ร่างกายที่เต็มไปด้วยเลือดของหนานรั่วซีถูกเขาพาไปส่งที่ตำหนักของนาง รอยแผลจากการถูกสุนัขป่ากัดที่แขนซ้ายของนาง สร้างความหวาดหวั่นแก่พระพี่เลี้ยง ทุกคนเกรงว่านางจะกลายผู้หญิงที่เสียโฉม เรียวแขนบอบบางขององค์หญิงมีรอยแผลฉกรรจ์ ร่างกายสตรีจะมีรอยแผลเป็นได้อย่างไร
คนที่เกี่ยวข้องรีบตามฮ่องเต้และพระชายามาในทันที หมอหลวงทั้งในวังและนอกวังถูกตามมาเพื่อยื้อชีวิตองค์หญิงหนานรั่วซี
หนานอันรั่วและหนานเจินหยางตามมาทีหลัง ผู้เป็นพี่กอดน้องสาวคนรองเอาไว้แน่น นางตัวสั่นหวาดกลัวราวกับลูกนก ตอนที่รั่วซีโดนผึ้งพิษต่อยก็ครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่เขาเห็นสายตาหวาดกลัวของนาง ความกลัวที่จะสูญเสียเป็นบาดแผลที่คอยหลอกหลอนน้องสาวเขามาตลอด
ครั้งนั้นเป็นเพราะน้องสาวคนเล็ก วิ่งเข้ามาช่วยเหลือหนานอันรั่วผู้เป็นพี่ที่กำลังตกอยู่ในดงผึ้งพิษ จึงทำให้นางได้รับบาดเจ็บและส่งผลกระทบต่อร่างกายนางมาจนถึงปัจจุบัน
“หยวนอ๋องขอบใจท่านมากที่ช่วยเหลือนาง” หนานปาอี้ขอบคุณชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านข้าง
“โชคดีที่ข้าสังหรณ์ใจ วันที่พบนางวันแรก ข้าสังเกตเห็นรอยเท้าของฝูงหมาป่า และคิดว่านางอาจจะไปหาพวกมันอีก จึงตามไปดู” เขาพูดอย่างอดห่วงไม่ได้ ในขณะที่กำลังพูดถึงรั่วซี เขาก็มองแฝดอีกคนอย่างไม่วางตา นางกำลังร้องไห้ เขาเห็นน้ำตาของนาง หากอยู่กันเพียงลำพังเขาคงรั้งนางมากอดปลอบโยน
เขาเห็นน้ำตาของสตรีมาหลายคนแต่ไม่มีสตรีใดที่เขานึกอยากทะนุถนอมดังเช่นนาง
“หยวนอ๋องน่าจะเหนื่อยแล้วเชิญกลับไปอาบน้ำพักผ่อนดีกว่า” พระชายาหมีเฮ่อบอกผู้ที่มีศักดิ์เป็นหลาน
ทุกคนเห็นด้วยเช่นนั้น บนชุดของเขาเองก็มีเลือดของหมาป่าและรั่วซีเปรอะเต็มไปหมด
“งั้นข้าขอตัวก่อน” เมื่อเห็นสภาพร่างตัวเองเขาก็คิดว่าควรไปพักดีกว่า ต่อไปก็ให้เป็นเรื่องของคนในครอบครัวจัดการกันไป
อายงยืนมองความวุ่นวายอยู่ในมุมมืด เขากล่าวโทษตัวเอง หากไม่ตามใจนาง หากไม่ทิ้งนางไว้คนเดียว คงไม่เกิดเรื่องเช่นนี้ ผิดที่เขาดูแลนางไม่ได้
หยวนไป๋เจียนเดินผ่านจุดที่อายงยืนอยู่
“เจ้าไม่เข้าไปหานาง” หยวนไป๋เจียนเห็นสายตาระคนความเจ็บปวดของชายผู้นั้นก็เข้าใจได้ว่าเขาเป็นห่วงและรู้สึกผิดขนาดไหน
“กระหม่อมเป็นเพียงองครักษ์ต่ำต้อย จะเข้าไปด้านในได้อย่างไร” เขาตัดพ้อ แต่สายตาก็ยังมองไปห้องของนาง
“นางจะปลอดภัย ต่อไปเมื่อนางฟื้นจงดูแลนางให้ดี อย่าให้นางต้องเจ็บปวด ข้าจะไม่พูดเรื่องที่เจ้าบกพร่อง เมื่อนางฟื้นขึ้นคิดว่านางก็คงไม่พูดเช่นกัน”
