เนื่องมาจากมีเศรษฐีคนหนึ่งจ้องจะหาแม่พันธุ์มาสืบตระกูลจึงตระเวนหาคนที่เหมาะสมจนมาเจอบ้านน้องโคนม แน่นอนว่าจะมีครอบครัวไหนยอมปล่อยขายลูกตัวเองง่าย ๆ ทางนั้นที่มีอำนาจมากกว่าจึงกลั่นแกล้งทำให้ธุรกิจทางบ้านตกต่ำในที่สุดก็สามารถเอาเงินฟาดซื้อตัวน้องวัวน้อยมาอยู่ในบ้านจนได้
เขาได้ยินขณะลงพื้นที่ดูการก่อสร้างก็ฉุนจัด อยากจะโยนงานทิ้งแล้วไปเด็ดหัวไอ้หมอนั่นมันเสียตอนนี้ ทั้งบังคับข่มขู่ ทั้งกดให้จมดินอย่างหน้าไม่อาย แล้วยังมองน้องเปลวของเขาเป็นเพียงแม่พันธุ์
ในตอนนั้นเขาคิดแล้วว่าบางทีคำพยากรณ์ของบิดาอาจเป็นเรื่องโกหก หากเขาจะได้มาจริงทำไมเรื่องราวมันถึงเป็นแบบนี้ไปได้ ไม่ว่าพวกเขาต้องฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกันเหรอ
ใช่ เขาจะได้คนมีตำหนิ แต่แบบนี้มันทำร้ายเขาเกินไป มันช่างน่าเจ็บใจที่มารู้ในวันที่ทำอะไรไม่ทันแล้ว
เขาได้ที่อยู่อาศัยปัจจุบันของน้องโคนมมาอยู่ในกำมือและคิดว่าจะเดินทางไปดูให้เห็นกับตาว่าไอ้คนที่ได้ตัวน้องเปลวไปมันเป็นคนแบบไหน ถ้าเป็นไอ้คนสิ้นไร้ไม้ตอกละก็เขาจะแย่งมาเอง
จนเมื่อมาถึงภาพที่เขาคิดเอาไว้มันกลับไม่ใช่เลย บ้านหลังนั้นมีอาณาเขตกว้างขวาง ปลูกบ้านหลังใหญ่โตมีคนรับใช้ไม่มากแต่ดูแลทุกส่วนให้สะอาดอยู่เสมอ และที่สำคัญในตอนที่เขามาน้องเปลวกำลังตั้งครรภ์...
ภูวธรรศนั่งกำพวงมาลัยอยู่ในรถมองผ่านบานกระจก การที่เขามาช้าไปเพียงก้าวเดียวส่งผลให้ตัวเองต้องมาเห็นภาพบาดตาบาดใจแบบนี้
ผ่านรั้วไม้สีขาวทะลุเข้าไปด้านในสวนหย่อมขนาดเล็ก คนที่เขาเฝ้ามองกำลังนั่งเล่นชมบรรยากาศอยู่บนเก้าอี้สีขาวบริสุทธิ์ก้มหน้ามองท้องน้อยที่ป่องขึ้นมาพลางลูบมันอย่างแผ่วเบาในชุดผ้าเนื้อดี ไม่นานก็มีผู้ชายหูจิ้งจอกคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทายจากด้านหลัง ส่งเสียงเรียกมอบรอยยิ้มให้อย่างรักใคร่ ชวนให้แม่วัวบนม้านั่งผินใบหน้าไปมอง ยกมือข้างที่สวมแหวนเงินขึ้นแตะฝ่ามือบนไหล่ตนอย่างชื่นมื่น
เมื่อนั้นเขาตัดสินใจรามือ รู้ว่ายิ่งสั่งให้ลูกน้องไปสืบ ข้อมูลเหล่านั้นจะกลับมาทำร้ายตัวเขาเอง การไล่ตามดูชีวิตเจ้าน้องไปแบบนี้มีแต่จะทำให้ตัวเองปวดใจเสียเปล่า
“ต่อจากนี้ไม่ต้องตามสืบแล้ว...มีอะไรก็ไม่ต้องมารายงานฉัน”
“ครับนาย”
เขากล่าวกับลูกน้องข้างเบาะคนขับโดยที่สายตายังคงทอดมองไปยังแม่วัวน้อยที่คล้ายจะมีชีวิตสุขสงบดี หากน้องยังยิ้มได้เขาก็ไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วง และเมื่อเห็นภาพนั้นไป ความหวังที่มีก็เริ่มริบหรี่ เขาคิดว่าตัวเองนั้นเชื่อคำคนหลงเชื่อเป็นตุเป็นตะมานานมากพอแล้ว หากยังไม่อยากมีใครต้องตาไอ้ธรรศก็จะครองโสดไปตลอดชีวิตนี่แหละ
