Share

จำใจแต่ง

Author: Luffy.g
last update Last Updated: 2025-05-20 01:30:11

บทที่ 2 จำใจแต่ง

แดดยามสายสาดส่องผ่านกิ่งไม้หลิวพลิ้วไหวไปมา ทอดตัวเป็นเงาบนพื้นศิลาในจวนเสนาบดีฉู่ ความตึงเครียดปกคลุมไปทั่วทั้งจวน จนมิอาจมีใครกล้าจะเอื้อนเอ่ยสิ่งใดออกมา

ด้านหน้าโถงรับแขก ฉู่ม่อเย่ อัครเสนาบดีแห่งแคว้นเว่ยยืนนิ่งงัน สีหน้าฉายแววเคร่งเครียดและขุ่นมัวอย่างรุนแรง มือสองข้างกำแน่นขณะถือราชโองการที่เพิ่งมาถึงจากวังหลวง สายตาจ้องมองบุตรสาวคนเดียวของเขาตรงหน้าด้วยความผิดหวังและโกรธเคือง

ฉู่อันหลานนั่งคุกเข่ากับพื้นศิลาด้านหน้าโถงรับแขก แผ่นหลังบางสั่นสะท้านไปด้วยความขมขื่นและมืดมัว ใบหน้างดงามที่เคยสดในบัดนี้กลับเต็มไปด้วยความเศร้าหมองและทุกข์ทน ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาและเสียงสะอื้นไห้อย่างไม่อาจควบคุม

“ท่านพ่อ...ข้าไม่รู้เรื่องจริงๆ ข้าถูกให้ร้าย” ฉู่อันหลานพยายามส่งเสียงอ้อนวอนและร้องขอความเป็นธรรมอยู่ตลอดเวลา

“หลานเอ๋อร์...เรื่องฉาวโฉ่ของเจ้ากระจายไปทั่วเมืองหลวง เจ้ายังจะปฏิเสธอยู่อีกหรือ” ฉู่ม่อเย่ตวาดออกมาด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง บุตรสาวที่ตนเองรักและทะนุถนอมมาตลอดกลับทำเรื่องงามหน้าจนเป็นที่อับอายไปทั่วเมืองหลวง

“เวลานี้ฝ่าบาทมีราชโองการให้เจ้าแต่งงานกับองค์ชายหยาง...เช่นนั้นเจ้าก็ไปเตรียมตัวเสียเถิด” ฉู่ม่อเย่กล่าวตัดบทออกมา เมื่อเรื่องทุกอย่างมิอาจแก้ไขสิ่งใดได้อีก หนำซ้ำเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของราชวงศ์ ฮ่องเต้จึงได้มีราชโองการให้บุตรสาวของตนแต่งกับบุรุษผู้นั้นเสียโดยเร็ว

“ไม่...ข้าไม่ยอม...ทำไมข้าต้องแต่งกับคนผู้นั้นด้วย...เขาคือผู้ที่ทำร้ายข้า” ฉู่อันหลานประท้วงออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือปนโกรธจัด

“หลานเอ๋อร์...ไม่ว่าเจ้าจะเต็มใจหรือไม่ แต่เวลานี้เจ้ามิอาจขัดราชโองการได้อีก” ฉู่ม่อเย่ตวาดลั่น ดวงหน้าขรึมเครียดคล้ายจะข่มอารมณ์ไม่อยู่

“ท่านพ่อ” ฉู่อันหลานเงยหน้าขึ้นมองบิดา “แต่เขาคือคนที่ทำให้ข้า...สูญสิ้นเกียรติ เขาต้องเป็นผู้วางแผนให้ร้ายข้าเป็นแน่ ท่านพ่อจะให้ข้าแต่งกับเขามิได้นะ”

“พอที” ฝ่ามือหนาของฉู่ม่อเย่ฟาดลงบนแก้มนวลของบุตรสาวเสียงดัง “เพี๊ยะ...”

