มยุรีพยักหน้ารับ
“โอย...นอกจากจะเป็นแม่นางฟ้านรก ยังเป็นแม่ใจร้ายด้วย นายต้าร์นั่นรู้ไหม...”
มยุรีส่ายหน้าไปมา
“ไม่มีใครบอกเขาหรือ”
“ทุกอย่างเป็นความลับ น้าดำรงมียัยเอ๋ อัจฉรา ที่อุ้มท้องมาให้น้าดำรงรับเป็นพ่อ แล้วมารับนายต้าร์นี่เป็นลูกตอบแทน...ปิดบังฐานะแม่แท้จริงไว้”
เอกนรีตาลอยๆ ลำดับเรื่องราว ก่อนจะออกปากว่า
“ทั้งลุงฉัน และยัยป้านั่นเป็นคนที่ใช้ไม่ได้เลยนะ คนนึงก็ไม่เอาลูกตัวเอง อีกคนก็ยังทำให้ยัยป้าใจดำไม่รับลูกมาดูแล...คนอะไร..กี่ปีแล้ว พูดก็พูดนะ ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องลูกของยัยเอื้อยฟ้าเลย...นางทำเหมือนไม่เคยเป็นแม่คน หรือเพราะนางเป็นแม่ใครไม่ได้”
เป็นคำสบประมาท หมิ่นแคลนรุนแรงนัก
“ฉันจะเจอนายต้าร์นั่นได้อย่างไร”
“เขาจะมาร้องเพลงเปิดตัวห้องอาหารที่นี่ คืนนี้แหละที่โรงแรมนี้...ห้องอาหารอิสานเปิดใหม่...ได้ยินมาว่าอาหารอร่อยล้ำนัก...หากชอบส้มตำ...ลาบก้อย...อะไรพวกนี้นะ”
และเป็นการพบกันโดยที่เอกนรีบอกว่า
“ไม่ต้องแนะนำฉันนะ ขอดูอยู่ห่างๆ”
เธอบอกเช่นนั้น มยุรีทำตาม...ถึงเวลา ที่ห้องอาหารที่เปิดใหม่ เอกนรีได้โต๊ะด้านข้างเวทีแต่อยู่ด้านหน้าจะมองบนเวทีได้ชัด แถมยังมีมุมเล็กๆ ที่จะหลบหน้าได้ด้วย เธอนั่งอยู่กับมยุรีตราบจนเห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามา...มยุรีบอกเธอว่า
“ลูกน้าเอ๋ที่น้าดำรงรับเป็นพ่อ พี่นายต้าร์ แต่นายต้าร์ไม่รู้เรื่องนี้นะ”
เธอมองดูผู้ชายคนนั้น จับต้นชนปลายได้ว่าเขาน่าจะเป็นลูกไม่มีพ่อที่เพื่อนบอก....
หน้าตาดี ผิวขาว ดูเหมือนมีออร่า...
ผู้ชายอะไร เห็นผิวสวย ในฐานะที่อยู่กับเครื่องปรุงแต่งความงาม เธอรู้เลยว่าผิวนั้นจะต้องมีพื้นผิวที่ดีและมีการดูแล...หรืออาจจะไม่ได้ดูแลเพิ่ม
ตามวัย...น่าจะวัยเดียวกับเธอ...กับมยุรีไม่น่าจะต่างกันมากนัก
มยุรีขยับตัวลุกไปหา ชั่วแวบเขาหันมามองเธอ...มองหน้ากัน และเมื่อมยุรีไปถึงตัวเขา...เห็นเขาจ้องมา...
โดยที่เธอไม่ได้ยินคำบอกเบาๆ ของเพื่อนกับเขา
“เพื่อนเราเอง ชื่อเอกนรี”
คงจะผ่านไป หากว่ามยุรีไม่ได้เอ่ยต่อ
“หลานของเอื้อยฟ้า หลานทางลุง...เพราะลุงเป็นผัวเอื้อยฟ้า”
เดชชนะมองไปอีกครั้ง หญิงสาววัยเดียวกับเขากำลังนั่งเท้าคาง...กับพื้นโต๊ะ.. สวมหมวกปีกไม่กว้างมากนัก ...
สีออกครีมๆ เช่นเดียวกับชุดกระโปรงออกสีครีม..ท่าทางเชื่อมั่นในตัวเองใส่หมวกมานั่งกินอาหารค่ำ
อาหารอิสานด้วย...ดูเป็นตัวของตัวเอง...
หลานของวิลลี่ ผู้ชายคนนั้น...คนที่พาเมียพ่อไปจากบ้าน
คนที่พา...ผู้หญิงคนนั้นไปจากเขา ตั้งแต่เขายังเป็นทารก แต่เขาก็ยังมองอย่างยุติธรรมว่าผู้ชายคนนั้นไม่ได้ทำผิดคนเดียว แต่ร่วมมือกัน
เธอนั่งเท้าคางมองมา มีรอยยิ้มโดยที่ปากไม่ได้แย้มออกจากกัน
รอยยิ้มนั้น...
ให้ตาย...เดชชนะบอกตัวเอง ราวกับถูกบาดด้วยแสงสว่างที่มากกว่าไฟที่ประดับในร้านนี้
แสงไฟส่องหน้าเธอ...ให้ดูสว่าง
แต่ยังแพ้รอยยิ้มนั่น...และเขาไม่รู้ว่ารอยยิ้มนั่นส่งความเห็นใจเพราะที่มยุรีได้บอกไว้
ลูกไม่มีพ่อ
เธอเห็นใจเขา
เดชชนะเอ่ยเบาๆ “หลานสาวผู้หญิงคนนั้น...”
