“ไอ้สารเลว แกกำลังรนหาที่ตาย! แกรู้ไหมว่าพ่อของฉันเป็นใคร พ่อของฉันคือ ต่งอู่ ถ้าคืนนี้แกกล้าตีฉัน แกไม่รอดแน่นอน!”เมื่อเย่ซิวได้ยินเช่นนั้น แทนที่จะกลัวเขากลับหัวเราะเยาะนี่มันเป็นการเจอศัตรูในที่แคบชัด ๆเขาเดินไปนั่งยอง ๆ ต่อหน้าต่งเฟย“คุณเพิ่งบอกว่าคุณเป็นลูกชายคนเดียวของต่งอู่ใช่ไหม?”ต่งเฟยตะคอกอย่างเย็นชา “ใช่ แกกลัวขึ้นมาแล้วใช่ไหมล่ะ!”“ถ้าแกไม่อยากตายก็คุกเข่าลงต่อหน้าฉันผู้นี้และโขกหัวคำนับร้อยครั้งซะ ถ้าฉันอารมณ์ดีฉันอาจจะไว้ชีวิตที่น่าสมเพชของแก!”ท่าทีของเขาช่างดูหยิ่งยโส และคิดว่าเย่ซิวกลัวเขา“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็เยี่ยมมาก” เย่ซิวพูดอะไรบางอย่างที่ต่งเฟยไม่เข้าใจ และลงมือทันทีเขาโจมตีร่างกายท่อนบนของต่งเฟยอย่างต่อเนื่องหลายสิบครั้งในการโจมตีแต่ละครั้ง เขาได้ปล่อยกำลังภายในเข้าไปในร่างกายของต่งเฟยดวงตาของต่งเฟยตกตะลึง เขารู้สึกถึงบางสิ่งที่กำลังเข้าสู่ร่างกายแต่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไรเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัวและโกรธ “แกทำอะไรกับฉัน!”เย่ซิวตบไหล่ “ไม่มีอะไร คุณก็สูญเสียหน้าที่ที่ผู้ชายควรจะมีไปก็เท่านั้น”“ในโลกนี้มีคนไม่เกินสามคนที่สามารถรักษาคุณไ
ภายในห้อง มีผู้หญิงที่สวยมากเพิ่มมาคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่เขาพบเมื่อกี้ที่ประตูห้องน้ำหญิงเย่ซิวคิดกับตัวเองว่า นี่มันบังเอิญเกินไปแล้วผู้หญิงคนนั้นเห็นเย่ซิวก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ขมวดคิ้วหลิ่วอวี้ฝูยืนขึ้นแล้วดึงเย่ซิวให้มานั่งข้างเธอ จากนั้นก็ชี้ไปที่ผู้หญิงผมสีทองแล้วพูดว่า“พี่เย่ ฉันขอแนะนำให้พี่รู้จัก นี่คือรองประธานอีกคนของบริษัทของเรา หลินโหรว”“เธอมีความสามารถรอบด้าน ฉันโทรเรียกให้เธอมาที่นี่เพื่อจะได้ดูว่าเราจะหารือเรื่องความร่วมมือกันในอนาคตของบริษัทของพี่ยังไงดี”ตระกูลหลิ่วมีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมต่าง ๆ และมีหลายด้านที่พวกเขาสามารถร่วมมือกับบริษัทของเย่ซิวได้เย่ซิวยิ้มและยื่นมือออกมา “สวัสดีครับ ผมเย่ซิว”ร่องรอยของความรังเกียจแวบขึ้นมาในดวงตาของหลินโหรว แต่เพราะหลิ่วอวี้ฝูอยู่ตรงนี้ด้วยเธอจึงยื่นมือออกไปจับมือของเขา และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หลินโหรว” หลิ่วอวี้ฝูเหลือบมองหลินโหรวอย่างแปลกใจ ทำไมวันนี้เธอทำตัวแปลก ๆ?หลิ่วอวี้ฝูไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเข้าใจผิด หลินโหรวจึงมองว่าเย่ซิวเป็นพวกโรคจิตลามก……“ป้าจาง ถั่วงอกพวกนี้ขายยังไงคะ?”“กะหล่ำปล
