Masukหนึ่งอาทิตย์ต่อมา…
เช้าของวันนี้นับเป็นอีกหนึ่งวันวุ่นวายของน้ำชาเลยก็ว่าได้ นอกจากจะไม่ได้นอนตื่นสายในวันหยุดถึงสองอาทิตย์ติดแถมวันนี้ก็ยังต้องแบกเป้ใบโตเพื่อมาที่มหา’ลัยตั้งแต่เช้าเพื่อขึ้นรถทัวร์ในการเดินทาง มิหนำซ้ำข้าวปลาก็ยังไม่ได้ตกถึงท้องเลยสักเม็ดเดียว
“เป็นอะไร ทำหน้าเหมือนหิวข้าว” สายฝนเดาแม่นอย่างกับมีอาชีพเสริมเป็นหมอดู
“หิว ว่าจะกินโจ๊กแถวหน้าคอนโดก่อนมาแต่ร้านดันปิด”
“อ้าว! ทำไงดีอีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะถึงจุดพัก”
“คงต้องกินน้ำเปล่าไปก่อน รู้งี้ไม่ลืมซื้ออะไรติดมากินรองท้องแต่แรกก็ดี” น้ำชาบ่นเสียงกระปอดกระแปด อาจจะเพราะตื่นเช้าเกินไปหน่อยเธอถึงได้ลืมนั่นลืมนี่ทั้งที่ไม่ใช่คนนิสัยขี้ลืม
“รองท้องก่อนไหม” แซนด์วิชและนมกล่องสีฟ้าชื่อดังถูกยื่นส่งให้โดยรุ่นพี่ที่นั่งอยู่เบาะไม่ไกลกันอีกฝั่งหนึ่ง
น้ำชามองสองสิ่งนั้นอย่างชั่งใจ…
“ไม่ได้ใส่ยาอะไรลงไปหรอก กินได้”
“ขอบคุณค่ะ”
“ไม่อิ่มบอกนะ ยังมีอีก” คนมีน้ำใจฉีกยิ้มกว้างไม่เสียแรงที่อุตส่าห์ให้ป้าแม่บ้านทำเผื่อไว้หลายๆชิ้น เห็นเธอกินได้เขาก็ดีใจ
“อร่อยไหม?”
“…” น้ำชาเคี้ยวตุ้ยพยักหน้าตอบ กัดแซนด์วิชหมดเกือบครึ่งอันแล้วกระดกน้ำเปล่าตาม
“ไม่กินนม?”
“ไม่ค่อยชอบกินนมหวาน”
“อาฮะ งั้นน้ำส้มคั้นไหม? หรือจะเอาชาน้ำผึ้งมะนาวดี? ขนมขบเขี้ยวก็มีนะเอาไว้กินเล่นเพลินๆ” โซ่ยิ้มให้ภูมิใจน้ำเสนอสุดๆ ว่าแล้วก็หยิบเป้ที่ใส่เสบียงมาเปิดให้เธอเลือกเองเลย
“…” ทว่าคนถูกเสนอกลับมีสีหน้าสงสัย นี่เขาเป็นร้านสะดวกซื้อเคลื่อนที่หรืออย่างไรกันถึงได้มีหลายสิ่งให้เลือกสรรมากมายแบบนี้ ขนาดเธอเป็นผู้หญิงยังไม่พกของกินขึ้นรถมาเยอะแยะขนาดนี้เลย แล้วดูเขาสิ มีทั้งนม ทั้งขนม ไหนจะน้ำส้มคั้นนั่นก็อีก เห็นแล้วน้ำชาก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้
“ป้าแม่บ้านจัดไว้ให้น่ะ เห็นว่าเดินทางไกลคงกลัวเราหิว”
“ขอน้ำส้มก็พอ” เธอรับน้ำใจจากเขาอีกครั้งด้วยการหยิบน้ำส้มคั้นขึ้นมาเปิดดื่ม
“นั่งมองเขาอยู่ได้ มึงเป็นโรคจิตหรือไง” วินที่นั่งอยู่ใกล้กันอดไม่ได้ที่จะกระซิบถามพลางทำหน้าเหม็นบูดใส่เพื่อน
“ยุ่ง” แต่โซ่ไม่สนใจคำค่อนแซะของเพื่อน ก็เห็นกันอยู่ว่าน้ำชาน่ามองกว่าวิวข้างทางเป็นไหนๆ ปากเอย ตาเอย คิ้วเอย เห็นแค่ด้านข้างใจเขาก็สั้นแทบจะหลุดออกมาจากอกให้ได้อยู่แล้ว
วินเองก็หน่ายใจกับคนคลั่งรัก นี่ขนาดเจอกันไม่กี่ครั้งเพื่อนโซ่ของเขายังเป็นไปได้ถึงขนาดนี้ ไม่ต้องคิดเลยว่าถ้าจีบติดแล้วจะเป็นถึงขนาดไหน
23.30 น.
