สองหนุ่มสาวนั่งดื่มด้วยกันจนพอกรึ่มๆ เขาจึงจูงมือเธอให้เดินไปนอนลงบนเตียง แพทตี้อดที่จะหวาดหวั่นและตื่นเต้นไม่ได้ เพราะเธอไม่รู้ว่าเขาชอบเรื่องบนเตียงแบบไหน แต่แล้วเธอก็ต้องแปลกใจที่ชายหนุ่มทำเพียงเดินไปปิดไฟ ก่อนที่จะล้มตัวลงนอนแล้วดึงเธอเข้าไปกอดเอาไว้
ผ่านไปเกือบสิบห้านาทีมือของเขาก็ยังอยู่ที่เดิม และเสียงลมหายใจที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอ ทำให้แพทตี้รับรู้ได้ว่าชายเกาหลีคนนี้หลับไปแล้ว หญิงสาวจึงถอนลมหายใจออกมาอย่างโล่งใจ
ถึงแม้ความรู้สึกบางอย่างมันตีตื้นขึ้นมาบ้างเวลาที่ได้กลิ่นของชายหนุ่ม แต่ในเมื่อเขาไม่ได้ต้องการใช้บริการร่างกายของเธอ เธอก็รู้สึกอบอุ่นใจและปลอดภัยจนหลับตามเขาไปเช่นกัน
เช้าวันใหม่ในเวลาที่แสงสุริยันยังไม่ทำงาน ร่างบางที่ยังอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำเริ่มขยับตัวไปมาในอ้อมกอดของดงชิกจนเขาเริ่มที่จะสะกดกลั้นความต้องการเอาไว้ไม่ไหว
มือหนาจับร่างบางให้นอนหงายก่อนที่เขาจะสำรวจใบหน้าสวยยามหลับใหลของเธอจากนั้นจึงกระตุกปมชุดคลุมออกเผยให้เห็นทรวงอกอวบที่มียอดถันสีสวย ริมฝีปากร้อนอดรนทนไม่ไหวก้มลงไปชกชิมจนกายสาวสั่นสะท้าน
แพทตี้ลืมตาขึ้นมามองเห็นเส้นผมสีดำสนิทกำลังเคลื่อนไหวอยู่ช่วงหน้าอกของเธอจึงรับรู้ได้ทันทีว่าดงชิกกำลังต้องการที่จะใช้บริการเธอ
“อื้อ.....ดงชิก...อ๊า.......แพทตี้เสียว.....”
เสียงหวานครางออกมาพร้อมทั้งส่งมือบางสองข้างไปกอบกุมเส้นผมเส้นหนาของชายหนุ่ม มือหนาของดงชิกลูบไล้ไปตามร่างงามที่มีผิวนุ่มลื่น
ตั้งแต่หน้าอกอวบที่ริมฝีปากร้อนของเขายังไม่ได้สัมผัส หน้าท้องที่แบนราบเรียบเนียนไปจนถึงขาเรียวแล้ววกกลับมาหาดอกไม้งามที่ยังปิดสนิทแต่ทว่าเริ่มผลิตน้ำหวานให้ไหลออกมาตามอารมณ์ใคร่ที่เขาเริ่มปรนเปรอเธอ
เขาดึงชุดคลุมอาบน้ำออกจากร่างงามของเธออย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งกระชากผ้าเช็ดตัวที่เขาปกปิดส่วนล่างของเขาเอาไว้ทั้งคืน ท่อนลำขนาดกลางเด้งออกมาอวดต่อสายตาคู่สวยของคนที่นอนอยู่ทันที ใบหน้าสวยแดงซ่านด้วยความเขินอาย
มือหนาหยิบเอาเครื่องป้องกันมาสวมใส่ก่อนที่จะส่งมือหนาลงไปสำรวจดอกไม้งามกลางกายสาว นิ้วกลางถูกส่งเข้าไปสำรวจภายในเสียงน้ำกระทบกับนิ้วดังลั่นไปทั้งห้อง หนุ่มเกาหลีก้มหน้าลงไปมองก็พบว่าดอกไม้ของเธอนั้นมีสีสวย ล้นหนาจึงจ้วงแทงเข้าไปพร้อมๆ กับนิ้วกลางที่ถูกส่งเข้าไปก่อนหน้า
“อ๊า.......อื้อ........เสียว... ไม่ไหวแล้ว...อร๊ายยย.......” เสียงหวานร้องครวญครางออกมาพร้อมกับน้ำหวานที่ไหลออกมาเพราะชายหนุ่มส่งเธอไปถึงจุดสุดยอด
