LOGINที่สำคัญ มารดาของนาง ตอนที่บิดาเกิดรักปักใจก็ล้วนแต่เป็นช่วงที่แสดงออกเพียงด้านน่ารักและเรียบร้อยอ่อนหวาน
ดังนั้น จ้าวเล่อเสียจึงตั้งมั่นเป็นสตรีดีงาม
ดรุณีน้อยเฝ้าฝึกฝนศาสตร์สตรีแต่เก็บงำประกายที่แท้จริง บ่มเพาะตนเพื่อว่าที่สามีนามโจวอวี่ โชคดีที่นางปราดเปรื่องหัวไว เรียนรู้สิ่งใดล้วนทำออกมาได้ดี
นางอยู่ที่จวนซุนร่ำเรียนศาสตร์สตรีทุกแขนงจนแตกฉาน กลายเป็นกุลสตรีไร้ที่ติภายในเวลาไม่นาน
ยามมีงานเลี้ยงจิบชาชมบุปผาตามฤดูในจวนขุนนางต่างๆ นางไม่เคยพลาดพลั้งทำเสียชื่อเสียง มีเพียงนามที่กระเดื่องเลื่องลือในด้านคุณธรรมจรรยา มีมารยาทสุภาพอ่อนโยนไม่ค้านสายตาผู้ใด เป็นที่ชื่นชมอย่างยิ่ง แม้แต่องค์ชายหลายคนยังหมายตานาง ถึงขั้นยามร่ำเรียนกับซุนซืออี้ยังแอบแวะเวียนมาคารวะอาจารย์บ่อยขึ้นเพื่อให้ได้เห็นนางจากที่ไกลๆ
นางเองก็ทำตัวเหมาะสมอย่างยิ่ง ไม่สุงสิงข้องแวะกับผู้ใด ทั้งที่พวกเขาหากนับลำดับล้วนเป็นหลานท่านตาฉินอู่ตี้เหมือนกัน
นางกับองค์ชายหนุ่มเหล่านั้นเป็นญาติพี่น้องกันก็จริงสมควรอย่างยิ่งกับการผูกไมตรีโดยไม่เผยสายสัมพันธ์ใดๆ หากแต่นางก็ไม่เคยพูดคุยด้วยสักคำ เพียรคงภาพลักษณ์กุลสตรีเป็นสำคัญ
เพื่อโจวอวี่ นางทำตัวเหมาะสมคู่ควรกับคุณชายตระกูลผู้ดีที่เป็นถึงบุตรเสนาบดีและหลานฮองเฮาทุกประการ
หลังจากนั้น สกุลซุนกับสกุลโจวก็พูดคุยเรื่องหมั้นหมาย
ในที่สุด นางกับโจวอวี่ก็กลายเป็นคู่หมั้นกันโดยสมบูรณ์
ทว่าน่าเสียดาย ทุกคราที่เจอหน้าเขา นางที่ทำตัวเรียบร้อยมารยาทดีงามปานใด กลับไม่เคยเข้าตา โจวอวี่มักมองมาอย่างเย่อหยิ่งเย็นชา ไม่มีแม้เศษเสี้ยวเสน่หาในตัวนาง
กระทั่งหมั้นกันได้ไม่นาน เขาก็คล้ายหมดความอดทน ต้องการตัดสิ่งน่ารำคาญใจออกไปโดยการเดินเที่ยวงานลอยโคมกับสตรีอื่นอย่างจงใจให้นางเห็น
และวันนี้ก็อย่างที่เป็น เขาใช้คำพูดตัดรอนนางอย่างใจร้าย
ยิ่งคิดโทสะยิ่งพวยพุ่งจนเส้นเลือดสีแดงแตกซ่านขึ้นม่านตา จ้าวเล่อเสียกะพริบตาเพียงหนึ่งครา เปลวเทียนพลันดับวูบทั้งห้อง กระแสปรานอันตรายทะลักทลายปกคลุมทั่วบริเวณ
นางอุตส่าห์ขยันพากเพียรทำตัวอ่อนโยนนุ่มนวลเพื่อเขา แต่เจ้าตัวบัดซบนั่นกลับไม่เห็นค่า
ฮึ! จืดชืดหรือ? ไม่คู่ควรหรือ?
