เข้าสู่ระบบพนักงานต่างเมาท์มอยกันถึงทริปวันหยุดยาวที่ผ่านมา จะมีก็แต่สาวน้อยที่เป็นปู่โสม เฝ้าบริษัทเท่านั้น ที่ได้แต่นั่งฟังเรื่องเล่าของผู้อื่น เธอนั่งสังเกตุใบหน้ารุ่นพี่ในบริษัทหลายๆ คน พวกเขาดูช่างมีความสุขเหลือเกิน เหมือนพวกเขาได้กลับไปชาร์จแบตให้ตัวเอง และพร้อมมาลุยงานต่อ
"เป็นไงเรานั่งยิ้มคนเดียว เพี้ยนป่าวเนี่ย"
"ก็เห็นพี่ๆ กลับมาจากบ้านบ้าง เที่ยวบ้าง ดูช่างมีความสุขเหลือเกิน"
"ก็พี่ชวนลิลแล้วนะ แต่ไม่ยอมไปกับพี่"
"ถ้าลิลไป พี่ก็อยู่กับครอบครัวได้ไม่เต็มที่สิคะ"
มันก็จริงอย่างที่ลลิลพูด เพราะถ้าลลิลไปด้วย บัวทิพย์ก็ต้องแบ่งเวลามาดูแลลลิล แต่เธอก็ยังอยากให้ลลิลไปอยู่ดี วันหยุดคราวหน้าเธอต้องพาลลิลไปให้ได้คอยดู
"อ่ะ พี่ซื้อมาฝาก"
"หูย อะไรกันคะเนี่ย มันดูน่ากินเหลือเกิน"
"ขนมชื่อดังของจังหวัดพี่เอง พี่รู้เราชอบขนมแบบนี้ เห็นแล้วคิดถึงลิล เลยซื้อมาฝาก"
ลลิลตาลุกวาวทันทีเมื่อเห็นขนมที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้า เพราะเธอเป็นคนชอบกินขนมหวาน ซึ่งบัวทิพย์ก็รู้ดี เธอจึงเลือกที่จะซื้อมาฝาก
"ให้หมดนี่เลยเหรอคะ"
"จ๊ะ"
"ขอบคุณมากค่ะ"
"เก็บๆ ก่อน มาทำงานที่เรารักกันเถอะ"
ทั้งคู่นั่งทำงานไปจนถึงเที่ยง ก็เก็บของบนโต๊ะเพื่อออกไปหาอะไรกินนอกบริษัท แต่ระหว่างที่กำลังลุกขึ้นนั้น ไนท์ก็เดินเข้ามาหยุดที่โต๊ะของลลิล บัวทิพย์กับลลิลก็หันไปมองด้วยความแปลกใจ เพราะหน้าตาที่ดูเคร่งเครียดของไนท์
"น้องลิล"
"คะพี่ไนท์ มีอะไรให้ลิลช่วยหรือเปล่า"
"พี่ว่าตอนนี้หาทางช่วยตัวเองก่อนเถอะ"
ไนท์ดูจริงจังอย่างมาก ลลิลที่สังเกตใบหน้าของไนท์ก็พอจะดูออกว่าที่ไนท์เดินมาหาเธอที่โต๊ะเนี่ย ต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ
"มีเรื่องอะไรหรือเปล่า"
บัวทิพย์ก็เป็นอีกคนที่สังเกตุท่าทางของไนท์อยู่เหมืออนกัน ด้วยความสงสัย เธอจึงเลือกที่จะถามออกไป
"เมื่อกี้คุณสโรชา มาหาคุณชานนท์ที่ห้อง พอเข้าไปในห้องฉันได้ยินทั้งคู่ทะเลาะกันอย่างรุนแรง แล้วจู่ๆเธอก็เดินกระฟัดกระเฟียดออกไป"
"แล้วเขาทะเลาะกันเรื่องอะไร"
"ไม่รู้ แต่ตั้งแต่ฉันมาเป็นเลขาให้คุณชานนท์นะ ฉันไม่เคยเห็นเขาทะเลาะกันรุนแรงแบบนี้เลย"
"แล้วมาเล่าพวกเราทำไมเนี่ย ฉันไม่อยากรู้เรื่องของยัยนั่นหรอก หมั่นไส้ ชอบทำกร่าง มาเกาะคุณชานนท์ใครๆ เขาก็รู้ มีแต่เจ้านายเธอนั่นแหละที่ไม่รู้"