“อืม..หวานแพทตี้ น้ำคุณเยอะมากเลยรู้หรือเปล่า ผมขอเข้าไปข้างในตัวคุณนะ” สิ้นเสียงชายหนุ่มก็จ่อแท่งเอ็นร้อนที่ปากทางเข้าก่อนที่จะกดปลายเข้าไปและแทงลงไปจนสุดโคน เสียงทุ้มหวานครางออกมาผสมกัน ความคับแน่นกำลังบีบรัดแท่งเอ็นของเขา
‘วิเศษที่สุด เธอกำลังทำให้ฉันขึ้นสวรรค์อย่างแท้จริง...แพทตี้’
ชายหนุ่มคิดในใจก่อนที่จะเริ่มขยับสะโพกเข้าออกเป็นจังหวะเนิบนาบเชื่องช้า ลำแขนเรียวเสลาทั้งสองข้างโอบรอบลำคอของชายหนุ่มเอาไว้ ก่อนที่จะวางมือแล้วจิกเล็บลงบนแผ่นหลังกว้างตามจังหวะกดกระแทกแก่นกายของเขา
พอได้รับรู้ว่าเธอมีอารมณ์ร่วม ดงชิกก็ขยับบั้นท้ายเป็นจังหวะที่หนักหน่วงและเร็วขึ้น เขาจับร่างบางให้พลิกกายนอนตะแคงในท่าหันหน้าเข้าหากัน ก่อนที่จะส่งแท่งเอ็นร้อนเข้าไปทางด้านหน้า
แขนล่ำกอดร่างบางเอาไว้แน่นพร้อมแรงกดกระแทกจนเธอร้องครวญครางเสียงแหบแห้ง ริมฝีปากร้อนจึงส่งไปประกบปิดปากแลกลิ้นดูดดึงจนเธอแทบจะหายใจหายคอแทบไม่ทัน
และเมื่ออารมณ์สวาทใกล้ถึงจุดสูงสุดดงชิกก็ถอดถอนแก่นกายของเขาออก แล้วจับก้นงอนให้โก้งโค้งในท่าหันหลัง ใบหน้าสวยแนบไปกับหมอน มือบางทั้งสองข้างก็กำหมอนแน่น
ถึงแม้ขนาดของดงชิกจะไม่ใหญ่โตเหมือนของแดนเนียล แต่ความยาวและความอึดดงชิกย่อมมีมากกว่าตามแบบฉบับของชาวเอเชีย เขากระแทกเข้าออกช่องทางรักของเธอจากทางด้านหลังเป็นจังหวะหนักหน่วง
เสียงหอบหายใจ เสียงครวญครางทั้งชายหญิงและเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังไปทั่วทั้งห้องนอน จนในที่สุดพายุสวาทที่สาดซัดในยามรุ่งอรุณก็จบลง
ทั้งเขาและเธอเข้าไปอาบน้ำด้วยกันก่อนที่พายุกามาจะก่อเกิดขึ้นอีกครั้ง ดงชิกใช้งานร่างกายของหญิงสาวที่เขาอดทนเฝ้ารอมาหลายอาทิตย์จนสุขสมครั้งแล้วครั้งเล่า
เมื่อถึงเวลาที่หญิงสาวจะต้องกลับห้อง ชายหนุ่มก็ดูที่จะไม่ค่อยอยากจะปล่อยให้เธอไป ดงชิกตกลงจะไปจ่ายค่าบาร์ฟายให้กับเธอและเพิ่มค่าตัวให้กับเธอ เท่าที่เธอต้องการ เพื่อไม่ให้เธอต้องไปนอนกับใครอีกในช่วงนี้ เพราะเขายังคงติดอกติดใจร่างกายและรสรักของเธอ
เรื่องอะไรที่เขาจะยอมปล่อยให้เธอไปเป็นของคนอื่นอีกในเมื่อเขายังคงสนุกกับเธออยู่ และดงชิกก็จ่ายค่าบาร์ฟายให้กับแพทตี้อีกสองวัน ซึ่งเขาตกลงจะให้ค่าตัวเธอหกหมื่นในระยะเวลาสามวันที่เธอนอนกับเขา หญิงสาวไม่ได้รู้สึกดีใจแต่ก็ยังดีกว่าที่เธอต้องไปนอนกับผู้ชายหลายคนในการหาเงินห้าหมื่นเพื่อส่งกลับบ้านไปให้มารดา
