Share

ใต้เงาจันทราข้านี้มิอาจเร้น
ใต้เงาจันทราข้านี้มิอาจเร้น
Author: Luffy.g

ภาพบาดตาบาดใจ

Author: Luffy.g
last update Last Updated: 2025-05-20 01:29:49

บทที่ 1 ภาพบาดตาบาดใจ

แสงแดดยามเช้าส่องลอดผ่านม่านโปร่งสีงาช้าง ลูบไล้ไปตามลำแขนเนียนของหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงไม้หอมสลักลวดลายมังกรหยก สายลมอ่อน ๆ พัดกลิ่นบุปผาเจือจางผ่านหน้าต่างเข้ามา

ทว่าเสียงกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนกจากสาวใช้ด้านนอกกลับทำให้หญิงสาวสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาด้วยความงุนงง “คุณหนู คุณหนู...เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”

หญิงสาวยังไม่ทันไม่รู้สึกตัวดี เสียงฝีเท้าดังถี่ก็ปรี่เข้ามา ฉู่อันหลานค่อยๆ ปรือตาขึ้นจากความมึนงงในหัวสมอง ความเย็นวาบประหลาดไล่จากสันหลังขึ้นถึงท้ายทอย ขณะที่นัยน์ตากลมโตเบิกโพลงขึ้น เมื่อพบว่าร่างกายของตนเอง...ไม่มีอาภรณ์ใดคลุมกาย

มือเรียวยกขึ้นกอดอกด้วยความตกใจ ร่างบางสั่นสะท้าน ลมหายใจหอบถี่อย่างมิอาจควบคุม และก่อนที่นางจะได้ทันตั้งสติ เสียงครางแผ่วเบาก็ลอยมาจากข้างกาย

ฉู่อันหลานเบือนหน้าไปทางต้นเสียง แล้วดวงหน้าที่เคยขาวเนียนก็ซีดเผือดลงในทันที สัญชาตญาณที่มีอยู่อย่างน้อยนิดจากสติที่พร่าเลือนทำให้นางรีบยกสองมือดึงรั้งเสื้อผ้าขึ้นมาสวมใส่อย่างลวกๆ เพื่อปกปิดร่างกายที่เปล่าเปลือยของตนเองเอาไว้

“ท่าน...องค์ชายหยาง...นี่ท่าน...ท่านมาอยู่ที่นี่ได้เช่นใด” เสียงแผ่วหวิวราวกับความฝันดังขึ้นอย่างแทบไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง บุรุษหนุ่มนอนเคียงข้างนางด้วยสภาพที่มิได้แตกต่างกันมากนัก

และแม้ว่าฉู่อันหลานจะพยายามทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากเท่าใด นางกลับพบเพียงความว่างเปล่าและภาพอันเลือนรางจนไม่อาจจับต้นชนปลายได้ถูก จะมีก็แต่เพียงร่างกายตรงส่วนกลางที่รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาให้นางได้สะท้านเยือกไปทั่วอก และนั่นทำให้ฉู่อันหลานได้ตระหนักว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างตนเองกับบุรุษตรงหน้านั้น ยากที่จะย้อนกลับเสียแล้ว

ชายหนุ่มที่นอนอยู่ด้านข้างคือหยางตงหยาง องค์ชายตัวประกันต่างแคว้นจากแคว้นหนาน เขามีใบหน้าคมคายราวหยกสลัก นัยน์ตาเรียวยาวราวกับตวัดพู่กันขึ้น เส้นผมดำสนิทยาวคลอเคลียกับหมอนและแผ่นอกเปลือยเปล่าเปื้อนรอยแดงที่บ่งบอกถึงค่ำคืนที่ผ่านพ้นไป

“อืม...”

