Se connecterชื่อเสียงดีเลิศที่สั่งสมก็เพื่อตอบแทนพวกเขาสองคนพ่อลูกที่ดูแลนางอย่างดีตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา
“เว่ยลี่...เจ้ากำลังจะไปที่ใดหรือ?” แม้แววตาจะแตกตื่นตกใจเพียงใด แต่ซุนซืออี้ก็ถามด้วยความสุขุมเคร่งขรึมตามวิสัย
ซุนซูเย่ก็เช่นกัน เขาถามน้องสาวด้วยสุ้มเสียงสำรวมอย่างเป็นห่วงเป็นใย “น้องเว่ยลี่หอบห่อผ้าเช่นนี้ จะไปที่ใดหรือ?”
กระนั้น แม้ทั้งสองจะรักษาท่าทางสุภาพปานใด หากแต่จ้าวเล่อเสียกลับจับสังเกตปฏิกิริยาที่ผิดปกติเล็กน้อยได้
“พวกท่านมีสิ่งใดทำให้ไม่สบายใจหรือไร ไยหัวคิ้วขมวด”
ซุนซืออี้เอามือไพล่หลังส่ายหน้าเบาๆ พลางทอดถอนใจอย่างไม่รู้จะกล่าวอย่างไร เป็นซุนซูเย่ที่เดินเข้ามาหาจ้าวเล่อเสีย จับบ่าน้อยๆ บีบเบาๆ อย่างให้กำลังใจ แล้วค่อยๆ เอ่ยเสียงทุ้มนุ่ม
“เมื่อครู่โจวอวี่ของเจ้าเข้าพบท่านพ่อด้วยหน้าตาบวมปูด เขา...เอ่อ...” ท่าทางยามเอ่ยลำบากใจอย่างยิ่ง
จ้าวเล่อเสียยืนนิ่งเพื่อตั้งใจฟังอย่างสำรวมกิริยา ไร้ท่าทีเดือดเนื้อร้อนใจ ทว่าฝ่ายซุนซูเย่กลับยังคงมีสีหน้ามิสู้ดีเท่าใดนักด้วยไม่รู้จะถนอมน้ำใจคนฟังอย่างไรยามกล่าวประโยคต่อมาว่า “เขาบอกว่าบาดแผลที่ได้รับ ล้วนเป็นฝีมือเจ้า”
จ้าวเล่อเสียยังคงสงวนท่าทีอันเหมาะสม
“อ้อ...เจ้าค่ะ”
ซุนซืออี้สีหน้าเศร้าหมอง แววตาเผยความห่วงใยมากล้น “ข้ารู้ดีว่าที่แท้เจ้ามีวรยุทธ์ ทว่าปกติเจ้ามักควบคุมตัวเองได้ดี ศาสตร์สตรีที่เรียนรู้จนแตกฉาน เจ้าล้วนรักษาไว้ได้อย่างเหมาะสม ไหนเลยเคยหลุดกิริยาอันใด ไฉนโจวอวี่ถึงไม่เห็นความดีกัน?”
จ้าวเล่อเสียมุ่นคิ้ว “เขาบอกเหตุผลที่ต้องการถอนหมั้นเพราะว่าถูกข้าตีหรือเจ้าคะ? หรือเขาขู่ไปแจ้งทางการให้สกุลซุนต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงอันดีงาม”
หากเขากล้าใช้เหตุผลนี้ เขากับนางย่อมต้องได้เห็นดีกัน นางจะตามไปจัดการเขาให้พิการเลยคอยดู ฮึ!