คำพูดของหยวนไป๋เจียนยิ่งทำให้เขารู้สึกผิด
“ข้าสัญญาจะใช้ทั้งชีวิตเพื่อดูแลนาง”
หยวนไป๋เจียนมองชายผู้นั้น เรื่องของนางไม่เกี่ยวกับเขาอยู่แล้ว เขาเดินลับหายไปในความมืด
หมอหลวงถูกระดมให้มารักษาอาการนาง หมอหลวงจากเป่ยฮั่นที่ร่วมขบวนมาด้วยกันกับคณะราชทูตก็ถูกเชิญร่วมรักษาอาการนางด้วยเช่นกัน
นับจากวันนั้นอายงก็คอยไปเฝ้านางไม่ห่าง ความผิดเป็นของเขาทั้งหมดโชคดีที่หยวนอ๋องไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเขา จึงทำให้เขารอดความผิดที่ปล่อยให้นางอยู่ลำพัง เขาเป็นองครักษ์ที่ฮ่องเต้ไว้ใจให้ดูแลองค์หญิง แต่ดันทำงานผิดพลาด เป็นเรื่องที่เขาทั้งโกรธและไม่ให้อภัยตนเอง
ร่างกายของสตรีไม่ควรมีรอยแผลเป็น เขาดันเป็นต้นเหตุให้นางเสียโฉม อายงตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะปกป้องนางไปตลอดชีวิตเพื่อชดเชยความผิดของตัวเขาเอง
ร่างแบบบางของหนานอันรั่วนั่งเหม่อมองทัศนียภาพอยู่บนเนิน เวลานี้นางไปนั่งตรงที่ที่ผู้เป็นน้องชอบนั่ง นางไม่เคยเข้าใจว่าทำไมรั่วซีถึงชอบที่ตรงนี้นัก พอได้มาลองนั่งด้วยตัวเองจึงเข้าใจนาง ที่นี่สามารถมองผู้คนได้ชัดเจนที่สุด เห็นทุกการเคลื่อนไหวทุกการกระทำ รั่วซีที่ร่างกายไม่แข็งแรง การนั่งเฝ้ามองผู้คนใช้ชีวิตแทนนาง นั่นเป็นความสุขอย่างหนึ่งของนางสินะ
เป็นเวลาเกือบเดือนแล้ว แต่รั่วซีก็ยังไม่ฟื้น นางได้แต่ขอพรจากฟ้า ให้น้องสาวฝาแฝดของนางหายป่วยและลุกขึ้นมาพูดคุยกับนางได้แล้ว นางเคยได้ยินน้องสาวบ่นว่าอยากไปเที่ยวเป่ยฮั่น ถ้าฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่จะพานางไปให้ได้ ขอเพียงแค่นางตื่นขึ้นมา เพียงแค่นางตื่นมาเท่านั้นสิ่งใดก็ตามที่ฟ้าต้องการนางให้ได้หมด
“รั่วเอ๋อ” หยวนไป๋เจียนทักทายนาง
“หยวนอ๋อง” นางหันไปทางต้นเสียง
อยู่ด้วยกันสักพักจนเริ่มสนิทกัน ท่าทีของนางก็เปลี่ยนไปอันรั่วเห็นเขาเป็นมากกว่าสหายคนหนึ่ง วันนี้เขาสวมชุดสีครามน้ำเงินแบบผู้ชายชาวเป่ยฮั่น เขาเป็นบุรุษหน้าตาดี นับวันนางยิ่งเห็นว่าเขาหล่อเหลาขึ้น
“พี่ไป๋เจียน” เขาทวนชื่อตัวเอง เขาต้องการให้นางเรียกชื่อเขาเช่นนั้น
น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน คนตัวเล็กหน้าแดงไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่นางหวั่นไหวต่อความใกล้ชิดจากเขา
“รั่วเอ๋อ” เขาเรียกชื่อเล่นนาง
อันรั่วหน้าแดงด้วยความเขินอาย เวลานางเขินหูของนางจะแดงก่ำเป็นภาพที่หยวนไป๋เจียนชอบ
“พี่ไป๋เจียน” นางพูดเบา ๆ
“ข้าไม่ได้ยิน” เขาโน้มกายเข้าหานาง ใบหูของนางแดงแจ๋ หยวนไป๋เจียนเห็นแล้วก็ชอบใจ ยามที่นางเขิน ช่างน่ารักนัก