สิบกว่าชั่วโมงไม่นับรวมรถจอดพักเหล่าชาวคณะชมรมจิตอาสาพัฒนาก็มาถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย ซึ่งหมู่บ้านที่มาไม่ใช่ที่ทุรกันดารมากแต่อย่างใด เพียงแค่เกิดอุทกภัยจนทำให้บ้านเรือนและโรงเรียนบางส่วนของคนในชมชนเสียหายเท่านั้นเอง
มาถึงรองประธานชมรมก็สั่งให้ทุกคนแยกย้ายกันไปพักผ่อนเพื่อพรุ่งนี้จะได้ตื่นขึ้นมาทำงานกันแต่เช้า โดยพวกผู้หญิงจะได้เข้าไปพักในอาคารเรียนซึ่งมีชาวบ้านเตรียมที่ไว้ให้ ส่วนพวกผู้ชายก็ช่วยกันกางเต้นท์นอนอยู่แถวบริเวณด้านล่าง
05.30น.
ท้องฟ้าของต่างจังหวัดในเวลานี้ยังคงมีความสลัวอยู่แต่ก็ไม่ได้มืดมิดจนน่ากลัวเกินไป แถมอากาศยังแจ่มใสเหมาะแก่การเติมออกซิเจนให้กับร่างกายเป็นอย่างมาก
น้ำชาเป็นคนชอบออกกำลังกาย และการที่ออกมาเดินรอบสนามหญ้าของโรงเรียนในเวลานี้คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเธอนัก เพราะเธอมักจะชอบไปวิ่งที่สวนสาธารณะแถวคอนโดอยู่บ่อยๆ ทว่ากับเหล่าผู้ชายที่กางเต้นท์นอนอยู่ไม่ไกลจากบริเวณนั้นคงไม่ใช่ โดยเฉพาะผู้ชายร่างสูงใบหน้าหล่อเหล่าที่ยืนขมวดคิ้วเป็นปมไม่สบอารมณ์กับอะไรบางอย่างอยู่ก็อีกคน
“ถ้าตื่นมาแล้วไม่รู้จะทำอะไรก็กลับเข้าไปนอนกันต่อไป” เสียงเข้มเอ่ยบอกกับพวกผู้ชายทั้งรุ่นเพื่อน รุ่นน้อง พวกเขาบางคนถูกปลุกให้ตื่นลุกขึ้นมาก่อนเพราะมีบางอย่างต้องตระเตรียมก่อนที่จะได้เริ่มงาน
“น้องน้ำชานี่แม่งหุ่นดีของจริงว่ะ”
“ไอ้เหี้ยวิน!”
