“แปลว่าต้าร์ยังไม่ได้ร้อง”
“ยัง...ไม่มีเวลาให้เลยไงล่ะ...คืนนี้คงไม่ทัน เอาเพลงเก่าไปก่อน...”
เขามองไปที่เอกนรีอีกหน ก่อนจะบอกกับมยุรีว่า
“แนะนำให้เรารู้จักเพื่อนเธอได้ไหม ยุ”
“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้...ไปตอนนี้เลย...” หล่อนคว้าข้อมือเขา “สักสองนาที...นรีเป็นคนเก่งนะ เก่งมากด้วย”
“เก่งด้านไหน...สายเดียวกับเธอไหม”
“ก็สายเดียวกัน แต่นรีไปทำบริษัทเล็กๆ แล้วก็เป็น
ยูทูปเปอร์ เป็นที่ปรึกษาด้านความงาม...ด้านการทำคอนเท้น”“อือ หลายอย่างนะ”
“ก็บอกแล้วไงว่ามีความสามารถ มากกว่านักการตลาดพื้นๆ แบบฉัน...”
มยุรีปลื้มเพื่อน เดชชนะบอกตัวเอง ดูแสดงออกอย่างจริงใจยิ่ง
“คนนี้ล่ะที่เราอยากเอามาช่วยทำวงคูนแคน”
“หือ...ได้หรือ”
เมื่อมาถึงโต๊ะ มยุรีก็เอ่ยแนะนำ
“นรี...รู้จักญาติฉันหน่อย...เขาชื่อเดชชนะ ส่วนนี่เพื่อนเรานะ เดช ชื่อเอกนรี...”
อายุน่าจะรุ่นเดียวกัน เธอมองแล้วยื่นมือมาจับ...เขาจับมือหล่อน มีอะไรบางอย่างวิ่งผ่านมือมา
เธอนึกในใจว่า
...ลูกไม่มีพ่อมีพลังที่ถ่ายทอดความอบอุ่นได้ด้วยวุ้ย...
เพราะเธอรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ เธอมีครูที่สอนเรื่องพลังจากมือให้...เป็นความรู้ติดตัวเกี่ยวกับด้านโหราศาสตร์ลายมือด้วย ลักษณะของมือที่ไม่แข็งกระด้างหรือหยาบ และไม่ได้อ่อนนุ่มจนเกินไป
ยิ่งดูใกล้ๆ เขามีผิวสวยมาก
“ใช้ครีมอะไร” เธอถามออกไป
มยุรีหัวเราะ
เดชชนะทำหน้างงๆ “ครีม?”
“ผิวสวยมาก...”
เขาทำท่าเขินๆ
“นายเดชไม่ได้สำอางขนาดนั้น ผิวดีเอง...”
“ขอบคุณที่ชมครับ”
“อยากให้นรีมาช่วยทำวงคูนแคนจังเลยล่ะ เดช...”
“ผู้จัดการวง?”
“ก็หากจะทำวงจริงจัง...นรีเก่งนะ...มาช่วยฉัน”
ชายหนุ่มหัวเราะ มองเพื่อนของมยุรีอีกหน ก่อนจะบอกว่า
“คงจะไม่มีเงินจ้างหรอกครับ”
และเขาก็ดึงมือตัวเองออกไปไม่ได้...เพราะเอกนรีกุมเอาไว้แน่น...ชายหนุ่มดึงออกนิดหนึ่ง หญิงสาวทำท่าขัดเขิน ยอมปล่อยโดยเร็ว
เดชชนะยิ้มมากกว่าเดิม...
รอยยิ้มคุ้นๆ
เหมือนรอยยิ้มใครนะ แต่เอกนรีคิดไม่ออก
“ผมขอตัวก่อน”
เขาไปแล้ว มยุรียังอยู่ที่นี่...
“ไง ทำท่าเหมือนต้องมนต์ นรี”
“บ้า...” เธออุทานออกมา “อย่าคิดอะไรแบบนั้น ฉันมีแต่พี่อาทรคนเดียวเท่านั้น”
“เดชเป็นคนมีเสน่ห์ และยังไม่มีแฟนด้วยนะ”
“มาขายทำไม ไม่ซื้อย่ะ...”
“เห็นอ้อยอิ่งจับมือเขา”
“ก็มือเขามีพลัง...เข้าใจไหม เธอก็รู้ว่าฉันทำนายผ่านศาสตร์ลายมือได้ ขอย้ำ ฉันไม่ได้คลิกกับเขานะ ฉันมี
พี่อาทร”“จ้ะ จ้ะ ย้ำจัง มีแต่พี่อาทรคนเดียว”
ก่อนมยุรีจะผละไป และอีกไม่นาน เธอก็ได้ยินเพลงใหม่ของนักร้องหนุ่ม...เสียงดี...
และเพลงนั่น...อะไรนะ
หัวใจซ่อนชู้...
เพลงเขียนประณามผู้หญิงซ่อนชู้เอาไว้ในหัวใจ
ใคร
ใคร
เอื้อยฟ้าหรือ...
เธอยิ้มมุมปากอย่างใช้ความคิด...น่าจะผลักดันให้เพลงนี้ไปถึงหูของเอื้อยฟ้า
ได้ยินเสียงสาวๆ และสาวไม่น้อยที่มาจองพื้นที่ดูการร้องเพลงนอกเหนือจากการกินอาหาร
นึกประหลาดใจ...
นักร้องสำรอง...มีแฟนขนาดนี้ทีเดียวหรือ และเสียงเรียก
โอป้า...
พี่เดช ก็เต็มสองหู
“แฟนเยอะเหมือนกันนะเรา” หญิงสาวออกปากรำพึงเบาๆ และหลังจากนั้นสักครึ่งชั่วโมง...
