โอ้ว่าน่าเสียดายตัวนัก เพราะเชื่อลิ้นหลงรักจึงช้ำจิต
จะออกชื่อลือชั่วไปทั่วทิศ เมื่อพลั้งคิดผิดแล้วจะโทษใคร
เสียแรงหวังฝังฝากชีวี พระจะมีเมตตาก็หาไม่
หมายบำเหน็จจะรีบเสด็จไป ก็รู้เท่าเข้าใจในทำนอง
ด้วยระเด่นบุษบาโฉมตรู ควรคู่ภิรมย์สมสอง
ไม่ต่ำศักดิ์รูปชั่วเหมือนตัวน้อง ทั้งพวกพ้องสุริยวงศ์พงศ์พันธุ์
แต่นี้สืบไปภายหน้า จะอายชาวดาหาเป็นแม่นมั่น
เขาจะค่อนนินทาทุกสิ่งอัน นางรำพันว่าพลางทางโศกา[1]
ความงดงามอ้อนช้อยที่ร่างแบบบางกำลังกรีดกรายตามคำตัดพ้อต่อว่า โดยมีร่างกำยำอีกร่างร่ายรำปลอบโยนทำให้กิตติกรจ้องมองไม่วางตาด้วยขุ่นขวางอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้สึกซึมซับประทับใจกับความอ่อนช้อยงดงามเลยแม้แต่น้อย แน่นอนว่าบทละครนี้เขาเคยมีโอกาสได้ดูมาแล้วเพราะน้องสาวของเขาเรียนวิทยาลัยนาฏศิลป์มีงานให้แสดงเสมอไม่ขาด หลายครั้งก็มักจะเป็นบทละครรำเรื่องอิเหนาอย่างเช่นคราวนี้ และเขาก็แปลกใจเหลือเกินว่าทำไมต้องเป็นแบบนี้ทุกที
“จินตะหราสวยหวานถูกใจจริงว่ะ ไม่แปลกใจทำไมอิเหนาถึงหลง”
“แต่ไม่สวยสะกดเท่าบุษบา ถึงต้องเป็นแค่เมียรอง”
เสียงผู้ชายสองคนข้างหลังเขากระซิบกันในประโยคที่เขาเองก็เคยได้ยินมาไม่น้อย และเป็นสิ่งที่ทำให้เขาหงุดหงิดเสมอ
“แต่ตัวจริงตอนไม่แต่งหน้าจินตะหราก็น่ารักนะ ลูกสาวฉันชอบมาก”
“ลูกสาว?”
“ใช่ เธอเป็นครูที่โรงเรียนสอนรำของลูกสาวน่ะ เจอกันบ่อย น่ารัก ยิ้มหวานหยดเลยล่ะ”
“โห น่าอิจฉาจัง เสียดายฉันไม่มีลูกสาวจะได้ส่งไปเรียนมั่ง”
คนนั่งด้านหน้าที่ได้ยินทุกประโยคคิ้วกระตุก นึกไม่อยากนั่งอยู่ตรงนี้ขึ้นมา ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องอารมณ์ขุ่นที่ได้ยิน
“ว่าแต่ชื่ออะไรล่ะครูคนนี้”
“ลูกฉันเรียกครูปราง ครูโรงเรียนนี้สวยๆ ทั้งนั้น แต่เห็นว่าแต่งงานไปแล้วคนหนึ่ง น่าจะเป็นคนที่แสดงเป็นบุษบานะ เท่าที่จำได้”
บุษบาก็น้องสาวเขา ‘กัญญานัน’ นั่นเอง
“โอ้โห แบบนี้ก็สวยทั้งโรงเรียนจริงน่ะสิ อยากมีลูกสาวจริงๆ เลยว่ะ”
