มือเล็กก็ควักเอาดุ้นเอ็นอันใหญ่ออกมาจากด้านในกางเกงของดลธีที่เอาแต่นั่งจับเอวเธอไว้แน่น อึก! เสียงโฉมงามกลืนน้ำลายตัวเองเมื่อเจ้าดุ้นนี่มันใหญ่เสียจนเธอไม่คิดว่ามันจะเป็นของเด็กมอหก!
“พี่โฉม…” “อื้มมม! ฉันอยากเอามันเข้ามาจัง” ตอนนี้ดูเหมือนว่าฤทธิ์แอลกอฮอล์จะเริ่มจางลงแล้วมีเพียงความต้องการในเรื่องอย่างว่าแทรกแซงเข้ามาแทนที่โฉมงามก็ได้แต่นั่งบดแท่งร้อนนั้นไปมาอย่างไม่กล้าที่จะเอามันเข้ามาในรูสวาทของตัวเองที่ยังไม่เคยผ่านชายใดมา “ถ้างั้นพี่ยกตัวหน่อยนะ ผมก็อยากเอามันเข้าไปปวดไม่ไหวแล้ว” “อึก! ดล..พะ พี่เจ็บ!!” แต่เมื่อดลธีจับแก่นกายนั้นเข้ามาจ่อแค่ปากทางความเจ็บก็แล่นเข้ามาทันที ทำให้ชายหนุ่มถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง “พี่..ยังไม่เคยเหรอ?” “อืม เจ็บ..” “ถ้างั้นเราหยุดก็ได้” “ไม่! เอาเข้ามานะ..พี่ทนได้” มือเล็กรีบกดหัวไหล่ของชายหนุ่มไว้แน่นเมื่อเข้าตั้งท่าจะผลักตัวเธอให้ลุกออกจากตัวเขา ดลธีจึงใช้มือประคอบใบหน้าของโฉมงามไว้ก่อนจะโน้มหน้าไปบดขยี้ริมฝีปากแดงพร้อมกับจับตัวของโฉมงามให้นอนราบไปตามเบาะแล้วเป็นเขาที่คร่อมตัวเธอไว้แทน “ผมให้พี่กลับใจตอนนี้ยังทันอยู่นะ” “เอาเข้ามาเถอะ อึก!” สิ้นเสียงหวานดุ้นเอ็นยักษ์ก็ถูกดันเข้าไปในรูสวาท แต่ก็ยังคงเข้าไปได้เพียงแค่ส่วนหัวเท่านั้น และเพราะมันเข้าไปได้เพียงแค่นิดเดียวทำให้ดลธีถึงกับปวดหนึบขึ้นมาอย่างทันที “พี่อย่าเกร็งสิ ผมปวดไปหมดแล้ว” “พี่เจ็บ..” “เดี๋ยวก็หายแล้ว อย่าเกร็ง..ผมเข้าไปแล้วนะ” อาจจะเป็นเพราะพื้นที่ไม่ค่อยสะดวกต่อการเปิดความบริสุทธิ์มันเลยทำให้เขาไม่สามารถที่จะทำตามอารมณ์ของตัวเองได้มากนักเพราะไม่อยากให้หญิงสาวใต้ร่างของเขาเจ็บมากกว่านี้ “อื้ม อ้ะ..อื้ออออ!!” “ซี้ดดด!..มันรัดมากเลย” เมื่อเข้ามาได้สุดแล้วดลธีก็ต้องขบกรามตัวเองแน่นเมื่อช่องทางรักแห่งนี้มันช่างคับแคบเสียเหลือเกิน “ดะ เดี๋ยว..ไม่ได้ใส่ถุงยางเหรอ?” “ใส่แล้วเอาไม่ถนัด ขอสดแบบนี้แหละ” “แต่เดี๋ยวสิ อ๊า!!” จากที่จะเอ่ยบอกให้หยุดก่อนกลับกลายเป็นเสียงครางแทนเมื่อมือใหญ่จับขาเรียวของเธอให้ยกขึ้นตั้งฉากจนดุ้นยักษ์นี้เข้าไปลึกมากกว่าเดิมจนแทบจะชนกับผนังมดลูกของเธอ “ผมเสียวมากเลยครับ! อ้า~” “พี่ก็เสียว นายขยับ..