แชร์

บทที่ 4

ผู้เขียน: เขียว_หวาน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-11-11 19:13:52

ท่ามกลางความเงียบสงัดในห้องทำงาน เสียงแอร์เบา ๆ ทำงานอย่างต่อเนื่อง ภูวินทร์นั่งก้มหน้ามองเอกสารในมือ แต่ใจของเขาลอยไกลออกไป

งานช่วงเช้าดำเนินไปเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่เอกสารรายละเอียดที่ต้องพิจารณาอีกเล็กน้อย

แต่สิ่งที่เขาคิดไม่หยุด คือภาพของภรรยาที่กำลังดูแลลูกคนเดียวกับบ้านอีกหลังที่เขารู้สึกว่าเธออาจเหนื่อยเกินไป

เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา…นิ้วโป้งเลื่อนหาเบอร์ ในใจมีความเกรงใจอยู่นิด ๆ ที่จะรบกวนเวลาของน้องชายภรรยา

“หนุ่ยครับ…พี่ภูเองนะ พอจะว่างคุยสักครู่ไหมครับ” เสียงเอ่ยทักอย่างสุภาพและเกรงใจ

“สะดวกคุยครับพี่ภู สบายดีนะครับ” ปลายสายตอบกลับด้วยน้ำเสียงสดใสของหนุ่มวัยยี่สิบกว่า รู้สึกแปลกใจนิด ๆ ที่ได้รับสายจากพี่เขย

“คือว่า...พี่มีเรื่องอยากปรึกษากับหนุ่ยสักหน่อย ตอนนี้  น้องคินจะครบหนึ่งขวบแล้ว พี่เห็นว่านิจค่อนข้างเหนื่อยในการดูแลลูกคนเดียว แล้วก็ต้องรับผิดชอบดูแลบ้านด้วย พี่เลยคิดว่า...ถ้าหนุ่ยกับป้าสร้อยพอจะย้ายมาอยู่กับพวกเราได้ จะช่วยนิจได้มากทีเดียว ตอนนี้พี่ก็กำลังหาพี่เลี้ยงกับแม่บ้านมาช่วยอีกแรงหนึ่งด้วย” ภูวินทร์กล่าวด้วยความเกรงใจ

ภูวินทร์อธิบายเพิ่มเติมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและจริงใจ “ถ้านิจมีป้าสร้อยกับหนุ่ยอยู่ที่บ้านด้วย นิจจะได้ไม่เหงา มีคนคุยด้วย”

“ส่วนเรื่องพี่เลี้ยงกับแม่บ้าน พี่น่าจะเลือกได้ภายในวันสองวันนี้ ตอนนี้พี่ให้เลขาฯ ตรวจสอบประวัติอยู่” เขาพูดด้วยความตั้งใจ ไม่อยากให้ใครมองว่าเขา “ปล่อยภาระให้คนอื่น”

“เรื่องห้องพักนั้น ก็สบายใจได้เลย ตอนที่เราสร้างบ้าน พี่กับนิจมีคุยกันไว้แล้วว่าจะเผื่อห้องส่วนตัวให้ป้ากับหนุ่ยด้วย ตอนนั้น เราวางแผนอนาคตอยากให้ป้ากับหนุ่ยมาอยู่กับเราด้วยจริง ๆ”

ภูวินทร์พูดอย่างอบอุ่น ด้วยน้ำเสียงที่ตั้งใจแน่วแน่

หนุ่ยยิ้มกว้าง รู้สึกดีใจที่พี่เขยให้ความสำคัญและใส่ใจดูแลพี่สาวของเขา

“ผมขอปรึกษากับป้าก่อนนะครับ แล้วจะรีบให้คำตอบพี่…ผมแค่กังวลว่าป้าสร้อยจะห่วงบ้านสวน แล้วจะไม่ยอมย้ายครับ”