"มันก็เจ้านายพี่เหมือนกันนั่นแหละ"
ไนท์ย้อนขึ้นมาทันที ทำไมเธอจะไม่รู้ ผู้หญิงด้วยกันมักจะมองออก คำพูดท่าทางต่างๆ มันแสดงออกชัดเจนอยู่แล้ว แต่เจ้านายของเธอจะตาบอดไปถึงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
"แล้วไงต่อ อุตส่าห์มาถึงนี่ แค่จะมาเล่าเรื่องนี้ ไปเถอะลิลพี่หิวแล้ว"
"ยังไปไม่ได้นะน้องลิล คุณชานนท์ให้พี่มาตามไปพบ"
เมื่อได้ฟังดังนั้นลลิลรู้ในทันทีว่าเรื่องอะไร และเขาทะเลาะกันเพราะอะไร แต่เธอยังไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง เพราะคิดว่าเรื่องมันคงจบไปแล้ว เพราะหลังจากวันนั้นชานนท์ก็ไม่เข้ามาที่บริษัทอีกเลย จนกระทั่งวันนี้
"เรียกยัยลิลไปทำไม ปกติไม่เคยจะเรียก เนี่ยยัยลิลทำงานที่นี่มาจะสองปีแล้ว ครั้งแรกเลยนะที่เรียก มีเรื่องอะไรหรือเปล่า"
"ไม่รู้ ฉันนั่งทำงานอยู่ดีๆ ก็ต่อสายออกมาให้ตามลิลไปพบ"
"ตอนที่พี่ไม่อยู่ แกไปทำเรื่องอะไรไว้หรือเปล่ายัยลิล"
ลลิลได้แค่ส่ายหน้า จะให้เล่ายังไง ว่าโดนกล่าวหาว่าหว่านเสน่ห์ใส่ท่านประทาน แถมท่านประทานติดใจซะด้วย จนแฟนหึงโดนตบไปหนึ่งที พอคิดถึงวันนั้นแล้วมันตลกสิ้นดี
"รีบไปเถอะ เดี๋ยวคุณชานนท์จะโกรธเอา"
"งั้นพี่บัวไปกินข้าวพลางๆ ก่อนนะไม่ต้องรอลิล เดี๋ยวเสร็จธุระลิลจะตามไปค่ะ"
"ไปพร้อมฉันไหมพี่ ฉันก็กำลังจะไป"
บัวทิพย์หันมองหน้าลลิล จริงๆ เขายังไม่อยากไป อยากอยู่รอลลิล แต่ลลิลคงไม่ยอมแน่ บัวทิพย์เลยตัดสินใจออกไปพร้อมไนท์...
หน้าห้องทำงานที่มีประตูไม้สักแกะสลักบานใหญ่ เด็กสาวที่ถูกตามตัวมาอย่างกะทันหัน นี่เป็นครั้งที่สองที่เธอจะได้เหยียบเข้าไปยังห้องนี้ แต่วันนี้เธอดูกังวลเป็นพิเศษ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
มือน้อยๆ ที่กำอยู่พักใหญ่ ตัดสินใจเคาะประตูเพื่อขออนุญาตคนด้านใน
"เชิญ"
ลลิลเปิดประตูเข้าไป สิ่งแรกที่เห็น ทำให้เธอต้องตกใจ ห้องทำงานที่ดูเหมือนสนามรบ ข้าวของกระจัดกระจาย รวมไปถึงแจกันที่ตกแตก คงเป็นเพราะคนทั้งสองทะเลาะกันย่างที่ไนท์บอกแน่นอน
"ยืนบื้ออะไรอยู่ล่ะ"
"คะ คุณชานนท์เรียกฉันมามีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ"
"เธอเห็นอะไรมั้ย"
ลลิลไม่เข้าใจว่าที่ชานนท์ถามหมายถึงอะไร เธอจึงไม่ได้ตอบไป
"ฉันถามว่าเธอเห็นอะไรมั้ย!!!"