กระแทกเข้ามาสิ” “ผมไม่ถนัดเลย อื้มม..แต่ก็ได้อยู่” เอวสอบเริ่มขยับส่งตัวตนเข้าไปทักทายด้านในของโฉมงามอย่างรุนแรงในทันที มือหนาก็บีบเคล้นหน้าอกอวบอิ่มไปมาอย่างเมามันส์ ส่วนโฉมงามก็ถกเสื้อยืดของดลธีขึ้นก่อนจะใช้ปลายลิ้นตวัดเลียมันเพิ่มอารมณ์พลุ่งพล่านให้กับชายหนุ่มมากยิ่งขึ้น “อ๊ะๆๆ พี่เสียวหอยอ่ะ..ของนายใหญ่จังดล อ๊ะอื๊อๆๆ” “หอยพี่ตอดผมมากเลย ซี้ดดด..เสียว จะแตกแล้ว!!” “อื๊อออ พี่ก็จะเสร็จแล้ว..อ๊าๆๆ แตกแล้ว อ๊าส์!!” เมื่อทั้งเขาและเธอเสร็จไปพร้อมกัน ชายหนุ่มจึงเอาดุ้นเอ็นออกมาปล่อยน้ำรักนั้นทิ้งลงบนเบาะแล้วโน้มหน้าลงไปดูดดื่มดอกบัวตูมทั้งสองสลับกัน “อย่าดูดแรงสิ อ๊า..เสียว!” “อื้มม!! นมพี่หวานจัง” “พี่อยากให้นายเอามันเข้ามาในตัวพี่อีกดล เข้ามาอีกได้มั้ย..ได้มั้ย” น้ำเสียงอ่อนหวานเอ่ยบอกด้วยสีหน้าที่อ้อนวอนปนขอร้องให้ชายหนุ่มนำมันเขามาในตัวเธออีกครั้ง และแน่นอนว่าเขาก็ไม่ปฏิเสธ จับขาเรียวพาดบ่าตัวเองไว้ก่อนจะดันแก่นกายที่ยังแข็งและขยายใหญ่นั้นเข้าไปในรูสวาทของโฉมงามอีกครั้ง “อ๊า! เสียวพะ พี่เสียวดล” “ผมก็เสียว แน่นมากเลยครับ” ดลธีก็เริ่มขยับเอวส่งตัวตนเข้าไปอีกครั้ง เขารับรู้ได้ว่ารูสวาทของโฉมงามนั้นกำลังดูดส่วนนั้นของเขาเข้าไปจนมันรู้สึกเสียวซ่านไปทั่วทั้งร่างกาย รถสปอร์ตคันหรูของค๊อกเทลนั้นได้สั่นคลอนไปตามแรงถาโถมของเพื่อนหนุ่มที่ยืมมาอย่างดลธีที่กำลังเร่งจังหวะกระแทกกระทั้นตัวตนใส่โฉมงามไม่ยั้งจนภายในรถที่สตาร์ทเครื่องและเปิดแอร์ไว้นั้นเริ่มร้อนระอุขึ้นมาแล้ว หนึ่งชั่วโมงต่อมา “อึก ดล..พอเถอะ พี่แสบ..อร๊างงง!” เสียงที่แหบพร่าของโฉมงามเอ่ยบอกชายหนุ่มที่ยังคงกระแทกกระทั้นตัวตนใส่ร่องเธอไม่หยุด ตอนนี้ได้เปลี่ยนท่าแล้วและอยู่นอกรถอีกต่างหาก ดีที่เขายืนอยู่ฝั่งที่เป็นป่า ส่วนเธอนั้นนั่งอยู่ในรถแต่หันหน้าไปทางเขาที่ยืนหน้าประตูกำลังกระเด้งเอวใส่เธออยู่ “อื้มม พี่ยั่วผมเองช่วยไม่ได้นี่” “แต่!อ๊ะ! พี่แสบหมดแล้วนะ” “ผมแตกครั้งนี้ก่อน..