“พี่ไม่อยากเอาเปรียบฝ้าย ถ้าวันหนึ่งฝ้ายเจอคนที่ใช่พี่จะปล่อยฝ้ายไป แต่จากวันนี้เป็นต้นไปเราจะเริ่มเรียนรู้กันไปเรื่อยๆ อนาคตมันไม่แน่นอน ถ้าฝ้ายไม่ปล่อยมือพี่ พี่ก็จะอยู่กับฝ้ายตลอดไป แต่ขอเวลาพี่หน่อยนะ เดือนหน้าคุณแม่ให้พี่ไปติดต่อขยายงานที่ต่างประเทศ ไปอยู่ตั้งเกือบสองเดือน พี่สัญญาว่าจะกลับมารับผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้น” คำสัญญาสุดท้ายก่อนที่นักรบจะหายไปจากชีวิตของแก้วกานดา มันผ่านมาเกือบปีแล้ว แต่มันยังดังก้องอยู่ในหูของผู้หญิงช่างฝันอย่างเธอ หากแต่ความเป็นจริงมันไม่เป็นอย่างฝัน
“ฝ้าย ถึงแล้ว เหม่ออะไรนักหนา” เสียงนลินดังขึ้นดึงให้แก้วกานดากลับเข้าสู่โลกความจริง
“ดูดาวอยู่จ้ะ ท้องฟ้าคืนนี้สวยดีเนอะลิน”
“อือ...แต่ตอนนี้ลินหิวมาก ไปกันเถอะ”
“จ้า” แก้วกานดาฝืนยิ้มให้กับเพื่อน หญิงสาวชำเลืองดูนักรบที่ขึ้นไปยืนบนสะพานที่ทอดยาวไปสู่ชายฝั่งก่อนแล้ว นักรบยื่นมือให้น้องสาวจับและช่วยดึงขึ้นจากเรือ
“ตามมาเร็วๆนะฝ้าย พี่รบ ลินไปก่อนล่ะ ใครถึงทีหลังล้างชามนะ”
นลินหัวเราะร่วนแล้วรีบวิ่งไปตามสะพาน แก้วกานดามองตามเพื่อนอ้าปากค้าง เมื่อหันกลับมามองสบตากับนักรบก็หุบปากฉับ มือใหญ่ยื่นมาตรงหน้า แต่แก้วกานดาลังเลที่จะรับความช่วยเหลือนั้น
“อย่าทำเป็นเล่นตัว นี่มันแค่จับมือ ผมจับล้วงฝ้ายมาทั้งตัวแล้วล่ะ ยื่นมือมาเร็วๆ” หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่น น้ำตารื้นขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ มือเล็กยื่นออกไปโดยไม่มองหน้าคนที่อยู่บนสะพาน นักรบออกแรงดึงช่วยจนแก้วกานดามาอยู่บนสะพานแล้ว แต่ทว่าชายหนุ่มก็ยังกุมมือเล็กไว้แน่น
“ปล่อยได้แล้วค่ะ” แก้วกานดาพูดด้วยเสียงแผ่วเบา
“ไม่ปล่อย รีบๆเดิน หรือจะให้อุ้มไป” แก้วกานดาสบสายตาแข็งกร้าวครู่เดียว หญิงสาวจึงเลือกที่จะก้มหน้างุด แล้วเดินตามแรงจับจูงของนักรบไปอย่างเงียบๆ ด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ความเกลียด ความกลัว และความรู้สึกดีๆที่แอบซ่อนอยู่ในส่วนลึกของหัวใจ ทำให้แก้วกานดาลอบถอนหายใจเบาๆ ต่างจากอีกคนที่แบกความเจ็บและแค้นไว้เต็มอก จนเผลอออกแรงบีบมือของหญิงสาวแรง
“อุ๊ย! คุณรบฝ้ายเจ็บนะคะ” แก้วกานดาประท้วง
“เจ็บแค่นี้มันยังน้อยไป ฝ้ายรู้ไหมว่าผมเจ็บมากกว่าฝ้ายหลายร้อยเท่านัก” นักรบหยุดเดินแล้วกระชากร่างเล็กจนเซปะทะกับร่างของตน แล้วรวบร่างของหญิงสาวแน่น
“ปล่อยฝ้ายนะ คุณไม่มีสิทธิ์มาทำร้ายฝ้ายแบบนี้”
