ดังนั้นเมื่อฟังคำพูดของหรงจือจือจบ นางก็ร้องไห้กล่าว “ท่านแม่ ทั้งหมดต้องโทษท่าน! ข้าช่างน่าสงสารเหลือเกิน ไม่คิดเลยว่าจะมีแม่อย่างท่าน! !นางถาน “เจ้า...เหตุใดเจ้าถึงได้อกตัญญูแบบนี้! ลูกไม่รังเกียจที่แม่อัปลักษณ์ หมาไม่รังเกียจที่ครอบครัวยากจน ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะรังเกียจแม่ผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูเจ้ามา?”ซิ่นหยางโหวกล่าวอย่างอารมณ์เสีย “ป่านนี้แล้ว เจ้ายังจะแก้ตัวอีก! เจ้ารู้หนังสือเพิ่มอีกสองสามคำ อ่านหนังสืออีกสองสามเล่มมันจะเป็นอะไรไปหรือ? บัดนี้ทำลายการแต่งงานที่ดีงามของอวี่เยียน ในใจของเจ้ามีความสุขหรือไม่?”นางถานขุ่นเคืองใจอย่างยิ่งซิ่นหยางโหวหันหน้าไปทางหรงจือจือ “พระชายาอ๋องเฉียนประทับใจเจ้ายิ่งนัก เรื่องนี้เจ้าไปจวนอ๋องเฉียนอีกสักสองสามรอบ ช่วยไกล่เกลี่ย บอกว่าเป็นเพราะท่านแม่ของเจ้าวู่วาม ให้พระชายาลองคิดเรื่องนี้ดี ๆ อีกครั้ง”หรงจือจือกล่าวยั่วยุต่อ “แต่ท่านพ่อ ท่านแม่พูดเรื่องยกเลิกแต่งงานกับนางเซี่ยยังพอทน ยังพูดจาข่มขู่อีก หากข้าไปพูดอะไรอีก คนนอกอาจจะคิดว่าข้าเป็นคนอกตัญญู จงใจเป็นปฏิปักษ์กับท่านแม่ หากทำเช่นนั้นจะยิ่งทำให้คนอื่นนินทา เกรงว่าเรื่องนี้ทำได้เพียงใ
หรงจือจืออยากจะหัวเราะ ฉีอวี่เยียนจะเคารพนางยิ่งกว่าเดิม?‘เคารพ’ของฉีอวี่เยียน แม้แต่สุนัขยังไม่ต้องการตอนนี้ได้ยุยงนางถานกับฉีอวี่เยียนเรียบร้อยแล้ว จุดประสงค์ของหรงจือจือสำเร็จแล้วจึงกล่าวอย่างเยาะเย้ยถากถาง “ท่านพี่ อันที่จริงอวี่เยียนยังมีพี่สะใภ้คนอื่นอีก ตามที่ท่านแม่พูด นางผู้นั้นแม้ต้องไร้ชื่อเสียงเรียงนามก็ยังยินดีที่จะติดตามท่าน เมื่อเทียบกับข้าแล้ว นางคงรักท่านมากกว่า เรื่องงานแต่งงานของน้องสามี ท่านพี่ก็ไปรบกวนองค์หญิงม่านหวาเถอะนะ ข้าไม่ค่อยสบาย ขอตัวกลับไปพักผ่อน”ฉีจื่อฟู่สะอึกไปอีกครั้ง “จือจือ...”หรงจือจือไม่สนใจเขาเลยสักนิด หันหลังแล้วเดินจากไปนางถานกล่าวด้วยสีหน้าโกรธเคือง “นังแพศยา ข้าว่าวันนี้ที่อวี่เยียนถูกยกเลิกการแต่งงาน เกรงว่านางคงจะเป็นคนที่ดีใจมากที่สุด”ซิ่นหยางโหวกลับหันไปมองฉีจื่อฟู่อย่างอารมณ์ไม่ดี “ข้าคิดจนสมองจะระเบิด ก็ไม่เข้าใจว่าแท้ที่จริงแล้วเจ้ามีความแค้นอะไรกับครอบครัวนี้กันแน่ ถึงได้ก่อเรื่องลดตำแหน่งภรรยาเอกเป็นอนุแบบนี้ขึ้นมาได้”“อวี้ม่านหวานั่นก็เป็นแค่องค์หญิงประเทศที่สูญเสียเอกราช หากนางแต่งงานกับเจ้าจริง ๆ ฝ่าบาทยังจะทรงประทา