ภูวินทร์พยักหน้ารับฟัง

“ถ้าเรื่องนั้น พี่คิดว่าจะให้คนขับรถพาป้ากับหนุ่ยกลับไปดูบ้านสวนทุก 2 สัปดาห์ หรือทุกเดือนก็ได้ จะได้ไม่ต้องกังวลมาก ไม่ต้องเหนื่อยเดินทางอีกด้วย ตอนนี้ น้องคินโตขึ้นทุกวัน พอเริ่มเดินได้ก็เริ่มซน นิจคงจะดีใจมากที่มีผู้ใหญ่อย่างป้าสร้อยคอยช่วยให้คำแนะนำอยู่ข้างตัว”

“ผมเข้าใจครับ ป้าสร้อยว่ายังไง ผมจะรีบบอกพี่ภูด่วน”

“ขอบใจมาก...อ้อ แล้วตอนนี้หนุ่ยกำลังจะขึ้นปี 4 แล้วใช่ไหม มีแผนเรื่องการฝึกงานยังไงบ้าง เผื่อพี่จะช่วยแนะนำให้ได้”  ภูวินทร์เอ่ยถามด้วยความจริงใจ น้ำเสียงไม่เร่งเร้า แต่แสดงออกชัดเจนว่าเขาอยากช่วย

“ใช่ครับ ผมเลือกฝึกงานในเทอมแรกเลยครับ เผื่อว่าพอมีประสบการณ์การทำงานแล้ว ผมจะได้รู้ว่า ตัวเองยังขาดทักษะเรื่องอะไรบ้าง จะได้ลงเรียนเพิ่มตอนเทอมสอง” หนุ่ยตอบเรียบ ๆ แต่ในเสียงมีประกายตั้งใจ

“แล้วหนุ่ยอยากฝึกงานกับบริษัทแบบไหน พี่จะได้ลองดูว่าพอมีเส้นสายจะช่วยฝากฝังได้ไหม” ภูวินทร์พูดต่ออย่างใส่ใจ

“ผมอยากฝึกงานกับบริษัทคอนซัลท์ที่แนะนำเรื่องระบบไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรมหรือสำนักงานครับ ผมชอบแนวนี้มากกว่า ได้ประสบการณ์หลายแบบ และได้พบผู้คนหลายหลากด้วยครับ” หนุ่ยพูดด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น

“ถ้าอย่างนั้น พี่พอจะมีรุ่นพี่ที่เป็นเจ้าของบริษัทแบบที่หนุ่ยต้องการ เดี๋ยวพี่จะลองติดต่อเขาดู” ภูวินทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังและตั้งใจ

“หนุ่ยสะดวกส่งเรซูเม่กับทรานสคริปต์ล่าสุดมาให้พี่ทางอีเมลไหม พี่จะได้ส่งต่อให้รุ่นพี่คนนี้พิจารณาดู เผื่อถ้าเขาสนใจ หนุ่ยจะได้มีที่ฝึกงานเลย”

หนุ่ยยิ้มกว้างและรู้สึกปลื้มใจ

“ขอบคุณมากครับพี่ภู ผมจะรีบอัปเดตเรซูเม่และขอทรานสคริปต์กับทางมหาลัยวันพรุ่งนี้ครับ ถ้าได้แล้วจะรีบส่งให้พี่ด่วนเลยครับ”

“ได้ครับ งั้นพี่จะรอนะ” ภูวินทร์วางสายด้วยรอยยิ้ม ความดีใจเอ่อขึ้นในใจที่ได้มีโอกาสช่วยเหลือน้องชายของภรรยาผู้มีนิสัยอ่อนโยนและน่าคบหา อีกทั้งมีบุญคุณช่วยคะนึงนิจและลูกในยามที่ลำบาก

...