“โอเคไอ้สัด ทำอย่างกับจะฆ่ากู” คนชอบกวนประสาทเพื่อนจำต้องยกมือยอมแพ้ โซ่ต้องบีบคอเขาให้ตายจริงๆแน่ถ้ายังไม่ยอมหยุดพูด
ไม่ใช่แค่วินคนเดียวที่จำต้องละความใส่ใจจากร่างสวยซึ่งเดินเล่นนวยนาดอยู่ไม่สนใจใคร หากแต่เหล่าผู้ชายทั้งหลายที่สัมผัสได้ถึงอำนาจมืดบางอย่างจากสายตาของใครบางคนต่างก็พากันแยกย้ายไปทำอย่างอื่นโดยไม่ให้ความสนใจกับหญิงสาวสวยคนนั้นอีก ก็จะไม่ให้รีบแยกย้ายได้อย่างไรในเมื่อมีสายตาน่ากลัวพร้อมจะกินหัวทุกคนยืนจ้องเขม็งอยู่
ด้านร่างบางที่อยู่ในชุดลำลองกางเกงขาสั้นกับเสื้อตัวจิ๋วกำลังเดินถ่ายรูปเล่นแสงยามเช้าอย่างเพลินใจ กระทั่งได้รูปสวยๆสดชื่นไปกับธรรมชาติและได้เหงื่อจนพอใจแล้วจึงได้เวลาที่จะกลับเข้าไปเตรียมตัวเพื่อรอเวลาทำกิจกรรมร่วมกับทุกคน ทว่าในจังหวะที่กำลังจะเดินกลับ เสียงเรียกร้องทักจากอีกทางทำให้เธอจำต้องหันไปมอง แล้วคนคนนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น
“เธอ!” ร่างสูงของรุ่นพี่ที่ช่วงนี้ได้เจอกันบ่อยเดินยิ้มกว้างเข้ามาหาเธอ ดวงตาคมกวาดมองเรือนร่างสุดฮอตเพียงชั่วครู่เพื่อไม่ให้เป็นการจาบจ้วงจึงเลื่อนสายตาล็อกเป้าที่ใบหน้าขาวผ่องไร้เครื่องสำอางแทน ‘ยิ่งมองใกล้ๆโซ่ก็ยิ่งใจเต้น’
“คะ?”
“เอ่อ…เธอ…ทำครัวเป็นไหม?” โซ่ไม่รู้จะหาข้ออ้างอะไรชวนคุยดี อุตส่าห์เดินเข้ามาหาเธอถึงที่แต่ดันนึกไม่ออกเสียอย่างนั้น อ้างเรื่องงานไปก่อนแล้วกันเห็นจะดี
“ทำครัว?” น้ำชาผงกหัวขึ้นลงช้าๆแต่ยังทำท่านึกคิด
“ถ้าแค่ต้มไข่กับต้มมาม่าก็พอได้อยู่” คำตอบของหญิงสาวเล่นเอาโซ่ถึงกับกลั้นหัวเราะ
“นี่อย่าบอกนะว่าทำอาหารไม่เป็น”
“แปลกตรงไหน?” น้ำชาชักจะหงุดหงิดรุ่นพี่คนนี้อีกแล้ว เธอแค่ทำอาหารไม่เป็นมันน่าขำนักหรือไง
“โอเค ไม่แปลก…ไม่แปลกเลย พี่พอทำได้แต่ก็ชอบซื้อกินเอาเหมือนกัน ง่ายดี” ด้วยกลัวว่าเธอจะขุ่นเคืองรุ่นพี่หัวไวไม่พลาดที่จะรีบเปลี่ยนท่าทีเป็นพวกเดียวกันในทันใด โซ่ไม่ได้คิดจะให้เธอเข้าไปช่วยในส่วนของครัวอยู่แล้ว ที่ถามมาทั้งหมดนั้นก็แค่ชวนคุย
“ถ้าจะให้ช่วยเกี่ยวกับเรื่องอาหาร งั้นชาช่วยยกมาแจกจ่ายได้”
“ไม่ต้องหรอก เธอไปช่วยหยิบของส่งให้พี่หน่อยแล้วกัน พี่จะไปซ่อมห้องสมุดก่อน ผอ.โรงเรียนเขาขอมา” ประกอบคำโซ่ก็ชี้นิ้วไปที่อาคารไม้ขนาดเล็กซึ่งอยู่ติดกันกับอาคารเรียนที่เธอหลับนอนเมื่อคืน
“ได้ เดี๋ยวชาไปช่วย”
“โอเค รวมตัวกันเสร็จเธอไปหาพี่ตรงนั้นเลยนะ”
“…” น้ำชาพยักหน้าแทนคำตอบ ร่างบางเดินห่างออกไปในทันทีเพื่อที่จะได้เตรียมทำธุระส่วนตัว ป่านนี้คนที่นอนหลับกันอยู่คงทยอยพากันตื่นมาบ้างแล้ว
08.00 น.