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
นับตั้งแต่วันนั้นก็ผ่านมาหลายปีที่เขาไม่รู้สารทุกข์สุกดิบของน้องวัวน้อยในความทรงจำ ป่านนี้เจ้าตัวคงมีความสุขไปกับครอบครัวและลูกอายุราวหกขวบ บ้านหลังนั้นจากที่เห็นผ่านมาและสิ่งที่ลูกน้องเอามารายงาน ไอ้พิโดรคนนั้นค่อนข้างมีฐานะดีซึ่งเห็นว่ากำลังดำเนินงานในครัวเรือนไปได้สวย คงไม่ต้องห่วงเรื่องกินอยู่ มีเงินมากพอจะเลี้ยงดูภรรยาและลูกได้สบาย
ภูวธรรศในวัยยี่สิบหกกลับมาจากการลงพื้นที่อันแสนเหน็ดเหนื่อย จับผ้าขนหนูขึ้นซับน้ำบนผมที่พึ่งสระมาหมาด ๆ กระชับผ้านุ่งนั่งบนเก้าอี้ไม้ คว้าหนังสือพิมพ์บนโต๊ะขึ้นมาอ่านดูความคืบหน้าของสถานการณ์บ้านเมือง ด้วยเมื่อเช้าเกิดเหตุฉุกละหุกให้เขาต้องลงไปจัดการจึงไม่มีเวลามากพอจะอ่าน
เจ้าของเรือนรูปร่างใหญ่โตนั่งไขว่ห้างตวัดหน้ากระดาษเนื้อเหลืองบางหรี่ตาอ่าน นอกจากการเมืองอันน่าหดหู่ใจแล้วก็ยังมีข่าวกีฬา ข่าวดารานักแสดงให้พอฆ่าเวลาได้บ้าง จนมีบรรทัดหนึ่งที่สะดุดตาเขาเข้าอย่างจัง
‘เศรษฐีตกอับติดหนี้พนัน’ ด้วยบริบทที่ค่อนข้างใกล้ตัวและภาพประกอบอันคุ้นตาช่วยให้เขาจดจ่อกับมันมากกว่าเรื่องไหน ๆ บนหน้าหนังสือพิมพ์ เขาคุ้นเคยใบหน้าเจ้าของฉายาเศรษฐีคนนี้ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ในทันทีว่าไอ้นี่คือสามีของน้องเปลว
‘…กู้เงินธนาคาร ต่อด้วยการหยิบยืมคนรอบข้าง…’ ยิ่งอ่านเขายิ่งเป็นห่วงน้องเปลว อ่านมาจนจบก็รู้ว่าตอนนี้บ้านโอ่อ่าหลังนั้นโดนอายัด ไม่รู้ตอนนี้น้องเปลวจะนอนอยู่ที่ไหน มีหนี้หลักแสนขนาดนี้หากไม่สามารถผ่อนได้จะโดนเจ้าหนี้หรือผัวส่งไปทำอะไรก็ไม่รู้
เขาเดือดเนื้อร้อนใจเป็นอันมากเมื่อรู้ว่าเจ้าน้องกับลูกเสี่ยงอันตรายทั้งทางกายและจิตใจ อาการเดิมจึงกลับมา ไม่พลาดที่เขาสั่งลูกน้องให้ตามสืบโดยเร็วและไปยื่นข้อเสนอในทันที
โดยเขาจะจ่ายหนี้ให้ทั้งหมดแลกกับการเอาลูกเมียมาขัดดอกปรนนิบัติรับใช้อยู่ในอาณาเขตระหว่างที่ตัวผัวต้องออกไปทำงานหาเงินมาจ่ายเงินที่คั่งค้างคนเดียว
แน่นอนว่าไอ้จิ้งจอกนั่นมาตกลงก้มหัวไหว้ปลก ๆ ขอบคุณแล้วให้คำสัญญาเป็นมั่นเหมาะว่าจะหาเงินมาคืนให้ครบขั้นต่ำในแต่ละเดือน แต่ลางสังหรณ์เขามันบอกว่าไอ้คนที่ชื่อกอบนี่มันมีลับลมคมในบางอย่างคอยจี้อกเขาตลอดเวลานี่สิ เนื่องจากข้อมูลที่ได้มาถูกค้นหาด้วยความรีบร้อน อาจตกหล่นไปมาก คงต้องใช้เวลาตามสืบกันอีกสักหน่อยถึงจะเจอตอ
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
“เอ่อ...”