เสียงหัวเราะพอใจเบาๆ ของสองคนข้างหลังทำเอากิตติกรถอนหายใจยาวอย่างพยายามสงบใจ แม้อยากหันไปโพล่งใส่หน้าว่า นี่หรือข้าราชการที่คนให้ความเคารพนับถือ พูดถึงผู้หญิงแบบนี้ไม่มีมารยาทเสียเลย แต่เขาก็ต้องนิ่งไว้เพราะเขาเองก็เพิ่งมาลงหลักปักฐานเปิดร้านจิวเวลรีที่นี่ อาจจะต้องพึ่งพาผู้หลักผู้ใหญ่ที่นี่ ไม่ควรสร้างศัตรูเอาไว้ก่อน
ชายหนุ่มมางานจัดสัมมนาระดับภูมิภาคหัวข้อสืบสานวัฒนธรรมไทยสี่ภาค โดยงานนี้มีการจัดโชว์นาฏศิลป์ของภาคต่างๆ ทั้งสามวันที่มีการสัมมนา กิตติกรมาดูการแสดงโชว์ที่เป็นงานเปิด เพราะเขาสนใจจะทำเครื่องประดับในแบบไทยประยุกต์เพื่อสามารถนำมาสวมใส่เข้าไปชุดไทยร่วมสมัย หรือจะใส่ในชีวิตประจำวันก็ได้ และชายหนุ่มก็รู้ว่าน้องสาวเขามาร่วมแสดงในงานด้วยจึงรอดู
กิตติกรจ้องร่างอรชรบนเวทีด้วยแววตาดุคมไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าว่าอีกฝ่ายมองเห็นเขาเพราะเหมือนเธอชะงักไปเสี้ยววินาที ก่อนจะแสดงต่อได้อย่างราบรื่นน่าสงสารเรียกความเห็นใจจากคนดูได้เต็มๆ เพราะเสียงพึมพำรอบตัวเขามีแต่คำว่าน่าสงสารเต็มไปหมด
คงมีเพียงกิตติกรที่ไม่คิดแบบนั้น
สำหรับเขาทุกครั้งที่ดูเรื่องนี้ เขาจะรู้สึกว่าจินตะหราก็ยังได้รับความรักจากอิเหนาอยู่ แค่ไม่ได้เป็นที่หนึ่งเท่านั้น เธอโลภมากเกินไปจึงต้องทุกข์ใจ
[1] บทละครรำเรื่องอิเหนา ตอน ศึกกะหมังกุหนิง พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยรัชกาลที่ ๒
======
สี่ทุ่มแล้วพิมพ์ปรางกำลังเตรียมตัวจะนอน มีโทรศัพท์เข้ามาพอเห็นว่าเป็นเบอร์ของกัญญานันก็เลยรีบรับ“ปราง เดี๋ยวคนขับรถจะไปรับมาที่โรงพยาบาลนะ”เสียงที่พูดเป็นเสียงของปัฐวิกร ไม่ใช่เพื่อนของเธอแต่พิมพ์ปรางไม่มีเวลาสงสัย“คุณปัฐ ทำไมคะ มีอะไรหรือเปล่าคะ”จากที่นอนลงไปแล้วร่างบางเด้งตัวขึ้นมานั่งทันที เพื่อนอยู่ในห้องเดียวกันแต่นอนอีกเตียงถึงกับหันมองอย่างแปลกใจ“คือว่า...