ที่เขามาหางนางในวันนี้เพื่อบอกว่าถึงเวลาที่เขาต้องกลับเป่ยฮั่นแล้ว ราชกิจที่ได้รับมอบหมายเขาทำสำเร็จหมดแล้ว
นางซบไหล่เขา อยู่ด้วยกันมานับเดือน ใจของนางมอบให้เขาไปหมดแล้ว นางรู้ว่าอีกไม่นานเขาก็ต้องกลับไปยังที่ของเขา
“รั่วเอ๋อ ต้นเดือนหน้าข้าก็ต้องกลับเป่ยฮั่นแล้ว”
“เร็วขนาดนั้นเชียวหรือ”
“อื้ม”
หนานอันรั่วรู้สึกหวั่นใจ ความรู้สึกเหมือนจะเป็นการจากลาไปตลอดชีวิตอย่างไรก็ไม่รู้ ในใจพลันรู้สึกหวิว แบบที่นางเองก็บอกไม่ถูก
“พี่ไป๋เจียน” นางมองหน้าเขา
หยวนไป๋เจียนถือโอกาสนี้ดึงนางมากอดเอาไว้
“รอข้านะ อีกไม่นาน ข้าจะรับเจ้าไปอยู่ที่เป่ยฮั่นในฐานะฮองเฮา รอวันที่ข้าขึ้นครองบัลลังก์เป็นจักรพรรดิเป่ยฮั่น ครอบครองดินแดนเป่ยฮั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่อับอายผู้ใด”
“ป่านนั้นข้าคงแก่พอดี” นางทุบเขาเบา ๆ หนานอันรั่วรู้ดีว่าเขาไม่ได้ พูดเล่น
นางเคยไปที่ค่ายทหารของหนานเจินหยาง ได้ยินบรรดาแม่ทัพพูดคุยกันเรื่องนี้ หยวนอ๋องเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งของกระดานนี้ ไม่มีความสำคัญอะไร เป็นเพียงอ๋องแค่ในนามไม่มีอำนาจใดในมือ มีดีแค่มียศศักดิ์สูงส่ง เสด็จพ่อของหยวนอ๋องอดีตจักรพรรดิเป่ยฮั่นถูกลอบปลงพระชนม์ ผู้เป็นลุงทำพินัยกรรมปลอมขึ้นครองราชย์แทน หยวนอ๋องที่ตอนนั้นเป็นรัชทายาทยังเด็กและไร้อำนาจในมือ
เขาคงรอวันที่จะช่วงชิงของที่เป็นของเขาคืน นางเชื่อว่าเขาทำได้แน่นอน
หยวนไป๋เจียนโอบไหล่กลมมนของนาง
“รอข้า”
เขาจุมพิตหน้าผากของนางแผ่วเบา
คนทั้งคู่ทอดสายตามองพระอาทิตย์ที่กำลังคล้อยต่ำลงไปเรื่อย ๆ หนานอันรั่วรู้สึกหวั่นใจ นางกลัวว่าจะไม่ได้อยู่เห็นความสำเร็จของเขา ความกังวลในมากมายผุดขึ้นมาอย่างไม่รู้จบ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรนางถึงมีความรู้สึกเช่นนี้
ทั้งหนานอันรั่วและหยวนไป๋เจียนต่างใช้เวลาที่เหลืออยู่ร่วมกันให้มากที่สุด ฮ่องเต้หนานปาอี้และพระชายาเองก็รับรู้ว่าเด็กทั้งคู่มีใจให้กัน แต่ข้อกำหนดและพิธีการมากมายล้วนเป็นเรื่องยากที่จะให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกัน
วันออกเดินทางของหยวนไป๋เจียนก็มาถึง กองอาชาของเขาเคลื่อนที่ลับหายไปเรื่อย ๆ หนานอันรั่วรู้สึกปวดร้าวในหัวใจ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่นางจะได้พบกับเขาอีกครั้ง ไม่รู้เลยว่านางจะมีโอกาสนั้นอีกครั้งหรือไม่ คนตัวเล็กควบม้าไปตามแนวสันเขา นางใช้เวลานี้อยากมองเขาให้นานที่สุด..