“แล้วใครล่ะถึงจะมีสิทธิ์ ผัวคนที่สอง ผัวคนที่สาม หรือผัวคนที่ร้อย” นักรบกระซิบเสียงเครียดชิดใบหูเล็ก
“จะผัวคนที่เท่าไรก็ช่าง เรื่องของฝ้าย ถ้าคุณรบรังแกฝ้ายอีก ฝ้ายจะบอกคุณแม่ของคุณ จะบอกเจนนี่” นักรบยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้านที่แก้วกานดาเอาแม่และคู่หมั้นของเขามาอ้าง
“หึๆ...ถ้าฝ้ายกล้าที่จะประจานตัวเองก็เชิญ อ้อ...ถ้าไม่มีใครเชื่อในเรื่องที่ฝ้ายพูด ผมให้ฝ้ายยืมหลักฐานก็ได้นะ ทั้งรูปและเสียงคมชัดแจ๋วเลยล่ะ” แก้วกานดาสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ หญิงสาวเลือกที่จะเมินหน้าหนี เธอเป็นรองและเสียเปรียบเขาทุกอย่าง เมื่อต่างฝ่ายต่างเงียบนักรบจึงกระชากข้อมือของแก้วกานดาแล้วออกเดินเร็ว จนคนที่ขาสั้นกว่าแทบจะต้องวิ่งตาม
“ลิน...ฝ้ายว่าจะกลับบ้านพรุ่งนี้” แก้วกานดาในชุดนอนกระโปรงสีชมพูลายน่ารักนั่งแปรงผมอยู่หน้ากระจก หันหน้ากลับมาคุยกับนลินที่เพิ่งล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มด้วยความอ่อนเพลีย
“จะรีบกลับไปไหนล่ะฝ้าย กลับไปก็ไม่ได้ทำงาน”
“เอ่อ...”
“ไม่เอาๆ อยู่ต่ออีกสักคืน...นะๆ ไม่พูดด้วยแล้ว ห้ามกลับนะ”
“ลิน...คือ...”
“ลินง่วงมาก ปวดหัวด้วย นอนล่ะ พรุ่งนี้เราไปเที่ยวกันต่อเนอะ ราตรีสวัสดิ์จ้ะเพื่อนรัก” นลินพลิกกายตะแคงหันหลังให้เพื่อนทันทีที่พูดจบ แก้วกานดาถอนหายใจเฮือกใหญ่ แววตาบ่งบอกความยุ่งยากใจยิ่งนัก
“เธอคิดจะจับลูกชายฉันเหรอ” มันคือเสียงที่กรีดแทงลงกลางใจของแก้วกานดา เมื่อเกือบหนึ่งปีที่แล้ว จากคุณนัยนาผู้เป็นมารดาของนักรบและนลิน
“ปะ...เปล่าค่ะคุณแม่ ฝ้ายไม่ได้คิดอย่างนั้น” แก้วกานดานั่งอยู่บนโซฟารับแขกในบ้านหลังใหญ่ หญิงสาวถูกคุณนัยนาติดต่อให้เข้ามาพูดคุยในเรื่องระหว่างเธอกับนักรบ หลังจากชายหนุ่มเดินทางไปต่างประเทศเพียงแค่หนึ่งวัน
ซึ่งหลังจากวันที่เขาและเธอเจอหน้ากันบนเตียงในเช้าวันนั้น นักรบก็ปฏิบัติกับเธอราวกับว่าแก้วกานดาเป็นคนพิเศษของตัวเอง จนหญิงสาวยอมรับว่ารู้สึกดีกับเขา และเริ่มกลายเป็นความรักในเวลาไม่นาน ด้วยความใกล้ชิดและความน่ารักของแก้วกานดา นักรบเองจึงหลงรักหญิงสาวเช่นเดียวกัน ความสัมพันธ์ที่ดูเหมือนจะราบรื่นดี จนกระทั่งวันนี้ที่แก้วกานดารู้สึกว่ามันคงไม่สวยหรูอย่างที่นักรบและเธอวาดฝันไว้