วันแรกที่ได้เห็นสองแฝดกับแม่โคนมเขาก็อยากจะพุ่งตัวเข้าไปกอดด้วยความคิดถึงกระนั้นยังคงต้องรักษามาดเจ้าหนี้ผู้เคร่งขรึมเอาไว้ ทว่าดูจากท่าทีของน้องเปลวที่ส่งสายตาหวาดกลัวมาทางเขาก็รู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายคงลืมพี่ธรรศคนนี้ไปแล้วเป็นแน่ แม้จะน่าเสียใจอย่างไรเขาคงต้องผ่านสถานการณ์ตรงหน้าไปให้ได้เสียก่อน
สองแฝดตัวจิ๋วผอมแห้งยืนหลบเกาะชายผ้าถุงสั้นเหนือเข่าช้อนมองมายังเขาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ คนที่ไม่เคยมีลูกอย่างเขา เมียก็ไม่เคยมี เด็กก็ไม่เคยเลี้ยงจึงทำตัวไม่ถูกยืนแข็งทื่อไม่ต่างกัน
‘นายครับ จะทำอย่างไรต่อดีครับ’
ลูกน้องคนสนิทซึ่งยืนขนาบข้างเข้ามากระซิบปลุกสติหัวหน้าที่เครื่องค้าง เพราะตัวเองก็ทำตัวไม่ถูกพอกัน การรับสุคนธ์เข้ามาท่ามกลางกลุ่มคนงานพิโดร รดา นี่มันเป็นเรื่องใหญ่มากเลยเชียว ไหนจะมีเด็ก ๆ วัยเตาะแตะอีกตั้งสองคน ให้อยู่ท่ามกลางชายฉกรรจ์แบบนี้คงจะไม่ดีเท่าไรนัก เพราะสภาพแต่ละตัวก็หน้าโหดใช่ย่อย
‘ไอ้ม่วง เอ็งว่าเด็กจะชอบขนมแบบไหนวะ?’
‘มันใช่เวลาไหมครับนาย’
ม่วงลูกน้องควบตำแหน่งเลขานุการหัวจะปวดเป็นที่หนึ่งกับลำดับความคิดของเจ้านายตัวเอง ตั้งแต่สั่งให้ตามสืบแล้วถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับแม่วัวคนนี้ทีไรก็มักจะสลัดความสุขุมทิ้งไม่สนอะไรทั้งนั้น
กระทั่งตอนนี้สามแม่ลูกมองพวกเขาน้ำตาคลอเบ้าสั่นกลัวกันไปหมดแล้ว ถ้าลูกพี่จะทำคะแนนหรือทำตัวเป็นคนดีอวดเขาก็ช่วยรีบคิดหาหนทางหน่อยเถอะครับ!