ยายจันทร์เข้าโรงพยาบาลน่ะ ยังไงก็เตรียมตัวไว้นะ ขอกับครูที่ดูแลหอซะให้เรียบร้อย”“ค่ะ”พิมพ์ปรางรับคำเสียงแหบพร่า ใจสั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน มือไม้เย็นเฉียบตั้งแต่กลับมาจากบ้านอรรถพันธ์พงศ์ครั้งล่าสุดยังผ่านไปไม่ถึงเดือนเธอก็เลยยังไม่ได้เจอยายอีก มีเพียงโทรหาทุกวันตอนเย็นเท่านั้น แต่ยายก็คุยปกติไม่มีอะไรดูแปลกไป แต่ก็นั่นแหละถึงจะป่วยยายก็คงไม่บอกเธอเพราะกลัวจะเป็นห่วง“มีอะไรเหรอปราง”มาธาวีรูมเมทของพิมพ์ปรางรีบเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วง“ยาย...ยายเข้าโรงพยาบาล”อีกฝ่ายรีบเข้ามาลูบหลังลูบไหล่คนที่ตกใจตัวสั่นพร้อมกับปลอบ“ใจเย็นๆ นะปราง ยายถึงมือหมอแล้วคงไม่มีอะไร แล้วนี่ที่บ้านก้อยเขาว่ายังไงบ้าง”“คุณปัฐให้เตรียมตัว เดี
“อยากให้ยายอกแตกตายใช่ไหม เด็กคนนี้”ทันทีที่เข้ามาในเรือนของยายจันทร์ก็ได้ยินเสียงสั่นพร่าของยาย พิมพ์ปรางรีบเข้าไปหา วางกระเป๋า นั่งบนพื้นกอดเข่าซบหน้าลงบนตักเล็กๆ แม้คนที่นั่งบนโซฟาจะผลักไสเธอก็ไม่ยอมถอย“ปรางไม่รู้อะไรเลยจริงๆ จ้ะยาย คุณก้อยชวนไปเที่ยว ไม่ได้บอกว่าไปกับใคร”“อย่ามาแก้ตัว แกบอกคุณก้อยว่าไม่อยากไปก็ได้ ไม่เห็นต้องตำตัวตีเสมอลูกท่าน ไปเที่ยวกับท่าน”ยายจันทร์โกรธหลานสาวจนไม่อยากฟังอะไร ท่านรู้จากพลที่ขับรถไปส่งขึ้นเรือว่าพิมพ์ปรางไปด้วย อีกฝ่ายยังบอกด้วยว่ามีโอกาสได้ไปเที่ยวบ้างก็ดีเหมือนกัน แม้คนบอกจะไม่คิดอะไรแต่ยายไม่ดีใจกับหลานสาวเลยสักนิด“คุณก้อยบอกว่า ปรางไม่ไปคุณก้อยก็ไม่ไปเพราะไม่มีเพื่อน”สาวน้อยบอกเสียงเครือ เพราะเจอเรื่องวุ่นวายที่โน่นเธอเลยลืมคิดไปว่ากลับมาที่นี่ก็อาจจะเกิดปัญหากับยาย เพราะยังไงยายก็ต้องรู้เรื่องจากลุงพลอยู่ดีเนื่องจากมาถึงกรุงเทพฯ ก็บ่ายแก่แล้ว กิตติกรให้คนขับรถไปส่งเพื่อนจากต่างประเทศถถึงที่พัก ส่วนเพื่อนคนไทยส่งในจุดที่ต่อแท็กไปบ้านได้สะดวก และค่อนข้างเย็นมากแล้วจึงตรงกลับบ้านอรรถพันธ์พงศ์เลย เพราะอย่างน้อยพิมพ์ปรางก็พักกับยายได้แล้ว