ภูวินทร์รู้สึกโล่งใจขึ้นอย่างชัดเจน เมื่อเห็นหนทางที่จะแบ่งเบาภาระของภรรยาที่เขารัก คะนึงนิจเสียสละมาเยอะแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการลาออกจากงานที่กำลังเติบโต การเป็นแม่บ้านที่ดูแลบ้านและเลี้ยงลูกอย่างดี ทำให้เขาสามารถทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ และเวลาให้กับการทำธุรกิจสตาร์ทอัพที่เริ่มมาตั้งแต่ 5 ปีก่อนอย่างเต็มที่

วันนี้...บริษัทของเขาเติบโตมั่นคงขึ้น ประสบการณ์ที่เขาสั่งสมมา สายสัมพันธ์ในวงการที่ลึกซึ้งขึ้น ช่วยให้เขาขยายกิจการได้มากขึ้นกว่าเดิม

เขายังถือหุ้นใหญ่ 40% ในบริษัท ในขณะที่หุ้นที่เหลือเป็นของผู้ถือหุ้นอีกสามคน ได้แก่ ภารดี น้องสาวของเขา ธเนศน้องเขยของเขา และวุฒิ เพื่อนสนิทตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ทั้งสามคนนี้ ต่างถือหุ้นคนละ 20%

การจัดโครงสร้างแบบนี้ ทำให้เขาควบคุมทิศทางบริษัทได้ดี ในขณะเดียวกันก็ได้ใช้ความไว้ใจและความสัมพันธ์กับคนรอบข้างให้เป็นประโยชน์

แต่เขาก็รู้ดี...ว่าในความไว้ใจนั้น ย่อมมีช่องโหว่แฝงซ่อนอยู่เรื่อย ๆ หากเขาคาดการณ์ไม่ผิด เขาคงต้องวางแผนป้องกันการโดนหักหลังไว้ล่วงหน้า

ภูวินทร์ลุกขึ้นยืน มองออกไปยังวิวเบื้องหลังโต๊ะทำงาน สายตาเหม่อมองผ่านกระจกบานใหญ่ แสงแดดยามบ่ายสะท้อนแผ่วเบาบนกระจกใส...แต่ภายในอกกลับเย็นชา ไร้ซึ่งความอ่อนโยนที่เคยมี

“ถ้าไม่ระวัง คนที่ไว้ใจที่สุดอาจกลายเป็นคนที่ทำให้นายต้องเจ็บปวดที่สุดสักวัน” ภูวินทร์พูดเบา ๆ กับตัวเอง

เขาลดสายตาลงมองเอกสารบนโต๊ะอีกครั้ง

สายสัมพันธ์และหุ้นส่วนทางธุรกิจอาจเป็นโอกาส แต่ก็อาจเป็นกับดักได้ด้วยเช่นกัน

ภูวินทร์รู้ว่าไม่ง่ายที่จะไว้ใจใครแบบไม่ตั้งมาตรการ เขาคิดถึงการทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรที่รัดกุม ตั้งเงื่อนไขสัญญา เงื่อนไขการถอนหุ้น / การโอนหุ้น / ข้อตกลงเรื่องสิทธิในการตรวจสอบบัญชี / เวลาในการประชุมผู้ถือหุ้น / ความโปร่งใสของการเงินบริษัท เพราะการเติบโตที่ดี ไม่ได้วัดแค่ยอดกำไรหรือการขยายกิจการ แต่ยังวัดที่ “ความมั่นคงของอำนาจ” ในการควบคุมบริษัท

คะนึงนิจยืนยิ้มพร้อมยื่นมือออกมาโดยสายตาคอยจับจ้องลูกชายตัวน้อยที่กำลังเขย่งเดินมาหาเธออย่างตั้งใจ

ตอนนี้ “ภาคินทร์” หรือ “น้องคินของแม่” ก้าวหน้าขึ้นมาก หลังจากเริ่มยืนได้ เขาก็ตั้งใจฝึกเดิน…บางครั้งเดินเขย่งช้า ๆ บางทีก็เดินเร็วเกินไปจนเกิดอาการเซ

