แสงอาทิตย์ยามเย็นกับบรรยากาศที่ครึกครื้นภายหน้าโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งนั้นเหมือนงานประจำปีที่ในตอนนี้เป็นเวลาของเหล่านักเรียนที่กำลังเลิกเรียน ทำให้แม่ค้าที่ตั้งร้านขายของหน้าโรงเรียนแห่งนี้นั้นเป็นต้องวุ่นกันจนมือเป็นระวิงจากการมาซื้อของกินของเด็กนักเรียน
ทั้งน้ำปั่น ขนมจีบ ข้าวเหนียวไก่ย่างมักจะขายได้ดีในตอนเย็นของทุกวันเพราะภายในโรงเรียนมีของขายแค่ตอนเที่ยง และนอกจากมีนักเรียนจากในโรงเรียนมาซื้อก็ยังมีนักศึกษาจากมหาลัยถัดไปจากโรงเรียนไม่ไกลมาซื้อของกิน ไม่ใช่สิ..มาเต๊าะคนขายที่ส่วนมากจะเป็นนักเรียนที่ช่วยผู้ปกครองขายของมากกว่ารวมไปถึงอย่างนักศึกษาสาวมหาลัยปีสี่สองคนนี้ด้วย “อีโฉมเร็วหน่อยดิเดี๋ยวแม่งเครปร้านว่าที่ผัวกูหมดอดแดกกันพอดี” “มึงรีบก็ไปก่อนดิละจะมาดึงกูให้วิ่งมาด้วยทำไมก็ไม่รู้” เสียงนุ่มหวานบ่นอย่างเหนื่อยหน่ายที่ในทุกเย็นเพื่อนสาวของเธอจะต้องไปลากตัวเธอให้มาเป็นเพื่อนอุดหนุนเครปของนักเรียนหนุ่มมอหกที่มาช่วยแม่ขายเป็นประจำทุกวัน “เออ อย่าบ่น..เอ๊ะ ว่าแต่ไหนร้านผัวกู?” “แล้วกูจะไปรู้มั้ย” “อย่าบอกนะว่าวันนี้ปิดร้าน ปิดแล้วทำไมไม่โพสต์ลงเฟสบอกกูสักหน่อยวะ” “กูก็ไม่รู้ ไปซื้อน้ำกินก่อนวิ่งมาอย่างเหนื่อย” แล้วโฉมงามเธอก็มองหราร้านที่ไม่ต้องต่อแถวนานก่อนที่สายตาจะไปสะดุดกับร้านน้ำที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีคนเข้าสักเท่าไหรเธอจึงเดินตรงไปหยุดที่หน้าร้านน้ำทันที เอาจริงเธอนะไม่ชอบเด็กที่มีอายุน้อยกว่าสักเท่าไหร่อาจจะเพราะนิสัยตัวเองก็ดูเด็กมั้งเลยไม่ค่อยชอบอ่ะ แต่ยัยเพื่อนตัวดีนี่สิก็ชอบลากเธอให้มาด้วยตลอดเลย “รับน้ำอะไรดีครับ?” “อืม ขอชาสตอเบอรี่ใส่ไข่มุกก็แล้วกัน..” ริมฝีปากบางเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงที่หวานหยดย้อยเมื่อได้เห็นหนาของคนขายแบบใกล้ๆ คำพูดเมื่อสักครู่นี่หมายถึงเมื่อก่อนนะไม่ใช่ตอนนี้ เฮือก..คนบ้าไรหล่อชะมัด ดวงตากลมโตก็ยังคงจ้องมองชายหนุ่มในชุดนักเรียนมอปลายตรงหน้าตาไม่กระพริบ ไม่คิดว่าพ่อค้าขายน้ำเดี๋ยวนี้เขาจะหล่อกระชากใจกันขนาดนี้ ถ้าได้มากระแทกหมดลูกนี่คงจะเป็นอะไรที่เหมาะไปสุดๆ เอิ่ม.. “พี่ครับหวานปกตินะครับ?” “…” “เอ่อ หวานปกตินะครับพี่” “ห้ะ เอ้อ..