เจียงม่านหาได้สนใจความสงสัยใคร่รู้และไม่เข้าใจของบ่าวทั้งสอง เพราะตอนนี้สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าอยู่เบื้องหน้าของนาง เมืองฉางแห่งนี้ดูครึกครื้นไปด้วยผู้คน ตลาดของที่นี่กว้างขวางมีถนนทอดยาวและตรอกแคบๆ ที่มีแผงไม้สำหรับขายของตั้งเรียงรายเป็นแถว สองฟากถนนยังเต็มไปด้วยร้านรวงมากมาย มีผู้คนหลากหลาย พ่อค้าแม่ค้าจำนวนมากมาจัดแสดงสินค้าของตน ทำให้เกิดภาพและเสียงที่น่าตื่นตาตื่นใจ ดูมีชีวิตชีวา
บริเวณโดยรอบอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของเครื่องเทศที่แปลกใหม่ ชาที่ชงสดใหม่ และอาหารข้างทางที่ร้อนฉ่า ผ้าไหมสีสันสดใสพลิ้วไหวตามสายลม ดึงดูดความสนใจของผู้สัญจรไปมา
มีสินค้าแปลกๆ มากมายที่นางไม่เคยเห็น ดูงดงามแปลกตา พ่อค้าแม่ค้านำเสนอผักผลไม้และธัญพืชหลากหลายชนิด ซึ่งแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ทางการเกษตร ช่างฝีมือผู้มีทักษะจัดแสดงเครื่องปั้นดินเผาที่ประณีต เครื่องลายครามที่ละเอียดอ่อน และงานหัตถกรรมไม้แกะสลักอย่างสวยงาม
ในมุมหนึ่ง นางสังเกตเห็นตลาดปลาที่คึกคัก โดยมีพ่อค้าแม่ค้าทะเลาะกันเสียงดังเกี่ยวกับปลาที่จับได้ในแต่ละวัน เสียงเหรียญกระทบกันดังก้องไปทั่ว ขณะที่ลูกค้าต่อรองราคาที่ดีที่สุด ในบริเวณใกล้เคียงกัน มีพ่อค้าสมุนไพรจากต่างแดนยืนอยู่บนโต๊ะไม้ตัวใหญ่ นำเสนอสมุนไพรและยารักษาโรคต่างๆ มากมาย พร้อมอธิบายคุณประโยชน์ของสมุนไพรเหล่านั้นให้แก่ลูกค้าที่สนใจ
เสียงหัวเราะ การต่อรอง และการล้อเล่นที่เป็นมิตรดังก้องอยู่ในหู เด็กๆ พุ่งทะลุฝูงชน ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างด้วยความตื่นตาตื่นใจขณะสำรวจสิ่งของจัดแสดงหลากสีสันและการแสดงกายกรรมของพ่อค้าจากต่างแดน
เจียงม่านสังเกตเห็นนักเดินทางจากต่างแคว้นมากมายเดินทางเข้ามาในเมืองฉาง นั่นย่อมแสดงว่าเมืองฉางแห่งนี้เป็นศูนย์กลางทางการค้า
"คุณหนูเจ้าคะ นี่ก็เย็นมากแล้ว บ่าวว่าพวกเรารีบเดินสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวจะมืดค่ำเสียก่อน"
ลู่ลู่เอ่ยเตือนผู้เป็นนาย เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูท่าจะเพลิดเพลินจนลืมเวลา มือทั้งสองข้างของนางเต็มไปด้วยของกินมากมาย
"ใช่เจ้าค่ะคุณหนู"
ลี่ลี่เองก็เห็นพ้องต้องกันกับแฝดผู้พี่ ปากเล็กๆ ของนางรีบหุบลงทันทีเมื่อพุทราเชื่อมรสหวานจัดถูกส่งเข้าปากด้วยฝีมือของผู้เป็นนายและคำตอบที่ทั้งสองได้รับกลับมานั้น
"ลู่ลู่ลี่ลี่ ข้าอยากเดินชมตลาดยามค่ำคืน"
นั่นย่อมหมายถึงนางจะไม่รีบกลับ เจียงม่านส่งยิ้มหวานให้บ่าวทั้งสอง มือขาวเรียวยื่นพุทราเชื่อมที่หวานจนแสบคออีกชิ้นหนึ่งป้อนเข้าปากลู่ลู่ที่ทำท่าจะกล่าวออกมาอีกครั้งจนนางต้องรีบรับพุทราเข้าปาก กลืนคำพูดทั้งหมดลงคอ