เขาทำให้เธอถึงกับหายใจไม่ทั่วท้องในบางครั้ง เพราะกลัวลูกจะหกล้มหัวฟาดพื้น

แต่สิ่งที่ทำให้เธอแปลกใจ...และชื่นใจในเวลาเดียวกัน คือ แม้เขาจะล้มบ้าง แต่ก็กลับลุกขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

แม้จะเจ็บนิด ๆ ก้นกระแทกพื้น แต่ไม่ร้องไห้ ไม่งอแง…มีแค่แววตาเล็ก ๆ ที่ดูเจ็บเล็กน้อย แล้วก็ยิ้มให้แม่

ในใจของคะนึงนิจ...เธออยากร้องไห้ด้วยความห่วงใย แต่ก็อยากหัวเราะด้วยความสุขที่เห็นเขาพร้อมจะลุกขึ้นอีกครั้ง

“มาเร็วจ้ะลูก...มาหาแม่นี่” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พร้อมยื่นมือไปรับตัวเขาเมื่อเดินมาถึงระยะที่เธอเอื้อมมือถึง

คะนึงนิจเล่นกับลูกชายต่อจนกระทั่งรถของภูวินทร์แล่นเข้ามาในบ้าน

ชายหนุ่มก้าวมาหาเธอกับลูกที่กำลังเล่นกันอยู่ที่สนามหญ้า เขาปลดกระดุมแขนเสื้อ พับขึ้นอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะก้มลงคุยกับลูกชายที่แหงนหน้าส่งยิ้มให้พ่อ

“เดี๋ยวพี่ดูน้องคินต่อให้นะ วันนี้เราออกไปกินข้าวข้างนอกกันไหม นิจจะได้ไม่ต้องเหนื่อยทำอาหาร”

ภูวินทร์พูดพลางจับมือเล็ก ๆ ของลูกทั้งสองข้าง จูงเดินไปข้างหน้า แล้วหันไปมองภรรยาที่กำลังยืนมองลูกอยู่ไม่ไกล

“นิจเตรียมกับข้าวไว้แล้วค่ะ แค่เอาไปอุ่นก็ทานได้แล้ว วันนี้วันสิ้นเดือน คนน่าจะเยอะค่ะ ออกมาใช้เงินกัน”

“อืม...ถ้าอย่างนั้น นิจไปทำอาหารเถอะ พี่จะเล่นกับน้องคินรอแล้วกัน ฝากเก็บกระเป๋าให้พี่ด้วย”

ชายหนุ่มยื่นกระเป๋าเอกสารให้ภรรยา

“ได้ค่ะ แม่ไปทำอาหารให้หนูก่อนนะคะ”

คะนึงนิจหยิกแก้มกลมของลูกชายเบา ๆ ก่อนเดินเข้าบ้าน

ไม่นาน เสียงโทรศัพท์ของภูวินทร์ก็ดังขึ้น เขาจูงมือลูกชายไปพร้อมกับรับสาย

“ครับ หนุ่ย ป้าสร้อยตอบตกลงแล้ว ขอบใจมากสำหรับข่าวดี วันไหนป้ากับหนุ่ยจะย้ายมา เดี๋ยวพี่ส่งรถไปรับ จะได้ขนของสะดวก ฝากขอบคุณป้าสร้อยด้วยนะ”

เขาวางสายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนโน้มตัวพูดกับลูกชาย

“น้องคินจะมียายสร้อยกับน้าหนุ่ยมาอยู่บ้านของเราด้วยกันแล้วนะครับ ป้าสร้อยทำอาหารอร่อยมาก สงสัยพ่อต้องเปลี่ยนชื่อคินเป็นเจ้าลูกหมูแล้วล่ะ”