อ่อ ค่ะหวานปกติ” ไม่รู้ว่าเหม่อไปตอนไหนรู้สึกตัวอีกก็ตอนที่มือหนาขาวใสนั่นโบกไปมาตรงหน้าของเธอ โฉมงามก็ฉีกยิ้มหวานให้เขาก่อนจะหันไปมองหาเพื่อนสาวที่ตอนนี้หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ เมื่อไม่เห็นเจ้าตัวกินเด็กนั่นเธอก็ค่อยโล่งมานิดนึงเพราะเพื่อนเธอมันชอบกินเด็กไงถึงพาเธอมาหน้าโรงเรียนนี่แทบจะทุกวันและหากมันเจอนายหน้าหล่อนี่ก่อนเธอคงจะเสร็จมันก่อนแน่ “ได้แล้วครับยี่สิบสี่บาทครับ” “นี่จ้ะเงิน ไม่ต้องทอนนะ” “หื้อ ขอบคุณมากครับ” “อืม นี่นาย..เปิดร้านเองเหรอ?” ไหนๆ ก็หล่อตรงสเปคแล้วก็ควรจะหาเรื่องชวนคุยไว้เพื่อสานสัมพันธ์ต่อสักหน่อย คิกคิก!! “ใช่ครับ แต่เพิ่งเปิดเมื่อวานเลยยังไม่ค่อยมีคนเลย..พี่เป็นคนแรกของวันนี้เลยนะ” “ถามจริง โชคดีอะไรขนาดนี้เนี่ย” “ใช่ครับพี่โชคดีมากเลยที่ได้เป็นคนแรกของผม” “คนแรกของนาย?” “ผมหมายถึงคนแรกของร้านผมครับ พี่เพิ่งเลิกเรียนเหรอ?” “ใช่ พี่อยู่มอข้างโรงเรียนนาย..ว่าแต่นี่อยู่มออะไรแล้วเนี่ย?” นอกจากมีใบหน้าที่หล่อเหลากินใจแล้วก็ยังมีน้ำเสียงทุ้มที่นุ่มเพราะอีกต่างหาก โฉมงามก็ได้แต่ถามและจ้องมองใบหน้าของคนตรงหน้าไปอย่างไม่หลบสายตาชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะเริ่มเขอะเขินเธอซะแล้ว “มอหกครับ พี่อย่าจ้องผมแบบนี้สิผมเขินจนทำตัวไม่ถูกแล้ว” “นายหล่อไงพี่ถึงมอง” “…พี่ก็สวยนะครับ แต่ผมไม่กล้ามอง” “ทำไมล่ะ พี่สวยนายก็ต้องมองความสวยของพี่อย่างชื่นชมพี่สิ” “เพราะพี่สวยเกินต้านแต่พี่ร่านเกินไปพูดไปเลยน้อง” แต่แล้วก็มีเสียงของซีซ่าดังแทรกขึ้นมาก่อน ทำให้โฉมงามถึงกับหันไปมองค้อนอย่างรำคาญที่โดนขัดจังหวะในตอนที่มันกำลังจะไปได้สวยแบบนี้ “เสือกแม่ง!! กูจะเต๊าะเด็ก” “เอ้า!! ไหนไม่ชอบเด็ก” “ก็ชอบคนนี้จะเอาคนนี้” หญิงสาวตอบออกมาอย่างไม่อายปากจนชายหนุ่มหน้าหล่อที่ได้ยินนั้นถึงกับนิ่งอึ้งให้กับความตรงไปตรงมาของโฉมงาม นอกจากความสวยก็ความตรงไปตรงมาของเธอนี่แหละที่ทำให้เขาอึ้งอ่ะ “มึงไปพูดแบบนั้นเดี๋ยวน้องมันก็ไม่ชอบหรอก” “เหรอ?” “เอ่อ..ครับ” โฉมงามที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่ยืนอ้าปากเหวอเมื่อเห็นชายหนุ่มนั้นพยักหน้างึกงักให้ซีซ่า อืม..