“คุณนี่ไม่ใช่ลูกผู้ชายเอาซะเลย ทำร้ายผู้หญิงแล้วยังกลับกลอกอีก”แม้จะกลัวอีกฝ่ายเหมือนกันแต่กัญญานันโกรธที่เขาทำร้ายเพื่อนของเธอแล้วยังมาตีหน้าซื่อแววตาของต่อวาววับขึ้นกับคำพูดนั้น ก้าวยาวๆ เข้ามาหาสองสาวน้อยด้วยท่าทางคุกคาม“นี่ยายเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ก่อนที่จะมาว่าฉันกลับกลอก คนข้างเธอน่ะตัวดีเลย ฉันจะบอกอะไรให้ นั่งเด็กนั่นน่ะไม่ทำธรรมดา ตีหน้าซื่อตาใสแต่อ่อยเก่ง เมื่อวานก็อ่อยฉัน ไม่งั้นฉันไม่เข้าใกล้หรอก โธ่เอ้ย! ก็แค่คนใช้ในบ้านใครจะไปสนใจ...”พลั่ก!!ร่างสูงของต่อถลาไปตามแรงกระแทกอย่างแรงเข้าที่ข้างสะโพก แต่ยังดีที่สามารถเกาะเสาต้นหนึ่งไว้ได้ทัน แล้วรีบหันกลับมามองคนที่ถีบเขาตาขวาง“กลาง”“ใช่ ฉันเอง”“ทำขนาดนี้มันไม่มากไปหน่อยเหรอวะ”ต่อยืนตัวตรงแล้วขยับไปเผชิญหน้ากับเพื่อนด้วยความไม่พอใจ“มันยังน้อยไปกับปากหมาๆ ของแก”“หึ ปกป้องกันจังเลยนะ”กิตติกรมองคนที่ยิ้มเย้ยหยันเขาพร้อมกำมือแน่น ใบหน้าคมนิ่งหากตากลับดุเข้ม“ก้อยกลับไปที่ห้องก่อน”ชายหนุ่มสั่งน้องสาวโดยไม่หันกลับไปมอง กัญญานันทำตามโดยรีบพาพิมพ์ปรางไปด้วยทันที แม้จะได้ยินเสียงเข้มของเพื่อนพี่ชายแว่วตามหลังมาแต่สาวน้อ
พิมพ์ปรางกำลังพยายามพาตัวเองลุกขึ้นแต่แล้วก็มีมือยื่นมาตรงหน้าสาวน้อยจึงเงยขึ้นมองแล้วเห็นว่าเป็นต่อ“ส่งมือมาสิ พี่ช่วย”“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณค่ะ”คนตัวเล็กลุกขึ้นมายืนได้ด้วยตัวเองแล้วเซเล็กน้อยอีกฝ่ายจึงเข้ามาช่วยจับเอาไว้ แต่เธอก็รีบถอยหนีจนเขามองหน้า“ทำไมต้องทำท่ารังเกียจกันด้วย”“เปล่านะคะ”สาวน้อยรีบส่ายหน้าเมื่อถูกทักมาแบบนั้นกลัวเขาจะเข้าใจผิด“ปรางแค่...ตกใจน่ะค่ะ”ชายหนุ่มเงียบไป มองเหมือนไม่คิดจะเชื่อก่อนจะพูดขึ้น“ไม่ใช่เพราะนายกลางเหรอ”น้ำเสียงของเขาแข็งกว่าที่เธอเคยได้ยิน แววตาก็ดูเปลี่ยนไป ท่าทางแปลกๆ ของอีกฝ่ายทำให้พิมพ์ปรางค่อยๆ ถอยหลังโดยอัตโนมัติแต่ชายหนุ่มเหมือนจะรู้ทันเขาคว้าแขนเล็กไว้แน่น“จะไปไหน”“กลับห้องค่ะ”“จะรีบทำไม ไปคุยกันที่ห้องก่อนสิ”“อะไรนะ”“อย่าทำเป็นไม่เข้าใจหน่อยเลย เมื่อวานยังอ่อย แกล้งมึนหัวให้พี่ดูแลดูแลอยู่เลยนี่นา”“เมื่อวานปรางไม่สบายจริงๆ ค่ะ”เธอพยายามอธิบายให้เขาเข้าใจ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายพอใจที่จะคิดเองเออเองไม่ฟังคำพูดของเธอ“ไม่สบาย? ฮ่าๆ ๆ ๆ”ต่อหัวเราะเสียงดังแล้วขยิบตาให้เธอข้างหนึ่งราวกับรู้ทันในเล่ห์กลของสาวน้อย“ทีกับนายกลางยังไ