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เธอก็นำของที่ซื้อมาไปวางไว้ในครัว จากนั้นก็อุ่นซาลาเปาและซาลาเปาเนื้อที่เหลือจากมื้อเช้าแล้วนำไปใส่ไว้ในชามเธอยังเทน้ำลงในแก้วกระดาษและถือออกไปแม่ชีขอบคุณเธอและเริ่มทานมันเธอทานอย่างรวดเร็วแต่ยังคงความสง่างามเอาไว้เธอรีบทานซาลาเปาและซาลาเปาเนื้อจนหมดอย่างรวดเร็วหลิ่วเมิ่งอิ๋นยื่นน้ำให้ “แม่ชี ดื่มน้ำหน่อยนะคะ”“ขอบใจแม่หนู!”แม่ชีกล่าวขอบคุณอีกครั้ง เธอดื่มน้ำรวดเดียวพร้อมพูดว่า “แม่หนู ฉันขอดูลายมือให้หนูหน่อยได้ไหม?”หลิ่วเมิ่งอิ๋นค่อนข้างแปลกใจเล็กน้อยแต่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธ และยื่นมือออกไปแม่ชีจับมือของเธอแล้วบีบทีละนิ้วแววตาของแม่ชีค่อย ๆ แข็งแกร่งขึ้น และเมื่อใกล้จะถึงจุดจบ เธอก็รู้สึกตื่นเต้นมากจนตัวสั่นเล็กน้อย“แม่ชี มีอะไรหรือเปล่าคะ?” หลิ่วเมิ่งอิ๋นถามด้วยความงุนงงเล็กน้อย พฤติกรรมของแม่ชีผู้นี้แปลกจริง ๆแม่ชีกลับมามีสติพลันส่ายหน้าแล้วยิ้ม "ไม่มีอะไร แม่หนูช่างโชคดี ขอบคุณสำหรับอาหาร แล้วพบกันเมื่อสวรรค์ต้องการ”จากนั้นแม่ชีก็จากไปหลิ่วเมิ่งอิ๋นกลับมาบ้านอีกครั้งแต่สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือ แม่ชีกลับมาอีกครั้งและปรากฏตัวบนกำแพงและสังเหตุ
“ไม่อยากเชื่อเลยว่าในโลกนี้ยังมีผู้หญิงสวยสดอย่างนี้อยู่ด้วย!”เขาอดไม่ได้ที่จะน้ำลายไหล จากนั้นก็รีบเก็บกระเป๋าสัมภาระและออกเดินทางอย่างรีบร้อนเขาไม่ได้สนใจอะไรอย่างอื่นเลยนอกจากผู้หญิง เมื่อเห็นหลิ่วเมิ่งอิ๋นเช่นนี้แล้วเขาจะอดใจไหวได้อย่างไร?“สาวน้อย รอฉันก่อนนะ ฉันจะรีบไปหาเธอเดี๋ยวนี้เลย!”…“เป็นไปไม่ได้ ให้ตายเถอะ ให้ตายสิวะ!”ต่งเฟยคำรามอยู่ภายในห้องเดิมที เขาคิดว่าเย่ซิวโกหกเขาอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขากลับมา เขาต้องการหาผู้หญิงเพื่อระบายอารมณ์ แต่กลับพบว่าตนได้สูญเสียความเป็นชายไปหมดแล้วไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็ไม่เป็นผล ยากระตุ้นต่าง ๆ ที่กินเข้าไปก็ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เลยเขาตื่นตระหนกมากจากนั้นเขาก็ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลแต่ก็ไม่พบปัญหาอะไรเลยเขายังไปพบแพทย์แผนจีนเก่ง ๆ หลายคนแต่ก็ไร้ประโยชน์แม้กระทั่งไปขอให้จอมยุทธภายในตระกูลช่วยตรวจดูให้ก็ยังไม่ได้ผลเช่นกันคำตอบที่ทุกคนให้มาคือ เขามีสุขภาพแข็งแรงดี ไม่มีปัญหาแต่อย่างใดแต่เขาได้สูญเสียหน้าที่ที่สำคัญที่สุดในฐานะลูกผู้ชายไปแล้วตอนนี้เองที่เขาตระหนักถึงความน่ากลัวของเย่ซิ่ว ดังนั้นเขาจึงต้องบอกเรื่อ