คงจะเพราะอายุยังน้อยแถมยังดูติ๋มๆ คงจะไม่ชอบผู้หญิงแรดแบบเธอสินะ..แต่ใครล่ะจะสน “แล้วชอบแบบไหนเดี๋ยวเป็นให้” “เอ่อ..” “แล้วแบบพี่นี่พอได้มั้ย พี่อยากเป็นคนของใจของน้องนี่ต้องทำยังไงบ้าง?” “โฉมมึงเต๊าะหนักกว่ากูอีกนะ” ซีซ่าเอ่ยแซวพลางลากตัวของโฉมงามออกมาจากร้านน้ำเมื่อหนุ่มหล่อนั่นเริ่มอึกอักและนักเรียนสาวๆ เริ่มมาต่อแถมซื้อน้ำแล้ว แน่นอนว่าโฉมงามก็ได้แต่มองไปที่หนุ่มหน้าหล่อนั้นด้วยตาละห้อยโดยที่ตัวเธอก็ยังคงถูกเพื่อนสาวลากออกมา “อีซ่าผัวกูกำลังจะถูกผู้หญิงพวกนั้นแดกแล้ว” “อาการหนักกว่ากูเยอะ ไอ้ที่บอกไม่ชอบเด็กนี่เลิกไปพูดให้ใครเขาฟังนะ” “มันจะกินผัวกูเข้าไปแล้วมึง” ร่างเล็กไม่ได้สนใจประโยคของเพื่อนสาวเลยสักนิด นิ้วเรียวก็ชี้ไปผู้ร้านน้ำของชายหนุ่มที่ตอนนี้โดนเหล่านักเรียนหญิงล้อมร้านไว้จนเธอมองไม่เห็นตัวคนขายแล้ว “เพ้อหนักกว่ากูอีก ถ้าไม่กลับก็รอน้องมันอยู่นี่นะกูกลับก่อน” “กลับดิ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาใหม่..คนนี้ผัวกูกูจะเอาคนนี้ จะเอาคนนี้นะ จะเอาคนนี้นะ” พูดแล้วโฉมงามก็กระโดดโลดเต้นออกไปเหมือนเด็กน้อยที่เจอของที่ถูกใจท่ามกลางความงุนงงของทุกคนที่ยังยืนคุย ยืนซื้อของกันอยู่รวมไปถึงซีซ่าด้วย ทั้งที่ก็พามันมาทุกวันแต่พอได้เจอพ่อค้าขายน้ำคนใหม่นี่ดูเหมือนจากจะไม่ค่อยอยากมาคงจะเป็นคนชวนเธอมาทุกวันสินะ หญิงสาวยืนคิดก่อนจะรีบวิ่งตามโฉมงามไปขึ้นรถเพื่อกลับบ้านส่วนโฉมงามหลังจากออกมาจากมหาลัยเธอก็ขับรถตรงกลับไปยังบ้านของเธอที่เดี๋ยวนี้มาบ่อยกว่าปกติแล้ว เมื่อรถจอดและถูกดับขาเรียวก้าวลงจากรถทันที“คุณกงสุลดูสิ เดี๋ยวนี้ลูกคุณเข้าบ้านบ่อยกว่าปกตินะคะ” เสียงของคุณกิ่งฉัตรดังขึ้นเมื่อเห็นบุตรสาวในชุดนักศึกษาเดินเข้ามาในตัวบ้าน แต่ที่ทำให้เธอถึงกับต้องเปลี่ยนสีหน้าจากยิ้มแย้มเป็นตกใจก็คงเพราะแววตาที่เศร้าหมองกับแดงก่ำของบุตรสาวนี่แหละ“เป็นอะไรอีกล่ะ?”“เสียใจอ่ะ”“เสียใจเรื่องอะไร มานั่งนี่ดิ”“เจ้าคุณมันจะไปอยู่ต่างประเทศแล้วอ่ะ” โฉมงามบอกพลางเดินไปนั่งแทรกระหว่างพ่อกับแม่ของเธอ“อ้าว! ทำไมอ่ะ..” คุณกิ่งฉัตรถามด้วยด้วยความตกใจ โฉมงามจึงเล่าเรื่องของเธอที่เกี่ยวกับเจ้าคุณและดลธีให้พ่อและแม่ฟังจนระเอียดยิบ ระเอียดไปถึงแม้กระทังเรื่องแบบนั้น..