“พวกเขาเกลียดกัน”
“อ่ะนะ”
“เพื่อนเราเกลียดเอื้อยฟ้ามาก”
“อย่างนั้นหรือ”
“เอื้อยฟ้าก็เกลียดนรีด้วย”
“อือ อาจจะพอสมกัน แต่ช่างเถิด...ต้าร์มาแล้วนะ แต่ไปอยู่บนห้องของเมญ่า ตะกี้เราไปตามแล้ว...ไม่ได้ผล...ยังนัวเนียกันอยู่” เหมือนหงุดหงิดเล็กน้อย
“อย่าบอกนะ...ว่าเพลงแรกนายจะขึ้นเวทีเสียเอง”
“ก็จนกว่าต้าร์จะลงมา...” เขาถอนใจเบาๆ “คราวนี้ไม่เมายา”
“แน่ใจหรือ อาจจะล่อทั้งยา ทั้งเซกส์”
เดชชนะส่ายหน้าไปมา “เราว่าเมญ่าคงไม่ได้เล่นยาด้วยหรอก...เอาอนาคตดีๆ มาทิ้งกับยาทำไม”
“แหม...เดช ไม่รู้จักยัยเมญ่าแล้วหรือไร”
มยุรีเอ่ยหัวเราะ “สวยรูปจูบหอมที่ไหน...มีแต่นายต้าร์แหละที่หัวปักหัวปำกินกันอยู่น่ะ แต่พูดไปนะ ก็สมกันดี ดอกไม้พลาสติกกับแจกันไม้ไผ่”
“เดี๋ยวเราขึ้นเวทีก่อนต้าร์มา...”
“มีเพลงหรือยัง...”
“เราจะร้องเพลงของพ่อ...ที่ไม่มีใครเคยได้ยิน...”
“เพลงอะไร”
“หัวใจซ่อนชู้”
“อ่ะ...”
“เราค้นเจอจากสมุดของพ่อ...ว่าจะเอาให้ต้าร์ลงแผ่นคราวหน้า”
“แปลว่าต้าร์ยังไม่ได้ร้อง”“ยัง...ไม่มีเวลาให้เลยไงล่ะ...คืนนี้คงไม่ทัน เอาเพลงเก่าไปก่อน...”เขามองไปที่เอกนรีอีกหน ก่อนจะบอกกับมยุรีว่า“แนะนำให้เรารู้จักเพื่อนเธอได้ไหม ยุ”“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้...ไปตอนนี้เลย...” หล่อนคว้าข้อมือเขา “สักสองนาที...นรีเป็นคนเก่งนะ เก่งมากด้วย”“เก่งด้านไหน...สายเดียวกับเธอไหม”“ก็สายเดียวกัน แต่นรีไปทำบริษัทเล็กๆ แล้วก็เป็น ยูทูปเปอร์ เป็นที่ปรึกษาด้านความงาม...ด้านการทำคอนเท้น”“อือ หลายอย่างนะ”“ก็บอกแล้วไงว่ามีความสามารถ มากกว่านักการตลาดพื้นๆ แบบฉัน...” มยุรีปลื้มเพื่อน เดชชนะบอกตัวเอง ดูแสดงออกอย่างจริงใจยิ่ง“คนนี้ล่ะที่เราอยากเอามาช่วยทำวงคูนแคน”“หือ...ได้หรือ”เมื่อมาถึงโต๊ะ มยุรีก็เอ่ยแนะนำ“นรี...รู้จักญาติฉันหน่อย...เขาชื่อเดชชนะ ส่วนนี่เพื่อนเรานะ เดช ชื่อเอกนรี...”อายุน่าจะรุ่นเดียวกัน เธอมองแล้วยื่นมือมาจับ...เขาจับมือหล่อน มีอะไรบางอย่างวิ่งผ่านมือมาเธอนึกในใจว่า...ลูกไม่มีพ่อมีพลังที่ถ่ายทอดความอบอุ่นได้ด้วยวุ้ย...เพราะเธอรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ เธอมีครูที่สอนเรื่องพลังจากมือให้...เป็นความรู้ติดตัวเกี่ยวกับด้านโหราศาสตร์ลายมือด้วย ล
เหตุการณ์สงบลงได้เพราะทีมกฏหมายที่เป็นพ่อของมยุรีเข้ามาช่วยเคลียร์ให้...แน่นอนว่าทุกอย่างมีราคา...มยุรีหัวเสียมากกับเรื่องนี้ราวกับเกิดกับตัวเอง เอกนรีกำลังเก็บเสื้อผ้าเตรียมตัวกลับเข้ากรุงเทพฯ และเพื่อนมาหาเธอในห้องตอนสายวันต่อมา“ฉันว่ายัยเอื้อยฟ้าทำเกินไปละ เพลงของตัวที่ไหน”“ยัยนั่นทำได้ทุกอย่าง แต่เพิ่งมาจับหรือเปล่า...”“นั่นละ ที่ฉันกับพ่อสงสัย ก่อนหน้านี้ไม่เคยมาสนใจอะไร”“คงจะต้องมีแผนแน่ๆ...และคนที่มาออกหน้าจัดการก็อีตาลุงของฉันผ่านตัวแทน”เมื่อตอนบุกเข้าจับ เธอยังจำได้ ต้าร์เอะอะโวยวายจะไม่ยอม...แต่เดชชนะพาต้าร์ไปจากเวทีเสียก่อน ดูท่าทางเขาคุมสติได้ดีทีเดียว…“ถ้านายต้าร์เป็นลูกชายเอื้อยฟ้า ทำแบบนี้หมายความว่าไง รังแกลูกตัวเองไหม พวกเขาต้องการอะไร” มยุรีเอ่ยปากถาม“ฉันพอจะรู้อะไรบางอย่าง อยากรู้ไหม”“บอกมา”“พวกเขากำลังหาตัวนักร้องคนใหม่ไปเข้าสังกัด”“หานักร้อง แล้วเกี่ยวอะไรด้วย”“จะมาเอาตัวลูกคืนล่ะมั้ง”มยุรีนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ยเสียงรัวๆ “ความจริงจะเปิดเผยหรือไร”“รอดู แต่คนอย่างลุงฉันจับมือกับยัยเอื้อยฟ้า มีแต่นรกเปิด...ผู้คนจะเดือดร้อน พวกเขาทำในสิ่งที่ตัวเองต้อง