ชายหนุ่มหยอกลูกเสียงอ่อน เด็กน้อยยังไม่เข้าใจนัก แต่ก็ยิ้มตาหยีตอบกลับ

ระหว่างมื้อเย็น ภูวินทร์เล่าเรื่องที่ป้าสร้อยและหนุ่ยตกลงจะย้ายมาอยู่ด้วยกันให้คะนึงนิจฟัง

“จริงเหรอคะ” คะนึงนิจเงยหน้าขึ้นถามด้วยแววตาเบิกกว้าง ความดีใจเอ่อขึ้นในอก เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าภูวินทร์จะเป็นฝ่ายชวนญาติทั้งสองของเธอเอง

ชาติที่แล้ว เขาแทบไม่เคยใส่ใจญาติของเธอเลยด้วยซ้ำ

“จริงสิ พี่นัดกับหนุ่ยไว้แล้ว ถ้าป้าสร้อยเตรียมของเสร็จ พี่จะให้รถไปรับ นิจจัดห้องให้พวกเขาด้วยนะ”

“ได้ค่ะ เดี๋ยวนิจจะเรียกใช้บริการแม่บ้านมาช่วยทำความสะอาดห้อง” เธอตอบรับด้วยรอยยิ้ม

“ยายสร้อยกับน้าหนุ่ยจะย้ายมาอยู่กับพวกเราแล้วนะคะ น้องคิน หนูจำยายได้ไหม”

“อื้อ” เด็กน้อยเอ่ยสั้น ๆ พร้อมรอยยิ้มไร้เดียงสา แม้ไม่เข้าใจความหมายที่แม่พูด แต่ก็ส่งเสียงออกมาอย่างซื่อ ๆ

คะนึงนิจก้มลงหอมแก้มลูกฟอดใหญ่ วันนี้เป็นวันที่เธอได้รับข่าวดีจริง ๆ เธอทานข้าวต่อด้วยความสุขใจ

ภูวินทร์มองเห็นรอยยิ้มที่ผุดขึ้นบนใบหน้าของภรรยาเป็นระยะ บรรยากาศรอบโต๊ะอาหารดูอบอุ่นกว่าที่เคย หญิงสาวเล่าเรื่องราวทะเล้น ๆ ของลูกชายให้ฟังอย่างอารมณ์ดี ขณะที่ชายหนุ่มตั้งใจฟังทุกคำด้วยความพอใจ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • โอกาสรักคืนใจ   บทที่ 16

    ภูวินทร์ลืมตาขึ้น เมื่อเสียงลมแรงพัดกระทบกระจกหน้าต่างดังแผ่ว ๆ ความคิดของเขาถูกดึงกลับจากอดีตอันขมขื่นสู่ปัจจุบัน เขานั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจยาวราวกับอยากระบายบางสิ่งที่อัดแน่นอยู่ในอกให้หลุดออกไปกับลมหายใจนั้นชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปที่ห้องนอนของลูกเพื่อดูความเรียบร้อย แสงไฟจากโถงทางเดินลอดผ่านประตูแง้มเข้าไป เผยให้เห็นภาคินทร์นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงเล็ก ใบหน้าไร้เดียงสาของลูกชายทำให้หัวใจที่หนักอึ้งของเขาอ่อนยวบลง“ฝันดีนะ...ลูกพ่อ” เขาพึมพำเสียงแผ่ว พลางดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวลูกให้มิดชิด ก่อนจะปิดประตูห้องอย่างเบามือจากนั้น เดินกลับไปยังห้องนอนใหญ่ของตนกับคะนึงนิจ เสียงน้ำจากฝักบัวดังคลอเบา ๆ อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเงียบลง ภูวินทร์เช็ดตัว ลูบผมให้แห้ง แล้วเอนกายลงบนเตียงอย่างแผ่วเบาคะนึงนิจนอนอยู่ด้านหนึ่งของเตียง แสงไฟสีอบอุ่นจากโคมหัวเตียงอีกฝั่งหนึ่งสะท้อนให้เห็นใบหน้าสงบนิ่งยามหลับสนิทของเธอบางส่วน เขามองภาพนั้นนิ่งก่อนจะดับไฟที่โคมหัวเตียงข้างตัว ขยับตัวเข้าใกล้ วาดแขนโอบรอบร่างของภรรยาอย่างแผ่วเบา เขาหลับตาลงช้า ๆคืนนี้ เขายังมีเธออยู่ตรงนี้ มีลูกน้อยที่รอการปกป้องอยู่

