งานแต่งงานเริ่มจัดเตรียมขึ้นแล้ว ฤกษ์สมรสถูกเลือกเป็นอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ด้านสินเจ้าสาวสกุลกู้เองก็เป็นผู้จัดเตรียมให้นาง หนึ่งในสินเจ้าสาวที่สกุลกู้มอบให้ก็คือบ้านที่ถนนหมายเลขที่สิบสามในเมืองซึ่งตั้งอยู่กลางเมืองติดกับถนนกลางค้าที่คึกคักของเมืองอีกทั้งพวกเขาให้นางออกมาพักอยู่ที่นี่ในระหว่างรอแต่งงานอีกด้วย เห็นท่านป้ากู้เอ่ยว่าระยะทางจากที่นี่ไปจวนสกุลกู้ใช้เวลาไม่นานอีกทั้งถนนหนทางก็สะดวกถือเป็นทำเลที่ดีที่สุดในเมืองแห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้
อีกฝั่งหนึ่งเป็นบ้านอีกฝั่งหนึ่งก็มีหน้าร้านที่สามารถทำการค้าได้ เห็นว่าสกุลกู้เพิ่งซื้อที่นี่มาได้ไม่นานจึงยังปล่อยเอาไว้ไม่ได้ปรับปรุงหรือคิดวางแผนเปิดกิจการที่นี่
นางเพิ่งเข้ามาในเมืองได้ไม่กี่วันก็มีบ้านขนาดไม่ธรรมดาเป็นของตัวเองแล้ว อีกทั้งยังใช้เปิดร้านหารายได้เสริมได้อีกด้วยทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วราวกับฝันไปจริงๆ
“คุณหนู...ฮูหยินกำชับบ่าวเอาไว้ว่าหากคุณหนูขาดเหลือสิ่งใดก็ต้องรีบให้บ่าวไปแจ้งแก่ฮูหยิน คุณหนูมีสิ่งใดที่ต้องการอีกหรือไม่เจ้าคะ”
“เท่านี้ก็ดีเกินไปมากแล้วล่ะอาจิน” นางเอ่ยตอบก่อนจะเดินสำรวจบ้านใหม่ของตนอย่างตื่นเต้น เครื่องเรือนถูกเปลี่ยนเป็นของใหม่เกือบทั้งหมด สาวใช้และคนงานที่มองเห็นในขณะนี่ก็มีเพิ่มมามากกว่าหกคนแล้ว บ้านใหม่ของนางแห่งนี้ไม่เหลือเค้าบ้านเก่าที่เคยถูกทิ้งเอาไว้เลยทำให้เห็นได้ชัดว่าท่านป้ากู้ใส่ใจนางแค่ไหน นี่ยังไม่นับรวมไปถึงเสื้อผ้าและเครื่องประดับสำหรับใช้ในชีวิตประจำวันอีกหลายสิบอย่างที่ท่านป้ามอบให้นางตั้งแต่ที่หญิงสาวไปถึงจวนสกุลกู้ ยามนี้ทุกอย่างในห่อผ้าที่นางนำติดมาด้วยถูกเปลี่ยนเป็นของใหม่ทั้งหมดแล้วเสื้อผ้าตัวเก่าก็ถูกนำออกไปจนหมดเช่นเดียวกัน
“ฮูหยินยังเอ่ยอีกว่า คุณหนูสามารถไปที่จวนสกุลกู้ได้เสมอ มีเพียงก่อนแต่งงานสามวันเท่านั้นที่ควรเก็บตัวอยู่แต่ในเรือน”
คืนนี้ที่บ้านใหม่ของนางหญิงสาวได้นอนเต็มอิ่ม ตื่นเช้ามาก็มีอาจินและเหล่าสาวใช้ในบ้านคอยปรนนิบัติจนฉงหลงแทบจะไม่ต้องขยับตัวทำอะไรด้วยตัวเองเลย