“หม่ามี๊ของผมเก่งที่สุด ผมภูมิใจในตัวหม่ามี๊นะครับ”แพรวาถึงกับน้ำตาซึมกับคำพูดของลูก คนอื่นดูถูกเธอไม่ว่า ขอเพียงลูกๆ ของเธอเข้าใจว่าอดีตที่ไม่ได้สวยงามของเธอนั้นเธอทำมันไปเพื่อใคร“ขอบคุณนะลูก ที่เข้าใจแม่” แพรวาเอ่ยออกมาด้วยความซึ้งใจก่อนที่จะกระชับอ้อมแขนสตีเว่นที่เดินจูงมือน้องอันนาวัยหกขวบเดินเข้ามาภายในห้องพักเห็นภาพของภรรยากอดกับบุตรชายอยู่ที่ระเบียงห้องก็ยกยิ้มออกมาที่มุมปาก ก่อนที่จะเดินไปที่เตียงเด็กแล้วก้มลงไปหอมแก้มนุ่มของบุตรสาวคนเล็กอายุหนึ่งขวบน้องอันนาเดินเข้าไปกอดกับมารดาและพี่ชายเช่นกัน หญิงสาวรวบร่างเล็กแต่ทว่าสูงกว่าเด็กวัยเดียวกันของลูกๆ มาในอ้อมแขนก่อนที่จะกดจูบลงบนกระหม่อมของลูกน้อยทั้งสอง สตีเว่นเดินเข้ามาสมทบแล้วสวมกอดสามคนแม่ลูกเอาไว้เช่นกันชายหาดจอมเทียนยามเย็นครอบครัวของแพรวาและครอบครัวของแอมมี่มานั่งรับประทานอาหารเย็นร่วมกันที่ร้านอาหารริมหาดจอมเทียน เสียงคลื่นที่สาดซัดน้ำทะเลเข้าฝั่งนั้นยังดังไม่เท่ากับเสียงหัวเราะของเด็กๆ ที่นั่งเล่นกันอยู่ตรงสนามเด็กเล่นที่ทางร้านทำมาพิเศษเพื่อลูกค้าที่มากันเป็นครอบครัว“ไม่คิดจะพากันย้ายมาอยู่ไทยบ้างเหรอแพร”แอมมี
สองปีต่อมาความโศกเศร้าที่ผ่านพ้นไปก็เปรียบเสมือนกับฟ้าหลังฝนที่ท้องฟ้านั้นมักจะสดใสเสมอ แพรวายังคงใช้ชีวิตอยู่กับสามีและลูกๆ ของเธอที่ประเทศเยอรมนี บิดาของเธอที่อาศัยอยู่ประเทศไทยเพียงลำพัง ตัดสินใจละทางโลกแล้วหันหน้าสู่ทางธรรมตั้งแต่สูญเสียภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากไปเพียงหนึ่งปี ซึ่งก่อนหน้านั้นสองสามีภรรยาได้พาหลานๆ ไปเยี่ยมท่านถึงสามครั้งตามคำสั่งเสียของมารดาผู้ล่วงลับ“แอว๊ะ....อ้วก.....แอว๊ะ...”เสียงอาเจียนที่ดังขึ้นภายในห้องน้ำในห้องนอนใหญ่ทำให้ฝรั่งหนุ่มลุกขึ้นจากเตียงนอนแล้วรีบวิ่งไปดูภรรยาทันที“ที่รัก... คุณเป็นอะไร ทำไมอาเจียนมาสองวันแล้วเนี่ย” เขาเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกมาถึงความห่วงใย“เปล่าค่ะที่รัก มันเป็นเรื่องปกติ” สตีเว่นถึงกับมองหน้าภรรยาด้วยความไม่เข้าใจ“ปกติ... ปกติตรงไหนที่รัก คุณตื่นเช้ามาอาเจียนสองวันแล้วนะ ทำอาหารไม่สะอาดหรือเปล่า ผมว่าไปหาหมอกันดีกว่า”มือหนาพยายามประคองร่างบางให้ลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะพาไปหาหมอ มือบางยกขึ้นมาวางบนมือหนาของสามีก่อนที่จะส่งยิ้มบางๆ ให้กับเขา“ได้ไปหาแน่ค่ะหมอ” เสียงหวานบอกสามียิ้มๆ“ใช่สิ...คุณดูอาการไม่ดีเลย หน้าซีดหมดแล้