นายต้าร์ ตฤณ คูนแคนก็ปรากฏตัวขึ้น
นั่นหรือ ลูกชายเอื้อยฟ้า หญิงสาวเบะปาก
สูงผอม...ผิวคล้ำ...และเขากระโดดขึ้นเวทีรับช่วงต่อจากเดชชนะในการร้องเพลง
เพลงที่1 ผ่านไป เพราะอยู่กับลุงที่ทำเพลง เธอพอจะแยกแยะคนร้องที่เสียงดี...แต่นายต้าร์ร้องคร่อมคีย์
เหมือน...จะเมา...
แต่เสียงแฟนๆ ก็เซ็งแซ่ พอๆ กับเดชชนะ...
มยุรีเดินกลับมาบอกว่า “ตอนนี้เดชมีแฟน FC ไม่น้อยทีเดียว...ทั้งที่เขาไม่อยากเอาดีทางนี้”
“ปกติเขาทำงานอะไรล่ะ”
ยังไมทันได้คำตอบก็มีเสียงอื้ออึง โกลาหลหน้าเวที พร้อมกับเสียงตะโกนบอกว่า
“เจ้าของลิขสิทธิ์เพลงมาจับนักร้อง...”
มยุรีขยับตัว
เอกนรีเช่นกัน
“เพลงของเอื้อยฟ้า เอามาร้องไม่ได้”
เอกนรีเอนหลังพิงพนัก พึมพำว่า “เอาแล้วไง นังนางฟ้านรกเริ่มแล้วไง”
เหตุการณ์สงบลงได้เพราะทีมกฏหมายที่เป็นพ่อของมยุรีเข้ามาช่วยเคลียร์ให้...แน่นอนว่าทุกอย่างมีราคา...มยุรีหัวเสียมากกับเรื่องนี้ราวกับเกิดกับตัวเอง เอกนรีกำลังเก็บเสื้อผ้าเตรียมตัวกลับเข้ากรุงเทพฯ และเพื่อนมาหาเธอในห้องตอนสายวันต่อมา“ฉันว่ายัยเอื้อยฟ้าทำเกินไปละ เพลงของตัวที่ไหน”“ยัยนั่นทำได้ทุกอย่าง แต่เพิ่งมาจับหรือเปล่า...”“นั่นละ ที่ฉันกับพ่อสงสัย ก่อนหน้านี้ไม่เคยมาสนใจอะไร”“คงจะต้องมีแผนแน่ๆ...และคนที่มาออกหน้าจัดการก็อีตาลุงของฉันผ่านตัวแทน”เมื่อตอนบุกเข้าจับ เธอยังจำได้ ต้าร์เอะอะโวยวายจะไม่ยอม...แต่เดชชนะพาต้าร์ไปจากเวทีเสียก่อน ดูท่าทางเขาคุมสติได้ดีทีเดียว…“ถ้านายต้าร์เป็นลูกชายเอื้อยฟ้า ทำแบบนี้หมายความว่าไง รังแกลูกตัวเองไหม พวกเขาต้องการอะไร” มยุรีเอ่ยปากถาม“ฉันพอจะรู้อะไรบางอย่าง อยากรู้ไหม”“บอกมา”“พวกเขากำลังหาตัวนักร้องคนใหม่ไปเข้าสังกัด”“หานักร้อง แล้วเกี่ยวอะไรด้วย”“จะมาเอาตัวลูกคืนล่ะมั้ง”มยุรีนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ยเสียงรัวๆ “ความจริงจะเปิดเผยหรือไร”“รอดู แต่คนอย่างลุงฉันจับมือกับยัยเอื้อยฟ้า มีแต่นรกเปิด...ผู้คนจะเดือดร้อน พวกเขาทำในสิ่งที่ตัวเองต้อง
ใช่ ค่ำนี้เธอมีนัดกินข้าวกับอาทร...หลังจากเธอกับเขาไม่ได้กินข้าวหรือเจอกันมาเกือบสองเดือนอาทรมีงานแน่นมาก และเขามีเดินสายไปทั้งต่างประเทศและต่างจังหวัด ในงานของเขาเขาบ้างาน...เอกนรีเคยคิดว่าที่จะเป็นมารความรักของเธอกับเขาคือเรื่องนี้นี่เอง...และเธอก็ตกปากรับคำจะไปนั่งจิบกาแฟที่มาแลร์นาดูสักหน...และเมื่อมาถีงร้าน...วันนี้เธอเจอกับเจ้าของร้านด้วยตัวเองร้านน่าร้ก...เขาตอบแกมหัวเราะว่า“มาแลร์นา...มาแลนา ภาษาไทยเลยครับ มาดูนา...เห็นไหมครับนั่น”เขาชี้ให้ดู ท้องนาสีเขียว ข้าวกำลังเติบโต...“นี่...เดช ยัยนรีอาจจะเก่งทุกอย่าง แต่ฉันเชื่อว่าบางทีเค้าแยกหญ้ากับข้าวไม่ได้”ได้หัวเราะพร้อมกันทั้งสองคน เอกนรีมองค้อนเพื่อนและเอ่ยราวกับจะแก้ตัวว่า “ฉันแยกเป็นย่ะ...มีอยู่สองอย่างที่ฉันแยกไม่เคยได้ ยาสูบกับคะน้า...เผือกกับบอน”เดชชนะมองหน้าเธอ เขาเห็นสาวสวยคนหนึ่ง ที่แบกความเชื่อมั่นในตัวเองไว้เต็มที่...ท่าทางมั่นใจ...เมื่ออยู่ใกล้กับญาติของเขาที่เขาคุ้นชิน...มยุรีก็เป็นสาวมั่นคนหนึ่งแต่เขาคิดว่ามยุรีมีน้อยกว่าเอกนรีแน่นอนทั้งสวยทั้งมั่นใจ และยอมรับความจริง“ไม่แค่นั้นหรอก นรี” มยุรีค้าน “
