งไม่โต้ตอบ กวาดสายตามองใบหน้าคมเข้มอันหล่อเหลาของเขา ‘เธอพยายามที่จะเว้นระยะห่างกับเขา’
“นิ่งทำไม...แค่เรียกพี่วิชญ์เหมือนเดิม นี่มันยากสำหรับเธอมากเลยเหรอตังค์ พี่ไม่เข้าใจมาวันแรกเธอก็เรียกพี่ แต่หลังจากเมื่อคืนเธอก็เปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเอง และมีอีกอย่างที่พี่ต้องบอกเธอให้รับรู้ไว้นะ...พี่ไม่ชอบคนตัดสายในระหว่างที่ยังคุยไม่จบ!”
“ขอโทษค่ะ คราวหลังตังค์จะไม่ทำอีกค่ะ สรุปพี่วิชญ์มีแค่เรื่องที่ตังค์ตัดสายใส่พี่แค่นี้ใช่ไหมคะ”
ตมิสาพยายามจะบังคับจังหวะการเต้นของหัวใจเธอให้สงบลง การเข้าใกล้เขาแบบนี้มันอันตรายเป็นอย่างมาก ‘ยากแก่การตัดใจ’
“พี่อยากให้ตังค์สรุปรายงานของบริษัทให้พี่ฟังอีกครั้ง”
“อะไรนะคะ!” เธอพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้เขา แต่เขาทำให้เธอลำบากมากขึ้นไปอีก
“อะไรของเธอตังค์ นั่งลงและอธิบายพี่อย่าเรื่องมาก เธอควรทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี สมกับที่นาตาลีโปรโมทเธอไว้สิ”
เขามองดวงหน้าใสของหญิงสาวที่ได้ขึ้นชื่อว่า ‘น้องสาว’ อย่างพินิจพิจารณา ความงดงามใบหน้าหวานของเธอ ส่งผลกับร่างกายของเขาทันที ความใกล้ชิดกันแค่เอื้อมมือก็ถึงนี้ มันทำให้เขารู้สึกแปลกๆ กับตัวเอง ตมิสาคือน้องสาวของเขา และเขาเองก็คือพี่ชายของเธอ!
“ค่ะ...รายงานไตรมาสของบริษัท #!%$#&@”
ตมิสาพยายามบังคับใจของตัวเองให้โฟกัสอยู่กับงานเพียงอย่างเดียว กลิ่นกายจากร่างกำยำผสมน้ำหอมชั้นดีราคาแพงโชยเข้ามาเตะจมูกของเธอ บวกกับสายตาคมเข้มของเขาที่จ้องมาที่เธออย่างไม่กระพริบ ทำให้ช่วงเวลานี้หัวใจของเธอแทบจะหยุดเต้นเลยทีเดียว
เวลาผ่านไปราว 15 นาที...
“พี่วิชญ์มีอะไรสงสัย หรือตังค์อธิบายตรงไหนไม่ชัดเจนบ้างคะ จะให้ตังค์อธิบายอะไรก็แจ้งมาได้เลยนะคะ”
“พี่สงสัย...ว่าตังค์อยู่กับนาตาลีได้ยังไงตั้งสามปี”
“เอ่อ...นี่มันไม่ใช่เรื่องงานนี่คะ”
“พี่ถาม...เธอก็ตอบคำถามพี่มาสิ...เธอนี่ลืมหน้าที่ของตัวเองบ่อยจังเลยนะ...เลขา! ท่องไว้สิจะได้ไม่ลืม!”