ยามเมื่อเจียงม่านออกจากจวนก็เป็นเวลาบ่ายคล้อยแล้ว คาดไม่ถึงว่าความเพลิดเพลินตลอดสองข้างทางจะทำให้เวลาล่วงผ่านรวดเร็วถึงเพียงนี้
เดินเล่นเพียงไม่นานบรรยากาศยามพลบค่ำก็มาเยือน เมื่อพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า โคมไฟทั้งสองข้างทางก็ถูกจุดให้แสงสว่าง เปล่งแสงอันอบอุ่นไปทั่วตลาด บรรยากาศยิ่งน่าตื่นตาตื่นใจมากขึ้น ตลาดแห่งนี้คึกคักไปด้วยผู้คนตั้งแต่เช้าจรดค่ำ นักแสดงข้างถนนให้ความบันเทิงแก่ฝูงชนด้วยดนตรี การเต้นรำและการแสดงกายกรรม
เจียงม่านมองการแสดงนั้นพลางตบมืออย่างชอบใจ ดวงตางดงามทอประกายเจิดจ้าภายใต้แสงสลัวของโคมไฟดูงดงามราวกับเทพธิดา นั่นทำให้ผู้ใดพบเห็นย่อมยากที่จะถอนสายตา
"คุณหนูกลับกันเถอะนะเจ้าคะ หากนายท่านรู้เข้า บ่าวเกรงว่าเราจะไม่ได้รับอนุญาตให้ย่างเท้าออกจากจวนอีกเป็นแน่"
ลู่ลู่บอกกับผู้เป็นนายที่ไม่มีทีท่าว่าจะฟังนาง การไปเยือนหอสุราครั้งนี้คงต้องล้มเลิก นางบอกให้ลี่ลี่ไปตามรถม้ากลับมาตั้งแต่ที่เห็นว่าคุณหนูยืนปักหลักชมการแสดง
"ขออีกนิดนะลู่ลู่ เจ้าดูสิพวกเขากำลังจะพ่นไฟแล้ว"
หญิงสาวร้องบอกคนของตนด้วยความตื่นเต้นโดยที่สายตาไม่ละไปจากการแสดงตรงหน้าแม้แต่น้อย ในการแสดงกายกรรมอันน่าหลงใหลนี้ นับว่าหาได้ยากยิ่งในยุคปัจจุบัน นางได้มาชมติดขอบเวทีเช่นนี้ไหนเลยจะยอมกลับง่ายๆ
เหล่านักแสดงมากทักษะได้ผสมผสานศิลปะกายกรรมเข้ากับองค์ประกอบอันน่าตื่นเต้น พวกเขาเริ่มต้นด้วยการแสดงความยืดหยุ่น ความสมดุล และความแข็งแกร่งของร่างกายได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ทั้งพลิกตัว บิดตัวได้อย่างน่าทึ่ง เมื่อการแสดงถึงจุดที่น่าตื่นเต้น นักแสดงเหล่านั้นก็ผสมผสานไฟเข้ากับการแสดงได้อย่างเชี่ยวชาญ พวกเขาพ่นเปลวไฟอันน่าหลงใหลออกมาจากปาก ทำให้เกิดแสงและความร้อนที่น่าตื่นตาตื่นใจ จนนางเผลอกรีดร้องด้วยความชอบใจและทึ่งในความสามารถ นับได้ว่าเป็นการแสดงที่ยอดเยี่ยมยากจะลืมเลือนอย่างแท้จริง
ท่ามกลางแสงอันอบอุ่นของโคมไฟ บุรุษผู้หนึ่งกำลังทอดมองบรรยากาศยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย แต่แล้วความสนใจของเขาก็ถูกดึงดูดโดยสตรีนางหนึ่ง ท่าทางสดใสร่าเริงมีชีวิตชีวาของนางทำให้เขาไม่สามารถละสายตาไปจากนางได้ ชายหนุ่มผู้นั้นจ้องมองไปที่นางไม่วางตา ก่อนความตื่นเต้นยินดีจะปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา เมื่อดวงตาทอประกายซุกซนของสตรีนางนั้นหยีเล็กลงจนคล้ายดังพระจันทร์เสี้ยว บ่งบอกให้รู้ว่าภายใต้ผ้าคลุมหน้านั้นอีกฝ่ายกำลังยิ้มกว้างและมีความสุขมากเพียงใด