ฉู่อันหลานตัวสั่นงันงก หยาดน้ำตาเอ่อล้นเมื่อความเจ็บปวดซึมลึกถึงใจมากกว่าที่ใบหน้า ตั้งแต่จำความได้ นางไม่เคยถูกบิดาผู้ที่ทั้งอ่อนโยนและตามใจนางตบเช่นนี้มาก่อน

“ในเมื่อเจ้าหลงกลเช่นนี้แล้ว เจ้าจะให้ข้าทำเช่นใดได้อีก วันนี้ราชโองการมาถึงจวน...หรือเจ้าต้องการให้สกุลฉู่ตายตกไปตามกันเสียให้หมดหรือ”

เสียงตะโกนของฉู่ม่อเย่สะท้อนทั่วเรือนกลาง สร้างความเงียบงันน่าสะพรึง ฉู่อันหลานตัวแข็งค้าง มือที่กำชายกระโปรงแน่นสั่นเทาไม่หยุด

ทันใดนั้นเองเสียงฝีเท้าหนึ่งก็ปรี่เข้ามากอดฉู่อันหลานเอาไว้แน่น “ฉู่อี้เหริน” ฮูหยินของฉู่ม่อเย่และเป็นมารดาของฉู่อันหลานรีบโดดเข้ามาปกป้องบุตรสาวของตนในทันที นางรีบโอบประคองบุตรสาวให้ลุกขึ้นยืนพร้อมดันร่างบางให้หลบอยู่ด้านหลังของตนเองราวกับงูจงอางหวงไข่

“ท่านพี่ ท่านทำสิ่งใดลงไป” ฉู่อี้เหรินตวาดใส่สามีในทันที “หลานเอ๋อร์เพิ่งผ่านเรื่องเลวร้ายมา ท่านยังกล้าทำร้ายลูกอีกหรือ”

“แล้วเจ้าจะให้ข้าทำเช่นใดกัน” ฉู่ม่อเย่ชะงักค้างไปชั่วครู่ ก่อนจะพ้ออกมาอย่างแผ่วเบา ท่วงท่าที่แข็งขืนเริ่มโอนอ่อนลงไปอย่างมากเพราะโดยปกติเขาแทบจะพะเน้าพะนอสองแม่ลูกยิ่งกว่าสิ่งล้ำค่าใดในโลกเสียไม่ปาน

ฉู่อี้เหรินถอนหายใจออกมาอย่างสิ้นหวังเช่นกัน แตะก็ยังมิวายยกมือขึ้นลูบหลังบุตรสาวอย่างต้องการปลอบขวัญนาง จากนั้นจึงปรายตาขึ้นสบตากับสามีตรงหน้าอีกครั้ง

“ท่านพี่เลิกพูดได้แล้ว เอาไว้ข้าจะคุยกับหลานเอ๋อร์ด้วยตนเอง” ฉู่อี้เหรินมองค้อนพร้อมตัดบทในทันที นางประคองร่างของบุตรสาวแล้วพากลับไปที่เรือนพักอย่างไม่คิดจะเหลียวหลังมองสามีของตนแม้แต่น้อย

“นี่มันเวรกรรมอันใดของข้ากันนี่” ฉู่ม่อเย่สบถออกมาด้วยความจนใจ

นับแต่ฉู่ม่อเย่ตบแต่งฉู่อี้เหรินเป็นภรรยา เขาก็ไม่เคยคิดจะมีอนุแม้แต่เพียงคนเดียว เดิมทีตัวเขานั้นเป็นบัณฑิตยากไร้ แต่กลับมาพบรักกับคุณหนูสกุลบัณฑิตที่ฐานะสูงส่งจนเกินเอื้อม เขาจึงได้แต่เพียงแอบมองและหลงรักอยู่ห่างๆ แต่แล้ววาสนาของทั้งคู่ก็บรรจบ เมื่อมีคนคิดแผนร้ายกับฉู่อี้เหรินทำให้เธอพลัดตกลงไปในน้ำ ฉู่ม่อเย่จึงยื่นมือเข้าช่วยเหลือ แต่ใช้โอกาสดังกล่าวตบแต่งนางเป็นภรรยา

