LOGIN@มหา’ลัย…
การออกค่ายชมรมได้ผ่านพ้นไปหลายวันแล้ว ทว่าเสียงบ่นกระปอดกระแปดจากเพื่อนสนิททั้งสองยังคงมีแว่วดังมาให้น้ำชาได้ยินอยู่เป็นระยะ ทั้งพิมที่งอแงเรื่องผิวของตัวเองที่คล้ำลงไป ไหนจะสายฝนที่บ่นถึงสิวเม็ดใหม่ซึ่งเสนอหน้าขึ้นมาตรงกลางหน้าผากพอดิบพอดี
คงจะมีเพียงน้ำชาคนเดียวที่ไม่มีเรื่องจะบ่นอย่างคนอื่นเขา เพราะนอกจากความเหนื่อยเมื่อยล้านิดหน่อยก็เห็นจะมีแต่เรื่องภาพกล้ามแขนล่ำแน่นของใครบางคนที่มันลอยเข้ามาในหัวทุกวัน แต่ถึงอย่างนั้นแล้วเรื่องนี้เธอคงจะบ่นให้ใครฟังไม่ได้
ตั้งแต่กลับมาจากค่ายชมรมวันนั้นเธอก็ยังไม่ได้เจอหน้ารุ่นพี่พวกนั้นอีกเลย ถึงจะเรียนอยู่มหา’ลัยเดียวกันแต่ว่าก็คนละคณะ แถมพวกเขาก็เป็นพี่ปีสามคงมีอะไรให้ทำเยอะแยะ ใครจะมาหาน้องหาแฟนต่างคณะได้ทุกวัน แต่ดูเหมือนว่าวันนี้น้ำชาจะคิดผิด…
“พี่หมอกมาทำไม แอบมาหาเด็กแถวนี้เหรอ?” เสียงสายฝนทักทายพี่ชายเป็นปกติ หากว่าเห็นอีกฝ่ายที่มักจะแวะมาหาแฟนก็จะชอบแซวเป็นประจำ แต่ที่ไม่ปกติก็คือวันนี้หมอกกลับพกเพื่อนมาด้วยอีกหนึ่งคน
คนที่ทำเอานักศึกษาสาวคณะนิเทศศาสตร์แตกตื่นกันเป็นแถบๆ…
“แวะเอาขนมเค้กมาให้ โซ่มันซื้อมาฝาก” หมอกว่าพลางก็ยกถุงกระดาษจากร้านเบเกอรีชื่อดังให้ทุกคนดู ส่วนด้านหลังเขานั้นคือชายหนุ่มคนที่ซื้อขนมเค้กเจ้าอร่อยที่ว่ามา
“หวัดดีสาวๆ” โซ่ที่อยู่ในเสื้อช็อปกางเกงยีนส์สีเข้มราคาหลักหมื่นยืนโบกมือฉีกยิ้มกว้างทักทาย ส่วนสูงกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบแปดเซนติเมตรส่งให้รูปร่างของเขายิ่งโดดเด่นจนใครเห็นก็ต้องพากันสะกิดให้หันมอง ทว่าในสายตาของคนที่ว่าตอนนี้กำลังจับจ้องไปที่คนเพียงคนเดียว
“น้ำชาเอาเค้กอะไร ร้านนี้อร่อยมากนะพี่หมอกซื้อให้ฉันกับฝนกินประจำ” พิมถามพร้อมจัดแจงหยิบกล่องเค้กออกมาจากถุงกระดาษทีละกล่อง สักพักก็ไม่วายหันไปขยิบตาให้โซ่อย่างรู้กัน