ขณะที่จ้าวเล่อเสียเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างอำมหิตโหดร้าย ซุนซูเย่พลันเอ่ย “เปล่าหรอก เขาบอกว่าตนเองมีหญิงอื่นในใจจึงถูกเจ้าตี ด้วยเหตุนี้เขาจึงขอถอนหมั้นโดยสินสอดให้สกุลเรายึดไว้ ส่วนค่าชดเชยอื่นๆ จะจัดส่งมาภายหลังตามความเหมาะสม เพียงแต่ข้าเห็นสภาพของเขาแล้ว เจ้าลงมือหนักเกินไปหรือไม่? จากที่เขาผิดจะกลายเป็นน่าเห็นใจหรือเปล่า? ผู้อื่นอาจกล่าวโทษเจ้าอย่างไม่เป็นธรรมเอาได้”
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ พ่อลูกคู่นี้กำลังห่วงความรู้สึกนางมากกว่าชื่อเสียงสกุลเสียอีก
จ้าวเล่อเสียมองพวกเขาอย่างซาบซึ้ง
หลังจากออกปากอย่างหนักแน่นว่านางไม่เป็นอันใด ไม่เศร้าไม่เสียใจใดๆ ทั้งสิ้น จนพ่อลูกวางใจลง สาวน้อยก็สนทนากับพวกเขาอีกครู่หนึ่งจึงบอกกล่าวถึงเป้าหมายของตัวเอง
“ข้าปรารถนาท่องเที่ยวอีกแล้วเจ้าค่ะ ช่วงเวลาที่ผ่านมา ข้าอยู่ที่นี่มีความสุขมาก วันนี้จึงถือโอกาสกล่าวอำลาต่อท่านพ่อและพี่ชาย”
แม่นางน้อยลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินตรงไปวาดแขนแล้วกุมมือคารวะซุนซืออี้อย่างเต็มพิธีการ จากนั้นก็หันมาคำนับซุนซูเย่
“ท่านพี่ซูเย่สมควรแต่งงานมีหลานให้ท่านพ่อได้แล้ว ในสายตาสตรีด้วยกันข้ามองออกว่าคุณหนูกัวหมิงเจี๋ยรักท่านมาก ในบรรดาสตรีที่หมายปองท่านนางไม่มีความทะเยอทะยาน มีเพียงความจริงใจที่สุด ทั้งใสซื่อบริสุทธิ์ไร้การเสแสร้งอย่างแท้จริงเจ้าค่ะ”
วาจายาวเหยียดของจ้าวเล่อเสีย ทำซุนซูเย่หน้าแดงก่ำ
สีชาดระเรื่อนั้นลามไปถึงใบหูและลำคอแล้วเขากำมือกระแอมไอกลบเกลื่อนอาการเขินอาย
“พูดอะไรของเจ้าน่ะ”
ซุนซืออี้เห็นบุตรชายผู้สำรวมถึงขั้นหลุดกิริยาจึงหัวเราะหึๆ
จ้าวเล่อเสียเปลี่ยนบรรยากาศตึงเครียดของตนให้กลายเป็นบรรยากาศแสนดีของอีกคนได้อย่างแนบเนียน
ดรุณีน้อยเอียงคอยิ้มระรื่น “หากข้ามาเที่ยวที่นี่อีกครั้งหน้า หวังว่าจะได้เจอท่านกับพี่สะใภ้มีหลานให้อุ้มนะเจ้าคะ”
“จ่ะ เจ้า...”
ซุนซูเย่ถูกเย้าจนขัดเขินเกินไปแล้ว คนยังไม่ทันแต่งงาน อันใดคือเจอเขากับพี่สะใภ้มีหลานให้อุ้ม ข้ามขั้นเหลือเกิน
จากนั้น จ้าวเล่อเสียในชุดบุรุษสีขรึมก็ถึงคราวโบกมืออำลา ท่วงท่ายามเดินออกไปจากประตูช่างห้าวหาญนัก ไหนเลยยังมีดรุณีนางน้อยผู้เรียบร้อยอ่อนหวานแห่งสกุลซุนหลงเหลืออยู่อีก