“มาร้านกาแฟ แต่ไม่สั่งกาแฟ นรีเอ๊ย” มยุรีอ่อนใจ “เดชเลยไม่ได้เล่นบทบาริสต้า”“ไว้คราวหน้า วันนี้อยากเป็นนางเอก...สวยใสซื่อสะอาด...สาวสวย โสด...และสด”เดชชนะเลิกคิ้วเล็กน้อย “บอกผม?”“มั้ง” เอกนรีสบตาด้วย“ทุกอย่างมีเวย์ที่เหมาะควร สำหรับความรักเช่นกัน หากยังไปไม่ถึง...ก็อย่าไปเร่งรัด เร่งเร้าให้อารมณ์นำหน้า”เมื่อรถมารับเธอไปสนามบิน...เดชชนะถามกับมยุรีที่ไม่ได้ตามเพื่อนไปด้วยว่า“เพื่อนยุมีปมอะไร” นั่นคือความสงสัยอย่างแท้จริง “ทำไมถึงร้อนตัวอยากจะบอกว่ายังโสด ยังซิง ประมาณนั้น”“นรีไม่เคยแสดงตัวหรืออวดตัวแบบนี้มาก่อน เรายังสงสัยนะ เดช ว่าทำไม แคร์เดชมั้ง...”“แคร์? แคร์ทำไม”“นั่นสิ ก็สงสัย”เขากังขา...และไม่รู้ว่าเอกนรีก็ถามตัวเอง“ยัยบ้า ไปพูดออกตัวทำไม...แคร์หรือว่าเขาจะมองว่าเคยๆ กับผู้ชาย...แต่เราหากจะมี เราก็ไม่ควรแคร์ เพราะเราไม่เคยมีต่างหากเล่า”หลายหนที่เอกนรีอยากจะ “มี” แต่มีกฏกับตัวเองไว้ตั้งแต่แตกเนื้อสาว...เป็น “กรอบ” ที่ยึดมั่น และคำสัญญากับตัวเองก็แรงนัก แรงจนไม่กล้าฝ่าไปเธอเป็นคนรักษาสัญญาทุกอย่างที่ตัวเองให้สัจจะไว้มันคือความเป็นเธอก็พูดไปแล้ว จะเชื่อหร
เอกนรีไม่ได้กลับไปบ้านในค่ำคืนนี้ เธอมีคอนโดส่วนตัว...ราคาแพงสำหรับห้องขนาด 55 ตรม. และอยู่บนชั้นที่สิบของอาคารริมแม่น้ำ...มีโรงแรมถัดไป มีห้างสรรพสินค้าเล็กๆ และถนนที่เรียกว่าเป็นถนนกลางเมืองแต่เลาะไปตามแม่น้ำ...เธอกลับบ้านไม่ไหวในวันที่สติแตก...ช็อก...เสียใจ...ผิดหวังทุกอย่างที่เป็นลบถาโถมเข้ามา...หลังจากแยกกับอาทรแล้ว เมื่อครู่...คำบอกชัดเจน...เขาจะแต่งงานกับครูอนุบาล...เป็นไปได้อย่างไรกัน...ไม่เคยรู้อะไรมาก่อนเลย...จู่โจมเข้ามาจนทำให้ค่ำคืนนี้เหมือนนรกมาเยือนเธอไม่ได้กรีดร้องไม่ได้ตีอกชกหัวไม่ได้ร่ำไห้ไม่ได้ด่าทอไมได้ทำอะไรแม้แต่อย่างเดียว นอกจากเก็บการ์ดนั่นใส่กระเป๋า เอ่ยแสดงความยินดี และบอกว่าสิ่งที่เขาให้นั้นเป็นของหวาน มื้ออาหารจบ และเธอจ่ายค่าอาหารเพื่อเป็นการบอกว่าเธอแสดงความยินดีด้วยจำได้ว่าเมื่อเธอลุกมา...อาทรพยายามจะมาจับตัวเธอเพื่อ “ปรับความเข้าใจ”เพื่อ “อธิบายว่าทำไม”แต่เธอชัดเจน...เธอถูก ทิ้ง!!!เธอขีดเส้นใต้คำว่าถูกทิ้งด้วยเส้นสีแดงๆ สามเส้นด้วยกันเธอให้เขาปล่อยมือจากตัวเธอ...มือเขาจะแตะตัวเธอไม่ได้อีกต่อไปและเธอก็จากมา เขาตามโทร.อีกหลายหน
เธอร้องไห้เธอเสียใจเธอรู้สึกตัวเองต่ำต้อยดาหวัน...ครูอนุบาลผู้หญิงอายุแค่ 20 ไม่ถึง21เด็กน้อย...อาทรให้เธอดูรูป...ผู้หญิงหน้าจืดๆเด็ก...เธอย้ำคำนั้น...ห่างไกลจากเธอมากแต่เขาก็จะหมั้น แล้วเตรียมแต่งงานเธอไม่ได้ถามด้วยว่าไปรู้จักมักคุ้นกันจากที่ไหน อย่างไร คบหากันตอนไหนแน่ละว่าเป็นการคบซ้อนอาทรทรยศเธอเขาทำได้อย่างไรกันเธอกรีดร้อง น้ำตาไปกับสายน้ำ...