โต๊ะกลมเบื้องหน้าพลันลั่นดังเปรียะๆ ก่อนจะหักโครม แหลกละเอียดคามือแม่นางน้อย
จ้าวเล่อเสียโมโหอย่างยิ่ง
สองประโยคนั้นของเขาเลวร้ายยิ่งกว่าการที่เขาไปลอยโคมกับหญิงอื่นเสียอีก
นางที่อุตส่าห์ลงทุนลงแรงจนแทบไม่เป็นตัวของตัวเองกลับถูกตราหน้าว่าจืดชืดเนี่ยนะ
ฮึ่ม! คนนะไม่ใช่หัวผักกาด จะได้ไร้รสชาติปานนั้น!
ฮึ! แต่จะว่าไป หัวผักกาดก็หวานกรอบดีอยู่นะ โอ้! นี่นางย่ำแย่ยิ่งกว่าหัวผักกาดอีกหรือ?
จ้าวเล่อเสียเริ่มฟุ้งซ่านไปไกลแล้ว นางไม่เคยเจอเรื่องเช่นนี้ พี่ชายทั้งสองต่างก็รักนาง พี่สะใภ้ก็รักนาง บิดามารดาท่านตาทวดล้วนรักนาง
ไม่เคยมีบุรุษใดสะบั้นรักนาง
ท่าทางร้างเยื่อใยเช่นนั้น...ช่างน่าเจ็บใจเกินไปแล้ว!
ไม่ง่ายเลยกว่าจ้าวเล่อเสียจะสงบสติได้
หลังจากนั่งทำสมาธิกำหนดลมหายใจเพื่อควบคุมลมปรานจนสงบสติอารมณ์ได้แล้ว จ้าวเล่อเสียก็จัดการเก็บสัมภาระทันที
พอทีความรักเหลวไหลไร้แก่นสาร นางจะยืนหยัดในหลักการที่ว่าสองฝ่ายต้องพึงพอใจกันและกัน ให้เกียรติกันและเสมอภาคเท่าเทียม เรื่องหัวใจต้องไม่มีใครบังคับใครทั้งสิ้น
นับจากนี้นางจะกินนอนท่องยุทธภพไม่สนกฎเกณฑ์ เอาดีด้านวรยุทธ์ เดินทางทำการค้า ไม่สนใจบุรุษหน้าไหนทั้งนั้น
ครั้นออกมานอกห้อง ได้พบเจอกับซุนซืออี้กับซุนซูเย่กำลังหน้าเคร่งขรึมอยู่ในโถงเรือนรับรอง จ้าวเล่อเสียคิดว่าพวกเขาคงนั่งถกตำราปราชญ์กัน จึงรักษากิริยามารยาทอันดีงามไว้ นางค่อยๆ เดินเข้ามาแล้วยอบกายคารวะบุรุษทั้งสองอย่างอ่อนหวานนุ่มนวล
“คารวะท่านพ่อบุญธรรม พี่ชาย...”
การทำตัวอ่อนโยนดุจสายน้ำอันไร้ที่ติไม่มีด่างพร้อยเช่นนี้ ดรุณีผู้หนึ่งมิได้ทำเพื่อเอาอกเอาใจโจวอวี่อย่างเดียว แต่นางทำเพื่อรักษาเกียรติและหน้าตาของสกุลซุนไว้ด้วย
ทว่าบาดแผลทั้งสามนี้ กลับแลกมาด้วยชีวิตของเหล่านักฆ่าถึงห้าคน พวกมันกลายเป็นซากศพจนเกือบหมดเช่นกันกระนั้นกลับเหลืออีกสี่ห้าคน ทั้งหมดพุ่งเข้าใส่พร้อมกัน การประจัญบานแบบรุมกินโต๊ะเกิดขึ้นกะทันหัน ร่างของหูเย่หรงนอนแน่นิ่งตรงพุ่มหญ้านองเลือด ในขณะที่ร่างสูงสง่าของโจวอวี่พลัดตกหน้าผาในชั่วลมหายใจเดียวนั้นทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงวูบหนึ่งยามที่จ้าวเล่อเสียคลาดสายตาไปเพียงเสี้ยวเวลาปราดเดียว“โจวอวี่!”หญิงสาวรีบวิ่งไปคว้ามือเขาไว้“ไม่นะ โจวอวี่!”