Share

ใต้เท้าเจ้าขออย่ากลั่นแกล้งข้านักเลย
ใต้เท้าเจ้าขออย่ากลั่นแกล้งข้านักเลย
Author: Luffy.g

บทที่ 1 ข้าต้องการแต่งงาน

Author: Luffy.g
last update Last Updated: 2024-11-23 17:16:48

บทที่ 1 ข้าต้องการแต่งงาน

“ท่านพ่อ ข้าพบคนที่ข้าพึงใจแล้ว ข้าต้องการแต่งงาน” เสียงออดอ้อนดังขึ้นในจวนสกุลจาง

          จางหมินเย่วคุกเข่าลงตรงหน้าบิดาของตน จางเหวิ่นชิงเสนาบดีกรมคลัง สองมือบางกอบกุมฝ่ามือใหญ่ที่เริ่มเหี่ยวย่นไปตามกาลเวลาของเขา สายตาจ้องมองหน้าบิดาด้วยความเว้าวอน

บัดนี้จางหมินเย่วผ่านพ้นพิธีปักปิ่นมาร่วมหนึ่งปีแล้ว ภาพของซ่งฟู่หลงฉายชัดเข้ามาในหัวของนาง ภาพในช่วงเทศกาลโคมลอยที่จัดขึ้นอย่างคึกคักยิ่งใหญ่ ช่วงเวลานั้นชายหนุ่มและหญิงสาวในเมืองต่างพากันนั่งเรือลำใหญ่สองลำซึ่งแยกบุรุษและสตรีออกจากกัน เรือทั้งสองลอยขนาบด้านข้างกันไปเพื่อชมโคมลอยที่ถูกปล่อยจนเต็มไปทั่วท้องฟ้า แต่วัตถุประสงค์ที่แท้จริงก็ไม่ต่างจากการนัดพบของบรรดาเหล่าคุณชายและคุณหนูของจวนต่างๆ เพื่อผูกสมัครรักใคร่กันในอนาคต

          จางหมินเย่วก็เป็นหนึ่งในบรรดาคุณหนูเหล่านั้น นับเป็นครั้งแรกที่จางหมินเย่วได้มีโอกาสออกมาเที่ยวชมเทศกาลโคมลอยพร้อมกับพี่สาวของนาง จางหมินเย่วทั้งตื่นเต้นและตื่นตากับบรรยากาศอันน่าครึกครื้นเช่นนี้

จางหมินเย่วเป็นบุตรสาวคนรองของเสนาบดีจางเหวิ่นชิง พี่สาวของนางคือจางเซี่ยโยว คุณหนูใหญ่ของจวน และยังมีน้องชายอีกคนคือจางจ้าวเว่ย ทั้งสองเป็นพี่น้องต่างมารดาของนางที่เกิดจากฮูหยินคนปัจจุบัน ส่วนมารดาของนางเป็นฮูหยินคนก่อนที่ได้เสียชีวิตลงไปตั้งแต่นางยังเล็กมากนัก

          ในตอนที่จางหมินเย่วทอดสายตามองไปยังผืนน้ำด้านข้าง สายตาของนางก็พลันสะดุดเข้ากับชายผู้หนึ่ง เขาสวมอาภรณ์สีขาวที่ดูราบเรียบแต่แฝงไปด้วยความสง่างาม ใบหน้าที่ดูหล่อเหลาชวนให้เคลิบเคลิ้ม ทั้งคิ้วเข้มหนาที่รับกับดวงตารียาว ท่าทางที่เคร่งขรึมราวกับไม่แยแสสิ่งใดในใต้หล้า สายตาทอดมองไปยังเบื้องหน้าพร้อมยกสุราขึ้นดื่มด้วยท่วงท่าที่สง่างามดูน่าเกรงขาม

          จางหมินเย่วถูกชายหนุ่มคนดังกล่าวสะกดสายตาให้จ้องมองอยู่เช่นนั้นเป็นเวลานาน หัวใจดวงน้อยเต้นรัวแรงขึ้นมา พร้อมลมหายใจที่ดูติดขัด ท้องน้อยของนางปั่นป่วนขึ้นมาราวกับมีผีเสื้อโบยบินอยู่ในท้อง

