ย้อนกลับมาทางด้านหลี่ฮั่นตง
เวลานี้ร่างกายของเขาเป็นปกติแล้ว และอีกไม่นานเขาจะเดินทางกลับบ้าน ทว่าเวลานี้กลับมีสหายทหารคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องพักของชายหนุ่ม พร้อมกับกล่องพัสดุหนึ่งใบ
“นายกองหลี่ มีพัสดุส่งมาให้ เซ็นรับด้วยครับ”
หลี่ฮั่นตงแม้จะงงงวยกับกล่องพัสดุกล่องนี้ แต่ก็ยอมเซ็นรับแต่โดยดี ก่อนจะเดินกลับมานั่งที่เตียงนอนของตน โดยมีสายตาของสหายทหารคนอื่น ๆ มองตามอยากรู้อยากเห็น
พอเห็นชื่อคนส่งเท่านั้น ชายหนุ่มกลับแปลกใจยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ไม่คิดว่าชื่อผู้ส่งจะเป็นภรรยาของตน
จากนั้นจึงหยิบมีดพกที่เหน็บข้างเอวออกมาแกะกล่องพัสดุ เมื่อกล่องเปิดออกกลิ่นขนมและอาหารฟุ้งกระจายไปทั่ว
“ฮั่นตง ใครส่งของให้นาย กล่องใหญ่มาก”
สหายสนิทอย่างหว่านซีห่าวเดินมานั่งข้าง ๆ ก่อนจะทำตาโตเมื่อเห็นของด้านใน
“เมีย” นี่เป็นคำตอบเดียวที่ได้กลับมา
หว่านซีห่าวกลับไม่สนใจปฏิกิริยาของสหาย เนื่องจากรู้ว่าสหายผู้นี้มักจะมีสีหน้าและท่าทางเย็นชาอย่างนี้เสมอ จึงไม่คิดจะ
ถือสา แต่เขากำลังสนใจสิ่งที่อยู่ในกล่องพัสดุมากกว่า
หลี่ฮั่นตงหยิบของออกมาดูแต่ละชิ้น ยิ่งสร้างความแปลกใจให้กับเขาไม่น้อย ในกล่องนี้ล้วนเป็นของกินแทบทั้งสิ้น ไม่รู้ว่าภรรยาเขาเกิดนึกอะไรขึ้นมา จึงส่งอาหารพวกนี้มาให้ ทั้งที่หลายปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน
ชายหนุ่มหยิบขนมออกมากล่องหนึ่ง ก่อนจะแกะและหยิบเข้าปาก ก่อนจะพึมพำออกมา “อร่อย”
“นายไม่คิดจะแบ่งสหายเช่นฉันเลยหรือยังไง ใจแคบชะมัด”
หว่านซีห่าวบ่นออกมาเล็กน้อยอีกทั้งยังทำสีหน้าและท่าทางคล้ายกับคนน้อยใจ หลี่ฮั่นตงตวัดสายตาหันมามอง ก่อนจะส่ายหน้าด้วยความระอา เนื่องจากรู้นิสัยสหายของตนเองเช่นกัน
“อืม เอานี่ไปกิน” หลี่ฮั่นตงยื่นกล่องขนมส่งไปให้
“แบบนี้สิถึงจะเรียกว่าสหายรักที่แท้จริง นายเองก็น่ารักเหมือนกันนะ ฮั่นตง” พอได้ในสิ่งที่ต้องการ หว่านซีห่าวจึงยิ้มแก้มปริ จากนั้นจึงกวักมือเรียกสหายทหารคนอื่นมานั่งกินด้วยกัน
“ขนมพวกนี้อร่อยนะเนี่ย ไม่รู้ว่าเมียนายซื้อมาจากที่ไหนนะ หรือว่าทำเอง” สหายทหารคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
บ้านเขาพอจะมีฐานะการซื้อหาอาหาร จึงไม่ลำบากมากนัก แต่ขนมพวกนี้คล้ายจะไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่รู้เพราะภรรยาของนายทหารหลี่ทำเองหรือไม่
“นั่นสิ ขนมพวกนี้คล้าย ๆ ขนมที่มีขายในนครเซี่ยงไฮ้ แต่รสชาตินี้อร่อยยิ่งกว่า ไม่รู้ว่าซื้อมาจากร้านไหน”
สหายทหารคนนี้เป็นคนเซี่ยงไฮ้และมีฐานะ ทำให้เขาได้กินอาหารและขนมจากพวกตะวันตกไม่น้อย เลยรู้ว่าพวกตะวันตกมักจะเรียกขนมพวกนี้ว่าคุกกี้
