Beranda / โรแมนติก / โอบฟ้ามาห่มดิน / บทที่ 6 ถึงเวลาห่างไกล - 25%

Share

บทที่ 6 ถึงเวลาห่างไกล - 25%

last update Terakhir Diperbarui: 2025-05-31 13:06:46

ผู้หญิง...

พราวนภารู้สึกว่าหัวใจวูบโหวงขึ้นมาทันที ความอยากอาหารก็หมดไปด้วยจึงได้แต่เขี่ยข้าวในจานไปมา เธออยากฝืนยิ้มแล้วคุยกับนฤบดินทร์ให้เป็นปกติแต่กลับไม่สามารถทำได้ กว่าจะรู้ตัวก็ได้ยินเสียงตัวเองถามออกไปแล้ว

“แฟนพี่ดินหรือ” ครั้นพอหลุดปากออกไปหญิงสาวก็เม้มปากแน่น พลางหลุบตาลงมองจานข้าวตัวเอง

“เพื่อนที่คณะ บ้านเขาทำธุรกิจเกี่ยวกับพวกศึกษาต่อต่างประเทศน่ะ ก็เลยให้เขาช่วยจัดการเดินเรื่องให้ บังเอิญว่าเขาจะไปเรียนในมหา’ลัยที่น้าเรียนเหมือนกัน เขาก็เลยแนะนำให้ไปพร้อมเขาเลยเพราะเขาจัดการเรื่องพวกนี้ได้คล่องแคล่วอยู่แล้ว” เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่งเพื่อยกน้ำขึ้นดื่มก่อนจะพูดต่อ

“ถ้าพราวจบม.หกแล้วอยากไปเรียนภาษาระยะสั้นสักสามสี่เดือนก็ติดต่อเขาได้นะ”

พราวนภาฟังเขาพูดจบก็ยิ้มออกมาได้บ้างเล็กน้อย ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า หญิงสาวรู้สึกว่าชายหนุ่มไม่อยากให้เธอเก็บเรื่องนี้ไปคิดมากเพราะไม่บ่อยนักที่คนอย่างนฤบดินทร์จะอธิบายอะไรยืดยาวให้ฟังอย่างนี้

“แล้ว...” เธออยากถามต่อแต่ก็กลัวว่าจะเป

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terbaru

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 11 คนเลว - 50%

    อันธิกาหันมองตามแล้วก็อดตกใจไม่ได้เพราะไม่แน่ใจว่าเมื่อครู่ตอนที่ตนเปลือยอกอยู่นั้น ผู้ชายต่างชาติคนนี้จะเห็นหรือเปล่า แต่พอเห็นรอยยิ้มกรุ้มกริ่มของผู้ชายคนนั้นแล้วเธอจึงคิดว่าควรรีบไปจากที่นี่ดีกว่า เพราะดูไปแล้วคนกลุ่มนี้น่าจะเป็นพวกเดียวกับนฤบดินทร์ ถึงได้ช่วยเหลือกันดีอย่างนี้“อีกะหรี่! ฝากไว้ก่อนเถอะ” อันธิกาด่าสองสาวด้วยภาษาไทยก่อนจะผลุนผลันเดินจากไปโดยไม่เหลียวหลัง ทิ้งให้หญิงสาวทั้งสองคนได้แต่มองหน้ากันด้วยความสงสัยครั้นพออันธิกาจากไปแล้ว ประตูห้องของนฤบดินทร์จึงเปิดออก เขามองสองสาวกับหนึ่งหนุ่มด้วยรอยยิ้มพร้อมกับพูดว่า “ขอบคุณมาก”หลังจากที่นฤบดินทร์ลากอันธิกาออกไปจากห้องแล้วเขาก็โทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือจากสองสาวเกาหลีใต้ทันที ด้วยความที่รู้จักและสนิทสนมกันในระดับหนึ่งเพราะเป็นเพื่อนบ้านกันมาร่วมสามเดือน ทั้งคู่จึงยินดีช่วยเป็นอย่างยิ่ง และโชคดีที่อดัมส์ หนุ่มไอริชที่อยู่ห้องเยื้องไปเปิดประตูออกมาเห็นพอดี สองสาวจึงให้เขาช่วยไหลตามน้ำไป“พวกเราต้องคิดถึงเธอแน่เลย” หนึ่งในสองสาวเดินเข้ามาสวมกอดนฤบดินทร์อย่างสน