          “พี่หญิง...บุรุษผู้นั้นคือผู้ใดกัน” จางหมินเย่วกล่าวอย่างละเมอเมื่อนางหันไปสอบถามพี่สาวของตน

          จางเซี่ยโยวปรายตามองตามนิ้วมือที่ชี้ไปด้านหน้าของน้องสาวของตน นางได้แต่พ่นหายใจอย่างนึกรำคาญ เดิมทีจางเซี่ยโยวไม่คิดจะพาจางหมินเย่วมาด้วย แต่เพราะทนการรบเร้าจากมารดาไม่ได้ ทำให้สุดท้ายนางจึงได้แต่จำใจ

จางเซี่ยโยวตอบด้วยน้ำเสียงอย่างขอไปที “นั่นใต้เท้าซ่งฟู่หลง ขุนนางขั้นเจ็ด ราชเลขาในองค์ฮ่องเต้”

          จางเซี่ยโยวตอบเสร็จก็เบนสายตากลับไปยังจุดสนใจเดิมที่มี ดวงตาคู่น้อยจับงจ้องไปที่หนิงอันอวี้ องค์ชายสี่ บุตรชายคนโตของฮองเฮาหยางกุยฮวา นางยกยิ้มขึ้นมาอย่างมีความสุขอีกครั้ง ท่าทางหมายมาดพร้อมสายตาที่ลึกซึ้งที่ส่งผ่านสายลมไปยังชายหนุ่มที่ตนพึงใจ

          จางหมินเย่วได้แต่หันไปค้อนขวับใส่พี่สาวของตนอย่างนึกขัดเคือง ก่อนจะเบนความสนใจกลับไปยังเรือใหญ่ตรงด้านข้าง พร้อมกับยิ้มกว้างขึ้นมาอีกครั้ง “ใต้เท้าซ่งฟู่หลง...”

          ห้วงความคิดของจางหมินเย่วพลันสะดุดลงไป เมื่อเสียงตะคอกคำรามดังสนั่นไปทั่วห้องโถง ทำเอาจางหมินเย่วถึงกับสะดุ้งตกใจ “เหลวไหล เจ้าเป็นถึงคุณหนูรองจวนเสนาบดีกรมคลัง ข้าจะให้เจ้าแต่งงานกับขุนนางต่ำศักดิ์เช่นนั้นได้เช่นใดกัน” จางเหวิ่นชิงตะคอกออกมาในทันทีที่ได้ยินคำขอของบุตรสาวคนรอง นางเป็นบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนของตน ไม่ว่าจะต้องคิดเช่นใดเขาก็ไม่อาจยอมให้นางลดตัวลงไปแต่งงานกับขุนนางขั้นเจ็ดเช่นนั้นได้เป็นแน่

          “ท่านพ่อ...แต่ข้าได้ยินมาว่าใต้เท้าซ่งเป็นถึงคนโปรดปรานของฝ่าบาทเชียวนะเจ้าคะ หากลูกได้แต่งงานกับใต้เท้าซ่ง วันข้างหน้าลูกย่อมไม่มีทางลำบากเป็นแน่” จางหมินเย่วยังคงพยายามโน้มน้าวบิดาของตนอีกครั้ง อันที่จริงจางหมินเย่วมิได้ใส่ใจสิ่งใดทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นฐานะหรือตำแหน่งอำนาจ ขอเพียงเป็นซ่งฟู่หลง นางก็พร้อมจะติดตามเขาไปทุกหนทุกแห่งไม่ว่าจะลำบากเพียงใดก็ตาม

          “เชอะ...คนโปรดงั้นหรือ...หากฝ่าบาทโปรดปรานจริงดังคำว่าเหตุใดชายผู้นั้นยังเป็นได้แค่ขุนนางขั้นเจ็ดอยู่อีกเล่า”

          “ท่านพ่อ...เหตุใดท่านกล่าวเช่นนี้เล่า” จางหมินเย่วลุกขึ้นยืนพร้อมมองหน้าบิดาอย่างไม่พอใจ “ข้าไม่สนว่าใต้เท้าซ่งจะเป็นขุนนางขั้นใด ข้ารักใต้เท้าซ่ง ข้าต้องการแต่งงานกับเขา”