“ไม่น่าใช่ นายกองหลี่ไม่ใช่คนเซี่ยงไฮ้ และภรรยานายกองยิ่งไม่ใช่ เนื่องจากเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน ขนมพวกนี้พี่สะใภ้น่าจะเป็นคนทำเองมากกว่า” พลทหารตู้หงชางพอจะรู้พื้นเพของหลี่ฮั่นตง เนื่องจากหมู่บ้านอยู่ใกล้กัน
“แล้วเรื่องที่นายกองหลี่มีภรรยาแล้วน้อยคนนักที่จะรู้ แล้วคุณหนูฟ่านรู้เรื่องนี้หรือยัง” พลทหารจ้ายเดินเข้ามาพูดขึ้น
“รู้แล้ว ฮั่นตงบอกด้วยตัวเอง” หว่านซีห่าวไขข้อข้องใจให้ ก่อนจะหันมองสหายอีกครั้ง
ทว่าหลี่ฮั่นตงกลับไม่สนใจใคร เขามัวแต่มองของที่เอาออกมากองจนครบเท่านั้นเอง ในใจของชายหนุ่มได้แต่ครุ่นคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับภรรยาของตนกันแน่ เนื่องจากที่ผ่านมาการกระทำของเธอ ไม่ใช่คนที่จะเห็นคนอื่นดีกว่าตนเอง อีกทั้งข้าวของที่ส่งมาล้วนมีราคาทั้งนั้น
คิดเท่าไรก็คิดไม่ออก หลี่ฮั่นตงจึงหยิบเนื้อแห้งที่โจวเพ่ยชิงส่งมาให้กินเพื่อคลายเคลียด ถ้าจะเขียนจดหมายกลับไปถามครอบครัวคงไปถึงช้ากว่าเขา เนื่องจากอีกไม่กี่วันเขาก็กลับบ้านแล้ว
ทันทีที่เหล่าสหายเห็นหลี่ฮั่นตงกินเนื้อแห้ง จึงพากันมองด้วยความอิจฉา แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากขอ ทว่าชายหนุ่มเมื่อเห็นสหายมองมาและรู้ดีว่าเนื้อเป็นสิ่งมีราคา ต่อให้พวกเขามีอาหารกินทุกมื้อ แต่น้อยครั้งที่จะมีเนื้อกิน หลี่ฮั่นตงจึงหยิบเนื้อแห้งอีกห่อยื่นให้สหาย “เอาไปแบ่งกันเถอะ เนื้อนี่ปรุงรสมาแล้ว อร่อยดี”
พลทหารชั้นผู้น้อยยิ้มออกมาอย่างดีใจ ไม่คิดว่านายกองหลี่จะแบ่งปันเนื้อให้กับพวกตน
“ขอบคุณครับนายกอง” ทุกคนส่งเสียงขอบคุณพร้อมกัน
จากนั้นหว่านซีห่าวจึงให้ทุกคนมาต่อแถวเพื่อรับเนื้อแห้งไปกิน โดยแบ่งให้เท่า ๆ กัน
เมื่อเห็นใบหน้ายิ้มแย้มและเต็มไปด้วยความสุข หลี่ฮั่นตงจึงยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะเก็บของเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน
ทางด้านคุณหนูฟ่าน หญิงสาวได้รับรายงานจากสายข่าวของตนเองว่ามีพัสดุส่งมาถึงหลี่ฮั่นตง ซึ่งน่าจะเป็นภรรยาส่งมาให้ อีกทั้งเวลานี้หลี่ฮั่นตงกำลังเก็บของเพื่อจะเดินทางกลับบ้านอีกด้วย
“พี่ฮั่นตงจะกลับบ้านเหรอ” เธอถามออกไปด้วยน้ำเสียงแสดงถึงความไม่พอใจ
“ใช่ค่ะคุณหนู นายกองหลี่กำลังเก็บของกลับบ้าน เห็นเขาพูดกันว่านายกองหลี่ลางานหนึ่งเดือน ในค่ายทหารพูดกันใหญ่เลยว่าของที่ส่งมาให้นายกองหลี่นั้นล้วนแต่เป็นของดี เนื้อตากแห้งมีตั้งหลายห่อ นายกองหลี่แบ่งให้สหายทหารในห้องพักทุกคนเลยค่ะ ยังมีขนมอร่อยอีกด้วย ยัง....”