หยางตงหยางขยับกายเล็กน้อยก่อนปรือตาขึ้น ดวงตาสีนิลที่มีแววเคร่งขรึมและเฉียบคมสบเข้ากับดวงหน้าตื่นตระหนกของหญิงสาวตรงหน้า ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ ก่อนจะไล่สายตามองจากดวงหน้าแดงจัดของฉู่อันหลาน สายตาไล่ต่ำลงไปยังเรือนกายขาวนวลของนางที่บัดนี้เต็มไปด้วยร่องรอยแดงเรื่อเป็นจุดๆ อย่างไม่ได้ตั้งใจ

ฉู่อันหลานเห็นสายตาลามเลียเช่นนั้นก็ถลึงตาเข้าใส่พร้อมกับดึงผ้าห่มขึ้นปิดบังร่างกายของตนเองอย่างลนลาน

“ข้า...นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้น” หยางตงหยางถามเสียงแผ่ว แต่ภายในหัวกลับประมวลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

“ท่าน...ท่านยังจะมีหน้ามาถามอีกหรือ” ฉู่อันหลานตะโกนใส่เสียงสะอื้น ดวงตารื้นน้ำตาอย่างเจ็บช้ำ ก่อนจะพุ่งกายตรงเข้าทุบตีร่างหนาตรงหน้าราวกับบ้าคลั่ง “ท่านทำเช่นนี้กับข้าได้เช่นใด...ท่านมันคนสารเลว”

ยังไม่ทันที่หยางตงหยางจะทันได้พูดคุยสิ่งใดต่อ ประตูห้องก็ถูกผลักออกอย่างแรง เสวียนเฟยหลงก้าวเข้ามาภายในห้อง พร้อมสายตาที่แข็งกร้าวและดุดัน ร่างสูงสง่าภายใต้ชุดประจำตำแหน่งสีฟ้าสว่างของรัชทายาทแคว้นเว่ยก็หยุดยืนอยู่ตรงหน้าอย่างไม่ปิดบังความขุ่นเคือง

“หลานเอ๋อร์...เจ้า...” เขาเอ่ยเสียงแผ่ว แววตาในตอนนั้นเปี่ยมไปด้วยความผิดหวังปนสับสน ภาพตรงหน้าที่ได้เห็นมิอาจทำให้เขาคิดเป็นอื่นได้อีก ว่าที่พระชายาของเขากลับลักลอบหลับนอนกับองค์ชายไร้ค่าคนหนึ่งอย่างอุกอาจ

ฉู่อันหลานหันไปสบตากับคู่หมั้นหนุ่ม ใบหน้างดงามที่เคยเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาบัดนี้หม่นหมองราวกลีบดอกเหมยในฤดูหนาว น้ำตาไหลรินลงสองแก้มขาวอย่างไร้สิ้นเสียงอันใด

“พี่เฟยหลง...ไม่ใช่...ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น...ข้า...” ฉู่อันหลานพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ความสับสนก่อตัวขึ้นมาจนนางเองก็ยากจะปฏิเสธสิ่งใดไปได้มากกว่านี้อีก

“หลานเอ๋อร์...พวกเรากำลังจะแต่งงานกัน...” เสวียนเฟยหลงพูดพ้อออกมา พร้อมกับเบือนหน้าหนีอย่างไม่อาจเชื่อสายตา “แต่เจ้า...เจ้ากลับนอนอยู่กับชายอื่นใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน...ในสภาพเช่นนี้”

น้ำเสียงที่เย็นเยือกราวกับกรีดลึกแทงเข้าที่หัวใจ ฉู่อันหลานได้แต่ก้มหน้าพร้อมน้ำตาที่รินไหลออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน

“องค์ชายเสวียน...ท่านโปรดระงับโทสะด้วย” หยางตงหยางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ดวงตากลับแฝงแววเยียบเย็นราวกับมิรู้สึกรู้สาอันใด