ใช่ ค่ำนี้เธอมีนัดกินข้าวกับอาทร...หลังจากเธอกับเขาไม่ได้กินข้าวหรือเจอกันมาเกือบสองเดือนอาทรมีงานแน่นมาก และเขามีเดินสายไปทั้งต่างประเทศและต่างจังหวัด ในงานของเขาเขาบ้างาน...เอกนรีเคยคิดว่าที่จะเป็นมารความรักของเธอกับเขาคือเรื่องนี้นี่เอง...และเธอก็ตกปากรับคำจะไปนั่งจิบกาแฟที่มาแลร์นาดูสักหน...และเมื่อมาถีงร้าน...วันนี้เธอเจอกับเจ้าของร้านด้วยตัวเองร้านน่าร้ก...เขาตอบแกมหัวเราะว่า“มาแลร์นา...มาแลนา ภาษาไทยเลยครับ มาดูนา...เห็นไหมครับนั่น”เขาชี้ให้ดู ท้องนาสีเขียว ข้าวกำลังเติบโต...“นี่...เดช ยัยนรีอาจจะเก่งทุกอย่าง แต่ฉันเชื่อว่าบางทีเค้าแยกหญ้ากับข้าวไม่ได้”ได้หัวเราะพร้อมกันทั้งสองคน เอกนรีมองค้อนเพื่อนและเอ่ยราวกับจะแก้ตัวว่า “ฉันแยกเป็นย่ะ...มีอยู่สองอย่างที่ฉันแยกไม่เคยได้ ยาสูบกับคะน้า...เผือกกับบอน”เดชชนะมองหน้าเธอ เขาเห็นสาวสวยคนหนึ่ง ที่แบกความเชื่อมั่นในตัวเองไว้เต็มที่...ท่าทางมั่นใจ...เมื่ออยู่ใกล้กับญาติของเขาที่เขาคุ้นชิน...มยุรีก็เป็นสาวมั่นคนหนึ่งแต่เขาคิดว่ามยุรีมีน้อยกว่าเอกนรีแน่นอนทั้งสวยทั้งมั่นใจ และยอมรับความจริง“ไม่แค่นั้นหรอก นรี” มยุรีค้าน “
“มาร้านกาแฟ แต่ไม่สั่งกาแฟ นรีเอ๊ย” มยุรีอ่อนใจ “เดชเลยไม่ได้เล่นบทบาริสต้า”“ไว้คราวหน้า วันนี้อยากเป็นนางเอก...สวยใสซื่อสะอาด...สาวสวย โสด...และสด”เดชชนะเลิกคิ้วเล็กน้อย “บอกผม?”“มั้ง” เอกนรีสบตาด้วย“ทุกอย่างมีเวย์ที่เหมาะควร สำหรับความรักเช่นกัน หากยังไปไม่ถึง...ก็อย่าไปเร่งรัด เร่งเร้าให้อารมณ์นำหน้า”เมื่อรถมารับเธอไปสนามบิน...เดชชนะถามกับมยุรีที่ไม่ได้ตามเพื่อนไปด้วยว่า“เพื่อนยุมีปมอะไร” นั่นคือความสงสัยอย่างแท้จริง “ทำไมถึงร้อนตัวอยากจะบอกว่ายังโสด ยังซิง ประมาณนั้น”“นรีไม่เคยแสดงตัวหรืออวดตัวแบบนี้มาก่อน เรายังสงสัยนะ เดช ว่าทำไม แคร์เดชมั้ง...”“แคร์? แคร์ทำไม”“นั่นสิ ก็สงสัย”เขากังขา...และไม่รู้ว่าเอกนรีก็ถามตัวเอง“ยัยบ้า ไปพูดออกตัวทำไม...แคร์หรือว่าเขาจะมองว่าเคยๆ กับผู้ชาย...แต่เราหากจะมี เราก็ไม่ควรแคร์ เพราะเราไม่เคยมีต่างหากเล่า”หลายหนที่เอกนรีอยากจะ “มี” แต่มีกฏกับตัวเองไว้ตั้งแต่แตกเนื้อสาว...เป็น “กรอบ” ที่ยึดมั่น และคำสัญญากับตัวเองก็แรงนัก แรงจนไม่กล้าฝ่าไปเธอเป็นคนรักษาสัญญาทุกอย่างที่ตัวเองให้สัจจะไว้มันคือความเป็นเธอก็พูดไปแล้ว จะเชื่อหร