“แพร.. ถ้าแม่ไม่อยู่แล้วหนูพาหลานๆ มาเยี่ยมพ่อบ่อยๆ นะลูก”จู่ๆ นางอารีก็เอ่ยออกมาราวกับว่ากำลังสั่งเสียบุตรสาว แพรวาลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วเดินเข้ามาหามารดาทันที“แม่จ๋า... แม่พูดอะไรแบบนั้น แม่ต้องอยู่ไปอีกนาน หลานยังไม่โตเลยนะแม่” แพรวาเอ่ยออกมาน้ำตาซึมขณะที่รวบร่างผอมบางของมารดาเข้ามาในอ้อมกอด ปีนี้เธอรู้สึกว่ามารดาผอมลงไปเยอะจริงๆ นึกแล้วก็รู้สึกใจหายแปลกๆ“แม่แก่แล้ว อีกอย่างแม่ป่วยมานานแล้วนะลูก หนูก็รู้นี่นา...”นางอารีเอ่ยออกมาอย่างปลงกับชีวิต ในชีวิตนี้ของเธอพอแล้ว เธอพบกับความสุขแล้ว หากสวรรค์จะมาพรากเธอไปจากครอบครัว เธอก็จะไม่โลภมากอีกแล้ว เธอเหนื่อยและอยากพักผ่อนเสียทีใครจะไปคิดว่านั่นคือคำสั่งเสียสุดท้ายของนางอารี เช้าวันต่อมาเสียงร้องเรียกชื่อนางอารีดังมาจากสามีคู่ทุกข์คู่ยาก พราวนารีที่นอนอยู่ภายในห้องนอนกับสามีถึงกับผุดลุกขึ้นแล้ววิ่งไปยังห้องของมารดาด้วยหัวใจที่หวาดหวั่น ร่างเล็กนอนนิ่งอยู่บนที่นอน เสียงร้องเรียกชื่อมารดาที่ดังมาจากปากของบิดาแทบกรีดหัวใจของเธอสตีเว่นรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งตามภรรยามาเห็นภาพตรงหน้าก็อดที่จะสงสารภรรยาไม่ได้ ใครจะไปคิดว่าการบินกลับมาประเทศไทย
จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทยร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อม่อฮ่อม กางเกงผ้าฝ้ายขาสั้นถึงเข่า เส้นผมสีทองถูกจัดทรงขับกับใบหน้าขาวผ่องให้ดูหล่อเหลายิ่งขึ้นเดินจับมือมากับเด็กหญิงตัวน้อยที่มีใบหน้าน่ารักราวกับตุ๊กตา แต่งกายด้วยชุดไทยพื้นเมืองสำหรับเด็กผู้หญิง ทางฝั่งซ้ายมือหนาจับมือบางของภรรยาสาวที่สวมชุดไทยพื้นเมืองสีขาว หญิงสาวรวบผมยาวสีดำเอาไว้ทางด้านหลังเป็นทรงหางม้า ใบหน้าสวยแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางเบามือซ้ายของหญิงสาวกุมมือเล็กของเด็กชายวัยห้าขวบที่แต่งชุดคล้ายๆ กันกับผู้เป็นบิดาเดินเคียงข้างกันมา ทำเอาคนที่มองไปที่ครอบครัวนี้อดที่จะยิ้มตามออกมาไม่ได้ เพราะถึงจะมีสามีเป็นชาวต่างชาติ มีลูกๆ เป็นเด็กลูกครึ่ง แต่หญิงสาวผู้นี้ก็ไม่เคยลืมวัฒนธรรม ประเพณีหรือแม้แต่การแต่งกายของบ้านเกิดเมืองนอนเลย ช่างน่ายกย่องยิ่งนัก“หม่ามี๊ขา... อันนั้นอารายคะ”เด็กหญิงลูกครึ่งตัวน้อยเอ่ยถามออกมาเป็นภาษาไทย แพรวาสอนลูกให้พูดสามภาษาซึ่งมีภาษาไทย ภาษาอังกฤษและภาษาด๊อยซ์ (เยอรมัน)“อันนั้นเค้าเรียกว่าช้างค่ะ”เด็กหญิงวัยสามขวบเพิ่งจะเคยเห็นพี่ช้างตัวจริงเป็นครั้งแรกก็รู้สึกตื่นเต้น ต่างจากผู้เป็นพี่ชายที่เคยมา
