สองหนุ่มสาวยังคงนอนอิงแอบกันอยู่บนเตียงในสภาพเปลือยเปล่า โดยที่หญิงสาวนั้นห่มผ้าไว้อย่างมิดชิดจนโผล่มาแค่ศีรษะ ขณะที่ชายหนุ่มห่มแค่ส่วนล่างของร่างกายไว้อย่างหมิ่นเหม่ แขนข้างหนึ่งโอบกอดร่างที่ห่อผ้าราวกับดักแด้ไว้ไม่ยอมปล่อย มือก็คอยลูบศีรษะและสางผมของคนในอ้อมกอดอย่างทะนุถนอม
“ไม่ร้อนรึไง คลายออกบ้างก็ได้” นฤบดินทร์พูดกลั้วหัวเราะ เอ็นดูคนขี้อายทั้งที่เขาเห็นร่างกายของเธอไปทุกตารางนิ้วแล้วแท้ ๆ
“ห่มไว้แหละดีแล้ว เอาออกเดี๋ยวพี่ก็หื่นใส่พราวอีก นิสัยไม่ดี ไหนบอกจะพาไปเที่ยว” พราวนภายู่หน้าใส่เขา
“ก็พาไปตั้งหลายรอบแล้วไง หรืออยากไปอีก” ชายหนุ่มยื่นหน้าไปจูบหน้าผากคนหน้าแดง
ที่เขาพูดไปนั้นไม่ผิด เพราะนฤบดินทร์รั้งหญิงสาวให้อยู่ในห้องนี้ร่วมสามชั่วโมงแล้ว และเขาก็ส่งเธอขึ้นสวรรค์ไปหลายรอบ ส่วนเขาเองก็ป้อนน้ำให้เธอไปหลายแก้ว แต่ไม่ว่าจะป้อนให้เธอเท่าไร เขาก็รู้สึกว่าไม่พออยู่ดี เขาอยากได้มากกว่านั้น อยากร่วมรักกับเธอแบบจริงจัง ไม่ใช่การร่วมรักกันแค่ภายนอก แต่ในเมื่อพราวนภาบอกไม่พร้อม เขาก็ไม่เซ้าซี้เอาแต่ได้
สองหนุ่มสาวยังคงนอนอิงแอบกันอยู่บนเตียงในสภาพเปลือยเปล่า โดยที่หญิงสาวนั้นห่มผ้าไว้อย่างมิดชิดจนโผล่มาแค่ศีรษะ ขณะที่ชายหนุ่มห่มแค่ส่วนล่างของร่างกายไว้อย่างหมิ่นเหม่ แขนข้างหนึ่งโอบกอดร่างที่ห่อผ้าราวกับดักแด้ไว้ไม่ยอมปล่อย มือก็คอยลูบศีรษะและสางผมของคนในอ้อมกอดอย่างทะนุถนอม“ไม่ร้อนรึไง คลายออกบ้างก็ได้” นฤบดินทร์พูดกลั้วหัวเราะ เอ็นดูคนขี้อายทั้งที่เขาเห็นร่างกายของเธอไปทุกตารางนิ้วแล้วแท้ ๆ“ห่มไว้แหละดีแล้ว เอาออกเดี๋ยวพี่ก็หื่นใส่พราวอีก นิสัยไม่ดี ไหนบอกจะพาไปเที่ยว” พราวนภายู่หน้าใส่เขา“ก็พาไปตั้งหลายรอบแล้วไง หรืออยากไปอีก” ชายหนุ่มยื่นหน้าไปจูบหน้าผากคนหน้าแดงที่เขาพูดไปนั้นไม่ผิด เพราะนฤบดินทร์รั้งหญิงสาวให้อยู่ในห้องนี้ร่วมสามชั่วโมงแล้ว และเขาก็ส่งเธอขึ้นสวรรค์ไปหลายรอบ ส่วนเขาเองก็ป้อนน้ำให้เธอไปหลายแก้ว แต่ไม่ว่าจะป้อนให้เธอเท่าไร เขาก็รู้สึกว่าไม่พออยู่ดี เขาอยากได้มากกว่านั้น อยากร่วมรักกับเธอแบบจริงจัง ไม่ใช่การร่วมรักกันแค่ภายนอก แต่ในเมื่อพราวนภาบอกไม่พร้อม เขาก็ไม่เซ้าซี้เอาแต่ได้
ชายหนุ่มผละจากริมฝีปากอิ่มก็ย้ายไปจูบแก้มทั้งสองข้าง เรื่อยไปจนถึงกกหูและซอกคอ ลมหายใจอุ่นร้อนของเขาเป่ารินรดอยู่บริเวณนั้นจนหญิงสาวเผลอครางออกมาแผ่วเบาด้วยความหวามไหว ส่งผลให้นฤบดินทร์ยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจที่รู้จุดอ่อนของเธอเข้าแล้วความเย็นจากเครื่องปรับอากาศทำให้พราวนภาเพิ่งรู้ตัวว่าบัดนี้กระดุมเสื้อของตนถูกคนบนร่างปลดออกไปแล้วทั้งแถบ ความสับสนหวาดหวั่นถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นเริ่มเข้ามาในจิตใจ แต่สุดท้ายก็ถูกชายหนุ่มตีกระเจิงไปด้วยจุมพิตเร่าร้อนอีกครั้ง ก่อนจะสะดุ้งขึ้นเล็กน้อยเมื่อมืออุ่น ๆ ของเขาเข้ากอบกุมทรวงสล้างพลางหยอกเย้าปลายยอดของมันอย่างแผ่วเบา ตามมาด้วยความอุ่นชื้นเข้ามาแทนที่นิ้วมือร้ายกาจของเขาหญิงสาวพยายามเม้มปากกลั้นเสียงครางของตนไว้อย่างเต็มที่ยามที่ถูกปลายลิ้นปัดป่ายที่ปลายยอด อยากผลักเขาออกไปเพราะยามนี้ตนทั้งเขินทั้งอายที่ถูกลอกคราบชั้นบนออกจนไม่เหลือ แต่เพราะความอ่อนประสบการณ์ เรี่ยวแรงที่มีจึงน้อยนิด ทำได้เพียงกอดบ่าของเขาไว้และส่งเสียงครางผะแผ่วอย่างลืมตัวแต่พอชายหนุ่มจับขอบกางเกงและพยายามจะลอกคราบชิ้นล่าง พราวนภาจึงลืมตาขึ้นด้วยควา
คล้อยหลังชายหนุ่มแล้ว พราวนภาจึงลุกขึ้นไปลากกระเป๋าเดินทางของตัวเองมาเปิดบนเตียงแล้วหยิบชุดใหม่ออกมา จากนั้นก็บอกกับมัลลิกาว่า“หนูขออาบน้ำก่อนนะคะคุณแม่ ไม่ได้อาบมาหนึ่งวันเต็ม ๆ แน่ะ รู้สึกแปลก ๆ ยังไงก็ไม่รู้” เมื่อเห็นท่านพยักหน้ารับแล้วปิดเปลือกตาลง เธอจึงหอบเสื้อผ้าเข้าไปในห้องน้ำ ยอมรับว่าตอนที่ถูกนฤบดินทร์ทั้งกอดทั้งหอมนั้น เธอกลัวว่าตัวเองจะมีกลิ่นไม่พึงประสงค์จึงรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรนัก ฉะนั้นจึงขอทำตัวเองให้สะอาดไว้ก่อนดีกว่า อย่างน้อยก็มั่นใจว่าตนอาบน้ำสระผมแล้วนฤบดินทร์เดินออกจากห้องพักของบิดามารดาแต่ไม่ได้กลับเข้าไปในห้องพักของพราวนภากับพี่สาว ชายหนุ่มลงลิฟต์ไปชั้นล่าง จากนั้นก็แจ้งกับพนักงานตรงเคาน์เตอร์ว่า“ขอเปิดห้องพักอีกห้องครับ ขอฝั่งวอเตอร์ฟรอนต์นะ”ชายหนุ่มยิ้มบาง ๆ อย่างอารมณ์ดี เขาไม่ได้เปิดห้องพักให้ใครที่ไหน แต่เปิดให้ตัวเองต่างหาก งานวันเกิดอะไรนั่นก็เป็นเรื่องจริง แต่ไม่ใช่วันเกิดของเพื่อน เป็นวันเกิดย้อนหลังของเขา ส่วนสถานที่นั้นไม่ใช่ร้านอาหารกึ่งผับอย่างที่บอกพี่สาวไป แต่เป็นห้องพัก
อยู่ดี ๆ ก็จะมีเงินเข้ากระเป๋ามาก้อนใหญ่ เขาจึงอดหัวเราะเบา ๆ อย่างอารมณ์ดีไม่ได้ แม้จะรู้ว่าอีกนานกว่าจะได้เงินก้อนนี้เพราะฝ่ายนั้นคงยื้อเรื่องไว้เต็มกำลัง แต่เขาก็ยังยืนยันคำเดิมว่าจะไม่ยอมอ่อนข้อให้เด็ดขาดเขานั่งเล่นอยู่สักพักก็ได้ยินเสียงประกาศว่าเที่ยวบินที่ครอบครัวของเขานั่งมานั้นได้ลงจอดเรียบร้อยแล้ว แต่ชายหนุ่มก็ไม่รีบร้อนเดินไปรอรับเพราะรู้ว่ากว่าจะได้ลงจากเครื่อง กว่าจะได้รับกระเป๋าสัมภาระก็เสียเวลาไปอีกพักใหญ่ เขาจึงได้แต่นั่งมองผู้คนขวักไขว่ไปมา หากแต่สมองกลับคิดถึงหญิงสาวที่เขาไม่ได้ยินเสียงมาสองวันเต็ม ๆ แล้วถ้าตอนนี้พราวนภามาอยู่ตรงหน้าเขาละก็ เขาจะกอดเธอแน่น ๆ ให้หายคิดถึงเลย...