แม้แต่เริ่มเดิมทีฉู่อี้เหรินจะไม่พอใจกับการแต่งงานมากนัก แต่เพราะฉู่ม่อเย่สาบานที่จะรักและดูแลนางเพียงผู้เดียวจวบจนชั่วชีวิต และนับแต่แต่งเข้าจวนสกุลฉู่ ฉู่ม่อเย่ก็มิเคยผิดคำสาบานเลยแม้แต่น้อย นั่นทำให้ฉู่อี้เหรินเริ่มใจอ่อนและรักสามีของนางอย่างสุดหัวใจ

ฉู่ม่อเย่และฉู่อี้เหรินมีบุตรเพียงคนเดียวคือ ฉู่อันหลาน หลังจากคลอดบุตร ฉู่อี้เหรินก็สุขภาพอ่อนแอจนไม่อาจมีบุตรได้อีก แรกเริ่มนางคิดจะหาอนุให้กับฉู่ม่อเย่เพื่อให้สกุลฉู่มีทายาทสืบสกุล แต่ฉู่ม่อเย่กลับยืนกรานปฏิเสธเสียงแข็ง และนั่นทำให้จวนสกุลฉู่จึงมีเพียงฉู่อี้เหรินและฉู่อันหลานเป็นดั่งหยกขาวที่คนทั้งจวนต่างทะนุถนอม

ภายในเรือนนอนของฉู่อันหลาน นางนั่งทรุดลงที่เตียงอย่างอ่อนแรง เกียรติของนางถูกบุรุษผู้นั้นทำให้ป่นปี้จะหมดสิ้น หนำซ้ำยังต้องจำใจแต่งงานกับคนผู้นั้นตามราชโองการเสียอีก

“หลานเอ๋อร์...ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้าก็อย่าได้เสียใจไปเลย” ฉู่อี้เหรินลูบหลังปลอบประโลมบุตรสาวด้วยความสงสารจับใจ

“ท่านแม่...ข้าไม่ต้องการแต่งงาน เหตุใดเรื่องเช่นนี้จึงเกิดกับข้าด้วยเล่า” ฉู่อันหลานตัดพ้อในความโชคร้ายของตนออกมาอย่างไม่ขาดปาก

“หลานเอ๋อร์...ก่อนหน้านี้ แม่ของเจ้าก็พบเจอเรื่องเช่นนี้เช่นกัน แต่เจ้าก็เห็นมิใช่หรือว่าพ่อของเจ้านั้นดีเพียงใด พวกเราสองแม่ลูกมิเคยต้องลำบากกายหรือลำบากใจแม้แต่น้อย” ฉู่อี้เหรินพยายามหาเรื่องปลอบโยนบุตรสาวอีกครั้ง “หากว่าเจ้าได้ตบแต่งออกไป เจ้าก็ลองเปิดใจดูสักหน่อย บางทีองค์ชายผู้นั้นอาจจะมิได้เลวร้ายอย่างที่เจ้าคิดก็เป็นได้”

“ท่านแม่...” ฉู่อันหลานมองหน้ามารดาอีกครั้งอย่างต้องการชั่งใจ ในที่สุดนางก็ตัดสินใจพยักหน้ารับแต่โดยดี

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ใต้เงาจันทราข้านี้มิอาจเร้น   วันใหม่