“หุบปากเจ้าเสีย...เจ้ากล้าล่วงเกินผู้หญิงของข้า...ข้าจะให้เจ้าได้ชดใช้...ข้าจะให้เจ้าตายอย่างไม่มีที่ฝัง” เสวียนเฟยหลงสบถออกมาด้วยความแค้นเคือง ดวงตาหรี่ลงพร้อมแววตาหมายมาดราวกับต้องการให้อีกฝ่ายแดดิ้นไปต่อหน้าต่อตา

หยางตงหยางหัวเราะในลำคอ ดวงหน้าที่สงบนิ่งบัดนี้กลับเผยแววเย้ยหยันจางๆ “เช่นนั้นก็แล้วแต่ท่านเถิด”

“เจ้า...” เสวียนเฟยหลงกำหมัดแน่น ท่าทางยียวนของชายหนุ่มตรงหน้าทำให้เขาแทบบ้าคลั่ง ชายหนุ่มที่เป็นเพียงองค์ชายตัวประกันกลับกล้าหยามเกียรติล่วงเกินว่าที่พระชายาของเขาต่อหน้าต่อตา หนำซ้ำยังทำท่าทีราวกับผู้ชนะก็ไม่ปาน

ฉู่อันหลานตัวแข็งทื่อ หัวใจราวถูกใครบีบไว้แน่นจนหายใจไม่ออก สถานการณ์ตรงหน้าทำให้นางมิอาจทำการสิ่งใดได้นอกจากก้มหน้านิ่ง แต่เมื่อฉู่อันหลานปรายตาขึ้นสบกับสายตาของเสวียนเฟยหลง นางก็ต้องชะงักค้างเมื่อดวงตาดังกล่าวกลับเต็มไปด้วยความเคียดแค้นราวกับจะแผดเผาคนตรงหน้าให้มอดไหม้เป็นจุณ

“ทหาร...คุมตัวหยางตงหยางไปกักขัง...รอการสอบสวน” เสียงเข้มดังขึ้นอีกครั้งราวกับฟ้าถล่มดินทลาย

ทหารพากันกรูเข้ามาเพื่อคุมหยางตงหยางตามคำสั่ง แต่ชายหนุ่มกลับลุกขึ้นยืนตรงพร้อมก้าวเท้าเดินไปด้านหน้าอย่างมั่นคง และในระหว่างที่เดินผ่านเสวียนเฟยหลง เขาก็ได้กล่าวเพียงคำสั้นๆ ออกมาอย่างราบเรียบ “ข้าเดินเองได้”

เสวียนเฟยหลงกำมือแน่นด้วยความเจ็บแค้น เมื่อทั่วทั้งห้องหลงเหลือเพียงเขาและหญิงสาวตามลำพัง

เสวียนเฟยหลงเพียงปรายตามองไปยังหญิงสาวคนรักด้วยท่าทีที่เย็นเยือก “หลานเอ๋อร์...นับแต่นี้...เจ้าจงอยู่แต่ในเรือน อย่าได้ออกไปพบใครอีก”

สิ้นเสียงคำสั่ง เสวียนเฟยหลงก็สะบัดกายเดินออกจากห้องไปโดยไม่เหลียวมองมาที่ฉู่อันหลานแม้แต่น้อย

ภายในห้องเงียบสงัดลง หลงเหลือเพียงฉู่อันหลานตามลำพัง นางทรุดตัวลงพร้อมกับความสิ้นหวังที่มี ชีวิตของนางได้จบสิ้นลงนับแต่วินาทีนี้เสียแล้ว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ใต้เงาจันทราข้านี้มิอาจเร้น   วันใหม่