อื้ม อ้า!” สิ้นเสียงทุ้มเขาก็เสร็จพร้อมกับถอดถอนแก่นกายออกมาปล่อยน้ำกามลงบนเบาะรถอีกครั้ง โฉมงามก็ได้แต่นั่งหอบหายใจ ทั้งเสียวทั้งแสบปะปนกันไปหมด “ไปส่งพี่หน่อย..” “ใส่เสื้อผ้าก่อนสิครับ ใส่เองได้มั้ยหรือจะให้ผมใส่ให้?” “สะ ใส่เองได้ไม่ต้อง!” เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงสั่นๆ แล้วหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมใส่ก่อนจะขยับมานั่งดีๆ ส่วนดลธีก็สวมใส่เสื้อผ้าของตัวเองแล้วเดินกลับเข้ามานั่งแล้วขับรถออกไปตามที่โฉมงามบอกโดยที่ก็ไม่มีใครเอื้อนเอ่ยอะไรจนดลธีต้องเป็นฝ่ายเอ่ยถามทำลายบรรยากาศที่เงียบ “พี่ไม่ได้อยู่บ้านเหรอ?” “อยู่ แต่นานๆ ทีส่วนมากจะอยู่คอนโดมากกว่า” “อ่อ..” “อืม..” “ถึงแล้ว ผมกลับก่อนนะ” เมื่อมาถึงคอนโดของโฉมงามและเจ้าตัวลงจากรถแล้วเขาก็ขับรถออกไป ส่วนหญิงสาวก็ได้แต่ยืนมองรถแล่นออกไปจนไกลลับหูลับตาของเธอ เพี้ยะ! ฝ่ามือเล็กจึงเอื้อมขึ้นมาตีหน้าผากของตัวเองแรงๆ “มึงทำบ้าอะไรลงไปเนี่ยอีโฉม!!” ทั้งที่เคยตั้งใจว่าจะเก็บความบริสุทธิ์ผุดผ่องของตัวเองไว้ให้สามีในวันแต่งงาน แต่ไหงกลับมายอมให้หนุ่มหล่อที่แอบชอบได้ไม่ถึงเดือนเอาซะแล้วล่ะ! “ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ เลยกูเนี่ย!” ยังคงยืนบ่นตัวเองอยู่แบบนั้นเมื่อรู้สึกว่าตัวเองจะใจง่ายใจเกินไปหน่อย แต่ก็นั่นมันคนหล่อ..แต่มันก็ไม่ค่อยคุ้มกันมั้ย แต่บางทีก็ถือว่าคุ้มนะ! “บ้าไปใหญ่จริงๆ เถียงกับตัวเอง!!” “บ้าจริงแหละยืนบ่นอะไร ตรงนี้ไม่ได้ยืนอยู่คนเดียวนะ..ที่รัก”ส่วนโฉมงามหลังจากออกมาจากมหาลัยเธอก็ขับรถตรงกลับไปยังบ้านของเธอที่เดี๋ยวนี้มาบ่อยกว่าปกติแล้ว เมื่อรถจอดและถูกดับขาเรียวก้าวลงจากรถทันที“คุณกงสุลดูสิ เดี๋ยวนี้ลูกคุณเข้าบ้านบ่อยกว่าปกตินะคะ” เสียงของคุณกิ่งฉัตรดังขึ้นเมื่อเห็นบุตรสาวในชุดนักศึกษาเดินเข้ามาในตัวบ้าน แต่ที่ทำให้เธอถึงกับต้องเปลี่ยนสีหน้าจากยิ้มแย้มเป็นตกใจก็คงเพราะแววตาที่เศร้าหมองกับแดงก่ำของบุตรสาวนี่แหละ“เป็นอะไรอีกล่ะ?”“เสียใจอ่ะ”“เสียใจเรื่องอะไร มานั่งนี่ดิ”“เจ้าคุณมันจะไปอยู่ต่างประเทศแล้วอ่ะ” โฉมงามบอกพลางเดินไปนั่งแทรกระหว่างพ่อกับแม่ของเธอ“อ้าว! ทำไมอ่ะ..” คุณกิ่งฉัตรถามด้วยด้วยความตกใจ โฉมงามจึงเล่าเรื่องของเธอที่เกี่ยวกับเจ้าคุณและดลธีให้พ่อและแม่ฟังจนระเอียดยิบ ระเอียดไปถึงแม้กระทังเรื่องแบบนั้น..