แต่ดวงตาคู่นั้นของนางช่างคุ้นตาเขาเหลือเกิน
ชายหนุ่มจ้องมองอีกฝ่ายอย่างเหม่อลอย รู้ตัวอีกทีแผ่นหลังเล็กของสตรีนางนั้นก็อยู่เบื้องหน้าของเขาแล้ว และยิ่งก้าวเข้าไปใกล้นางมากเท่าไหร่ ความรู้สึกคุ้นเคยยิ่งทำให้หัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้นทุกขณะ น้ำเสียงสดใสของนางที่กำลังคุยกับบ่าวก็เหมือนว่าเขาเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
"คราวนี้ก็กลับกันได้แล้วนะเจ้าคะ"
ลู่ลู่เอ่ยออกมาทันทีเมื่อการแสดงจบลง
"เจ้าค่ะ กลับเดี๋ยวนี้แหละเจ้าค่ะ"
เจียงม่านยกยิ้มหวานกล่าวล้อเลียนและหัวเราะคิกคักส่งให้อีกฝ่ายที่มองค้อนนางได้อย่างน่าเอ็นดู
แต่ขณะที่นางหันหลังเพื่อเดินออกมา กลับชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง
"คุณหนู"
เสียงร้องของบ่าวคนสนิทคล้ายดั่งดังมาจากที่ไกลแสนไกล พร้อมกับดวงตาของนางที่เบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อนางชนอีกฝ่ายเต็มแรงจนหงายหลัง แต่โชคดีเหลือเกินที่ลำแขนของคนผู้นั้นคว้าเอวคอดของนางเอาไว้ได้ทัน ไม่เช่นนั้นนางคงได้ล้มลงก้นจ้ำเบ้าให้ได้อาย
เจียงม่านระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อตนไม่ได้ล้มลงก้นกระแทกอย่างที่คิด และนางก็พบว่าตอนนี้ตนได้ตกอยู่ในอ้อมแขนของคนผู้นั้นด้วยเช่นกัน ทั้งนิ้วเรียวเช่นนิ้วบุรุษของอีกฝ่ายยังเกี่ยวเอาผ้าคลุมหน้าผืนบางของนางติดมือออกไปด้วย
ในช่วงเวลานั้น เจียงม่านเงยหน้าขึ้นมองผู้ที่โอบนางเอาไว้ ดวงตาของเขาและนางสบกันด้วยความบังเอิญ ชั่วขณะหนึ่งคล้ายดังเวลาจะหยุดนิ่งไป
มันคงจะเป็นฉากการตกหลุมรักสุดแสนหวานและน่าประทับใจเช่นดังเรื่องราวในนิยายรัก หากว่ามิใช่
"หม่าลู่เฟิง"
"ม่านเอ๋อร์"
รอยยิ้มอันอ่อนโยนปรากฏบนริมฝีปากของคุณชายใหญ่ตระกูลหม่า ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความยินดีเมื่อรู้ว่าสตรีในอ้อมแขนคือผู้ใด
เจียงม่านขืนตัวออกจากอ้อมแขนของอีกฝ่าย ก้าวถอยหลังออกมาเพื่อรักษาระยะห่าง นางคล้ายดังจะทำอันใดมิถูกไปชั่วขณะ
"คุณหนูเป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ"
ลู่ลู่ที่คลายจากอาการตกใจรีบเดินเข้าไปหาผู้เป็นนาย
"ข้าไม่เป็นอะไร เรารีบไปกันเถอะ"
เจียงม่านกล่าวพร้อมกับเดินออกมาจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว นางไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองผู้ที่เอ่ยเรียกนางด้วยความปวดร้าว
หม่าลู่เฟิง บุรุษผู้เป็นรักแรกของเจียงม่าน และใบหน้าของคนผู้นั้นยังละม้ายคล้ายคลึงกับชายหนุ่มผู้เป็นคนรักคนแรกและคนเดียวของนางในชีวิตก่อน การเผชิญหน้าอย่างไม่คาดคิดนี้เช่นนี้ ทำให้นางรู้สึกสับสน
