หน้าหลัก / รักโบราณ / โชคชะตาวิญญาณนำพารัก / บทที่ 5 ซื้อที่ดินสร้างจวน

แชร์

บทที่ 5 ซื้อที่ดินสร้างจวน

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-16 21:16:11

หลังจากเข้าเมืองมาได้แล้วหลี่อิงก็ให้คนขับรถม้าที่จ้างมาไปยังที่ว่าการเมืองต้าถงทันที เมื่อมาถึงก็พบว่าหวังหรูอี้มารออยู่ที่หน้าประตูทางเข้าแล้ว 

“เป็นอย่างไรบ้าง”

หลี่อิงเอ่ยถามหวังหรูอี้ในขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังพาหญิงสาวไปที่ห้องติดต่อซื้อขายที่ดินของเมือง

“ท่านผู้ดูแลขอรับ แม่นางท่านนี้มาติดต่อขอซื้อที่ดินกับจวนขอรับ”

เจ้าหน้าที่คนนั้นเอ่ยแจ้งกับบุรุษวัยกลางคนที่นั่งอยู่ในห้อง ซึ่งคาดว่าหน้าจะเป็นคนดูแลจัดการที่ดินของเมืองแล้วจากไปปล่อยให้นางยืนอยู่กลางห้องคนเดียว

“เจ้าต้องการจวนแบบไหนละ” เจ้าหน้าที่คนนั้นเอ่ยถามเสียงเรียบ

“เอ่อ...”

“อ่อ เสียมารยาทแล้ว เชิญเจ้านั่งก่อน” เขาเอ่ยเชิญหลี่อิงให้นั่งลงที่เก้าอี้ด้านหน้าโต๊ะทำงานของเขาเอง

“ข้าน้อยมีนามว่าหลี่อิงเจ้าค่ะ ไม่ทราบว่าท่าน...” หลี่อิงไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อน เลยเลือกที่จะแนะนำตัว

“ข้าแซ่โจว ชื่อตัวเดียวว่าหมิง” เขาตอบเสียงเรียบ

“เจ้าค่ะ เจ้าหน้าที่โจว คือว่าข้าต้องการจวนพร้อมกับที่ดินจำนวนหนึ่ง พอจะมีที่ไหนแนะนำหรือไม่เจ้าค่ะ” หลี่อิงแจ้งความต้องการออกไปทันที

“มีราคาตั้งไว้หรือไม่” โจวหมิงถามพร้อมกับมองสำรวจหลี่อิงไปด้วย

“ไม่มีเจ้าค่ะ” เมื่อได้ยินดังนั้นเขาจึงหยุดสำรวจแล้วมองหน้าหลี่อิงอยู่ชั่วครู่

“ก่อนอื่นข้าขอแจ้งให้ทราบถึงราคาจวนต่างๆ ที่มีและราคาที่ดินในเขตเมืองนี้ก่อนว่าราคาอาจจะสูงสักหน่อย เจ้าค่อยตัดสินใจก็แล้วกัน จวนพร้อมที่ดินที่ทางการมีตอนนี้ มีอยู่ห้าแห่ง อยากได้เนื้อที่ประมาณไหนและกี่หมู่ละ”

มีอยู่สองที่ ที่ตรงกับที่เจ้าตรงการ ทางทิศตะวันออกติดกำแพงเมืองกับทิศเหนือของแม่น้ำแต่ว่าตรงนั้นจะค่อนข้างไกล

หวังหรูอี้บอก

“ข้าอยากได้ที่ที่ติดกับแม่น้ำเจ้าค่ะ”

“ที่ติดกับแม่น้ำมีอยู่สามแห่ง เจ้าลองดู จะมีรายละเอียดต่างๆ อยู่ด้วย” โจวหมิงยื่นเอกสารที่ดินมาให้ หลี่อิงจึงรับมาดูอย่างละเอียด

ที่แรกทิศเหนือของตลาดมีเนื้อที่ประมาณยี่สิบหมู่ มีเรือนห้าหลังแยกเป็นเรือนใหญ่หนึ่งหลัง เรือนกลางสองหลัง เรือนเล็กสองหลังและมีห้องครัวอยู่ด้วย

ที่ที่สองเป็นที่ดินทางทิศเหนือแม่น้ำมีเนื้อที่หนึ่งร้อยยี่สิบหมู่เป็นที่ว่างเปล่า

ที่ที่สามทางทิศตะวันออกติดกำแพงมีเนื้อที่ห้าสิบหมู่มีเรือนแปดหลัง เป็นเรือนใหญ่สองหลัง เรือนกลางสามหลัง เรือนเล็กหลังและเป็นเรือนบาวไพร่สองหลังและยังมีโรงครัวกับคอกม้า