ทว่าเขาก็ได้แค่คิด เพราะความเป็นจริง เวลานี้เธอคงกำลังนั่งเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยขณะที่นฤบดินทร์นั่งก้มหน้าเล่นโทรศัพท์อยู่นั้น เบื้องหน้าของเขาก็มีร่างของใครคนหนึ่งมายืนอยู่ใกล้ ๆ เขายิ้มอ่อนเพราะคงเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากมัลลิกา พี่สาวของเขาเองทว่าพอเขาเงยหน้าขึ้นมอง รอยยิ้มก็ต้องแข็งค้างไปทันที ดวงตาทั้งสองข้างมองคนตรงหน้าแทบไม่กะพริบ ก่อนจะมองเลยไปด้านหลังข
หลายวันต่อมา ทนายความที่โรเบิร์ตติดต่อให้นฤบดินทร์ก็ทำงานได้รวดเร็วเกินคาดเพราะทั้งแจ็กสัน บอนด์และสำนักข่าวเอ็มเอสเดลีถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินถึงสองแสนเหรียญ ส่วนมือดีที่แค็ปหน้าเฟซบุ๊กของนฤบดินทร์ไปโพสต์ในเพจดังของทางเมืองไทยจนทัวร์ลงกระหน่ำนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นกรรณิการ์หรือกิฟต์นั่นเอง ซึ่งชายหนุ่มได้ทำการแค็ปหน้าจอเอาไว้ทั้งหมดแล้ว และเล่นงานคนที่อยู่อเมริกาก่อนโดยเฉพาะกรรณิการ์ส่วนทางไทยนั้นเขาส่งให้มัลลิกา ผู้เป็นพี่สาวช่วยติดต่อทนายในการเดินเรื่องฟ้องร้องเกรียนคีย์บอร์ดที่เป็นตัวตั้งตัวตีทั้งหลาย แต่มัลลิกาส่งเรื่องให้ฝ่ายกฎหมายของเอเอ็นเอสช่วยจัดการให้“หมายความว่ายังไงเนี่ยกิฟต์ ตกลงไอ้เลวนั่นมันคบกับแอนรึเปล่า”มารดาของอันธิกาเค้นถามกิฟต์ทั้งน้ำตา เพราะก่อนมาเรียนบอสตัน บุตรสาวของตนเคยพูดเป็นนัย ๆ ว่ากำลังดูใจกันอยู่กับนฤบดินทร์ แต่ตนก็แปลกใจตั้งแต่ตอนไปส่งบุตรสาวที่สนามบินแล้วเพราะทางฝ่ายชายไม่มีการมาไหว้บิดามารดาของฝ่ายหญิงเพื่อทำความรู้จักและฝากเนื้อฝากตัวอย่างคนที่กำลังคบหากันเลย มีแต่อันธิกาที่อุตส่
“แล้วนายจะทำยังไงกับนักข่าวนั่น” โอเวนถามถึงแจ็กสัน นฤบดินทร์จึงแค่นยิ้มร้ายกาจก่อนพูดว่า“พวกนายมีใครที่รู้จักทนายความเก่ง ๆ บ้างไหม” เมื่อเขาพูดจบ ดีแลนก็เบิกตากว้างแล้วชี้มาทางเขา“นายจะเล่นงานหมอนั่น? หรือว่าเอ็มเอสเดลีด้วย”นฤบดินทร์ยักไหล่ “แน่นอนว่าฉันจะเล่นทั้งคู่ ทำไงได้ ฉันเป็นผู้เสียหายและเสียชื่อเสียง ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ฉันก็ควรหาเงินเข้ากระเป๋าสักหน่อยไม่ดีกว่าหรือเพื่อน”เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้มัลลิกาลงจากตักของภาวินแล้วนั่งบนเก้าอี้อีกตัวก่อนจะตะโกนอนุญาตคนที่ยืนหน้าห้องให้เข้ามาได้พราวนภายืนบีบมือเข้าหากันพลางบิดไปมาเล็กน้อย สีหน้าและแววตาที่มองบิดามีแต่ความเว้าวอนอ้อนขอจนคนมองอย่างมัลลิกายังใจอ่อนยวบ แล้วผู้เป็นบิดาที่รักบุตรสาวปานแก้วตาดวงใจจะใจแข็งไหวหรือ“หนูขอร้องค่ะคุณพ่อ ให้หนูไปนะคะ” พราวนภาอ้อนวอนบิดาเสียงสั่น ภาวินมองแล้วได้แต่ถอนหายใจแผ่วพลางหลับตาลงอย่างครุ่นคิด จนกระทั่งรับรู้ได้ถึงแรงบีบเบา ๆ บน