แม้การถูกปรนนิบัติดูแลจะเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับนางที่ไม่อาจทำใจให้ชินได้จริงๆ ทว่าก็ต้องจำใจฝึกฝนอย่างอดทนจะให้ผู้อื่นเห็นนางเป็นเพียงสตรีบ้านนอกอีกไม่ได้ อย่างน้อยๆ นางก็ต้องทำเพื่อไว้หน้าสกุลกู้บ้างตอบแทนที่สกุลกู้ดีกับนางถึงเพียงนี้
ช่วงสายของวันฉงหลงนั่งเล่นที่ชิงช้าในสวนโดยมีอาจินอยู่ไม่ห่าง หลายวันมานี้นางกับอาจินถือว่าสนิทสนมกันมากขึ้นทีเดียว ระหว่างพวกนางเรียกได้ว่าสามารถคุยเรื่องลึกลับซับซ้อนได้ขั้นหนึ่งแล้ว
“อาจินหากข้ามีเรื่องสงสัยเกี่ยวกับคุณชายใหญ่กู้จะถามเจ้าหน่อยได้หรือไม่”
“หากบ่าวรู้ก็จะตอบคุณหนูอย่างไม่ปิดบังเจ้าค่ะ”
“คนในเมืองลือเรื่องที่คุณชายใหญ่มีความชอบส่วนตัวที่เป็นส่วนตัวมากๆ มานานแล้วหรือ” นางตั้งใจใช้คำเลี่ยงในคำถาม แต่ก็รู้ดีว่าอาจินจะต้องเข้าใจที่นางต้องการสื่อได้อย่างแน่นอน
“ลือกันมาเรื่อยๆ เจ้าค่ะ สองเดือนมานี้ถึงเรียกได้ว่าลือกันหนักข้อขึ้นจนเรียกว่าหนาหูได้เลยทีเดียว”
“เหตุใดถึงเป็นเช่นนั้นกัน”
“อาจเป็นเพราะจู่ๆ เมื่อสองเดือนก่อนมีบุรุษหน้าตาดีมาขวางรถม้าคุณชายกลางตลาดแล้วขอให้คุณชายแต่งงานกับเขาเจ้าค่ะ ชาวบ้านจึงลือกันไปต่างๆ นานาจนเรื่องไหนเป็นจริงหรือเท็จก็ไม่มีใครรู้แน่ชัดแล้วเจ้าค่ะ”
“รูปโฉมงดงามเกินไปก็เป็นทุกข์สินะ หลายเดือนนี้คุณชายใหญ่คงไม่สบายใจไม่น้อยเลย” แม้แท้จริงเขาจะเป็นอะไรมันก็สุดแล้วแต่เขาก็เถอะ ทว่าถูกพูดถึงเช่นนี้ก็มีแต่จะทำให้คนเสียใจเสียสุขภาพจิตไปเปล่าๆ
“จากที่บ่าวเห็นดูเหมือนว่าคุณชายจะไม่ได้สนใจข่าวลือใดๆ เลยนะเจ้าคะ ต่างจากฮูหยินที่โมโหสุดขีดกับข่าวลือเหล่านั้น”
“ข้าก็เข้าใจท่านป้าได้อยู่ว่าเหตุใดนางถึงโมโหเช่นนั้น”
ฉงหลงนั่งบนชิงช้าสนทนาเรื่อยเปื่อยกับอาจินอีกหลายเรื่อง ไม่ นานสาวใช้ผู้หนึ่งถึงเข้ามาแจ้งว่าคุณชายให้ญ่สกุลกู้มาเยือนนางได้รีบให้คนไปเชิญเข้ามาในทันที
ใต้ต้นเหมยใหญ่ซึ่งมีชิงช้าผูกเอาไว้ถูกใช้เป็นสถานที่สำหรับ สนทนาของนางกับคุณชายใหญ่กู้ในเวลาต่อมา โดยนางได้สั่งให้คนยกโต๊ะ น้ำชาออกมาเพื่อให้มีเก้าอี้ให้ผู้มาใหม่ได้นั่งในระหว่างสนทนากัน
ภายหลังคุณชายใหญ่กลับไปแล้วนางคงต้องสั่งให้อาจินดูชุดเก้าอี้รับแขกกลางแจ้งสักชุดมาตั้งเอาไว้เพื่อใช้รับแขกมาเยือนในภายหน้า