“ที่ตรงทิศเหนือแม่น้ำนี้ราคาเท่าไรเจ้าค่ะ” หลี่อิงเอ่ยถาม

“ที่ตรงนี้อยู่ค่อนข้างไกลจากตลาดและแหล่งการค้า จึงไม่มีคนอยากไปอยู่นัก ราคาที่ดินต่อหมู่จึงไม่แพงมาก สิบตำลึงทอง” หลังจากที่เจ้าหน้าที่แจ้งราคาออกมาก็เกิดความเงียบขึ้นทันที

บ้าไปแล้วราคาตั้งสิบตำลึงทองต่อหมู่

หวังหรูอี้เอ่ยขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“ข้าขอเวลาสักครู่นะเจ้าค่ะ” หลี่อิงแจ้งกับเจ้าหน้าที่ก่อนจะลุกออกไปด้านนอก

เจ้าอย่าซื้อนะราคาบ้าอะไรแพงขนาดนั้น

หวังหรูอี้ว่า

“สิบตำลึงทองมันแพงมากหรือเจ้าค่ะ” หลี่อิงเอ่ยถามเพราะนางยังไม่ค่อยเข้าใจการนับเงินของที่นี่นัก

ก็แพงนะสิ เจ้าก็ลองคิดดูนะ ราคาที่ดินที่หมู่บ้านเจ้าอย่างมากก็หมู่ละสามตำลึงเงินต่อให้เป็นในอำเภอที่หมู่บ้านเจ้าก็ไม่เกินหนึ่งตำลึงทอง หวังหรูอี้เอ่ยเปรียบเทียบให้ฟัง

“ข้าตัดสินใจได้แล้วเจ้าค่ะ” หลี่อิงว่าแล้วเดินกลับเข้าไปด้านในอีกครั้ง

“หากเจ้าต้องการที่ถูกกว่านี้ข้าแนะนำ...” โจวหมิงที่เห็นหลี่อิงเดินเข้ามาด้วยสีหน้าหนักใจจึงคิดจะแนะนำที่อื่นให้ แต่ยังพูดไม่ทันจบหลี่อิงก็ขัดขึ้นเสียก่อน

“ข้าเอาที่นี่เจ้าค่ะ”

“ห๊ะ!!” โจวหมิง

ห๊ะ!!”

หวังหรูอี้

“ข้าต้องการที่ดินตรงนี้เจ้าค่ะ” หลี่อิงย้ำอีกครั้ง

“เจ้าคิดดีแล้วใช่ไหม” โจวหมิงถามเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง

“เจ้าค่ะ” หลี่อิงตอบอย่างหนักแน่น

“เช่นนั้นข้าจะพาเจ้าไปดูที่ดินตรงนั้น ตามมา” ว่าแล้วโจวหมิงก็พาหลี่อิงออกไปดูที่ดินดังกล่าวทันที

ข้าบอกเจ้าแล้วว่ามันแพงไม่ใช่หรือ ทำไมถึงยังซื้ออีก

หวังหรูอี้ถามอย่างไม่เข้าใจ

“เชื่อข้าสิเจ้าค่ะ ต่อไปที่ในเมืองนี้มีแต่จะเพิ่มขึ้นไปอีก หากเราไม่ซื้อตอนนี้รออีกหน่อยคงไม่มีปัญญาจะซื้อแล้วละเจ้าค่ะ” หลี่อิงบอกกับหวังหรูอี้เสียงเบา

พวกเขาใช้เวลาเดินทางกว่าครึ่งชั่วยามก็มาถึงที่ดินผืนดังกล่าว ที่ตรงนี้เป็นที่ว่างเปล่า แต่กลับไม่ได้รกร้างอย่างที่คิด

“พวกท่านให้คนมาตัดต้นไม้ออกหรือเจ้าค่ะ” หลี่อิงถามด้วยความแปลกใจ

“ใช่แล้วละ ที่ดินพวกนี้เป็นของทางการ มีไว้ขายโดยเฉพาะ จะมีเจ้าหน้าที่มาดูแลอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว” โจวหมิงบอก

“ข้าตกลงเอาที่นี่แหละเจ้าค่ะ แล้วถ้าหากต้องการแรงงานสามารถไปที่ไหนได้บ้างเจ้าค่ะ” หลี่อิงเอ่ยถามสิ่งที่ต้องการ

“แรงงานทาสหรือ”

“เปล่าเจ้าค่ะ เป็นแรงงานที่รับจ้างสร้างกำแพงสร้างจวนนะเจ้าค่ะ”

“ทางการมีกลุ่มคนให้ หากเจ้าต้องการ” โจวหมิงเอ่ยเสนอขึ้น

“ข้าต้องการเจ้าค่ะ ข้าจะสร้างกำแพงล้อมพื้นที่ทั้งหมดรวมทั้งสร้างจวนด้วยเจ้าค่ะ” หลี่อิงบอกความต้องการออกไป