“เอ็งพาลูกไปกินข้าวในครัวก่อนไป เดี๋ยวฉันหาห้องนอนให้”
ม่วงปลื้มปริ่มอยู่ในอก เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดมากครับนาย
ในทีแรกเขาเข้ามาทำงานนี้ในฐานะลูกน้องของคุณธรรศไป ๆ มา ๆ งานที่ให้ทำเริ่มกลายเป็นงานจิปาถะตามค่าความสนิทที่เพิ่มมากขึ้น จนตอนนี้พวกเขาเป็นเพื่อนรู้ใจกันไปแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องเงินเจ้านายภูวธรรศก็รังสรรค์ทุกอย่างออกมาได้อย่างไร้ที่ติ แต่พอเป็นเรื่องนี้ทีไรเจ้านายเขามักเหมือนย้อนเวลากลับไปเป็นเด็กสิบห้าผู้อ่อนต่อโลกอย่างไรอย่างนั้น ต่อให้จะเก๊กขรึมอย่างไรพวกคนงานก็มองออกอยู่ดีนั่นแหละว่าลูกพี่หลงแม่โคนมลูกสองคนนั้นหัวปักหัวปำ
โงหัวจากหลุมไม่ขึ้นจนสั่งให้คนทำความสะอาดห้องเก็บของย้ายทุกอย่างไปไว้ที่อื่นภายในครึ่งวันทั้งที่ของพวกนั้นใช่ว่าจะมีน้อย จัดแจงสั่งคนทำความสะอาดหาที่นอนซึ่งเป็นเตียงขาสิงห์โบราณอย่างดีพร้อมด้วยฟูกปูพร้อมชุดเครื่องนอนราคาแพง แต่ของพวกนั้นสุดท้ายก็ไม่ได้ใช้เพราะลูกหนี้อย่างคุณแม่วัวยังไม่ไว้ใจ สุดท้ายจึงต้องเก็บพวกมันเอาไว้บนเรือนแบบเหงา ๆ ให้ฝุ่นเกาะเล่น
จะทำตัวสมเป็นเจ้าหนี้ ให้นอนห้องเก็บของเหมือนละครวิทยุแต่ไม่เนียนเลยสักนิด ถ้าแม่วัวคนนั้นไม่ทักขึ้นมาก่อนสงสัยห้องเก็บของคงได้หรูหรากว่าห้องนอนเจ้าของเรือนแล้ว
ม่วงเห็นสภาพเจ้านายตัวเองก็ละเหี่ยใจ จะจีบเขาแต่เขามีผัวแล้วแถมยังเป็นลูกหนี้ตัวเองอีก อะไรมันจะซับซ้อนซ่อนเงื่อนปานนั้น
“เฮ้อ....”
ม่วงถอนหายใจออกมาในช่วงสายของวันจันทร์ ณ หลังครัวไฟเรือนเหมบำรุง เป็นหน้าที่ของเขาในการมารับแกงหรือกับข้าวหม้อใหญ่พร้อมข้าวสวยจากเรือนไปให้คนงานก่อสร้าง จากปกติจะให้เป็นเบี้ยเลี้ยงแทนแต่เพราะช่วงนี้เจ้านายธรรศสร้างโครงการอยู่ใกล้ ๆ ทำแบบนี้จึงประหยัดงบไปได้มาก ทั้งคนงานยังเลือกตักกินเยอะเท่าไรก็ได้
“ละ...ลุงม่วงจ๊ะ...มะ...มาเล่นตะกร้อกับฉันได้ไหมจ๊ะ”
เด็กชายตัวจิ๋วท่าทางขี้อายเดินกำลูกตะกร้อจักสานเข้ามาทางเขา ด้วยว่าในครั้งแรกเขาเป็นคนเสนอให้ซื้อขนมมาล่อทำคะแนน บวกกับเขามาหาทุกเช้าจึงมีปฏิสัมพันธ์กับเด็กพวกนี้บ้างตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ซ้ำเด็กพวกนี้ก็น่ารักน่าเอ็นดู ไม่น่าล่ะลูกพี่แกถึงได้อยากประคบประหงมนัก
“ได้สิ ไปตรงนั้นนะ ลูกจะได้ไม่กระเด็นไปลงสวน”
“จ้ะ!”
เสียงตะกร้อกระทบฝ่าเท้าส่งให้ลูกจักสานลอยขึ้นเหนือพื้นสูง เด็กน้อยที่พยายามเล่นอาจทุลักทุเลไปบ้างด้วยสรีระที่ยังไม่เอื้ออำนวยแต่ยังคงผลิยิ้มหัวเราะคิกคักไปกับกิจกรรมช่วงสาย
ทว่าม่วงกลับรู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิต ไม่สิ รังสีความริษยาแผ่มาจากหน้ากระไดเรือน เมื่อเงยหน้าขึ้นไปดูจึงเห็นเป็นคุณผู้ชายภูวธรรศยืนเท้าคางส่งสายตาอาฆาตแค้นมาทางเขาประหนึ่งยักษ์มาร
เจ้าของเรือนในชุดเชิ้ตดำตลอดเช้ามาคิดว่าจะทำอย่างไรในการเข้าหาเด็ก ๆ แต่ไอ้ม่วงลูกน้องที่แค่นั่งเฉย ๆ กลับถูกชวนเล่นตะกร้อเนี่ยนะ ไม่ยอม! ธรรศไม่ยอมเด็ดขาด! เขาก็อยากจะเล่นตะกร้อกับหนูเปี่ยมเหมือนกันนะ!