เอกนรีไม่ได้กลับไปบ้านในค่ำคืนนี้ เธอมีคอนโดส่วนตัว...ราคาแพงสำหรับห้องขนาด 55 ตรม. และอยู่บนชั้นที่สิบของอาคารริมแม่น้ำ...มีโรงแรมถัดไป มีห้างสรรพสินค้าเล็กๆ และถนนที่เรียกว่าเป็นถนนกลางเมืองแต่เลาะไปตามแม่น้ำ...เธอกลับบ้านไม่ไหวในวันที่สติแตก...ช็อก...เสียใจ...ผิดหวังทุกอย่างที่เป็นลบถาโถมเข้ามา...หลังจากแยกกับอาทรแล้ว เมื่อครู่...คำบอกชัดเจน...เขาจะแต่งงานกับครูอนุบาล...เป็นไปได้อย่างไรกัน...ไม่เคยรู้อะไรมาก่อนเลย...จู่โจมเข้ามาจนทำให้ค่ำคืนนี้เหมือนนรกมาเยือนเธอไม่ได้กรีดร้องไม่ได้ตีอกชกหัวไม่ได้ร่ำไห้ไม่ได้ด่าทอไมได้ทำอะไรแม้แต่อย่างเดียว นอกจากเก็บการ์ดนั่นใส่กระเป๋า เอ่ยแสดงความยินดี และบอกว่าสิ่งที่เขาให้นั้นเป็นของหวาน มื้ออาหารจบ และเธอจ่ายค่าอาหารเพื่อเป็นการบอกว่าเธอแสดงความยินดีด้วยจำได้ว่าเมื่อเธอลุกมา...อาทรพยายามจะมาจับตัวเธอเพื่อ “ปรับความเข้าใจ”เพื่อ “อธิบายว่าทำไม”แต่เธอชัดเจน...เธอถูก ทิ้ง!!!เธอขีดเส้นใต้คำว่าถูกทิ้งด้วยเส้นสีแดงๆ สามเส้นด้วยกันเธอให้เขาปล่อยมือจากตัวเธอ...มือเขาจะแตะตัวเธอไม่ได้อีกต่อไปและเธอก็จากมา เขาตามโทร.อีกหลายหน
เธอร้องไห้เธอเสียใจเธอรู้สึกตัวเองต่ำต้อยดาหวัน...ครูอนุบาลผู้หญิงอายุแค่ 20 ไม่ถึง21เด็กน้อย...อาทรให้เธอดูรูป...ผู้หญิงหน้าจืดๆเด็ก...เธอย้ำคำนั้น...ห่างไกลจากเธอมากแต่เขาก็จะหมั้น แล้วเตรียมแต่งงานเธอไม่ได้ถามด้วยว่าไปรู้จักมักคุ้นกันจากที่ไหน อย่างไร คบหากันตอนไหนแน่ละว่าเป็นการคบซ้อนอาทรทรยศเธอเขาทำได้อย่างไรกันเธอกรีดร้อง น้ำตาไปกับสายน้ำ...สักสิบนาทีตรงนี้หนาวจนไปถึงหัวใจ ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังหลายหนดังแล้วหยุดไป ดังใหม่...เธอเปลื้องเสื้อผ้าออกจากตัว เหลือเพียงแต่ตัวเปล่าเปลือย สระผม ฟอกสบู่...พร้อมกับพึมพำกับสายน้ำ“ขอล้างทุกอย่างให้สิ้น...ไปกับน้ำ...”สบถคำเดียวให้กับอาทรSon of the bitchรุนแรงที่สุดละ...ออกมาเช็ดตัวแห้ง เลือกชุด...สีขาว แบบเก๋ แต่งหน้าด้วยโทนของธีมนางฟ้า...หยดน้ำตาเทียมใส่ดวงตาซ้ายขวา แต่งดวงตาให้ดูอ่อนโยน...บอกแล้วนางฟ้าแม่พระเธอจะเป็นทุกอย่างสำหรับแถลงข่าวสั้นๆ ผ่านโลกโซเซียลให้กระหึ่ม...เธอพร้อมโดยไม่รู้ว่าคนที่รู้จักเธอทั้งระดับใกล้ชิดสนิทสนมจนถึงขั้นห่างออกไปพากันโกลาหลเพียงใดคนแรก...วิลลี่ ลุงของเธอ เขาผลุดลุกผลุดนั่ง โทร.ไม่ต
กล้องพร้อม ทุกอย่างพร้อม...ตัวเธอก็พร้อมกับคำแถลงผ่านหน้าจอ...แสงไฟจัดไว้พร้อมอยู่แล้ว...ในห้องนี้เซททุกอย่างไว้พร้อมเสมอ เพราะเธอไลฟ์สดผ่านหน้ากล้องบ่อยมากก่อนลงนั่งหน้ากล้อง เธอสำรวจตัวเองถี่ถ้วนหน้ากระจกเงาสวย ดูดี...และไม่มีวี่แววโศกเศร้า เสียใจพร้อมสำหรับแถลงการฉบับนางฟ้า“สวัสดีค่ะ ค่ำนี้มีเรื่องด่วนอยากจะมาพูดคุยกับเพื่อนๆ นะคะ เมื่อตอนหัวค่ำนี้เอง ดิฉันยอมเสียสละผู้ชายที่ดิฉันรักให้กับคุณครูดาหวัน คุณครูที่ไร้เดียงสา เพื่อเธอจะได้มีโอกาสทองของชีวิต...โอกาสที่เธอไม่เคยมี’รอยยิ้มของเอกนรีดูจริงใจ...ยิ้มทั้งปากและดวงตา“แน่ล่ะค่ะ ว่าจะต้องมีการเสียใจบ้าง จะบอกว่าไม่มีเลยก็เป็นไปไม่ได้ ดิฉันไม่โกหก แต่เรื่องนี้ มีความหมายมากสำหรับผู้หญิงคนหนึ่งสำหรับโอกาสที่มาถึง ดิฉันไม่อยากให้เธอพลาดโอกาสนี้ แค่นี้นะคะ ขอบคุณเพื่อนทุกคนค่ะ”ทิ้งภาพรอยยิ้มพิมพ์ใจที่สุดยิ้มที่เอกนรีฝึกหน้ากระจกจนเป็นรอยยิ้มที่เธอรู้ว่าจะได้ผลอย่างไรกล้องปิด...ไฟดับ...เธอคว้าแก้วเครื่องดื่มที่เตรียมไว้...น้ำอัดลมที่เธอแตะต้องน้อยมาก แต่วันนี้อยู่ในเหยือกมีหูใบใหญ่...พร้อมน้ำแข็งจากเครื่องทำน้ำแข็งเกล็ดละ