“พอ พอแล้ว ฉันไม่อยากฟัง” คุณหนูฟ่านตะคอกคนรับใช้ตนเอง เพื่อให้เงียบปาก เธอไม่ได้อยากฟังเรื่องพวกนี้ แค่รู้ว่าพี่ฮั่นตงของเธอจะกลับไปหานังเมียบ้านนอก เธอก็ไม่พอใจแล้ว
“ค่ะ คุณหนู” สาวใช้รีบสงบปากของตนเองทันทีพอเจอกับอารมณ์ฉุนเฉียวของเจ้านาย
“เตรียมตัว ฉันจะไปหาพี่ฮั่นตง” คุณหนูฟ่านพูดสวนกลับมา
เรื่องนี้เธอไม่ยอมให้พี่ฮั่นตงเดินทางกลับไปหาเมียบ้านนอกนั่นหรอก เธอเป็นถึงลูกสาวท่านนายพล จะมาแพ้นังเมียบ้านนอกได้อย่างไร
สาวใช้แอบมองเจ้านายอย่างระอา ทั้ง ๆ ที่รู้ว่านายกองหลี่มีภรรยาแล้ว แต่ก็ยังคิดแย่งชิง
หลี่ฮั่นตงจัดเตรียมของเรียบร้อยแล้ว และรอวันที่จะถึงวันลา ตนเองจะได้กลับบ้านไปพบหน้าลูกทั้งสองคนที่คิดถึง แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าคุณหนูฟ่าน จะบุกเข้ามาในห้องพักของทหารโดยไร้มารยาทอย่างนี้
“พี่ฮั่นตง ฉันได้ข่าวว่าพี่จะกลับบ้าน แล้วเมียบ้านนอกของพี่ส่งของมาให้มากมาย นี่พี่คิดจะกลับไปหานังเมียบ้านนอกของพี่เหรอคะ”
ทุกคำพูดที่พูดออกมา ล้วนไม่มีคำไหนที่บ่งบอกว่าเธอเป็นผู้รากมากดีเลย นายทหารและพลทหารคนอื่นได้แต่เบือนหน้าหนี แต่ไม่มีใครก้าวออกจากห้องแม้แต่คนเดียว
“ช่วยระวังกิริยาและคำพูดด้วยครับ คุณกับผมไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กัน เรียกผมว่านายกองหลี่เถอะ และอย่าเรียกภรรยาผมด้วยคำพูดแบบนั้น” หลี่ฮั่นตงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา แต่แฝงไปด้วยความกดดัน
แม้เขาและโจวเพ่ยชิงจะไม่ได้รักกัน แต่เวลานี้เธอยังอยู่ในฐานะภรรยาเขา และยังเป็นสะใภ้รองบ้านหลี่ ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์พูดถึงเธออย่างนี้
คุณหนูฟ่านไม่คิดว่าจะได้ยินคำพวกนี้จากปากของชายที่เธอหมายปองและรักมาหลายปี แต่เพราะถูกตามใจจนเคยชิน จึงไม่คิดว่าสิ่งที่ตนเองพูดออกมานั้นมันผิดหรือไม่ดีตรงไหน
“ทำไมฉันต้องระวังคำพูดด้วยล่ะ พี่เองก็รู้มาตลอดว่าฉันรัก ฉันชอบพี่ ต่อให้พี่จะแต่งงานแล้วฉันก็ไม่สนใจ ในเมื่อฉันดีกว่าเมียบ้านนอกพี่ตั้งหลายเท่า อีกทั้งฉันยังสามารถขอตำแหน่งให้พี่ได้มากกว่าที่เป็นอยู่ พี่ก็รู้ว่าพ่อฉันมีอำนาจมากแค่ไหน”