สักสิบนาทีตรงนี้หนาวจนไปถึงหัวใจ ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังหลายหนดังแล้วหยุดไป ดังใหม่...เธอเปลื้องเสื้อผ้าออกจากตัว เหลือเพียงแต่ตัวเปล่าเปลือย สระผม ฟอกสบู่...พร้อมกับพึมพำกับสายน้ำ“ขอล้างทุกอย่างให้สิ้น...ไปกับน้ำ...”สบถคำเดียวให้กับอาทรSon of the bitchรุนแรงที่สุดละ...ออกมาเช็ดตัวแห้ง เลือกชุด...สีขาว แบบเก๋ แต่งหน้าด้วยโทนของธีมนางฟ้า...หยดน้ำตาเทียมใส่ดวงตาซ้ายขวา แต่งดวงตาให้ดูอ่อนโยน...บอกแล้วนางฟ้าแม่พระเธอจะเป็นทุกอย่างสำหรับแถลงข่าวสั้นๆ ผ่านโลกโซเซียลให้กระหึ่ม...เธอพร้อมโดยไม่รู้ว่าคนที่รู้จักเธอทั้งระดับใกล้ชิดสนิทสนมจนถึงขั้นห่างออกไปพากันโกลาหลเพียงใดคนแรก...วิลลี่ ลุงของเธอ เขาผลุดลุกผลุดนั่ง โทร.ไม่ต
กล้องพร้อม ทุกอย่างพร้อม...ตัวเธอก็พร้อมกับคำแถลงผ่านหน้าจอ...แสงไฟจัดไว้พร้อมอยู่แล้ว...ในห้องนี้เซททุกอย่างไว้พร้อมเสมอ เพราะเธอไลฟ์สดผ่านหน้ากล้องบ่อยมากก่อนลงนั่งหน้ากล้อง เธอสำรวจตัวเองถี่ถ้วนหน้ากระจกเงาสวย ดูดี...และไม่มีวี่แววโศกเศร้า เสียใจพร้อมสำหรับแถลงการฉบับนางฟ้า“สวัสดีค่ะ ค่ำนี้มีเรื่องด่วนอยากจะมาพูดคุยกับเพื่อนๆ นะคะ เมื่อตอนหัวค่ำนี้เอง ดิฉันยอมเสียสละผู้ชายที่ดิฉันรักให้กับคุณครูดาหวัน คุณครูที่ไร้เดียงสา เพื่อเธอจะได้มีโอกาสทองของชีวิต...โอกาสที่เธอไม่เคยมี’รอยยิ้มของเอกนรีดูจริงใจ...ยิ้มทั้งปากและดวงตา“แน่ล่ะค่ะ ว่าจะต้องมีการเสียใจบ้าง จะบอกว่าไม่มีเลยก็เป็นไปไม่ได้ ดิฉันไม่โกหก แต่เรื่องนี้ มีความหมายมากสำหรับผู้หญิงคนหนึ่งสำหรับโอกาสที่มาถึง ดิฉันไม่อยากให้เธอพลาดโอกาสนี้ แค่นี้นะคะ ขอบคุณเพื่อนทุกคนค่ะ”ทิ้งภาพรอยยิ้มพิมพ์ใจที่สุดยิ้มที่เอกนรีฝึกหน้ากระจกจนเป็นรอยยิ้มที่เธอรู้ว่าจะได้ผลอย่างไรกล้องปิด...ไฟดับ...เธอคว้าแก้วเครื่องดื่มที่เตรียมไว้...น้ำอัดลมที่เธอแตะต้องน้อยมาก แต่วันนี้อยู่ในเหยือกมีหูใบใหญ่...พร้อมน้ำแข็งจากเครื่องทำน้ำแข็งเกล็ดละ
“ไป!” วิลลี่ตวาดก้อง “ยังมีหน้าจะบอกรัก บอกว่าเสียใจ มาขอโทษอะไรกัน ถ้ายังช้า เดี๋ยวจะเอาเลือดหัวออก”กิตติมาหันมามองเขา สัหน้าแววตาของหล่อนดูนิ่ง..แต่เขารู้ว่าเขาโดนหล่อนตำหนิด้วยคำพูด “การแก้ตัวไม่มีประโยชน์ค่ะ พี่อาทร รีบไป”เขาจากมา...ทิ้งความรับผิดชอบชั่วดีเอาไว้...ที่จริงดาหวันห้ามเขาเอาไว้ก่อนหน้าจะบอกความจริง...ค่อยๆ บอกนะคะ หวันกลัวจะเป็นเรื่อง...เขาได้ยินคำประกาศนั่นแล้ว เจ็บแสบ เผ็ดร้อน...เธอไม่ได้ตำหนิที่เขานอกใจตรงๆ แต่เธอพาดพิงถึงดาหวัน...ถ้อยคำเหยียดเย้ยกึ่งจะบุลลี่ในความเป็นครู ในการที่ไม่มีโอกาสได้มีผู้ชายดีๆเธอเสียสละเธอเป็นแม่พระ...กับถ้อยแถลงนั้นแต่อาทรแน่ใจเป็นแม่พระที่หัวใจและจิตวิญญาณล่มสลายเขากลับมาที่ห้องพัก ที่ดาหวันรอเขาอยู่ หล่อนเข้ามากอดเขาโอบกอดสองแขนไปรอบตัวหล่อน หากเขาเพิ่งบอก ขอโทษเอกนรีไป ตอนนี้เขาต้องขอโทษดาหวัน“หวัน พี่เสียใจ...” อีกคำกับผู้หญิงอีกคน...มีแต่คำว่าเสียใจ“ทำให้หวันโดนบุลลี่”“หวันเข้าใจเธอนะคะ...เธอนิ่งมาก...สวยงามมากที่ประกาศยกพี่อาทรให้กับหวัน ให้โอกาสหวัน”“ทั้งที่หวันโดนบุลลี่”“หวันไม่ได้เล่นบทนางเอกนะคะ เพีย