  • โอกาสรักคืนใจ   บทที่ 15

    ตอนสายของวัน ภูวินทร์เดินเข้าบ้านอย่างเงียบเชียบ เสียงหัวเราะสดใสของภาคินทร์ดังแว่วออกมาจากมุมห้องนั่งเล่นคะนึงนิจนั่งอยู่บนโซฟา กำลังอ่านนิทานให้ลูกชายฟัง เมื่อเห็นสามีก้าวเข้ามา เธอเงยหน้าขึ้น ยิ้มอ่อนโยนตามเคย“พี่ภูกลับมาแล้วเหรอคะ นิจเป็นห่วงทั้งคืนเลย” เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลภูวินทร์หลบสายตา ก่อนฝืนยิ้มตอบจาง ๆ “จ้ะ... เมื่อคืนขอโทษด้วยนะ พอดีดื่มมากไปหน่อย กลัวจะกลับมากวนทั้งนิจกับลูก พี่เลยนอนค้างที่ออฟฟิศ เพราะอยู่ใกล้กับที่จัดเลี้ยง มือถือพี่ก็ดันแบตหมด พี่ไม่ทันดูตอนเผลอหลับไปก่อนจะโทรบอกนิจ”น้ำเสียงของเขาเรียบเรื่อยเหมือนพยายามพูดให้เป็นเรื่องปกติ ทว่ามีบางอย่างในแววตาและท่าทางนั้น...ไม่เหมือนเดิม คล้ายคนที่กำลังปิดบังบางสิ่งไว้ใต้รอยยิ้มอ่อนล้าและคำแก้ตัวที่พยายามอธิบายอย่างเบี่ยงประเด็นเขาพูดพลางย่อตัวลงจูบหน้าผากลูกน้อยเบา ๆ ภาคินทร์ยิ้มกว้าง ก่อนจะโผเข้ากอดคอพ่อแน่นด้วยความดีใจ“นิจก็เป็นห่วงอยู่พอดี โชคดีที่พี่ภูบอกไว้ก่อนแล้วว่าจะมีงานเลี้ยง พี่ภูขึ้นไปอาบน้ำก่อนไหมคะ เดี๋ยวนิจเตรียมข้าวเช้าให้”“อืม...พี่ทานมาแล้ว พอดีวิทยามาออฟฟิศแต่เช้า เลย

  • โอกาสรักคืนใจ   บทที่ 14

    ภูวินทร์นั่งอยู่บนโซฟาในห้องทำงาน ข้างกายมีขวดวิสกี้วางอยู่ เงาแสงจากโคมไฟสะท้อนบนแก้วที่เหลือวิสกี้อยู่ค่อนแก้ว ใบหน้าของเขาดูนิ่งสงบ แต่แววตาเหม่อลอยคล้ายคนหลงอยู่ในภวังค์เบื้องนอก หน้าต่างบานใหญ่เผยให้เห็นท้องฟ้ามืดสนิท ไร้แม้แต่แสงดาว มีเพียงแสงจันทร์ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาแต้มเงาบางบนพื้นห้องทั้งห้องเงียบสงัด มีเพียงเสียงนาฬิกาที่เดินเป็นจังหวะภูวินทร์เอนหลังลงบนโซฟา ปล่อยให้แอลกอฮอล์ไหลซึมเข้าสู่กระแสเลือดช้า ๆ ความอุ่นจากของเหลวในลำคอไม่ได้ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายเลยแม้แต่น้อยเขานั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น ความคิดค่อย ๆ ลอยย้อนกลับไปทีละน้อย ความทรงจำที่ผ่านไปเนิ่นนานเหลือเกินในความรู้สึก ค่อย ๆ ผุดขึ้นมาจากส่วนลึกของจิตใจในอดีตชาติ...“นิจ วันนี้พี่ได้รับรางวัล สตาร์ทอัพดาวรุ่งแห่งปี จากกระทรวงพาณิชย์ด้วยนะ นี่ไง...โล่รางวัลของพี่”ภูวินทร์ในชุดสูทดำเรียบหรูพอดีตัวเดินเข้ามาในบ้านด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ เขาชูโล่รางวัลขึ้นให้ภรรยาสาวดู ดวงตาเปล่งประกายด้วยความดีใจตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาล้มลุกคลุกคลานไม่น้อยกว่าจะพาบริษัทก้าวมาถึงจุดนี้ได้ วันที่ทุกอย่างเริ่มมั่นคง แล