“นี่แก! โอ้ยยย!..ฉันไม่รู้ด่าหรือสงสารแกดี!!” เสียงคุณกิ่งฉัตรดังขึ้นหลังจากฟังเรื่องความรักของโฉมงามจบ ทั้งสงสารและก็อยากจะด่าแต่ก็ทำได้แค่เงียบแล้วดึงโฉมงามเข้ามากอดปลอบใจ“หนูรักมันหนูไม่อยากให้มันไป แต่หนู..ก็ทิ้งดลไม่ได้”“แล้วทำไมไม่อยู่ด้วยกันล่ะ สมัยนี้โลกก็เปิดกว้างนะพ่อไม่ว่าหรอกถ้าจะอยู่ด้วยกันแล้
“รักกูก็ควรจะอยู่กับกูไม่ใช่เหรอ?”“ชีวิตคู่..คู่คือแค่สอง กูไม่อยากคุยเรื่องนี้แล้วเดี๋ยวจะกลายเป็นทะเลาะกัน” เจ้าคุณพูดแล้วก็เบือนหน้าหนีโฉมงามที่มองเข้าด้วยแววตาที่แดงก่ำแต่สักพักก็ร้องไห้ออกมาอย่างฝืนมันไว้ไม่ได้ มือบางจึงเอื้อมมาจับมือเขาไว้แล้วยกมันขึ้นมาให้เช็ดน้ำตาของตัวเธอเบาๆ“กู ฮรึก!..ยินดีเลิกยุ่งกับดลนะถ้ามึงบอกว่ามึงจะอยู่กับกู”“ไม่! กูไม่ได้ต้องการให้มึงทำแบบนั้นกูไม่อยากให้มึงทำร้ายความรู้สึกของน้องเพราะกูเองก็รักน้อง”“คุณกูไม่เข้าใจมึงว่าทำไมต้องให้มันเป็นเรื่องวุ่นวายอะไรแบบนี้ แค่มึงยอมรับคำนินทาได้พวกเราก็ได้อยู่ด้วยกันสามคนอย่างมีความสุขแล้วนะ”“เพราะกูยอมรับมันไม่ได้ไง..”“มึงไม่รักกูเหรอ?”“รักสิเพราะรักมากไงถึงต้องยอมขนาดนี้”“ถ้ารักมากมึงไม่ควรยอมให้กูคบกับคนอื่นทั้งที่มึงก็รักกูสิ คุณ..” โฉมงามบอกด้วยเสียงที่สะอื้น ทำไมไม่รู้ว่าเธอไม่อยากให้เขาจากเธอไปอยู่ที่อื่น ทำไมไม่รู้เธอรู้สึกว่าตัวเองคงไม่มีความสุขหากไม่มีเขา..“กูก็ไม่รู้ว่ากูคิดอะไร กูรู้แค่ว่ากูคิดมาดีแล้วว่า..กูอยากให้มึงมีความสุขกับเจ้าดลมากกว่า”“แต่กูต้องการมึงนะ!”“แต่มึงก็ต้องการเจ้าดล”“แม
หลายวันต่อมาหลังจากวันนั้นที่ดลธีเข้าไปดูแลโฉมงามที่บ้าน คุณกิ่งฉัตรก็ไม่ได้พูดจาแรงใส่เขาอีก แต่ก็ใช่ว่าจะพูดดีนะ..ก็แบบฉบับคุณกิ่งฉัตรเขาแหละ ส่วนตอนนี้โฉมงามนั่งอยู่ในมหาลัยที่บริเวณโต๊ะม้าหินอ่อนกับเพื่อนร่วมห้องของเธออีกหลายคน“หน้าบึ้งตึงแบบนี้มีอะไรพูดกับพวกกูได้นะ ถึงจะไม่สนิทเหมือนกับซีแต่ก็ไม่ปากโทรโข่งหรอก” หญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าของโฉมงามดูเคร่งเครียดเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจอะไรสักอย่าง“ช่วงนี้เห็นเจ้าคุณบ้างมั้ย?” โฉมงามจึงเอ่ยถามหาชายหนุ่มที่เธอไม่ได้เจอมาหลายวันแล้ว ใช่! ตั้งแต่เธอไม่สบายวันนั้นเธอก็ไม่ได้เจอเจ้าคุณอีกเลยแถมทักไปโทรไปเจ้าตัวก็ไม่ตอบ นี่ขนาดไม่ได้รักเท่าเจ้าดลนะยังรู้สึกหวิวๆ รู้สึกคิดถึงยังไงไม่รู้..