เพราะมยุรียอมเสียมารยาทคว้าเครื่องจากมือเขากดปุ่มเปิดเสียงจึงได้ยินชัด“แม่คุณ...ถอย หลังจากไปแย่งเขามาแล้วนี่นะ...ลาออกจากงานให้ผัวเลี้ยงหรือไงจ๊ะ”“พี่ยุ...”“โทร.มาบอกเดชทำไม...เธอก็เคยรู้ว่าเขารักเธอ ชอบเธอ”“ยุ...” เดชชนะพยายามจะห้าม แต่มยุรีถือโทรศัพท์ไว้เอง “แย่งแฟนเพื่อนฉัน แล้วยังทำร้ายเดชอีก ไปไป๊ ไม่ต้องโทร.มาอวดอะไรอีกนะ”“หวันไม่ได้อวด แต่หวันกำลังเครียด”“แล้วไง...จะให้เดชปลอบเธอหรือ ยัยบ้า ไป...ไป”มยุรีกดปุ่มปิด ยัดเยียดเครื่องคืนให้กับเดชชนะ“ไม่ต้องปลอบนะ นี่เค้าหักอกนายนะ เดช”“หักอก?” ก่อนจะส่ายหัว “ยุ...เราไม่ได้รักหวัน...เราอาจจะเคยพอใจ แต่มันไม่ใช่ความรัก ดาหวันเด็ก คิดแบบเด็กโลกยังสวย”แต่มยุรีมีคำจำกัดความชัดเจนกว่านั้น“ดาหวันอาจจะดูไร้เดียงสาสำหรับนายนะ เดช แต่สำหรับเรามองออกว่ายัยนั่นแรดเงียบ”เดชชนะพูดไม่ออก“ถ้าไม่แรด คงไม่เอาผู้ชายของคนอื่นทั้งที่รู้ว่าเขามีคนรัก”“ยุ แรงไปไหม หวันก็คนคุ้นเคยของพวกเรา”มยุรีส่ายหน้าไปมา “จะว่าฉันเข้าบ้างเพื่อนใช่ไหม”“ก็เป็นไปได้นะ”“เดช มองอย่างที่เป็นจริง นายรักยัยหวัน”เขาทำท่าจะปฏิเสธ แต่มยุรียกมือห้าม“นายรัก และม
หญิงสาวหัวเราะคิกคัก ปรายตามอง...เอนตัวมาหาอีกนิด...“อย่า...อย่า” ชายหนุ่มร้องห้าม “นิสัยผมไม่ได้ดีนา... คุณนรี”“ไม่ดียังไงน้อ”“คุณนี่...เป็นดาวยั่วมาจากไหน”“ยั่วสวาทไม่เป็น แต่ยั่วโทสะ นี่ถนัด...”“ใครบอกว่าไม่ยั่วสวาท” เขากอด “ยั่วมาก รู้ไหม...ผมกลัวจริงๆนะ...”“ถ้างั้น ถอยห่างไปนิด...” เธองึมงำ...แต่คนที่ปากบอกว่าถอยห่างไปนิด คือคนที่กระแซะมาติดตัวเขา และสวมกอดเขาตอบ “อยากให้กลัวมากๆ...”“แล้วไงล่ะ ทำท่าเหมือนไม่กลัว”“แหม...ตัวสั่นแล้วนะเนี่ย” เอกนรีเอ่ย ลูกไฟจากกองไฟเล็กๆ แตกได้ยินเสียงเบาๆ กับเสียงแมลงกลางคืนจากต้นไม้ที่อยู่ในระดับต่ำจากเนินที่ปลูกบ้านนี้ “สั่นรอ...”“เดี๋ยวก็เจอดีตรงนี้...บนดิน...บนหญ้า ใต้ฟ้า ใต้จันทร์เสียหรอก”“ไม่เคยเจอ ถือเป็นประสบการณ์”เอกนรีตอบชัดนัก และก่อนจะโดนดี เธอก็กอดเขาไว้แน่น“ปีใหม่...จัดงานแต่ง...ไม่ต้องใหญ่มากนัก ก็ได้...”“ตอนไปขอคุณจากลุง...จะได้ไหมน้อ”“ไม่เป็นไร...ไม่ได้ก็จะแต่ง...ลุงคนเดียวตัดทิ้งได้”“น่ารักเสมอ คนดีของผม”“คุณก็หวานเสมอ จริงๆ นะ เกิดมาเพิ่งเคยเข้าใจว่าทำไมผู้หญิงถึงยอมข้ามขั้น เต็มอกเต็มใจ อยากพลีกาย...หลังจากพ
ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป“รอหลังเพื่อนหนูแต่งก่อนดีกว่าค่ะ...นะคะ...ปีหน้าแล้วกัน”“อาต้องรอข้ามปีเชียวหรือ” “เป็นพ่อม่ายข้ามปี หมักได้ที่นะคะ”ดำรงหัวเราะหึๆ “อ่ะ อีกปี...ข้ามปี...รอได้...”“ให้หนูเข้าใจเรื่องราวพวกนี้ก่อนค่ะ คุณอา...”“เข้าใจอะไร”“สมัยสาวๆ พวกเราเชื่อภาษิตโบราณ...ว่าเราจะไม่ร้องเพลงในครัว เพราะจะได้ผัวแก่”ดำรงทำตาโต“หนูไม่เคยร้องเพลงในครัวเลยนะคะ ไม่ว่าครัวไทย ครัวฝรั่งหรือที่ไหนที่ทำอาหาร...หนูกลัวมีผัวแก่ แล้วนี่อะไรกันคะ...