“นี่แก! โอ้ยยย!..ฉันไม่รู้ด่าหรือสงสารแกดี!!” เสียงคุณกิ่งฉัตรดังขึ้นหลังจากฟังเรื่องความรักของโฉมงามจบ ทั้งสงสารและก็อยากจะด่าแต่ก็ทำได้แค่เงียบแล้วดึงโฉมงามเข้ามากอดปลอบใจ“หนูรักมันหนูไม่อยากให้มันไป แต่หนู..ก็ทิ้งดลไม่ได้”“แล้วทำไมไม่อยู่ด้วยกันล่ะ สมัยนี้โลกก็เปิดกว้างนะพ่อไม่ว่าหรอกถ้าจะอยู่ด้วยกันแล้
“รักกูก็ควรจะอยู่กับกูไม่ใช่เหรอ?”“ชีวิตคู่..คู่คือแค่สอง กูไม่อยากคุยเรื่องนี้แล้วเดี๋ยวจะกลายเป็นทะเลาะกัน” เจ้าคุณพูดแล้วก็เบือนหน้าหนีโฉมงามที่มองเข้าด้วยแววตาที่แดงก่ำแต่สักพักก็ร้องไห้ออกมาอย่างฝืนมันไว้ไม่ได้ มือบางจึงเอื้อมมาจับมือเขาไว้แล้วยกมันขึ้นมาให้เช็ดน้ำตาของตัวเธอเบาๆ“กู ฮรึก!..ยินดีเลิกยุ่งกับดลนะถ้ามึงบอกว่ามึงจะอยู่กับกู”“ไม่! กูไม่ได้ต้องการให้มึงทำแบบนั้นกูไม่อยากให้มึงทำร้ายความรู้สึกของน้องเพราะกูเองก็รักน้อง”“คุณกูไม่เข้าใจมึงว่าทำไมต้องให้มันเป็นเรื่องวุ่นวายอะไรแบบนี้ แค่มึงยอมรับคำนินทาได้พวกเราก็ได้อยู่ด้วยกันสามคนอย่างมีความสุขแล้วนะ”“เพราะกูยอมรับมันไม่ได้ไง..”“มึงไม่รักกูเหรอ?”“รักสิเพราะรักมากไงถึงต้องยอมขนาดนี้”“ถ้ารักมากมึงไม่ควรยอมให้กูคบกับคนอื่นทั้งที่มึงก็รักกูสิ คุณ..” โฉมงามบอกด้วยเสียงที่สะอื้น ทำไมไม่รู้ว่าเธอไม่อยากให้เขาจากเธอไปอยู่ที่อื่น ทำไมไม่รู้เธอรู้สึกว่าตัวเองคงไม่มีความสุขหากไม่มีเขา..“กูก็ไม่รู้ว่ากูคิดอะไร กูรู้แค่ว่ากูคิดมาดีแล้วว่า..กูอยากให้มึงมีความสุขกับเจ้าดลมากกว่า”“แต่กูต้องการมึงนะ!”“แต่มึงก็ต้องการเจ้าดล”“แม
หลายวันต่อมาหลังจากวันนั้นที่ดลธีเข้าไปดูแลโฉมงามที่บ้าน คุณกิ่งฉัตรก็ไม่ได้พูดจาแรงใส่เขาอีก แต่ก็ใช่ว่าจะพูดดีนะ..ก็แบบฉบับคุณกิ่งฉัตรเขาแหละ ส่วนตอนนี้โฉมงามนั่งอยู่ในมหาลัยที่บริเวณโต๊ะม้าหินอ่อนกับเพื่อนร่วมห้องของเธออีกหลายคน“หน้าบึ้งตึงแบบนี้มีอะไรพูดกับพวกกูได้นะ ถึงจะไม่สนิทเหมือนกับซีแต่ก็ไม่ปากโทรโข่งหรอก” หญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าของโฉมงามดูเคร่งเครียดเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจอะไรสักอย่าง“ช่วงนี้เห็นเจ้าคุณบ้างมั้ย?” โฉมงามจึงเอ่ยถามหาชายหนุ่มที่เธอไม่ได้เจอมาหลายวันแล้ว ใช่! ตั้งแต่เธอไม่สบายวันนั้นเธอก็ไม่ได้เจอเจ้าคุณอีกเลยแถมทักไปโทรไปเจ้าตัวก็ไม่ตอบ นี่ขนาดไม่ได้รักเท่าเจ้าดลนะยังรู้สึกหวิวๆ รู้สึกคิดถึงยังไงไม่รู้..