    บทที่ 58 วันใหม่ ฤดูใบไม้ผลิที่แคว้นหนานกลับมาอีกครา กลีบดอกเหมยผลิบานสะพรั่งไปทั่วลานกว้างในสวนหลวง ทว่าครั้งนี้กลับอบอวลไปด้วยความสุขและความอบอุ่นที่แผ่ซ่านไปทั่วบริเวณ หยางตงหยางเดินเคียงข้างมากับฉู่อันหลาน ฮองเฮาของเขา และหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวในวังหลังแห่งนี้ แม้ว่าจะมีเสียงทัดทานมากมายที่ต้องการให้ชายหนุ่มรับสนมเข้ามาภายในวังหลังเพื่อเติมเต็มอำนาจและบารมีของฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่ แต่เขากลับยืนกรานเสียงแข็งและมิยอมรับหญิงใดเข้ามาแม้แต่คนเดียว ร่างสูงใหญ่โอบประคองร่างระหงอย่างแนบแน่นและทะนุถนอม ทั้งสองเดินทอดน่องไปตามทางเดินในสวนหลวงอย่างเชื่องช้า ดื่มด่ำกับช่วงเวลาอันแสนสุขราวกับช่วงเวลาได้หยุดชะงักลงไป “หลานเอ๋อร์...” หยางตงหยางเอ่ยขึ้นพร้อมเลิกคิ้วอย่างสงสัย “เหตุใดวันนี้เจ้าลูกดื้อทั้งสองถึงได้เงียบเชียบนัก มิเห็นวิ่งวุ่นสร้างเรื่องให้ข้าปวดหัวเหมือนเช่นเคย” ฉู่อันหลานหัวเราะเบาๆ พร้อมยกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย โดยมิได้กล่าวสิ่งใด หากนางบอกออกไปมีหวังชายหนุ่มคงได้ควันออกหูอีกครั้งเป็นแน่ ณ ศาลาริมสระ หยางฟางซินและหยางซูเมิ่งน

  • ใต้เงาจันทราข้านี้มิอาจเร้น   ร่ำลา

    บทที่ 57 ร่ำลา ข่าวการเสียชีวิตของฮองเฮาแห่งแคว้นเว่ยพร้อมกับบุตรทั้งสองถูกกระพือไปทั่วแคว้นไม่ต่างจากไฟลามทุ่ง ภายในวังหลวงของแคว้นเว่ย จัดพิธีศพอย่างยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ เสวียนเฟยหลงในฉลองพระองค์สีขาวขลิบทองยืนอยู่ด้านหน้าโลงเปล่า ใบหน้าที่เรียบเฉยจ้องมองโลงเปล่านั้นด้วยแววตาเศร้าหมองคล้ายจะอาลัยอยู่ในที “ข้าหวังว่าเจ้าจะมีความสุขในหนทางที่เจ้าเลือก” ชายหนุ่มพึมพำออกมาราวกับกระซิบให้กับหญิงอันเป็นที่รักยิ่งเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากพิธีศพผ่านพ้นไปได้ไม่นาน เหล่าขุนนางต่างพากันยื่นฎีกาขึ้นมาหลายต่อหลายฉบับ...เรียกร้องให้เสวียนเฟยหลงแต่งตั้งฮองเฮาคนใหม่โดยเร็ว ด้วยเหตุผลที่ว่าแคว้นเว่ยต้องการผู้ปกครองที่เหมาะสมในวังหลังเพื่อให้บัลลังก์มั่นคงและเป็นปึกแผ่น และผู้ใดจะเหมาะสมไปกว่า "โม่ชิงโหล" สนมเฟยผู้เป็นที่โปรดปราน ธิดาของใต้เท้าโม่ซางเหวินไปได้ เสวียนเฟยหลงปรายตามองฎีกาเหล่านั้นด้วยใบหน้าที่เฉยชา ก่อนจะยกยิ้มมุมปากราวกับคนที่มีแผนการในใจ “เรียกตัวแม่ทัพหลี่มาเข้าเฝ้าเดี๋ยวนี้” แม่ทัพหลี่มาถึงในเวลาไม่ช้า พร้อมกับคุกเข่าลง “ฝ่าบาท...มีรับสั่งสิ่งใ