“ไป!” วิลลี่ตวาดก้อง “ยังมีหน้าจะบอกรัก บอกว่าเสียใจ มาขอโทษอะไรกัน ถ้ายังช้า เดี๋ยวจะเอาเลือดหัวออก”กิตติมาหันมามองเขา สัหน้าแววตาของหล่อนดูนิ่ง..แต่เขารู้ว่าเขาโดนหล่อนตำหนิด้วยคำพูด “การแก้ตัวไม่มีประโยชน์ค่ะ พี่อาทร รีบไป”เขาจากมา...ทิ้งความรับผิดชอบชั่วดีเอาไว้...ที่จริงดาหวันห้ามเขาเอาไว้ก่อนหน้าจะบอกความจริง...ค่อยๆ บอกนะคะ หวันกลัวจะเป็นเรื่อง...เขาได้ยินคำประกาศนั่นแล้ว เจ็บแสบ เผ็ดร้อน...เธอไม่ได้ตำหนิที่เขานอกใจตรงๆ แต่เธอพาดพิงถึงดาหวัน...ถ้อยคำเหยียดเย้ยกึ่งจะบุลลี่ในความเป็นครู ในการที่ไม่มีโอกาสได้มีผู้ชายดีๆเธอเสียสละเธอเป็นแม่พระ...กับถ้อยแถลงนั้นแต่อาทรแน่ใจเป็นแม่พระที่หัวใจและจิตวิญญาณล่มสลายเขากลับมาที่ห้องพัก ที่ดาหวันรอเขาอยู่ หล่อนเข้ามากอดเขาโอบกอดสองแขนไปรอบตัวหล่อน หากเขาเพิ่งบอก ขอโทษเอกนรีไป ตอนนี้เขาต้องขอโทษดาหวัน“หวัน พี่เสียใจ...” อีกคำกับผู้หญิงอีกคน...มีแต่คำว่าเสียใจ“ทำให้หวันโดนบุลลี่”“หวันเข้าใจเธอนะคะ...เธอนิ่งมาก...สวยงามมากที่ประกาศยกพี่อาทรให้กับหวัน ให้โอกาสหวัน”“ทั้งที่หวันโดนบุลลี่”“หวันไม่ได้เล่นบทนางเอกนะคะ เพีย
หญิงสาวหัวเราะคิกคัก ปรายตามอง...เอนตัวมาหาอีกนิด...“อย่า...อย่า” ชายหนุ่มร้องห้าม “นิสัยผมไม่ได้ดีนา... คุณนรี”“ไม่ดียังไงน้อ”“คุณนี่...เป็นดาวยั่วมาจากไหน”“ยั่วสวาทไม่เป็น แต่ยั่วโทสะ นี่ถนัด...”“ใครบอกว่าไม่ยั่วสวาท” เขากอด “ยั่วมาก รู้ไหม...ผมกลัวจริงๆนะ...”“ถ้างั้น ถอยห่างไปนิด...” เธองึมงำ...แต่คนที่ปากบอกว่าถอยห่างไปนิด คือคนที่กระแซะมาติดตัวเขา และสวมกอดเขาตอบ “อยากให้กลัวมากๆ...”“แล้วไงล่ะ ทำท่าเหมือนไม่กลัว”“แหม...ตัวสั่นแล้วนะเนี่ย” เอกนรีเอ่ย ลูกไฟจากกองไฟเล็กๆ แตกได้ยินเสียงเบาๆ กับเสียงแมลงกลางคืนจากต้นไม้ที่อยู่ในระดับต่ำจากเนินที่ปลูกบ้านนี้ “สั่นรอ...”“เดี๋ยวก็เจอดีตรงนี้...บนดิน...บนหญ้า ใต้ฟ้า ใต้จันทร์เสียหรอก”“ไม่เคยเจอ ถือเป็นประสบการณ์”เอกนรีตอบชัดนัก และก่อนจะโดนดี เธอก็กอดเขาไว้แน่น“ปีใหม่...จัดงานแต่ง...ไม่ต้องใหญ่มากนัก ก็ได้...”“ตอนไปขอคุณจากลุง...จะได้ไหมน้อ”“ไม่เป็นไร...ไม่ได้ก็จะแต่ง...ลุงคนเดียวตัดทิ้งได้”“น่ารักเสมอ คนดีของผม”“คุณก็หวานเสมอ จริงๆ นะ เกิดมาเพิ่งเคยเข้าใจว่าทำไมผู้หญิงถึงยอมข้ามขั้น เต็มอกเต็มใจ อยากพลีกาย...หลังจากพ
ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป“รอหลังเพื่อนหนูแต่งก่อนดีกว่าค่ะ...นะคะ...ปีหน้าแล้วกัน”“อาต้องรอข้ามปีเชียวหรือ” “เป็นพ่อม่ายข้ามปี หมักได้ที่นะคะ”ดำรงหัวเราะหึๆ “อ่ะ อีกปี...ข้ามปี...รอได้...”“ให้หนูเข้าใจเรื่องราวพวกนี้ก่อนค่ะ คุณอา...”“เข้าใจอะไร”“สมัยสาวๆ พวกเราเชื่อภาษิตโบราณ...ว่าเราจะไม่ร้องเพลงในครัว เพราะจะได้ผัวแก่”ดำรงทำตาโต“หนูไม่เคยร้องเพลงในครัวเลยนะคะ ไม่ว่าครัวไทย ครัวฝรั่งหรือที่ไหนที่ทำอาหาร...