ฮือๆ...” เหมือนกิตติมาครางเล็กน้อยอีกด้วย “หนูจะมีผัวแก่...หนูสับสนค่ะ แม้หนูจะฝ่ากมือหนูไว้กับคุณอา แต่ความจริงคือหนูจะมีผัวแก่”“อย่างเดียวเลย หนูมา” เสียงดำรงอ่อนโยนนัก “ถามใจตัวเองว่ารักอาไหม...จะแก่จะหนุ่มมิใช่ปัญหา ขอเพียงมีใจ”นั่นสินะ...กิตติมาบอกตัวเอง...ขอแค่มีใจ ขอแค่รัก... ในที่สุดหล่อนก็พยักหน้ารับ ความจริง ความรัก สองอย่างเดินไปด้วยกัน หล่อนฮัมเพลงเบาๆ“ถึงแก่แล้วจะรักใครจะทำไม”“ไม่ทำไมหรอกจ้ะ หนูมา แต่ขอหอมแก้มหนูสักฟอดแล้วกันนะ”อัจฉราขอถอนตัวออกไปจากบ้าน จากการดูแลวงและทุกคน เพราะดำรงจะแต่งงานแน่ๆ ในปีหน้า หล่อนพ
เอกนรียอมจะแต่งงานกับเดชชนะ พร้อมกับเขาประกาศถอนตัวจากวงการเพลง สุดท้ายอำลาเวที คืนนี้หลังจากสามเพลงแรกผ่านไป เดชชนะเชิญผู้หญิงคนหนึ่งออกมา พร้อมกับการประกาศร้องเพลง“จะกี่ล้านหยดน้ำตาอย่าสับสน”เอกนรีแต่งตัวด้วยชุดที่เอ๋จัดหาให้...เป็นการขึ้นร้องเพลงครั้งแรกของเธอเสียงประกาศบอกว่าเธอคือผู้จัดการวงคูนแคนเธอคือยูทูปเปอร์ คือเจ้าของคลิปดังๆ หลายคลิป...บนแอพลิแคชั่นที่มาแรงต่างๆแฟนเพลงข้างล่างส่งเสียงกรี๊ดๆ เสียงเอกนรีไพเราะเพราะถูกเทรนมาไม่น้อย ที่พอจะร้องเพลงได้ จึงง่ายที่จะไม่ต้องคร่อมทำนองไม่ผิดคีย์...จบเพลงด้วยคำบอกว่า “โอป้าเดช ให้เพลงนี้กับฉันวันที่โลกของฉันถล่มลงมา วันที่ฉันถูกเท ผู้หญิงที่หลงว่าตัวเองพร้อมถูกเทกะทันหัน ต้องเยียวยาตัวเอง วันที่อ่อนแอและเขาก็บอกว่าไงนะคะ”เธอหันมาถามเขา“กี่ล้านหยดน้ำตาอย่าสับสน จะขอดูแล”เสียงยิ่งดังกว่าเดิม“กาแฟมันขม ใส่ผมแทนนม”เสียงแฟนเพลงกรี๊ดกี่ครั้งแล้ว...ไม่ได้เป็นเสียงไล่แห่ แต่เป็นเสียงชื่นชมกับโมเม้นท์นี้การยอมรับเอกนรีเดชชนะคุกเข่าลงบนเวที...ทีมงานวิ่งมาส่งดอกกุหลาบสีชมพูให้กับเขา1 ช่อใหญ่...เขาขอเอกนรีแต่งงาน“แจ่งง
“เขาเคยรักฉันมากนะ” เอื้อยฟ้าอวด “ก็ที่พังเป็นสิบๆ ปีไม่ใช่เพราะรักฉันหรือ”“จะหลงตัวเองไปถึงไหน เขาหมดแล้ว อ้อ...ตอนนี้เขามีคนรักใหม่แล้วนะ”“ใคร”ก่อนจะถึงกับหน้าถอดสี“กิตติมา เพื่อนของเอกนรี จิตแพทย์ พี่ดำรงบอกทุกคนที่บ้านว่าหลังจากเดชกับเอกนรีแต่งงานกัน เขาจะแต่งกับกิตติมา”“แต่งงาน?”“ใช่”“เขาคิดอะไร เด็กนั่นคราวลูก”“รักไง....เขารักเด็กคนนั้น...เขาดูมีชีวิตชีวาอีกหนนะ เอื้อยฟ้า นั่นคือความจริง ถอยไปจากชีวิตเขาให้ไกลเหมือนยี่สิบกว่าปีที่เธอมาจากบ้านเขา...จากชีวิตเขา จะหวนไปทำไม ผัวหรือลูกหรือ เธอไม่เคยอยากได้ เพราะเธออยากทำรายได้ จะไปเอาคนที่เธอทิ้งมาทำไม”“พูดมาก เอาลูกชายเธอคืนไป”เอ๋ อัจฉรายักไหล่ แล้วตอบหน้าตาเฉยว่า“สุดแต่เขานะ จะอยู่ตรงไหนก็ได้ทั้งนั้น นั่นก็พ่อเขาแท้ๆเธอปั้นเขาสิ...ปั้นเลย ต้าร์มีดีกรีนักร้อวงมากกว่าเดชอีกนะ ทำให้ได้สิ วัดฝีมือเธอกับผัวด้วย”และความจริงต้าร์ไม่ได้ยินดีที่มีพ่อตัวจริงเขาตกใจ...เขาอยากเป็นลูกเอื้อยฟ้ากับดำรง วิลลี่อาจจะดูแลเขาดี และไปขอเมญ่าให้เขา...แต่ตัวเมญ่าเองเป็นฝ่ายหนี หล่อนบอกกับพ่อว่าขอไปอยู่เมืองจีนชั่วคราวด้วยข้ออ้างว่า.