หลังจากทานอาหารเช้าที่เป็นแบบง่ายๆอย่างเช่นโจ๊กหมูทรงเครื่องกันเรียบร้อยแล้ว เหล่าชาวคณะชมรมที่ถูกจัดแบ่งหน้าที่กันลงตัวแล้วจึงต่างแยกย้ายไปทำหน้าที่ในส่วนต่างๆ แน่นอนว่าน้ำชาที่ถูกล็อกมงไว้ก่อนแล้วก็เดินไปที่อาคารห้องสมุดตามที่โซ่ได้บอกไว้
“มานี่หน่อย” โซ่พยักหน้าเรียกรุ่นน้องที่ตัวเองรออยู่ให้เดินเข้าไปหา จากนั้นก็หันมองหน้าเพื่อนสนิทส่งซิกบางอย่างให้ไปไกลๆ
น้ำชาเดินเข้าไปหาโซ่ที่กำลังก้มๆเงยๆอยู่ที่กล่องเครื่องมือช่าง ใกล้ๆกันตรงผนังมีบันได้อลูมิเนียมพิงอยู่
“เธอคอยส่งของตามที่พี่บอกให้ทีนะ ระหว่างที่พี่ยังไม่ต้องการอะไรก็ทำความสะอาดตรงส่วนผนังบริเวณนี้ไป เดี๋ยวพวกเราต้องช่วยกันทาสีใหม่”
“…” น้ำชาพยักหน้าเข้าใจพร้อมกับมองไปที่อุปกรณ์ต่างๆที่ถูกขนมาวางกองรวมกันไว้ ภายในหัวประเมินว่าต้องใช้สิ่งใหนในการทำงานอะไรบ้าง
ตอนนี้หญิงสาวเปลี่ยนมาอยู่ในชุดรัดกุมกางเกงวอร์มสีเทากับเสื้อแขนยาวเข้ารูปสีเดียวกัน ท่าทางดูทะมัดทะแมงคล่องตัวแต่ก็ยังคงมีความเด่นชัดของสรีระสมส่วนอกเป็นอก เอวเป็นเอวพาให้คนมองเห็นยิ่งเพลินตา
โซ่ไม่ได้อยากคิดอกุศล ทว่าเผลอมองทีไรใจมันก็สั่นแปลกๆทุกที แม้แต่ยามเธอเดินหันหลังให้ สะโพกผายกลมกลึงนั่นก็ช่างยั่วน้ำลายเขาเสียจริงๆ
“ส่งตะปูเบอร์เล็กสุดให้ที เอามาหลายๆตัว”
“อืม” น้ำชาละมือจากการใช้ผ้าเช็ดคราบน้ำที่ติดอยู่กับผนัง ก่อนจะเดินมาหยิบของจากกล่องเครื่องมือตามคำสั่งของอีกคน
“เหนื่อยไหม” เสียงห้าวของคนที่อยู่บนชั้นสุดท้ายของบันไดอลูมิเนียมเอ่ยถาม
“…”
“พูดบ้างก็ได้ ตั้งแต่มาพี่ยังไม่เห็นเธอพูดคุยอะไรเลย”
“จะให้คุยกับกำแพงเหรอ ชาไม่ได้บ้า”
“คุยกับพี่ไง พูดเล่นด้วยได้ไม่คิดตังหรอก”
“แล้วจะให้พูดให้คุยอะไร ตัวเองก็ก้มๆเงยๆหน้าอยู่ข้างบนเดี๋ยวก็ได้ตกลงมาคอหักตายกันพอดี”
“หึ! แช่งกันเฉย” โซ่ได้แต่หัวเราะเสียงฉุนมองตามหลังคนพูดน้อยต่อยหนักที่เดินกลับไปทำงานของตัวเองต่อแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า