    บทที่ 58 วันใหม่ ฤดูใบไม้ผลิที่แคว้นหนานกลับมาอีกครา กลีบดอกเหมยผลิบานสะพรั่งไปทั่วลานกว้างในสวนหลวง ทว่าครั้งนี้กลับอบอวลไปด้วยความสุขและความอบอุ่นที่แผ่ซ่านไปทั่วบริเวณ หยางตงหยางเดินเคียงข้างมากับฉู่อันหลาน ฮองเฮาของเขา และหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวในวังหลังแห่งนี้ แม้ว่าจะมีเสียงทัดทานมากมายที่ต้องการให้ชายหนุ่มรับสนมเข้ามาภายในวังหลังเพื่อเติมเต็มอำนาจและบารมีของฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่ แต่เขากลับยืนกรานเสียงแข็งและมิยอมรับหญิงใดเข้ามาแม้แต่คนเดียว ร่างสูงใหญ่โอบประคองร่างระหงอย่างแนบแน่นและทะนุถนอม ทั้งสองเดินทอดน่องไปตามทางเดินในสวนหลวงอย่างเชื่องช้า ดื่มด่ำกับช่วงเวลาอันแสนสุขราวกับช่วงเวลาได้หยุดชะงักลงไป “หลานเอ๋อร์...” หยางตงหยางเอ่ยขึ้นพร้อมเลิกคิ้วอย่างสงสัย “เหตุใดวันนี้เจ้าลูกดื้อทั้งสองถึงได้เงียบเชียบนัก มิเห็นวิ่งวุ่นสร้างเรื่องให้ข้าปวดหัวเหมือนเช่นเคย” ฉู่อันหลานหัวเราะเบาๆ พร้อมยกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย โดยมิได้กล่าวสิ่งใด หากนางบอกออกไปมีหวังชายหนุ่มคงได้ควันออกหูอีกครั้งเป็นแน่ ณ ศาลาริมสระ หยางฟางซินและหยางซูเมิ่งน

  • ใต้เงาจันทราข้านี้มิอาจเร้น   ร่ำลา

    บทที่ 57 ร่ำลา ข่าวการเสียชีวิตของฮองเฮาแห่งแคว้นเว่ยพร้อมกับบุตรทั้งสองถูกกระพือไปทั่วแคว้นไม่ต่างจากไฟลามทุ่ง ภายในวังหลวงของแคว้นเว่ย จัดพิธีศพอย่างยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ เสวียนเฟยหลงในฉลองพระองค์สีขาวขลิบทองยืนอยู่ด้านหน้าโลงเปล่า ใบหน้าที่เรียบเฉยจ้องมองโลงเปล่านั้นด้วยแววตาเศร้าหมองคล้ายจะอาลัยอยู่ในที “ข้าหวังว่าเจ้าจะมีความสุขในหนทางที่เจ้าเลือก” ชายหนุ่มพึมพำออกมาราวกับกระซิบให้กับหญิงอันเป็นที่รักยิ่งเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากพิธีศพผ่านพ้นไปได้ไม่นาน เหล่าขุนนางต่างพากันยื่นฎีกาขึ้นมาหลายต่อหลายฉบับ...เรียกร้องให้เสวียนเฟยหลงแต่งตั้งฮองเฮาคนใหม่โดยเร็ว ด้วยเหตุผลที่ว่าแคว้นเว่ยต้องการผู้ปกครองที่เหมาะสมในวังหลังเพื่อให้บัลลังก์มั่นคงและเป็นปึกแผ่น และผู้ใดจะเหมาะสมไปกว่า "โม่ชิงโหล" สนมเฟยผู้เป็นที่โปรดปราน ธิดาของใต้เท้าโม่ซางเหวินไปได้ เสวียนเฟยหลงปรายตามองฎีกาเหล่านั้นด้วยใบหน้าที่เฉยชา ก่อนจะยกยิ้มมุมปากราวกับคนที่มีแผนการในใจ “เรียกตัวแม่ทัพหลี่มาเข้าเฝ้าเดี๋ยวนี้” แม่ทัพหลี่มาถึงในเวลาไม่ช้า พร้อมกับคุกเข่าลง “ฝ่าบาท...มีรับสั่งสิ่งใ