คุณชายใหญ่กู้ซืออันในวันนี้ต่างไปจากก่อนหน้าที่นางเคยพบเมื่อครั้งก่อนๆ ในวันนี้เขาแต่งกายด้วยอาภรณ์บุรุษเนื้อดีราคาแพง ใบหน้างดงามราวกับเทพเซียนไม่ได้มีหมวกคลุมปกปิดอีกต่อไป
ชายหนุ่มในยามนี้ราวกับเทพเซียนที่หลุดออกมาจากรูปวาดล้ำค่าก็มิปาน
“ท่านแม่ให้ข้าแวะมาดูเจ้าว่าอยู่ที่นี่สุขสบายดีหรือไม่”
“ท่านป้าช่างใส่ใจนัก ข้าอยู่ที่นี่สบายดีทุกอย่างต้องรบกวนให้คุณชายกู้กลับไปเรียนบอกท่านป้าแทนข้าด้วย”
“ข้ามาที่นี่แล้ว ไม่ต้องกลับไปรายงานอะไรกับท่านแม่ก็ย่อมได้ เจ้ามองไม่ออกหรอกหรือว่านี่เป็นแค่อุบายที่นางอยากให้พวกเราอยู่ด้วยกัน”
“....” ข้ามองไม่ออกจริงๆ นั่นแหละ นางนิ่งเงียบไม่ได้ตอบสิ่งใดกลับไป
“เจ้ามองท่านแม่ไม่ออกก็ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของข้าอยู่แล้ว”
หลิงฉงหลงได้แต่ยิ้มเจื่อนเท่านั้น เมื่อครู่เขาคงจะคิดว่านางโง่ ซึ่งก็ยอมรับได้เลยว่าในเรื่องนี้นางค่อนข้างโง่จริงๆ
“ช่วงบ่ายคนจากร้านเครื่องประดับจะนำแบบมงกุฎหงส์[1]มาให้เจ้าเลือก เจ้าก็เลือกแบบที่ชอบได้เลยหากยังไม่มีแบบที่ชอบก็ให้คนนำแบบมาให้เจ้าเลือกอีกได้จนกว่าเจ้าจะถูกใจ”
“ข้าไม่เลือกมาก หากมีแบบใดเหมาะสมข้าก็จะเลือกอันนั้น” นางเอ่ยออกมาอย่างสบายๆ
“เลือกที่เจ้าชอบเถอะ เหมาะสมหรือไม่มิต้องไปสนใจ เจ้าเป็นผู้สวมใส่และนี่คือมงกุฎหงส์อันแรกและอันเดียวของเจ้าในฐานะเจ้าสาว”
“เช่นนั้นข้าจะเลือกที่ข้าชอบที่สุด” นางเอ่ยพลางยิ้มกว้าง
“ได้เช่นนั้นจึงจะถือว่าดีที่สุด”
จางจงนั้นได้แต่แปลกใจไม่หยุดที่คุณชายของเขาใส่ใจว่าที่ฮูหยินถึงเพียงนี้ ตั้งแต่ที่เขาห่างคุณชายไปเพียงไม่กี่ชั่วยามต่อมาก็พบว่ามีคู่หมั้นมาทวงสัญญาแต่งงานแถมคุณชายยังตอบรับการแต่งงานในครั้งนี้ ซ้ำเมื่อเห็นว่าที่ฮูหยินครั้งแรกจางจงก็อดตื่นตะลึงไม่ได้และพบว่าทุกอย่างนั้นช่างบังเอิญเกินไปจริงๆ
วันนี้ยามฮูหยินสั่งใหญ่คุณชายมาหาว่าที่ฮูหยินเพื่อเยี่ยมเยียนนาง จางจงแอบคิดอยู่ในใจว่าอย่างไรคุณชายที่ยุ่งในทุกวันย่อมไม่มีทางมาตามคำสั่งแน่ แต่กลับคิดผิดคุณชายไม่เพียงแค่มาเท่านั้นแต่ยังรั้งอยู่สนทนาอีกด้วย อีกทั้งยังพูดคุยกำชับอย่างใส่ใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนต่อสตรีอื่นยิ่งไม่มีทางจะพบเห็นได้แน่ในชีวิตนี้