เวลาเดินผ่านไปอย่างเชื่องช้า ตลอดเวลามีเพียงเสียงที่เกิดขึ้นจากการลงมือทำงานของทุกคน จะมีบ้างที่โซ่เอ่ยขอความร่วมมือกับน้ำชาให้ส่งสิ่งของที่ต้องการให้ สายตาคมลอบมองเธออยู่เป็นระยะถึงไม่มีเรื่องให้ต้องพูดคุยกันแต่การที่ได้มีเธอในสายตาอยู่ตลอดก็ทำให้คนซึ่งมีใจให้ สุขใจอย่างบอกไม่ถูก
กระทั่งมีเสียงของใครบางคนดังขึ้น…
“โซ่! ขวัญเอาน้ำมาให้” เสียงหวานจากใครบางคนที่ว่าทำให้ร่างสูงที่กำลังจดจ่อกับการทำงานอยู่ต้องก้มหน้าลงมอง รอยยิ้มสวยจากอดีตคนคุ้นเคยไม่ได้ทำให้เขาใจฟูขึ้นเลยแต่กลับทำให้ต้องถอนหายใจหนักๆออกมา
“เอาวางไว้ตรงนั้น หิวแล้วเดี๋ยวลงไปกิน” โซ่บอกกับอีกคนอย่างไม่ให้ความใส่ใจ เขายังคงเงยหน้าทำงานของตัวเองต่อไปโดยไม่ได้หันมองเธอคนนั้นอีก
“โซ่กินส้มไหมเดี๋ยวขวัญปอกให้ พอดีชาวบ้านเขาพากันเอาผลไม้มาให้พวกเราเยอะเลย”
ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียกในขณะนี้…
ของขวัญ ผู้เลื่องชื่อลือชาทางด้านรูปร่างหน้าตาเป็นที่หมายปองของรุ่นพี่รุ่นน้องหลายๆคนถูกคนที่อยากพูดคุยด้วยเมินจนเธอรู้สึกเจ็บจี๊ดเข้าที่หัวใจ หากแต่ถึงอย่างนั้นแล้วเธอก็ยังไม่ยอมแพ้ หญิงสาวเบี่ยงตัวเดินไปหาใครอีกคนที่ทำงานอยู่ตรงผนังกำแพงแทน
“น้องคะ เอาน้ำไปแจกทางโน่นทีเดี๋ยวงานตรงนี้พี่ทำเอง”
“…” น้ำชาหันมองตามเสียงของคนซึ่งน่าจะเป็นรุ่นพี่สลับกับถุงบรรจุขวดน้ำเย็นในมือเธอก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ แค่สลับหน้าที่ไปแจกจ่ายน้ำแทนมันไม่ได้หนักหนาอะไรสำหรับเธออยู่แล้ว ทว่า…
“ไม่ต้อง!” เสียงเข้มของคนที่พรวดพราดลงมาจากบันไดไม่กลัวว่าจะคอหักตายไปจริงๆเอ่ยขัดขึ้น ใบหน้าคมคายที่ปกติจะมีรอยยิ้มติดอยู่ตลอดเวลาบัดนี้น้ำชากลับได้เห็นอีกมุมซึ่งต่างกันโดยสิ้นเชิง ตอนนี้หน้าโซ่เหมือนยักษ์ไม่มีผิด
“มีหน้าที่อะไรก็ทำไปขวัญ โซ่พอใจจะให้น้องคนนี้ช่วยอยู่ตรงนี้ขวัญไม่ต้องมายุ่ง”
“โซ่!”