  • ใต้เงาจันทราข้านี้มิอาจเร้น   ถวิลหา

    บทที่ 56 ถวิลหา หลังจากฉู่อันหลานพาเสวียนฟางซินและเสวียนซูเมิ่งกลับเรือน นางก็อยู่กล่อมบุตรชายบุตรสาวจนกระทั่งพวกเขาเข้านอนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากนั้นหญิงสาวก็ตัดสินใจเดินตรงไปยังเรือนนอนของหยางตงหยางอีกครั้ง “เฮ้อ..เฮ้อ...” เสียงถอนหายใจหนักดังถี่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ฉู่อันหลานถึงกับยกยิ้มขึ้นมาอย่างนึกขบขันและเห็นใจชายหนุ่มในเวลาเดียวกัน เวลานี้หยางตงหยางยังคงนอนเอนกายก่ายหน้าผากด้วยความหนักใจ สายตาเหม่อลอยจ้องมองไปยังเพดานอย่างไร้จุดหมาย หัวสมองของเขาเอาแต่ครุ่นคิดอย่างหนักกับความสัมพันธ์ของบุตรทั้งสอง แม้ว่าเวลานี้ระยะห่างระหว่างเขากับเด็กน้อยจะเขยิบเข้ามาใกล้อีกนิด แต่ก็ระยะห่างนั้นกลับช่างดูห่างไกลเสียเหลือเกิน ประตูไม้ถูกผลักเปิดออกแผ่วเบาตามด้วยร่างระหงของฉู่อันหลานที่ย่างกรายเข้ามาอย่างเชื่องช้า ดวงตาทอดมองไปยังหยางตงหยางพร้อมกับรอยยิ้มที่แต้มบนใบหน้านวล หยางตงหยางสะดุ้งเฮือกสุดตัว พร้อมหยัดกายขึ้น ดวงตาของเขาเบิกตากว้างอย่างคาดไม่ถึง หกเดือนแล้วที่ชายหนุ่มได้แต่เฝ้ามองหญิงสาวตาละห้อย คำพูดน้อยครั้งทีเดียวที่นางจะยอมปริปากพูดคุยกับเ

  • ใต้เงาจันทราข้านี้มิอาจเร้น   เปิดใจ

    บทที่ 55 เปิดใจ วันถัดมาหยางตงหยางออกไปเดินด้านนอกและเห็นเสวียนซูเมิ่งที่กำลังปลูกต้นไม้อยู่ตามลำพัง ดวงหน้าเล็กแต่กลับจิ้มลิ้มน่ารัก บัดนี้เปื้อนดินเปื้อนทรายเต็มไปหมด “เจ้าชอบดอกเหมยหรือ” หยางตงหยางเอ่ยถามขึ้นมาลอยๆ พร้อมหย่อนกายนั่งลงด้านข้าง เสวียนซูเมิ่งหันมองหน้าชายหนุ่มที่มารดาบอกว่าเป็นบิดาของตนอย่างนึกชั่งใจ แม้ว่านางจะมิได้รู้สึกรังเกียจอันใด แต่เมื่อพี่ชายไม่คิดจะยอมรับเขา เช่นนั้นนางเองก็ต้องทำตามเช่นกัน “เสด็จพ่อบอกว่าดอกเหมยแม้จะดูบอบบาง แต่กลับทนทานหิมะยิ่ง...ข้าก็อยากเป็นเช่นนั้น” หยางตงหยางยิ้มกริ่มออกมาอย่างใจชื้นเมื่อบุตรสาวตัวน้อยยอมพูดคุยกับเขาขึ้นมา “แล้วเจ้ารู้ไหมว่าตอนข้าอายุเท่าเจ้า...ข้าก็ปลูกดอกเหมยเช่นกัน...แต่ทว่ากลับไม่มีต้นใดรอดเสียเลย...นั่นเพราะว่าข้ารดน้ำให้มันมากเกินไป” เสวียนซูเมิ่งอดที่จะหัวเราะออกมาอย่างลืมตัว เมื่อเห็นชายหนุ่มผู้เป็นบิดาของนางนั้นช่างไม่รู้ความเอาเสียเลย “ข้าว่าเพราะท่านดูแลต้นเหมยไม่เป็นอย่างใดเล่า...ท่านมาช่วยข้าปลูกเสียสิ...รับรองต้นเหมยของท่านต้องงอกงามเป็นแน่” หยางตงหยางเ