นี่มันอะไรกัน
เหตุใดนางถึงได้รู้สึกเจ็บปวดมากมายถึงเพียงนี้นะ หรือว่าจะเป็นความรู้สึกที่ยังตกค้างของเจ้าของร่าง และความรู้สึกที่นางฝังกลบมาเนิ่นนาน
ตระกูลเจียงในตอนนี้เป็นตระกูลอันดับหนึ่งที่ขึ้นชื่อเรื่องสุรา สุราของตระกูลเจียงกลายเป็นสุราสร้างชื่อของเมืองฉาง ทั้งยังโด่งดังไปทั่วทั้งแคว้นและแคว้นข้างเคียง เพียงเวลาไม่นานกิจการของหอสุราตระกูลเจียงก็ขยับขยายใหญ่โต และกำลังดำเนินการที่จะขยายกิจการไปยังเมืองต่างๆ รวมไปถึงเมืองหลวงของแคว้น และคาดว่าต่อไปในอนาคตก็จะไปเปิดกิจการยังต่างแคว้นอีกด้วย เรียกได้ว่าตระกูลเจียงเข้าสู่ยุคที่รุ่งโรจน์จนฉุดไม่อยู่ส่วนหอสุราตระกูลหม่านั้น ในตอนนี้ได้ปิดตัวลง หันมาเอาดีทางด้านการค้าข้าวสารและธัญพืช โดยมีหม่าลู่เฟิงที่ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลเป็นผู้ดูแลกิจการด้วยตัวเอง ดูเหมือนว่ากิจการนั้นจะไปได้ดีอยู่ไม่น้อยถึงแม้ว่าจะมีร้านค้าใหญ่อยู่หลายร้านก็ตาม ส่วนหม่าลี่เซียนข่าวว่านางกำลังตั้งครรภ์บุตรของเถ้าแก่เผย แต่เมื่อไม่กี่วันก่อน เถ้าแก่เผยได้ประกาศวางมือจากกิจการทั้งหมดและยกทุกอย่างให้บุตรชายของเขา ส่วนตนนั้นใช้เวลาอยู่กับภรรยาและเหล่าอนุทั้งหลาย จากบุรุษผู้รักมั่นในตัวภรรยาผู้ล่วงลับ แต่ยามเมื่อได้สัมผัสอารมณ์ความใคร่อีกครั้งกลับกลายเป็นบุรุษผู้หมกมุ่นในกามา บัดนี้จึงมีอนุภรรยาอยู่เต็มจวนเมืองฉางในตอ
"คนเก่งของข้า ลุกขึ้นมากินข้าวกินยาก่อนเถิด"เว่ยซีหยวนเอ่ยเรียกสตรีที่นอนสิ้นเรี่ยวสิ้นแรงอยู่บนเตียงน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ใบหน้าหล่อเหลาประดับไปด้วยรอยยิ้ม ประคองถาดใบเล็กที่มีข้าวต้มหอมกรุ่นและถ้วยยาที่ต้มเสร็จใหม่ๆ มาวางลงบนโต๊ะตัวเล็กข้างเตียง ก่อนจะโน้มกายลงจุมพิตแก้มนวลของสตรีที่ยังหลับตาพริ้มอย่างรักใคร่เมื่อคืนนี้นางช่างน่าเอ็นดูยิ่งนัก เขามีความสุขจนแทบจะล้นออกมานอกอก นางนั้นแสนซนและอยากรู้อยากลองไปเสียทุกอย่างแม้เขาคิดจะยั้งมือเมื่อรู้ว่าเป็นครั้งแรกของนาง แต่ถูกยั่วยวนเช่นนั้นก็หมดสิ้นความยับยั้งช่างใจ นางออดอ้อนน่าเอ็นดูถึงเพียงนั้น ใครจะไปอดใจได้ไหว จึงได้จัดหนักจัดเต็มจนเวลาล่วงเข้าวันใหม่ไปหลายชั่วยาม และนางเองก็ยังสู้ไม่ถอย สภาพจึงได้ออกมาเช่นตอนนี้หักโหมถึงเพียงนั้นเขาคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าหลังจากนั้นนางจะต้องป่วยเป็นแน่ จึงได้ลุกขึ้นไปเคี่ยวยาเตรียมไว้ให้นางตั้งแต่รุ่งสางและนางก็ป่วยจริงๆใบหน้าเล็กที่ซีดเซียวในคราแรก ตอนนี้ซับสีเลือดจนแดงก่ำมาจนถึงลำคอ แพขนตางอนขยับยุกยิก นั่นทำให้ชายหนุ่มที่คลอเคลียนางอยู่ไม่ห่างยกยิ้มขึ้น ดวงตาคมเผยประกายเจ้าเล่ห์สอดฝ่ามืออุ่นร้