“เราวางหน้าที่กันไว้ลงตัวแล้ว อย่ามาวุ่นวาย”
“แต่ขวัญอยากคุยกับโซ่ เราคุยกันดีๆไม่ได้หรือไง”
“โซ่ไม่อยากคุย เราไม่มีอะไรต้องคุยกัน” ริมฝีปากได้รูปพ่นระบายลมออกอย่างรู้สึกเหนื่อยใจ แม้แต่หางตาเขาก็ไม่อยากจะมองผู้หญิงที่กำลังทำสีหน้าอ้อนวอนเขาอยู่
“ขวัญอุตส่าห์ตามโซ่มาที่นี่เพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ จะได้มาง้อ ทั้งๆที่รู้ว่ามันลำบากมากแต่ขวัญก็ยังตามมาโซ่ไม่คิดจะเห็นใจขวัญบ้างเหรอ”
“โซ่ไม่ได้ขอ เราจบกันไปแล้วอย่ามายุ่งกับโซ่อีกถ้าไม่อยากให้เรื่องที่ขวัญทำไว้ต้องกระจายไปทั่ว” เป็นครั้งแรกที่ดวงตาคมหันมาจับจ้องใบหน้าของคู่สนทนาอย่างจริงจัง ใบหน้าสวยหวานที่ครั้งหนึ่งเขาเองก็เคยชอบที่จะมองแต่ตอนนี้กลับไม่อยากมองมันเกินนาทีเดียว
“จะไปไหนก็ไป”
“ฮึก” จบคำเอ่ยไล่สองเท้าของผู้ถูกไล่ก็ไม่คิดที่จะยืนอยู่ต่อ แม้จะรู้สึกเสียหน้าที่ถูกคนเคยนอนคุยกันตัดความสัมพันธ์อย่างไม่ใยดี ทว่าตัวเธอเองรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเพราะเหตุใดถึงเป็นเช่นนี้…
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา… เช้าของวันนี้นับเป็นอีกหนึ่งวันวุ่นวายของน้ำชาเลยก็ว่าได้ นอกจากจะไม่ได้นอนตื่นสายในวันหยุดถึงสองอาทิตย์ติดแถมวันนี้ก็ยังต้องแบกเป้ใบโตเพื่อมาที่มหา’ลัยตั้งแต่เช้าเพื่อขึ้นรถทัวร์ในการเดินทาง มิหนำซ้ำข้าวปลาก็ยังไม่ได้ตกถึงท้องเลยสักเม็ดเดียว “เป็นอะไร ทำหน้าเหมือนหิวข้าว” สายฝนเดาแม่นอย่างกับมีอาชีพเสริมเป็นหมอดู “หิว ว่าจะกินโจ๊กแถวหน้าคอนโดก่อนมาแต่ร้านดันปิด” “อ้าว! ทำไงดีอีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะถึงจุดพัก” “คงต้องกินน้ำเปล่าไปก่อน รู้งี้ไม่ลืมซื้ออะไรติดมากินรองท้องแต่แรกก็ดี” น้ำชาบ่นเสียงกระปอดกระแปด อาจจะเพราะตื่นเช้าเกินไปหน่อยเธอถึงได้ลืมนั่นลืมนี่ทั้งที่ไม่ใช่คนนิสัยขี้ลืม “รองท้องก่อนไหม” แซนด์วิชและนมกล่องสีฟ้าชื่อดังถูกยื่นส่งให้โดยรุ่นพี่ที่นั่งอยู่เบาะไม่ไกลกันอีกฝั่งหนึ่งน้ำชามองสองสิ่งนั้นอย่างชั่งใจ… “ไม่ได้ใส่ยาอะไรลงไปหรอก กินได้” “ขอบคุณค่ะ” “ไม่อิ่มบอกนะ ยังมีอีก” คนมีน้ำใจฉีกยิ้มกว้างไม่เสียแรงที่อุตส่าห์ให้ป้าแม่บ้านทำเผื่อไว้หลายๆชิ้น เห็นเธอกินได้เขาก็ดีใจ “อร่อยไหม?” “…” น้ำชาเคี้ยวตุ้ย