ทว่าบาดแผลทั้งสามนี้ กลับแลกมาด้วยชีวิตของเหล่านักฆ่าถึงห้าคน พวกมันกลายเป็นซากศพจนเกือบหมดเช่นกันกระนั้นกลับเหลืออีกสี่ห้าคน ทั้งหมดพุ่งเข้าใส่พร้อมกัน การประจัญบานแบบรุมกินโต๊ะเกิดขึ้นกะทันหัน ร่างของหูเย่หรงนอนแน่นิ่งตรงพุ่มหญ้านองเลือด ในขณะที่ร่างสูงสง่าของโจวอวี่พลัดตกหน้าผาในชั่วลมหายใจเดียวนั้นทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงวูบหนึ่งยามที่จ้าวเล่อเสียคลาดสายตาไปเพียงเสี้ยวเวลาปราดเดียว“โจวอวี่!”หญิงสาวรีบวิ่งไปคว้ามือเขาไว้“ไม่นะ โจวอวี่!”มือใหญ่ถูกมือเล็กกอบกุม และทำท่าจะร่วงตามกันลงไป แต่โจวอวี่จะยอมให้มันเกิดขึ้นได้อย่างไรมือหนึ่งสะบัดกระบี่วาดขึ้นเหนือศีรษะนาง อีกมือสะบัดออกจากการกอบกุมนักฆ่าที่กำลังลอบรุกคืบอยู่ด้านหลังจ้าวเล่อเสียพลันล้มตึงพร้อมกับร่างทั้งร่างของโจวอวี่ทิ้งตัวดิ่งลงหุบเหวไร้ก้น ต่อหน้าต่อตาจ้าวเล่อเสีย“โจวอวี่ ไม่นะ....”เสียงกรีดร้องดังลั่นก้องสนั่นทั้งหน้าผา เหล่านกกาต่างกระพือปีกเสียขวัญก่อนสิ้นสติจนภาพตรงหน้าดับวูบ จ้าวเล่อเสียคล้ายเห็นบุรุษหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งปรากฏขึ้น เขาเข้ามาพร้อมวงแขนอบอุ่นที่เข้าปกป้องนางอย่างหวงแหนจ้าวเล่อเสียหลับใ
เสียงร่ำไห้ค่อยๆ จางลง หูเย่หรงเริ่มคล้อยตามจ้าวเล่อเสีย นางเริ่มคิดได้ การอยู่ใกล้พระโพธิสัตว์ ย่อมมองลูกได้จากที่ไกลๆ และอาจได้รับดวงตาพระธรรมส่งผลให้เห็นสามีในอีกภพหนึ่งด้วยหูเย่หรงเช็ดหยาดน้ำตา เงยหน้า ก่อนผงกศีรษะเบาๆ อย่างยอมรับชะตากรรมอีกรูปแบบหนึ่งทว่าพริบตานั้น เสียงสวบพลันดังขึ้น ไม่มีใครตั้งตัวทั้งสิ้น เบื้องหน้าสายตาหูเย่หรง ลูกธนูคมกริบดอกหนึ่งจากที่ไกลพุ่งเข้ามาใกล้แล้วขยายใหญ่ขึ้น ตามติดมาด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรง แล่นปราดจากจุดเดียวลุกลามไปทั่วร่างนางก้มหน้าลงตามสัญชาตญาณก็มองเห็นเลือดไหลทะลักจากหน้าอก สีแดงฉานกระจาย กระไออุ่นที่แผ่ซ่านจากโลหิตสลายหายไปกับสายลมบนยอดหน้าผาแห่งนี้อย่างรวดเร็ว“เย่หรง!” จ้าวเล่อเสียตกใจยิ่ง รีบกอดร่างเปื้อนเลือดไว้“มีคนร้าย” โจวอวี่ลุกขึ้นยืนเป็นโล่กำลังให้สองสตรีทันทีรอบด้านพลันมีเงาดำวูบไหวทั่วทิศ ย่อมเป็นกลุ่มคนชุดดำที่เคยตามติดหมายปลิดชีวิตโจวอวี่ ครานี้พวกมันหอบโทสะ พร้อมความแค้นเทียมฟ้ามาด้วยมิใช่เพียงฆ่าคนแลกเงินอย่างเดียว แต่ต้องการแก้แค้นให้กับสมุนที่ตายเมื่อคราวที่แล้ว ลูกธนูห่าใหญ่โหมเข้าใส่ปานสายฟ้าผ่าระลอกแล้วระลอกเล่า