“ตารบต้องดูแลกิจการของครอบครัว บริษัทของเรากำลังขยายกิจการ ตารบต้องเหนื่อยมากขึ้น เพราะการก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จ เหมือนพ่อของเขาที่จากไปแล้วทำไว้ มันหนักหนาเอาการอยู่นะ การมีคู่ครองที่เหมาะสมกันทางด้านฐานะ และสังคมจะช่วยเป็นแรงผลักดันให้ตารบประสบความสำเร็จได้ ฉันพูดอย่างนี้เธอเข้าใจใช่ไหม” แก้วกานดาสบตาของผู้เป็นประมุขของบ้าน คุณนัยนานักบริหารรุ่นใหญ่ผู้ล่วงเลยวัยหกสิบปีมาเมื่อปีที่แล้ว กำลังรอคอยคำตอบจากหญิงสาวตรงหน้า เธอรู้ว่าแก้วกานดาเข้าใจความหมายที่เธอพูด
“พี่นวดให้ฝ้ายดีกว่า” แก้วกานดายิ้มอยู่กับอกกว้างอย่างรู้ทัน ร่างของคนตัวเล็กกว่าถูกพลิกให้นอนลงบนเตียงนุ่ม นักรบทาบทับตามติดมันที สองสายตาประสานกันนิ่ง แก้วกานดายกมือขึ้นลูบไล้ใบหน้าของสามีเบาๆ “พี่ชอบเวลาฝ้ายสัมผัสตัวพี่” สายตากรุ้มกริ่มของสามีทำให้เธอรู้ความหมายของเขา มือเล็กยันแผงออกกว้างให้เขาเป็นฝ่ายนอนหงายลง เสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่และกางเกงนอนขายาวถูกถอดออกอย่างว่องไวโดยเจ้าของ แก้วกานดาขมวดคิ้วมุ่น หัวเราะกับท่าทางกระตือรือร้นของสามี “พี่ไม่อยากให้ฝ้ายเหนื่อย” นักรบยิ้มกว้างนอนรออย่างมีความหวัง ใบหน้านวลแดงซ่านเมื่อกวาดตามองเรือนกายกำยำของสามี ถึงจะอยู่กินกันมาหลายปีแล้ว แต่เธอก็ไม่ชินกับการมองเห็นเขาในสภาพเปล่าเปลือยสักที มือเล็กลูบไล้ทั่วแผ่นอกกำยำ ขณะที่สายตาจับจ้องใบหน้าหล่อคมของสามี นักรบหลับตาพริ้ม พ่นลมออกจากปากเป็นการระบายอารมณ์ร้อนแรงภายใน ที่เริ่มจะเดือดปุดๆ เพราะเกรงว่าตัวเองจะทนไม่ไหว จะต้องเป็นฝ่ายรุกเสียก่อนที่ภรรยาสาวจะสำรวจร่างของตนจนถ้วนทั่ว “อา...เลื่อนลงไ
“เห็นไหมลิน...ลูกมีความสุขกับการมีเพื่อนเล่น เราต้องจริงจังกับการผลิตน้องให้น้องนีแล้วนะ” นลินเงยหน้าสบตาสามี มือเล็กบิดสีข้างของคนตัวใหญ่เบาๆ“โอ๊ย!”“ไม่ต้องเอาลูกมาอ้างเลยนะวิน เดี๋ยวเถอะ” นลินจิกสายตามองอย่างรู้ทัน หญิงสาวสะบัดหน้าหนีผละออกจากวงแขนแกร่ง รีบสาวเท้าเดินตามลูกน้อยไป นายแพทย์ชัยชนะมองตามร่างภรรยาด้วยสายตามุ่งมั่นหลังจากมื้อค่ำที่แสนสุขของครอบครัวใหญ่ นักรบ แก้วกานดา นายแพทย์ชัยชนะ นลินและเด็กๆมารวมตัวกันที่โต๊ะไม้สักตัวใหญ่บริเวณระเบียงหลังบ้าน ส่วนผู้สูงอายุเลี่ยงไปคุยกันอีกมุมหนึ่งของบ้าน เด็กๆส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวกันดังลั่น สลับกับเสียงหัวเราะของผู้ใหญ่ดังขึ้นเป็นระยะ“ลินทำไมไม่มีน้องให้น้องนีสักทีล่ะ ลูกคนเดียวเหงานะ”“เอ่อ...” นลินเพียงแค่อ้าปากกำลังจะตอบ สามีเธอก็แย่งหน้าที่ตอบคำถามให้ก่อน“กำลังพยายามอยู่ฝ้าย ลินไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าไร ส่วนวินน่ะพร้อมทุกที่ทุกเวลา”คำพูดของนายแพทย์หนุ่มเรียกเสียงหัวเราะของทุกคน แต่คนที่ถูกพาดพิงกลับส่งสายตาเขียวปั้ดให้สามีตัวเอง“น้องนีครับ คืนนี้นอนกับคุณยายนะลูก” นา