เมื่อเย็นวานพิมพ์ปรางกับกัญญานันขอเป็นข้าวต้มมาทานในห้องพักแทนเพราะพิมพ์ปรางไข้ขึ้น ซึ่งกัญญานันก็บอกพี่ชายตัวเองไปแล้ว ทว่าทั้งที่รู้ว่าป่วยพิมพ์ปรางก็ยังถูกเรียกออกมากลางดึก แต่อาจจะเพราะไม่สบายชายหนุ่มจึงไม่ได้แตะต้องเธอ พอใกล้รุ่งสางยังปลุกให้สาวน้อยตื่นกลับห้องพัก แถมยังเดินมาเป็นเพื่อนเธอต่างจากวันแรกอีกด้วยทริปวันนี้เป็นพักผ่อนสบายๆ ชมวิว ไปเที่ยวจุดต่างๆ ได้ตามใจชอบ พิมพ์ปรางกับกัญญานันเลือกที่จะอยู่ที่พักในตอนเช้า เพื่อให้อาการพิมพ์ปรางดีขึ้นแล้วช่วงบ่ายแก่ก็ออกไปไหว้พระจากนั้นก็กลับมาเดินเล่นใกล้ๆ รอจนพระอาทิตย์ตกดินแล้วจึงเดินกลับมายังที่พัก กิตติกรกับเพื่อนๆ ของเขาเองก็กลับมาแล้วพร้อมอาหารและเริ่มจับกลุ่มดื่มกันตามประสากัญญานันเหนียวตัวขอไปอาบน้ำก่อนพิมพ์ปรางจึงนั่งเล่นอยู่ด้านนอกมองบรรยากาศไปเรื่อยๆ เพราะพรุ่งนี้ต้องกลับแล้ว“มานั่งรอคิดเหรอ”คำถามเป็นภาษาอังกฤษทำให้พิมพ์ปรางหันไปมอง เธอเข้าใจว่าอีกฝ่ายพูดว่าอะไรแม้จะไม่เก่งภาษามากก็ตาม“เปล่า”สาวน้อยตอบสั้นๆ“เชอะ อย่ามาโกหกหน่อยเลย ฉันรู้นะเขาไปนอนกับเธอ”พิมพ์ปรางตาโต ตกใจหน้าซีด ทั้งที่พยายามจะปรับสีหน้าให้ปกติแต่แ
พิมพ์ปรางไม่เคยดำโผขึ้นลงอยู่ในน้ำเป็นเวลานานขนาดนี้ แม้จะเป็นครั้งแรกที่มาดำน้ำและเรียนรู้การดำน้ำตื้นแต่สาวน้อยก็สามารถทำได้ดี และโลกใต้ทะเลทำให้ตื่นตาตื่นใจแต่ก็เพียงชั่วเวลาหนึ่งเท่านั้น ปัญหาอยู่ที่คนที่สอนเธอดำน้ำทั้งยังอยู่ข้างๆ ตลอดเวลานั่นเองต่อเพื่อนของกิตติกรเกาะติดเธอจนสาวน้อยอดวิตกไม่ได้ รู้ตัวดีว่าถูกหม่อมหลวงหนุ่มจับตามองอยู่แม้จะไม่ได้หันไปมองอีกฝ่ายก็ตาม ไม่อยากนึกเลยว่าเธอต้องเจอกับอะไรสุดท้ายแล้วการดำผุดดำว่ายนานกว่าปกติโดยร่างกายยังไม่ชินเท่าไรนักก็ทำให้พิมพ์ปรางมึนหัวจนต้องขอขึ้นมาก่อน ทว่าต่อก็ยังตามมาดูแลอีกด้วย