  • ใต้เงาจันทราข้านี้มิอาจเร้น   พิสูจน์ตนเอง

    บทที่ 54 พิสูจน์ตนเอง นับตั้งแต่สงครามสงบลง หยางตงหยางก็ย้ายมาปักหลักอยู่ที่แคว้นเว่ย ข้อตกลงหนึ่งปีที่เขาต้องพิสูจน์ตนเองให้ได้ตามสัญญา ชายหนุ่มพักอยู่ที่จวนร่วมกับฉู่อันหลานและบุตรทั้งสอง โดยฉู่อันหลานมิยอมให้เขาร่วมห้องกับตนเองเป็นอันขาด ทางด้านแคว้นหนาน หยางตงหยางที่วางรากฐานการปกครองอย่างรัดกุมและมีประสิทธิภาพ ดังนั้นเรื่องปัญหาจุกจิกต่างๆ เขาจึงมอบหมายให้จางเซี่ยเหวิน ขุนนางผู้ภักดีเป็นผู้ตัดสินใจแทน จะมีก็เพียงเรื่องเร่งด่วนที่จางเซี่ยเหวินจะส่งม้าเร็วมามอบสารให้แก่เขาเป็นผู้ตัดสินใจ ในขณะที่ราชวังแคว้นเว่ย ข่าวลือเรื่องอาการเจ็บป่วยของฮองเฮาและบุตรทั้งสองแพร่กระจายไปทั่ว โรคประหลาดที่หมอหลวงทั้งหลายต่างจนปัญญาจะรักษาทำให้สามแม่ลูกต้องย้ายออกมาพำนักอยู่ที่ตำหนักนอกเมืองเพื่อหาวิธีรักษาตัว โดยมิให้ผู้ใดรบกวนเป็นอันขาด ในช่วงเย็นวันหนึ่งหยางตงหยางนั่งอยู่ที่ห้องอักษร สองมือกำพู่กันค้างอยู่เหนือแผ่นกระดาษ สายตาพยายามจับจ้องตัวอักษรตรงหน้า แต่สมาธิกลับมิได้จดจ่อแต่อย่างใด สุดท้ายเขาก็กระแทกพู่กันลงกับโต๊ะด้วยความหงุดหงิดและไม่สบอารมณ์อย่างแรง ยิ่