จางจงไม่อาจทำความเข้าใจสถานการณ์ระหว่างคุณชายและคุณหนูหลิงได้อย่างท้อแท้ เขาพบว่าคุณชายไม่มีท่าทีรังเกียจหรือไม่พอใจคุณหนูหลิงฉงหลงว่าที่ภรรยาที่ตนไม่ได้เลือกเองเลยแม้แต่น้อย
อีกทั้งคนทั้งคู่เมื่ออยู่ด้วยกันแล้วก็พบว่าดูเข้ากันได้อย่างแปลกๆ แต่ก็ไม่อาจเรียกได้ว่าดูขัดตาแต่อย่างไร
“จางจง จางจง คุณชายของเจ้าล่วงหน้าไปแล้วนะ” เป็นฉงหลงที่เอ่ยเรียกผู้ติดตามของคุณชายใหญ่กู้ที่เดินออกไปไกลแล้วไม่ได้รั้งเท้ารอผู้ติดตามของตนที่จู่ๆ ก็ยืนนิ่งราวกับหลุดเข้าไปในโลกความคิดของตน จนไม่ทันได้รู้ตัวว่าผู้เป็นนายเดินไปจากที่นี่แล้วจนฉงหลงต้องเรียกขานชื่อเขาอยู่นานเพื่อเรียกสติ
จางจงเมื่อได้สติก็โค้งคำนับพร้อมเอ่ยลาฉงหลงสั้นๆ ก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าวิ่งตามผู้เป็นนายของตนไป
อาจินกับฉงหลงเห็นท่าทีแปลกๆ ของจางจงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะตามหลังเขาไปอย่างนึกขบขัน
[1] มงกุฎหงส์ เป็นเครื่องประดับศีรษะที่เจ้าสาวชาวจีนสวมใส่ในพิธีแต่งงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชุดแต่งงานแบบดั้งเดิมหรือชุดแต่งงานแบบจีนโบราณ
ตอนพิเศษ : ข่าวดีครั้งใหม่เรือนใหญ่สกุลกู้ในยามเช้าอากาศปลอดโปร่ง แสงแดดอุ่นสาดต้องใบไม้เขียวชอุ่ม ด้านในเรือนหรู หลิงฉงหลงนั่งพิงหมอนอิงอยู่บนตั่ง ดวงหน้าอิ่มเอิบแฝงรอยแดงระเรื่อเพราะอาการแพ้ท้อง มือบอบบางลูบหน้าท้องแบนราบที่เพิ่งเริ่มมีกำลังจะมีชีวิตใหม่เติบโตอยู่ในนั้นกู้ซืออันก้าวเข้ามาด้วยสีหน้าเปี่ยมยิ้ม ดวงตาคมดุที่ปกติแฝงความเข้มงวดกลับอ่อนโยนอย่างที่สุดยามทอดมองภรรยา“วันนี้อาการดีขึ้นบ้างหรือไม่ เจ้ายังกินข้าวเช้าได้น้อยนัก ข้าห่วง”“ข้าเพียงเวียนศีรษะเล็กน้อย…ไม่เป็นอะไรหรอกท่านพี่”หลิงฉงหลงเอ่ยเสียงแผ่วแต่แววตาเต็มไปด้วยความสุข นางก้มมองหน้าท้องตนเองพลางยกยิ้มอ่อนหวาน“ครั้งนี้ ข้ามั่นใจว่าเจ้าตัวเล็กจะเป็นสตรีน้อยแน่ ๆ”กู้ซืออันหัวเราะเบา ๆ มือใหญ่ลูบเส้นผมนางอย่างเอ็นดู“จะเป็นบุตรชายหรือบุตรสาวก็ล้วนเป็นสายเลือดของเรา ข้าไม่ปรารถนาอื่นใดนอกจากให้เจ้าแข็งแรงทั้งแม่ทั้งลูก”ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าเล็ก ๆ ดังใกล้เข้ามา เด็กชายวัยห้าขวบผู้เป็นบุตรคนโตวิ่งเข้ามาด้วยความตื่นเต้น“ท่านแม่! นี่จริงหรือไม่ ข้าจะมีน้องจริง ๆ หรือ!?”