แชร์

บทที่ 236

ผู้เขียน: สั่งไม่หยุด
กล่าวจบ ไม่คิดเลยว่าเขาจะโซเซคุกเข่าลงจริง ๆ

หรงจือจือหลบออกไปหลายก้าว

นางจะยอมรับการคุกเข่าของฉีจื่อฟู่ ต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้จริง ๆ หรือ? เช่นนี้หากแพร่ออกไป ต่อให้ตนมีเหตุผล ก็อาจทำให้เกิดชื่อเสียงที่ไม่ดี ตกไปยังเหล่าพี่หญิงน้องหญิงของสกุลหรงคนอื่น ๆ ได้

หรงจือจือ “ใต้เท้าฉี ที่จริงท่านไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้เลย ไม่มีผู้ใดจงใจจะเหยียดหยามคนในครอบครัวของท่าน พวกเขาเป็นคนขวางข้าเอาไว้ หากท่านเป็นห่วงพวกเขาจริง ๆ ก็ให้พวกเขาทั้งหมดกลับไปเสีย”

ฉีจื่อฟู่กล่าวขึ้นพลางขมวดคิ้ว “จือจือ พวกผู้อาวุโสเองก็ทำเพื่อเราสองคนทั้งนั้น”

หรงจือจือเย้ยหยันเบา ๆ เพื่อนางหรือเพื่อสกุลฉีของพวกเขากันแน่?

ฉีจื่อฟู่มองไปที่มหาราชครูหรง แล้วกล่าวว่า “ท่านพ่อตา ขอข้าคุยกับจือจือเพียงลำพังสักหน่อยได้หรือไม่?”

มหาราชครูหรงกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ข้าไม่ใช่พ่อตาของเจ้า และไม่ได้มีเวลาว่างมากมายขนาดนั้น”

ผู้อาวุโสสกุลฉีกลับพากันตำหนิมหาราชครูหรงว่าไม่ได้เรื่อง “มหาราชครูหรง ถึงฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับท่านมาก แต่ท่านจะหยาบคายไร้เหตุผลเช่นนี้ไม่ได้นะ!”

“เขาผัวเมียมีอะไรจะพูดกัน พ่อตาอย่างท่านกลับขวางเอา
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 237

    ฉีจื่อฟู่หลับตาลงอย่างห่อเหี่ยวใจ ใช่ เขารู้ นี่เป็นเรื่องที่มารดาทำออกมาได้เขาจะลืมได้อย่างไร ก่อนหน้านี้หรงจือจือพาตนกลับไปเล่นละครที่สกุลหรง ใส่ใจฮูหยินผู้เฒ่าหรงถึงเพียงนั้น ระหว่างพวกเขากลายเป็นศัตรูกัน ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่มีทางอภัยให้สกุลพวกเขาฉีจื่อฟู่กล่าวทั้งลำคอแห้งผาก “ที่แท้เจ้าก็ไม่ได้อยู่ต่อเพราะตัดใจจากข้าไม่ได้ ข้ากลับคิดเข้าข้างตัวเองมาตลอด...”หรงจือจือไม่ได้ปฏิเสธ นางคิดว่าฉีจื่อฟู่ควรรู้ตัวนานแล้วฉีจื่อฟู่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เช่นนั้น...ในใจของเจ้า เคยมีเยื่อใยต่อข้าบ้างหรือไม่?”หรงจือจือถามกลับชืด ๆ “ท่านคิดว่าอย่างไรล่ะ?”ฉีจื่อฟู่เงียบไปครู่หนึ่ง ถึงกล่าวต่อว่า “ที่จริงสามปีก่อนข้ามักคิดว่า คล้ายกับเจ้ารักข้า แล้วก็คล้ายกับไม่รักเลยเช่นกัน ข้าไม่เข้าใจ สิ่งที่เจ้าสนใจคือข้า หรือว่าชื่อเสียงสะใภ้ใหญ่คุณธรรมของเจ้ากันแน่”และด้วยเหตุนี้ เขาถึงไปคบกับอวี้ม่านหวา และจงใจกลับมาหาเรื่องนาง เขาอยากพิสูจน์ว่านางรักเขาเป็นอย่างยิ่งและเขาเองก็อยากเป็นที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวของนางเป็นอย่างยิ่งหรงจือจือเองก็รู้สึกว่า ควรพูดให้ชัดเจนจึงกล่าวขึ้นอย่างไม