หนูกลัวมีผัวแก่ แล้วนี่อะไรกันคะ...ฮือๆ...” เหมือนกิตติมาครางเล็กน้อยอีกด้วย “หนูจะมีผัวแก่...หนูสับสนค่ะ แม้หนูจะฝ่ากมือหนูไว้กับคุณอา แต่ความจริงคือหนูจะมีผัวแก่”“อย่างเดียวเลย หนูมา” เสียงดำรงอ่อนโยนนัก “ถามใจตัวเองว่ารักอาไหม...จะแก่จะหนุ่มมิใช่ปัญหา ขอเพียงมีใจ”นั่นสินะ...กิตติมาบอกตัวเอง...ขอแค่มีใจ ขอแค่รัก... ในที่สุดหล่อนก็พยักหน้ารับ ความจริง ความรัก สองอย่างเดินไปด้วยกัน หล่อนฮัมเพลงเบาๆ“ถึงแก่แล้วจะรักใครจะทำไม”“ไม่ทำไมหรอกจ้ะ หนูมา แต่ขอหอมแก้มหนูสักฟอดแล้วกันนะ”อัจฉราขอถอนตัวออกไปจากบ้าน จากการดูแลวงและทุกคน เพราะดำรงจะแต่งงานแน่ๆ ในปีหน้า หล่อนพ
เอกนรียอมจะแต่งงานกับเดชชนะ พร้อมกับเขาประกาศถอนตัวจากวงการเพลง สุดท้ายอำลาเวที คืนนี้หลังจากสามเพลงแรกผ่านไป เดชชนะเชิญผู้หญิงคนหนึ่งออกมา พร้อมกับการประกาศร้องเพลง“จะกี่ล้านหยดน้ำตาอย่าสับสน”เอกนรีแต่งตัวด้วยชุดที่เอ๋จัดหาให้...เป็นการขึ้นร้องเพลงครั้งแรกของเธอเสียงประกาศบอกว่าเธอคือผู้จัดการวงคูนแคนเธอคือยูทูปเปอร์ คือเจ้าของคลิปดังๆ หลายคลิป...บนแอพลิแคชั่นที่มาแรงต่างๆแฟนเพลงข้างล่างส่งเสียงกรี๊ดๆ เสียงเอกนรีไพเราะเพราะถูกเทรนมาไม่น้อย ที่พอจะร้องเพลงได้ จึงง่ายที่จะไม่ต้องคร่อมทำนองไม่ผิดคีย์...จบเพลงด้วยคำบอกว่า “โอป้าเดช ให้เพลงนี้กับฉันวันที่โลกของฉันถล่มลงมา วันที่ฉันถูกเท ผู้หญิงที่หลงว่าตัวเองพร้อมถูกเทกะทันหัน ต้องเยียวยาตัวเอง วันที่อ่อนแอและเขาก็บอกว่าไงนะคะ”เธอหันมาถามเขา“กี่ล้านหยดน้ำตาอย่าสับสน จะขอดูแล”เสียงยิ่งดังกว่าเดิม“กาแฟมันขม ใส่ผมแทนนม”เสียงแฟนเพลงกรี๊ดกี่ครั้งแล้ว...ไม่ได้เป็นเสียงไล่แห่ แต่เป็นเสียงชื่นชมกับโมเม้นท์นี้การยอมรับเอกนรีเดชชนะคุกเข่าลงบนเวที...ทีมงานวิ่งมาส่งดอกกุหลาบสีชมพูให้กับเขา1 ช่อใหญ่...เขาขอเอกนรีแต่งงาน“แจ่งง
“เขาเคยรักฉันมากนะ” เอื้อยฟ้าอวด “ก็ที่พังเป็นสิบๆ ปีไม่ใช่เพราะรักฉันหรือ”“จะหลงตัวเองไปถึงไหน เขาหมดแล้ว อ้อ...ตอนนี้เขามีคนรักใหม่แล้วนะ”“ใคร”ก่อนจะถึงกับหน้าถอดสี“กิตติมา เพื่อนของเอกนรี จิตแพทย์ พี่ดำรงบอกทุกคนที่บ้านว่าหลังจากเดชกับเอกนรีแต่งงานกัน เขาจะแต่งกับกิตติมา”“แต่งงาน?”“ใช่”“เขาคิดอะไร เด็กนั่นคราวลูก”“รักไง....เขารักเด็กคนนั้น...เขาดูมีชีวิตชีวาอีกหนนะ เอื้อยฟ้า นั่นคือความจริง ถอยไปจากชีวิตเขาให้ไกลเหมือนยี่สิบกว่าปีที่เธอมาจากบ้านเขา...จากชีวิตเขา จะหวนไปทำไม ผัวหรือลูกหรือ เธอไม่เคยอยากได้ เพราะเธออยากทำรายได้ จะไปเอาคนที่เธอทิ้งมาทำไม”“พูดมาก เอาลูกชายเธอคืนไป”เอ๋ อัจฉรายักไหล่ แล้วตอบหน้าตาเฉยว่า“สุดแต่เขานะ จะอยู่ตรงไหนก็ได้ทั้งนั้น นั่นก็พ่อเขาแท้ๆเธอปั้นเขาสิ...ปั้นเลย ต้าร์มีดีกรีนักร้อวงมากกว่าเดชอีกนะ ทำให้ได้สิ วัดฝีมือเธอกับผัวด้วย”และความจริงต้าร์ไม่ได้ยินดีที่มีพ่อตัวจริงเขาตกใจ...เขาอยากเป็นลูกเอื้อยฟ้ากับดำรง วิลลี่อาจจะดูแลเขาดี และไปขอเมญ่าให้เขา...แต่ตัวเมญ่าเองเป็นฝ่ายหนี หล่อนบอกกับพ่อว่าขอไปอยู่เมืองจีนชั่วคราวด้วยข้ออ้างว่า.