หรงจือจืออยู่ด้านในสวน ผึ่งสมุนไพรที่ตนซื้อมาก่อนหน้านี้ วันนี้แสงแดดกำลังดี นำพวกมันออกมาตาก เพื่อจะไม่ได้ชื้นจนขึ้นราเจาซีกล่าว “คุณหนู สมุนไพรพวกนี้ทิ้งไปเถอะเจ้าค่ะ แค่เงินเล็กน้อย พวกเรากลับไปที่สกุลหรงแล้วค่อยซื้อใหม่ก็สิ้นเรื่องเจ้าค่ะ เหตุใดจึงต้องเปลืองแรงแบบนี้ด้วยเจ้าคะ?”หรงจือจือยิ้ม “เจาซี บนโลกใบนี้มีเงินเพียงแบบเดียว ที่ไม่ควรเอาเปรียบผู้อื่น นั่นก็คือเงินที่ซื้อยา บนโลกใบนี้มีสิ่งของเพียงอย่างเดียวเช่นกัน ที่ไม่ควรสิ้นเปลืองยิ่งกว่าเงินทอง นั่นก็คือสมุนไพร”“หากเจ้ามองว่าพวกมันไม่มีค่าอะไร ไม่เหมือนกับโสมคนและเห็ดหลินจือ แต่เมื่อถึงเวลาสำคัญ สิ่งที่รักษาไว้ได้ก็คือชีวิตคนนะ”เจาซี “ถ้าอย่างนั้นก็ได้เจ้าค่ะ บ่าวจะช่วยท่านเอง”ติดตามหรงจือจือมาหลายปี เจาซีก็ได้รู้จักสมุนไพรไม่น้อยแต่ว่าไม่รู้เพราะสาเหตุใด นังหนูถึงเอาแต่โมโหหรงจือจือถามด้วยความขบขัน “วันนี้เจ้าเป็นอะไรหรือ? เอาแต่ทำหน้ามุ่ย เหมือนกับถูกใครยั่วโมโหมาอย่างนั้น”เจาซี “ก็เพราะโดนยั่วโมโหมานะสิเจ้าคะ? นังปีศาจจิ้งจองไร้ยางอายนั่น เมื่อวานปวดครรภ์ ซื่อจื่อจริงวิ่งโร่ไปดูแลนาง จนป่านนี้ยังไม่กลับมาเ
เจาซีโมโหจนหน้าเขียวคล้ำอีกครั้ง นางรู้สึกว่าอวี้หมัวมัวพูดไม่ถูกต้อง บางครั้งไม่ใช่ว่าตนวู่วามชอบโมโห ทั้งยังต้องให้คุณหนูมาปลอบใจตนเองตอนที่อารมณ์ไม่ดี แต่คนสกุลฉีต่างหากที่ทำให้รู้สึกน่าสะอิดสะเอียนจริง ๆผู้ที่เรียนหนังสือย่อมแตกต่างออกไป ฉีจื่อเสียนผู้นี้ถึงขนาดอ้างอิงคำพูดในคัมภีร์มาพูดจาไร้ยางอาย ให้ฟังดูมีเหตุผลได้หรงจือจือยิ้มบาง ๆ “ในเมื่อน้องสามีอยากจะอภิปราย เช่นนั้นข้าก็ขออภิปรายกับเจ้า”ฉีจื่อเสียนตกตะลึง แม้ปากเขาจะอ้างว่าเป็นการอภิปราย แต่ความจริงที่คิดอยู่ภายในใจก็คือผู้หญิงอย่างหรงจือจือ จะไปเข้าใจเหตุผลอะไร?จากการที่ถูกตนยั่วยุเพียงเล็กน้อย นางจะต้องรู้สึกตระหนักและเข้าใจ จะต้องกลับตัวกลับใจ ปฏิบัติตามที่ตนเองกล่าว แต่ตอนนี้...หรงจือจือ “น้องสามีกล่าวว่า ผู้ชายจะต้องปกป้องคนในครอบครัวอย่างสุดความสามารถ แต่ท่านพี่ของเจ้าได้ปกป้องข้าสักนิดหรือไม่? เขาไร้จิตสำนึก เจ้ากลับอยากให้ข้าเสียสละเพื่อคนแบบนี้ เหตุผลคืออะไร?”“หนังสือแห่งปราชญ์สอนเจ้าว่าผู้หญิงควรทำอะไร แต่ไม่ได้สอนเจ้าหรือว่า การมีที่จิตใจโหดเหี้ยมเป็นสิ่งที่สามีไม่พึงกระทำ?”“หากไม่ใช่เพราะข้า เจ้าคง
ฉีจื่อเสียนเดินจากไปด้วยความโมโหเจาซีรู้สึกเพียงว่าสะใจเป็นอย่างยิ่ง “คุณหนู สมกับที่เป็นท่าน! ฉีจื่อเสียนนี่ เพิ่งร่ำเรียนได้ไม่นาน ก็คิดว่าตนเองเก่งกาจนัก โล่มาเห่าถึงที่นี่ คิดว่าในใต้หล้านี้ มีเขาเพียงคนเดียวที่เคยเรียนหนังสือหรืออย่างไร?”หรงจือจือชะงัก เอ่ยปากกล่าว “ท่านเจียงเขียนจดหมายกี่ฉบับแล้ว?”