“ได้ เดี๋ยวข้าจะจัดการคนให้ เจ้าต้องการเมื่อไรก็บอกแล้วกัน”

“ข้าต้องการเร็วที่สุดเจ้าค่ะ ข้าขอรบกวนอีกสักเรื่อง ตอนนี้ข้ายังไม่มีที่พัก ท่านพอจะแนะนำได้ไหมเจ้าค่ะ” หลี่อิงถาม หากต้องสร้างจวน น่าจะใช้เวลาไม่น้อยเลย ตอนนี้นางยังไม่มีที่พักในเมือง จึงลองสอบถามกับโจวหมิงดูเพื่อว่าเขาจะสามารถแนะนำนางได้

“ที่พักหรือ เจ้ามีสัมภาระมากน้อยแค่ไหนเล่า” โจวหมิงถาม

“สามคันรถเจ้าค่ะ” หลี่อิงตอบ

“ข้าแนะนำเจ้าเช่าจวนที่พักดีกว่า” โจวหมิงแนะนำ

“มีจวนที่พักให้เช่าด้วยหรือเจ้าค่ะ” หลี่อิงถามอย่างฉงน

“มีสิ เมืองต้าถงเราเป็นเมืองหน้าด่าน ก่อนเข้าเมืองหลวง ย่อยต้องมีขณะเดินทางผ่านเมืองนี้มากมาย การเช่าจวนที่พักส่วนใหญ่ก็จะเป็นขบวนพ่อค้าคหบดีที่ต้องเดินทางพร้อมสินค้าและผู้ติดตามมากมาย บางทีพวกเขาก็ไม่สะดวกที่จะพักตามโรงเตี๊ยม ท่านเจ้าเมืองเล็งเห็นตรงส่วนนี้ จึงให้คนสร้างจวนที่พักเอาไว้ให้คนเหล่านี้เช่า นอกจากนี้ บางทีก็ยังมีเหล่าคุณหนูคุณชายจากเมืองหลวงเดินทางมาเที่ยวเล่นตามเทศกาลต่างๆ เข้ามาพักด้วย เป็นการสร้างรายได้เข้าคลังเมืองอีกทางหนึ่ง” โจวหมิงอธิบายด้วยความภาคภูมิใจในความเก่งกาจของเจ้าเมืองตน

“แบบนี้นี้เอง เช่นนั้นรบกวนท่านแล้วเจ้าค่ะ” หลี่อิงโค้งศีรษะเล็กน้อยให้อีกฝ่ายพร้อมรอยยิ้มประจบ

“ได้ เช่นนั้นเจ้าตามข้ามา ข้าจะพาเจ้าไปดูจวนที่พักก่อน”

ทั้งหมดเดินทางออกจากที่ดินแปลงดังกล่าวกลับมายังที่ว่าการเมือง หลังจากตรวจสอบจวนที่พักที่ว่างอยู่ โจวหมิงจึงพาหญิงสาวไปดูจวนที่ต้องการพักซึ่งอยู่ติดกับที่ว่าการเมืองนั้นเอง

เมื่อได้จวนที่พักที่ต้องการแล้ว ทั้งหมดก็แยกย้ายกันไปทำหน้าของตนเอง

“ที่นี่ไม่เลวเลยนะเจ้าค่ะ จวนหลังขนาดกลางมีสามเรือนแถมยังเป็นส่วนตัวอีก ค่าที่พักก็ไม่ถือว่าแพงคืนละหนึ่งตำลึงทองเท่านั้นเอง” หลี่อิงว่าพร้อมกับมองสำรวจบริเวณโดยรอบไปด้วย

“นี้ยังบอกว่าไม่แพงอีกหรือ หากเทียบกับการพักโรงเตี๊ยมคืนละสองถึงสามตำลึงเงินที่นี่ถือว่าแพงมากทีเดียว” หวังหรูอี้เริ่มบ่นให้หลี่อิงกับการใช้เงินของหญิงสาว

“มันคือการซื้อความสะดวกสบายเจ้าค่ะ อีกอย่างเราก็ไม่ต้องมาพะวงกับข้าวของที่ต้องทิ้งเอาไว้ในรถม้าเหมือนยามที่พักในโรงเตี๊ยมอีกด้วย” หลี่อิงพยายามชี้ให้เห็นถึงข้อดีตรงนี้

“เฮ้อ ตามใจเจ้าแล้วกัน แล้วนี่ของที่มีอยู่เจ้าจะทำอย่างไรต่อ” หวังหรูอี้ถามถึงของที่เก็บออกมาจากป่า

“ข้าคิดเอาไว้แล้วเจ้าค่ะ โสมที่มี บางส่วนข้าจะนำมาทำเป็นโสมแดง เห็ดหลินจือคงต้องเก็บเอาไว้ก่อน สือหูเราสามารถขายได้เลยในตอนนี้ ส่วนไข่มุก ข้าจะลองไปถามที่ร้านเครื่องประดับดูเจ้าค่ะว่าเขารับซื้อหรือไม่”