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 238

    หรงจือจือมองไปที่เขา จงใจกล่าวคำฟังไม่เข้าหูสุด ๆ ออกมา “ท่านคิดเองว่าตอนนี้จะชดเชยอะไรข้าได้? ตอนนี้ขนาดยืนท่านยังยืนไม่ไหวเลยด้วยซ้ำ ท่านมีตรงไหนที่คู่ควรกับข้า?”“ท่านพาอวี้ม่านหวากลับมา หากโดนโทษหนัก ท่านไม่ทำให้ข้ากับสกุลหรงพลอยติดร่างแหไปด้วย ก็เป็นการชดเชยให้ข้าที่ดีที่สุดแล้ว มิใช่หรือ?”นางรู้ว่าแม้ฉีจื่อฟู่จะดูราวกับไร้ยางอาย คิดเข้าข้างตัวเอง ทว่าคนผู้นี้รักศักดิ์ศรีเป็นอย่างมากนางกล่าวเช่นนี้ ต้องทำให้เขาถอยไปได้แน่เป็นอย่างที่คิดเอาไว้จริง ๆสีหน้าของฉีจื่อฟู่ซีดเผือดไปหมด เขาหลับตาลงพลางกล่าว “เจ้าไปเถอะ! ข้าจะไม่ขวางเจ้าเอาไว้! ทีแรกข้าเองก็ป่วยจนกลายเป็นเช่นนี้ เจ้าเคยดูแลข้ามาครั้งหนึ่ง ข้าไม่มีหน้าให้เจ้ามาดูแลเป็นครั้งที่สองแล้ว”เขารู้ว่า หรงจือจือพูดอย่างชัดเจนขนาดนี้แล้ว ตนก็จนปัญญาจะรั้งให้นางอยู่แล้วเช่นกันหรงจือจือสาวเท้าก้าวยาวเดินออกไปโดยไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมามองทว่าฉีจื่อฟู่เรียกให้นางหยุด “จือจือ อย่างไรข้าก็เคยสร้างความดีความชอบในการรบชนะเอาไว้ ไม่แน่ว่าฝ่าบาทจะให้ข้าไปตาย”“ท่านย่าของเจ้าถูกท่านแม่ข้าบีบให้ตาย เจ้าเองก็ฆ่าท่านแม่ของข้า นับว

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 239

    หรงจือจือคิดว่าเขาเป็นบ้า คร้านจะสนใจแล้วจริง ๆทว่าในจังหวะนี้เอง เมื่อฉีอวี่เยียนได้รับข่าว ก็พุ่งออกมาจากในจวน “หรงจือจือ ท่านจะไปก็ไป แต่สินเดิมพวกนี้ท่านเอาไปไม่ได้!”“นี่เป็นของที่ท่านรับปากข้าไว้ก่อนหน้านี้! หากข้าแต่งงานออกไปท่านจะให้สินเดิมข้าร้อยหาบ เรื่องนี้ตกลงกันไว้แล้ว ตอนนี้ท่านจะมาเอาไปหมายความว่าอย่างไร?”หรงจือจือแค่นเสียงฮึทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามว่า “ข้าเคยรับปากไว้ตั้งแต่เมื่อไร?”ฉีอวี่เยียนอึ้งไป พร้อมมองนางอย่างยากจะเชื่อ “ท่านเป็นคนรับปากเองนะ! หรือว่าท่านจะไม่ยอมรับ?”หรงจือจือครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะฉีกยิ้มอ่อน ๆ แล้วกล่าวว่า “อาจจะเคยว่าเอาไว้จริง ๆ กระมัง แต่ข้าเองก็ไม่เคยเขียนสัญญาให้เจ้านี่ ตอนนี้ข้าไม่ให้แล้ว เจ้าเองก็ไปฟ้องข้าที่ที่ว่าการไม่ได้!”สีหน้าของฉีอวี่เยียนแข็งทื่อไม่นานก็นึกคำพูดที่ตนพูดกับหรงจือจือ ในวันที่ตนไปขอสินเดิมกับหรงจือจือขึ้นได้“ข้าเองก็รู้ว่าปีนั้นท่านพี่บอกว่าจะไม่ติดค้างท่าน และยังบอกว่าจะขอพระราชทานฮูหยินตราตั้งให้ท่าน แต่เขาก็ไม่ได้เขียนสัญญาให้ท่านนี่ ตอนนี้ท่านเกิดไม่พอใจขึ้นมา ก็ไปฟ้องเขาไม่ได้!”ถูกคำพูดของตัวเ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 240