เจียงม่านหัวใจเต้นแรงเมื่อถูกชายหนุ่มยกตัวจนลอยขึ้นจากพื้น ทั้งที่ริมฝีปากของทั้งสองยังคงแลกจูบกันอย่างดูดดื่ม สองแขนของนางกอดกระชับลำคอแข็งแกร่งเอาไว้ ยามเมื่ออีกฝ่ายก้าวเดินสองขาเรียวก็ยกขึ้นเกี่ยวรัดสะโพกสอบทรงพลังไว้แน่นจนเมื่อเขาวางนางลงบนเตียง ชายหนุ่มถึงได้ยอมปล่อยให้นางได้พักหายใจ แต่กระนั้นทั้งจมูกและริมฝีปากร้อนผ่าวก็หาได้ผละออกห่างจากใบหน้าของนางแม้แต่น้อย เขายังคงคลอเคลียพรมจูบไปทั่วใบหน้าของนางอย่างรักใคร่หลงใหล"ม่านม่าน เราแต่งงานกันเถอะนะ"เขาไม่อยากห่างจากนางอีกแล้ว ไม่อยากให้นางมองบุรุษอื่นอีก อยากให้ทั้งหัวใจและสายตาของนางมีเพียงแค่เขาเพียงคนเดียวเท่านั้นเสียงกระซิบแหบพร่าร้องบอกหญิงสาวที่กำลังตกอยู่ในห้วงอารมณ์พิศวาส ดวงตาคู่งามฉ่ำหวาน เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำ หญิงสาวไม่ได้ยินที่เขาเอ่ยถามแม้แต่น้อย ในแววตาของนางมีเพียงความสับสนมึนงง ไม่เข้าใจว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงหยุดการกระทำทุกอย่างลงเจียงม่านไม่รู้เลยว่าการนิ่งเงียบไม่ตอบคำของนาง จะทำให้ชายหนุ่มที่เฝ้ารอคำตอบรู้สึกเช่นไร ความผิดหวังน้อยใจไหววูบในดวงตาของเขา หัวใจปวดหนึบวูบโหวง แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้นก็แทนที่ด้วยคว
ผ่านมาสองวันเจียงม่านก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติบางอย่างที่เกิดขึ้นกับเว่ยซีหยวน อีกฝ่ายจงใจที่จะหลบหน้านางแน่แล้ว เพราะเขาหายหน้าหายตาไป ไม่มาหานางที่จวนเช่นดังปกติที่มักจะมาขลุกอยู่กับนางหรือมารับนางออกไปยังหอสุราด้วยกัน จนเรียกได้ว่าทั้งสองแทบจะตัวติดกันตลอดเวลาเขามักจะทำตัวติดกับนางเสมอ หรือหากแม้ว่ามีธุระก็จะส่งคนมาแจ้งพร้อมด้วยของฝาก แต่ครั้งนี้กลับหายหน้าหายตาไปเฉยๆ เสียอย่างนั้น และเมื่อนางเลือกที่จะเป็นฝ่ายไปหาเขาก่อน คนของอีกฝ่ายกลับแจ้งกับนางว่าเขาไม่ได้อยู่ในจวน เมื่อนางถามว่าอีกฝ่ายไปไหน กลับตอบกลับมาว่าไม่ทราบ ไม่รู้ว่าผู้เป็นนายไปไหนด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ทั้งยังไม่ยอมที่จะสบตานาง ท่าทางมีพิรุธเช่นนั้น พวกเขาคิดว่านางโง่หรืออย่างไร รอแล้วรอเล่าอีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมโผล่หัวมา จนย่างเข้าวันที่สาม ยอมรับว่าตอนนี้นางมีโทสะอยู่เต็มท้องคนบ้าผู้นั้นหลบหน้านางทำไมกัน นางไปทำอันใดให้อีกฝ่ายไม่พอใจ เหตุใดจึงไม่ยอมบอกกล่าว เล่นหายไปแบบนี้ใครมันจะไปรู้หรือจะเกี่ยวกับเรื่องในวันนั้น แต่มันก็ไม่มีสิ่งใดผิดพลาดมิใช่หรอกหรือ ตอนนี้ยังมีข่าวว่าเถ้าแก่เผยส่งแม่สื่อไปจวนตระกูลหม่าแล้ว อีกไม