“ฝ้ายติดลูกค้า ช่วงนี้ที่รีสอร์ตยุ่งๆ...สวัสดีครับปกป้องสุดหล่อ” เด็กชายปกป้องยิ้มแหยๆ ก้าวมายืนข้างหน้าบิดาแล้วยกมือไหว้ผู้มาเยือนอย่างนอบน้อม“สวัสดีครับพ่อรบ” นักรบยื่นมือใหญ่ไปยีศีรษะเล็กของเด็กชายเบาๆ เด็กหญิงคนเดียวท่ามกลางหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ ก้าวมายืนเคียงข้างบิดา จ้องมองลูกชายของเพื่อนพ่ออย่างข่มเต็มที่“เข้าไปในบ้านกันเถอะน้องปองเพิ่งกินนมเสร็จพอดี” ประณตเดินนำหน้าทุกคนเข้าไปในบ้าน เด็กชายธงรบจับมือบิดาเดินเข้าไปบ้านไปแล้ว“เดี๋ยวสิน้องป้อง” เด็กชายปกป้องหยุดการก้าวเดิน แล้วหันกลับไปมองคนที่เรียกตนเองด้วยสายตาไม่พอใจ“ป้องไม่ใช่น้องใคร ป้องเป็นพี่” คนถูกเรียกน้องแสดงความไม่พอใจออกมาทั้งหน้าตาและน้ำเสียง โดยไม่ปิดบัง เด็กหญิงแก้วกัลยายิ้มเยาะ“คุณพ่อบอกว่าป้องเกิดทีหลังนับหนึ่งตั้งสองวัน ป้องต้องเรียกนับหนึ่งว่า...พี่นับหนึ่ง” เด็กหญิงผมเปียยิ้มอย่างผู้ชนะ“คุณพ่อบอกว่านับหนึ่งเป็นคู่หมั้นของป้อง โตขึ้นนับหนึ่งต้องมาเป็นแฟนของป้อง นับหนึ่งนั่นแหละต้องเรียกป้องว่าคุณแฟน” เด็กชายตัวน้อยตอบโต้กลับ สบตาดวงตากลมโตอย่างเหนือกว่า“ไม่
“นับหนึ่งไม่ได้เล่นนะ นับหนึ่งกำลังช่วยคุณตาปลูกดอกกุหลาบแปลงใหม่อยู่” เสียงเจื้อยแจ้วบ่งบอกว่างอน ทำให้ผู้เป็นพ่อหัวเราะในลำคอ“ตัวเล็กแค่นี้ขยันจังเลย สงสัยพ่อต้องมีรางวัลให้ซะแล้ว” เด็กหญิงตาโตเมื่อได้ยินคำว่ารางวัล“รางวัลอะไรคะ” นักรบยิ้มส่ายศีรษะ“ยังไม่บอก จนกว่านับหนึ่งจะไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่สวยๆ” หรี่ตามองบิดาอย่างชั่งใจ“ก็ได้ค่ะ” ร่างเล็กดิ้นลงจากอกบิดา แล้ววิ่งเข้าบ้านไปทันที แก้วกานดาอุ้มลูกชายตัวเล็กอายุสามขวบเดินออกมาจากในบ้าน สวนทางกับเด็กหญิงแก้วกัลยาที่วิ่งปรู๊ดเข้าไปบ้านพอดี“โกหกอะไรนับหนึ่งอีกล่ะคะ ถึงได้ยิ้มหน้าบานขนาดนั้น” นักรบรับเด็กชายธงรบมาอุ้มไว้ แล้วโอบร่างภรรยาไว้หลวมๆ ริมฝีปากหยักได้รูปจุมพิตที่ขมับของคนร่างเล็กหนักๆ“ไม่ได้โกหกสักหน่อย พี่ว่าจะพานับหนึ่งไปเยี่ยมน้องปองที่ไร่ปรานี ฝ้ายไปด้วยกันนะ” ปิ่นหล้าภรรยาของประณตเจ้าของไร่องุ่นใกล้เคียงกันเพิ่งคลอดบุตรสาวคนเล็ก นักรบจึงอยากไปเยี่ยมตามประสาเพื่อนกัน“วันนี้มีกรุ๊ปทัวร์คุณหมอเพื่อนของวินมาค่ะ พี่รบจำไม่ได้เหรอ ถ้าฝ้ายไปด้วยใครจะดูแลลูกค้าล่ะคะ” หลังจาก