“ผมขอพูดบ้างนะ ย่า” เดชชนะเอ่ย มองดูทุกคนกล่าวคำขอบคุณออกมา “ผมรู้ทุกคน รักและห่วงผม และผมขอบอกว่าผมรู้ว่าตัวเองเป็นใคร อยู่ตรงไหนและจะไปตรงไหนต่อ เรื่องของเอื้อยฟ้า หรือสามีเค้า...เป็นเรื่องอื่น เรื่องของคนนอก...ตอนนี้ผมห่วงแต่ต้าร์ว่าจะลงเอยแบบไหน”“เขาจะมีเมียเป็นตัวเป็นตน ล่าสุดลุงบอกว่าจะไปขอเมญ่าให้เขาค่ะ”“อ่ะนะ ขอนังเด็กคนนั้น” นายดุ่ยรำพึง “จะได้ไหม”“น่าจะได้นะ...บางทีมีเมียอาจจะดีขึ้น และดีอีกข้อ นางจะได้ไม่ยุ่งกับโอป้าของคูนแคนด้วยค่ะ นางยังพยายามอยู่ตลอดนะคะ ตอดนิดตอดหน่อย ไมได้ก็ยังคุยโว...ทำเรื่องเอง”“หึง?” นายดุ่ยแกล้งถามหญิงสาวหัวเราะ “มาก...”อัจฉราเพิ่งขอเข้ามาสมทบ...“ฉันเพิ่งโทร.ไปคุยกับเอื้อยเฟ้า”“ยังไงบ้าง” ดำรงถาม “เอื้อยฟ้าพูดอะไร”“เค้าอยากได้เดชไปทำเพลง...”เดชชนะยิ้มมุมปาก “ขอในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้...”“เค้าอยากเจอเดชนะ”“เจอผม” แล้วชายหนุ่มก็ส่ายหน้า “ทำไมล่ะ เจอเค้าสักครั้งไหม”“ผมเจอมาแล้ว” เขายังจำภาพที่หล่อนชูเงินใบละพันห้าใบหน้าเวทีได้ “เริ่มต้นเจอกันครั้งแรก เค้าก็จะเอาเงินฟาดหัวผม...ห้าพัน...กับทั้งชีวิตที่ผ่านมา...ผมไม่ขอเจอครับ เ
ต้าร์รู้ตัวขึ้นมาอีกทีชีวิตก็ยิ่งบัดซบมากไปกว่าเดิม...ต้องใช้คำนี้ เขาไม่ได้สนใจจะทำตัวให้ดีขึ้นเอื้อยฟ้าวางมือมีแต่วิลลี่ที่หันมาประคบประหงมดูแล...พาไปพบหมอ...ทั้งหมอทางอายุกรรม หมอทางจิตเวช...แต่ต้าร์ก็ยังไม่ได้ดีขึ้น เพลงก็ไม่ได้ทำ และเอกนรีก็บอกกับคนเป็นลุงก่อนกลับไปบุรีรัมย์อีกครั้งว่า“ลุงต้องทบทวนหน่อยแล้วค่ะว่าจะเลี้ยงลูกชายลุงแบบไหน ให้เป็นคนเต็มคน มิใช่หมาขี้เมา เสพยา..บ้าผู้หญิง”เพราะมาอยู่กรุงเทพ ไม่มีเมญ่า ต้าร์ก็ซื้อบริการมากินถึงในบ้าน...“ติดโรคร้ายอีก จะยิ่งเสียใจนะลุง...ที่จริงหนูว่าหาเมียให้เป็นตัวเป็นตนก็ดีกับเขานะ”“เมีย?? ฮ้า...ใคร” วิลลี่ทวนอย่างฉงน“เมญ่า...ผู้หญิงงคนนั้นชื่อเมญ่า เป็นลูกสาวเสี่ยระดับเจ้าพ่อของเมือง มีโรงแรม ไปขอให้เขาสิ ลุง...เพราะตอนนี้ยัยนั่นกำลังไปแย่งยื้อเดช หนูไม่อยากเปิดศึก...อีกอย่างนางก็มีผัวแล้ว มายุ่งกับเดชชนะทำไม...จริงไหม ป้า” หันไปถามเอื้อยฟ้าเสียอีก “บอกสามีป้าไปขอลูกสะใภ้ซะ...บางทีมีเมียเป็นตัวเป็นคนอาจจะดีขึ้น แต่ค่าสินสอดคงแพงหน่อยนะ พ่อเขาดังและรวยจริงเมื่อความจริงปรากฏ ความผิดหวังของเขาก็มีเต็มที่ แต่เขาก็ยังอยากช่วยล
“เรื่องลูกของเรา...ลูกเธอกับดำรง ลูกฉันกับเอ๋”เอื้อยฟ้าไหวตัวอย่างแรง เรื่องนี้ชวนปวดหัวมาพอสมควร “ความจริง...ฉันพบเจอมันแล้ว เอื้อยฟ้า...” เสียงถอนใจหนักๆ ตามมา“ก็ดี...เราจะได้ไปถูกทาง”“ฉันจะทำเพลงต่อให้ต้าร์”“แต่เขาทำไม่ได้”“แล้วไง“ฉันจะไปเอาตัวเดชมา...”“มันคงมาหรอก” เขากระแทกเสียงใส่ “มันอยากได้เธอเป็นแม่ มันแล่นมาแต่แรกแล้ว ขอบอกหน่อยนะ เผื่อจะได้หูตาสว่าง...มันไม่เอาเธอ”เจ็บแปลบ“เพราะเธอทิ้งมันมา”“แล้วใครทำให้ฉันต้องทิ้งมา “ หล่อนเกรี้ยวกราดใส่ “เพราะใคร...