ทว่าคนถูกถามกลับไม่ได้ใส่ใจ ดวงตากลมเฉี่ยวยังคงจับจ้องอยู่ที่หน้าจอสมาร์ตโฟนของตัวเองไม่วางตาพลางปัดตกคำเอ่ยชวน
“พวกแกกินเลย ฉันไม่ชอบกินเค้ก”
หลังจากนั้นก็เกิดสภาวะเงียบกริบขึ้นมาชั่วขณะ เหล่าชาวคณะคนรู้กันต่างมองไปที่เธอเป็นตาเดียว
“เอ่อ…เอาเค้กส้มก็ได้” น้ำชาไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดแต่เพื่อไม่ให้เป็นการเสียน้ำใจจึงรับเค้กส้มที่ว่ามาแล้วตักเข้าปากคำโตทันทีพร้อมพยักหน้าหงึกหงัก
“อืม อร่อยจริง”
“เห็นมะ บอกแล้วว่าอร่อย” พิมได้ทีรีบเอ่ยสมทบ
“ว่าแต่พวกพี่ไม่มีเรียนกันเหรอ ถึงมาหาเนี่ย” พิมหันไปถามกับแฟนหนุ่ม
“มีสิ แต่ใครบางคนมันอยากมาเลยต้องพามันแวะมาก่อน” สายหมอกนั่งกอดอกบุ้ยปากไปทางโซ่ที่ยืนอยู่ใกล้ๆกัน ฝ่ายโซ่เห็นดังนั้นเลยจัดแจงพาตัวเข้ามานั่งร่วมโต๊ะกับพวกสาวๆทันที
“จะมาชวนไปคลับของลูกพี่ลูกน้องที่เพิ่งเปิดใหม่น่ะ เห็นว่าคืนนี้มีมินิคอนเสิร์ตของวงJXLด้วย เลยว่าจะมาชวนสาวๆไปดู” คนชวนว่าพลางก็ควักสมาร์ตโฟนออกมาจากกระเป๋าแล้วปัดเลื่อนหน้าจอไปมาก่อนจะวางลงบนโต๊ะหินอ่อนให้ทุกคนดู
หน้าจอปรากฏรูปวงดนตรีที่มีนักร้องหนุ่มหล่อกำลังเป็นกระแสในตอนนี้ทำให้ทั้งสามสาวทำตาโตไปพร้อมๆกัน
“โต๊ะหน้าเวทีเลย สนใจปะ”
“JXL อร๊าย! น้ำชา JXL” สายฝนทำเสียงกระดี๊กระด๊าเขย่าไหล่น้ำชาแล้วชี้ไปที่หน้าจอสมาร์ตโฟนของโซ่ นักร้องวงนี้มีแต่คนหล่อๆแถมเพลงก็เพราะและยังเป็นอีกวงที่น้ำชาชื่นชอบอีกต่างหาก
“ฉันเห็นแล้ว”
“แกไปด้วยกัน นะๆ”
“เอ่อ…” น้ำชามีน้ำเสียงอึกอัก นักร้องวงที่ว่าเธอเองก็เป็นแฟนคลับ อยากไปก็อยากไปแต่อีกใจก็รู้สึกเกร็งๆเพราะคิดว่าตัวเองไม่ได้สนิทกับพวกผู้ชายกลุ่มนี้ขนาดนั้น
“ไปด้วยกันสิ” กระทั่งโซ่เองเป็นฝ่ายเอ่ยชวน
“หลายๆคนสนุกดี”
“อะ…อืม ก็ได้” น้ำชาจึงได้กล้ายอมตกปากรับคำพร้อมกับฉีกยิ้มหวาน ดีใจที่จะได้ไปใกล้ชิดกับนักร้องวงนี้ที่ตัวเองชื่นชอบ
“เย้ๆ JXL JXL ฉันจะไปดูคนหล่อ”
“ไปก็ไปแต่แกช่วยหยุดเขย่าฉันก่อนได้ไหม…ฝนนน”
@3507 Club…
22.30น.