เจาซี “เขียนมาเป็นฉบับที่ห้าแล้วเจ้าค่ะ บอกว่าปวดหัวมาก กล่าวว่าท่านหาเรื่องยุ่งยากให้เขาชัด ๆ นักเรียนที่สามารถเข้าสำนักของเขาได้ แต่ละคนล้วนเป็นบุคคลที่มีพรสวรรค์ เมื่อเทียบกับพวกเขา คุณชายสี่ไม่ใช่ปัญญาชนเลยสักนิด”“ท่านเจียงยังกล่าวอีกว่า ไม่ว่าเขาจะสอนอะไร คุณชายสี่มักจะมีข้อโต้แย้งที่บิดเบือนบ่อย ๆ มักจะบิดเบือนความหมายของท่านเจียงเป็นประจำ ต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อแก้ไข”“จดหมายฉบับนั้นเมื่อหลายวันก่อนของท่านเจียง กล่าวว่าเขาสอนไม่ได้แล้วจริง ๆ บอกให้ท่านช่วยมีเมตตา ปล่อยเขาไปสักครั้ง ท่านเองก็กำลังลังเลอยู่ใช่หรือไม่ ว่าอยากจะทำให้คนแก่อย่างเขาต้องลำบากใจอยู่อีกหรือไม่?”หรงจือจือกล่าวเสียงเบา “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ตอบท่านเจียงไปว่า หากเขาไม่อยากสอนก็ไม่ต้องสอนแล้ว
แม้ว่าจะรู้สึกสงสัย หรงจือจือก็ยังคงออกไปต้อนรับนางหวังสาวเท้ายาวเดินเข้ามา เมื่อได้กลิ่นหอมของสมุนไพรที่อยู่ในลานบ้าน นางก็ขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ เมื่อเดินไปถึงตรงหน้าของหรงจือจือไม่รอให้นางคำนับ นางหวังก็กล่าวขึ้นมาทันที “ทั้งห้องเต็มไปด้วยกลิ่นสมุนไพร เจ้ามีท่าทางของฮูหยินซื่อจื่ออยู่บ้างหรือไม่!”“หมอหญิงสถานะต่ำต้อย เจ้ามัวแต่เอาใจใส่ดูแลของพวกนี้ ใครจะชอบใจเจ้า? ก็ไม่แปลกที่ครอบครัวฝ่ายสามีไม่อยากให้เจ้าเป็นนายหญิงของตระกูล มนุษย์ต้องเห็นค่าตนเองก่อนผู้อื่นถึงจะเห็นค่า เจ้ายังไม่เห็นคุณค่าของตนเอง แล้วใครจะมาชอบใจเจ้า?”หรงจือจือรู้อยู่แก่ใจ ท่านแม่ก็แค่ไม่ชอบใจตน ดังนั้นไม่ว่าตนจะทำอะไรนางก็ไม่ชอบใจทั้งนั้นไม่อย่างนั้น ก่อนหน้านี้ตอนที่น้องหญิงก็อยากเรียนหมอเช่นกัน ตากสมุนไพรที่ลานบ้านเอาไว้จำนวนไม่น้อย เหตุใดท่านแม่ถึงไม่ด่านาง แต่กลับพูดว่านางช่างแสวงหาความก้าวหน้าจริง ๆ?เพียงแต่เป็นเพราะน้องสาวเห่อของใหม่เพียงไม่กี่วัน ก็ไม่ได้เรียนต่อนางคร้านที่จะโต้แย้งกับนางหรง กล่าวเพียง “ท่านแม่เชิญนั่ง ไม่ทราบว่าที่ท่านมาในวันนี้ ต้องการจะสั่งสอนอะไรหรือ?”เมื่อนึกถึงจุดป
นางหวังตบโต๊ะแล้วลุกขึ้น “ตอนนั้นที่บีบคอเจ้า นั่นเป็นการลงโทษที่เจ้าคลอดยาก!”หรงจือจือน้ำเสียงราบเรียบ “ท่านแม่ ตอนที่ข้าเกิด ยังไม่มีสติปัญญา เรื่องการกลับหัวผิดตำแหน่ง ไม่ใช่สิ่งที่ข้าสามารถเลือกได้ ที่ท่านรู้สึกว่าคลอดน้อง ๆ ง่ายกว่าการคลอดข้า เพียงเพราะข้าเป็นท้องแรก”“ท้องแรกสำหรับผู้หญิงส่วนมากแล้ว เป็นเรื่องที่ยากลำบากทั้งสิ้น ตอนท้องสอง ท้องสาม ที่ค่อนข้างสบาย เป็นเพราะก่อนหน้านี้ช่องคลอดเคยเปิดแล้ว เปิดออกอีกครั้งก็จะง่ายขึ้นกว่าเดิม”“หากท่านแม่ไม่เชื่อ ก็เชิญไปถามแม่คนอื่น