คราวนี้เป็นเสียงตะคอกจนเธอนั้นสะดุง อารมณ์เสียที่ทะเลาะกับแฟนเหรอ แต่ทำไมถึงมาลงที่เธอ
"เห็นอะไรคะ"
"ก็สภาพห้องนี้ไง มันเป็นเพราะเธอ"
ยิ่งฟังก็ยิ่งงง ลลิลจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เธอเจ้ามาในนี้ ก็เมื่อสี่วันที่แล้ว แล้วเธอจะเอาเวลาไหนมาพังของในห้องแบบนี้
"เพราะฉัน"
เธอทวนคำ แต่บนใบหน้าก็แขวนเครื่องหมายคำถามไว้
"ใช่ เพราะเธอ ดังนั้นเธอต้องเก็บกวาดมันให้สะอาด"
"ไม่ค่ะ แบบนี้มันก็เกินไปนะคะ เพราะฉันไม่เคยเข้ามายุ่งกับห้องของคุณเลย อยู่ๆ คุณจะมากล่าวหาว่าฉันเป็นคนทำ มันไม่ถูกต้องนะคะ"
"เธออยากฟังมั้ยล่ะ ทำไมฉันถึงบอกว่าเป็นเพราะเธอ"
"ค่ะ"ลลิลตอบสั้นๆ
"เธอทำอะไรไว้กับโรสบ้าง เธอน่าจะรู้ดี วันนั้นฉันบอกว่าฉันจัดการเองแต่เธอก็ไม่ฟัง จนโรสเข้ามาเห็นและเข้าใจผิด จนฉันกับเขาต้องทะเลาะกันนี่ไง เธอยังปฏิเสธอีกเธอว่าทั้งหมดไม่ใช่เพราะเธอ เพราะเธอคือสาเหตุ"
ลลิลหน้านิ่วคิ้วขมวดอีกครั้ง นี่มันเหตุผลบ้าบออะไร เธอไม่เข้าใจ เรื่องของเขาสองคน แต่ดึงเธอเข้าไปเกี่ยว
"คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า แฟนคุณน่ะโวยวายเพื่อกลบเกลื่อนอะไรหรือเปล่า"
ชานนท์เดินเข้ามาหาลลิลทันที
"อย่างที่โรสพูดไม่มีผิด ว่าถ้าฉันพูดไป เธอก็จะโยนความผิดให้โรสทันที แล้วเดี๋ยวเธอก็จะบอกว่าโรสมีคนอื่น ใช่มั้ย"
"ถ้าฉันบอกว่าใช่ล่ะ"
"โอ๊ย"
ด้วยความลืมตัว ชานนท์ผลักลลิลล้มลงทันที มือข้างนึงไปโดนเศษแจกันที่ตกอยู่ใกล้ๆ จนเป็นแผล
"เธอนี่มันน่ารังเกียจจริงๆ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าเธอคิดยังไงกับฉัน เธอเป็นพนักงานในบริษัทฉัน ทำไมฉันจะไม่รู้จัก แต่ที่ฉันไม่ได้ว่าอะไร เพราะเธอก็ไม่ได้มายุ่งวุ่นวายอะไรกับฉัน เพราะเธอมันแค่อากาศ"
ทำไมชานนท์จะไม่รู้ ปีนี้เขาก็ 28 ปีแล้ว เขาผ่านอะไรมาเยอะ เรื่องบางเรื่องเขาแค่สังเกต เขาก็สามารถหาคำตอบได้แล้ว แต่ที่เขาเฉยเพราะเขาไม่อยากไปยุ่งกับเธอ