ภายในผับที่เพิ่งเปิดใหม่เวลานี้นักท่องราตรีเริ่มจะหนาแน่น โซ่และเพื่อนคนอื่นๆมาถึงกันแล้ว ทว่าคนที่เขาอยากให้มาด้วยจนป่านนี้แล้วก็ยังไม่เห็นหน้า
“เดี๋ยวเขาก็มา นั่งทำหน้าเป็นส้น…อยู่ได้” วินพูดเสียงดังแข่งกับเสียงเพลงภายในผับที่ตอนนี้เริ่มจะดังขึ้น ตั้งแต่พากันมาถึงเพื่อนโซ่ของเขาก็เอาแต่มองที่หน้าจอมือถือสลับกับทางเดินอยู่อย่างนั้น
“น้ำชาบอกว่ากำลังขับรถอยู่ ใจเย็นพี่” สายฝนที่คอยแชทไปถามเพื่อนตลอดเอ่ยบอก
“เออใจเย็น แดกเหล้าก่อน”
“…” โซ่ยกแก้วขึ้นไปชนกับเพื่อนแต่สีหน้ายังคงบอกบุญไม่รับ เขาอุตส่าห์สืบรู้ว่าเธอชอบนักร้องวงนี้จึงหาเรื่องชวนมาดู จนป่านนี้เธอก็ยังไม่มาจะไม่ให้เขาเซ็งได้ยังไง
“อีกครึ่งชั่วโมงJXLก็ขึ้นแล้ว ทำไมยังไม่…”
“มาโน่นแล้ว” พิมรีบชี้มือบอกเมื่อเห็นเพื่อนตัวเองกำลังเดินฝ่าเหล่านักท่องราตรีเข้ามายังโต๊ะหน้าเวทีที่ทุกคนนั่งอยู่
วันนี้น้ำชายังคงโดดเด่นเหมือนทุกครั้งที่ได้มาเที่ยวด้วยกัน ทุกการขยับตัวเดินของเธอนั้นมีเสน่ห์จนคนที่เห็นไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ต่างหันมอง
“หูว! สวยเอาเรื่อง” โดยเฉพาะผู้ชายหูตาแพรวพราวแถมปากยังไวแบบวิน
“สวยจริง” คนนิ่งๆอย่างริวก็ยังไม่เว้น
โซ่ไม่ได้สนเสียงเพื่อนที่ต่างเอ่ยชมหญิงสาวที่ยังเดินมาไม่ถึง ทว่าก็ไม่ลืมที่จะขยับมือข้างหนึ่งดันให้ริวลุกขึ้นและพยักพเยิดเป็นเชิงไล่ให้ไปนั่งอีกฝั่ง ริวที่รู้งานจึงลุกขึ้นย้ายในทันที
“เกือบไม่ได้มาแล้วเชียว” น้ำชาที่เพิ่งเดินมาถึงส่งเสียงบ่นให้เพื่อนฟังในขณะที่ตัวเองก็นั่งลงตรงข้างโซ่ซึ่งมีที่ว่างอยู่ที่เดียว แต่สายฝนกับพิมที่นั่งอยู่ไม่ได้ใกล้กันฟังไม่ค่อยถนัด
“ทำไมเหรอ” โซ่จึงเป็นฝ่ายหันไปคุยกับเธอแทน
“มีรถคันนึงมาตัดหน้า ดีนะที่เบรกทัน”
“เอ่อ…ดีแล้ว ไม่งั้นอดดูคนหล่อแน่เลย” โซ่บอกพร้อมยิ้มกริ่มหว่านเสน่ห์ ‘คนหล่อ’ ที่เขาว่าไม่ได้หมายถึงนักร้องวงนั้นแต่หมายถึงตัวเขาเองต่างหาก
“ดื่มอะไรเดี๋ยวพี่บอกเด็กให้” โซ่ขยับตัวเข้าไปถามเธอในตอนที่พนักงานชายคนหนึ่งเดินมารอให้บริการ ด้วยความที่เห็นว่าพนักงานคนนั้นเอาแต่มองเธอแล้วยิ้มเขาจึงจะเป็นคนจัดการสั่งให้เอง
“โซดาก็ได้” น้ำชาตอบ
“โซดาอย่างเดียว ไม่ใส่เหล้าเหรอ?”