“เอาตามที่เจ้าว่ามาก่อนก็แล้วกัน”

“จริงสิเจ้าค่ะ ที่นี่มีโรงประมูลหรือไม่” หลี่อิงถาม สำหรับโสมกับเห็ดหลินจือที่อายุไม่มากสามารถขายให้กับโรงหมอได้ไม่ยุ่งยากอะไร แต่กับที่มีอายุมากกว่าร้อยปีขึ้นไป เห็นทีจะเป็นปัญหาไม่น้อยเลย หากสามารถส่งเข้าโรงประมูลได้ จะเป็นการดีที่สุด

“หืม เจ้าถามหาโรงประมูลไปเพื่ออะไรกัน” หวังหรูอี้เอ่ยถามอย่างสงสัย

“โสมกับเห็ดหลินจือนะเจ้าค่ะ ที่มีอายุมากกว่าร้อยปีข้าคิดว่าเราส่งเข้าโรงประมูลน่าจะเป็นการดีกว่านะเจ้าค่ะ” หลี่อิงอธิบาย

“ก็จริงของเจ้า หากเรื่องที่มีคนครอบครองสมุนไพรหายากแพร่ออกไป คงนำความวุ่นวายมาให้ไม่จบไม่สิ้น เดี๋ยวข้าไปสืบดูให้ เจ้าก็พักผ่อนเถอะ” หวังหรูอี้บอกหญิงสาวแล้วหายตัวจากไปเลย

หลี่อิงเองก็ได้เวลาจัดการกับข้าวของที่นำมา ทำการเก็บให้เรียบร้อย โดยเฉพาะเหล่าสมุนไพรทั้งหลายที่ต้องจัดการให้ดี ไม่อย่างนั้นคงเสียหายไม่น้อยเลย

หลังเสร็จสิ้นทุกอย่าง เจ้าตัวก็ได้เวลาเป็นของตนเองเสียที

“แช่น้ำอุ่นๆ แบบนี้สบายดีจัง” ร่างบางนอนแช่น้ำอุ่นอย่างสบายใจ ดวงตากลมโตหลับพริ้ม ริมฝีปากแย้มยิ้มน้อย ๆ ดูแลมีความสุขยิ่งนัก

“สบายหรือไม่” หวังหรูอี้ทักคนที่กำลังดื่มด่ำกับการแช่น้ำอยู่

“กลับมาแล้วหรือเจ้าค่ะ” หลี่อิงลืมตาขึ้นแล้วทักทายหวังหรูอี้

“อืม”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • โชคชะตาวิญญาณนำพารัก   ตอนพิเศษ (End)

    วิญญาณของหวงหลี่อิงนั้นไม่ได้ต้องการอันใดเพียงแค่อยากมาดูเท่านั้นว่าร่างตนเป็นอย่างไรบ้าง“ข้าขอโทษนะที่ทำให้เจ้าไม่สบายใจ” หวงหลี่อิงเอ่ยขึ้นขณะที่นั่งอยู่ตรงหน้าหลี่อิง“ไม่เป็นไร ตอนแรกข้าก็กังวล พอรู้เช่นนี้ก็สบายใจขึ้น” หญิงสาวเอ่ยบอกพร้อมรอยยิ้มยินดี หลี่อิงคิดว่านี้น่าจะเป็นฝันที่อีกคนสร้างขึ้นเพื่อพูดคุยกับนางเป็นแน่“จริงสิ ข้ารบกวนเจ้าหน่อยได้หรือไม่” หวงหลี่อิงเอ่ยขึ้นอย่างเกรงใจ“อะไรหรือ”“ข้ามีเรื่องหนึ่งที่อยากทำมาตลอดแต่ก็ไม่สามารถทำได้ ถ้าจะรบกวนเจ้าให้ทำให้จะขอมากไปหรือไม่”“พูดมาเถอะ” หลี่อิงบอก“ข้าอยากไปที่วัดแห่งหนึ่งที่หวงโจ มันเป็นความปรารถนาของท่านแม่ข้าก่อนที่นางจะตาย”“ได้ข้าจะไปให้ เจ้าต้องการให้ข้าทำอะไรให้ที่นั่นหรือ” หญิงสาวเอ่ยถามความต้องการของหวงหลี่อิง“มีคำพูดหนึ่งที่นางมักจะบอกข้าเสมอว่าหากมีโอกาสได้ไปวานข้าบอกกับเจ้าอาวาสที่นั่น”“…..”“แม้ชีวิตนี้ของข้าจะได้ทำเพียงหน้าที่อุ้มชูร่างของคนผู้หนึ่ง แต่ข้าก็ยินดีที่จะให้ความรักทั้งหมดกับคนผู้นั้น เมื่อวิญญาณของนางมาถึงหวังว่าท่านจะดูแลอุ้มชูให้มีความสุขสงบดังที่นางตั้งใจให้เป็นไป ข้าเพียงมาทวงสัญญา”“อ