นอกเขตเมืองอิ๋นโจวบนหน้าผาสูงชันในหุบเขาเถียนซานหูเย่หรงยืนอยู่ตรงนี้นานแล้ว สายตานางทอดมองไปไกล สีหน้าฉายแววทอดอาลัยไร้สิ้นสุด ท่าทางของนางโศกเศร้าเคล้าความอาดูรครุ่นคิดคะนึงถึงมิสร่างซา“ท่านพี่...” กระแสเสียงสั่นเครือแผ่วพร่าเรียกขานคล้ายเรียกใครบางคนบนนภาอันเวิ้งว้าง“เพื่อลูกของเรามีที่พึ่งพิงจนเติบใหญ่ ข้าจึงตัดสินใจเช่นนี้ ข้าทำดีที่สุดแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ? อาจดูเห็นแก่ตัว แต่ข้าอยู่ไม่ได้หากไม่มีท่าน ใจข้าตรึงรักเพียงท่าน มิอาจมอบให้ผู้ใด”หูเย่หรงยิ้มขื่น น้ำตาหลั่งริน “บนสวรรค์ท่านเหงาหรือไม่ ข้าขอตามท่านไปยังภพหน้า เราสองต้องครองคู่กันนิรันดร์”จบคำนางก้าวขึ้นหน้าอย่างเชื่องช้าทว่ากิริยาแน่วแน่มั่นคง ดวงตาทั้งสองหลับลง หยาดน้ำใสกลิ้งบนพวงแก้มแล้วกระจายไปกับสายลม กระนั้นกลับมิอาจแห้งเหือดเรือนร่างบอบบางอ่อนแรงค่อยๆ ทิ้งกายอย่างหมดอาลัย หูเย่หรงตั้งใจจมดิ่งจบชีวิตบนหน้าผาเถียนซานแห่งนี้ทว่าพริบตาพลันมีแรงกระชากมหาศาลดึงนางกลับขึ้นมาสตรีสองคนจึงกอดกันกลิ้งเข้ามาทางฝั่งหญ้านุ่ม ทิ้งห่างจากหน้าผามาไกลพอควรหูเย่หรงมองอย่างงุนงงและคาดไม่ถึง ครั้นพอหายตกใจแล้วตั้งสติได้นางก็
ช่วยมิได้ที่ทั้งคู่ คนหนึ่งชอบสีแดงสดร้อนแรงดุจเปลวเพลิง อีกคนชอบสีขาวจัดความเย็นชาแผ่ซ่านทำผู้พบพานหนาวสะท้านปานยืนอยู่บนแผ่นหิมะกลางธารา ยามเดินไปไหนมาไหนด้วยกันคำว่าโดดเด่นยังน้อยไป ความขัดแย้งนั้นแลดูลงตัวอย่างประหลาด ถึงขนาดที่คนต้องมองเหลียวหลังมาแล้วสาเหตุที่โจวอวี่พูดเรื่องการแต่งกายก็เพราะเขาเห็นกลุ่มคนคล้ายมือสังหารในคืนนั้นเดินป้วนเปี้ยนอยู่หน้าร้านเหล้าไฉจิ้น นี่คือสาเหตุที่คนต้องรีบเดินทาง เขาบอกจ้าวเล่อเสียว่าไม่อาจอยู่เมืองนั้นได้อีก เพราะอาจนำความเดือดร้อนมาให้สองพี่น้องสกุลอี้ในเมืองแห่งนี้ก็เช่นกัน คนทั้งสองมิอาจเปิดเผยตัวตนเข้าเยี่ยมเยือนมู่จินหรือเข้าพำนักเฉกสหายต่างเมืองอย่างผ่าเผยได้ จำต้องลอบสังเกตการณ์จากภายนอกเท่านั้น“ท่านคิดว่าเราควรเลือกเอาชุดไหนดี?” จ้าวเล่อเสียหยิบชุดนั้นชุดนี้ออกมาจากห่อผ้าจัดเตรียมสำหรับตนเองและโจวอวี่ ท่าทีเช่นนี้เหมือนภรรยาดูแลปรนนิบัติสามีไม่ผิดเพี้ยนโจวอวี่ลุกขึ้นคลำทางมาเรื่อยๆ ยกเชิงเทียนมาส่องใกล้ เพ่งมองดูอย่างจริงจัง “เอาชุดสีฟ้า ข้าเห็นว่าเจ้ามี ข้าเองก็มี ใส่เหมือนกันก็ดี”ชุดคู่รัก...นี่ไยม