“ไม่ยักจะรู้ว่าเมียกูจะคิดถึงกูขนาดนี้นะเนี่ย!” และยังไม่ทันที่เพื่อนร่วมห้องของโฉมงามจะเอ่ยอะไรร่างสูงในชุดนักศึกษาก็เดินมานั่งข้างโฉมงาม จุ๊บ! แถมยังจุ๊บเข้าที่แก้มเนียนขาวของคนตัวเล็กอีกด้วย“วู้วว! มาถึงก็หวานเลยนะ..ว่าแต่คบกันตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอไม่เห็นรู้ข่าวเลย”“คบกันนานแล้ว ขอยืมตัวหน่อยนะ” เจ้าคุณตอบแล้วก็ดึงมือของโฉมงามให้ลุกกออกมา
บ้านคุณโฉมใช้เวลาไปชั่วโมงกว่าดลธีมาถึงบ้านโฉมงามและรีบถามแม่บ้านเพื่อหาห้องของโฉมงามจนได้ขึ้นมาหาหญิงสาวที่ตอนี้ยังคงนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงนอน ที่มาช้าเพราะไม่รู้จักไง..รู้แค่ว่าอยู่แถวไหนแต่ไม่รู้ว่าหลังไหนจึงถามคนแถวนั้นไปเรื่อยๆ กว่าจะมาถึงก็เลยใช้เวลานานไปหน่อยชายหนุ่มก็นั่งมองหญิงสาวตัวเล็กที่ยังคงมีใบหน้าที่แดงกับเหงื่อที่ยังคงผุดขึ้นมาอยู่นั้นด้วยความสงสาร มือหนาเอื้อมหยิบผ้าเช็ดตัวผืนเล็กที่แม่บ้านเพิ่งยกมาให้นั้นขึ้นมาเช็ดหน้าให้คนตัวเล็กอย่างเบามือเพราะกลัวเจ้าตัวจะตื่น“อืมมม..”แต่เมื่อผ้าที่ชุบน้ำจนเย็นนั้นมาโดนแก้ม ร่างเล็กก็ลืมตาตื่นทันที“พี่ครับ ปวดหัวมั้ย..ตัวร้อนมากเลย” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงเมื่อคนตัวเล็กลืมตาขึ้นมาแล้ว เธอจึงส่ายหน้าให้เบาๆ แล้วก็พยายามจะหยัดกายลุกขึ้นนั่งแต่ดลธีกลับผลักให้นอนลงตามเดิม“อย่าเพิ่งลุกสิตัวยังร้อนอยู่เลยนะ”“คิดถึง..อยากกอดแต่กลัวนายติดไข้”“กอดได้ครับ” ดลธีว่าพลางโน้มตัวไปกอดเธอที่ยังคงนอนอยู่โฉมงามจึงกอดตอบไม่ถึงห้านาทีก็ผล่ะออกเพราะกลัวเจ้าดลน้อยจะมาติดไข้พลอยให้ไม่สบายไปด้วย“มาได้ไง?”“ก็แม่พี่ไปบอกผมไง”“หื