  • ใต้เงาจันทราข้านี้มิอาจเร้น   หาข้อยุติ

    บทที่ 53 หาข้อยุติ ฉู่อันหลานหลับตาลงอีกครั้งเมื่อเห็นชายหนุ่มทั้งสองเริ่มตั้งท่าจะฟาดฟันกันอีกหน นางพยายามข่มกลั้นโทสะที่มีเอาไว้และรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับบุรุษทั้งสองที่ทำตัวราวกับเด็กอมมือก็ไม่ปาน “พวกท่านเมื่อไหร่จะพอเสียที” ฉู่อันหลานกล่าวคำหนักออกมาอีกครั้ง พร้อมกับจ้องหน้าคนทั้งสองอย่างต้องการเอาเรื่อง “พวกท่านต่างบอกว่ารักข้า...แต่สิ่งที่พวกท่านทำล้วนแล้วแต่เห็นข้าเป็นเพียงสิ่งของที่คิดจะแย่งชิงกันไปมา...นี่นะหรือสิ่งที่พวกท่านต่างกล่าวว่ารักข้า” หญิงสาวพูดพลางหันไปจ้องหน้าของเสวียนเฟยหลงและหยางตงหยางสลับกันไปมา พร้อมทอดสายตาที่เจ็บปวดและผิดหวังอย่างรุนแรง บุรุษทั้งสองได้แต่ก้มหน้าลงด้วยความจนใจที่จะหาเหตุผลในการโต้เถียงนาง เมื่อทุกสิ่งที่หญิงสาวพ้อออกมานั้นล้วนแล้วแต่ถูกต้องทุกประการ เสวียนเฟยหลงเงยหน้าขึ้นทอดมองหญิงสาวตรงหน้าสายตาที่อ่อนโยนและจริงจังอีกครั้ง “แล้วเจ้าเล่า...เจ้าอยากอยู่ที่ใด” ฉู่อันหลานนิ่งเงียบไป ในขณะที่เสวียนเฟยหลงยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยอย่างนึกปลง “หลานเอ๋อร์...ตั้งแต่วันแรกที่ข้าขอเจ้าแต่งงานจนกระทั่งถึงวันนี้...ขอเ

  • ใต้เงาจันทราข้านี้มิอาจเร้น   เจรจา

    บทที่ 52 เจรจา ฉู่อันหลานก้าวเท้าเข้ามาภายในห้องโถงด้วยท่าทางเด็ดเดี่ยวและมั่นคง หญิงสาวกวาดตามองไปยังบุรุษทั้งสองซึ่งยืนอยู่ในห้องด้วยแววตาที่ทั้งเฉียบคมและยากจะคาดเดา ก่อนที่สายตาของนางจะอ่อนลงเล็กน้อยเมื่อเห็นเด็กทั้งสองที่วิ่งปรี่เข้ามาหานางอย่างรวดเร็ว “เสด็จแม่...พวกข้าคิดถึงท่าน” เด็กน้อยทั้งสองร้องออกมาพร้อมกัน น้ำตาไหลพรากอาบสองแก้มด้วยความคิดถึงมารดาอย่างเต็มหัวใจ เสวียนฟางซินโผเข้ากอดขาข้างหนึ่งของนาง ขณะที่เสวียนซูเมิ่งก็เกาะขาอีกข้างหนึ่งแน่นไม่แพ้กัน ฉู่อันหลานคุกเข่าลงโอบกอดบุตรชายบุตรสาวเอาไว้แน่น ดวงตาที่เคยแข็งกร้าวในเมื่อครู่พลันแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนและคิดถึง “แม่ก็คิดถึงเจ้าเช่นกัน...พวกเจ้าสบายดีหรือไม่...มีใครรังแกพวกเจ้าหรือเปล่า” “ไม่เลย...ข้าทำตามที่เสด็จแม่บอกทุกอย่าง...ข้าปกป้องเมิ่งเอ๋อร์มิยอมให้ผู้ใดเข้าใกล้แม้แต่น้อย” เสวียนฟางซินเงยหน้าขึ้นพร้อมยืดอกกล่าวออกมาด้วยความภาคภูมิใจ “ข้าก็ทำตามที่เสด็จแม่สั่ง...ข้าเชื่อฟังพี่ใหญ่มิได้เกเรแม้แต่น้อย” เสวียนซูเมิ่งกล่าวเอาความดีความชอบกับนางอย่างไม่น้อยหน้าเช