    สีหน้าของฉีจื่อฟู่คล้ำดำเขียว “อวี่เยียน! เจ้าหลีกไปเสีย!”ทว่าในตอนนี้ฉีอวี่เยียน คล้ายกับเป็นบ้าไปแล้ว ฟังไม่เข้าหูเลยสักนิดนางกดปิ่นปักผมตรงคอของตนเอง เลือดซิบออกมาแล้ว ก่อนจะกล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า “ไม่มีทาง! หากทิ้งสินเดิมเอาไว้ ข้าก็จะหลีก! ไม่เช่นนั้นข้าจะนองเลือดอยู่ตรงนี้เสีย!”หรงจือจือกล่าวเตือนชืด ๆ “ความเป็นตายของเจ้า ขู่ได้แค่ผู้ที่สนใจความเป็นความตายของเจ้าเท่านั้น เจ้าคิดว่าข้าสนใจหรือ?”ฉีอวี่เยียนสำลึก ก่อนจะกล่าวประชดประชัน “ข้าไม่เชื่อว่าท่านจะไม่สนใจชื่อเสียงของท่าน!”หรงจือจือยิ้มอ่อน ๆ “ข้าหย่าแล้ว ในเมืองหลวงจะยังมีชื่อเสียงดี ๆ ได้อีก?”ในใจของฉีอวี่เยียนพลันไม่แน่ใจขึ้นมาแต่ไม่นานนางก็แข็งแกร่งขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นก็ส่งปิ่นปักผมไปด้านหน้าอีกครั้ง แววตาหวาดระแวงและบ้าคลั่ง “อย่างไรก็ดีกว่าบีบให้อดีตน้องสามีให้ตายโขกระมัง?”มหาราชครูหรงเองก็ขมวดคิ้วมุ่นอันที่จริงเขาคิดไม่ถึงเลยว่า คนสกุลฉีจะไร้ยางอายเช่นนี้ สินเดิมของบุตรสาวตน ตามเหตุผลตามกฎมณเทียรบาลแล้ว ในเมื่อหย่ากันแล้วก็ไม่ควรทิ้งเอาไว้สิ่งนี้ทำให้แววตาดูถูกของเขาก็มองไปที่ฉีอวิ่นเช่นกันใน

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 241

    มหาราชครูหรงแค่นเสียงอย่างเย็นชา “ด่าทอพี่ชายและอดีตพี่สะใภ้ต่อหน้าธารกำนัล ขู่เข็ญเอาชีวิตเพื่อเรียกร้องสินเดิมของอดีตพี่สะใภ้ การสั่งสอนของตระกูลฉี ข้าได้ประจักษ์แล้วจริงๆ!”“ก็ใช่น่ะสิ! มีมารดาอย่างนางถานที่คบชู้ จะมีลูกหลานที่ได้เรื่องได้อย่างไร?”“หากลูกสาวของข้าทำตัวน่าอับอายขายหน้าเช่นนี้ ข้าคงจะโบยจนตายนานแล้ว!”“ฉีอวิ่น เจ้าจงจำไว้ สองตระกูลเรามิใช่เพียงหย่าร้าง แต่เป็นการตัดขาด! ครอบครัวเจ้าทำให้แม่ข้าเสียใจ สองตระกูลเราไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ ต่อกันอีกต่อไป”“ต่อไปนี้ หากเจ้าเจอข้า จงเรียกข้าว่าใต้เท้าด้วยความเคารพ! ถ้าครอบครัวเจ้ายังมีชีวิตรอดเจอข้าในภายภาคหน้า!”พูดจบ มหาราชครูหรงก็สะบัดแขนเสื้อ “กลับจวน!”หากไม่ใช่เพราะตัวต้นเหตุอย่างนางถานได้ตายไปแล้ว เขาคงจะสาดคำพูดร้ายๆ ใส่มากกว่านี้ ก่อนจะยุติเรื่องหรงจือจือขึ้นรถม้า ท่ามกลางสายตาอาลัยอาวรณ์ของฉีจื่อฟู่เจาซีที่ถือกระเป๋าน้ำร้อนขึ้นไปปรนนิบัติ พูดอย่างโกรธเคือง “คุณหนู ฉีอวี่เยียนนี่มันไม่ใช่คนจริงๆ!”หรงจือจือ “ไม่ต้องโกรธ ต่อไปนี้ตระกูลฉีจะดีจะร้าย ก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเราอีกแล้ว”เจาซีพยักหน้า “ก่อนหน้า

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 242

    เมื่อได้ยินคำพูดของนางหวัง เจาซีก็แทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความโกรธ คนข้างนอกก็รังแกคุณหนู พอกลับมาถึงบ้าน ฮูหยินก็ยังไม่ยอมหยุดมหาราชครูหรงขมวดคิ้ว มองไปที่นางหวัง กำลังจะเอ่ยปากนางหวังรีบพูดว่า “ท่านพี่ ข้าทราบว่าท่านทำตามคำสั่งเสียของฮูหยินผู้เฒ่า จึงอยากให้จือจือกลับเข้าจวนทางประตูหน้า แต่สตรีที่หย่าร้างกลับเข้าทางประตูหน้า จะทำให้โชคลาภของตระกูลเราเสียหาย”“หากว่าคุณหนูคนอื่นๆ ในตระกูล ได้รับเคราะห์ร้ายจากนาง วันหน้าต่างคนต่างหย่าร้างกลับมา จะทำอย่างไรดี ท่านพี่ว่าจริงหรือไม่?”“ผู้อาวุโสในตระกูลก็ไม่พอใจที่เราไม่ได้มอบผ้าขาวให้นางแขวนคอตายอยู่แล้ว การให้นางเข้าทางประตูหลัง ก็ถือว่าเป็นการให้เกียรติพวกท่านแล้ว!”เมื่อได้ยินดังนั้น มหาราชครูหรงก็ลังเลเมื่อเห็นดังนั้น นางหวังก็มองหรงจือจือด้วยสายตาเย่อหยิ่งหรงจือจือเข้าใจดีว่า นางหวังไม่พอใจที่ครั้งก่อนนางสั่งให้ตนเองกินยาพิษฆ่าตัวตาย แต่ตนเองไม่ทำตาม นี่เป็นการจงใจข่มขู่นางเพื่อที่จะให้นางรู้ว่า แม้ว่านางจะกลับมาที่ตระกูลหรงแล้ว คนที่กุมอำนาจในบ้านหลังนี้ก็คือนางหวังหากนางไม่อนุญาต นางจะไม่สามารถแม้แต่จะเข้าทางประตูหน้าไ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 243