ๆ ดู คนส่วนมากที่ภายหลังมีลูกอีกสองสามคน ก็จะคลอดง่ายกว่าเดิม”“เรื่องทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพราะข้าเกิดมาเพื่อเอาชนะท่าน แต่เป็นเพราะบังเอิญที่ทารกไม่กลับหัว ประกอบกับความรู้ทางด้านการแพทย์บางอย่างเท่านั้นนางหวังกล่าวอย่างอารมณ์ไม่ดี “บัดนี้เจ้ามีอนาคตที่สดใสแล้ว แม้แต่แม่ของตนเอง เจ้าก็ยังจะชี้แนะให้ข้าเข้าใจเหตุผลอย่างนั้นหรือ? นี่เป็นสิ่งที่สมุนไพรบ้า ๆ พวกนั้นสอนเจ้าอย่างนั้นหรือ?”หรงจือจือกล่าวเสียงเรียบ “ลูกไม่กล้า ลูกเพียงแค่คิดว่า เรื่องบางเรื่องควรจะพูดให้ชัดเจนเท่านั้น”ไม่อย่างนั้นท่านแม่ม
หรงจือจือกล่าวช้า ๆ “ท่านแม่พูดว่าจะตัดขาดความเป็นแม่ลูกกัน หมายความว่าอย่างไร? หมายความว่านับจากตอนนี้เป็นต้นไป ท่านกับข้าจะไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กันอีก ท่านจะไม่สนใจข้าอีก จะไม่ก้าวก่ายเรื่องใด ๆ ของข้าอีก”“ท่านจะไม่สั่งสอนข้าอีก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการที่ต้องลำบากเพื่อให้ไปหายาพิษที่หลังจากข้ากินลงไปแล้วจะไม่รู้สึกเจ็บปวด หรือแม้กระทั่ง วันหน้าเห็นข้า ท่านแม่ก็จะทำเป็นไม่รู้จักกับข้าใช่หรือไม่?”นางหวังเลิกคิ้ว “ถูกต้อง! เป็นเช่นนี้แหละ! เจ้าเองก็คงไม่ได้หวังให้ตนต้องกลายเป็นลูกที่ไม่มีแม่ นับตั้งแต่นี้ไปหรอกนะ?”หรงจือจือได้ฟังถึงตรงนี้ก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ด้านหน้าของนางหวัง คุกเข่าลงไปคำนับนางหวังสามครั้งนางหวังตะลึงไป รีบลุกขึ้นกล่าว “หรงจือจือ นี่เจ้ากำลังจะทำอะไร?”หรงจือจือ “ขอบคุณบุญคุณของท่านแม่ที่ให้กำเนิด”นางหวังรู้สึกโล่งใจทันที กล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ “เจ้ายังมีความกตัญญูอยู่บ้างก็ดี ก่อนจะกินยาพิษ ยังรู้จักคำนับข้าเพื่อแสดงความกตัญญู”“คนชั่วอย่างนางเจียงจะวางแผนไว้นานแค่ไหน อยากจะดึงลูกสาวของข้าไปเป็นพวกเพื่อให้นางใช้งาน เป็นไปไม่ได้หรอก! ในใจของลูกสาวข้า มี
หรงเจียวเจียวเห็นหรงซื่อเจ๋อมั่นใจขนาดนี้ก็ยังลังเลอยู่เล็กน้อยหรงซื่อเจ๋อวางกล่องอาหารในมือลงและเอ่ยปาก “ข้ารู้ว่าหลายวันมานี้พวกท่านลำบากมามาก ข้าจึงตั้งใจไปซื้อขนมมาฝากโดยเฉพาะ ในนี้ยังมีรังนกที่เป็นของโปรดของน้องหญิงด้วย”“พวกท่านรีบกินเถิด ประเดี๋ยวกินเสร็จแล้วข้ายังต้องนำกล่องอาหารกลับไปด้วย มิเช่นนั้นอาจจะถูกท่านพ่อจับได้”หรงเจียวเจียวน้ำลายไหล ที่ผ่านมานางไม่ได้รู้สึกอะไรเพราะมีให้กินเป็นปกติ แต่เมื่อถูกสั่งห้ามไม่ให้กิน