“ตลกแล้วพี่โซ่”
“หึ! ล้อเล่น” โซ่อมยิ้มชอบใจที่ได้พูดหยอกล้อกับน้ำชา ทว่าพอหันไปสั่งเครื่องดื่มกับพนักงานกลับทำสีหน้าเรียบเข้มจนพนักงานชายคนนั้นไม่กล้าที่จะมองน้ำชาอีกเพราะคิดว่าทั้งสองเป็นอะไรกัน
“ได้แก้วกันครบแล้วก็ชนสิครับบ” วินยังคงเป็นคนทำหน้าที่เอ็นเตอร์เทนเพื่อนๆได้ดีเหมือนเดิม ภายในผับเริ่มจะครึกครื้นกว่าเก่า รวมถึงโต๊ะของพวกเขาเองก็ครื้นเครงพราะมีคนคอยชวนกันพูดคุย ถึงจะต้องตะเบงเสียงให้ดังกว่าเสียงเพลงอีกหน่อย แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา
กระทั่งมีผู้หญิงสองคนเดินเข้ามาเอ่ยทักทายพวกเขา…
“มาเที่ยวไม่ชวนกันบ้างเลยนะวิน” เสียงหวานของผู้หญิงคนหนึ่งถามกับวิน เธอคนนี้เป็นหนึ่งในผู้หญิงที่เขาคุยด้วยอยู่ตอนนี้ แต่ดันเป็นเพื่อนสนิทกับใครอีกคนที่เพื่อนเขาไม่อยากเห็นหน้า
“กะ…เกด มาเที่ยวด้วยเหรอ?” วินถามกลับด้วยน้ำเสียงอึกอัก ใบหน้าหล่อทะเล้นมองหญิงสาวสองคนสลับกับหน้าเพื่อนตัวเอง
“ใช่สิ JXLเลยนะไม่มาได้ไง แต่เสียดายเพื่อนเกดจองโต๊ะได้ทางโน่น” หญิงสาวชี้มือไปทางโซนข้างหลังที่ห่างออกไปจากตรงนี้อีกหลายโต๊ะ
“ถ้ารู้ว่าวินมาเกดคงขอมาร่วมโต๊ะด้วยแล้ว”
“เอ่อ…” วินมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก เขาไม่คิดว่าจะเจอกับเธอที่นี่ กับคนคุยเขาก็ไม่เท่าไรหรอก แต่กับอีกคนนี่สิ
ทว่าก็ยังโชคดีหน่อยที่หญิงสาวสองคนนี้ทำแค่เพียงเดินมาทักทาย
“งั้นเกดไปก่อนนะ ไว้เจอกัน”
“เค”
หญิงสาวสองคนเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเองแล้ว วินก็ได้แต่มองหน้าโซ่อย่างอยากจะขอโทษขอโพย ใครจะไปคิดว่าคนคุยเขาจะพาแฟนเก่าเพื่อนเข้ามาทักทายถึงโต๊ะ ‘ซวยจริงๆ’
เป็นเวลาร่วมชั่วโมงกว่าที่โซ่ต้องทนมองดูน้ำชาเล่นน้ำไปยั่วโมโหเขาไปด้วย หลังจากที่แม่คุณเขาถอดเสื้อตัวนอกออกแล้วก็ยังดูไม่พอใจเท่าไรนัก รู้ว่าแฟนตัวเองเป็นคนขี้หวงก็เลยจัดให้หวงหนักเข้าไปอีกด้วยการเลิกชายเสื้อสายเดี่ยวขึ้นมามัดเป็นปมอยู่ใต้ราวนม เพื่อโชว์เอวคอดเซ็กซี่และจิวสะดือตัวผีเสื้อน่ารัก โซ่ได้แต่นั่งกัดฟันเสียงดังกรอดอย่างอดทน มีหลายครั้งที่คนสวยแสร้งทำเป็นขึ้นจากสระมาเพื่อหยิบเอาของกินใส่ปาก บ้างก็แกล้งเดินนวยนาดเข้าไปขอเบียร์เพิ่มจากวิน