"และวันนั้นที่เธอชงกาแฟเข้ามาให้ฉัน เธอก็ตั้งใจจะมายั่วฉันใช่ไหมล่ะ ทำมาเป็นพนักงานดีเด่น ขอทำโอที ทุกวันหยุด คงแค่อยากอยู่ใกล้ฉันใช่มั้ย รู้เอาไว้นะว่าฉันไม่มีวันชายตามองคนอย่างเธอหรอก"
ลลิลที่ทำได้แค่กำมือแน่นๆ ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้ปากร้ายนัก เธอทั้งเจ็บทั้งอาย แต่ที่เจ็บสุดคือหัวใจที่ให้เขาไปโดยที่เขาไม่อยากได้ แม้แผลที่มีเลือดก็ไม่เจ็บเท่าหัวใจที่โดนเหยียบ
"อ้อ จัดการในห้องนี้ให้เรียบร้อย นี่คือคำลั่ง และจำเอาไว้นะว่าหลังจากวันนี้ ห้ามเข้ามาเหยียบในห้องนี้อีกเด็ดขาด ถ้าขัดคำสั่ง ฉันจะไล่เธอออก"
ปัง!!
ชานนท์เมื่อพูดจบเขาก็เดินออกไป ทิ้งให้ลลิลที่นั่งอยู่ด้วยความรู้สึกที่จุกอก น้ำตาหยดแรกค่อยๆ หล่นลงแตะพื้น เธอรีบยกมือขึ้นมาปาดน้ำตา เธอเจ็บใจเหลือเกิน เธออุตส่าห์เฝ้าแอบมองเขา เพราะรักและชื่นชมตั้งใจให้เป็นแบบนี้ตลอดไป โดยไม่เคยคิดว่าเขาจะล่วงรู้ความรู้สึกของเธอ และไม่เพียงแค่เมินเฉย เขากลับทำเหมือนรังเกียจมัน...
หลังแต่งงานชานนท์ก็ซื้อบ้านหนึ่งหลัง เขาพาลลิลกับอคิณเข้ามาอยู่ เขาอยากใช้ชีวิตครอบครัวกับลลิลอย่างจริงจัง เขาตั้งใจจะชดเชยให้เธอและลูก วันปกติเขาและลลิลออกไปทำงาน ส่วนอคิณก็ไปโรงเรียน พอวันหยุดก็ใช้เวลาทั้งหมดอยู่ด้วยกันอย่างเช่นวันนี้"หม่าม๊าฮะ เมื่อไหร่จะมีน้องให้คิณฮะ"อคิณวิ่งเข้าไปหาลลิลที่กำลังทำกับข้าวอยู่ในครัว เธอวางมีดลงก่อนจะย่อตัวลงมาหาลูกชาย ลูกชายของเธอเป็นแบบนี้มาสักพักแล้ว ตั้งแต่เริ่มไปโรงเรียน อคิณมักจะกลับมาบอกว่าอยากมีน้องสาวเกือบทุกวัน"ใครใช้ให้มาถามครับ"ถึงยังไงเธอก็ไม่ไว้ใจ เพราะคิดว่าชานนท์ต้องสอนลูกให้พูดแน่ๆ"คิณถามเองฮะ คิณอยากมีน้องผู้หญิง หม่าม๊าเอาน้องให้คิณได้มั้ยฮะ""ถ้าคิณเป็นเด็กดี หม่าม๊าจะมีน้องให้นะ""ฮะ คิณจะเป็นเด็กดี"เมื่อได้ยินคนเป็นแม่รับปาก อคิณจึงวิ่งออกไปยังห้องนั่งเล่น ที่มีพ่อนั่งรออยู่"เป็นไงครับ ขอน้องจากหม่าม๊าได้มั้ย""หม่าม๊าบอกว่าคิณต้องเป็นเด็กดี หม่าม๊าถึงจะมีน้องให้""งั้นคิณต้องไม่ดื้อไม่ซนนะครับ""ฮะ""เดี๋ยวคืนนี้ป่าป๊าทำน้องให้เลย""เย้ๆ คิณจะมีน้องไปอวดเพื่อนที่โรงเรียนแล้ว"ลลิลที่แอบตามลูกชายออกมา เธอแอบยืนฟังพ่อลูกค