  • โชคชะตาวิญญาณนำพารัก   บทที่ 35 ความสุขที่เฝ้ารอ

    “พวกท่านจะตะโกนทำไมเจ้าค่ะ อายคนอื่นเขาไหมนั้น”หวังเยว่ชิงเอ่ยอย่างตื่นตระหนก“เอาละ ๆ พอแล้ว พวกเจ้าก็เหมือนกันน้องโตเพียงนี้แล้ว อีกไม่นานก็ต้องออกเรือน ท่านพี่ก็ด้วย”หวังเหลียนฮวาเอ่ยปราม“จริงเจ้าค่ะท่านแม่”หวังเยว่ชิงเดินเข้าไปเกาะแขนมารดาเอาไว้อย่างออดอ้อน ทำให้บุรุษตระกูลหวังได้แต่มองอย่างไม่ยินยอม“เอาเป็นว่าพวกเราแยกย้ายกันไปเที่ยวตามที่ตนเองต้องการ แล้วค่อยกลับมารวมตัวกันตรงนี้ก่อนยามจื่อ (23.00-00.59) นะเจ้าค่ะ”หลี่อิงเอ่ยขึ้น เมื่อนัดแนะกันเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็ต่างแยกย้ายกันไปเดินเที่ยวตามที่ต้องการและแน่นอนว่าหวังชิงเฟิงย่อมชิงตัวหลี่อิงออกมาก่อนใครทั้งคู่เดินชมบรรยากาศตามท้องถนน จนมาหยุดยืนอยู่ตรงสะพานที่มองเห็นทิวทัศน์สองฝั่งแม่น้ำที่ถูกประดับตกแต่งด้วยโคมไฟมากมายงดงาม“ใกล้ถึงเวลาจุดพลุแล้ว อยู่ตรงนี้จะเห็นได้ชัดมากกว่า”หวังชิงเฟิงเอ่ยขึ้น มือหนาเอื้อมไปจับมือเรียวนุ่มเอาไว้และไม่นานเสียงพลุก็ดังขึ้น หลี่อิงมองพลุที่ถูกจุดขึ้นตาเป็นประกาย พร้อมรอยยิ้มกว้าง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตกอยู่ภายใต้การมองของชายหนุ่มทั้งหมด“ไม่ว่าจะดูกี่ครั้งก็ยังงดงามมากเช่นเดิมท่านว่าหรือไ

  • โชคชะตาวิญญาณนำพารัก   บทที่ 34 เทศกาลหยวนเซียว

    ในยามนี้ที่จวนตระกูลเซียวทุกคนต่างก็พร้อมหน้ากันที่โต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่ทุกคนเริ่มลงมือทานอาหารนั้นหลี่ซินก็เดินเข้ามาแจ้งว่าหวังชิงเฟิงมาถึงแล้วตอนนี้อยู่ที่ห้องโถง หลี่อิงกวาดสายตามองทุกคนที่กำลังสนใจนางอยู่ตอนนี้ก็เอ่ยขอตัวออกมาหญิงสาวเดินออกมาถึงห้องโถงก็เจอกับสายตาเรียบนิ่งที่มองมาอย่างแง่งอน หญิงสาวส่ายหน้าเบาๆ พร้อมกับอมยิ้มนิด ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปหาชายหนุ่ม“เป็นอันใดเจ้าค่ะ”“เจ้าไม่รอข้า” เขาพูดอย่างแง่งอนที่หญิงสาวไม่รอให้ตนเองมาถึงก่อนค่อยเริ่มฉลองเทศกาลกัน“ท่านเป็นเด็กหรือเจ้าค่ะ ท่านพ่อท่านแม่มาถึงแล้วอย่างไรก็ไม่ควรให้รอ อีกอย่างท่านติดธุระอื่นอยู่ไม่รู้จะเสร็จเมื่อไร ท่านจะใจร้ายปล่อยให้พวกท่านหิ้วท้องรอได้หรือ”หญิงสาวเอ่ยอธิบายด้วยรอยยิ้มเอ็นดูคนรัก แต่นางก็เข้าใจชายหนุ่มว่าต้องการฉลองเทศกาลอย่างพร้อมหน้ากับทุกคน“ข้าขอโทษเจ้าที่เอาแต่ใจ” ใบหน้าคมคายเอ่ยอย่างออดอ้อน มือหนาคว้ามือนุ่มมานวดคลึงเบา ๆ ให้คลายอารมณ์ขุ่นมัวถึงแม้จะเป็นแค่การแกล้งแสดงออกของหญิงสาว“ข้าไม่ได้โกรธเจ้าค่ะ และเข้าใจท่านด้วย เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ หลี่ซิน”หญิงสาวเอ่ยเรียกสาวใช้คนสนิท แล