    ขันทีอาวุโสหยางไม่เปิดโอกาสให้หรงจือจือได้ตั้งตัว รีบเดินจากไปด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุขถึงแม้เขาจะเป็นคนใกล้ชิดฝ่าบาทที่สุด แต่ก็รู้ดีว่าฝ่าบาททรงให้ความเคารพต่อตำท่านเสนาบดีราวกับบิดาบังเกิดเกล้า ไม่มีผู้ใดสามารถยุแหย่ความสัมพันธ์นี้ได้ แล้วเขาเพียงเป็นข้ารับใช้คนหนึ่ง จะเอาอะไรไปเทียบได้เล่า?ภายภาคหน้า หากนางหรงได้รับการแต่งตั้งเป็นมารดาบุญธรรมของฝ่าบาท เช่นนั้นเขาจะกล้าก้าวล้ำหน้านางนี้ได้อย่างไร?เงินก้อนนี้ รับไว้ไม่ได้จริงๆ!ทันทีที่ขันทีอาวุโสหยางจากไปนางหวังปรายตามองหรงจือจือด้วยความไม่พอใจ ขมวดคิ้วกล่าวว่า “ช่างไม่รู้ความเอาเสียเลย! เจ้าเป็นหญิงที่หย่าร้างไปแล้ว จะได้ตำแหน่งท่านหญิงไปเพื่ออันใด?”“หากเจ้ารีบไปบอกเสนาบดีเสียแต่แรก ให้ท่านมอบเกียรตินี้แก่เจียวเจียว วันหน้าหากนางมีเกียรติยศรุ่งโรจน์ เจ้าก็พลอยได้รับอานิสงส์ไปด้วยมิใช่หรือ?”หรงจือจือฟังแล้วกลับยิ้ม นางช่วยชีวิตผู้คนจนได้รับเกียรติยศนี้มาเองแท้ๆ แต่สุดท้ายกลับต้องยกให้แก่น้องสาว แล้วยังต้องรอพึ่งบารมีของน้องเพื่อให้ตนได้อาศัยแสงส่องอีกหรือ?นางผู้นี้ที่เรียกตัวเองว่าแม่ ช่างลำเอียงเสียจนหัวใจแทบจะหลุดออกมานอ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 244

    “ไม่เสียใจ” เฉินเยี่ยนซูเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเขามีเพียงสามสิ่งที่ปรารถนาในชีวิตนี้ประการแรก ให้แคว้นต้าฉีแข็งแกร่งเหนือผู้ใด ปวงประชาอยู่ดีมีสุข ดังนั้นแม้จะรู้ดีว่า การสละบัวไหมสวรรค์ไป จะทำให้ตนเองเหลืออายุขัยเพียงสามถึงสี่ปี แต่ก็ยังรวดเร็วและเด็ดขาดดั่งสายฟ้าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ได้ผนวกแคว้นเป่ยเจียง แคว้นเซวีย และแคว้นเจาเข้าด้วยกัน ทำให้แคว้นต้าฉี่แข็งแกร่งและมั่งคั่งฝ่าบาทได้รับการฝึกฝนจนสามารถรับมือกับทุกสิ่งได้ด้วยตัวเอง อีกทั้งในราชสำนักก็ได้ปูทางให้ฝ่าบาทเรียบร้อยแล้ว ต่อให้เขาเป็นอะไรไป เสียชีวิตอย่างกะทันหัน ฝ่าบาทก็ยังสามารถเสด็จขึ้นว่าราชการล่วงหน้าได้ และแม้แต่แคว้นอื่นก็ยังไม่กล้ารุกรานแม้แต่น้อยความปรารถนาประการที่สองคือการสร้างคุณูปการ ฝากชื่อไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ ซึ่งเขาได้ทำสำเร็จไปนานแล้วปรารถนาประการที่สาม ก็คือให้ผู้ที่เก็บไว้ในใจ ได้รับทุกสิ่งที่นางปรารถนา ทุกเรื่องราวล้วนราบรื่น และมีชีวิตปลอดภัยตลอดปีตลอดชาติสำหรับเขาแล้ว ความยาวนานของชีวิตไม่สำคัญเท่ากับการเติมเต็มปณิธานทั้งหมดในช่วงเวลาที่มีอยู่ ตราบใดที่สามารถใช้ชีวิตอย่างเต็มเปี่ย