  • ใต้เงาจันทราข้านี้มิอาจเร้น   เผชิญหน้า

    บทที่ 51 เผชิญหน้า “ท่านเป็นใครกัน...บังอาจยิ่งนัก...ปล่อยเสด็จพ่อของข้าเดี๋ยวนี้นะ” เสียงฝีเท้าวิ่งตึงๆ เข้ามาอย่างรีบร้อนพร้อมเสียงตะโกนของเด็กทั้งสองที่ดังก้องไปทั่วห้องโถง เสวียนฟางซินและเสวียนซูเมิงปรี่เข้ามาด้านในห้อง เด็กชายพุ่งตัวเข้ามาหยุดยืนด้านหน้าของเสวียนเฟยหลง พร้อมกับยกมือขึ้นขวางกั้นชายหนุ่มเอาไว้อย่างต้องการปกป้อง สายตาแข็งกร้าวจ้องมองหยางตงหยางอย่างไม่กะพริบตาหรือกลัวเกรงอันใด ในขณะที่เด็กหญิงกลับตรงเข้าไปโอบประคองเสวียนเฟยหลงที่นั่งอยู่กับพื้นเอาไว้แน่น ดวงตาแดงเรื่อขึ้นมาพร้อมหยาดน้ำตาที่เอ่อคลอด้วยความเป็นห่วงสุดกำลัง “เสด็จพ่อ...ท่านไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่” “พวกเจ้ามาที่นี่ได้เช่นใด...ข้าสั่งแล้วมิใช่หรือว่าให้รอที่จวนเจ้าเมือง...เหตุใดจึงกล้าขัดคำสั่งข้าเช่นนี้” เสียงของเสวียนเฟยหลงดังแทรกขึ้นมาทันควัน ชายหนุ่มรีบดึงบุตรทั้งสองเอาไว้แนบกายพร้อมกับเอ็ดตะโรออกมาด้วยความตื่นตระหนก เสวียนฟางซินและเสวียนซูเมิ่งมองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนที่เสวียนฟางซินจะเป็นฝ่ายตอบด้วยน้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยว “พวกเราเป็นห่วงเสด็จพ่อ” เสวียนซูเมิ่งก็ตอบกลั

  • ใต้เงาจันทราข้านี้มิอาจเร้น   นัดพบ

    บทที่ 50 นัดพบ เสียงฝีเท้าม้ากระทบพื้นดังเป็นจังหวะอย่างเร่งรีบ ก่อนที่รถม้าจะหยุดลงด้านหน้าจวนเจ้าเมืองตงหลาน เสวียนเฟยหลงก้าวลงจากรถม้าด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ดวงตาฉายแววความร้อนรุ่มที่อยู่ภายในใจ เสวียนฟางซินและเสวียนซูเมิ่ง รีบตามลงมาติดๆ ดวงตาของเด็กทั้งคู่จับจ้องไปยังแนวค่ายอย่างตื่นเต้นและระแวดระวัง “ถวายพระพรฝ่าบาท” เจ้าเมืองตงหลานรีบเข้ามาคำนับชายหนุ่มด้วยความกระวนกระวายใจ “ฝ่าบาทเวลานี้เมืองตงหลานมิปลอดภัยนัก เหตุใดพระองค์จึงเสด็จมาโดยลำพัง” “ไม่ต้องมากพิธี...ข้ามาในครั้งนี้มิได้บอกผู้ใด เจ้าเองก็จงปิดปากเงียบเสีย” เสวียนเฟยหลงสั่งการเสียงเข้ม ก่อนจะเดินตรงไปยังจวนเจ้าเมืองเพื่อพาบุตรทั้งสองเข้าพักผ่อนจากการเดินทางอย่างเหน็ดเหนื่อย หลังจากพาเสวียนฟางซินและเสวียนซูเมิ่งเข้านอนจนเป็นที่เรียบร้อย เสวียนเฟยหลงก็กลับมายังเรือนพักของตน เขาหยิบพู่กันขึ้นมาพร้อมกับเขียนจดหมายขึ้นมาฉบับหนึ่ง ก่อนจะยื่นให้องครักษ์ประจำกาย “เจ้าจงนำจดหมายฉบับนี้ไปส่งมอบให้หยางตงหยางด้วยมือของตนเอง” องครักษ์รับคำพร้อมกับเดินออกไปทำตามคำสั่งอย่างไม่ปริปากอันใด

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status