ฉันเลือกคุณจนทิ้งลูก...” หล่อนเจ็บช้ำ “เห็นแก่ความรัก แล้วไง...กี่ปี...ที่ฉันทิ้งมา...วันนี้ ก็นะ...ฉันก็อยากเอาเขามาปั่น สายเลือดมีนะ...”ประตูเปิดเข้ามา ตามเคยกับการไร้มารยาทของเอกนรี หญิงสาวคนสวยก้าวเข้ามาทันได้ยินคำพูดของเอื้อยฟ้า หล่อนรีบยกมือห้าม“ขอนะ เอกนรี...อย่าเสือกกับเรื่องนี้” คำแรงตามเคยเสือกเอกนรีหัวเราะเบาๆ“เรื่องของแม่ลูก เธอไม่เกี่ยว”หญิงสาวนั่งลง “ทำไมจะไม่เกี่ยว ฉันกับเขาจะแต่งงานกัน”เอื้อยฟ้าเบิกตากว้าง “อย่าหวัง”“หือ...ว่าไงนะ คุณป้า”“อย่าหวัง ว่าฉันจะยอม”“ไม่ยอม ในฐานะอะไรล่ะ คุ
“ไม่ต้องขอ...ลุย”“เดี๋ยวๆ ไม่ดีเลย ลุยอะไร...ต้องแบบนี้สิ...” เขาก้มหน้าลงมา...มือข้างหนึ่งแตะแผ่นหลัง หญิงสาวแหงนหน้ารับจูบนั้น...ไม่ใช่จูบสะท้านโลก แต่เป็นจูบสะท้านใจได้อย่างมาก“แน่ใจหรือ นรี”วิลลี่เอ่ยถามเมื่อเธอกลับมาบอกกล่าวกับเขาว่าเธอกับ เดชชนะจะแต่งงานกัน“หนูรับชีวิตแบบนั้นได้จริงหรือ”“ทำไมจะไม่ได้คะ”“ลุงไม่อยากจะเชื่อเลย”“เป็นความจริงค่ะ”“แต่ลุงก็โอเคนะ”“ลุงยอมรับเขา...” เอกนรีแสดงท่าประหลาดใจนัก“อยากรู้ไหมว่าทำไม”“ค่ะ”“เพราะลุงคิดว่าเดชชนะน่าเป็นลูกของลุงกับอัจฉรา”เอกนรีหัวเราะขำๆ“ทำไมหนูหัวเราะเยาะ”“น่าจะใช่ค่ะ”“หมายความว่าไง”“น่าจะเป็นนายต้าร์มากกว่านะ”“ทำไม” เขายังกังขา“ตรงๆ นะ เพราะนิสัยหรือสันดานของนายต้าร์เหมือนลุง’แม้อยากโกรธหลานสาว แต่วิลลี่ก็โกรธไม่ลง และยังคิดว่าเพราะเอกนรีจะอ้างเช่นนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาสายเลือด หากยอมรับว่าชอบกับเดชชนะ“หนูกลัวเรื่องสายเลือดหรือ ลูกพี่กับลูกน้อง...ใช่ไหม”“เปล่าค่ะ...หนูไม่กลัวเรื่องนั้นหรอก...แม้อาจจะมีข้อห้ามทางวิทยาศาสตร์ แต่เราก็แค่ลูกพี่ลูกน้อง เลือดยังไม่ได้ชิดมากมาย แต่เพราะเขาไม่ใช่ค่ะ...ข้อเดีย
เดชชนะกลายเป็นนักร้องสุดฮิทสุดฮอทเพราะความสามารถผสมหน้าตาอันหล่อเหลา อีกทั้งเพลงของเขาก็โดนใจคนทุกวัย และเขาเป็นเหมือนหนุ่มน่าเห็นใจ FC สาวๆ จึงมีเข้ามาหาเขามากมาย สิ่งนี้บาดตาและลงไปบาดใจต้าร์มากมาย เป็นรอยแผลและแฝงด้วยแรงอาฆาตมาดร้าย เขามองเห็นทางจะทำลายชื่อเสียงของเดชชนะ โดยอาศัยการร่วมมือจากใครบางคนเมญานี“เป็น FC เดชหน่อยสิ”หล่อนมองหน้าเขา ประคองไว้ในสองมือ“ไม่หวงเหรอ”“อย่าล่าแต้มไหมล่ะ”“ก็น่าสนใจ”เพราะหล่อนชอบสะสมแต้มอยู่แล้ว และอยากลอง เดชชนะดูบ้าง แต่การเข้าถึงเขายากมาก“จะหาทางไหนดีนะ นอกจากตัวเขาจะเข้าถึงยาก ยังมีตรงนั้นอีก”“นังเอกนรีหรือ” ต้าร์ถาม“หมั่นไส้มัน”“กลัวมันทำไม” ต้าร์ยุส่ง“มันดูแล...”“เราจะช่วย”“โจมตีตรงนั้นก่อน”จึงมีข่าวร้ายออกมามากมายเหลือเกินในช่วงสามวันนี้...โจมตีถึงเอกนรี ถึงความสัมพันธ์ที่ซ่อนเร้น...และการเข้ามาทำงานให้กับวงคูนแคน เพราะจะมาคว้าตัวโอป้าไปเอง พวกFC เริ่มฮือฮาแกมหวงแหน...แต่เมญานีเจาะไม่ถึงตัวเดชชนะ มยุรีป้องกันเต็มที่ และตัวเดชชนะก็ไม่เคยเปิดช่องให้หล่อนเลย เมญานีเลยรามือถอยไปเอง หล่อนบอกตัวเองอย่างผยองว่าผู้หญิงอย่าง