นางกลับนึกถึงรสชาติที่เคยกินอยู่ตลอดเวลานางยกอาหารออกมากินคำโตทันทีตอนแรกนางหวังยังลังเลอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อเห็นบุตรสาวกินอย่างเอร็ดอร่อยก็กินตามแต่นางไม่ลืมที่จะกำชับหรงซื่อเจ๋อ “ต่อไปเจ้าอย่าได้มาที่นี่อีก หากท่านพ่อของเจ้ารู้เข้า เจ้าเองก็จะถูกลงโทษไปด้วย ช่วงนี้เขาไม่ค่อยพอใจเจ้านัก แผลที่หลังเจ้าก็ยังไม่หายดี”หรงซื่อเจ๋อพยักหน้า “ลูกเข้าใจขอรับ”นางหวังถามต่อ “เจ้ากับคุณหนูสกุลอวิ๋นเป็นอย่างไรบ้าง? ถึงแม้ฐานะครอบครัวนางจะต่ำกว่าพวกเรามาก แต่บรรดาพี่ชายของนางล้วนแต่ไม่ธรรมดา โดยเฉพาะพี่ชายคนโตที่ได้เข้าสำนักฮั่นหลินแล้ว ได้ยินว่าฮ่องเต้ทรงให้
เดิมทีนางก็ทรมานมากพออยู่แล้วที่ท่านพ่อไม่ให้กินเนื้อสัตว์ในช่วงไว้ทุกข์ ทว่าตอนนี้กลับแย่ยิ่งกว่านั้น นางไม่เพียงต้องคุกเข่าอยู่ที่นี่ แม้กระทั่งรังนกก็ยังอดกินไปด้วยนางหวังอยากกินผักใบเขียวอยู่แบบนี้ที่ใดกัน?นางลูบใบหน้าของบุตรสาวตัวเองด้วยความสงสาร “บุตรสาวผู้น่าสงสารของข้า ผอมซูบหมดแล้ว! หากไม่ใช่เพราะหรงจือจือ พวกเราสองแม่ลูกมีหรือจะตกอยู่ในสภาพน่าอนาถแบบนี้?”“ข้าพูดมาตั้งนานแล้วว่าดวงของนางข่มข้า แต่นางกลับไม่ยอมรับ! บัดนี้นางทำให้ข้าถูกลงโทษด้วยการคุกเข่าอย่างโจ่งแจ้ง ตอนนี้ยังจะมีหน้ามาพูดอะไรได้อีกกัน?”หรงเจียวเจียวพูดทั้งน้ำตา “เป็นเพราะลูกไม่ได้เรื่องเอง ไม่เป็นที่ชื่นชอบของท่านพ่อ มิเช่นนั้นท่านแม่คงไม่ถูกลงโทษไปด้วย…”นางหวังพูดด้วยความชิงชัง “จะโทษเจ้าได้อย่างไร? ต้องโทษหรงจือจือต่างหาก ไม่รู้ว่าไปเรียนรู้กลอุบายมารยาสาไถมาจากที่ใด ถึงได้ล่อลวงราชเลขาธิการเฉินได้”“เจ้าเป็นคนบริสุทธิ์และน่ารัก จะไปมีความสามารถต่ำช้าแบบนั้นได้อย่างไร? เจ้าจะสู้นางไม่ได้ก็ไม่แปลก!”“แต่ในเมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้ รอให้พวกเราออกไปแล้ว แม่จะหาคู่ดูตัวให้เจ้าใหม่ ราชเลขาธิการ
หรงซื่อเจ๋อกล้าพูดเรื่องไร้สาระเช่นนั้นออกมาได้อย่างไร?ยังไม่ทันจะแต่งงานกันก็จะให้น้องหญิงของเขาก้มหัวต่อหรงเจียวเจียวเสียแล้ว วันหน้าแต่งงานไปแล้วจะไม่หนักกว่านี้หรือ? สงสัยจะได้เหยียบหน้าเซียวเซียวกันพอดี!ใต้เท้าอวิ๋นเห็นเขามีอาการหุนหันพลันแล่นก็รีบห้ามไว้ “ไม่ได้! หรงซื่อเจ๋อเป็นบุตรชายของมหาราชครูหรง ห้ามลงมือด้วย”“นอกจากนี้ หากเจ้าไปทำร้ายเขาถึงบ้านจริงๆ เมื่อเรื่องราวบานปลายใหญ่โต ทั่วทั้งใต้หล้าคงรู้เรื่องที่น้องหญิงของเจ้าหมั้นหมายกับเขา!”พวกเขาอยากยกเลิกการหมั้นหมายแบบเงียบๆ มากกว่า ทำให้เหมือนกับว่าไม่เคยเกิดเรื่องนี้ขึ้นพี่ใหญ่สกุลอวิ๋นถึงค่อยยอมสงบสติอารมณ์ลงอวิ๋นเสวี่ยเซียวกัดฟันพูดด้วยสีหน้าไม่ชอบใจ “เขาไม่รู้จักดูเสียบ้างว่าหรงเจียวเจียวนั่นพูดโง่เขลาอะไรที่จวนสกุลหลี่บ้าง หากข้าออกหน้าช่วยพูดให้นาง ชื่อเสียงของสกุลอวิ๋นคงได้จบสิ้นกันพอดี”“แค่ข้าไม่ได้ร่วมตำหนิหรงเจียวเจียวและแสดงออกถึงความดูแคลนก็คือว่าเห็นแก่การหมั้นหมายมากพอแล้ว!”มีเพียงสวรรค์ที่รู้ว่าตอนนั้นนางอยากเหยียบย่ำหรงเจียวเจียวมากเพียงใด นางไม่ได้อยากทำเพื่อเอาใจหรงจือจือ แต่อยากทำเพราะดูแค