น้ำเสียงที่ดื้อรั้นเอาแต่ใจและไม่ยอมรับฟัง กับท่าทางที่แข็งข้อขึ้นมาอย่างไม่ลดละ ทำให้จางเหวิ่นชิงไม่อาจระงับอารมณ์ได้อีก เขายกมือขึ้นตบหน้าจางหมินเย่วไปหนึ่งทีด้วยความโมโห

         ใบหน้าของจางหมินเย่วสะบัดไปตามแรงกระทบที่ได้รับจากฝ่ามือหนา ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ ตั้งแต่เล็กจนโตบิดาของตนเอาใจจางหมินเย่วแทบทุกสิ่ง สิ่งที่ใดที่นางต้องการล้วนถูกจัดสรรให้มากองตรงหน้าอย่างไม่มีลังเล นี่จึงนับเป็นครั้งแรกในชีวิตที่จางเหวิ่นชิงถึงกับลงมือทำร้ายจางหมินเย่วรุนแรงถึงเพียงนี้ แก้มของนางปรากฏรอยแดงเรื่อขึ้นเป็นริ้วจากฝ่ามือที่สัมผัส

จางหมินเย่วยกมือขึ้นกุมใบหน้าของตนพร้อมกับหันหน้าไปประจันหน้ากับบิดาของตน สายตาจ้องมองจางเหวิ่นชิงตาเขม็งฉายความโกรธเคืองออกมาอย่างเห็นได้ชัด

จางเหวิ่นชิงเองก็ถึงกับตกใจกับการกระทำอันวู่วามของตนเอง แต่เพราะความขัดเคืองใจที่มีทำให้เขายังคงรักษาอาการเอาไว้นิ่ง

“ไม่ว่าอย่างใดหนนี้ข้ามิยินยอมให้เจ้าทำตามอำเภอใจเป็นอันขาด” จางเหวิ่นชิงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

“ไม่ว่าท่านพ่อจะพูดสิ่งใด ข้าก็ขอยืนยัน...ข้าจะแต่งงานกับใต้เท้าซ่งเพียงผู้เดียวเท่านั้น หากท่านพ่อไม่ยินยอม ข้าจะหนีตามใต้เท้าซ่งไปเสียให้ได้ทีเดียว”

คำกล่าวมาดมั่นทั้งยังแฝงคำข่มขู่ของจางหมินเย่ว ทำเอาจางเหวิ่นชิงถึงกับเลือดขึ้นหน้า “เจ้า....”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ใต้เท้าเจ้าขออย่ากลั่นแกล้งข้านักเลย   บทที่ 68 ฟ้าหลังฝน

    บทที่ 68 ฟ้าหลังฝน“โยวเอ๋อร์....โยวเอ๋อร์...ข้าขอโทษ...ข้าขอโทษ” เสียงร้องตะโกนเรียกบุตรสาวของเซี่ยเหมยดังก้องไปทั่วห้องขัง นางทรุดตัวลงกับพื้นด้วยน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้มพร้อมหันหลังให้กับจางหมินเย่วอย่างหมดอาลัยตายอยาก นางอ่อนล้าและอ่อนแรงจนไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวอันใดกับจางหมินเย่วให้ตนเองต้องเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว“ท่านแม่...ตลอดเวลาที่ผ่านมาข้าได้แต่นึกขอบคุณท่านที่รักและเอาใจใส่ข้ามาโดยตลอดแม้ว่าท่านจะเกลียดชังข้ามากเพียงใด...แต่ว่า...ท่านแม่...จะมีสักครั้งหรือไม่ที่ท่านจริงใจต่อข้าแม้เสียงสักเสี้ยวนาที”เซี่ยเหมยกัดฟันแน่นข่มความอาดูรเอาไว้ในใจ ภาพแต่หนหลังผุดขึ้นมาในความนึกคิดของนางอีกครั้ง แม้นางจะนึกเกลียดชังสองแม่ลูกมากสักเพียงใดแต่ความผูกพันที่มีมาเนิ่นนานก็เป็นสิ่งที่นางมิอาจปฏิเสธได้ “นับแต่นี้ต่อไป...เจ้าอย่ามาให้ข้าเห็นหน้าเจ้าอีก” เซี่ยเหมยกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงที่สงบและจริงจัง ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปนั่งหันหลังที่มุมห้องขังอย่างไม่ต้องการเสวนากับจางหมินเย่วอีกต่อไปจางหมินเย่วสะอื้นไห้ในลำคอ ก่อนจะยกยิ้มบางขึ้นมาอีกหน “ขอท่านแม่โปรดรักษาตัวด้วย” นางคุกเข่าลงพร้อมโขกศีรษะกับพื้นเ