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 11 คนเลว - 25%

    นฤบดินทร์เก็บของส่วนตัวและของใช้ที่จำเป็นใส่กระเป๋าเดินทางอีกใบที่เพิ่งซื้อมาใหม่ วันนี้เขาต้องย้ายไปอยู่อพาร์ตเมนต์เดียวกับชลณิชา เพราะเอกสารสัญญาที่ทำเอาไว้กับที่นี่นั้นวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วเขาได้ยินเสียงเคาะประตูจึงเดินไปเปิดเพราะคิดว่าเป็นสองสาวเกาหลีใต้ที่อยู่ห้องติดกัน ทว่าพอเปิดออกดู คนที่ยืนอยู่หน้าห้องกลับเป็นอันธิกา“อ้าว มีอะไรรึเปล่า” เขาถามแต่ไม่ชวนหญิงสาวเข้าไปในห้องเพราะรู้สึกว่าพักหลังมานี้อันธิกาดูแปลกไป เธอดูเคร่งเครียดและเก็บกดอย่างบอกไม่ถูก“ขอเข้าไปคุยในห้องดินได้ไหม ยืนคุยตรงนี้คงไม่สะดวก” เธอมองเขานิ่ง สีหน้าไม่ยิ้มแย้มอย่างเคย นฤบดินทร์จึงเบี่ยงตัวเพื่อเปิดทางให้หญิงสาวเข้ามาในห้อง เมื่อเธอเดินเข้ามาแล้วชายหนุ่มจึงเปิดประตูทิ้งไว้อย่างนั้นอันธิกามองข้าวของที่วางอยู่บนพื้นแล้วเดินไปนั่งบนเก้าอี้ของโต๊ะเขียนหนังสือ นฤบดินทร์จึงทรุดตัวนั่งกับพื้นแล้วจัดของลงกระเป๋าต่อ“ตกลงเธอมีเรื่องอะไรหรือถึงมาหาเราที่นี่” ชายหนุ่มถามอีกครั้งเพราะอีกฝ่ายยังไม่ยอมบอกจุดประสงค์ที่มาหาเข

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 10 ปีสุดท้าย - 100%

    “ดีแล้ว เห็นด้วยนะ” เขาสนับสนุนเต็มที่หากพราวนภาจะทำงานในบริษัทของบิดา เพราะตั้งแต่เธอเป็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ เขาก็เห็นเธอคลุกคลีอยู่กับเครื่องสำอางจนสามารถแยกสีลิปสติกหรืออายแชโดว์ที่มีสีใกล้เคียงกันได้“แล้วนี่พี่ดินอยู่ที่ไหนเนี่ย” เมื่อได้ยินเธอถามมา เขาจึงเปลี่ยนโหมดโทรศัพท์ไปใช้กล้องหลังแล้วแพนกล้องช้า ๆ เพื่อให้หญิงสาวเห็นสวนสาธารณะที่เขานั่งอยู่“ที่นี่คือสวนสาธารณะบอสตัน วันนี้ตื่นเช้าก็เลยมาวิ่งสักหน่อย มาอยู่หลายวันแล้วยังไม่ได้ออกกำลังกายเลย”“โห กว้างเนอะ ถ้าเทียบกับสวมลุมบ้านเรา ที่ไหนใหญ่กว่าหรือ” คำถามของเธอทำเอาเขาได้แต่ยิ้ม“ไม่รู้สิ ไม่เคยไปวิ่งสวนลุมสักที” นฤบดินทร์ให้หญิงสาวดูสถานที่โดยรวมจนพอใจแล้วจึงเปลี่ยนโหมดโทรศัพท์มาใช้กล้องหน้าตามเดิม“ถ้าจำไม่ผิด เดือนมีนาปีหน้าพราวต้องสอบ GAT PAT ใช่ไหม” เขาเห็นเธอพยักหน้าให้แทนคำตอบจึงพูดต่อ“ถ้าสอบเสร็จทำอะไรเสร็จหมดทุกอย่างแล้วมาเที่ยวบอสตันไหม ซื้อตั๋วขามาอย่างเดียวก็พอ ค่ากินอยู่ก็ไม่ต้องซีเรียสเลย

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 10 ปีสุดท้าย - 75%

    “ถ้าคุณแม่ไม่พูดป่าวประกาศออกไปก็ไม่มีใครรู้หรอกค่ะ” ปวันรัตน์เถียงมารดากลับไปอย่างเหนื่อยหน่าย“ฉันน่ะไม่มีทางพูดแน่เรื่องเสื่อมเสียแบบนี้รู้ถึงไหนอายถึงนั่น แกทำให้ฉันผิดหวังมากนะ ฉันอุตส่าห์เลี้ยงแกมาอย่างดี เงินทองอยากได้เท่าไรก็ไม่เคยเกี่ยงขอแค่เป็นเด็กดีและเชื่อฟัง โตขึ้นจะได้ทำงานที่มีเกียรติและหาสามีดี ๆ ให้เป็นที่เชิดหน้าชูตา แล้วนี่อะไร แกตอบแทนฉันแบบนี้หรือ”“หนูก็เป็นเด็กดีให้คุณแม่แล้วไงคะ หนูไม่ชอบวิทย์คณิต อยากเรียนศิลป์ภาษาเพราะอยากเป็นแอร์ คุณแม่ก็บังคับให้หนูเรียนสายวิทย์ และบอกให้หนูสอบเข้าคณะแพทย์ คุณแม่ให้หนูเรียนพิเศษทั้งเสาร์อาทิตย์ สารพัดวิชาที่คุณแม่อัดมาให้หนูก็เรียนตามที่คุณแม่บอก หนึ่งอาทิตย์มีเจ็ดวันหนูต้องเรียนซ้ำ ๆ ซาก ๆ กับสิ่งที่หนูไม่ชอบทั้งเจ็ดวันก็เพราะไม่อยากขัดใจคุณแม่ แต่คุณแม่เคยถามหนูบ้างไหมว่าเหนื่อยรึเปล่า เครียดไหม เรียนหนักเกินไปไหม อยากพักผ่อนบ้างรึเปล่า...ไม่เลย คุณแม่ไม่เคยถามหนูสักครั้ง คุณแม่เอาแต่พูดว่าสอบเทอมนี้เกรดห้ามต่ำกว่าสามจุดห้า ถ้าต่ำกว่านี้หนูจะโดนตัดเงินเดือน และต้องเรียนเสริมเพ