หรือว่าหน้าเขาจะดุเกินไป สงสัยต้องไปทำอะไรกับเจ้าแผลบากบนหน้าเสียแล้ว
“คุณธรรศจ๊ะ”
เจ้าของชื่อเปลี่ยนสีหน้าทันควันเมื่อเสียงทุ้มหวานเอ่ยเรียกมาจากด้านหลัง แน่นอนว่าเป็นน้องเปลววัวน้อยสุดน่ารัก
“มีอะไร?”
เขาทำเสียงเข้มเกินไปหรือเปล่านะ!? น้องเปลวคงไม่กลัวเขาอยู่ลึก ๆ ใช่ไหม โอ๊ย มองตาใส ๆ นั้นนึกไม่ออกเลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
“คะ...คุณธรรศไม่ชอบที่เปี่ยมเขาเล่นกับพี่ม่วงใช่ไหมจ๊ะ ฉันจะได้เตือนลูกให้ระวัง”
เปลวที่ทำความสะอาดพื้นเรือนสังเกตเห็นว่าคุณธรรศเดินออกไปยืนมองตามเสียงลูกตะกร้ออยู่หน้าเรือน กดคิ้วทำหน้าไม่พอใจบางทีคงไม่อยากให้เขาที่เข้ามาในฐานะลูกนี้ขัดดอกยุ่งกับคนของตัวเองก็เป็นได้
ว่าแล้วทันใดนั้นหน้าของคุณธรรศหลังเขาเอ่ยถามไปก็ถมึงทึงจนเขาตัวกระตุกขึ้นมา นี่เขาพูดละลาบละล้วงเกินไปหรือเปล่า ต่อให้คุณผู้ชายไม่พอใจจริง ๆ เขาก็ไม่มีสิทธิ์ถามใช่ไหมนะ
“ฉะ...ฉันจะรีบไปบอกลูกนะจ๊ะ ว่าห้ามเล่นกั-
“ไม่ต้อง เป็นเด็กก็ต้องเล่นออกแรงสิ แล้วก็...”
เปลวกำผ้าขี้ริ้วแน่น'แล้วก็'อะไร ถ้าคุณธรรศไม่ได้โกรธเด็ก ๆ หรือว่าจะโกรธที่เขาเข้ามาก้าวก่ายชีวิตมากเกินไปหรือเปล่านะ
“ไม่ต้องเรียกว่า ‘คุณ’ แล้ว”
“แล้ว...จะให้ฉันเรียกแทนว่าอะไรเหรอจ๊ะ?’
เปลวถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เข้าไม่รู้ใจเจ้าหนี้คนนี้เลย ไม่ทราบว่าในหัวกำลังคิดอะไรอยู่ บางทีที่ขมวดคิ้วหน้าแดงก่ำอยู่แบบนี้อาจจะโมโหจนเลือดขึ้นหน้าแต่กำลังกดข่มมันอยู่ก็ได้ ดังนั้นเขาต้องสงบเสงี่ยมเข้าไว้
ภูวธรรศรู้สึกเหมือนตัวเองคล้ายกับเสือเด็กในอดีต จะพูดแต่ก็ไม่กล้าพูด และคงไม่สามารถขอเวลาทำใจกับน้องเปลวได้มากเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
“พี่...”
“จ้ะ?”
“จะเรียกฉันว่าพี่เหมือนไอ้ม่วงก็ได้”
ในขณะที่แม่โคนมกำลังเป็นกังวลอยู่นั้น ในหัวของภูวธรรศกลับติดใจอยู่เพียงคำคำเดียว ‘พี่ม่วง’ ทำไมกับเขาเรียกคุณธรรศ กับไอ้ม่วงเรียกพี่ ไอ้นั่นมันได้ไปพูดคุยสนทนากับน้องวัวนมตอนไหนทำไมเขาถึงไม่รู้ ประเดี๋ยวเถอะไอ้ม่วงไอ้หนูจี๊ดเจ้าเล่ห์ เลี้ยงเสียข้าวสุกจริง ๆ !