  • ใต้เท้าเจ้าขออย่ากลั่นแกล้งข้านักเลย   บทที่ 67 ท่านยอมรับความจริงเถิด

    บทที่ 67 ท่านยอมรับความจริงเถิดข่าวคราวเรื่องของหนิงอันอวี้ที่มีสภาพไม่ต่างจากตุ๊กตามีชีวิตแพร่สะพัดไปทั่วแคว้น “ไม่จริง...อันอวี้ต้องไม่เป็นอันใด...ไม่จริง...” หยางกุยฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับคลุ้มคลั่งอาละวาด ก่อนจะเป็นลมจนสิ้นสติไปในทันทีในขณะที่ซ่งฟู่หลงและจางหมินเย่วได้ยินเรื่องดังกล่าวก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างนึกสังเวชใจ “เวรกรรมจริงๆ”จางหมินเย่วหันไปมองซ่งฟู่หลงก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยความประหม่า “ใต้เท้า...ข้ามีเรื่องอยากขอร้อง”ซ่งฟู่หลงหรี่ตามองจางหมินเย่ว “เจ้าว่ามาสิ”“ข้าอยากไปเยี่ยมท่านแม่สักครั้ง...ท่านให้ข้าไปได้หรือไม่” จางหมินเย่วกล่าวออกมาในที่สุดแววตาที่อ้อนวอนทอดมองมาที่ซ่งฟู่หลง เขาได้แต่พยักหน้ารับพร้อมกำชับให้องครักษ์คอยคุ้มกันนางเอาไว้อย่างใกล้ชิดจางหมินเย่วพร้อมเล่อจิ้นและองครักษ์อีกสองนายขึ้นรถม้าพร้อมมุ่งหน้าตรงไปยังคุกอาญาในทันทีเซี่ยเหมยถูกกักขังอยู่ในห้องขังตามลำพัง ใบหน้าเหม่อลอย ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงอย่างทอดอาลัยตายอยาก นางรู้สึกอับจนและสิ้นหวังเป็นอย่างยิ่งในทันทีที่เซี่ยเหมยเห็นจางหมินเย่วตรงหน้า นางก็ปรี่เข้ามาพร้อมยื่นแขน ออกมาด้านนอกกรงขังหวั