ตามที่คาดไว้ เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ทั้งสองคนก็เคร่งขรึมมากขึ้นทันที“คุณพูดจริงเหรอ?” เฉิงอู่ถามและจ้องมองที่ต่งอู่อย่างตั้งใจ“แน่นอนว่าเรื่องจริง” ต่งอู่พยักหน้าหนักแน่น “ผมเห็นมาด้วยตาของตัวเอง เขามาถึงระดับนี้ตั้งแต่อายุยังน้อยเบื้องหลังของเขาอาจจะมีอาจารย์ที่แข็งแกร่งมาก หรือเขาอาจจะได้เรียนรู้ทักษะวิชายุทธที่ทรงพลังมาก หรือยิ่งกว่านั้น อาจเป็นไปได้ที่เขาจะดื่มน้ำอมฤตเข้าไปแล้ว…”เมื่อมาถึงจุดนี้เขาก็หยุดพูด และปล่อยให้พวกเขาคิดต่งอู่รู้ดีว่า สำหรับผู้ฝึกยุทธเหล่านี้ สิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับพวกเขาคือทักษะอันทรงพลังหรือเครื่องยาสมุนไพรอันล้ำค่าโบราณไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน ความแข็งแกร่งของพวกมันก็สามารถเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว“แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?” คุณจางถามอย่างร้อนรนใจ“ตระกูลหลิ่ว”เมื่อได้ยินชื่อนี้ คุณจางก็แสดงสีหน้าลำบากใจ “ถ้าเป็นที่อื่นก็คงจะจัดการได้ง่ายกว่า ตอนนี้คุณรู้สถานการณ์ของตระกูลหลิ่วดีกว่าผม ผมไม่กล้าบุ่มบ่ามไปที่บ้านของพวกเขาหรอก”ตอนนี้ตระกูลหลิ่วได้รับการขนานนามว่าเป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการของประเทศหลงเถิง ใครก็ตามที่กล้ายั่วยุพวกเขาก็เท่ากับรนห
เมื่อเย่ซิวได้ยินเช่นนี้เขาก็หันกลับมาและคว้ามือเล็ก ๆ ของเซี่ยซิ่วซิ่วทันที “จริงเหรอ? คุณเคยได้ยินเรื่องนี้จากที่ไหน?”ฝ่ามือของเย่ซิวกว้างและแข็งแกร่ง ทันทีที่สัมผัสกัน หัวใจของเซี่ยซิ่วซิ่วก็เต้นเร็วขึ้น ใบหน้าของเธอแดงอย่างน่าหลงใหลเธอคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เหมือนฉันจะได้ยินคุณปู่พูดกับคุณลุง แต่ฉันจำรายละเอียดไม่ได้ ฉันไปถามคุณปู่ดีไหม?”เย่ซิวพยักหน้า “ดีสิ รีบไปถามได้เลย"เซี่ยซิ่วซิ่วยังไม่ไป แต่แลบลิ้นใส่เย่ซิว “ฉันไม่ได้ช่วยนายฟรี ๆ หรอกนะ นายต้องให้รางวัลฉันบ้างสิ”เย่ซิวยิ้มและพูดว่า “คุณอยากได้อะไรเป็นรางวัลเหรอ?”เซี่ยซิ่วซิ่วกัดริมฝีปากเล็กน้อย และรวบรวมความกล้าเพื่อพูดว่า “ฉันอยากได้จูบแรกของนาย นายจะให้ฉันไหม?”เย่ซิวยิ้มอย่างไม่รู้จะพูดอะไร และค่อย ๆ เดินไปหาเซี่ยซิ่วซิ่วหัวใจของเซี่ยซิ่วซิ่วเต้นเร็วมากเมื่อเห็นเย่ซิวเดินมาทางตน เธอก็ค่อยๆ หลับตาลงด้วยความคาดหวังท่ามกลางความกังวลใจจากนั้นเธอก็รู้สึกถึงความอุ่นเล็กน้อยบนริมฝีปาก แต่ไม่นานก็หายไปเมื่อเธอลืมตาขึ้น เธอเห็นเย่ซิวมองเธอกึ่งยิ้มซิ่วซิ่วรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งในใจในการแข่งขันกับในหม