  • โชคชะตาวิญญาณนำพารัก   บทที่ 33 วันเวลาที่พ้นผ่าน

    “ข้าจะบอกอะไรให้นะเจ้าคะ สตรีอย่างเราล้วนต้องการเป็นภรรยเดียว ท่านก็เช่นเดียวกันไม่ใช่หรือ ไม่อย่างนั้นท่านคงไม่หาทางขายหลี่ซินออกมา สามีท่านเป็นคนที่ไม่เคยพอในเรื่องของสตรี ถ้าเป็นข้า ข้าจะทำให้เขาไม่สามารถเสพสมกับสตรีใดได้อีก”หลี่อิงเอ่ยเสียงเรียบดวงตากลมโตจ้องมองฟงกั๋วหมิงก่อนจะเลื่อนสายตาต่ำลงไปเล็กน้อยจนชายหนุ่มเผลอก้าวถอยหลังรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาทันที“เจ้ากล้าหรือ บุรุษอย่างเรามีสามภรรยาสี่อนุยังได้ แต่สตรีเช่นเจ้าหากชื่อเสียงเสียหายก็ไม่มีใครต้องการแล้ว” ฟงกั๋วหมิงกล่าวอย่างฉุนเฉียว“เจ้าค่ะ สตรีอย่างเราต้องรักษาชื่อเสียงอย่างดีถึงจะสามารถมีชีวิตที่ดีได้ ไม่เหมือนบุรุษเช่นท่านจะเลวจะชั่วอย่างไรก็ยังมีคนให้ท้าย แต่ถ้าเกิดไปเหยียบหางเสือร้ายเข้า ยังจะมีใครกล้าออกหน้าให้อีกหรือไม่เล่าข้าก็อยากรู้เสียจริง”“หึ เจ้าเปรียบตนเองสูงไปหน่อยหรือไม่” ชายหนุ่มกล่าวอย่างเย้ยหยัน“ข้าไม่กล้าเปรียบตนเองเป็นเสือร้ายหรอกเจ้าค่ะ แต่ท่านรู้ดีว่าข้าหมายถึงใคร”ร่างบางฉีกยิ้มหวานจับใจให้ชายหนุ่ม แต่มันกลับดูไม่น่าไว้ใจเลยสักนิดในสายตาของฟงกั๋วหมิง“หวังชิงเฟิงนะหรือ เขามีคู่หมั้นแล้วและอีกอ

  • โชคชะตาวิญญาณนำพารัก   บทที่ 32 ความรู้สึกที่ตรงกัน

    “เอ่อ ไม่ดีเจ้าค่ะ” หญิงสาวรีบปฏิเสธ“ทำไมเล่า”“นี้มันห้องสตรีนะเจ้าค่ะ” หลี่อิงเอ่ยขึ้นทันที ดวงตากลมโตมองชายหนุ่มราวกับเห็นผี“แต่เจ้าเป็นคู่หมั้นข้าแล้ว” หวังชิงเฟิงก็ไม่น้อยหน้าเอ่ยอ้างถึงสถานะของเจ้าตัวตอนนี้“แค่ข่าวลือที่ท่านปล่อยออกไปเจ้าค่ะ” หญิงสาวเอ่ยค้านทันที“หากข้าไม่ต้องการเพียงแค่ข่าวลือเล่า” สายตาคมมองหลี่อิงอย่างเจ้าเล่ห์“ถึงอย่างไรนั้นก็เป็นเพียงข่าวลือเจ้าค่ะ” หญิงสาวตอกย้ำความเป็นจริง“แต่ก็เป็นข่าวลือที่มีมูลความจริง” ชายหนุ่มเองก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน“……”“เจ้ากังวลอะไรอยู่” ชายหนุ่มมองเห็นความลังเลไม่มั่นคงในแววตาของหญิงสาว“เรื่องราวของพวกเรา มันไม่เร็วไปหรือเจ้าค่ะ” หลี่อิงถามขึ้นน้ำเสียงมีความกังวลอย่างเห็นได้ชัด“หากเจ้าคิดว่ามันเร็วไป ข้าก็จะรอจนกว่าเจ้าจะพร้อม แต่ระหว่างนี้เรื่องหมั้นของเรา เจ้าคิดเห็นอย่างไร” หวังชิงเฟิงจ้องมองเข้าไปในดวงตาของหญิงสาวอย่างจดจ่อและคาดหวังว่าคำตอบนั้นจะตรงกับใจของเขาเช่นกัน“….. ข้ายินดีเจ้าค่ะ” หญิงสาวเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะตอบรับคำขอของชายหนุ่ม หวังชิงเฟิงยิ้มกว้างอย่างยินดี“ข้าจะให้ท่านพ่อจัดการทุกอย่างให้เร็วที่สุด”“เจ้า