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ทั้งหมอเย่ลู่และหนานรั่วซีก็ตกลงว่าจะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้ เมื่อจัดการทุกเรื่องเรียบร้อย ทุกอย่างเป็นไปตามแผน ก็ถึงเวลาที่คนจากซีตันจะกลับบ้านเสียที โชคดีที่พวกเขาเจอกับหมอเย่ลู่ระหว่างทาง ไม่จำเป็นต้องไปตามหาถึงเมืองหลวง เจอเขาที่กลางทางช่วยย่นระยะเวลาได้ดีไม่น้อยหากนางเข้าไปอยู่ในหุบเขาแล้วเรื่องทุกอย่างภายนอกก็ขอไม่รับรู้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคนซีตันหรือเขา ช่วงเวลาต่อแต่นี้ไปนางจะดูแลรักษาร่างกายของตัวเองให้ดีที่สุด ไว้นางออกไปค่อยใส่ใจก็ยังไม่สายเกินไปต้องมีสักวันที่นางลืมเขา แต่ก่อนนางเคยสงสัยว่าทำไมท่านอาหลานอี้ ถึงไม่สามารถลืมเสด็จพ่อของนางได้ บัดนี้นางเข้าใจแล้ว พิษของความรักเมื่อยังไม่ได้รับพิษย่อมไม่รู้สึก แต่เมื่อวันใดที่พิษนั้นกัดกินหัวใจ เมื่อนั้นก็ยากจะจบสิ้นความทรมานเมื่อใกล้รุ่ง หนานอันรั่วรีบตื่นออกมาส่งฝาแฝด“รั่วซี เจ้าจะไปแล้วจริง ๆ หรือ” หนานอันรั่วจับมือแฝดน้องแน่น นางไม่อยากแยกจากรั่วซีแม้เพียงสักวัน ความรู้สึกที่นางต้องจากกันในวันนี้เหมือนกับจะจากกันไป
กระทั่งฟ้าใกล้มืดพวกพี่ ๆ นางจึงกลับมา ในมือพวกเขาเต็มไปด้วยสิ่งของมากมาย หน้ากาก ว่าวลมโคมไฟ ขนมขึ้นชื่อ ของเล่น พี่ใหญ่กลายเป็นคนถือของ ของทั้งหมด สิ่งที่ซื้อมาเป็นผลงานของพี่สาวฝาแฝดนางทั้งนั้นรั่วซีเห็นแล้วก็รู้สึกอิจฉา พวกเขาสามารถออกไปเที่ยวเล่นได้ทั้งวัน กลับมาแล้วก็ยังดูไม่เหนื่อย มีร่างกายแข็งแรงนี่ดีจริง ๆไฟในห้องรับประทานอาหารส่องสว่าง อาหารท้องถิ่นหลายอย่างถูกห้องครัวจัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว ที่ข้างด้านข้างมีบุรุษสองคนนั่งดื่มชารอคอยกันเงียบ ๆ คนหนึ่งคือหยวนไป๋เจียนซึ่งทุกคนรู้จัก ส่วนอีกคนเป็นใครก็ไม่รู้ สวมชุดสีสันประหลาด สีเขียวแดงฟ้าตัดกันมั่วไปหมด“ท่านนี้คือ” หนานเจินหยางถามน้องสาว“ท่านหมอเย่ลู่ เขาหาเราเจอก่อนที่เราจะเริ่มตามหาเขาเสียอีก” นางผายมือแนะนำ“เข้าเรื่องเถอะ ข้าไม่อยากเสียเวลา” เย่ลู่ตัดบท “เจ้าจะพูดเองหรือให้ข้าพูด” เขาถามคนไข้ของตนนางพยักหน้าส่งสัญญาณว่าจะพูดเอง“พวกท่านจำได้ใช่ไหม จุดประสงค์ที่เราออกเดินทางในครั้งน