ภายในร้านอาหารเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง มีชายหนวดเครารุงรังสองคนกำลังนั่งกินหม้อไฟเนื้อสุนัขอยู่“น่าสนใจจริง ๆ ลูกวัวแรกเกิดไม่กลัวเสือเลย!!”“แค่จอมยุทธระดับสามยังกล้าท้าทายจอมยุทธระดับสี่ เขาคิดจริงหรือว่าอายุน้อยเป็นข้อได้เปรียบ?”…ภายในโรงน้ำชา ชายชราผู้มีสายตาเฉียบแหลมกำลังเพลิดเพลินกับชาอย่างสบายใจทันใดนั้น หน้าจอโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างโต๊ะก็สว่างขึ้นเมื่อเขาเปิดดู สีหน้าประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา“ระดับสามสู้กับระดับสี่ มั่นใจหรืออวดดีกันแน่? คงต้องไปดูให้เห็นกับตาเสียแล้ว”…ที่ในโรงฝึก มีผู้หญิงรูปร่างล่ำสันคนหนึ่งก็ได้รับข่าวนี้เช่นกัน“ในที่สุดแวดวงยุทธภพที่น่าเบื่อก็เกิดประกายความตื่นเต้นขึ้นแล้วสินะ”…“ที่นี่แหละ!”ชายหน้าตาไม่น่าไว้ใจปรากฏตัวขึ้นหน้าเขตที่อยู่อาศัยเก่า ๆ แห่งหนึ่งเพื่อที่จะพาตัวหลิ่วเมิ่งอิ๋นไปโดยเร็วที่สุดเขาจึงไม่รีรอและมาที่นี่โดยเร็วที่สุดทันทีที่มาถึง เขาก็เห็นคนสองคนเดินออกมาจากเขตที่อยู่อาศัยหลิ่วเมิ่งอิ๋นกำลังช่วยประคองพ่อของเธอ “ตอนนี้คุณพ่อรู้สึกยังไงบ้างคะ?”พ่อของเธอยิ้ม “ดีขึ้นมาก ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณเจ้าหนุ่มคนนั
เย่ซิวได้รับรายงานของหลางอี และเตรียมการใหม่ทันทีเขาเรียกกองกำลังหมาป่าราตรีสิบคนที่ถูกส่งไปทำภารกิจที่สองกลับมา และให้ทั้งหมดไปปกป้องหลิ่วเมิ่งอิ๋นภารกิจที่สองใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้วจากนั้นเขาก็โทรหาหลิ่วเมิ่งอิ๋น และบอกให้เธออยู่บ้านอย่าออกไปไหนจนกว่าจะกลับมาเขาบอกให้เธอขอโรงเรียนลากลับก่อนเช่นกันต้องจัดการเรื่องที่นี่ให้เสร็จโดยเร็วที่สุดแล้วรีบกลับไปยังเจียงเฉิงเพื่อไปยังภูเขานั้นครืด!เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น และเย่ซิวก็เห็นว่าเป็นสายที่ไม่คุ้นเคยหลังจากรับสายแล้วก็มีเสียงไพเราะดังมาจากปลายสาย“สวัสดีค่ะ คุณเย่ ทานข้าวหรือยังคะ?”มันเป็นเสียงเรียกของแอร์โฮสเตส“สวัสดีครับ ทานแล้วครับ”“อ่อค่ะ…” ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกได้เลยว่าแอร์โฮสเตสค่อนข้างผิดหวัง แต่เธอก็กลับมาสงบมั่นคงอีกครั้ง และพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณอยากจะออกไปดื่มสักหน่อยไหมคะ? ฉันจะเลี้ยงคุณเอง”เย่ซิวดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มแล้วหลังจากคิดเรื่องนี้แล้วเขาก็ตัดสินใจไปพบเธอเพื่อจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย และเธอจะได้ไม่ต้องคอยกังวลเรื่องนี้อีก “ได้สิ คุณบอกสถานที่มาแล้วเดี๋ยวผมจะไปหา...ไม่สิ ไม่ดีกว่
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