เหล่านายทหารแต่ละคนที่ยืนอยู่ในห้อง กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
ทุกคนล้วนรู้ดีว่านายกองหลี่นั้นไม่ชอบพวกเส้นสาย และไม่ใช่คนเจ้าชู้หรือเป็นคนมักมาก ไม่อย่างนั้นคงตอบสนองความต้องการของคุณหนูฟ่านไปนานแล้ว
หลี่ฮั่นตงได้ยินก็มองคุณหนูฟ่านด้วยสายตาที่เย็นชาและดุดันมากกว่าเดิม พร้อมกับพูดประโยคต่อมาด้วยความเย็นชา
“ผมรู้ครับว่าคุณหนูฟ่านคิดอย่างไร แต่ผมไม่สนใจ แม้ว่าภรรยาผมจะเป็นคนบ้านนอก แต่เธอเป็นเมียและแม่ของลูกผมต่อให้คุณจะดีหรือวิเศษวิโสกว่าเธอ หรือต่อให้คุณจะมอบตำแหน่งท่านผู้พันให้ ผมก็ไม่คิดจะเอาตัวเองเป็นบันไดเพื่อหาความก้าวหน้า ดังนั้นอย่าพูดจาอย่างนี้อีก ก่อนที่ผมจะหมดความอดทน”
คุณหนูฟ่านตื่นตระหนกไม่น้อย กับคำพูดของชายที่เธอรัก ต่อให้ชายตรงหน้าจะเย็นชาแค่ไหน แต่ท่าทางแบบนี้เธอไม่เคยพบมาก่อน
แต่ทว่าคุณหนูฟ่านยังไม่ทันพูดอะไร มีพลทหารนายหนึ่งวิ่งมาแจ้งหลี่ฮั่นตงว่า ผู้กองเรียกหา หลี่ฮั่นตงไม่รีรอ เขารีบไปหาผู้กองทันทีพร้อมกับทีมของตนเอง
“นายกองหลี่ เรื่องกลับบ้านเลื่อนออกไปสักสัปดาห์ได้ไหม ผมมีงานด่วนและต้องการทีมของคุณไปปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้”
ความสามารถของหลี่ฮั่นตงเป็นที่จดจำไม่น้อย หากจะถามว่าทหารกองไหนเก่งเรื่องสอดแนมสืบข่าว มีเพียงทีมเดียวที่เขาคิดว่าพึ่งพาได้ คือทีมของนายกองหลี่
หลี่ฮั่นตงเมื่อรู้ว่าการเดินทางกลับบ้านครั้งนี้ถูกเลื่อนออกไปจึงชะงักไปเล็กน้อย แต่รู้ดีว่าหน้าที่ต้องมาก่อน จึงตอบรับผู้กองด้วยความสมัครใจ
“ครับผู้กอง ว่าแต่ภารกิจครั้งนี้ผมต้องทำอะไรครับ”
ผู้กองแจกแจงรายละเอียดและหน้าที่ในภารกิจครั้งนี้ให้
หลี่ฮั่นตงฟัง โดยมีทีมงานและนายทหารคนอื่นซึ่งอยู่ในทีม ต่างก็รับฟังเช่นกัน
“พรุ่งนี้เตรียมออกเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ครั้งนี้ผมจะร่วมเดินทางไปด้วย ขอให้ทุกคนระวังตัวให้ดี เนื่องจากภารกิจครั้งนี้อันตรายไม่น้อย”
“ครับ!!!”