สามวันที่ผ่านมาลลิลไม่ค่อยสบายใจนัก เพราะตั้งแต่วันนั้น ลลิลก็ไม่ได้พูดคุยกับชานนท์อีกเลย กว่าเธอจะกลับจากบริษัทก็ดึกแล้ว และทุกครั้งที่ไปเยี่ยมชานนท์ เขาก็จะหลับก่อนทุกครั้งบรรยากาศในงานคืนนี้ดูจะคึกคัก ทุกคนต่างก็แต่งตัวด้วยชุดสวยตามสไตล์ของตัวเอง รวมไปถึงลลิลที่วันนี้เธอแต่งหน้าเข้มกว่าปกติเพราะเธอต้องขึ้นแสดง ทำให้เธอดูเฉี่ยวคม ตอนนี้เธอรออยู่หลังเวทีเพื่อแต่งตัว"หม่าม๊าอยู่ไหนฮะ"เด็กน้อยที่ตามมาทีหลังพร้อมกับลุงและอา เพราณิชาอาสาไปรับหัสดินกับอคิณที่บ้าน เด็กน้อยเมื่อมาถึงก็ชะเง้อคอ หันซ้ายหันขวา หาแม่ของเขา"หม่าม๊าแต่งตัวอยู่""จะไปหาหม่าม๊า""อยู่กับอาณิก่อนนะ เดี๋ยวหม่าม๊าออกมา""อยากไปหาหม่าม๊าฮะ"หัสดินที่ยืนอยู่ข้างๆ จึงหันไปหาหลาน"ใครอยากกินขนมอร่อยๆ บ้าง""คิณฮะ"หัสดินจึงอุ้มอคิณมาจากมือของณิชา เพื่อพาหลานไปโซนอาหารและเครื่องดื่ม"คุณนี่เลี้ยงเด็กเก่งนะคะ""ไม่ทุกคนหรอกครับ กับเด็กคนอื่นผมไม่รู้ว่าต้องรับมือยังไง แต่กับอคิณผมรู้จักแกดี เลยรู้ว่าต้องหลอกล่อยังไง"ทั้งคู่พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน เพราะครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจอกัน จึงไม่แปลกที่จะทำความรู้จักกันเ
ในตอนดึกของคืนเดียวกัน ชานนท์รู้สึกตัวขึ้นมา เขารู้สึกเจ็บแปลบๆ ตรงบริเวณใต้ซี่โครงด้านซ้าย เขามองเห็นเพดานของโรงพยาบาล จึงทำให้นึกได้ว่าเขาโดนแทงมาชานนท์พยายามดันตัวลุกขึ้น แต่มือกลับไปสัมผัสใครคนหนึ่ง เมื่อเขาหันมองปรากฏว่าเป็นลลิล เพราะความเหนื่อยล้าสะสมมาตั้งแต่เมื่อคืนทำให้ลลิลเผลอหลับไป เขาอยากจะอุ้มเธอขึ้นมานอนด้วยกัน แต่ประเมินจากความแสบที่แผล เขาไม่น่าจะอุ้มเธอไหวชานนท์รู้สึกดีใจ ที่ลลิลยอมมาเฝ้าเขาที่โรงพยาบาล แม้จะอยากพูดคุยกับเธอเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่อยากรบกวนเธอ เขาจึงนอนนิ่งและได้แต่เอามือลูบศรีษะของเธอเบาๆ เธอจึงขยับหันหน้ามาทางหัวเตียง ทำให้เขาสามารถเห็นหน้าของเธอได้ชัดเจน