  • ใต้เงาจันทราข้านี้มิอาจเร้น   ถวิลหา

    บทที่ 56 ถวิลหา หลังจากฉู่อันหลานพาเสวียนฟางซินและเสวียนซูเมิ่งกลับเรือน นางก็อยู่กล่อมบุตรชายบุตรสาวจนกระทั่งพวกเขาเข้านอนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากนั้นหญิงสาวก็ตัดสินใจเดินตรงไปยังเรือนนอนของหยางตงหยางอีกครั้ง “เฮ้อ..เฮ้อ...” เสียงถอนหายใจหนักดังถี่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ฉู่อันหลานถึงกับยกยิ้มขึ้นมาอย่างนึกขบขันและเห็นใจชายหนุ่มในเวลาเดียวกัน เวลานี้หยางตงหยางยังคงนอนเอนกายก่ายหน้าผากด้วยความหนักใจ สายตาเหม่อลอยจ้องมองไปยังเพดานอย่างไร้จุดหมาย หัวสมองของเขาเอาแต่ครุ่นคิดอย่างหนักกับความสัมพันธ์ของบุตรทั้งสอง แม้ว่าเวลานี้ระยะห่างระหว่างเขากับเด็กน้อยจะเขยิบเข้ามาใกล้อีกนิด แต่ก็ระยะห่างนั้นกลับช่างดูห่างไกลเสียเหลือเกิน ประตูไม้ถูกผลักเปิดออกแผ่วเบาตามด้วยร่างระหงของฉู่อันหลานที่ย่างกรายเข้ามาอย่างเชื่องช้า ดวงตาทอดมองไปยังหยางตงหยางพร้อมกับรอยยิ้มที่แต้มบนใบหน้านวล หยางตงหยางสะดุ้งเฮือกสุดตัว พร้อมหยัดกายขึ้น ดวงตาของเขาเบิกตากว้างอย่างคาดไม่ถึง หกเดือนแล้วที่ชายหนุ่มได้แต่เฝ้ามองหญิงสาวตาละห้อย คำพูดน้อยครั้งทีเดียวที่นางจะยอมปริปากพูดคุยกับเ

  • ใต้เงาจันทราข้านี้มิอาจเร้น   เปิดใจ

    บทที่ 55 เปิดใจ วันถัดมาหยางตงหยางออกไปเดินด้านนอกและเห็นเสวียนซูเมิ่งที่กำลังปลูกต้นไม้อยู่ตามลำพัง ดวงหน้าเล็กแต่กลับจิ้มลิ้มน่ารัก บัดนี้เปื้อนดินเปื้อนทรายเต็มไปหมด “เจ้าชอบดอกเหมยหรือ” หยางตงหยางเอ่ยถามขึ้นมาลอยๆ พร้อมหย่อนกายนั่งลงด้านข้าง เสวียนซูเมิ่งหันมองหน้าชายหนุ่มที่มารดาบอกว่าเป็นบิดาของตนอย่างนึกชั่งใจ แม้ว่านางจะมิได้รู้สึกรังเกียจอันใด แต่เมื่อพี่ชายไม่คิดจะยอมรับเขา เช่นนั้นนางเองก็ต้องทำตามเช่นกัน “เสด็จพ่อบอกว่าดอกเหมยแม้จะดูบอบบาง แต่กลับทนทานหิมะยิ่ง...ข้าก็อยากเป็นเช่นนั้น” หยางตงหยางยิ้มกริ่มออกมาอย่างใจชื้นเมื่อบุตรสาวตัวน้อยยอมพูดคุยกับเขาขึ้นมา “แล้วเจ้ารู้ไหมว่าตอนข้าอายุเท่าเจ้า...ข้าก็ปลูกดอกเหมยเช่นกัน...แต่ทว่ากลับไม่มีต้นใดรอดเสียเลย...นั่นเพราะว่าข้ารดน้ำให้มันมากเกินไป” เสวียนซูเมิ่งอดที่จะหัวเราะออกมาอย่างลืมตัว เมื่อเห็นชายหนุ่มผู้เป็นบิดาของนางนั้นช่างไม่รู้ความเอาเสียเลย “ข้าว่าเพราะท่านดูแลต้นเหมยไม่เป็นอย่างใดเล่า...ท่านมาช่วยข้าปลูกเสียสิ...รับรองต้นเหมยของท่านต้องงอกงามเป็นแน่” หยางตงหยางเ