ข่าวการมาเที่ยวเป่ยฮั่นของคนจากซีตัน ทำเอาหยวนไป๋เจียนรู้สึกตื่นเต้นจนไม่เป็นอันทำอะไร เขาคิดถึงหนานอันรั่วอยู่ทุกวัน เมื่อได้ยินว่าจะได้พบหน้านางอีกครั้งก็ทนไม่ไหว ผละจากงานทุกอย่างที่มีอยู่ในมือ เตรียมการต้อนรับนางหยวนไป๋เจียนส่งคนไปสืบข่าวว่าตอนนี้พวกนางเดินทางถึงไหนแล้ว หากเป็นไปได้เขาจะไปสมทบกับพวกนางที่กลางทางและออกเดินทางด้วยกัน ต่อให้เหน็ดเหนื่อยแต่ได้เจอหน้านางเขาก็มีความสุข หยวนไป๋เจียนคิดถึงแต่ใบหน้างดงามและรอยยิ้มสดใสของหนานอันรั่วเพียงคนเดียวเขารู้จุดประสงค์ของการเดินทางมาครั้งนี้ นอกจากท่องเที่ยวในภาคกลาง ยังถือโอกาสพาองค์หญิงผู้นั้นมารักษาอาการป่วยเรื้อรังอีกด้วย นางชื่ออะไรเขาจำไม่ได้แล้ว จำได้แค่หนานอันรั่วเพียงผู้เดียว“ท่านอ๋อง ท่านจะร่วมเดินทางกับพวกเขาเช่นนั้นหรือ” ผู้ติดตามคนหนึ่งถาม“ไม่ต้องถามให้มากความของที่ข้าสั่งให้พวกเจ้าเตรียม เตรียมไว้หรือยัง”“กระหม่อมเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว หากถึงเมืองหน้าด่านก็สามารถมอบให้พวกเขาได้ทันที”นอกจากพบหน้านางเขายังเตรียมสิ่งของมากม
คนจากซีตันเดินทางเรื่อย ๆ ไม่เร่งรีบ ระหว่างทางมีปะทะกับพวกกลุ่มโจรบ้างประปราย แต่ทุกที่ที่พวกเขาผ่านไป จะมีสหายของบิดาคอยให้การต้อนรับเสมอ พวกเขาจึงรู้สึกสนุกมากกว่าเหน็ดเหนื่อยทุกอย่างเป็นสิ่งที่ไม่เคยพบเจอ หนานเจินหยางไม่ได้ตื่นตกใจกับเรื่องพวกนี้มากนัก เขาท่องเที่ยวเป่ยฮั่นกับผู้เป็นบิดาอยู่บ่อยครั้ง ผิดกับน้องสาวทั้งสองโดยเฉพาะหนานอันรั่ว นางทำให้ทุกอย่างรอบกายเป็นเรื่องสนุกน่าตื่นเต้น ส่วนหนานรั่วซีก็ได้แต่เฝ้ามองสิ่งต่าง ๆ อย่างเงียบ ๆในใจของหนานเจินหยางได้แต่บอกว่าดีแล้วๆ ดีที่หนานรั่วซีนั่งเงียบ ๆ หากนางป่วนเขาด้วยอีกคนเกรงว่าเขาจะรับมือไม่ไหว ระหว่างทางหนานอันรั่วแวะซื้อสิ่งของนู่นนี่นั่นจนต้องหารถม้าเพิ่ม สิ่งนั้นสิ่งนี้นางล้วนอยากได้ไปหมด แม้จะบอกว่าที่ซีตันก็มี แต่นางว่าของพวกนั้นนางไม่ได้เลือกเอง นางไม่ชอบ นางชอบสิ่งของที่ตัวเองเป็นผู้เลือกต่างหากจากทัศนียภาพที่เป็นทุ่งหญ้ากลายเป็นป่าเขา แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเริ่มเข้าใกล้ดินแดนเป่ยฮั่นไปในทุกทีเดินทางมาเกือบครึ่งเดือนอายงที่ติดตามเดินทางมาด้วย พูดกับรั่วซีนับคร