แม้จะรู้สึกขอบคุณแต่มันกลับทำให้เธอกดดันจนทำตัวไม่ถูก“ขอบคุณค่ะ”ชายหนุ่มพยุงร่างเล็กให้ขึ้นมาบนเรือและยังพามานั่งพัก“พักสักหน่อยนะ หรือว่าจะเอายาดมหรืออะไรไหม เดี๋ยวพี่หาให้”ต่อถามด้วยความหวังดีแต่พิมพ์ปรางยิ้มแหย ไม่อยากขอความช่วยเหลือจากอีกฝ่าย หรือเป็นภาระของเขาไปมากกว่านี้เพราะคนที่จะเดือดร้อนก็คือเธอเอง“ปรางเป็นอะไร”กัญญานันรีบตามมาด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นเพื่อนมีชายหนุ่มพยุงขึ้นมา“มึนหัวนิดหน่อยน่ะค่ะ”“เหรอ งั้นเดี๋ยวก้อยหายาดมให้นะ”เมื
สาวน้อยเผชิญหน้ากับคนตรงหน้าด้วยความหวาดหวั่น ขณะที่ชายหนุ่มกวาดมองเธอด้วยสายตาไม่พอใจ“ทำไมมาช้า”“รอคุณก้อยหลับค่ะ”คำตอบแทบจะเป็นเสียงกระซิบ แต่กิตติกรก็พอใจ อย่างน้อยพิมพ์ปรางก็ยังฟังคำสั่งเขา ชายหนุ่มดึงอีกฝ่ายเข้ามาหาตัวแต่มือบางรีบดันอกเขาเอาไว้ ดวงหน้าเล็กซีดลงจนหน้าใจหาย“เอ่อ คุณกลางคะ”“เธอผิดสัญญา”“ไม่มีใครมายุ่งกับปราง...”สาวน้อยมีสีหน้าทั้งงงทั้งกลัวระคนกัน“ก็ไอ้ต่อไง”“เราแค่คุยกัน เขาเก็บของคุณก้อยได้ แล้วคิดว่าเป็นของปรางก็เลยเอามาคืน”เธอรีบอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจ“อย่าบอกนะว่าเธอดูไม่ออกว่าไอ้ต่อมันคิดจะทำอะไร”คนตัวเล็กตรงหน้ามีสีหน้าไม่เข้าใจ และมันยิ่งทำให้กิตติกรหงุดหงิด“นี่ฟังนะ มันจะจีบเธอ ไม่งั้นมันไม่ชวนคุย ไม่ช่วยแกะกุ้งแกะปู ตักนั่นนี่ให้หรอก”พิมพ์ปรางอ้าปากค้าง คาดไม่ถึง เธอเข้าใจว่าเพื่อนของเขาเป็นคนใจดีมากกว่าจะมาสนใจเด็กอย่างเธอ“เพราะฉะนั้นฉันถึงต้องเตือนความจำเจอเธอไง”พอพูดจบกิตติกรก็โน้มหน้าลงมาหาแต่พิมพ์ปรางรีบหลบ อีกฝ่ายจึงเปลี่ยนไปหอมแก้มแล้วระเรื่อยลงไปยังลำคอแทน ร่างเล็กตัวสั่นเทาขึ้นมาทันที“อย่านะคะ อย่าทำแบบนี้ค่ะ”“ฉันจะทำให้เธอรู้ว่าไ
ช่วงมื้อเย็นจัดเป็นสองโต๊ะ กัญญานันกับพิมพ์ปรางร่วมโต๊ะเดียวกันกับกิตติกรโดยมีเพื่อนที่ชื่อต่อของเขารวมด้วย นั่นทำให้พิมพ์ปรางมักจะตัวเกร็งเสมอเวลาที่ต่อหันมาคุยกับเธอ กระทั่งเลยสี่ทุ่มมาแล้วสองสาวน้อยจึงชวนกันกลับห้องพัก“ก้อยกับปรางกลับห้องก่อนนะคะพี่กลาง”“ครับ”ชายหนุ่มมองนาฬิกาที่ข้อมือก่อนจะตอบรับเมื่อสองสาวคล้อยหลัง