  • ใต้เงาจันทราข้านี้มิอาจเร้น   พิสูจน์ตนเอง

    บทที่ 54 พิสูจน์ตนเอง นับตั้งแต่สงครามสงบลง หยางตงหยางก็ย้ายมาปักหลักอยู่ที่แคว้นเว่ย ข้อตกลงหนึ่งปีที่เขาต้องพิสูจน์ตนเองให้ได้ตามสัญญา ชายหนุ่มพักอยู่ที่จวนร่วมกับฉู่อันหลานและบุตรทั้งสอง โดยฉู่อันหลานมิยอมให้เขาร่วมห้องกับตนเองเป็นอันขาด ทางด้านแคว้นหนาน หยางตงหยางที่วางรากฐานการปกครองอย่างรัดกุมและมีประสิทธิภาพ ดังนั้นเรื่องปัญหาจุกจิกต่างๆ เขาจึงมอบหมายให้จางเซี่ยเหวิน ขุนนางผู้ภักดีเป็นผู้ตัดสินใจแทน จะมีก็เพียงเรื่องเร่งด่วนที่จางเซี่ยเหวินจะส่งม้าเร็วมามอบสารให้แก่เขาเป็นผู้ตัดสินใจ ในขณะที่ราชวังแคว้นเว่ย ข่าวลือเรื่องอาการเจ็บป่วยของฮองเฮาและบุตรทั้งสองแพร่กระจายไปทั่ว โรคประหลาดที่หมอหลวงทั้งหลายต่างจนปัญญาจะรักษาทำให้สามแม่ลูกต้องย้ายออกมาพำนักอยู่ที่ตำหนักนอกเมืองเพื่อหาวิธีรักษาตัว โดยมิให้ผู้ใดรบกวนเป็นอันขาด ในช่วงเย็นวันหนึ่งหยางตงหยางนั่งอยู่ที่ห้องอักษร สองมือกำพู่กันค้างอยู่เหนือแผ่นกระดาษ สายตาพยายามจับจ้องตัวอักษรตรงหน้า แต่สมาธิกลับมิได้จดจ่อแต่อย่างใด สุดท้ายเขาก็กระแทกพู่กันลงกับโต๊ะด้วยความหงุดหงิดและไม่สบอารมณ์อย่างแรง ยิ่