หลี่ฮั่นตงและนายทหารคนอื่นต่างตอบรับพร้อมกัน ก่อนจะขอตัวออกจากห้องเพื่อไปเตรียมตัวกับภารกิจที่ได้รับมอบหมายในวันพรุ่งนี้
ในใจนั้นคิดไว้ว่าเมื่อจบภารกิจครั้งนี้ อาจจะขอวันลาเพิ่มขึ้น เขาอยากอยู่กับลูกน้อยนาน ๆ
ตอนพิเศษ 7 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคงหนึ่งเดือนต่อมางานมงคลสีแดงถูกจัดขึ้นอย่างประณีต ในบ้านเกิดของ โจวเม่ยเม่ยและตานเต๋อคง แม้บ้านเจ้าสาวจะไม่ได้ใช้ทำพิธีสำคัญแต่คนตระกูลโจวมีเงินทองมากมาย พวกเขาไม่ได้ประดับตกแต่งของสวยงาม หรือจัดงานใหญ่โตเพื่อโอ้อวด แต่ที่ทำเช่นนี้ ก็เพื่อน้องสาวคนเล็กสุดที่รักดอกไม้สดสีแดงถูกสั่งมาจากทั่วทุกสารทิศ มีทั้งที่ตัดออกมาจากต้น และปลูกไว้เป็นต้น ประดับไปตามเส้นทางจากบ้านเจ้าสาวไปบ้านเจ้าบ่าวในส่วนของถนนสาธารณะ ก็ได้มีการติดต่อกับทางการเพื่อบริจาคพืชเหล่านี้หลังใช้งาน แล้วยังมีงบการดูแลพืชให้ทุกปีต่อเนื่องไปอีกสิบปี นั่นทำให้ทางการยินดีให้บ้านโจวจัดงานได้เต็มที่พืชพรรณที่ออกดอกสีแดงสด ถูกซื้อและถอนมาจากทั่วประเทศ เพื่อปลูกไว้ประดับตกแต่งในวันงานแต่งงานของโจวเม่ยเม่ย น้องสาวคนสุดท้าย ตลอดทั้งเส้นทางที่ต้องส่งตัวเจ้าสาวส่วนบ้านเจ้าบ่าวนั้นก็ไม่ได้น้อยหน้า แม้จะไม่ได้ร่ำรวยเท่าตระกูลโจว แต่นายหญิงเพ่ยเพ่ยก็ไม่ได้เอาเปรียบพวกเขาพี่น้อง ตานเต๋อคงยังมีหุ้นส่วนในหลาย ๆ ร้านค้าที่ให้กำไรดี แล้วยังทำการเก็งกำไรร้านค้าในพื้นที่หลากหลาย ตามนายหญิงกล่าวได้ว่าเขาเอ
ตอนพิเศษ 6 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคงกิจการร้านทั้งสามของโจวเม่ยเม่ย เมื่อมีตานเต๋อคงช่วยดูแลอีกแรงหนึ่ง ก็ทำให้เธอสามารถพัฒนาไปในลู่ทางของตัวเองได้มากขึ้น แตกต่างจากก่อนหน้านี้ ที่ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปภายใต้แผนการค้าเดิม เช่นเดียวกับร้านค้าอื่น ๆ ของนายหญิงเพ่ยเพ่ยความสามารถในการบริหารของหญิงสาว ทำให้ตานเต๋อคงรู้สึกทึ่งและภาคภูมิใจ ที่คนรักของเขามีความสามารถไม่เป็นรองนายหญิงเพ่ยเพ่ยผู้เป็นพี่สาวเลยสถานการณ์ด้านโรงงานของโจวเพ่ยชิงที่ขยายสาขามาในเมืองปักกิ่งกลับไม่ได้ดีนัก แต่ไม่ได้เป็นเพราะฝีมือการจัดการของตานเต๋อคงแย่ลง เพียงแต่เป็นเพราะมังกรต่างถิ่น ไม่อาจสู้งูดินเจ้าถิ่นได้ ทำให้เขาต้องทุ่มแรงอย่างหนัก เพื่อเอาชนะเจ้าถิ่นที่ครองตลาดเอาไว้หากเป็นการเปิดโรงงาน เปิดร้านค้าธรรมดา ก็แล้วไปเถอะ แต่ในช่วงสามเดือนระหว่างที่ตานเต๋อคงก่อตั้งร้านค้าในเครือเพ่ยเพ่ยในเมืองหลวง ทางโจวเพ่ยชิงเองก็พัฒนาขึ้น จนสามารถสร้างห้างสรรพสินค้าในเมืองหลักใกล้เคียงกับบ้านเกิดได้สำเร็จนั่นทำให้หญิงสาวตัดสินใจสร้างห้างสรรพสินค้าใหม่ในปักกิ่ง ซึ่งแน่นอนว่ามันจะเป็นการขัดผลประโยชน์กับเจ้าถิ่นอย่างไม่สามารถห