การเดินทางไปสืบข่าวเรื่องชีวิตหลังคืนดีกับสามีของมู่จิน ส่งผลให้ชายหญิงคู่หนึ่งได้ใช้เวลาว่างยามนั่งในรถม้าให้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างยิ่งเพราะไม่มีงานอันใดให้ทำ สองคนจึงนั่งคุยกันสารพันวาจา“หากเป็นท่านเล่า?” จ้าวเล่อเสียถามขึ้น“อันใด” โจวอวี่เลิกคิ้ว“หากท่านเกิดพลาดท่ามีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสตรีที่มิใช่ภรรยา ท่านจะทำเช่นใด?”นางถามอย่างใคร่รู้ หวังเพียงบุรุษที่พึงใจไม่ทำให้ผิดหวัง“หากเป็นข้า” น้ำเสียงบุรุษราบเรียบ สีหน้าไร้อารมณ์ ทว่าวาจามั่นคงมิสั่นไหว “แน่นอนว่าไม่มีทางพาหญิงใดเข้าเรือนมาเฉือนหัวใจภรรยาตัวเอง หากเกิดเหตุเช่นมีสัมพันธ์กับสตรีอื่นโดยมิตั้งใจข้าย่อมตัดขาดอย่างเด็ดเดี่ยวไม่เกี่ยวข้องใดๆ วิธีย่อมสามัญคือให้เงินนางไปตั้งตัวสักก้อน หาคู่ครองให้ ส่งทั้งคู่ออกไป ให้อยู่ในที่ไกลๆ ไม่ต้องพบพานกับข้าอีกเลยชั่วชีวิต”คนฟังพยักหน้าเห็นด้วย “อืม...จัดการได้ดี” ครู่หนึ่งกลับขมวดคิ้วนิ่วหน้า “แล้วถ้าหากมีสัมพันธ์โดยตั้งใจเล่า ท่านจะเอาเข้าเรือนแล้วพากันมากดดันให้ข้ายอมรับแบบสามีพี่มู่จินหรือ?”ขณะถามตาโตยิ่ง สีหน้าแน่วนิ่งจริงจังประหนึ่งกำลังถูกสามีนอกใจ เขากำลังมีหญิงใดรอพาตัว
เพราะยังแง่งอนอยู่เล็กน้อย จ้าวเล่อเสียจึงเชิดหน้าตอบ “ข้าเป็นจอมยุทธ์หญิงโฉมงามอย่างไรเล่า”ชายหนุ่มเลิกคิ้ว “แค่นั้น”จ้าวเล่อเสียปรายตามองเขา สีหน้าเย่อหยิ่งถือตัวมากขึ้น นางแนะนำตัวเองอีกหน่อยก็ได้“อันที่จริง ข้าชอบออกเร่ร่อนนอกบ้านทำค้าขายอย่างยิ่ง ไม่ชอบหรอกกับการทำตัวสงบเสงี่ยมเรียบร้อยรักษามารยาทดีงามอยู่แต่ในเรือน เพียงแต่ในบรรดาสี่อาชีพสำหรับแคว้นฉินของท่าน คนค้าขายจัดอยู่ระดับท้ายสุด ในสายตาผู้สูงศักดิ์คนค้าขายต่อให้ร่ำรวยมหาศาลก็ล้วนเทียบชั้นมิได้ หากข้าเป็นสตรีที่ค้าขายร่ำรวยก็ไม่ช่วยให้เข้าถึงท่าน”เป็นที่รู้กันระหว่างสองเราว่านางชอบเขามาก ทั้งที่เขามักจะตีสีหน้าเย็นชา ทำท่าวางเฉยหมางเมิน นางก็ยังชอบเขาอยู่ดี วาจานี้จึงไม่จำเป็นต้องเขินอายอันใด พูดได้เต็มที่จ้าวเล่อเสียเชิดหน้าขึ้นอีก “ท่านเข้าใจหรือยัง เพื่อท่าน ข้าต้องลำบากยากเข็นปานใด เห็นถึงความจริงใจของข้าหรือไม่?”ช่างเป็นสตรีที่ผ่าเผยเถรตรงยิ่งโจวอวี่ยิ้ม แววตาที่เห็นได้ห้าส่วนเจือแววขบขันและเอ็นดู แม้กายหยาบพร่าเบลอเลือนราง ทว่าจิตวิญญาณกลับกระจ่างชัด เขาเห็นทุกอย่างของนางได้ลึกซึ้งถึงก้นบึ้งของหัวใจ“แต่เจ้าล





![จะไม่ทนกับบทบาทนางร้าย [รีไรท์ตอนจบ]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)