“ข้ากลัวว่าหากตัวเองพูดอะไรผิดจนเขาไม่พอใจแล้ว ข้อตกลงแต่งงานที่ได้มาโดยยากนี้จะเป็นอันยกเลิก ข้าเองก็ลำบากใจมากเช่นกันนะเจ้าคะ”“เวลานั้นท่านราชเลขาธิการโมโหมาก ทุกคนตกใจกลัวกันหมด ลูกจะกล้าเอ่ยปากได้อย่างไร…”มหาราชครูหรงสะอึกไปชั่วขณะ เขาพิจารณาหรงจือจือก่อนจะซักถาม “เมื่อก่อนเจ้าไม่ได้มีนิสัยประจบเอาใจผู้อื่นเช่นนี้!”หรงจือจือวางตัวเป็นบุตรสาวผู้เชื่อฟังพูดเสียงแผ่วเบาว่า “แต่ว่าท่านพ่อ ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่า การหย่าร้างหนึ่งครั้งสามารถโทษได้ว่าเป็นความผิดของสกุลฉี แต่หากวันหน้ายังมีการหย่าร้างอีก นั่นจะเท่ากับเป็นความผิดของลูกมิใช่หรือเจ้าคะ?”“วันนั้นลูกจดจำคำสอนของท่านและคิดทบทวนตัวเองอยู่ตลอด กลัวว่าหากตัวเองยังทำตัวแข็งกร้าวไม่ยอมคนเหมือนเดิม ท่านราชเลขาธิการเฉินจะไม่พอใจ ด้วยเหตุนี้จึงต้องระงับนิสัยของตัวเองเอาไว้”“ลูกเชื่อฟังที่ท่านบอกทุกอย่าง หรือว่าลูก…ทำผิดอีกแล้วเจ้าคะ?”มหาราชครูหรง “…”ยากมากที่เขาจะไม่รู้สึกว่าคำพูดของตัวเองเมื่อตอนนั้นทำให้หรงจือจือไม่สบายใจ นางจดจำมานานขนาดนี้ อีกทั้งวันนี้ก็จงใจยกขึ้นมาโต้แย้งเขานี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้ว่าบุตรสาวของตัวเ
นางหวังเกือบโมโหอกแตกตายเพราะคำพูดนี้ หันไปมองด้วยความโมโห “หรงจือจือ เจ้าว่ากระไรนะ? เจ้าเป็นลูกสาวแต่กล้าบอกให้ข้าผู้เป็นมารดาไปคุกเข่ารับโทษอย่างนั้นหรือ?”มหาราชครูหรงอยู่ที่นี่ หรงจือจือย่อมไม่โง่เขลาที่จะเรียกอีกฝ่ายว่าฮูหยินหรงให้มหาราชครูหรงไม่พอใจนางพูดอย่างเรียบเฉยว่า “ท่านแม่ บรรพบุรุษสกุลหรงของเราล้วนแต่เป็นผู้มีศีลธรรม ต้องช่วยสยบสิ่งอัปมงคลในตัวท่านได้อย่างแน่นอน”“ที่ลูกเสนอเช่นนี้ก็เพราะเป็นห่วงสุขภาพท่าน ท่านควรรู้สึกขอบคุณจึงจะถูกนะเจ้าคะ!”นางหวังกัดฟัน เมื่อครู่นี้นางบอกให้หรงจือจือถอนตัวจากการแต่งงาน บอกว่าทำไปเพราะหวังดีและบอกให้นางรู้สึกขอบคุณ แต่แล้วตอนนี้ตัวเองกลับถูกคำพูดเหล่านี้ย้อนกลับเข้าตัว…นางมีหรือจะไม่รู้ว่าหรงจือจือกำลังเอาคืน!นางกัดฟันพูดว่า “หรงจือจือ เจ้าอย่ามาพูดเหลวไหล มีสิ่งอัปมงคลอะไรกัน? กล้าดีอย่างไรมาแช่งแม่ตัวเองแบบนี้ เจ้า…”แต่แล้วตอนนี้มหาราชครูหรงกลับพูดตัดบทด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ไม่ว่าจะมีสิ่งอัปมงคลหรือไม่ เจ้าก็ควรไปทบทวนตัวเองที่โถงบรรพชน !”นางหวังตกใจ “ท่านพี่?”มหาราชครูหรงมองนางด้วยความผิดหวัง “เมื่อก่อนนี้ข้าคิดเพียงว