"เจ้าจะยังรั้งรออันใด หรืออยากจะเป็นคนที่ขึ้นไปนอนบนเตียงนั่นเอง"เว่ยซีหยวนเมื่อตั้งสติได้ก็หันมาถลึงตาใส่กวนป๋อเหวินที่กำลังใช้สายตาต่อว่าเขากวนป๋อเหวินส่งค้อนวงโตให้ผู้เป็นสหายป่าเถื่อนของตน ก่อนจะลากร่างที่หนักอึ้งของเถ้าแก่เผยไปโยนลงบนเตียงด้วยแรงที่ไม่เบานัก ทั้งยังจับอีกฝ่ายเปลื้องผ้าจนเปลือยเปล่าหม่าลี่เซียนที่เห็นการกระทำของคนทั้งสองก็เบิกตาโพลง รับรู้ได้ว่าพวกเขาคิดจะทำสิ่งใด แต่ร่างกายที่กำลังสั่นสะท้านเพราะฤทธิ์กำยานปลุกกำหนัดทั้งยังความเจ็บปวดจากเหตุการณ์เมื่อครู่ ทำให้นางไม่อาจกระทำสิ่งใดได้ดั่งใจ ตอนนี้ความร้อนรุ่มกำลังเล่นงานนางอย่างหนัก อยากจะปลดปล่อยความต้องการภายในร่างกาย แต่การจะต้องร่วมเตียงกับชายแก่อ้วนฉุเช่นเถ้าแก่เผยนั้นทำให้นางไม่อาจที่จะยอมรับได้ จึงกัดกระพุ้งแก้มของตนอย่างแรงเพื่อรั้งสติเอาไว้ จนรสเลือดคละคลุ้งไปทั่วทั้งปากดวงตาแดงก่ำที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำจ้องมองบุรุษที่นางหลงใหลด้วยสายตาเจ็บปวดและเจ็บแค้น ก่อนที่เสียงหัวเราะขื่นขมจะเปล่งออกมาจากริมฝีปากสีซีดฮ่าฮ่าฮ่าหม่าลี่เซียนหัวเราะออกมาเสียงขื่น ในขณะที่น้ำตาของนางไหลพราก ช่างเป็นภาพที่น่าเวทนายิ่งนั
งานเลี้ยงในวันนี้เริ่มขึ้นได้สักพักแล้ว ทุกอย่างดำเนินไปด้วยบรรยากาศที่เป็นกันเอง เพราะผู้ที่มาร่วมงานในครั้งนี้ ล้วนเป็นเหล่าคหบดี พ่อค้าแม่ค้า และคนที่รู้จักมักคุ้นกันดีในเมืองฉางแห่งนี้เจียงม่านอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ เมื่อเป็นตัวนางเองที่ต้องมาอยู่ท่ามกลางแผนการร้ายของผู้อื่น ยามเมื่อคอยลุ้นในซีรี่ย์ที่เคยดูนั้นรู้สึกตื่นเต้นมากแล้ว ยามนี้กลับยิ่งตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าแม้ว่าจะรู้ตัวล่วงหน้า แต่พวกนางยังไม่รู้แน่ชัดว่าอีกฝ่ายคิดจะวางยาเว่ยซีหยวนเช่นไร หันไปมองเจ้าตัวก็เห็นว่าเขาไม่ยอมแตะต้องเครื่องดื่มหรืออาหารบนโต๊ะแม้แต่น้อย นั่นทำให้นางรู้สึกเป็นกังวล หากเป็นเช่นนี้เรื่องราวจะเป็นไปตามแผนการของอีกฝ่ายได้อย่างไรกันใช่ว่านางจะไม่หวงแหนหรือเป็นห่วงเขาแต่นางลงทุนลงแรงไปถึงเพียงนี้จะให้สูญเปล่าได้อย่างไรกัน อย่างไรเสียวันนี้หม่าลี่เซียนก็จะต้องมีสามีที่ไม่ใช่บุรุษของนางนางยอมทุ่มเงินมากมายเพื่อว่าจ้างคนมีฝีมือที่เป็นวรยุทธ์คอยดูแลอยู่ห่างๆ อย่างไรก็มั่นใจว่าเขาจะต้องปลอดภัย ก่อนที่จะถูกหญิงนางนั้นกลืนลงท้อง อีกทั้งยังมีคนของคุณชายกวนที่กระจายตัวอยู่อีกอย่างใช่ว่าพ่ออันธพาลของนางจะร