เขาจึงใช้นิ้วเกลี่ยไรผมให้เธอ แล้วลากนิ้วไปตามทุกส่วนบนใบหน้าเรียวนั้น ก่อนเขาจะกลับเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้งเช้าวันต่อมา หลังจากชานนท์ตื่น เขากวาดสายตาไปรอบๆ ที่เขาคิดว่าคนตัวเล็กของเขาจะอยู่ แต่เขากลับไม่เห็นลลิล เห็นแต่น้องสาวของเขานั่งอยู่ตรงโซฟา"ณิ ลิลไปไหน""น้องลิลไปทำงานค่ะ พี่มีอะไรหรือเปล่า" เธอตอบพลางลุกเดินมาหาชานนท์"ไปนานหรือยัง""ตั้งแต่เช้ามืดค่ะ"เขารู้สึกเสียดายที่ตื่นมาไม่ทันลลิล
ลลิลเดินทางไปถึงโรงพยาบาล เธอเร่งอุ้มลูกน้อยไปยังหน้าห้องผ่าตัด สิ่งแรกที่เธอเห็นคือพี่ชายและเจ้านาย เสื้อผ้าของทั้งสองเต็มไปด้วยคราบเลือด และแน่นอนมันคงจะเป็นคราบเลือดของชานนท์ มันดูเยอะจนเธอตกใจ“พี่ดิน!!”“ส่งลูกมาให้พี่มา”หัสดินรู้ดีว่าลลิลคงไม่ไหว เขาเลยขอเด็กน้อยมาอุ้มไว้ แต่ด้วยคราบเลือดที่มีบนตัว ทำให้ลลิลเอาผ้าที่หยิบมาด้วยห่อให้ลูกชายก่อนจะส่งให้หัสดิน“พ่อดินฮะ”เมื่อถูกเปลี่ยนมืออคิณจึงรู้สึกตัว แหงนหน้ามามองคนที่อุ้ม“นอนนะครับ”เขาเอามือกดหัวหลานเบาๆ ให้ซบลงตรงไหล แล้วเอามือลูบหลัง เด็กน้อยจึงหลับลงไปอีกรอบ“คุณชานนท์เป็นยังไงบ้างคะ” เธอถามด้วยความร้อนใจ“ยังไม่รู้เลย ตอนนี้หมอยังไม่ออกมา”ขณะที่ทุกคนรออยู่หน้าห้อง ครอบครัวของชานนท์ก็มาถึงโรงพยาบาล เพราะว่ายุได้โทรไปบอกเช่นกัน“สวัสดีค่ะ”ลลิลยกมือไหว้ณัฐชา แม่ของชานนท์ เธอรับไหว้พลางจ้องมองหน้าของลลิล จนเธอต้องหลบสายตา ณัฐชาเดินเข้าไปใกล้ๆ“ใช่หนูลลิลหรือเปล่า”ลลิลจึงเงยหน้ามามองสบตาอีกครั้ง“ใช่ค่ะ”“ได้เจอตัวจริงสีกที ฟังแต่เรื่องเล่าจากปากตานนท์ ว่าแล้วต้องน่ารักมากๆ เจอตัวจริงปรากฏว่าน่ารักกว่าตั้งเยอะ”ลลิลอึ้งไป
สองวันต่อมาครบกำหนดที่ต้องออกจากโรงพยาบาลชานนท์ไม่เคยเห็นแม้แต่เงาของลลิลสักวัน เขาเริ่มใจไม่ดี เพราะบางทีความรักที่ลลิลเคยมีให้เขาอาจไม่หลงเหลืออีกแล้ว แต่ยังไงเขาก็จะพยายามจนถึงที่สุด พยายามจนได้รู้ว่ามันไม่มีทางไปแล้ว“เป็นไงมึง”วายุเป็นฝ่ายมาหาชานนท์ที่บริษัทเอง