ภูวธรรศเดินตึงตังมาปล่อยหูหางในห้องนอน หน้าดำหน้าแดงอยู่คนเดียว โอ๊ย! ไอ้ธรรศ!! เอ็งจะเดินหนีมาทำไมวะ! เดี๋ยวน้องเปลวเขาก็คิดว่าเอ็งไปโมโหน้องเขาหรอก!!
เฉลิม × ม่วงอีกไม่นานเด็ก ๆ ในการดูแลของเขาก็จะจบการศึกษาจากโรงเรียนประจำที่ส่งไปพระนคร โดยแต่เดิมตัวเขาเป็นเด็กที่มาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า และเด็กพวกนั้นก็นับเป็นประหนึ่งน้องชายน้องสาวต่างสายเลือดที่อายุห่างจากเขาไปเยอะโข แต่อย่างไรเขาในฐานะพี่ใหญ่ก็อยากจะหาโอกาสมามอบให้เด็กเหล่านั้น ไม่ต้องให้มาตกระกำลำบากเช่นตัวเองเขาจับพลัดจับผลูจนได้มาทำงานในเครือเหมบำรุงและได้รับความช่วยเหลือจากคุณธรรศโดยการหยิบยืมเงินเพื่อส่งเด็ก ๆ ทั้งหมดเข้าโรงเรียนรวมถึงการบำรุงรักษาสถานรับเลี้ยงที่เขาเติบโตมา ส่วนคนไหนเป็นสุคนธ์ถึงเขาจะไม่สามารถจ้างครูสอนรายบุคคลได้แต่อย่างน้อยก็มีอาจารย์ช่วยกันสอนสั่งดูแลถึงสองคนต่อเด็กห้าสิบกว่าคนมันไม่เชิงว่าเขาเป็นหนี้เจ้านายอย่างคุณภูวธรรศ แต่เป็นเขาเองที่อยากให้เจ้านายหักเงินรายเดือนคืนกลับไป แม้มันจะเล็กน้อยเท่าหยิบมือแต่เขาในตอนนี้ก็คืนมันไปจนหมดแล้ว กระนั้นด้วยบุญคุณที่เจ้านายมอบให้ในตอนที่เขายังไม่มีอะไรเป็นของตัวเอง ตอนที่ยังคงแต่งตัวซอมซ่อเหมือนหนูข้างถนน เขาจึงตั้งมั่นตั
วันนี้เนื่องจากเป็นวันเรียนจบของลูกเปรมซึ่งเข้าสู่วัยรุ่นอย่างเต็มตัว พ่อเสือจึงลางานละหน้าที่หนึ่งวันสำหรับพาครอบครัวมาทานมื้อค่ำในตัวเมืองซึ่งเป็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ นับเป็นเรื่องปกติของที่บ้านที่จะพาเด็ก ๆ มาฉลองในแต่ละช่วงเวลาสำคัญของชีวิตแม้เปรมจะเป็นสุคนธ์ไม่สามารถเข้าเรียนในโรงเรียนทั่วไปได้อย่างพี่เปี่ยมพี่ปิ่นแต่ก็ถือว่าเรียนจบหลักสูตรตามที่อาจารย์ซึ่งจ้างมาครบหมดแล้วตอนนี้ลูก ๆ ของเขาโตขึ้นกันเร็วเสียน่าใจหายเผลอแป๊บเดียวปิ่นเปี่ยมก็อายุสิบหกเริ่มทำงานช่วยพ่อธรรศกันแล้ว กระนั้นผลลัพธ์กลับออกมาตรงกันข้ามเสียอย่างนั้น กลายเป็นว่าปิ่นที่เคยพูดจาเจื้อยแจ้วนั้นสุขุมขึ้น แต่อย่างไรความมั่นใจในตัวเองที่พ่อธรรศมอบให้ผ่านการใช้เวลาร่วมกันก็ยังคงฝังลึก มีหลายครั้งที่ลูกสาวคนนี้แสดงมุมตลก ๆ ออกมา ในขณะเดียวกันเปี่ยมซึ่งเคยเป็นเด็กขี้อายเมื่อโตเป็นหนุ่มกลับเป็นคนแสดงออกชัดเจนพูดจาเถรตรง และมั่นใจในการพูดมากขึ้นบนโต๊ะอาหาร“เปรมกินอันนี้ไหม เดี๋ยวพี่ตักให้”“กินจ้ะ”ภาพพี่น้องรักใคร่กลมเกลียวแบบนี้ช่าง