หลิงฉงหลงยกยิ้มพลางอ้าแขนรับลูกชายเข้ามากอด“จร
ตอนพิเศษ : ความฝันที่ไม่อยากฝันยามราตรีเงียบสงัด แสงจันทร์ลอดเข้ามาผ่านหน้าต่างบานเล็ก กู้ซืออันนอนหลับตาพริ้มเคียงข้างภรรยาอย่างที่เคยทุกคืน แต่คืนนี้…กลับต่างออกไปภายในความฝัน เขาพบว่าตนเองยืนอยู่ในเรือนว่างเปล่า ทุกสิ่งที่เคยอบอุ่นกลับเย็นเยียบไร้ผู้คน เสียงหัวเราะที่คุ้นหูหายไปจนหมดสิ้น เขาเดินไปทั่วทั้งเรือนแต่กลับไม่พบเงาของนางแม้แต่น้อยแล้วภาพหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า — หลิงฉงหลงยืนอยู่กลางลาน แต่ใบหน้างดงามกลับเย็นชา แววตาไร้แววอ่อนโยนที่เคยมีให้เขา“ซืออัน…ข้ามิได้รักท่านอีกต่อไปแล้ว”หัวใจของเขาราวกับถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ มือใหญ่เอื้อมไปคว้าแต่กลับว่างเปล่า ร่างของนางถอยห่างออกไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายเลือนหายไปกับหมอกจาง“ฉงหลง! อย่าไป… อย่าทิ้งข้า!” เสียงตะโกนของเขาแตกพร่า สะท้อนก้องไปทั่วความว่างเปล่าความหนาวเหน็บบีบรัดจนหายใจไม่ออก ความหวาดกลัวที่ไม่เคยมีมาก่อนถาโถมเข้ามาในใจชายผู้ไม่เคยยอมแพ้แก่สิ่งใดกู้ซืออันสะดุ้งตื่นในยามดึก เหงื่อเม็ดโตผุดเต็มหน้าผาก หัวใจเต้นแรงราวกับจะทะลุออกจากอก เขาหันไปมองคนข้างกายทันทีหลิงฉงหลงยังคงนอนหลับสนิท แสงจันทร์อาบไล้เรือนร่างบอบบางในอ้อมผ้า
ตอนที่ 36เพื่อนางข้าไม่เกี่ยงหากต้องโหดเหี้ยมหนี้ที่นายอำเภอฉางต้องชดใช้ถูกเรียกเก็บเป็นก้อนๆ เพราะอีกฝ่ายมีหนี้สิ้นมากหลายแห่ง แน่นอนว่าเงินเพียงเล็กน้อยไม่ได้สำคัญถึงกับที่กู้ซืออันจะรอไม่ได้ มีลูกหนี้เป็นนายอำเภอถือเป็นการดีเสียอีก อีกทั้งอำนาจและเส้นสายของนายอำเภอฉางตั้งหากที่พอจะสำคัญในสายตากู้ซืออันอยู่บ้างเรื่องของฉางกู๋เขาให้คนตามดูจนแน่ชัดแล้วว่าอีกฝ่ายออกไปจากเมืองต้าไห่แล้วจริงๆ อีกทั้งเหมือนจะลงใต้เพื่อเดินทางไปที่บ้านเดิมของสกุลฉาง