“สามดอกหนึ่งร้อยบาทค่ะ” เด็กหญิงตัวน้อยที่มาช่วยมารดาขายดอกไม้เอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม“เอาสามดอกจ้ะ”แพรวาบอกพร้อมกับส่งเงินให้ เด็กหญิงยกมือไหว้ก่อนที่จะรับเงินมาแล้วส่งดอกไม้ให้กับลูกค้าใจดี“ขอบคุณค่า...ขอให้คุณน้าสวยๆ รวยๆ ได้เป็นมาดามนะคะ”คำขอบคุณผสมคำอวยพรของเด็กหญิงรุ่นราวคราวเดียวกับอินทัชเรียกเสียงหัวเราะเอ็นดูออกมาจากหญิงสาวที่นั่งฝั่งตรงกันข้าม แอมมี่ส่ายหน้าไปมาให้กับความใจดีของเพื่อนสนิท กับความไร้เดียงสาของเด็กขายดอกไม้“อันนี้หม่ามี๊ให้อินทัช อันนี้ให้น้องอันนา และอีกดอกให้ป้าแอมมี่กับน้องแองจี้ค่ะ”“ขอบใจจ้ะ..ขอให้ได้เป็นมาดาม คิกๆๆๆ”แอมมี่ไม่วายรับดอกไม้มาก่อนเอ่ยแซว แพรวายิ้มเขินส่งไปให้ คำว่ามาดาม มีคำจำกัดความมาจากอะไร เธอรู้ดี แต่เธอก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าชีวิตนี้จะได้เป็นมาดามของใครสักคนดีที่ว่าดอกกุหลาบทั้งสามมีพลาสติกสีสวยห่อหุ้มก้านจับอยู่ เธอเลยให้เด็กๆ ถือได้ แอมมี่เมื่อรับดอกไม้มาจากเพื่อนสาวแล้วจึงส่งให้กับบุตรสาว โชคดีที่ก้านกุหลาบไม่มีหนาม“ขอบคุณครับ/ค่ะ” สองพี่น้องเอ่ยคำขอบคุณมารดาพร้อมกัน“หม่ามี๊ครับ ทำไมเด็กผู้หญิงคนนั้นต้องมาขายดอกไม้ด้วยล่ะครับ”อินท
ภาพของหนุ่มฝรั่งกับผู้หญิงไทยผิวขาวผมดำยาวคลุมแผ่นหลังไปถึงบั้นท้ายเดินจูงเด็กชายวัยห้าขวบกับเด็กหญิงวัยสามขวบเดินออกมาจากประตูทางออกของผู้โดยสารขาเข้า การเดินทางมารอบนี้สองสามีภรรยาไม่มีผู้ติดตามมาด้วยเป็นการเดินทางมาแบบครอบครัวเมียร์จริงๆ“ลุงโอเว่น ป้าแอมมี่ น้องแองจี้ สวัสดีครับ” เสียงเด็กชายวัยห้าขวบร้องเรียกชื่อของคนที่มารอรับ“โอ้โห... หลานชายป้าโตเป็นหนุ่มแล้วหล่อเชียว” แอมมี่เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นร่างเล็กของหลานชาย ลูกชายคนแรกของเพื่อนสนิท“นั่นสิ.. โตแล้วหล่อเหมือนพ่อเรานะเนี่ย”โอเว่นเห็นด้วยก่อนที่จะยักคิ้วให้เพื่อนสนิทที่เดินเข็นรถเข็นที่มีกระเป๋าเดินทางหลายใบตามหลังภรรยาและลูกๆ มา“น้องอันนาก็โตวัยจังเลย ดูสิกลายเป็นสาวขี้อายไปแล้ว น่ารักจัง”อันนา บุตรสาวคนเล็กของแพรวากับสตีเว่นมีนิสัยต่างจากพี่ชาย เธอขี้อายแต่ทว่าเรียนรู้เร็ว ส่วนอินทัชนั้นช่างเจรจา ช่างซัก ช่างถามตามวัยของเขา“น้องแองจี้ก็โตแล้วนะครับ”แองจี้คือลูกสาววัยหนึ่งขวบของแอมมี่และโอเว่น ทั้งคู่ตัดสินใจแต่งงานกันเมื่อสองปีที่แล้ว โดยโอเว่นขอเธอแต่งงานขณะที่ไปเยี่ยมแพรวาตอนครั้งที่แพรวาคลอดน้องอันนา ทั้งคู่แต่งงานก