  • ใต้เงาจันทราข้านี้มิอาจเร้น   หาข้อยุติ

    บทที่ 53 หาข้อยุติ ฉู่อันหลานหลับตาลงอีกครั้งเมื่อเห็นชายหนุ่มทั้งสองเริ่มตั้งท่าจะฟาดฟันกันอีกหน นางพยายามข่มกลั้นโทสะที่มีเอาไว้และรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับบุรุษทั้งสองที่ทำตัวราวกับเด็กอมมือก็ไม่ปาน “พวกท่านเมื่อไหร่จะพอเสียที” ฉู่อันหลานกล่าวคำหนักออกมาอีกครั้ง พร้อมกับจ้องหน้าคนทั้งสองอย่างต้องการเอาเรื่อง “พวกท่านต่างบอกว่ารักข้า...แต่สิ่งที่พวกท่านทำล้วนแล้วแต่เห็นข้าเป็นเพียงสิ่งของที่คิดจะแย่งชิงกันไปมา...นี่นะหรือสิ่งที่พวกท่านต่างกล่าวว่ารักข้า” หญิงสาวพูดพลางหันไปจ้องหน้าของเสวียนเฟยหลงและหยางตงหยางสลับกันไปมา พร้อมทอดสายตาที่เจ็บปวดและผิดหวังอย่างรุนแรง บุรุษทั้งสองได้แต่ก้มหน้าลงด้วยความจนใจที่จะหาเหตุผลในการโต้เถียงนาง เมื่อทุกสิ่งที่หญิงสาวพ้อออกมานั้นล้วนแล้วแต่ถูกต้องทุกประการ เสวียนเฟยหลงเงยหน้าขึ้นทอดมองหญิงสาวตรงหน้าสายตาที่อ่อนโยนและจริงจังอีกครั้ง “แล้วเจ้าเล่า...เจ้าอยากอยู่ที่ใด” ฉู่อันหลานนิ่งเงียบไป ในขณะที่เสวียนเฟยหลงยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยอย่างนึกปลง “หลานเอ๋อร์...ตั้งแต่วันแรกที่ข้าขอเจ้าแต่งงานจนกระทั่งถึงวันนี้...ขอเ

  • ใต้เงาจันทราข้านี้มิอาจเร้น   เจรจา

    บทที่ 52 เจรจา ฉู่อันหลานก้าวเท้าเข้ามาภายในห้องโถงด้วยท่าทางเด็ดเดี่ยวและมั่นคง หญิงสาวกวาดตามองไปยังบุรุษทั้งสองซึ่งยืนอยู่ในห้องด้วยแววตาที่ทั้งเฉียบคมและยากจะคาดเดา ก่อนที่สายตาของนางจะอ่อนลงเล็กน้อยเมื่อเห็นเด็กทั้งสองที่วิ่งปรี่เข้ามาหานางอย่างรวดเร็ว “เสด็จแม่...พวกข้าคิดถึงท่าน” เด็กน้อยทั้งสองร้องออกมาพร้อมกัน น้ำตาไหลพรากอาบสองแก้มด้วยความคิดถึงมารดาอย่างเต็มหัวใจ เสวียนฟางซินโผเข้ากอดขาข้างหนึ่งของนาง ขณะที่เสวียนซูเมิ่งก็เกาะขาอีกข้างหนึ่งแน่นไม่แพ้กัน ฉู่อันหลานคุกเข่าลงโอบกอดบุตรชายบุตรสาวเอาไว้แน่น ดวงตาที่เคยแข็งกร้าวในเมื่อครู่พลันแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนและคิดถึง “แม่ก็คิดถึงเจ้าเช่นกัน...พวกเจ้าสบายดีหรือไม่...มีใครรังแกพวกเจ้าหรือเปล่า” “ไม่เลย...ข้าทำตามที่เสด็จแม่บอกทุกอย่าง...ข้าปกป้องเมิ่งเอ๋อร์มิยอมให้ผู้ใดเข้าใกล้แม้แต่น้อย” เสวียนฟางซินเงยหน้าขึ้นพร้อมยืดอกกล่าวออกมาด้วยความภาคภูมิใจ “ข้าก็ทำตามที่เสด็จแม่สั่ง...ข้าเชื่อฟังพี่ใหญ่มิได้เกเรแม้แต่น้อย” เสวียนซูเมิ่งกล่าวเอาความดีความชอบกับนางอย่างไม่น้อยหน้าเช