  • โอกาสรักคืนใจ   บทที่ 13

    ภาคินทร์หันซ้ายหันขวาอยู่ในอ้อมแขนของภูวินทร์ เด็กน้อยดูตื่นตาตื่นใจกับสิ่งรอบตัว สีสันสดใสจากร้านรวงและของตกแต่งดึงดูดสายตาเขาให้หันมองไม่หยุดภูวินทร์อาสาอุ้มลูกเอง เพราะไม่อยากให้ลูกน้อยนั่งรถเข็นอยู่ลำพังโดยมองไม่เห็นพ่อแม่ ถึงลูกจะเริ่มตัวโตและหนักขึ้น แต่ในอ้อมแขนของเขากลับรู้สึกเบาสบาย เขามีความสุขที่ได้อุ้มลูกไว้แนบอก คอยชี้ชวนให้ดูนั่นดูนี่ระหว่างเดินบางครั้ง ภาคินทร์ก็พูดเลียนเสียงพ่อออกมาสั้น ๆ หนึ่งหรือสองพยางค์ เสียงใส ๆ นั้นทำให้ภูวินทร์หัวเราะออกมาอย่างเอ็นดู หัวใจของเขาอิ่มเอมจนพองโตที่ได้ใกล้ชิดลูกในวันนี้“เฮ้ย ภู มาได้ยังไงเนี่ย ฉันก็นึกว่านายเข้าออฟฟิศซะอีก เลยฝากเอกสารไว้กับเลขาฯ นายไปแล้ว”เสียงของวุฒิดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มกว้าง หญิงสาวที่เดินเคียงข้างมากับเขารีบปล่อยมือที่เกาะแขนชายหนุ่มไว้แทบจะทันที“อ้าว วุฒิ บังเอิญจริง” ภูวินทร์เอ่ยเรียบ ๆ พลางยกคิ้วเล็กน้อย “วันนี้พอดีมีธุระตอนเช้า ไม่แน่ใจว่าจะเสร็จกี่โมง ก็เลยบอกวิทยาไว้ก่อนว่าไม่เข้า เดี๋ยวพรุ่งนี้จะรีบดูเอกสารให้นะ”“สวัสดีครับ นิจ ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลย” วุฒิหันมาทักคะนึงนิจด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง“สวัสดี