เพราะยังไม่อยากให้ชานนท์ไปเจอลลิลที่บริษัทของเขา“ปวดใจ อยากจะร้องไห้”“ใจเย็นๆ มันเพิ่งเริ่ม เราต้องใช้แผนต่อไป”วายุยังไม่เลิกล้มความตั้งใจ แผนสำรองที่เขาเตรียมไว้คือแกล้งให้ชานนท์ทำทีเป็นเมาขับรถชนฟุตบาท“เล่นแรงไปมั้ยวะ”“ไม่ลองไม่รู้”“ถ้าลลิลจับได้นี่กูตายเลยนะ”ทั้งสองคุยกันจนลืมไปว่าประตูห้องทำงานยังปิดไม่สนิท ด้วยความรีบร้อนของวายุ ทำให้คนที่กำลังเดินผ่านไปได้ยินบทสนทนาทั้งหมดหลังเลิกงานบัวทิพย์ตั้งใจไปหาลลิลที่บ้าน เพราะต้องการเล่นกับหลาน แต่อีกเหตุผลหนึ่งคือเพื่อต้องการจะเล่าเรื่องที่ได้ยินมาให้ลลิลฟัง“นี่ลิลรู้มั้ย คุณวายุเนี่ยตัวดีเลย เจ้าแผนการที่หนึ่ง วันก่อนที่พี่ไปเดินห้างกับลิลจำได้มั้ย” ลลิลพยักหน้า “วันนั้นโกหกพี่ว่าไม่สบาย พี่เลยฟาดไปหลายที แค่นี้หลอกกันแล้ว ถ้าคบกันไปล่ะ ไม่หลอกกันแบบนี้ไปตลอดเหรอ”
เข้าสู่วันที่หกสำหรับการพาครอบครัวมาพักผ่อนของชานนท์ หรือเรียกง่ายๆ ว่าการง้อเมียนั่นเอง เขาดูแลเอาใจใส่ทั้งสองคนทุกอย่าง แต่สิ่งที่เขาได้รับกลับคืนมาก็มีแค่คำว่าขอบคุณจากลลิล ชานนท์ไม่รู้เลยว่าลลิลยอมใจอ่อนให้เขาบ้างหรือยัง ถึงแม้บางทีเธอจะยอมให้กอด หรือจับมือ แต่ก็แค่นั้นจริงๆ"พรุ่งนี้เราก็จะต้องกลับกรุงเทพฯแล้วนะลิล ลิลไม่มีอะไรจะบอกพี่บ้างเหรอ"แม้ว่าลลิลจะตั้งใจไว้ว่าจะเปิดใจให้ชานนท์ พอเอาเข้าจริงๆเธอก็ไม่กล้า เธอทำได้แค่รับความรักมาจากเขา แต่เธอไม่กล้าที่จะให้ความรักของเธอไป เธอไม่รู้ว่าชานนท์รักเธอจริงๆ หรือแค่ต้องการลูก และที่ทำอยู่เพียงเพราะหน้าที่ของพ่อเท่านั้น"ไม่มีค่ะ"ชานนท์หน้าหงอยลงทันที เขาเพียงแค่อยากได้ยินคำว่ารักจากเธอบ้าง เขารู้ว่าคำพูดไม่ได้ยืนยันสิ่งที่พูดออกมาเสมอ เพราะบางคนบอกว่ารักแต่จริงๆ ไม่ได้รักก็มีเยอะแยะ แต่เขาแค่อยากจะฟังมันให้ชื่นใจ...หรือบางทีเวลาเท่านี้อาจจะเร็วไป ลลิลอาจไม่มั่นใจในคำว่ารักของเขา แต่เขาก็ยังยืนยันที่จะรอ"ลิล วันหยุดยาว เราพาลูกมาอีกนะ""คงไม่ได้แล้วค่ะ ถ้าวันหยุดยาวอีกทีก็อีกสองเดือน ถึงตอนนั้นฉันกับลูกก็กลับไปอยู่บ้านแล้ว"บ้าน