“ไม่ยักจะรู้ว่าเมียกูจะคิดถึงกูขนาดนี้นะเนี่ย!” และยังไม่ทันที่เพื่อนร่วมห้องของโฉมงามจะเอ่ยอะไรร่างสูงในชุดนักศึกษาก็เดินมานั่งข้างโฉมงาม จุ๊บ! แถมยังจุ๊บเข้าที่แก้มเนียนขาวของคนตัวเล็กอีกด้วย“วู้วว! มาถึงก็หวานเลยนะ..ว่าแต่คบกันตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอไม่เห็นรู้ข่าวเลย”“คบกันนานแล้ว ขอยืมตัวหน่อยนะ” เจ้าคุณตอบแล้วก็ดึงมือของโฉมงามให้ลุกกออกมา
บ้านคุณโฉมใช้เวลาไปชั่วโมงกว่าดลธีมาถึงบ้านโฉมงามและรีบถามแม่บ้านเพื่อหาห้องของโฉมงามจนได้ขึ้นมาหาหญิงสาวที่ตอนี้ยังคงนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงนอน ที่มาช้าเพราะไม่รู้จักไง..รู้แค่ว่าอยู่แถวไหนแต่ไม่รู้ว่าหลังไหนจึงถามคนแถวนั้นไปเรื่อยๆ กว่าจะมาถึงก็เลยใช้เวลานานไปหน่อยชายหนุ่มก็นั่งมองหญิงสาวตัวเล็กที่ยังคงมีใบหน้าที่แดงกับเหงื่อที่ยังคงผุดขึ้นมาอยู่นั้นด้วยความสงสาร มือหนาเอื้อมหยิบผ้าเช็ดตัวผืนเล็กที่แม่บ้านเพิ่งยกมาให้นั้นขึ้นมาเช็ดหน้าให้คนตัวเล็กอย่างเบามือเพราะกลัวเจ้าตัวจะตื่น“อืมมม..”แต่เมื่อผ้าที่ชุบน้ำจนเย็นนั้นมาโดนแก้ม ร่างเล็กก็ลืมตาตื่นทันที“พี่ครับ ปวดหัวมั้ย..ตัวร้อนมากเลย” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงเมื่อคนตัวเล็กลืมตาขึ้นมาแล้ว เธอจึงส่ายหน้าให้เบาๆ แล้วก็พยายามจะหยัดกายลุกขึ้นนั่งแต่ดลธีกลับผลักให้นอนลงตามเดิม“อย่าเพิ่งลุกสิตัวยังร้อนอยู่เลยนะ”“คิดถึง..อยากกอดแต่กลัวนายติดไข้”“กอดได้ครับ” ดลธีว่าพลางโน้มตัวไปกอดเธอที่ยังคงนอนอยู่โฉมงามจึงกอดตอบไม่ถึงห้านาทีก็ผล่ะออกเพราะกลัวเจ้าดลน้อยจะมาติดไข้พลอยให้ไม่สบายไปด้วย“มาได้ไง?”“ก็แม่พี่ไปบอกผมไง”“หื