ตอนพิเศษ 5 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคง“เม่ยเม่ย ไปไหน”เสียงเข้มเอ่ยถามน้องชายทันที เมื่อพบว่ามีเพียงตานโมว่ เดินเข้ามาในบ้าน วันนี้เป็นวันปิดภาคเรียน นักศึกษาเข้าไปส่งงานหรือไม่ก็สอบเป็นวันสุดท้าย ซึ่งโจวเม่ยเม่ยก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการไปมหาวิทยาลัยในวันนี้ได้“วันนี้ปิดภาคเรียน เด็ก ๆ ปีหนึ่งต้องไปกินดื่มกับพวกรุ่นพี่ในคณะสิครับ” ตานโมว่บอกกับพี่ชายถึงธรรมเนียมปฏิบัติ“แล้วนายไม่ได้ไป?”“ผมทำงาน อีกอย่างก็ไม่ได้มีสหายเยอะเหมือนเม่ยเม่ย รายนั้นเรียกได้ว่าเจ้ใหญ่ของสาขาวิชาก็ว่าได้”“...” ตานเต๋อคงไม่ประหลาดใจ เมื่อได้ยินอย่างนั้น จากความถี่ในการออกเที่ยวของโจวเม่ยเม่ย สามารถรู้ได้ว่าหญิงสาวมีสหายเยอะ หรือบางทีอาจจำกัดความได้ว่า ‘มีสหายกินดื่มเยอะ’ จะถูกกว่า“แต่เม่ยเม่ยดื่มไม่เก่ง” ตานเต๋อคงพูดขึ้นอย่างเป็นห่วง“หวงนักก็ตามไปเฝ้าสิครับ งานเลี้ยงวันนี้ไม่ได้เคร่งเหมือนในมหาวิทยาลัย คนนอกไปกันเยอะแยะ”“ห่วง ไม่ได้หวง” ในความเป็นจริงคือไม่มีสิทธิ์อะไรไปหวงมากกว่า“อย่าปากแข็งไปหน่อยเลย เอาเถอะ ผมก็จนปัญญากับ พวกพี่แล้ว วันนี้พี่ก็ไปรับเม่ยเม่ยเองแล้วกัน ให้ผมไปสืบเรื่องงานมาให้จนเกือบตาย ผ
ตอนพิเศษ 4 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคงทิวทัศน์ของปักกิ่งนั้นช่างแปลกตา แตกต่างจากบ้านเกิดของตนเองอย่างชัดเจน ทำให้สองหนุ่มผู้เพิ่งเข้ากรุงตื่นเต้นอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แต่เมื่อรถพาแล่นมาถึงคฤหาสน์หลังหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางบ้านแบบใหม่หลายหลัง พวกเขาก็เปลี่ยนความตื่นเต้นเป็นกังวลใจทันทีที่รถจอดและพบหน้ากัน โจวเม่ยเม่ยไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร ท่าทางของเธอเฉยชาอย่างประหลาด นั่นทำให้ตานเต๋อคงประหม่าจนพูดไม่ออกคงมีแค่ตานโมว่ ที่คุยกับสหายอย่างกระตือรือร้น“นี่เป็นของฝากจากนายหญิงและทุกคน ลองดูสิเม่ยเม่ย”“ขอบใจนะ อาโมว่”โจวเม่ยเม่ยเหลือบมองของขวัญ แต่บังคับสายตาไม่ให้หันไปมองคนใจร้าย หลังรับของ เธอก็หันไปพาทั้งสองคนไปด้านใน“พี่และอาโมว่เลือกห้องได้เลยนะ ที่นี่หลังใหญ่จนเกินที่ฉันจะอยู่คนเดียว นายนั่นแหละอาโมว่ ที่ไม่ยอมมากับฉันตั้งแต่แรก”โจวเม่ยเม่ยเอ่ยขึ้น ก่อนจะหันมาบ่นสหายของตนเอง“จะดีเหรอ พวกเราออกไปเช่าห้องอยู่ หรือไปอยู่ที่หลังร้านก็ได้”ตานเต๋อคงเอ่ยแทรกขึ้น อย่างที่เขาได้ตัดสินใจก่อนจะมาที่นี่แต่… โอกาสของเขาดูเหมือนถูกตัดขาดอย่างรวดเร็ว เมื่อโจวเม่ยเม่ยตอบกลับและหันไปพูดกับตานโมว่สหา