ไม่รู้ว่าจะพิสูจน์ความอดทนของเขาไปถึงไหน แต่บางทีเธอก็อาจจะลืมไปว่าสถานะของเขาตอนนี้ไม่จำเป็นต้องอดทน “พี่วินชาขอบะ…ว้ายย!” น้ำชาถึงกับร้องเสียงหลงที่อยู่ๆก็ถูกคนตัวโตเดินมาช้อนร่างเธอขึ้นไปอุ้มไว้ ดวงตาคมของโซ่จ้องเขม็งใส่เธอแต่ริมฝีปากหยักกลับยกยิ้มราวกับว่าชอบใจหนักหนาที่สามารถเข้าชาร์จตัวเธอไว้ได้ “พี่โซ่ปล่อย ชาจะไปเล่นน้ำ” “…” “พี่โซ่ จะไปไหน” ไม่มีเสียงใดตอบกลับ โซ่ก้าวขายาวๆผ่านพวกเพื่อนที่นั่งอมยิ้มชอบใจไปด้วยความว่องไว แม้คนที่เขาอุ้มอยู่จะดิ้นฝืนไม่ยอมให้เขาพาไปยังไงเขาก็ไม่สน ยิ่งดิ้นแขนแกร่งก็ยิ่งกระช
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว น้ำชากับเพื่อนพากันกระดกเบียร์ไปหลายขวดก็เริ่มจะพากันมึนแล้วเช่นกัน งานนี้ต้องโทษวินที่สรรหาเกมมาให้พวกเธอเล่นแล้วแพ้เลยต้องยกกรอกเข้าปากกันอยู่เรื่อย พอเห็นสาวๆเริ่มเมาก็ดูเหมือนเจ้าตัวจะสนุกเข้าไปใหญ่ “อีกสักเกมไหม ไหวกันปะเนี่ย” “พอก่อนพี่วิน ฝนมึน” สายฝนรีบปรามขึ้นทันทีที่วินคว้าเอาขวดเบียร์เปล่าขึ้นมาจะหมุนเพื่อเล่นเกมต่อ ถ้าถามว่างานนี้ใครโดนหนักสุดก็คงจะเป็นสายฝนที่ตอนนี้แทบจะนั่งหลังไม่ตรงอยู่แล้ว “รันเล่นเองพี่วิน ใครอ่อนก็ไปนอนก่อนเลย” คำพูดสบประมาทของรันทำเอาสายฝนหันไปมองตาเขียวใส่ ตลอดหลายชั่วโมงที่นั่งดื่มกันสองคนนี้ไม่วายประทะฝีปากกันได้ตลอด หากแต่ยังดีหน่อยที่สถานการณ์ไม่หนักหนาเหมือนอย่างช่วงแรกๆ อาจจะเป็นเพราะมีริวที่คอยส่งสายตาดุปรามน้องสาวอยู่ตลอด “กูว่าพอก่อนเหอะ ค่อยๆดื่มกันดีกว่า” สายหมอกที่ไม่อยากให้แฟนตัวเองเมามากไปกว่านี้เอ่ยบอกกับวิน เพราะตอนนี้พิมเองก็หน้าแดงจัดเอนกายพิงซบที่อกเขาแล้วเช่นกัน ฝ่ายริวกับโซ่ก็พยักหน้าเห็นด้วยไปตามๆกัน “รันอยากเล่นต่อ” คงจะมีแค่น้องสาวริวคนเดียวที่ยังคงอยากจะเล่นต่อ
บริเวณรอบสระว่ายน้ำที่ตอนแรกนั้นไม่มีอะไรเลย ทว่าตอนนี้กลับถูกจัดแต่งให้เป็นมุมปาร์ตี้ขนาดย่อมๆไปแล้ว อาหารมากมายที่วางเรียงกันอยู่บนโต๊ะนั้นล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของพวกผู้ชายทั้งหมด แทบจะไม่มีจานไหนเลยที่ฝ่ายผู้หญิงเป็นคนจัดการ น้ำชายืนมองทุกอย่างด้วยความแปลกใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าพวกผู้ชายจะจัดการอะไรด้วยตัวเองกันเก่งขนาดนี้ ตัวเธอเป็นผู้หญิงพอมาเห็นแบบนี้แล้วก็นึกอายอยู่เหมือนกัน มองไปตรงมุมหนึ่งที่มีถังน้ำแข็งสีแดงขนาดใหญ่วางอยู่ก็เห็นวินกำลังยืนหมุนอะไรบางอย่างด้วยความขะมักเขม้น ไหนจะตรงอีกมุมที่สายหมอกกำลังนั่งเสียบเนื้อเสียบผักใส่ไม้เพื่อทำบาร์บีคิวนั่นก็อีก แต่ที่พีคไปกว่านั้นก็คือการที่เธอได้เห็นริวซึ่งปกติแล้วชอบทำหน้าง่วงตลอดยืนถอดเสื้อโชว์รูปร่างกำลังย่างของทะเลอยู่บนเตาอย่างเอาจริงเอาจังนี่แหละ “อึก!” น้ำชาไม่ได้คิดอะไร แต่มันก็อดกลืนน้ำลายลงคอไม่ได้เวลาที่เห็นอะไรแบบนี้ และเหมือนว่าจะมีคนรู้เท่าทันความคิดเธออีกแล้ว ดวงตาคมกริบของคนด้านข้างตวัดมองเธออย่างไม่ชอบใจนัก แต่ทำอะไรไม่ได้เลยหันไปเอาเรื่องกับเพื่อนแทน “มึงไม่ใส่เสื้อดีๆว่ะริว” ปากโซ่ก็ตะโกนบอกเพื่อน
ช่วงค่ำ… “เธอ…ตื่นได้แล้ว” เสียงทุ่มของใครบางคนที่ดังใกล้ใบหูกับสัมผัสเย็นๆที่แนบเข้ากับแก้มใสทำให้น้ำชาต้องขยับเปลือกตาขึ้นมอง “กี่โมงแล้ว?” “จะสองทุ่มแล้ว” คนมาปลุกยังคงใช้ปลายจมูกคลอเคลียอยู่ที่แก้มเธอไม่ห่างในขณะที่ตอบกลับ “หือ?” น้ำชาชันตัวเองลุกขึ้นจากที่นอนด้วยอาการงัวเงีย ตอนแรกแค่จะขึ้นมางีบเพราะรู้สึกเพลียที่เล่นน้ำมากไปหน่อย บวกกับดื่มเบียร์กับโซ่ที่ริมหาดไปหลายขวด ไม่คิดว่าตัวเองจะหลับเอาจริงเอาจังตั้งหลายชั่วโมง “ทำไมเพิ่งมาปลุก” ดวงตาสวยช้อนขึ้นมองงอนคนที่ปล่อยให้เธอหลับไปตั้งนาน “ชาว่าจะช่วยฝนย่างบาร์บีคิวกินกัน” “พี่จัดการให้เรียบร้อยแล้ว ฝนก็เพิ่งลงไปข้างล่างเหมือนกัน” โซ่บอกพลางก็ดึงคนยังมีอาการงัวเงียอยู่เข้ามาหอมแก้มอีกแบบไม่รู้จักเบื่อกับความนุ่มนิ่มของแก้มนั่น “พี่พาเธอมาเที่ยวอย่างเดียว ไม่ต้องทำอะไร” “ก็เห็นว่าจะทำอะไรกินกันหลายอย่าง ชาก็แค่อยากช่วยบ้าง” “เธอทำเป็น?” คนถามยิ้มกลั้นขำเพราะรู้ว่าน้ำชาไม่ใช่ผู้หญิงที่ชอบเข้าครัวสักเท่าไรนัก ทำให้คนที่ถูกสบประมาททำหน้างอง้ำเข้าไปใหญ่ “พี่พูดเล่น ลงไปข้างล่าง