กลับมาที่มหาลัยหลังจากเรียนคาบแรกเสร็จก็มีเวลาพักอีกหนึ่งชั่วโมงพื่อรอเข้าเรียนในคาบสุดท้าย ดลธีก็แยกมานั่งพักบนโต๊ะมาหินอ่านใต้ต้นไม้หน้าตึกเรียนในรายวิชาต่อไป“ดล…”“พี่หว้า? ..” ชายหนุ่มเอ่ยเรียกหญิงสาวตรงหน้าด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา ขาเรียวก็ก้าวมานั่งลงตรงหน้าของดลธีทันทีที่เห็นว่าชายหนุ่มตรงหน้าเรียกชื่อตนเอง“ไม่ได้เจอกันนานพี่คิดว่าจะลืมชื่อพี่ไปแล้วซะอีก”“ผมไม่ลืมหรอกครับ..”“ทำไมพี่ถึงรู้สึกดีใจกับประโยคนี้ของนายนะ” ลูกหว้าพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูดีใจกับปีะโยคของ ดลธีปรายตามองเธออยู่ครู่เดียวก็เบือนหน้าหนีไปทางอื่น“พี่มีอะไรกับผมหรือเปล่า?”“นายยังไม่ลืมพี่จริงๆ เหรอ?”“ใช่ครับ”“แล้วเรา..”“ผมสมองไม่ได้เสื่อมที่จะจำไม่ได้ว่าคนตรงหน้าผมคือลูกหว้า ไม่ใช่แค่พี่ที่ผมจำได้เพื่อนพี่หรือคนอื่นๆ ที่ผมรู้จักผมก็จำได้” น้ำเสียงที่เรียบนิ่งเอ่ยบอกอย่างหน้าตาย สายตาคมกริบยังคองจ้องมองลูกหว้าอย่างสายตาจนเธอต้องเป็นฝ่ายหลบ เพราะมันไม่ใช่สายตาที่รักใคร่เหมือนเมื่อก่อนแต่มันเป็นสายตาที่ดูดุดันน่ากลัว“อ้อ นะ..นั่นสินะ”“แมทธิว ผู้ชายคนนั้นสินะที่เป็นพ่อของเด็กในท้อง..แต่จะว่าไปถ้าผมเป็นเขาผมก
หลายอาทิตย์ต่อมาวันแห่งการเริ่นต้นเรียนในรั้วมหาลัยอาทิตย์ที่สองนั้นช่างสดใสสำหรับหนุ่มมหาลัยปีหนึ่งอย่างเจ้าดลซะจริงๆ หลังจากแต่งตัวเสร็จชายหนุ่มก็วิ่งลงมาจากบนห้องนอนตรงไปยังในครัวที่มียายกระเช้ากำลังวุ่นอยู่กับการทำข้าวกล่องให้เขา“เอ็งนี่นะ! แม่เอ็งก็บอกแล้วว่าเดี๋ยวให้ค่าข้าวเอ็งจะห่อไปทำไมไม่อายเขาหรือไง?” เสียงยายกระเช้าบ่นขณะที่กำลังปิดฝากล่องข้าวหลังจากห่อเสร็จให้หลานชาย ที่บ่นไม่ใช่ว่าขี้เกียจทำแต่เธอกลัวว่าหลานชายจะอายเขาที่อยู่ถึงมหาลัยแล้วแต่ยังห่อข้าวไปกินนี่สิ“ถ้าผมอายผมจะให้ยายห่อให้เหรอครับ”“ยอกย้อนอีก เอ้าเสร็จแล้ว..แล้วก็มานั่งกินข้าวซะ”“ยายนี่เกรี้ยวกราดจริงๆ”“เอ็งแล้วก็หัดทำตัวให้มันดูโตให้มันดูเอาตัวรอดให้ยายได้เห็นบ้าง ยายจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง” ยังมิวายที่จะบ่นหลานชายที่เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้แล้ว ดลธีก็ได้แต่ส่ายหน้าให้ความขี้บ่นของยายกระเช้า แล้วก็จัดการกับอาหารตรงหน้าไปเรื่อยๆ เพราะยังเหลือเวลาเข้าเรียนอีกเยอะ“ยายครับรู้แล้วใช่มั้ยที่ผมคบกับพี่โฉม”“รู้สิก็เอ็งบอกยาย”“อ่อครับ เธอน่ารักนะผมชอบเธอจริงๆ”“เฮ้อ!อ เรื่องความรักยายก็ไม่อยากจะไปยุ่งแต่เอ็งรักใคร