มือใหญ่ถูกมือเล็กกอบกุม และทำท่าจะร่วงตามกันลงไป แต่โจวอวี่จะยอมให้มันเกิดขึ้นได้อย่างไรมือหนึ่งสะบัดกระบี่วาดขึ้นเหนือศีรษะนาง อีกมือสะบัดออกจากการกอบกุมนักฆ่าที่กำลังลอบรุกคืบอยู่ด้านหลังจ้าวเล่อเสียพลันล้มตึงพร้อมกับร่างทั้งร่างของโจวอวี่ทิ้งตัวดิ่งลงหุบเหวไร้ก้น ต่อหน้าต่อตาจ้าวเล่อเสีย“โจวอวี่ ไม่นะ....”เสียงกรีดร้องดังลั่นก้องสนั่นทั้งหน้าผา เหล่านกกาต่างกระพือปีกเสียขวัญก่อนสิ้นสติจนภาพตรงหน้าดับวูบ จ้าวเล่อเสียคล้ายเห็นบุรุษหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งปรากฏขึ้น เขาเข้ามาพร้อมวงแขนอบอุ่นที่เข้าปกป้องนางอย่างหวงแหนจ้าวเล่อเสียหลับใ
เสียงร่ำไห้ค่อยๆ จางลง หูเย่หรงเริ่มคล้อยตามจ้าวเล่อเสีย นางเริ่มคิดได้ การอยู่ใกล้พระโพธิสัตว์ ย่อมมองลูกได้จากที่ไกลๆ และอาจได้รับดวงตาพระธรรมส่งผลให้เห็นสามีในอีกภพหนึ่งด้วยหูเย่หรงเช็ดหยาดน้ำตา เงยหน้า ก่อนผงกศีรษะเบาๆ อย่างยอมรับชะตากรรมอีกรูปแบบหนึ่งทว่าพริบตานั้น เสียงสวบพลันดังขึ้น ไม่มีใครตั้งตัวทั้งสิ้น เบื้องหน้าสายตาหูเย่หรง ลูกธนูคมกริบดอกหนึ่งจากที่ไกลพุ่งเข้ามาใกล้แล้วขยายใหญ่ขึ้น ตามติดมาด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรง แล่นปราดจากจุดเดียวลุกลามไปทั่วร่างนางก้มหน้าลงตามสัญชาตญาณก็มองเห็นเลือดไหลทะลักจากหน้าอก สีแดงฉานกระจาย กระไออุ่นที่แผ่ซ่านจากโลหิตสลายหายไปกับสายลมบนยอดหน้าผาแห่งนี้อย่างรวดเร็ว“เย่หรง!” จ้าวเล่อเสียตกใจยิ่ง รีบกอดร่างเปื้อนเลือดไว้“มีคนร้าย” โจวอวี่ลุกขึ้นยืนเป็นโล่กำลังให้สองสตรีทันทีรอบด้านพลันมีเงาดำวูบไหวทั่วทิศ ย่อมเป็นกลุ่มคนชุดดำที่เคยตามติดหมายปลิดชีวิตโจวอวี่ ครานี้พวกมันหอบโทสะ พร้อมความแค้นเทียมฟ้ามาด้วยมิใช่เพียงฆ่าคนแลกเงินอย่างเดียว แต่ต้องการแก้แค้นให้กับสมุนที่ตายเมื่อคราวที่แล้ว ลูกธนูห่าใหญ่โหมเข้าใส่ปานสายฟ้าผ่าระลอกแล้วระลอกเล่า
นอกเขตเมืองอิ๋นโจวบนหน้าผาสูงชันในหุบเขาเถียนซานหูเย่หรงยืนอยู่ตรงนี้นานแล้ว สายตานางทอดมองไปไกล สีหน้าฉายแววทอดอาลัยไร้สิ้นสุด ท่าทางของนางโศกเศร้าเคล้าความอาดูรครุ่นคิดคะนึงถึงมิสร่างซา“ท่านพี่...” กระแสเสียงสั่นเครือแผ่วพร่าเรียกขานคล้ายเรียกใครบางคนบนนภาอันเวิ้งว้าง“เพื่อลูกของเรามีที่พึ่งพิงจนเติบใหญ่ ข้าจึงตัดสินใจเช่นนี้ ข้าทำดีที่สุดแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ? อาจดูเห็นแก่ตัว แต่ข้าอยู่ไม่ได้หากไม่มีท่าน ใจข้าตรึงรักเพียงท่าน มิอาจมอบให้ผู้ใด”หูเย่หรงยิ้มขื่น น้ำตาหลั่งริน “บนสวรรค์ท่านเหงาหรือไม่ ข้าขอตามท่านไปยังภพหน้า เราสองต้องครองคู่กันนิรันดร์”จบคำนางก้าวขึ้นหน้าอย่างเชื่องช้าทว่ากิริยาแน่วแน่มั่นคง ดวงตาทั้งสองหลับลง หยาดน้ำใสกลิ้งบนพวงแก้มแล้วกระจายไปกับสายลม กระนั้นกลับมิอาจแห้งเหือดเรือนร่างบอบบางอ่อนแรงค่อยๆ ทิ้งกายอย่างหมดอาลัย หูเย่หรงตั้งใจจมดิ่งจบชีวิตบนหน้าผาเถียนซานแห่งนี้ทว่าพริบตาพลันมีแรงกระชากมหาศาลดึงนางกลับขึ้นมาสตรีสองคนจึงกอดกันกลิ้งเข้ามาทางฝั่งหญ้านุ่ม ทิ้งห่างจากหน้าผามาไกลพอควรหูเย่หรงมองอย่างงุนงงและคาดไม่ถึง ครั้นพอหายตกใจแล้วตั้งสติได้นางก็
ช่วยมิได้ที่ทั้งคู่ คนหนึ่งชอบสีแดงสดร้อนแรงดุจเปลวเพลิง อีกคนชอบสีขาวจัดความเย็นชาแผ่ซ่านทำผู้พบพานหนาวสะท้านปานยืนอยู่บนแผ่นหิมะกลางธารา ยามเดินไปไหนมาไหนด้วยกันคำว่าโดดเด่นยังน้อยไป ความขัดแย้งนั้นแลดูลงตัวอย่างประหลาด ถึงขนาดที่คนต้องมองเหลียวหลังมาแล้วสาเหตุที่โจวอวี่พูดเรื่องการแต่งกายก็เพราะเขาเห็นกลุ่มคนคล้ายมือสังหารในคืนนั้นเดินป้วนเปี้ยนอยู่หน้าร้านเหล้าไฉจิ้น นี่คือสาเหตุที่คนต้องรีบเดินทาง เขาบอกจ้าวเล่อเสียว่าไม่อาจอยู่เมืองนั้นได้อีก เพราะอาจนำความเดือดร้อนมาให้สองพี่น้องสกุลอี้ในเมืองแห่งนี้ก็เช่นกัน คนทั้งสองมิอาจเปิดเผยตัวตนเข้าเยี่ยมเยือนมู่จินหรือเข้าพำนักเฉกสหายต่างเมืองอย่างผ่าเผยได้ จำต้องลอบสังเกตการณ์จากภายนอกเท่านั้น“ท่านคิดว่าเราควรเลือกเอาชุดไหนดี?” จ้าวเล่อเสียหยิบชุดนั้นชุดนี้ออกมาจากห่อผ้าจัดเตรียมสำหรับตนเองและโจวอวี่ ท่าทีเช่นนี้เหมือนภรรยาดูแลปรนนิบัติสามีไม่ผิดเพี้ยนโจวอวี่ลุกขึ้นคลำทางมาเรื่อยๆ ยกเชิงเทียนมาส่องใกล้ เพ่งมองดูอย่างจริงจัง “เอาชุดสีฟ้า ข้าเห็นว่าเจ้ามี ข้าเองก็มี ใส่เหมือนกันก็ดี”ชุดคู่รัก...นี่ไยม