นางไม่อยากให้นางหวังกับหรงเจียวเจียวสมปรารถนา!ขณะที่นางหวังกำลังพูดอยู่ จู่ๆ ก็เกิดความคิดอะไรบางอย่าง “เจ้าสามารถบอกท่านราชเลขาธิการไปว่า ตัวเองเป็นหญิงมั่วบุรุษ ไม่คู่ควรที่จะแต่งงานกับเขา ทั้งยังสามารถแต่งเรื่องไปว่าตัวเองเป็นกามโรค เพียงเท่านี้ ท่านราชเลขาธิการก็จะหลีกหนีเจ้าเหมือนแมลงมีพิษและละทิ้งเจ้าแล้วมิใช่หรือไร?”ถึงแม้หรงจือจือจะเลิกคาดหวังในตัวนางหวังมานานแล้ว แต่นางก็ยังหน้าซีดอยู่ดีที่ได้ยินดังนี้ครานี้ ไม่จำเป็นต้องให้นางพูดมีเสียงตวาดลั่นด้วยความเดือดดาลดังมาจากประตู “เหลวไหล! เจ้ากำลังพูดเรื่องบ้าอะไร?”นางหวังหันไปมองก็พบว่าเป็นมหาราชครูหรง ครั้นทบทวนถึงสิ่งที่ตัวเองพูดก็มีสายตาหวาดกลัว “ท่านพี่ ข้า…เมื่อครู่นี้ข้าเพียงแต่พลั้งปากไปชั่วขณะ!”มหาราชครูหรงพูดด้วยสีหน้าเขียวซีด “แบบนี้เรียกว่าพลั้งปากหรือ? หากเจ้าจะกล่าววาจาเช่นนี้ในเวลาที่พลั้งปาก เช่นนั้นก็ดื่มยาพิษให้ตัวเองเป็นใบ้ไปเลยเถอะ จะได้ไม่สร้างปัญหา!”ในใจนางหวังขื่นขม เสียใจจนดวงตาแดงพร่า ตั้งแต่ที่แต่งงานมา นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านพี่ใช้วาจารุนแรงกับนางขนาดนี้นี่ทำให้นางอดพูดอย่างขุ่นเคืองไม่ได้
ตอนนี้นางหวังมีความคิดดีๆยามนี้มีนางกำนัลเฉินอยู่ด้วย นางไม่อาจลงมือกับหรงจือจือ แต่ในฐานะมารดาแล้ว การสั่งให้หรงจือจือไปคุกเข่าที่โถงบรรพชนของสกุลหรง ต่อให้ไทเฮาทรงเสด็จมาด้วยองค์เองก็ประณามอะไรไม่ได้หรงจือจือเลิกคิ้วมองนางหวัง “ฮูหยินหรงกล่าวผิดแล้ว ผู้ที่ทำให้น้องสามขายหน้าในวันนี้ไม่ใช่ข้าสักหน่อย”“ผู้ที่ยกเรื่องการหมั้นหมายระหว่างนางกับราชเลขาธิการเฉินขึ้นมาพูดคือป้าสะใภ้สกุลหลี่ ส่วนผู้ที่ชี้แจงว่าไม่ได้จะแต่งงานกับน้องสามคือท่านราชเลขาธิการ ตั้งแต่ต้นจนจบ เรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับข้ากัน?”นางหวังพูดด้วยความเกรี้ยวกราด “เจ้ายังมีหน้ามาพูดว่าไม่เกี่ยวกับตัวเองอีก! หากไม่ใช่เพราะเจ้าพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อแย่งการแต่งงานของน้องหญิงเจ้า ท่านราชเลขาธิการมีหรือจะไม่ชอบเจียวเจียวผู้บริสุทธิ์ผุดผ่องไปเลือกหญิงมั่วโลกีย์ที่ผ่านมือคนอื่นมาแล้วเช่นเจ้า!”นางกำนัลเฉินขมวดคิ้ว “ฮูหยิน ระวังวาจาด้วย”นางมองว่าตัวเองเจอประสบการณ์มามาก ทว่ากลับไม่เคยเห็นมารดาคนใดดูแคลนบุตรสาวของตัวเองเช่นนี้มาก่อนหรงจือจือฟังถ้อยคำหยามเหยียดของนางหวังแล้วไม่ได้มีสีหน้าขุ่นเคืองแต่อย่างใดตรงกันข้าม