ในวันหยุดที่น้ำชาควรจะได้พักสมองด้วยการนอนตื่นสายหรือไม่ก็ยืดเส้นยืดสายด้วยการซ้อมเต้นหรือออกกำลังกายอย่างที่ชอบทำประจำ ทว่าวันนี้กลับแตกต่างออกไป เธอกับเพื่อนสาวอีกสองคนถูกรองประธานชมรมมอบหน้าที่ให้เป็นฝ่ายจัดซื้อข้าวของเครื่องใช้และขนมนมเนยที่จะไปออกค่ายชมรมในอีกไม่กี่วันที่จะถึงนี้เป็นหน้าที่ที่มอบให้แบบไม่ถามหาสุขภาพน้ำชาเลยสักคำ… “หลายอย่างขนาดนี้วันเดียวจะซื้อหมดเหรอ” สมุดใช้จดรายการที่ต้องซื้อยาวยืดจนทั้งสามหญิงสาวมองหน้ากัน ตอนนี้ทั้งสามคนนั่งอยู่ภายในบ้านหลังใหญ่โตของโซ่ที่ใช้เป็นจุดนัดหมาย “พี่หมอกแกล้งกันปะเนี่ย มีกันอยู่ไม่กี่คนแค่นี้จะซื้อยังไงหมด” เมื่อเห็นรายการที่ต้องซื้อกับคนที่มีอยู่แค่นี้แล้วฝนถึงกับทำท่าจะเป็นลม “ใครบอกแค่นี้” “อ้าว! ไม่ได้ใช่มีแค่พวกฝนสามคนเหรอ” “เลอะเทอะ ใครจะใช้ผู้หญิงทำเรื่องหนักขนาดนั้น” “แล้วยังไง?” “พวกพี่ก็ไปด้วยไง แล้วก็โน่น” หมอกประกอบคำพูดด้วยการพยักพเยิดหน้าไปทางนอกบ้านที่มีเพื่อนอีกสามคนยืนสูบบุหรี่คุยกันอยู่ “ไอ้โซ่มันจัดการขอคนจากพ่อมันไปช่วยด้วยอีกหลายคน” “โห! ลุงซันนี่ยังใจดีเหม
โซ่พาน้ำชาเดินมาหยุดยืนอยู่ที่มุมหนึ่งของผับ แซมไม่ได้ตามมาแล้วแต่มือที่กอดเอวของเธอไว้แน่นก็ยังไม่ยอมปล่อย “ปล่อยได้แล้ว เขาคงไม่ตามมาแล้ว” คนถูกกอดแน่นว่าพลางจะงัดแงะมือของอีกคนออกจากเอว ทว่ายิ่งจับมือหนาแงะออกก็ยิ่งถูกกอดแน่นขึ้นราวกับว่าจะแกล้งกัน และยิ่งมากไปกว่านั้นคนที่กำลังแกล้งเธออยู่ดันโน้มใบหน้าเข้าหากันใกล้ยิ่งกว่าเดิม น้ำชาชะงักนิ่งไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าหนีเสือปะจระเข้หหรือเปล่าทำไมโซ่ถึงได้จ้องมองเธอแบบนั้นทั้งสายตาที่เปลี่ยนไปก็สื่อความหมายบางอย่าง “ปล่อยก่อน” “…” โซ่ไม่ยอมปล่อย เขาคิดว่าช่วงเวลาแห่งการตักตวงกำไรของเขามันน้อยเกินไปหน่อยจนอยากจะต่อเวลาให้ยาวออกไปอีกสักนิดนึง “พี่โซ่! ปล่อย” เธอเอ่ยบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่เข้มกว่าเดิม “อะไร? เมื่อกี้เธอทั้งกอดทั้งจูบแบบไม่ทันตั้งตัวพี่ยังไม่ว่าอะไรเธอสักคำเลย” “มันฉุกเฉิน” “เห็นพี่เป็นอะไร พอได้จูบพี่ไปแล้วก็จะสลัดกันทิ้ง?” เจ้าของใบหน้าหล่อว่าแล้วก็เมินไปทางอื่นทำงอนเหมือนเป็นเด็กๆ “เธอจูบพี่ขนาดนั้นถ้าพี่คิดไปไกลขึ้นมาเธอจะรับผิดชอบยังไง?” “อย่าเวอร์ ทำเหมือนไม่เคยจูบกับคนอื