“ค่ะ...เรื่องที่วิชญ์ถามว่าตังค์อยู่กับคุณนาตาลีได้ยังไง...ตังค์ขอตอบว่าตังค์อยู่ได้ค่ะ คุณนาตาลีเธอเป็นคนดี ทำงานเก่ง และอีกอย่างเธอเข้าใจตังค์เป็นอย่างดีค่ะ”
ตมิสาสบสายตาชายหนุ่มตรงๆ เธอพยายามฝึกไว้เพื่อจะไม่ต้องหวั่นไหวกับสายตาเพชฌฆาตนี้อีก ระหว่างสารภาพรักอีกครั้ง กับ การถอยออกมาและเริ่มต้นมีรักกับผู้ชายคนใหม่ ตมิสาได้ชั่งน้ำหนักเอาไว้แล้ว แต่ทว่ามันกลับเท่ากัน อย่างหน้าโมโหตัวเองยิ่งนัก T-T เมื่อไหร่เธอจะบังคับหัวใจบ้าๆ ของเธอได้สักทีนะ
“อืม...แกบ้าจริงๆ แหละดรีม...”รณพีร์กวาดสายตามองดวงหน้าสวยของเธออย่างจริงจัง ‘แต่เขาก็ถูกใจความบ้าของเธอนะ’ “ถ้าไม่บ้าฉันคงไม่ได้แกหรอกพีร์” “แกจะตอบฉันได้หรือยังดรีม...ว่าแกจะไม่ไปแต่งงานแล้ว” “ฉันคิดดูก่อนนะ” “แกจะคิดทำไมอีกวะดรีม...แกจะฆ่าฉันหรือไง ฉันต้องบ้าแน่ๆ ที่รอคำตอบแกแบบนี้” “ก็แล้วแกไม่คิดเหรอ ว่าเจ็ดปีที่ฉันรอน่ะ ฉันจะบ้าแค่ไหน” “มันไม่เหมือนกันดรีม...แกแอบรักฉันมาเจ็ดปี โดยที่แกไม่เคยสารภาพรักกับฉันเลย...แต่สำหรับฉันตอนนี้ ฉันบอกแกแล้ว และสารภาพแกแล้ว ว่าฉันชอบแก” “ฉันดีใจที่สุดเลยรู้มั้ยพีร์ ฉันต้องขอบคุณป๊าฉัน ที่ช่วยให้ฉันรู้ใจแกเร็วมากขึ้น” “อืม...จริง! ป๊าแกทำให้ฉันอยู่ไม่ได้...เออ...พูดถึงป๊าแก...ท่านจะยอมให้แกคบกับฉันหรือวะดรีม” “ป๊าแค่อยากได้หลาน...ถ้าแกทำหลานให้ป๊าฉันได้ ท่านคงไม่ติดใจอะไรหรอก อีกอย่างหนึ่งป๊าตามใจฉันอยู่แล้ว ฉันรักใครป๊าไม่เคยขัด” “ดรีม...” มือหนาจับร่างของเธอให้หันมาที่เขา “หือ...” ใจเธอเต้นผิดจังหวะทันที เมื่อหันมาสบตากับชายหนุ่ม ควา
“อือ...ก็คงต้องเป็นแบบนั้นแหละ” “ทำไมแกต้องตามใจพ่อกับแม่แกด้วยวะ นี่มันยุคไหนแล้วที่จะต้องมาจับคู่คลุมถุงชนแบบนี้”ในน้ำเสียงของรณพีร์เหมือนจะมีแววตําหนิแฝงอยู่ ซึ่งตัวเขาเองก็น่าจะไม่รู้ตัวเช่นกัน “ก็ไม่เชิงจับคู่หรอกนะ ป๊าไม่ได้บังคับฉันเลยพีร์ แค่ฉันไม่ขัดท่านเฉยๆ”เมวิกามองหน้าเพื่อนรักอีกครั้ง เธอรู้สึกราวกับว่ารณพีร์แปลกไปจากเดิม “แกจะบ้าเหรอวะดรีม...แกจะไปแต่งงานได้ยังไง ในเมื่อแก เอ่อ แกไม่บริสุทธิ์แล้ว แกจะไปหลอกผู้ชายคนนั้นทำไมวะ”รณพีร์เริ่มเดือดขึ้นเป็นระยะๆ อกซ้ายของเขากระตุกอย่างแรง ตั้งแต่ได้ฟังบทสนทนาสองพ่อลูกเมื่อครู่ “ผู้ชายที่ป๊าหาให้เขาก็ผ่านการแต่งงานมาแล้ว เขาไม่มาแคร์เรื่องนี้หรอกพีร์ และอีกอย่างฉันมีอะไรกับแกแค่ครั้งเดียว มันไม่ได้ทำให้ฉันสึกหรออะไรขนาดนั้นหรอก”เมวิกาฉงนใจกับท่าทีของรณพีร์เป็นอย่างมาก เขาจะเอาเรื่องนี้มาพูดทำไม “แล้วแกรักเขาหรือไง แกถึงจะแต่งงานกับเขา ทำไมแกไม่คิดให้มันมากกว่านี้วะดรีม แกอายุ 25 แล้วนะไม่ใช่เด็กที่จะต้องให้พ่อกับแม่ต้องคอยตัดสินใจให้แกตลอด”รณพีร์พูดอธิบายกับเธอเป็นฉากๆ เขาต้อ
“พี่เลิกกับแพรวาไปแล้ว จริงๆ พี่กับแพรวาก็ไม่ได้อยู่ในสถานะแฟนกันตั้งแต่แรกคบแล้ว ระหว่างพี่กับเขาเราคบกับแบบมีอิสระต่อกัน” “แล้วพี่แพรยอมเหรอคะ ที่พี่วิชญ์ปฏิเสธเธอแบบนี้” “เราคุยกันแล้วก่อนหน้านี้ แพรวาเข้าใจและเรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ถ้าพี่กับแพรยังฝืนคบกันต่อไป มันก็ไม่ได้ช่วยให้เราสองคนดีขึ้นมา มันกลับเลวลงด้วยซ้ำ เมื่อวันหนึ่งพี่ได้รู้ใจตัวเองแล้วว่าพี่รักเขาไม่ได้ เพราะใจของพี่มันอยู่ที่ตังค์ไปแล้วนี่ไง” “พี่วิชญ์รักตังค์จริงหรือคะ...ตังค์สงสัยค่ะ เวลาผ่านมาตั้งนานพี่วิชญ์ไม่เคยสนใจตังค์เลย มาตอนนี้พี่วิชญ์กลับสนใจตังค์ มันเกิดอะไรขึ้นคะพี่วิชญ์ หรือเป็นเพราะวันนั้นที่เรามีอะไรกัน พี่วิชญ์เลยต้องแสดงความรับผิดชอบกับตังค์หรือเปล่าคะ” “อืม...เธอนี่เป็นคนชอบคิดอะไรแปลกประหลาดอยู่เรื่อยเลยนะ พี่รักเธอมานานแล้วนะตังค์ เพียงแต่พี่อาจไม่รู้ตัวเองก็เท่านั้น วันที่ตังค์เดินจากพี่มา พี่ถึงได้รู้ใจตัวเอง และตัวพี่เองต้องทำอะไรสักอย่างที่จะเหนี่ยวรั้งตังค์เอาไว้ได้”เมธาวินนึกย้อนเรื่องราววันวานที่เขาโดนตมิสาปฏิเสธ เขาคิดว่าการที่เธอมีอะไรกับเขาแ
“อ๊ะ! พะ-พี่วิชญ์”เสียงของตมิสาร้องดังขึ้นเมื่ออกอวบของเธอโดนจู่โจมอย่างหนัก มือบางเผลอขยุ้มเข้ากับกลุ่มผมดกดำของชายหนุ่มเอาไว้ ความซาบซ่านทะยานเข้าสู่กายสาวอย่างหนัก เธอไม่อาจต้านทานสัมผัสนี้ได้เลย“อุ๊บ!”ริมฝีปากบางถูกประกบ จูบอันหนักหน่วงกดย้ำมาอย่างถี่ๆ เนิ่นนานเหมือนต้องการสูบร่างกายสาวเข้าสู่กายกำยำ เมธาวินเล่นบทหนักกับเธอ รุกด้วยริมฝีปากและมือ บีบเคล้นอกอวบอย่างเต็มอารมณ์ มือหนาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกอย่างรวดเร็ว ตามด้วยกางเกง เผยให้เห็นร่างกายกำยำเปล่าเปลือย แผงอกแกร่ง กล้ามท้องเป็นลอนไร้ไขมันส่วนเกินฝ่ามือใหญ่แนบวนไปทั่วเรือนร่างของเธอ จนร่างบางสะท้านสั่น กลีบกุหลาบถูกสำรวจด้วยปลายนิ้วแกร่งที่สอดแทรกเข้าตรงกลางของช่อกุหลาบนั้น ไฟในกายของตมิสาแผ่ซ่านไปทั่วร่างราวกับทะเลเดือด กรีดเสียงร้องออกมาอย่างอดมิได้ เมื่อปลายนิ้วดีดเด้งเกี่ยวเข้ากับเม็ดทับทิมสีชมพู เขากระตุกข้อมือระรัวจนร่างของเธอบิดขึ้นดีดเด้งเข้าหาสัมผัสอย่างอัตโนมัติ“อ๊ะ! อ๊ะ! พะ-พี่วิชญ์ อื้อ...”เสียงเล็กครางออกมาอย่างไม่เป็นภาษา ความเสียวซ่านเข้าแทรกทั่วทั้งร่างอวบอิ่มของเธอ เล็บจากนิ้วเรียวบางจิกเข้าไปที่ไหลหนา