เนื่องจากปิ่นเปี่ยมก็โตขึ้นแล้ว สามีจึงเห็นว่าควรหาพื้นที่ส่วนตัวให้อย่างน้อยก็เป็นห้องนอนเล็ก ๆ ให้ฝึกใช้ชีวิตด้วยตัวเองส่วนเปรมด้วยว่าพึ่งคลอดได้ไม่กี่เดือนยังคงต้องนอนห้องเดียวกันกับพวกเขาอยู่ แต่ก็มีอยู่หลายวันเหมือนกันที่พวกเราห้าคนมานอนด้วยกัน จะนับเป็นส่วนใหญ่เลยก็ว่าได้ในตอนนี้ปิ่นเปี่ยมขึ้นป.๒ และก็มีบางวันที่เลิกเรียนกลับมาเย็นเนื่องจากมีกิจกรรมของทางโรงเรียนเขา ในขณะเดียวกันนี่ก็เป็นอีกครั้งที่มีกินเลี้ยงคนงาน ครัวจึงถูกใช้งานอย่างเต็มอัตราโดยมีพี่ม่วงพี่เฉลิมมาช่วยอย่างที่เคยเป็น กว่าจะวางมือจากตะหลิวเช็ดล้างทำความสะอาดพื้นครัวก็ปาไปเกือบหกโมง ลูก ๆ จึงอาบน้ำอาบท่าขึ้นไปทำการบ้านกันก่อนแล้ว ไหนจะได้ยินว่าง่วงเพราะเล่นกีฬามา สงสัยคงต้องขึ้นไปดูน้ำในเหยือกด้านบนเสียหน่อยว่าพอหรือเปล่า“ขอบคุณที่มาช่วยนะจ๊ะพี่ม่วง”“ผมต้องมาช่วยอยู่แล้วครับ”พี่ม่วงมอบยิ้มให้หลังพี่เฉลิมเดินมายกหม้อไปขึ้นท้ายรถ ส่วนพี่ธรรศตอนนี้พึ่งกลับมาจากการออกไปสะสางเรื่องหนี้กับผัวเมียสองคนนั้นนิดหน่อย จะว่าไปหลังจากวันนั้นเขาก็ไม่ได้เห็นหน้าพี่กอบกับคุณ
เนื่องจากเขาสนิทกับพี่ม่วงเป็นทุนเดิมเพราะคุยกันถูกคอถึงเรื่องเด็ก ๆ ที่ได้โอกาสและเงินสนับสนุนจากพี่ธรรศให้ไปเรียนไกลถึงพระนครซึ่งใคร ๆ ต่างก็รู้ว่าที่นั่นการศึกษายอดเยี่ยมแค่ไหน จนตอนนี้เด็ก ๆ เหล่านั้นก็กลับมาช่วยงานของสามีภายใต้การดูแลของพี่ม่วงพี่หนูตัวเล็กเคยเล่าว่าเด็ก ๆ ตัวสูงกันมาก ซึ่งพอได้มาทำงานร่วมกันเขาจึงเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ทั้งเด็กพวกนั้นก็เป็นที่น่าเอ็นดู รับฟังคำแนะนำ ไหนจะขยันขันแข็งหนักเอาเบาสู้จนมีหลายครั้งที่หากกำไรงาม เขามักจะปันส่วนให้เด็ก ๆ เอาไปกินเลี้ยงหรือไม่ก็เก็บหยอดกระปุกเผื่ออยากจะเอาไปต่อยอดสานฝันเขาอยากหาเงินด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองจึงเก็บหอมรอมริบเงินเดือนในสมัยที่ยังทำงานประหนึ่งคนใช้ในช่วงเป็นหนี้มาซื้ออุปกรณ์ทำอาหาร และเอาเงินไปจ่ายค่าแผงของพี่ธรรศที่แม้ในเริ่มแรกเจ้าตัวจะอิดออดขอไม่รับแต่เขาก็บอกจุดประสงค์ชัดเจน จนในที่สุดเจ้าพี่ก็ยอมให้กันในช่วงแรกนั้นดำเนินไปได้ด้วยดี แม้มีชะงักไปบ้างเพราะมันคาบเกี่ยวตอนตั้งท้องน้องเปรมแต่สุดท้ายเขาก็พาตัวเองมาขายได้บ้างเป็นบางครั้งบางคราว เพราะพี่ธรรศเอาบทบาทสามีภรรยา