  • ใต้เท้าเจ้าขออย่ากลั่นแกล้งข้านักเลย   บทที่ 66 ข้ามิอาจให้ท่านทำร้ายได้อีก

    บทที่ 66 ข้ามิอาจให้ท่านทำร้ายได้อีกจางเซี่ยโยวประคองหนิงอันอวี้เข้ามาภายในห้องนอนด้วยท่าทางที่เป็นปกติ แม้ว่าภายในใจนั้นกลับตื่นเต้นระคนหวาดหวั่นไปพร้อมกัน สุราและอาหารถูกจัดเรียงไว้อย่างพร้อมสรรพหนิงอันอวี้เข้ามาภายในห้องนอน เขามิได้ใส่ใจกับสิ่งใดตรงหน้า หนิงอันอวี้กระชากร่างของจางเซี่ยโยวเข้าหาตัวพร้อมบดขย้ำนางด้วยความอัดอั้นในอารมณ์ ริมฝีปากหนาบดขยี้ริมฝีปากบางอย่างดุนดันและตะกละตะกลามจางเซี่ยโยวร้องอู้อี้ออกมา นางพยายามดิ้นรนขัดขืนก่อนจะสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมได้ในที่สุด การกระทำดังกล่าวส่งผลให้หนิงอันอวี้มีท่าทางฉุนเฉียวและหงุดหงิดใจขึ้นมาในทันทีจางเซี่ยโยวรีบปรับอารมณ์ให้เป็นปกติอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มกว้างอย่างหวานเยิ้มออกมาพร้อมเดินเข้าไปคล้องลำแขนของเขาอย่างประจบเอาใจ “องค์ชาย...ข้าตระเตรียมสุราชั้นดีเอาไว้สำหรับดื่มด่ำในค่ำคืนนี้ หากท่านใจร้อนเช่นนี้จะมิทำให้เสียบรรยากาศหรอกหรือเจ้าคะ”จางเซี่ยโยวกล่าวพลางดึงรั้งหนิงอันอวี้ลงนั่งที่โต๊ะ ก่อนจะหย่อนกายลงนั่งบนตักเขา มือข้างหนึ่งวาดแขนโอบรอบลำคอ ในขณะที่อีกมือหนึ่งก็ยกสุรารินลงในจอกด้วยท่าทางที่เชื่องช้าแต่เย้ายวนในที จางเซี

  • ใต้เท้าเจ้าขออย่ากลั่นแกล้งข้านักเลย   บทที่ 65 น้อยเนื้อต่ำใจ

    บทที่ 65 น้อยเนื้อต่ำใจจางเซี่ยโยวโขกศีรษะขอบคุณหนิงเว่ยเจี้ยนอีกครั้ง เมื่อนางได้รับอนุญาตตามที่หนิงเว่ยเจี้ยนได้ให้คำมั่นไว้ นางก็ขอตัวลากลับไปในทันที นางหันหลังเดินออกไปโดยมิได้มองจางหมินเย่วที่อยู่ด้านข้างเลยแม้แต่น้อย“เช่นนั้นลูกก็ขอตัวเช่นกัน” ซ่งฟู่หลงโค้งตัวลาหนิงเว่ยเจี้ยนในทันที พร้อมกระชับร่างของจางหมินเย่วที่ยังคงยืนนิ่งราวกับกำลังอยู่ในความฝัน เหตุการณ์ตรงหน้าซับซ้อนเกินกว่าที่จางหมินเย่วจะสามารถคาดเดาอันใดได้“ฟู่หลง...ต่อไปเจ้าก็ดูแลเย่วเอ๋อร์ให้ดีเล่า” หนิงเว่ยเจี้ยนกล่าวกำชับซ่งฟู่หลงอีกครั้งอย่างนึกเป็นห่วงและเอ็นดู“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ...ชายาของข้านั้นดื้อรั้นและโง่เขลา...ต่อไปข้าคงมิอาจให้นางคลาดสายตาไปได้อีก” ซ่งฟู่หลงกล่าวตอบพร้อมปรายตามองจางหมินเย่วอย่างหยอกเย้าจางหมินเย่วได้แต่ยิ้มเจื่อนออกมา พร้อมใบหน้าที่สลดลงไป นางมิได้กล่าวสิ่งใดออกมาอีก นางได้แต่นึกเสียใจในความโง่เขลาของตนเองขณะที่อยู่ลำพังภายในเรือนนอน จางหมินเย่วได้แต่นั่งคอตกหวนคิดถึงความผิดพลาดที่ตนเองได้ก่อขึ้น นางได้แต่รู้สึกหมดอาลัยตายอยาก ทั้งความผิดหวัง ความท้อแท้ ความรันทดใจซ่งฟู่หลงเข้ามานั่ง