บทล่าสุด

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 338

    เสิ่นเยี่ยนซูดวงตาเย็นยะเยือก และเดินไปตรงหน้าหรงเจียวเจียวเขามองนางด้วยสายตาที่เหนือกว่า พลางถามเสียงเย็นว่า “เจ้าว่าผู้ใดเป็นคนชั้นต่ำ?”เขามักจะมีอำนาจในฐานะผู้เหนือกว่าอยู่เสมอ ทำเอาหรงเจียวเจียวตกใจสีหน้าซีดเผือด อดไม่ได้ที่จะคุกเข่าและถอยหลังไปหนึ่งก้าว น้ำตาก็คลอเบ้า จนแทบจะไหลลงมาอีกครั้งนางกล่าวด้วยริมฝีปากที่สั่นเทา “ข้า ข้า ข้า...”ดวงตาที่เสิ่นเยี่ยนซูมองนาง มองราวกับเป็นของที่ตายแล้ว “วันนี้ข้าจะให้เกียรติมหาราชครูหรง”“เจ้าคุกเข่าอยู่ที่นี่สองชั่วยาม ตบหน้าหนึ่งร้อยที ก็จะสามารถลุกขึ้นได้”“หากครั้งหน้าข้าได้ยินคำพูดเช่นนี้อีก ลิ้นของเจ้าก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป องครักษ์หลงสิงมีวิธีดึงลิ้นออกมามากมาย เข้าใจหรือไม่?”หรงเจียวเจียวตกใจมากจนฉี่จะราดอยู่แล้ว นั่นเป็นครั้งแรกที่รู้ว่า ชายที่ตนเองชื่นชอบ มีด้านที่น่ากลัวเช่นนี้ด้วย จึงกล่าวด้วยตัวสั่นเทิ้มว่า “เข้า เข้าใจเจ้าค่ะ!”เสิ่นเยี่ยนซูหัวเราะเสียงเย็นทีหนึ่ง ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อและจากไปหรงจือจือเห็นเช่นนี้ ยังตกตะลึงอยู่เล็กน้อยแม้ท่านย่าจะเอ็นดูนาง แต่ก็ไม่ค่อยออกไปด้านนอก ดังนั้น นี่จึงเป็นครั้งแรก ที่นางสัม

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 337

    สายตาที่ประจบของฮูหยินหลี่ มองไปทางหรงจือจือ “จือจือ ได้ยินว่าเจ้าเป็นสตรีผู้มีพรสวรรค์เป็นเลิศอันดับหนึ่งของเมืองหลวงมาตั้งนาน ไม่สู้เจ้าแต่งกวีเสียหนึ่งบท จะได้เปิดหูเปิดตาให้พวกข้าด้วย!”หรงจือจือกล่าวเสียงเรียบ “ข้าไม่ได้เตรียมตัว ให้คนอื่นแต่งดีกว่าเจ้าค่ะ”สีหน้าของฮูหยินหลี่ดูจะเก็บอาการไม่ค่อยอยู่แล้ว แต่ก็รู้ ว่าก่อนหน้านี้ตนเองประพฤติตัวไม่ดี หรงจือจือจะโกรธก็สมควร ดังนั้นจึงเดินไปตรงหน้าหรงจือจือเมื่อจับมือของนาง ขณะที่ยิ้มก็กล่าว “เจ้ามีความคิดที่ปราดเปรื่อง การแต่งบทกวีจำเป็นต้องเตรียมตัวเสียที่ใด? ตอนนี้สุ่มเขียนมาเสียหนึ่งบท คิดดูแล้วก็ดีมากแล้ว”หรงจือจือดึงมือของตนเองออกมาจากอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเรียบเฉย “พูดขึ้นมาแล้ว ตอนนั้นป้าสะใภ้บอกว่า วันนี้ข้าไม่ได้รับเชิญไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”“ข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ จริง ๆ ก็เป็นเรื่องที่ไม่สมควร ท่านเสนาบดี ทุกท่าน ขอให้เพลิดเพลินให้เต็มที่ ข้าขอตัวลาไปก่อนเจ้าค่ะ!”ขณะที่พูด หรงจือจือก็ลุกขึ้นเตรียมจะจากไปฮูหยินหลี่ตื่นตระหนกแล้ว จึงรีบกล่าว “นี่...จือจือ เข้าใจผิด! ล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิด! ป้าสะใภ้แค่เลอะเลือนไปชั่วขณะจึงพู