  • ใต้เงาจันทราข้านี้มิอาจเร้น   เผชิญหน้า

    บทที่ 51 เผชิญหน้า “ท่านเป็นใครกัน...บังอาจยิ่งนัก...ปล่อยเสด็จพ่อของข้าเดี๋ยวนี้นะ” เสียงฝีเท้าวิ่งตึงๆ เข้ามาอย่างรีบร้อนพร้อมเสียงตะโกนของเด็กทั้งสองที่ดังก้องไปทั่วห้องโถง เสวียนฟางซินและเสวียนซูเมิงปรี่เข้ามาด้านในห้อง เด็กชายพุ่งตัวเข้ามาหยุดยืนด้านหน้าของเสวียนเฟยหลง พร้อมกับยกมือขึ้นขวางกั้นชายหนุ่มเอาไว้อย่างต้องการปกป้อง สายตาแข็งกร้าวจ้องมองหยางตงหยางอย่างไม่กะพริบตาหรือกลัวเกรงอันใด ในขณะที่เด็กหญิงกลับตรงเข้าไปโอบประคองเสวียนเฟยหลงที่นั่งอยู่กับพื้นเอาไว้แน่น ดวงตาแดงเรื่อขึ้นมาพร้อมหยาดน้ำตาที่เอ่อคลอด้วยความเป็นห่วงสุดกำลัง “เสด็จพ่อ...ท่านไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่” “พวกเจ้ามาที่นี่ได้เช่นใด...ข้าสั่งแล้วมิใช่หรือว่าให้รอที่จวนเจ้าเมือง...เหตุใดจึงกล้าขัดคำสั่งข้าเช่นนี้” เสียงของเสวียนเฟยหลงดังแทรกขึ้นมาทันควัน ชายหนุ่มรีบดึงบุตรทั้งสองเอาไว้แนบกายพร้อมกับเอ็ดตะโรออกมาด้วยความตื่นตระหนก เสวียนฟางซินและเสวียนซูเมิ่งมองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนที่เสวียนฟางซินจะเป็นฝ่ายตอบด้วยน้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยว “พวกเราเป็นห่วงเสด็จพ่อ” เสวียนซูเมิ่งก็ตอบกลั

  • ใต้เงาจันทราข้านี้มิอาจเร้น   นัดพบ

    บทที่ 50 นัดพบ เสียงฝีเท้าม้ากระทบพื้นดังเป็นจังหวะอย่างเร่งรีบ ก่อนที่รถม้าจะหยุดลงด้านหน้าจวนเจ้าเมืองตงหลาน เสวียนเฟยหลงก้าวลงจากรถม้าด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ดวงตาฉายแววความร้อนรุ่มที่อยู่ภายในใจ เสวียนฟางซินและเสวียนซูเมิ่ง รีบตามลงมาติดๆ ดวงตาของเด็กทั้งคู่จับจ้องไปยังแนวค่ายอย่างตื่นเต้นและระแวดระวัง “ถวายพระพรฝ่าบาท” เจ้าเมืองตงหลานรีบเข้ามาคำนับชายหนุ่มด้วยความกระวนกระวายใจ “ฝ่าบาทเวลานี้เมืองตงหลานมิปลอดภัยนัก เหตุใดพระองค์จึงเสด็จมาโดยลำพัง” “ไม่ต้องมากพิธี...ข้ามาในครั้งนี้มิได้บอกผู้ใด เจ้าเองก็จงปิดปากเงียบเสีย” เสวียนเฟยหลงสั่งการเสียงเข้ม ก่อนจะเดินตรงไปยังจวนเจ้าเมืองเพื่อพาบุตรทั้งสองเข้าพักผ่อนจากการเดินทางอย่างเหน็ดเหนื่อย หลังจากพาเสวียนฟางซินและเสวียนซูเมิ่งเข้านอนจนเป็นที่เรียบร้อย เสวียนเฟยหลงก็กลับมายังเรือนพักของตน เขาหยิบพู่กันขึ้นมาพร้อมกับเขียนจดหมายขึ้นมาฉบับหนึ่ง ก่อนจะยื่นให้องครักษ์ประจำกาย “เจ้าจงนำจดหมายฉบับนี้ไปส่งมอบให้หยางตงหยางด้วยมือของตนเอง” องครักษ์รับคำพร้อมกับเดินออกไปทำตามคำสั่งอย่างไม่ปริปากอันใด

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status