ผ่านมาก็จะเป็นปีแล้วน้ำชาคิดว่าคงลืมความรักห่วยๆที่ผ่านมาของตัวเองได้ ทว่าพอเมาทีไรไม่รู้ทำไมต้องอยากจะร้องไห้ขึ้นมาทุกที เธอไม่ได้คิดถึง ไม่ได้อยากกลับไปหาเขา เพียงแค่ความปวดร้าวมันยังคงฝังอยู่ในใจลึกๆเท่านั้นเอง “เฮ่อ!” ริมฝีปากสวยพ่นลมหายใจออกมาพลางมองใบหน้าของตัวเองที่สะท้อนในกระจกอีกครั้ง น้ำชาไม่ได้ใส่ใจผู้หญิงอีกหลายคนที่ยืนอยู่หน้ากระจกเช่นกันเพราะไม่ได้รู้จัก กลัวก็อย่างเดียวคือเพื่อนเธอสองคนนั้นจะตามเข้ามาในเวลานี้ ขอบตาแดงแบบนี้เธอต้องโดนจับได้แน่ว่าแอบมาร้องไห้ แถมอาจจะต้องถูกดุอีกต่างหาก น้ำชาไม่อยากให้เพื่อนต้องเป็นห่วง คิดได้ดังนั้นจึงคว้าแป้งพัฟจากกระเป๋าขึ้นมาตบเข้าที่หน้าทาลิปสติกอีกสักหน่อย ทุกอย่างดูดีเข้าที่แล้วจึงค่อยเดินออกจากห้องน้ำไป ร่างระหงในชุดกางยีนส์รัดรูปเอวต่ำคู่กับเสื้อครอปสีดำตัวจิ๋วกำลังเดินทอดน่องไปตามทางเดินที่มีแสงไฟสลัว ใบหน้าสะสวยบวกกับรูปร่างโดดเด่นของเธอเป็นที่เตะตาต้องใจของใครหลายคนที่เดินผ่าน หากแต่น้ำชาไม่คิดจะสนใจใคร ใครจะว่าเธอหยิ่งยังไงก็ช่างน้ำชาไม่สน… ทว่าอยู่ๆสองขาเรียวนั้นก็ต้องหยุดเดินอย่างกะทันหัน… “น้ำชา!”
@The Rabbit club… บรรยากาศในผับช่วงคืนวันเสาร์ถือได้ว่าครึกครื้นเป็นที่สุด เหล่านักท่องราตรีไม่ว่าจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นนักศึกษาหรือแม้แต่กลุ่มคนวัยทำงานก็มักจะใช้ค่ำคืนนี้ในการปลดปล่อยตัวเองให้สุดแล้วค่อยไปหยุดนอนพักผ่อนเอาแรงในวันถัดไปเธอเองก็เช่นกัน… ร่างระหงของน้ำชาเดินตรงเข้ามายังโต๊ะที่เพื่อนๆนั่งอยู่ แต่พอมาถึงดวงตากลมเฉี่ยวก็กวาดมองจำนวนคนที่เกินกว่าที่นัดกันเอาไว้พลางขมวดคิ้วลงเล็กน้อย น้ำชาจำได้ว่าที่เธอนัดเอาไว้มีเพียงเธอและเพื่อนสองคนที่เรียนอยู่คณะเดียวกันในมหาลัยเท่านั้น แต่ตอนนี้ดันมีชายหนุ่มหน้าตาดีอีกสี่คนโผล่มาด้วยเฉยเลย “น้ำชา มานั่งตรงนี้” เสียงหวานของเพื่อนสาวคนหนึ่งเอยบอกพร้อมกวักมือเรียก ใบหน้าจิ้มลิ้มส่งยิ้มแห้งให้เธอเล็กน้อยเหมือนรู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด “ทำไมคนเยอะ?” “โทษที พี่ชายฉันตามมาคุมแฟนมัน” ประกอบคำสารภาพผิดสายฝนก็พยักพเยิดหน้าไปทางพิมเพื่อนอีกคนที่นั่งตัวชิดติดกันกับแฟนหนุ่ม “เอาน่า มากันหลายคนจะได้สนุก” “หึ!” น้ำชาคร้านที่จะเถียง เธอแค่อยากออกมานั่งดื่มตามประสาเพื่อนสาวเพื่อผ่อนคลายให้หายจากความขุ่นมัวทางอารมณ์เพราะเหตุบ