แม้ฉางกู๋จะยอมจากไปแต่โดยดีทว่ากู้ซืออันย่อมไม่อาจวางใจได้ว่าในอนาคตคนผู้นี้จะคิดหวนกลับมาทำร้ายฮูหยินตัวน้อยของตนอีกหรือไม่แน่นอนว่าเขาย่อมต้องลงมือก่อนที่จะนั่งรออีกฝ่ายที่ไม่รู้ว่าจะกลับมาแก่แค้นหรือไม่และจะใช้วิธีการใดและเวลาใดเพราะฉะนั้นในคืนหนึ่งกู้ซืออันจึงมีคำสั่งการหนึ่งให้จางจงคนสนิทไปทำนั่นก็คือหามือดีสักหายคนไปจัดการหันแขนหักขาฉางกู๋ผู้นั้นซะ โดยให้ทำให้เหมือนว่าเป็นฝีมือของพวกโจรที่ต้องการปล้นชิงทรัพย์คนที่คิดร้ายกับฮูหยินของเขา แม้ชายหนุ่มจะไม่คิดเอาชีวิตแต่ก็ไม่คิดให้คนผู้นั้นอยู่ครบสามสิบสองส่วนในร่างกายอยู่แล้ว“อย่าให้เห
ตอนที่ 35ทำผิดก็ต้องชดใช้คืนนั้น หลังจากขับไล่ฉางกู๋ออกไปแล้ว นายอำเภอฉางมิอาจข่มตาหลับได้ทั้งคืน ความคิดถึงชื่อเสียงและเกียรติยศของตระกูลฉางวนเวียนอยู่ไม่หยุดสุดท้ายเมื่อฟ้าเริ่มสว่าง เขาจึงตัดสินใจพาตัวเองไปยัง จวนสกุลกู้ ด้วยท่าทีที่ต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมาที่หน้าจวน คนใช้ของสกุลกู้ต่างประหลาดใจที่เห็น ขุนนางผู้ทรงอำนาจแห่งเมืองนี้ ยอมก้าวลงจากเกี้ยวด้วยตนเอง แถมยังไม่แสดงอำนาจข่มใด ๆ ดั่งเคย หากแต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจริงจังเมื่อกู้ซืออันก้าวออกมาต้อนรับ เขาเห็นชัดว่านายอำเภอฉางโค้งคำนับลึก แววตาที่เคยเชิดชูศักดิ์ศรีบัดนี้เต็มไปด้วยการยอมอ่อนข้อ“คุณชายกู้… ข้ามาครานี้เพื่อกล่าวคำขออภัยต่อท่านและฮูหยินโดยตรง เรื่องที่หลานโง่เขลาของข้าได้ก่อไว้ ข้าขอยอมรับผิดทั้งหมด”เสียงของเขาหนักแน่น แต่ฟังออกชัดเจนว่าฝืนกล้ำกลืนความอับอายเอาไว้เต็มที่กู้ซืออันยกยิ้มจาง ๆ ไม่ได้แสดงความโกรธเคืองหรือรีบร้อนตอบรับ เพียงเอ่ยช้า ๆ ราวกับให้ถ้อยคำของอีกฝ่ายก้องสะท้อนอยู่ในโถง “นายอำเภอฉาง…ถ้อยคำนี้ ข้าเฝ้ารอมาเนิ่นนานแล้ว”ความเงียบปกคลุมทั่วทั้งจวน ทุกคนจับตามองการเผชิญหน้าของสองตระกูลอย่างระทึ