ตอนพิเศษ 3 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคง“นี่มัน…” ตานโมว่รู้สึกพูดไม่ออก หลังจากได้ฟังคำถามของเจ้านาย ไม่ใช่ว่าตอบไม่ได้เพราะปัญหาความซื่อสัตย์ แต่ไม่รู้ว่าควรพูดออกไปหรือไม่“นายอย่าปิดบังฉันเลย นายคงเห็นแล้ว ว่าพี่เต๋อคงแปลกไปจริง ๆ เขาชอบเหม่อเวลาทำงาน ตอนอยู่ที่บ้านด้วยกัน ก็คงจะเหม่อยิ่งกว่านี้อีกใช่ไหม”เมื่อคิดตามคำพูดของพี่สาวเพ่ยเพ่ยแล้ว ตานโมว่ก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล แต่ปัญหาก็ คือแม้เขาจะรู้ความจริงว่าทำไมพี่ชายถึงเป็นอย่างในตอนนี้ ก็ไม่กล้าพูดออกไปอยู่ดี“ฉันแค่เป็นห่วง และสงสัยว่าพี่เต๋อคงเป็นอะไรเท่านั้น ถ้ารู้ต้นเหตุ ไม่แน่ว่าเราอาจหาทางทำอะไรแก้ไขได้ ก่อนที่จะเกิดเรื่อง”“นี่… มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกครับ” ตานโมว่มองเจ้านายด้วยความรู้สึกหลากหลาย ยิ่งทำให้เจ้าตัวสงสัยมากขึ้น แต่ไม่ใช่ความสงสัยที่ว่าตานเต๋อคงมีปัญหา แต่อาจเป็นผลมาจากเรื่องของโจวเม่ยเม่ย น้องสาวของเธอเอง“หรือเป็นเพราะเม่ยเม่ยไปปักกิ่ง” โจวเพ่ยชิงพูดออกไป“นายหญิงรู้ได้ยังไง!”ไม่ต้องรอให้เขาตอบ เพียงท่าทีของตานโมว่ ก็บอกได้ทุกอย่าง โจวเพ่ยชิงได้ยินอย่างนั้นก็ถอนหายใจโล่งอกที่ไม่ใช่เรื่องอื่น“ก็ไม่เชิงรู
ตอนพิเศษ 2 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคงกลับมาทางด้านตานเต๋อคงเวลานี้ชายหนุ่มเข้าใจความรู้สึกของตัวเองอย่างชัดเจนแล้ว แต่เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย ใจหนึ่งก็อยากติดตามไปดูแลใครบางคนที่อยู่ในเมืองหลวง หรือไม่ ก็ติดต่อเธอไปสักเล็กน้อยแต่ทุกวันนี้เขามักจะมองเหม่อไปทางโทรศัพท์ เมื่อมันดังขึ้นก็เฝ้าหวังว่าจะเป็นสายจากคนที่คิดถึง กระนั้นชายหนุ่มกลับต้องผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะแม้ว่าโจวเม่ยเม่ยจะติดต่อกลับมาก็เพื่อพูดคุยกับครอบครัว หรือไม่ก็สหายอย่างตานโมว่เท่านั้น ไม่ได้สนใจพี่ชายของสหายที่พ่วงด้วยฐานะผู้ช่วยคนสนิทของนายหญิงเพ่ยเพ่ยอย่างเขา ตานเต๋อคงเองก็ไม่มีหน้าพอที่จะไปขอคุยโทรศัพท์กับหญิงสาวทั้งที่ไม่มีธุระอะไรจนกระทั่งนายหญิงเพ่ยเพ่ยเรียกให้เขาเข้าพบ แล้วยื่นโทรศัพท์ให้ พร้อมกับบอกว่ามีคนจะปรึกษาเรื่องงาน“สวัสดีครับ”เขารับโทรศัพท์มา และกลอกเสียงที่ถูกทำให้นุ่มทุ้มลดระดับหนึ่งลงไปโดยไม่ได้ตั้งใจ“พี่เต๋อคง ช่วยสอนงานเล็กน้อยให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ พอดีฉันกำลังจัดการปัญหาที่เจอในสาขาหนึ่งของร้านค้าในเมืองปักกิ่งอยู่ ถ้าได้ผู้เชี่ยวชาญอย่างพี่มาช่วยคงจะดีมาก”ตานเต๋อคงหัวใจกระตุกวูบ รู้ส