“พี่วิชญ์”ตมิสาเรียกชายหนุ่ม แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาโต้กลับจากเขาเลยแม้แต่น้อย ทำให้เธอต้องก้าวเข้าไปหาเขาอย่างทันที “พี่วิชญ์!”ตมิสาชะโงกใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ เขาเพื่อสำรวจลมหายใจของอีกฝ่าย ลมหายใจยังสม่ำเสมอ ‘เขาหลับนี่’ “อ๊ะ!” ตมิสาร้องเสียงหลง เมื่อมือหนาคว้าตัวเธอจนร่างบางถลาล้มลงทับทาบบนตัวเขา “ว่าไงตังค์...”เมธาวินมองใบหน้าสวยของตมิสา ที่ยังมีอาการตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ร่างอวบอิ่มอยู่บนตัวเขา มือบางยันอกแกร่งเอาไว้ ใบหน้าเขาและเธออยู่ใกล้กันจนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน “พี่วิชญ์...ปล่อยตังค์นะ นี่พี่แกล้งตังค์เหรอคะ”ตมิสาดิ้นอยู่บนร่างหนา เพื่อให้เขาปล่อยตัวเธอ มีความร้อนบางอย่างแล่นอยู่บนตัวเธอไปทั่วร่าง หัวใจของเธอเต้นเร็วระรัว เมื่อสัมผัสแนบชิดระหว่างเธอกับเขา “ไม่ปล่อย!”อ้อมแขนแข็งแรงรัดร่างอวบอิ่มของเธอเอาไว้ “พี่วิชญ์! เราต้องไปทานข้าวนะคะ ตังค์เตรียมไว้เรียบร้อยแล้วนะคะ”ตมิสาพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของเขา “พี่ยังไม่หิวเลยตังค์”ดวงตาคมกริบหรี่ลงต่ำจับจ้องไปที่เรียวปากอวบอิ่มเย้ายวน ร่างกำยำเริ่มมี
ณ เวลาหลังเลิกงาน (ประเทศไทย) “ดรีม” “มีไรพีร์” “ฉันมีเรื่องจะคุยกับแกหน่อย แกพอจะว่างไปหาอะไรกินแถวนี้ก่อนกลับบ้านดีมั้ย”รณพีร์รวบรวมความกล้าเพื่อเอ่ยชวนเมวิกา เมื่อวันก่อนเขาเองทำเสียเรื่องเพราะแอลกอฮอล์ ทำให้โพล่งเรื่องของเธอและเขาให้ตมิสากับชานนท์ได้รู้ เมวิกาโกรธเขาเป็นอย่างมาก หลบหน้าเขาไม่ยอมที่จะสนทนากับเขาเลย จนวันนี้เขาเลยตัดสินที่จะมาดักรอเพื่อพบเธอ “ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับแกแล้วพีร์” “แกโกรธฉันมากเลยเหรอ...ฉันจะต้องขอโทษแกสักกี่ครั้ง แกถึงจะหายโกรธวะ” “ฉันหายโกรธแกแล้วพีร์ ฉันไม่โทษแกหรอก เรื่องทั้งหมดมันเกิดจากฉันเอง ถ้าฉันไม่ขอร้องแกให้มีอะไรกับฉัน เรื่องมันคงไม่เป็นแบบนี้...เอาเป็นว่าฉันไม่โกรธแกแล้ว สบายใจเถอะ...มีอะไรอีกไหมฉันจะกลับบ้านแล้ว” “แกพูดแบบนี้ฉันก็ไปไม่เป็นแล้วดรีม...วันนี้ฉันตั้งใจจะมาเคลียร์เรื่องแกกับฉัน...ตอนนี้ฉันจะหาเหตุผลอะไรได้อีกที่จะคุยกับแกวะ” “แล้วแกต้องการอะไรล่ะพีร์...ฉันบอกแกไปหมดแล้วนี่” “ตกลงแกต้องการแค่มีอะไรกับฉันแค่นั้นเหรอดรีม ฉันถามจริง แกต้องบ้าเบอ