  • โชคชะตาวิญญาณนำพารัก   บทที่ 31 ถูกหาเรื่องถึงในจวน

    กลุ่มคนที่พากันมาเยือนจวนผู้อื่นแต่เช้าตอนนี้กำลังนั่งรอเจ้าของจวนอย่างสงบอยู่ที่โถงรับรอง สายตาหลายคู่มองไปรอบโถงนี้อย่างริษยาเครื่องตกแต่งถึงจะดูเรียบง่ายแต่กลับมีราคายิ่ง“เป็นเจ้าบ้านอย่างไรปล่อยให้แขกรอ” สตรีวัยกลางคนผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น นางคือฮูหยินของเจ้าเมืองต้าถงวันนี้ได้ข่าวที่ไม่ค่อยจะรื่นหูเท่าไรเกี่ยวกับหญิงสาวเจ้าของจวนจึงรบเร้าให้ผู้เป็นสามีพานางกับบุตรสาวมาที่นี่เพื่อพิสูจน์ว่าข่าวนั้นเป็นเพียงข่าวลือ“แล้วเป็นแขกอย่างไรถึงกล้าถือวิสาสะเข้าจวนผู้อื่นทั้งที่ยังไม่ได้รับอนุญาต”เสียงหวานนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองผู้พูดอย่างไม่พอใจนัก“นี่….” นางกำลังจะเอ่ยต่อว่าผู้ที่กล้าด่านาง แต่เมื่อมองไปยังผู้พูดแล้วก็ได้แต่กลืนทุกอย่างลงคอไป ร่างเพรียวระหงของหวังเหลียนฮวาเดินเข้ามาพร้อมกับผู้เป็นสามี ด้านหลังคือหลี่อิงกับหวังชิงเฟิง ทั้งสองคู่บังเอิญเจอกันที่หน้าห้องโถงพอดีทั้งยังได้ยินคำพูดที่ไม่น่าฟังของผู้มาเยือน หวังเหลียนฮวาเลยอาสาเป็นผู้จัดการแทนหญิงสาวเพราะอย่างไรนางก็เป็นผู้ใหญ่กว่าให้หลี่อิงออกหน้าเองคงไม่เหมาะ“ท่านเสนาบดี ฮูหยินหวัง” ถงกวนหลี เจ้าเมืองต้าถงลุกขึ้นทำความเคารพทันท

  • โชคชะตาวิญญาณนำพารัก   บทที่ 30 ผู้มาเยือนที่คาดไม่ถึง

    “ต้องขออภัยท่านเสนาบดีและฮูหยินแล้วขอรับที่ไม่สามารถต้อนรับให้ดีกว่านี้ได้” เจียงหวงเอ่ยขึ้นในขณะที่นั่งอยู่บนรถเข็น“ไม่เป็นไร” เสียงทุ้มเรียบนิ่งเอ่ยบอก มือแกร่งยกชาที่สาวใช้นำมารับรองขึ้นดื่มช้า ๆ ก่อนจะพยักหน้าอย่างพอใจ เจียงหวงที่มองอยู่ถึงกับถอนหายใจออกมาเบา ๆ นี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับรองผู้มีอำนาจเช่นนี้จึงกังวลไม่น้อยเช้านี้ได้รับแจ้งจากคนเฝ้าประตูว่าคุณชายตระกูลหวังเดินทางมาถึงกันแล้วหลังกลับไปเมืองหลวงได้สองวันแต่สิ่งที่ไม่คาดคิดคือเสนาบดีหวังพร้อมฮูหยินและบุตรสาวจะเดินทางมาด้วย“รอนานหรือไม่เจ้าคะ” เสียงหวานใสเอ่ยขึ้นเมื่อเดินเข้ามาในห้องโถงพร้อมเฟยหรง ดีที่หลี่ซินวิ่งมาบอกทันก่อนที่นางจะทำกิริยาไม่เหมาะสมออกไปสายตาคมดุดันมองผู้มาใหม่อย่างพิจารณาในขณะที่หวังเหลียนฮวามองมาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน“คารวะท่านเสนาบดีหวัง ฮูหยินหวังเจ้าค่ะ” หลี่อิงย่อตัวทำความเคารพทั้งสองคน เฟยหรงที่ยืนอยู่ด้วยจึงทำตาม“งดงามน่ามองเสียจริง” หวังเหลียนฮวาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวผู้มาใหม่ ได้ยินแต่คำบอกเล่าจากบุตรชายคนรองพอเห็นเช่นนี้แล้วก็รู้สึกได้ว่าคำพูดของหวังเลี่ยงรุ่ยไม่ได้เกินจริงนัก“ขอบคุณเ