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 336

    แม้หรงจือจือเห็นท่าทางของเซิ่งเฟิง ล้วนยังต้องหยิบผ้าเช็ดหน้ามาปิดมุมปากไว้เล็กน้อย ก็ไม่รู้ว่าเสิ่นเยี่ยนซูไปหาคนที่มีอารมณ์ขันเช่นนี้มาจากที่ใดช่างน่าสนุกยิ่งนัก!เดิมทีหรงเจียวเจียวไม่สบายใจ ยังถูกเซิ่งเฟิงก่อเรื่องเช่นนี้อีก ก็เกิดความคิดอยากตายขึ้นมาจริง ๆ แล้ว “ข้า ข้า...”คิดว่าวันนี้ชื่อเสียงของตนเองคงเสียหายเป็นแน่ นางจึงตัดสินใจทุ่มสุดตัวไปเลย!ขณะมองหรงจือจืออย่างดุร้ายก็กล่าวว่า “หรงจือจือ เจ้าตั้งใจขโมยงานแต่งของข้าใช่หรือไม่? เจ้าก็แค่ไม่อยากให้ข้ามีชีวิตที่ดี เจ้า...”หรงจือจือยังไม่ทันได้เอ่ยปากเสิ่นเยี่ยนซูก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “ไร้สาระ! เดิมทีก็เป็นของของนาง เหตุใดต้องพูดถึงการขโมยด้วย? เจ้าไม่ลองดูใบหน้าของลูกพี่ลูกน้องเจ้า และคิดดูอีกทีว่าควรจะพูดจาไร้สาระต่อไปหรือไม่”เพียงคำพูดเดียว ก็ทำให้หรงเจียวเจียวสั่นสะเทือนแล้วจากสีหน้าของเสิ่นเยี่ยนซู นางมองออก ว่าเขาไม่ได้กำลังล้อเล่นกับนาง หากตนเองโวยวายต่อไป มีหวังโดนตบหน้าจริง ๆ แน่เห็นนางสงบลงได้เสียทีฮูหยินหนิงกั๋วกงก็ยิ้มพลางกล่าว “ครั้งก่อนข้าไปงานเลี้ยงของสกุลฉี เห็นสกุลฉีวุ่นวายไปหมด แม่นา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 335

    เขาเอ่ยเน้นย้ำทีละคำอย่างชัดเจน “คุณหนูสามหรง เจ้าฟังให้ดี ก่อนหน้าวันนี้ แม้แต่หน้าตาของเจ้าเป็นเช่นไรข้าก็ยังไม่รู้ชัด ไม่เคยมีความคิดที่จะแต่งเจ้าเป็นชายาเลยแม้แต่น้อย”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ผู้ที่ข้าต้องการสู่ขอ ก็คือพี่สาวของเจ้ามาโดยตลอด หากเจ้ายังไม่เชื่อ ก็ลองกลับไปสอบถามบิดาของเจ้าดูเถิด”หรงเจียวเจียวส่ายศีรษะไปมา ไม่อาจยอมรับความจริงอันโหดร้ายนี้ได้นางยังคงคิดว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าหาใช่ความจริงไม่ แต่เป็นเพียงฝันร้ายอันน่าสะพรึงกลัวเท่านั้น นางยิ่งร่ำไห้สะอึกสะอื้นหนักกว่าเดิม “ไม่จริง เป็นไปได้อย่างไร... เป็นไปไม่ได้...”ในชั่วขณะนั้นเอง บ่าวรับใช้ของจวนตระกูลหลี่ ก็ได้พาเหวินหมัวมัวเข้ามาด้านในพอเหวินหมัวมัวเห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้า ก็รู้ได้ทันทีว่าคงเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นแล้วเป็นแน่เฉินเยี่ยนซูเหลือบมองเหวินหมัวมัวแวบหนึ่ง ก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ดูท่าแล้ว เจ้าคงมาเพื่อจะบอกคุณหนูสามของเจ้ากระมัง ว่าแท้จริงแล้วผู้ที่ข้าต้องการหมั้นหมายด้วยคือผู้ใดกันแน่?”เมื่อท่านอัครมหาเสนาบดีเอ่ยถาม มีหรือที่เหวินหมัวมัวจะกล้าไม่ตอบ? นางรีบคุกเข่าลงกับพื้น ใบหน้าซีดขา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 334