ไม่ใช่น้ำชาเพียงคนเดียวที่พอเห็นสระว่ายน้ำแล้วนึกอยากจะลงเล่น แต่เพื่อนเธออีกสองคนก็ดูจะใจตรงกันด้วย ตอนนี้ในสระว่ายน้ำจึงมีแต่เสียงหัวเราะของสามเพื่อนสาวดังแว่วมาอย่างต่อเนื่องให้อีกสี่หนุ่มที่ตั้งวงกันแต่หัววันได้ยิน ห่างออกมาจากสระว่ายน้ำเพียงนิด โซ่ สายหมอก วินและริวกำลังเริ่มเปิดขวดพากันรินเบียร์นั่งจิบกันแบบชิลๆผ่อนคลายไปกับบรรยากาศที่เป็นกันเอง ภายในกลุ่มก็เห็นจะมีโซ่คนเดียวที่ดูจะไม่ผ่อนคลายสักเท่าไรนัก มันเกือบจะดีอยู่แล้วเชียวที่น้ำชานั้นยอมเปลี่ยนชุดตามคำขอร้องของโซ่ ซึ่งชุดที่เธอเปลี่ยนออกมาเล่นน้ำนั้นเป็นเพียงชุดธรรมดาอย่างกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่มองดูแล้วก็เหมือนจะไม่มีอะไร ทว่าในขณะที่เธอลงเล่นน้ำกับเพื่อนๆอยู่ในสระนั้นกลับมีใบหน้าหงุดหงิดของใครบางคนนั่งมองเธออยู่อย่างนั้นไม่ละสายตาไปไหน มองไปก็ถอนหายใจไปจนเพื่อนๆรำคาญ “เป็นเหี้ยไรนักไอ้โซ่ ถอนหายใจแม่งอยู่นั่น” “…” โซ่ไม่ตอบ หากแต่เพื่อนชายทั้งหมดที่คบหากันมานานต่างรู้ดีในอารมณ์ขี้หวงของเขา ขนาดว่าไม่พากันหันมองสาวๆในสระน้ำบ่อยๆก็ยังไม่รอดที่จะถูกดวงตาคมตวัดหันมองหน้า แต่ก็อย่างว่าน้ำ
หลายวันต่อมา… จะเรียกว่าเป็นในรอบขวบปีเลยก็ว่าได้ที่น้ำชามีโอกาสได้เที่ยวจริงๆจังๆหลังจากเอาแต่เรียนมาตลอดทั้งปี และมันก็เป็นทริปแรกที่เธอได้ไปเที่ยวกับโซ่และเพื่อนๆด้วย ทริปนี้มีผู้ร่วมเดินทางมากันทั้งหมดถึงสิบคนด้วยกัน เพราะนอกจากจะมีกลุ่มเพื่อนของโซ่และน้ำชาที่เป็นตัวหลักแล้ว ก็ยังมีรัน น้องสาวของริวและเพื่อนของเธออีกสองคนขอติดสอยห้อยตามมาด้วย การเดินทางมาเที่ยวของกลุ่มเพื่อนซึ่งสนิทกันดีดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร ยกเว้นก็แต่อีกสามบุคคลที่น้ำชาไม่ได้สนิทอะไรด้วยนี่แหละ ที่ดูจะมีปัญหาอยู่นิดหน่อย เนื่องด้วยทริปนี้ที่พักนั้นตั้งอยู่บนเกาะแห่งหนึ่งการจะเดินทางไปให้ถึงนั้นจึงต้องต่อเรือเพื่อจะเข้าไป ทุกอย่างเหมือนจะราบรื่นดีจะติดก็ตรงที่เรือลำนี้มันคงจะเล็กไปหน่อยสำหรับคนถึงสิบคน “นี่! นั่งนิ่งๆหน่อยสิ หันไปหันมาอยู่ได้” สายฝนทำเสียงหงุดหงิดใส่ใครบางคนที่กำลังยกมือถือขึ้นมาเซลฟี่ให้ตัวเองและเพื่อนๆด้วยท่าทางที่ดูไม่เกรงใจใคร และเพราะว่าทุกคนอยู่ในเรือที่กำลังแล่นอยู่บนพื้นน้ำทำให้ต้องคอยระวังตัวกันอยู่ตลอดแม้จะใส่ชูชีพไว้ก็ตาม แต่ผู้หญิงอีกสามคนที่มาด้วยกันกลับไม่ทำตาม