  • ใต้เท้าเจ้าขออย่ากลั่นแกล้งข้านักเลย   บทที่ 64 ทวงสัญญา

    บทที่ 64 ทวงสัญญาหลังจากที่ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง หยางกุยฮวาถึงคุมตัวไปยังตำหนักเย็น ในขณะที่เซี่ยเหมยถูกจับกุมไปยังเรือนจำของศาลอาญาเพื่อรอคำตัดสิน จางเซี่ยโยวก็ได้คุกเข่าลงตรงหน้าหนิงเว่ยเจี้ยน “ทูลฝ่าบาท...ขอพระองค์ทรงทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับหม่อมฉันด้วยเถิดเพคะ”จางเซี่ยโยวหวนนึกถึงในวันที่เซี่ยเหมยได้เดินทางมาหาตนที่จวนก่อนหน้านี้“โยวเอ๋อร์...แม่มีเรื่องสำคัญจะบอกกับเจ้า” เซี่ยเหมยกล่าวออกมา ในขณะที่มีโอกาสอยู่ด้วยกันตามลำพัง“ท่านแม่มีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ เหตุใดท่านจึงดูร้อนรนเช่นนี้”เซี่ยเหมยหยิบขวดยาจากแผงเสื้อออกมา ก่อนจะนำมาวางตรงหน้าจางเซี่ยโยว“นี่คือ....”เซี่ยเหมยตัดสินใจเล่าเรื่องราวที่หยางกุยฮวาได้นัดหมายกับตนให้จางเซี่ยโยวได้ฟังจนสิ้น “โยวเอ๋อร์...หากการนี้ทำสำเร็จ...อนาคตของเจ้าและองค์ชายสามย่อมสว่างสดใส และต่อไปจะมิมีผู้ใดขัดขวางตำแหน่งว่าที่ฮองเฮาของเจ้าไปได้อีกแล้ว” เซี่ยเหมยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวัง“ท่านแม่...” จางเซี่ยโยวพ้อออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนใจกับความคิดอันเลวร้ายของมารดาของตน “ท่านแม่ องค์ชายสามนั้นมีตำแหน่งรัชทายาทอยู่ก่อนแล้ว ห

  • ใต้เท้าเจ้าขออย่ากลั่นแกล้งข้านักเลย   บทที่ 63 จนมุม

    บทที่ 63 จนมุมนางกำนัลคนสนิทของหยางกุยฮวาถูกโยนลงมาตรงด้านข้างของเซี่ยเหมยด้วยสภาพบอบช้ำและอิดโรย“เจ้าจงสารภาพออกมาเดี๋ยวนี้” เสียงตวาดของหนิงเว่ยเจี้ยนดังขึ้นอีกครั้งนางกำนัลหันไปมองหยางกุยฮวาอย่างหวาดหวั่น ก่อนจะโขกศีรษะลงกับพื้นหลายต่อหลายครั้ง “ทูลฝ่าบาท...หม่อมฉันผิดไปแล้ว ขอฝ่าบาทเมตตาด้วย หม่อมฉัน...เอ่อ...เรื่องราวทั้งหมดฮองเฮาเป็นผู้บงการเพคะ”สิ้นเสียงของนางกำนัล หยางกุยฮวาก็ปรี่เข้ามาตบหน้านางอย่างแรง “นางทาสชั้นต่ำ เจ้ากล้าใส่ความข้าอย่างนั้นหรือ” หยางกุยฮวาตวาดออกมาด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา โทสะคุกรุ่นด้วยความเจ็บแค้นที่คนสนิทของตนคิดคดทรยศนาง“หยุดเดี๋ยวนี้...” หนิงเว่ยเจี้ยนตะคอกออกมาทำเอาหยางกุยฮวาถึงกับชะงักงันไป นางจ้องมองนางกำนัลด้วยแววตาเดือดดาลและอาฆาตแค้น“เจ้าจงบอกความจริงออกมาให้หมด ข้าจะให้ความเป็นธรรมแก่เจ้าเอง”“ทูลฝ่าบาท...ฮองเฮาวางแผนต้องการใส่ความองค์ชายหกจึงได้มอบยาพิษให้ฮูหยินจางเพื่อใส่ร้ายพระชายา หากแผนการสำเร็จก็จะสามารถกำจัดองค์ชายหกได้สำเร็จเพคะ” นางกำนัลกล่าวออกมาด้วยท่าทางลนลาน แม้นางจะซื่อสัตย์ต่อหยางกุยฮวามากเพียงใด แต่เมื่อนางถูกต่อรองด้วยชีวิ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status