    ครานี้ ทุกผู้คนต่างตกตะลึงงัน สายตาตำหนิหลายคู่พลันจับจ้องไปยังฮูหยินหลี่อะไรกัน! ในเมื่อไม่ได้หมั้นหมาย แล้วเหตุใดเจ้าจึงมาหลอกลวงพวกเรา? เช่นนั้นเมื่อครู่พวกเราก็ประจบเอาใจนางเสียเปล่าไปตั้งนานนะสิ?! เจ้ารู้หรือไม่ว่าการที่พวกเราต้องสรรหาคำเยินยอหรงเจียวเจียวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเมื่อครู่นั้น มันต้องสิ้นเปลืองความคิดอ่านไปมากเพียงใด? สมองแทบจะระเบิดอยู่แล้ว!ฮูหยินหลี่เองก็ตกตะลึงงันไปเช่นกัน ตามเหตุผลแล้ว นาวหวังไม่น่าจะวิปลาสถึงขั้นกุเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้! เมื่อเห็นสายตาตำหนิของผู้คนจับจ้องมา นางจึงพยายามอธิบายอย่างตะกุกตะกัก “ไม่... ไม่ใช่! ข้า... เจียวเจียว นี่มันเรื่องอันใดกันแน่!”หรงเจียวเจียวมองไปยังเฉินเยี่ยนซู ด้วยแววตาไม่อยากจะเชื่อ “ท่านอัครมหาเสนาบดี! ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าท่านจะเป็นคนเช่นนี้! ท่านเห็นข้าโกรธจนเอ่ยปากขอถอนหมั้น ท่านไม่คิดจะง้อก็แล้วไปเถิด แต่ยังจะกล่าวปดว่าไม่เคยมาสู่ขอข้าอีกอย่างนั้นหรือ?”เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ ประกอบกับเห็นท่าทางมั่นอกมั่นใจของหรงเจียวเจียว ผู้คนก็เริ่มรู้สึกสับสนขึ้นมาอีกครั้ง สายตาเต็มไปด้วยความกังขาจับจ้องสลับไปมาระหว่า

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 333

    หรงเจียวเจียวชะงักไปครู่หนึ่ง “อ๊ะ?”จ้าวหมัวมัวกล่าวว่า “ท่านอัครมหาเสนาบดีคงต้องการจะแสดงอำนาจความเป็นสามี ทั้งยังต้องการจะดูท่าทีคุณหนูด้วยว่าจะยอมอ่อนข้อให้เขาหรือไม่ อย่างไรเสีย ฐานะฮูหยินของราชเลขาธิการผู้ทรงเกียรติ จะเป็นเพียงสตรีที่เอาแต่ใจตน พอเขาขุ่นเคืองก็เอาแต่ร้องขออภัยไปเสียทุกเรื่องไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ”หรงเจียวเจียวมีสีหน้าลังเล “เป็นเช่นนั้นจริงหรือ?”จ้าวหมัวมัวกล่าว “ใช่แล้วเจ้าค่ะ ต้องเป็นเช่นนี้เป็นแน่! คุณหนู ท่านต้องรู้จักแสดงความอ่อนแอบ้าง คนที่อยู่ในตำแหน่งสูงส่งและทรงอำนาจเช่นท่านอัครมหาเสนาบดี หรือจะยอมลดตัวลงมาง้อคุณหนูได้เล่าเจ้าคะ?”หากไม่เช่นนั้นแล้ว จะอธิบายได้อย่างไรว่าเหตุใดท่านอัครมหาเสนาบดีจึงจงใจสร้างความลำบากให้คู่หมั้นของตนต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้เล่า?เมื่อสองนายบ่าวปรึกษาหารือกันเสร็จสิ้นในที่สุดหรงเจียวเจียวก็รวบรวมความกล้าได้ นางรอจนกระทั่งบัณฑิตผู้หนึ่งแต่งบทกวีเสร็จสิ้นจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นว่า “ท่านอัครมหาเสนาบดี... ข้ารู้ตัวว่าผิดไปแล้ว ท่านจะโปรดให้ข้าลุกขึ้นได้หรือไม่เจ้าคะ เจียวเจียวปวดเข่าเหลือเกิน พื้นก็ทั้งเย็นทั้งแข็

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 332

    ทุกคนย่อมเห็นแผ่นหลังของหรงเจียวเจียวที่กำลังหันหลังจากไป และพอจะเดาได้ว่านางกำลังแสดงความเอาแต่ใจออกมาบรรดาสตรีที่สนิทสนมกับหรงเจียวเจียวต่างแอบตำหนิอัครมหาอัครมหาเสนาบดีเฉินอยู่ในใจ ว่าช่างไม่รู้จักถนอมบุปผาเทิดทูนหยกล้ำค่าเอาเสียเลย เหตุใดจึงไม่รู้จักไว้หน้าคู่หมั้นของตนเองเช่นนี้?เฉินเยี่ยนซูสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของหรงเจียวเจียวอยู่แล้ว จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “หยุดอยู่ตรงนั้น!”ฝีเท้าของหรงเจียวเจียวพลันชะงัก นางคิดในใจ ในที่สุดเขาก็เรียกข้าแล้ว หรือว่าในใจเขายังคงเป็นห่วงข้าอยู่?นางแค่นเสียงหึเบาๆ แล้วหันไปมองเฉินเยี่ยนซู “ในใจของท่าน ไม่ใช่มีเพียงแต่พี่สาวของข้าหรอกหรือ? แล้วจะมารั้งข้าไว้อีกด้วยเหตุใด?”กล่าวจบ นางก็เช็ดน้ำตาพลางหันเสี้ยวหน้าอย่างดื้อรั้นให้เฉินเยี่ยนซูมองนางเชื่อว่าเมื่อเขาเห็นหยาดน้ำตาบนใบหน้าของนาง จะต้องสำนึกได้แน่ว่าตนเองทำผิดไปแล้ว นางเคยส่องกระจกพิจารณาดูตนเองยามร้องไห้อย่างละเอียดแล้ว รู้อยู่แก่ใจว่าท่าทางเช่นนี้จะยิ่งขับเน้นความงดงามแววตาของเฉินเยี่ยนซูเย็นชา “ในใจของข้ามีผู้ใดอยู่ ถึงตาเจ้ามาสอดปากวิจารณ์ด้วยหรือ?”หรงเจียวเจียวฟั