  • โชคชะตาวิญญาณนำพารัก   บทที่ 29 ความรู้สึกติดค้าง

    “ข้าสร้างเอาไว้เพื่อศึกษาตำรายาและรักษาคนในจวนเพราะที่นี่อยู่ห่างจากร้านหมอ กลัวว่าจะเสียเวลาเดินทางเจ้าค่ะ หากพวกท่านจะสังเกตบริเวณหนึ่งของพื้นที่ถูกสร้างเป็นที่เพราะปลูกสมุนไพรโดยเฉพาะ ในป่าด้านข้างนี้ก็เช่นกันเจ้าค่ะ ข้าให้คนงานนำสมุนไพรบางส่วนมาปลูกเอาไว้ด้วย ไหนจะสมุนไพรที่เราเก็บมาระหว่างเดินทางข้าก็จะนำมาปลูกเอาไว้เช่นกัน”หลี่อิงตอบพร้อมรอยยิ้มบาง ทุกสายตาล้วนมองไปยังด้านที่เป็นป่าซึ่งน่าจะมีพื้นที่หลายสิบหมู่ด้วยกัน“นี่พี่สาวเซียวปลูกป่าเพื่อใช้ปลูกสมุนไพรเลยหรือ”หวังเลี่ยงรุ่ยเอ่ยขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ“ปึก!” หวังชิงเฟิงที่ได้ยินคำพูดของน้องชายอดไม่ไหวถึงกับเอื้อมมือหนาไปตบลงบนหัวหวังเลี่ยงรุ่ยทันที“โอ๊ย!” ทุกคนมองภาพนั้นโดยไม่ได้รู้สึกเห็นใจชายหนุ่มสักนิดกลับดูจะพอใจกันมากกว่า“เจ้าก็คิดได้นะ” เป็นเฟยเทียนที่เอ่ยขึ้นอย่างระอาเล็กน้อย“ป่าตรงนี้มันมีอยู่ก่อนแล้ว ข้าเพียงให้คนมาถางต้นไม้เล็กๆ ออกสักหน่อยเพื่อปลูกสมุนไพรและพืชที่อาศัยต้นไม้ใหญ่ในการเติบโตก็เท่านั้นเอง” หลี่อิงอธิบายให้ชายหนุ่มเข้าใจ“อ่อ แหะ” หวังเลี่ยงรุ่ยตอบรับอย่างเก้อเขิน“แล้วจะมั่นใจได้อย่างไรว่าจะปล

  • โชคชะตาวิญญาณนำพารัก   บทที่ 28 จวนตระกูลเซียว

    ในที่สุดการเดินทางที่แสนจะยาวนานก็สิ้นสุดลงเมื่อพวกเขามองเห็นกำแพงเมืองต้าถง หลี่อิงยิ้มกว้างทันทีชี้ชวนให้เฟยหรงมองกำแพงเมืองที่ต่อจากนี้ที่นี่จะกลายเป็นบ้านอีกหลังของนางแล้วอวิ๋นเฟยควบม้าตีคู่มากับหวังเลี่ยงรุ่ย ตามด้วยหวังชิงเฟิงกับหญิงสาวตีคู่มากับเฟยเทียนที่มีน้องสาวนั่งอยู่ด้วย ด้านหลังเป็นขบวนรถม้าของพวกเขาที่ค่อนข้างจะยาวพอสมควรต่อแถวเข้าเมืองอยู่สักพักในที่สุดก็จะถึงจวนของหญิงสาวแล้ว พวกเขาไม่ได้เสียเวลานานอย่างที่คิดเพราะเพียงแค่ทหารรักษาการณ์เห็นหน้าสองพี่น้องก็ปล่อยผ่านเข้าเมืองมาอย่างง่ายดาย“ข้าก็พึ่งรู้ว่าหน้าตาพวกท่านใช้เป็นใบผ่านทางได้ด้วย” หลี่อิงเอียงตัวไปมองหน้าชายหนุ่มเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นยิ้ม ๆ“หึ” หวังชิงเฟิงเพียงหัวเราะในลำคอเท่านั้นไม่ได้ตอบอะไรหญิงสาวออกไป“พวกท่านรู้จักทางไปจวนข้าด้วยหรือ” หญิงสาวถามขึ้นเมื่อเห็นอวิ๋นเฟยนำทุกคนไปยังจวนของนางได้ถูก“เจ้าก็รู้ว่าข้าสืบมาหมดแล้ว” ชายหนุ่มตอบหญิงสาวเสียงนิ่ง เมื่อนึกได้ดังนั้นหลี่อิงก็ไม่แปลกใจแล้วระหว่างทางที่มาผู้คนต่างให้ความสนใจพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง เพราะคุณชายคนดังของเมืองหลวงอย่างสองพี่น้องตระกูลหวังที่น

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status