“ใต้ท้องทะเลอุดมไปด้วยชาวเมืองปลา...”ย้อนกลับไปในระยะเวลาก่อนที่เขาจะแต่งงาน มันเป็นช่วงที่กุมภีร์กำลังสอนเด็ก ๆ อ่านหนังสือโดยเริ่มจากการเรียนตัวอักษร สระ วรรณยุกต์ตามมาด้วยการคัดลายมือ และการฝึกอ่านต่าง ๆ โดยนอกจากแบบเรียนแล้ว ก็มีหนังสือภาพหนังสือนิทานที่ชักจูงความสนใจของสองแฝดได้เพราะมีภาพประกอบสวยงามคนเป็นแม่อย่างเปลวเมื่อลูก ๆ หยิบหนังสือมาให้อ่านก่อนนอนมีหรือจะปฏิเสธ ทั้งพี่ธรรศก็ให้การสนับสนุนการเรียนการสอน ออกไปตระเวนหาซื้อหนังสือนิทานมาตั้งไว้สูงชะลูด ไม่รู้ว่าจะอ่านพวกมันจบก่อนเด็กน้อยโตเลยวัยหรือเปล่าในทุกคืนสองแฝดจะทำข้อตกลงเลือกหนังสือนิทานเล่มใหม่หรือเล่มเดิมที่สนใจวิ่งดุ๊ก ๆ เอามาให้แม่วัวอ่าน ยอมรับเลยว่าช่วงเวลาที่ได้ใช้ไปกับลูกในทุกคืนแม้เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของวันแต่มันช่างมอบความสุขให้เขามากมายเหลือเกิน และวันนี้เด็ก ๆ ก็เลือกหนังสือนิทานเรื่อง ‘พระราชาใต้มหาสมุทร’ มาให้เขาอ่าน คงเพราะมีหน้าปกวาดแต่งแต้มสีฟ้าสดใสพร้อมเหล่าสัตว์ทะเลหน้าตาแปลก ๆ เต็มไปหมด อ่านไปเรื่อย ๆ เรื่องราวจะกล่าวถึงพระราชาที่เคยสั่งงานทุกค
ในขณะที่พี่ธรรศช่วงนี้ต้องออกไปทำงานต่างจังหวัดเป็นเวลาสามวัน เขาในฐานะที่ไม่ได้ออกไปไหนก็ต้องทำงานบ้านงานเรือน ทั้งเดี๋ยวนี้พี่ธรรศก็มักจะไหว้วานเขาให้ตรวจสอบบัญชีไปก่อนระหว่างรอรับสมัครพนักงานคนใหม่เข้ามา เป็นงานที่หนักเอาการเพราะระหว่างวันเขาต้องคอยดูแลเด็ก ๆ โดยเฉพาะเจ้าเปรมที่ร้องไห้งอแงอยู่แทบจะตลอด บางครั้งก็ร้อนเกิน หนาวเกิน ขับถ่าย หิวข้าว หิวนม แม้จะพยายามทำอาหารรสอ่อนให้ทานแต่ลูกชายคนนี้จนอายุได้สองขวบปีก็ยังต้องเอามาเข้าเต้าบ้างเปลวคิดจะให้ลูกเสือตัวน้อยหัดกินผักตั้งแต่เด็กจะได้ทานอะไรได้หลากหลายเหมือนพี่ ๆ คิดสะระตะไปมาตอนนี้ก็นอนหลับปุ๋ยกันไปหมดสามคน ในที่สุดความวุ่นวายในวันหยุดก็เพลาลงเสียทีคนเป็นแม่อย่างเปลวจึงได้เวลาหาอะไรกินเป็นมื้อเที่ยง แล้วจึงรีบมาเปลี่ยนผ้าปูเตียงประจำเดือนยังห้องพ่อแม่ เขาในตอนนี้ไว้ผมยาวลงมาจนสามารถถักเป็นเปียได้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ทีแรกด้วยความไม่ชินจึงมีความคิดที่จะตัดสั้นดังเดิม ทว่าก็ทำได้แค่คิดเพราะงานอะไรล้วนยุ่งไปหมด อยู่ไปอยู่มาก็ชินเสียแล้ว*แกร๊ก* เสียงกลอนประตูเปิดออก เปลวที่กำลังวุ่นอย