“จ้า...ฝ้ายก็ต้องดูแลตัวเองด้วยนะ อาไปก่อนนะนับหนึ่ง” นลินก้มลงคุยกับหลานที่ยังอยู่ในท้องของแก้วกานดา“ฝากดูแลลินด้วยนะหมอวิน” นักรบหันไปฝากฝังน้องสาวกับว่าที่น้องเขย นายแพทย์ชัยชนะยิ้มพยักหน้ารับ“เป็นหน้าที่ของผมออยู่แล้วครับพี่รบ” นลินตวัดสายตามองคนพูดอย่างหมั่นไส้ ช่างสรรหาคำพูดมาทำคะแนนเหลือเกิน คนที่ถูกหมั่นไส้ตีคิ้วยิ้มด้วยแววตาเป็นประกาย จนนลินต้องเป็นฝ่ายหลบสายตาเอง“ขับรถดีๆนะวิน” แก้วกานดาโบกมือลาเพื่อนด้วยรอยยิ้ม“เราต้องแต่งงานกันเดือนหน้านะลิน” หลังจากรถแล่นออกจากประตูรั้ว นายแพทย์ชัยชนะก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ลินรู้แล้ว วินจะย้ำอะไรนักหนา”“ก็ย้ำเพื่อให้ลินรู้ว่าห้ามบ่ายเบี่ยงอีกเด็ดขาด”นลินเบี่ยงตัวหันมามองหน้าคนขับรถ คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น นายแพทย์ชัยชนะยิ้มกว้าง หันหน้ามาสบตาคนนั่งข้างแวบหนึ่ง แล้วหันกลับไปตั้งใจขับรถต่อ“คืนที่ผ่านมา มันเป็นช่วงที่ร่างกายของลินพร้อมตั้งครรภ์ที่สุด และวินก็ตั้งใจทำเต็มที่ ไม่แน่นะว่าลูกของวินอาจจะอยู่ในท้องของลินแล้วก็ได้”นลินอ้าปากค
“อื๊อ...พี่รบ” แก้วกานดาประท้วงเสียงพร่า“รู้ไหม...นอกจากพี่จะเป็นตาแก่ขี้หวงแล้ว พี่ยังเป็นตาแก่หื่นกามจอมอึดด้วยนะ” เสียงทุ้มกระซิบริมหูเล็ก แก้วกานดายิ้มหวานพลิกร่างนอนหงาย“จะอึดแค่ไหนกันเชียว...ขี้โม้” คนตัวเล็กไม่ยอมลดราวาศอก บังอาจท้าทายคนตัวโต“พี่ถือว่าเป็นสาส์นท้ารบ นักรบอย่างพี่ไม่มีวันถอยทัพแน่ ถ้าศัตรูไม่พ่ายทัพแตกหนีไปเสียก่อน และถึงจะพ่ายทัพแตกกระเจิง พี่สาบานว่าจะรุกไม่ให้ได้หายใจหายคอกันทีเดียว หึๆ” คำพูดของสามีทำให้แก้วกานดาใจสั่น รู้แน่ว่าเขาคิดเป็นจริงเป็นจัง หญิงสาวจึงหวีดร้องเบาๆ เมื่อร่างเล็กของตัวเองถูกจับลอกคราบอย่างรวดเร็ว“พี่รบขา ใช้แผนการรบแบบละมุนละม่อมนะ ห้ามใช้แผนการรบขั้นรุนแรง ลูกอยู่ในนี้นะคะ” แก้วกานดาเตือนสติสามี“ครับผม” รับคำเรียบร้อย นักรบก็ไม่ปล่อยให้ภรรยาได้ทันตั้งตัว เขาจู่โจมรุกหนักด้วยการมอบจุมพิตที่เร่าร้อน มือใหญ่ลูบไล้ไปตามร่างนุ่มนิ่มอวบอิ่ม หยุดทักทายบีบเคล้นอกอวบสลับกับการคีบเม็ดสีหวานเบาๆ ริมฝีปากร้อนเคลื่อนที่ช้าๆดื่มด่ำกับผิวเนียนหอมกรุ่นทั่วร่างอย่างหลงใหล“เมียพี่หวานที่สุด น่ากินไปทั้ง