“ผมขอพูดบ้างนะ ย่า” เดชชนะเอ่ย มองดูทุกคนกล่าวคำขอบคุณออกมา “ผมรู้ทุกคน รักและห่วงผม และผมขอบอกว่าผมรู้ว่าตัวเองเป็นใคร อยู่ตรงไหนและจะไปตรงไหนต่อ เรื่องของเอื้อยฟ้า หรือสามีเค้า...เป็นเรื่องอื่น เรื่องของคนนอก...ตอนนี้ผมห่วงแต่ต้าร์ว่าจะลงเอยแบบไหน”“เขาจะมีเมียเป็นตัวเป็นตน ล่าสุดลุงบอกว่าจะไปขอเมญ่าให้เขาค่ะ”“อ่ะนะ ขอนังเด็กคนนั้น” นายดุ่ยรำพึง “จะได้ไหม”“น่าจะได้นะ...บางทีมีเมียอาจจะดีขึ้น และดีอีกข้อ นางจะได้ไม่ยุ่งกับโอป้าของคูนแคนด้วยค่ะ นางยังพยายามอยู่ตลอดนะคะ ตอดนิดตอดหน่อย ไมได้ก็ยังคุยโว...ทำเรื่องเอง”“หึง?” นายดุ่ยแกล้งถามหญิงสาวหัวเราะ “มาก...”อัจฉราเพิ่งขอเข้ามาสมทบ...“ฉันเพิ่งโทร.ไปคุยกับเอื้อยเฟ้า”“ยังไงบ้าง” ดำรงถาม “เอื้อยฟ้าพูดอะไร”“เค้าอยากได้เดชไปทำเพลง...”เดชชนะยิ้มมุมปาก “ขอในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้...”“เค้าอยากเจอเดชนะ”“เจอผม” แล้วชายหนุ่มก็ส่ายหน้า “ทำไมล่ะ เจอเค้าสักครั้งไหม”“ผมเจอมาแล้ว” เขายังจำภาพที่หล่อนชูเงินใบละพันห้าใบหน้าเวทีได้ “เริ่มต้นเจอกันครั้งแรก เค้าก็จะเอาเงินฟาดหัวผม...ห้าพัน...กับทั้งชีวิตที่ผ่านมา...ผมไม่ขอเจอครับ เ
ต้าร์รู้ตัวขึ้นมาอีกทีชีวิตก็ยิ่งบัดซบมากไปกว่าเดิม...ต้องใช้คำนี้ เขาไม่ได้สนใจจะทำตัวให้ดีขึ้นเอื้อยฟ้าวางมือมีแต่วิลลี่ที่หันมาประคบประหงมดูแล...พาไปพบหมอ...ทั้งหมอทางอายุกรรม หมอทางจิตเวช...แต่ต้าร์ก็ยังไม่ได้ดีขึ้น เพลงก็ไม่ได้ทำ และเอกนรีก็บอกกับคนเป็นลุงก่อนกลับไปบุรีรัมย์อีกครั้งว่า“ลุงต้องทบทวนหน่อยแล้วค่ะว่าจะเลี้ยงลูกชายลุงแบบไหน ให้เป็นคนเต็มคน มิใช่หมาขี้เมา เสพยา..บ้าผู้หญิง”เพราะมาอยู่กรุงเทพ ไม่มีเมญ่า ต้าร์ก็ซื้อบริการมากินถึงในบ้าน...“ติดโรคร้ายอีก จะยิ่งเสียใจนะลุง...ที่จริงหนูว่าหาเมียให้เป็นตัวเป็นตนก็ดีกับเขานะ”“เมีย?? ฮ้า...ใคร” วิลลี่ทวนอย่างฉงน“เมญ่า...ผู้หญิงงคนนั้นชื่อเมญ่า เป็นลูกสาวเสี่ยระดับเจ้าพ่อของเมือง มีโรงแรม ไปขอให้เขาสิ ลุง...เพราะตอนนี้ยัยนั่นกำลังไปแย่งยื้อเดช หนูไม่อยากเปิดศึก...อีกอย่างนางก็มีผัวแล้ว มายุ่งกับเดชชนะทำไม...จริงไหม ป้า” หันไปถามเอื้อยฟ้าเสียอีก “บอกสามีป้าไปขอลูกสะใภ้ซะ...บางทีมีเมียเป็นตัวเป็นคนอาจจะดีขึ้น แต่ค่าสินสอดคงแพงหน่อยนะ พ่อเขาดังและรวยจริงเมื่อความจริงปรากฏ ความผิดหวังของเขาก็มีเต็มที่ แต่เขาก็ยังอยากช่วยล
“เรื่องลูกของเรา...ลูกเธอกับดำรง ลูกฉันกับเอ๋”เอื้อยฟ้าไหวตัวอย่างแรง เรื่องนี้ชวนปวดหัวมาพอสมควร “ความจริง...ฉันพบเจอมันแล้ว เอื้อยฟ้า...” เสียงถอนใจหนักๆ ตามมา“ก็ดี...เราจะได้ไปถูกทาง”“ฉันจะทำเพลงต่อให้ต้าร์”“แต่เขาทำไม่ได้”“แล้วไง“ฉันจะไปเอาตัวเดชมา...”“มันคงมาหรอก” เขากระแทกเสียงใส่ “มันอยากได้เธอเป็นแม่ มันแล่นมาแต่แรกแล้ว ขอบอกหน่อยนะ เผื่อจะได้หูตาสว่าง...มันไม่เอาเธอ”เจ็บแปลบ“เพราะเธอทิ้งมันมา”“แล้วใครทำให้ฉันต้องทิ้งมา “ หล่อนเกรี้ยวกราดใส่ “เพราะใคร...