  • โอกาสรักคืนใจ   บทที่ 12

    “แล้วก็...ป้าลืมบอกนิจไป พรุ่งนี้ป้าจะไปโรงพยาบาลกับภูนะ”ป้าสร้อยพูดขึ้นพลางตักข้าวเข้าปาก “ภูคุยกับป้าเมื่อวานซืน ว่าอยากให้ป้าไปตรวจสุขภาพบ้าง ป้าว่าก็ดีเหมือนกันเลยตกลงไป ช่วงนี้ไม่รู้เป็นอะไร ท้องอืดบ่อย แล้วก็มีอาการท้องเสียถี่ ๆ ด้วย ป้าเลยว่าจะให้หมอตรวจดูให้แน่ใจ”“แล้วมีอาการอื่นที่ผิดปกติอีกไหมคะป้า”คะนึงนิจถามพลางวางช้อนในมือลง เสียงของเธอสั่นเล็กน้อยด้วยความตกใจและเป็นห่วงเธอรู้สึกตื่นตระหนก หัวใจเหมือนถูกบีบรัดทันทีที่ได้ยินคำว่า ท้องอืดบ่อย...ท้องเสียถี่ความทรงจำจากชาติที่แล้วแล่นวาบเข้ามาในหัว ครั้งนั้น กว่าที่จะรู้ว่าป้าสร้อยป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ ก็สายเกินกว่าที่จะรักษาไปแล้ว ระยะสุดท้าย...หมอก็บอกได้เพียงให้เตรียมใจในชาติก่อน เธอวุ่นวายอยู่กับงานจนไม่มีเวลาแม้แต่จะหันมามองคนใกล้ตัวด้วยงานที่หนักและวุ่นวาย จนเวลาทั้งหมดทุ่มเทให้กับการทำงาน คะนึงนิจผลักภาระการดูแลลูกให้ป้าสร้อยแทบทั้งหมด โดยไม่รู้เลยว่าคนที่เธอรักมากที่สุด...กำลังเจ็บป่วยอยู่เงียบ ๆและในชาตินี้ เธอกลับกำลังทำสิ่งเดิมซ้ำอีกครั้งความรู้สึกผิดแล่นวูบขึ้นในใจ คะนึงนิจเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนเอ่ยด้วยเสียง

  • โอกาสรักคืนใจ   บทที่ 11

    ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา จันทร์รวีเริ่มเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของภูวินทร์อย่างเงียบ ๆเธอศึกษาทุกอย่าง ตั้งแต่เวลาที่เขาเข้าหรือออกจากสำนักงาน ช่วงที่เขาออกไปประชุม หรือแม้กระทั่งนิสัยส่วนตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มณีรัตน์ เลขาฯ หน้าห้องมักเผลอหลุดปากเล่าให้ฟังระหว่างพักกลางวัน“คุณภูเป็นคนตรงเวลาเป๊ะเลยค่ะ ขนาดประชุมที่ว่าด่วนแค่ไหน ก็ไม่เคยให้ลูกน้องรอนาน” มณีรัตน์เคยพูดอย่างชื่นชมจันทร์รวีเพียงยิ้มบาง “แหม ผู้ชายแบบนี้สิคะ ที่น่าชื่นชม”ในขณะที่มือเรียวกำลังถือแก้วกาแฟ เธอแอบสังเกตสายตาของเลขาฯ สาวที่พูดถึงเจ้านายด้วยน้ำเสียงชื่นชอบเกินกว่าความเคารพตามหน้าที่มณีรัตน์เองก็คงชอบเขาอยู่สินะ...แต่เธอไม่ทันฉันหรอก จันทร์รวีคิดพลางยกแก้วจิบเบา ๆเธอเริ่มวางแผนอย่างเป็นขั้นตอนเริ่มจากการปรากฏตัว “โดยบังเอิญ” ตามจุดต่าง ๆ ที่เขาผ่าน เช่น ล็อบบี้บริษัท ห้องอาหารชั้นล่าง หรือแม้แต่ลิฟต์โดยสารที่เธอคำนวณเวลาไว้ล่วงหน้าเขาแทบไม่มองเธอเลย แต่เธอก็ไม่เร่งรีบ จันทร์รวีรู้ดีว่า ผู้ชายอย่างเขา...ต้องการเวลาและช่องว่างที่พอดีให้ความสนใจค่อย ๆ เติบโตจนกระทั่งวันหนึ่ง ระหว่างที่ภูวินทร์กำลังรอรถอยู่หน้าตึก เ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status