กลุ่มหนุ่มสาวก็ยังนั่งดื่มนั่งคุยกันอย่างออกรสจนถึงเที่ยงคืนจึงค่อยๆ แยกย้ายไปทีละคนสองคนสักพักกิตติกรก็ลุกขึ้นเช่นกัน ทำให้สาวร่างอวบอิ่มลุกตามด้วย กระทั่งกำลังจะเข้าไปในบ้านพักชายหนุ่มจึงพูดขึ้น“แอนเดรียนอนที่นี่คนเดียวก็แล้วกันนะ”“ทำไม”แอนเดรียขยับตัวเข้ามาเบียดหน้าอกหน้าใจกับต้นแขนเขาแต่กิตติกรไม่มีอารมณ์ร่วมด้วย วันนี้สาวสวยดื่มหนักเกินไป เขาไม่ชอบกลิ่นเบียร์จากปากผู้หญิงที่จูบ แม้กลิ่นจางๆ อาจจะดูเย้ายวนแต่พอดื่มจนเมาแล้วมันกลายเป็นคนละเรื่องสำหรับเขาไปเลย กิตติกรมักจะนอนไม่หลับถ้าได้กลิ่นฉุนแอลกอฮอล์เพราะนิสัยตัวเองก็ไม่ค่อยดื่มจนเมาหัวราน้ำ เขามีลิมิตในการดื่ม ถ้าตัวมีกลิ่นฉุนติดจมูกยังอาบน้ำก่อนนอนด้วยซ้ำ พูดง่ายๆ คือไม่ชอบนอนกับคนเมา“วันนี้เหนื่อยน่ะ
พิมพ์ปรางถึงกับตัวแข็งเมื่อเห็นคนคนหนึ่งเดินตรงมาหาพร้อมกับลุงพลคนขับรถของบ้านอรรถพันธ์พงศ์“พี่กลาง”กัญญานันทักทายพี่ชายพร้อมรอยยิ้ม สองสาวเก็บของเสร็จแล้วออกมาจากห้องแต่งตัวหลังจบการแสดงของตัวเองพร้อมกระเป๋าใบย่อม“มารอนานหรือยังคะ”“สักพักแล้วครับ พี่ได้ดูที่น้องก้อยแสดงด้วย ใครๆ ก็ชมว่าบุษบาสวยกันทั้งนั้น”“ปรางก็สวยค่ะ เนอะ”สาวน้อยบอกพี่ชายแล้วกระแทกไหล่บางของเพื่อนเบาๆ เพราะนางจินตะหราที่พิมพ์ปรางแสดงนั้นก็เป็นที่ชื่นชอบไม่น้อยเลย ถือว่าประสบความสำเร็จในการแสดงละครรำครั้งแรกของพวกเธอ แต่อีกฝ่ายไม่ตอบรับอะไร เพียงแค่ยกมือไหว้กิตติกรกับคนขับรถเท่านั้นกิตติกรเองก็ไม่แสดงสีหน้าใดๆ แม้จะนึกขุ่นเคืองกับคำชมแสนปลาบปลื้มนางจินตะหราที่เขาได้ยินจากบรรดานักเรียนวัยรุ่นที่นั่งใกล้ๆ ก็ตาม พอได้เห็นหน้าพิมพ์ปรางอาการหวงของของเขาก็กลับมาอีกครั้งแน่นอนว่าสาวน้อยใบหน้าผ่องใสในตอนนี้ขณะที่อยู่บนเวทีและแต่งหน้าจัดเต็มกลับกลายเป็นสาวสวยหมดจดตรึงตาตรึงใจจนใครๆ ก็ต้องจดจ้องไม่วางตา รวมทั้งเขาเองด้วย“ขึ้นรถเถอะ จะได้ไปรับเพื่อนๆ พี่ต่อ นัดพวกเขาเอาไว้บ่ายโมง”เมื่อชายหนุ่มบอก คนขับรถจึงเดินมาช่วย