ฉันเลือกคุณจนทิ้งลูก...” หล่อนเจ็บช้ำ “เห็นแก่ความรัก แล้วไง...กี่ปี...ที่ฉันทิ้งมา...วันนี้ ก็นะ...ฉันก็อยากเอาเขามาปั่น สายเลือดมีนะ...”ประตูเปิดเข้ามา ตามเคยกับการไร้มารยาทของเอกนรี หญิงสาวคนสวยก้าวเข้ามาทันได้ยินคำพูดของเอื้อยฟ้า หล่อนรีบยกมือห้าม“ขอนะ เอกนรี...อย่าเสือกกับเรื่องนี้” คำแรงตามเคยเสือกเอกนรีหัวเราะเบาๆ“เรื่องของแม่ลูก เธอไม่เกี่ยว”หญิงสาวนั่งลง “ทำไมจะไม่เกี่ยว ฉันกับเขาจะแต่งงานกัน”เอื้อยฟ้าเบิกตากว้าง “อย่าหวัง”“หือ...ว่าไงนะ คุณป้า”“อย่าหวัง ว่าฉันจะยอม”“ไม่ยอม ในฐานะอะไรล่ะ คุ
“ไม่ต้องขอ...ลุย”“เดี๋ยวๆ ไม่ดีเลย ลุยอะไร...ต้องแบบนี้สิ...” เขาก้มหน้าลงมา...มือข้างหนึ่งแตะแผ่นหลัง หญิงสาวแหงนหน้ารับจูบนั้น...ไม่ใช่จูบสะท้านโลก แต่เป็นจูบสะท้านใจได้อย่างมาก“แน่ใจหรือ นรี”วิลลี่เอ่ยถามเมื่อเธอกลับมาบอกกล่าวกับเขาว่าเธอกับ เดชชนะจะแต่งงานกัน“หนูรับชีวิตแบบนั้นได้จริงหรือ”“ทำไมจะไม่ได้คะ”“ลุงไม่อยากจะเชื่อเลย”“เป็นความจริงค่ะ”“แต่ลุงก็โอเคนะ”“ลุงยอมรับเขา...” เอกนรีแสดงท่าประหลาดใจนัก“อยากรู้ไหมว่าทำไม”“ค่ะ”“เพราะลุงคิดว่าเดชชนะน่าเป็นลูกของลุงกับอัจฉรา”เอกนรีหัวเราะขำๆ“ทำไมหนูหัวเราะเยาะ”“น่าจะใช่ค่ะ”“หมายความว่าไง”“น่าจะเป็นนายต้าร์มากกว่านะ”“ทำไม” เขายังกังขา“ตรงๆ นะ เพราะนิสัยหรือสันดานของนายต้าร์เหมือนลุง’แม้อยากโกรธหลานสาว แต่วิลลี่ก็โกรธไม่ลง และยังคิดว่าเพราะเอกนรีจะอ้างเช่นนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาสายเลือด หากยอมรับว่าชอบกับเดชชนะ“หนูกลัวเรื่องสายเลือดหรือ ลูกพี่กับลูกน้อง...ใช่ไหม”“เปล่าค่ะ...หนูไม่กลัวเรื่องนั้นหรอก...แม้อาจจะมีข้อห้ามทางวิทยาศาสตร์ แต่เราก็แค่ลูกพี่ลูกน้อง เลือดยังไม่ได้ชิดมากมาย แต่เพราะเขาไม่ใช่ค่ะ...ข้อเดีย
เดชชนะกลายเป็นนักร้องสุดฮิทสุดฮอทเพราะความสามารถผสมหน้าตาอันหล่อเหลา อีกทั้งเพลงของเขาก็โดนใจคนทุกวัย และเขาเป็นเหมือนหนุ่มน่าเห็นใจ FC สาวๆ จึงมีเข้ามาหาเขามากมาย สิ่งนี้บาดตาและลงไปบาดใจต้าร์มากมาย เป็นรอยแผลและแฝงด้วยแรงอาฆาตมาดร้าย เขามองเห็นทางจะทำลายชื่อเสียงของเดชชนะ โดยอาศัยการร่วมมือจากใครบางคนเมญานี“เป็น FC เดชหน่อยสิ”หล่อนมองหน้าเขา ประคองไว้ในสองมือ“ไม่หวงเหรอ”“อย่าล่าแต้มไหมล่ะ”“ก็น่าสนใจ”เพราะหล่อนชอบสะสมแต้มอยู่แล้ว และอยากลอง เดชชนะดูบ้าง แต่การเข้าถึงเขายากมาก“จะหาทางไหนดีนะ นอกจากตัวเขาจะเข้าถึงยาก ยังมีตรงนั้นอีก”“นังเอกนรีหรือ” ต้าร์ถาม“หมั่นไส้มัน”“กลัวมันทำไม” ต้าร์ยุส่ง“มันดูแล...”“เราจะช่วย”“โจมตีตรงนั้นก่อน”จึงมีข่าวร้ายออกมามากมายเหลือเกินในช่วงสามวันนี้...โจมตีถึงเอกนรี ถึงความสัมพันธ์ที่ซ่อนเร้น...และการเข้ามาทำงานให้กับวงคูนแคน เพราะจะมาคว้าตัวโอป้าไปเอง พวกFC เริ่มฮือฮาแกมหวงแหน...แต่เมญานีเจาะไม่ถึงตัวเดชชนะ มยุรีป้องกันเต็มที่ และตัวเดชชนะก็ไม่เคยเปิดช่องให้หล่อนเลย เมญานีเลยรามือถอยไปเอง หล่อนบอกตัวเองอย่างผยองว่าผู้หญิงอย่าง