คณะราชทูตจากเป่ยฮั่นจากไปได้ไม่กี่วัน หนานรั่วซีก็ฟื้นขึ้น แพขนตาของนางสั่นไหว พระพี่เลี้ยงเห็นการเคลื่อนไหวของนางเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน ไม่นานคนตัวเล็กที่นอนไม่ได้สติก็ลืมตาฟื้นขึ้น อย่างช้า ๆ“หิวน้ำ” นางร้องเรียกหาน้ำอันอันที่คอยดูแลนางไม่ห่างกายตกใจจนน้ำตาไหล องค์หญิงของนางฟื้นแล้ว รีบกุลีกุจอทำตามที่คนป่วยบอก“เจ้าค่ะ น้ำอยู่นี่เจ้าค่ะ”“อันอันเจ้าร้องไห้ทำไม ข้าไม่ได้เป็นอะไรมากเสียหน่อย”“ร้องไห้เพราะเป็นห่วงพระองค์ไงเจ้าคะ”“หึ ข้าหลับไปกี่วันกันล่ะครั้งนี้” นางถามพระพี่เลี้ยงดูท่าครั้งนี้นางน่าจะหลับไปนาน“ราว ๆ เดือนครึ่งเจ้าค่ะ ตั้งแต่หยวนอ๋องพาท่านกลับมา ท่านก็ไม่ฟื้นอีกเลย จนกระทั่งหยวนอ๋องจากไปวันนี้วันที่ 5 ท่านจึงฟื้น”คำพูดของอันอันทำนางตกใจ หลับไปนานขนาดนั้นเชียวหรือ เมื่อไหร่กันที่ร่างกายนางจะแข็งแรงเสียที แม้กระทั่งเขาจากไปแล้วนางก็ไม่ได้เห็นหน้าเขา น่าเศร้าใจนัก“ระหว่างนี้ใครมาเยี่ยมข้าบ้าง
ร่างกายที่เต็มไปด้วยเลือดของหนานรั่วซีถูกเขาพาไปส่งที่ตำหนักของนาง รอยแผลจากการถูกสุนัขป่ากัดที่แขนซ้ายของนาง สร้างความหวาดหวั่นแก่พระพี่เลี้ยง ทุกคนเกรงว่านางจะกลายผู้หญิงที่เสียโฉม เรียวแขนบอบบางขององค์หญิงมีรอยแผลฉกรรจ์ ร่างกายสตรีจะมีรอยแผลเป็นได้อย่างไรคนที่เกี่ยวข้องรีบตามฮ่องเต้และพระชายามาในทันที หมอหลวงทั้งในวังและนอกวังถูกตามมาเพื่อยื้อชีวิตองค์หญิงหนานรั่วซีหนานอันรั่วและหนานเจินหยางตามมาทีหลัง ผู้เป็นพี่กอดน้องสาวคนรองเอาไว้แน่น นางตัวสั่นหวาดกลัวราวกับลูกนก ตอนที่รั่วซีโดนผึ้งพิษต่อยก็ครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่เขาเห็นสายตาหวาดกลัวของนาง ความกลัวที่จะสูญเสียเป็นบาดแผลที่คอยหลอกหลอนน้องสาวเขามาตลอดครั้งนั้นเป็นเพราะน้องสาวคนเล็ก วิ่งเข้ามาช่วยเหลือหนานอันรั่วผู้เป็นพี่ที่กำลังตกอยู่ในดงผึ้งพิษ จึงทำให้นางได้รับบาดเจ็บและส่งผลกระทบต่อร่างกายนางมาจนถึงปัจจุบัน“หยวนอ๋องขอบใจท่านมากที่ช่วยเหลือนาง” หนานปาอี้ขอบคุณชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านข้าง“โชคดีที่ข้าสังหรณ์ใจ วันที่พบนางวันแรก ข้าสังเกตเห็นรอยเท้าของฝูงหมาป่า และคิดว่านางอาจจะไปหาพวกมันอีก จึงตามไปดู” เขาพูดอย่า