การเดินทางไปสืบข่าวเรื่องชีวิตหลังคืนดีกับสามีของมู่จิน ส่งผลให้ชายหญิงคู่หนึ่งได้ใช้เวลาว่างยามนั่งในรถม้าให้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างยิ่งเพราะไม่มีงานอันใดให้ทำ สองคนจึงนั่งคุยกันสารพันวาจา“หากเป็นท่านเล่า?” จ้าวเล่อเสียถามขึ้น“อันใด” โจวอวี่เลิกคิ้ว“หากท่านเกิดพลาดท่ามีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสตรีที่มิใช่ภรรยา ท่านจะทำเช่นใด?”นางถามอย่างใคร่รู้ หวังเพียงบุรุษที่พึงใจไม่ทำให้ผิดหวัง“หากเป็นข้า” น้ำเสียงบุรุษราบเรียบ สีหน้าไร้อารมณ์ ทว่าวาจามั่นคงมิสั่นไหว “แน่นอนว่าไม่มีทางพาหญิงใดเข้าเรือนมาเฉือนหัวใจภรรยาตัวเอง หากเกิดเหตุเช่นมีสัมพันธ์กับสตรีอื่นโดยมิตั้งใจข้าย่อมตัดขาดอย่างเด็ดเดี่ยวไม่เกี่ยวข้องใดๆ วิธีย่อมสามัญคือให้เงินนางไปตั้งตัวสักก้อน หาคู่ครองให้ ส่งทั้งคู่ออกไป ให้อยู่ในที่ไกลๆ ไม่ต้องพบพานกับข้าอีกเลยชั่วชีวิต”คนฟังพยักหน้าเห็นด้วย “อืม...จัดการได้ดี” ครู่หนึ่งกลับขมวดคิ้วนิ่วหน้า “แล้วถ้าหากมีสัมพันธ์โดยตั้งใจเล่า ท่านจะเอาเข้าเรือนแล้วพากันมากดดันให้ข้ายอมรับแบบสามีพี่มู่จินหรือ?”ขณะถามตาโตยิ่ง สีหน้าแน่วนิ่งจริงจังประหนึ่งกำลังถูกสามีนอกใจ เขากำลังมีหญิงใดรอพาตัว
เพราะยังแง่งอนอยู่เล็กน้อย จ้าวเล่อเสียจึงเชิดหน้าตอบ “ข้าเป็นจอมยุทธ์หญิงโฉมงามอย่างไรเล่า”ชายหนุ่มเลิกคิ้ว “แค่นั้น”จ้าวเล่อเสียปรายตามองเขา สีหน้าเย่อหยิ่งถือตัวมากขึ้น นางแนะนำตัวเองอีกหน่อยก็ได้“อันที่จริง ข้าชอบออกเร่ร่อนนอกบ้านทำค้าขายอย่างยิ่ง ไม่ชอบหรอกกับการทำตัวสงบเสงี่ยมเรียบร้อยรักษามารยาทดีงามอยู่แต่ในเรือน เพียงแต่ในบรรดาสี่อาชีพสำหรับแคว้นฉินของท่าน คนค้าขายจัดอยู่ระดับท้ายสุด ในสายตาผู้สูงศักดิ์คนค้าขายต่อให้ร่ำรวยมหาศาลก็ล้วนเทียบชั้นมิได้ หากข้าเป็นสตรีที่ค้าขายร่ำรวยก็ไม่ช่วยให้เข้าถึงท่าน”เป็นที่รู้กันระหว่างสองเราว่านางชอบเขามาก ทั้งที่เขามักจะตีสีหน้าเย็นชา ทำท่าวางเฉยหมางเมิน นางก็ยังชอบเขาอยู่ดี วาจานี้จึงไม่จำเป็นต้องเขินอายอันใด พูดได้เต็มที่จ้าวเล่อเสียเชิดหน้าขึ้นอีก “ท่านเข้าใจหรือยัง เพื่อท่าน ข้าต้องลำบากยากเข็นปานใด เห็นถึงความจริงใจของข้าหรือไม่?”ช่างเป็นสตรีที่ผ่าเผยเถรตรงยิ่งโจวอวี่ยิ้ม แววตาที่เห็นได้ห้าส่วนเจือแววขบขันและเอ็นดู แม้กายหยาบพร่าเบลอเลือนราง ทว่าจิตวิญญาณกลับกระจ่างชัด เขาเห็นทุกอย่างของนางได้ลึกซึ้งถึงก้นบึ้งของหัวใจ“แต่เจ้าล



![จะไม่ทนกับบทบาทนางร้าย [รีไรท์ตอนจบ]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)