ฮูหยินอวิ๋นกำผ้าเช็ดหน้าแน่น “เอาแบบนี้เลย ประเดี๋ยวกลับไปหารือกับบิดาและพี่ชายของเจ้าแล้วค่อยว่ากัน!”วันนี้บิดาและพี่ชายของอวิ๋นเสวี่ยเซียวไปทำงานพอดี เป็นเหตุให้ไม่ได้มาด้วย“เรื่องในราชสำนักเปรียบได้กับการดึงผมเส้นเดียวกระทบทั้งตัว การแต่งงานระหว่างสองครอบครัวก็เป็นแบบนั้นเช่นกัน เรื่องนี้ต้องให้บิดาของเจ้าตอบตกลงด้วย”อวิ๋นเสวี่ยเซียวกอดแขนฮูหยินอวิ๋นออดอ้อน “ข้าคิดไว้อยู่แล้วว่าท่านแม่ใจดีที่สุด”ทว่าฮูหยินอวิ๋นกลับรู้สึกปวดหัว “เจ้านี่นะ ดูแล้วคงจะอ่านตำรามากเกินไป ถึงได้มีความคิดพวกนี้!”หากเป็นแม่นางคนอื่น ต่อให้รู้สึกว่าอนาคตไม่สดใสก็คงก้มหน้ายอมรับชะตากรรม อย่างมากก็แค่คิดหาวิธีออกจากสถานการณ์ที่ยากลำบากหลังจากแต่งงาน อวิ๋นเสวี่ยเซียวยิ้มว่า “ข้ารู้สึกว่าคุณหนูใหญ่สกุลหรงคงอ่านตำรามามากเช่นกัน นางถึงได้มีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวที่จะหย่าร้าง ลูกรู้สึกนับถือในตัวนางมากจริงๆ”ครานี้ฮูหยินอวิ๋นมีอาการตื่นตกใจ “เจ้าเลิกพูดเหลวไหลได้แล้ว! แค่อนุญาตให้เจ้าพูดเรื่องถอนหมั้นก็ถือว่าครอบครัวใจดีกับเจ้ามาก อย่าได้พูดเรื่องหย่าร้างอีก วันหน้าแต่งงานไปแล้วก็อย่าได้คิดเรื่องนี้”อว
ฮูหยินอวิ๋นฉุนเล็กน้อย ขณะที่มองอวิ๋นเสวี่ยเซียวก็กล่าว “ถอนหมั้นไม่ใช่เรื่องเล็ก หากข่าวแพร่ออกไปแล้ว สุดท้ายมันจะส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของเจ้า”อวิ๋นเสวี่ยเซียว “ก่อนหน้านี้เพราะงานขาวดำของนายหญิงผู้เฒ่าหรง เรื่องงานหมั้นยังไม่ได้ประกาศออกไปอย่างเอิกเกริกเลยไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”“คิดว่าคงมีแค่สองตระกูลที่รู้เรื่อง ไม่สู้ยกเลิกงานหมั้นแบบส่วนตัว หากด้านนอกมีข่าวลืออะไร พวกเราก็บอกได้ว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด”ฮูหยินอวิ๋นแตะหน้าผากของนางเบา ๆ พลางกล่าวอย่างโกรธเคือง “ข้าว่า พ่อและพี่ชายเจ้าตามใจเจ้าเกินไปเสียแล้ว คำพูดที่ไม่มีขอบเขตเช่นนี้ ยังจะกล้าพูดพล่อย ๆ ออกมาได้”“เจ้าลองดูในเมืองหลวงแห่งนี้ สตรีผู้สูงศักดิ์บ้านใด เป็นฝ่ายอยากถอนหมั้นก่อนบ้าง? ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”อวิ๋นเสวี่ยเซียวท้อแท้เล็กน้อย ตอนที่นางเอ่ยปาก ความจริงก็ไม่ได้คาดหวังมากนัก บนโลกนี้มีขีดจำกัดมากมายต่อสตรี แต่บุรุษกลับผ่อนปรนเป็นอย่างมากหากในงานเลี้ยงแต่งบทกวีวันนี้คนที่ประพฤตติตัวไม่เหมาะสม และโดนดูถูกเป็นตนเอง แม้หรงซื่อเจ๋อจะถอนหมั้น ก็คงไม่มีใครตำหนิเขาแม้แต่นิดเดียว แต่สกุลอวิ๋นของนางยังต้องถูกวิพากวิจาร