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 331

    ถึงจะอยู่ที่บ้านตระกูลหลี่ แต่เมื่อนางทำผิด หากเฉินเยี่ยนซูไม่เอ่ยอนุญาต นางก็ไม่อาจนั่งได้เมื่อได้รับอนุญาตให้นั่งจากเฉินเยี่ยนซู หลี่เซียงเหยากลับยิ่งรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ นางรู้สึกราวกับว่าพี่เขยสาม ผู้นี้กำลังตบหน้านางอย่างแรง แล้วค่อยยื่นขนมหวานปลอบใจ ทว่าการตบหน้านี้ช่างหนักหน่วงเหลือเกินนางร่ำไห้ออกมา กล่าวด้วยน้ำเสียงตัดพ้อระคนน้อยใจ “ขอบคุณท่านอัครมหาเสนาบดีเจ้าค่ะ!”เมื่อครู่หรงเจียวเจียว ไม่ได้ออกหน้าช่วยนาง ตอนนี้จึงรีบเข้ามากล่าวกลบเกลื่อน “เหยาเหยา เห็นหรือไม่ ท่านอัครมหาเสนาบดียังคงให้ความสำคัญกับเจ้านะ ถึงได้อนุญาตให้เจ้าอยู่ในงานเลี้ยงแต่งบทกวีต่อ!”เฉินเยี่ยนซูเอ่ย “ย่อมต้องให้ความสำคัญ”หรงเจียวเจียวพลันยิ้มออก นางคิดว่าอย่างไรเสียท่านอัครมหาเสนาบดีก็ต้องไว้หน้านางบ้าง แต่คาดไม่ถึงว่าเฉินเยี่ยนซู จะเอ่ยประโยคถัดมาว่า “หากนางจากไปแล้ว ไม่มีนางอยู่ที่นี่เป็นข้อเปรียบเทียบ ผู้ใดจะรู้เล่าว่าจุดจบของการลบหลู่ท่านหญิงเป็นเช่นไร?”ทุกคน “…”เหล่าสตรีที่เมื่อครู่ร่วมวงนินทาหรงจือจือ ตอนนี้ต่างรู้สึกชาวาบไปทั้งศีรษะ!ส่วนหรงเจียวเจียวยิ่งหน้าเขียวคล้ำ นางเข้าใจในท

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 330

    วันนี้หรงจือจือถึงได้รู้ว่า อันที่จริงเฉินเยี่ยนซูคนผู้นี้ใจดำอำมหิตเป็นอย่างมาก บางทีก่อนหน้านี้ที่เขาไม่รู้จักเจียวเจียวอาจเป็นเรื่องจริง แต่ตอนนี้ที่บิดเบือนความหมายของหรงเจียวเจียว เขาต้องจงใจเป็นแน่สายตาของทุกคนเองก็ตกไปที่ตัวหรงจือจือที่พวกเขากระแหนะกระแหนอยู่นานสองนานนี่...เหตุใดท่านเสนาบดีจัดการเรื่อง ไม่ให้หน้าหรงเจียวเจียวแม้แต่น้อยก็ช่างมันเถอะ ยังจะถามความเห็นของหรงจือจืออีก? นี่หากไม่รู้ ยังคิดว่าคู่ที่ดูตัวหมั้นหมายกัน เป็นหรงจือจือจริง ๆ เสียอีก!หรงจือจือทำทีท่าไม่เกี่ยวกับตน ตอบกลับชืด ๆ ว่า “เรื่องนี้ท่านเสนาบดีตัดสินใจก็พอเจ้าค่ะ”เฉินเยี่ยนซูพยักหน้า ก่อนจะกวาดสายตามองไปที่หรงเจียวเจียว “เจ้าแน่ใจหรือว่าจะถูกตบปากไปด้วย?”จากสายตาของเขา หรงเจียวเจียวมองออกว่า เขาพูดจริง และไม่ได้ล้อเล่นกับตน สีหน้าของนางก็ยิ่งซีดเผือดเข้าไปอีกนางรีบถอยหลังไปก้าวหนึ่ง “ข้า...ข้าไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้นเจ้าค่ะ!”หลี่เซียงเหยามองพี่หญิงสามของตนอย่างยากจะเชื่อทีหนึ่ง หากไม่ใช่เพราะตนช่วยนางพูด ก็คงไม่ตกมาอยู่ในขั้นนี้ แต่เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่อยากแยแสตนเฉินเยี่ยนซูกวาดสา

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status