ตอนที่ 34 เริ่มลงมือ หลายวันต่อมา ในเรือนของนายอำเภอฉาง บรรยากาศกลับไม่ สงบดังเดิมเสียงฮูหยินใหญ่ตวาดลั่นออกมาจากห้องโถง “ท่านไปเล่นการ พนันอีกแล้วใช่หรือไม่! ข้าถึงได้ยินข่าวว่ามีเจ้ามือจากนอกเมืองมาตามทวง หนี้ถึงหน้าประตูเรือน!”นายอำเภอฉางขมวดคิ้ว หน้าดำแดงเพราะทั้งโกรธและอับอาย “พวกนั้นมันใส่ความข้า! ข้ามีหน้าที่การงานทั้งตำแหน่ง ใครจะกล้าออกมาเอาเรื่องกับข้าอย่างเปิดเผยเล่า”“แต่คนทั้งเมืองเขาเริ่มซุบซิบนินทาแล้วว่า นายอำเภอฉางเป็นหนี้ บ่อนจนหัวโต หากเรื่องนี้ลามไปถึงผู้ตรวจการ เจ้าคิดหรือว่าตำแหน่งของ เจ้าจะมั่นคง!”คำพูดนั้นทำให้เขาหน้าซีดลงเล็กน้อย แม้จะพยายามข่มอารมณ์ แต่เหงื่อเย็นก็ผุดขึ้นตรงขมับในขณะเดียวกัน คนสนิทของเขารีบเข้ามารายงานเบา ๆ“ท่านนายอำเภอ…มีข่าวว่ามีคนลือกันว่า ท่านรับสินบนจากพ่อค้าหลายราย ทั้งยังเกี่ยวพันกับการลักลอบสมุนไพรต้องห้าม”นายอำเภอฉางสะดุ้งเฮือก ดวงตาเบิกกว้าง “เรื่องนี้…ใครเป็นคนปล่อย!”คนสนิทก้มศีรษะต่ำ “ข้าน้อยยังไม่รู้แน่ชัด เพียงแต่ได้ยินว่าข่าวลือเริ่มแพร่ไปตามโรงเตี๊ยมกับตลาด คนพูดกันหนาหูนัก…”เขากำหมัดแน่น กัดฟันกรอด “เป็นใคร…เป็นใ
ตอนที่ 33 เฝ้ารอโอกาส กว่าที่หลิงฉงหลงจะตั้งตัวตั้งสติกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ก็กินเวลาไปกว่าสามวันเต็มๆ แล้ว กู้ซืออันยังไม่ยอมให้นางออกไปดูที่ร้านฮวาเซียงด้วยตนเอง นางรู้ดีว่าชายหนุ่มเป็นห่วงกลัวว่านางไปเห็นด้วยตาตนเองแล้วจะเกิดอารมณ์อ่อนไหวอีกแต่ถึงอย่างนั้นแม้นางไม่ได้ไปด้วยตัวเองแต่ก็ต้องเรียกสวีมี่อิงผู้ดูแลร้านเข้ามารายงานความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเพลิงที่เผาไหม้มี่อิงรายงานกับนางว่าทุกอย่างในส่วนของร้านและที่เก็บของภายในร้านที่เก็บสินค้าเอาไว้เป็นส่วนใหญ่นั้นถูกเผาจนเหลือเพียงแค่เศษซาก ทุกอย่างเสียหายจนหมดสิ้น รายการความเสียหายเล่มหนึ่งถูกยื่นมาพร้อมกับการรายงานให้ฟัง แน่นอนว่าหญิงสาวรับรายงานนี้เอาไว้ด้วยใจที่สั่น หากไม่ติดว่ามีผู้เป็นสามีคอยกุมมือให้กำลังใจอยู่ทุกขณะหญิงสาวก็คงไม่อาจกลั้นน้ำตาหรือความอ่อนไหวนี้เอาไว้ได้อีกโชคดีที่ส่วนของบ้านเล็กๆ ของนางที่ถนนหมายเลขสิบสามไม่ได้รับความเสียหายไปด้วย เพราะกำแพงกั้นระหว่างกันนั้นค่อนข้างจะแน่นหนาแข็งแรงอีกทั้งไม่มีหลังคาหรือส่วนใดของเรือนที่ยื่นใกล้ชิดกันจนเพลิงจะสามารถลุกลามมาถึงได้หลิงฉงหลงอดคิดไม่ได้หากนางต้องสูญเสียบ้านหลั