กลับมาที่มหาลัยหลังจากเรียนคาบแรกเสร็จก็มีเวลาพักอีกหนึ่งชั่วโมงพื่อรอเข้าเรียนในคาบสุดท้าย ดลธีก็แยกมานั่งพักบนโต๊ะมาหินอ่านใต้ต้นไม้หน้าตึกเรียนในรายวิชาต่อไป“ดล…”“พี่หว้า? ..” ชายหนุ่มเอ่ยเรียกหญิงสาวตรงหน้าด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา ขาเรียวก็ก้าวมานั่งลงตรงหน้าของดลธีทันทีที่เห็นว่าชายหนุ่มตรงหน้าเรียกชื่อตนเอง“ไม่ได้เจอกันนานพี่คิดว่าจะลืมชื่อพี่ไปแล้วซะอีก”“ผมไม่ลืมหรอกครับ..”“ทำไมพี่ถึงรู้สึกดีใจกับประโยคนี้ของนายนะ” ลูกหว้าพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูดีใจกับปีะโยคของ ดลธีปรายตามองเธออยู่ครู่เดียวก็เบือนหน้าหนีไปทางอื่น“พี่มีอะไรกับผมหรือเปล่า?”“นายยังไม่ลืมพี่จริงๆ เหรอ?”“ใช่ครับ”“แล้วเรา..”“ผมสมองไม่ได้เสื่อมที่จะจำไม่ได้ว่าคนตรงหน้าผมคือลูกหว้า ไม่ใช่แค่พี่ที่ผมจำได้เพื่อนพี่หรือคนอื่นๆ ที่ผมรู้จักผมก็จำได้” น้ำเสียงที่เรียบนิ่งเอ่ยบอกอย่างหน้าตาย สายตาคมกริบยังคองจ้องมองลูกหว้าอย่างสายตาจนเธอต้องเป็นฝ่ายหลบ เพราะมันไม่ใช่สายตาที่รักใคร่เหมือนเมื่อก่อนแต่มันเป็นสายตาที่ดูดุดันน่ากลัว“อ้อ นะ..นั่นสินะ”“แมทธิว ผู้ชายคนนั้นสินะที่เป็นพ่อของเด็กในท้อง..แต่จะว่าไปถ้าผมเป็นเขาผมก
หลายอาทิตย์ต่อมาวันแห่งการเริ่นต้นเรียนในรั้วมหาลัยอาทิตย์ที่สองนั้นช่างสดใสสำหรับหนุ่มมหาลัยปีหนึ่งอย่างเจ้าดลซะจริงๆ หลังจากแต่งตัวเสร็จชายหนุ่มก็วิ่งลงมาจากบนห้องนอนตรงไปยังในครัวที่มียายกระเช้ากำลังวุ่นอยู่กับการทำข้าวกล่องให้เขา“เอ็งนี่นะ! แม่เอ็งก็บอกแล้วว่าเดี๋ยวให้ค่าข้าวเอ็งจะห่อไปทำไมไม่อายเขาหรือไง?” เสียงยายกระเช้าบ่นขณะที่กำลังปิดฝากล่องข้าวหลังจากห่อเสร็จให้หลานชาย ที่บ่นไม่ใช่ว่าขี้เกียจทำแต่เธอกลัวว่าหลานชายจะอายเขาที่อยู่ถึงมหาลัยแล้วแต่ยังห่อข้าวไปกินนี่สิ“ถ้าผมอายผมจะให้ยายห่อให้เหรอครับ”“ยอกย้อนอีก เอ้าเสร็จแล้ว..แล้วก็มานั่งกินข้าวซะ”“ยายนี่เกรี้ยวกราดจริงๆ”“เอ็งแล้วก็หัดทำตัวให้มันดูโตให้มันดูเอาตัวรอดให้ยายได้เห็นบ้าง ยายจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง” ยังมิวายที่จะบ่นหลานชายที่เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้แล้ว ดลธีก็ได้แต่ส่ายหน้าให้ความขี้บ่นของยายกระเช้า แล้วก็จัดการกับอาหารตรงหน้าไปเรื่อยๆ เพราะยังเหลือเวลาเข้าเรียนอีกเยอะ“ยายครับรู้แล้วใช่มั้ยที่ผมคบกับพี่โฉม”“รู้สิก็เอ็งบอกยาย”“อ่อครับ เธอน่ารักนะผมชอบเธอจริงๆ”“เฮ้อ!อ เรื่องความรักยายก็ไม่อยากจะไปยุ่งแต่เอ็งรักใคร