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 10 ปีสุดท้าย - 50%

    “เออว่ะ หายไปทั้งคู่เลย ไปห้องน้ำมั้ง” ภัทรวีนึกอยากส่งข้อความไปหาเพื่อนทั้งสองคนแต่ติดที่กฎของโรงเรียนห้ามใช้โทรศัพท์ในเวลาเรียน จึงได้แต่นั่งรอพลางมองไปที่ประตูห้องเป็นระยะ“จะเช็กชื่อแล้วด้วยว่ะ สองคนนั้นยังไม่มาอีก” มนัสนันท์มองไปทางหน้าห้องด้วยความหวาดหวั่นเพราะอาจารย์ที่ปรึกษากำลังไล่เช็กชื่อนักเรียนตามเลขที่ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงเลขที่ของปวันรัตน์“ปวันรัตน์” อาจารย์โฉมสุดามองไปรอบห้องแต่ไม่เห็นมีคนยกมือขานรับจึงถามขึ้น “ขาดเรียนหรือ”“ตอนเข้าแถวยังเห็นอยู่นะคะอาจารย์ น่าจะไปเข้าห้องน้ำค่ะ” เพื่อนในห้องคนหนึ่งเป็นฝ่ายตอบ ภัทรวีกับมนัสนันท์จึงมองหน้ากันด้วยความโล่งอกขณะเดียวกัน พราวนภาที่ยืนเล่นโทรศัพท์อยู่หน้ากระจกบานใหญ่ในห้องน้ำก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเมื่อได้ยินเสียงครางแผ่วปนสะอื้นดังมาจากห้องที่ปวันรัตน์เข้าไปใช้ หญิงสาวจึงเดินไปยืนหน้าห้องนั้นแล้วถามเบา ๆ“เปิ้ล แกเป็นอะไรรึเปล่า” ถามออกไปแล้วก็ต้องสงสัยมากกว่าเดิมเมื่อเสียงของเพื่อนที่ได้ยินผ่านประตูออกมานั้นราวก

  • โอบฟ้ามาห่มดิน   บทที่ 10 ปีสุดท้าย - 25%

    นฤบดินทร์ได้ยินคำถามก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยก่อนจะตอบสั้น ๆ แต่ชัดถ้อยชัดคำ “มีแล้ว”“ก็ว่างั้นแหละ อย่างแกนี่ไม่น่าโสด” ชลณิชาพูดกลั้วหัวเราะ เธอจำได้ดีว่าตอนเรียนมัธยมปลายด้วยกันมาสามปีเต็มนั้น นฤบดินทร์ฮอตมากแค่ไหน เทศกาลสำคัญโดยเฉพาะวันวาเลนไทน์ เขามักได้ของขวัญหรือขนมดี ๆ มาเพียบ ซึ่งแน่นอนว่าพวกเธอที่เป็นเพื่อนสนิทนั้นก็พลอยได้อานิสงส์ไปด้วย“รุ่นเดียวกันรึเปล่า แล้วเขาเรียนเมืองไทยหรือ ทำไมไม่มาเรียนที่นี่ด้วยกันล่ะ” หญิงสาวถามต่อ แต่ชายหนุ่มเหลือบตามองคนถามพลางยิ้มอ่อน“แกนี่มันช่างซักช่างถามเหมือนเดิมเลยนะมิ้นต์” เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดรูปที่บันทึกไว้ในนั้นแล้วส่งให้เพื่อนดูบ้าง พร้อมกับพูดต่ออีกว่า“รุ่นน้อง ยังเรียนไม่จบก็เลยยังมาไม่ได้”ชลณิชาได้ยินคำตอบห้วน ๆ สั้น ๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของอีกฝ่ายจึงส่งค้อนให้ด้วยความหมั่นไส้“แกก็ถามคำตอบคำเหมือนเดิมนั่นแหละวะ แหม...แล้วมาบอกว่าฉันช่างถาม ก็ฟังแกตอบเข้าสิ แทนที่จะบอกมาให้ครบเลยว่าเรียนปีอะไรแล้ว อยู่ม

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status